อยากเรียนหมอ โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจดีๆนะครับ
ตั้งกระทู้ใหม่
ตามไปอ่านประสบการณ์ตรงได้ตามลิงค์ครับ
http://docjin.wordpress.com/
ผมเป็นหนึ่งในคนที่ถ่ายรูปและเล่าประสบการณ์เล่านี้ลงเว็บไซต์ เผื่อเป็นอุทาหรณ์และใช้ประกอบการตัดสินใจครับ และ ณ วันนี้ (15.4.2013) มีนักเรียนไทยหลายคนที่ได้ไปเรียนที่จีนตามโฆษณาชวนชื่นของเอเจนซี่ ได้ลาออกจากที่ประเทศจีน หลายคนให้เหตุผลตรงกันว่าการเรียนการสอนที่นั่นแย่มาก และทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เอเจนซี่โฆษณาไว้
อีกไม่นานพวกผมจะรวบรวมประสบการณ์จากหลายๆคนมาเขียนลงเว็บให้อ่านกันครับ
อันนี้เป็น feedback จากทางแพทยสภาหลังจากที่พวกผมนำเรื่องไปแจ้งครับ
http://www.tmc.or.th/detail_news.php?news_id=632&id=1
http://www.tmc.or.th/detail_news.php?news_id=631&id=4
33 ความคิดเห็น
ผมเป็นคนอีกคนที่ไปเรียนที่จีนครับ  ผมมายืนยันประสบการณ์ของจขกท. และมีที่อยากเพิ่มเติมคือ
1. เรื่องการเรียนการสอนในห้องเรียน  หลายครั้งที่พบว่าสกิลภาษาอังกฤษของผู้สอนนั้นยัไม่ดีพอที่จะสอน "ในระดับมหาวิทยาลัย" สมมติว่า  คุณเรียนใน้องแล้วไม่เข้าใจ  แล้วต้องการไปถามอาจารย์เพื่อให้เขาอธิบายให้  เขาก็จะอธิบาได้แค่พูดสิ่งที่เคยพูดไปแล้ว  ไม่สามารถอธิบายในเชิงลึก หรือใช้ถ้อยคำอื่นได้
2. การสอบ  ผมพบว่าหลายวิชา  ทีการแจกโพยก่อนสอบ "โดยอาจารย์ผู้สอนเอง" บอกว่าเป็นแบบฝึกหัดทบทวน  แต่ปรากฏว่าข้อสอบก็ออกตามนั้นเกือบหมด  ถ้าคุณสอบตกและซ่อม  ก็จะใช้ข้อสอบเดิม  เรื่องนี้ผมรับไม่ได้มากๆ เพราะการที่คุณเรียนหมอ  คุณต้องสอบใบประกอบ  และคุณจะมีปัญหาเมื่อถึงตอนนั้น
3. อีกอันคือ เรื่องการฝึกงานหลังจากที่จบไปแล้ว  การเรียนแพทย์ต่างประเทศ  จบแล้วุคุณจะสอบใบปรกอบฉบับที่สามเลย  แบบจบเมืองไทยไม่ได้  ต้องทำงานก่อน 1 ปี จะทำงานที่ไหนก็แล้วแต่  ผมไม่แน่ใจว่าทางมหาวิทยาลัยจะสามารถหาที่ทำงาน 1 ปี ให้คุณรึป่าว  เพราะคุณเรียนจบจนได้ใบปริญญาไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว  คุณอย่าคิดว่ามหาวิทยาลัยเมืองนอกสบายๆ เหมือนเมืองไทย
ส่วนการจะกลับมาฝึกเมืองไทยแทบเป็นไปไม่ได้  เพราะที่ฝึกงานไม่เพียงพอ มีน้อยกว่าจำนวนคนที่ต้องการกลับมาฝึก 4-5 เท่า  อันนี้ผมพูดถึงที่สำหรับรองรับคนที่ไปเรียนแพทย์ต่างชาติและต้องการกลับมาฝึก
มันยังมีข้อจำกัดอีกเยอะ  นอกจากที่กล่าวมา
พวกผมคือนักเรียนที่เสียเวลาหลายปีในชีวิตไปที่โน่นจึงอยากมาเตือนน้องๆ  ซึ่งตอนนั้น ผมก็อารมณ์นี้แหละ  สอบเมืองไทยไม่ติด  แล้วน่ามืดตามัวอยากเรียนหมอมาก  จึงไปตามคำของเอเยนซี่
สวัสดีค่ะ เราก็เป็นคนนึงที่ตัดสินใจผิด มาเรียนที่นี่อยากเล่าประสบการณ์ให้ฟังเหมือนกัน ไม่อยากให้ใครต้องมาเจออะไรแบบนี้แล้ว
ประเด็นแรกที่มีปัญหาสำหรับเรานะคือ ภาษาของอาจารย์ผู้สอน อาจารย์พูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดีเท่าที่ควร อาจารย์ไม่สามารถพูดภาษาทางการแพทย์ได้อย่างลึกซึ้ง บางทีคิดคำพูดภาษาอังกฤษไม่ออก ก็พูดภาษาจีนออกมา แล้วถามนักเรียนในห้องว่าอันนี้ภาษาอังกฤษใช้คำว่าอะไรนะ แบบนี้อะ งงมาก อาจารย์พูดออกมาเรายังไม่แน่ใจเลยว่าเค้าเข้าใจภาษาอังกฤษที่เค้าพูดสอนเรารึเปล่า เวลามีคำถาม ไปถามอาจารย์ บางครั้งอาจารย์ยังไม่เข้าใจคำถามของเรา เค้าสามารถตอบได้แค่สั้นๆ อธิบายเราจนเข้าใจไม่ได้ เราเลยหยุดถาม หันกลับมา อ่านเอง ท่องเอง อ่านหนังสือประกอบกันหลายๆอย่าง บอกตามตรงว่าเหนื่อยมากค่ะ  แต่ก็บอกกับตัวเองว่า เปลี่ยนไม่ได้แล้วนะ เลือกแล้ว ถึงการเรียนปีนี้ เราอ่านๆสไลด์พบว่าที่อาจารย์สอน บางครั้ง เหมือนก้อปๆมาจากหนังสือ หรือไม่ก็เว็บไซด์ มาทำให้เราเรียนเราท่อง นี่มันก็ไม่แฟร์สำหรับเรานะบางที กับความรู้วิชาแพทย์ที่เราควรได้รับ
ประเด็นที่สองนะ เรื่องการฝึกงานที่ยังมาไม่ถึงในปีสี่ปีห้า
คุยกับรุ่นพี่มานะ ตัวเราเองยังไม่ถึง อยากเล่าประสบการณ์ที่รุ่นพี่เจอ คือแบบ รุ่นพี่บอกว่าไปฝึกงานในโรงบาลต้องใช้ภาษาจีนทั้งหมดในระดับที่เราสามารถคุยกับคนไข้ พยาบาล หมอเองได้หมดเลย ซึ่งรุ่นพี่ก็เก่งภาษาจีนนะ แต่ยังไม่ถึงขั้นแบบรู้ทุกส่วนทุกโรคที่มีเป็นภาษาจีน เข้าใจประเด็นนี้ปะ  ทำให้ตอนนี้อะ เค้าได้แต่ยืนดูเฉยๆทั้งๆที่อยู่ปีสี่ปีห้าเราอะ เฮ้ย ฟังแล้วเหนื่อยนะ ก็เลยต้องหาทางออกไปฝึกที่ต่างประเทศอีกตอนปีสุดท้าย อย่างนั้นแปลว่า เราต้องได้ภาษาอังกฤษระดับเทพถูกปะ บอกตามตรงนะ มาเรียนที่นี่อะ เพื่อนคนไทยก็เยอะนะ การที่เราจบ ม.ปลายที่ไทยมา แล้วจะฝึกภาษาอังกฤษมันก็ลำบากเหมือนกันถ้าเทียบกับการที่เราไปเรียนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ แล้วจะทำไงต่ออ่ะ ลองมองๆดู
ประเด็นที่สาม เรื่องข้อสอบ
คือทุกเทอมอะ อาจารย์จะมีแนวข้อสอบใส่ไว้หลังสไลด์คือเราว่ามันก็ช่วยได้อะ เพราะว่าจากการที่อาจารย์สอนไม่รู้เรื่อง ถ้าเค้ายิ่งไม่บอกแนวอะ เราคิดว่าเราคงสอบไม่ผ่าน อีกทั้งยังมีกฎเกณท์ประมาณว่า ถ้าสอบตกเกิน 3 วิชาซ้ำชั้นนะ แล้วข้อสอบก็ออกมาแบบยาก ลื้มอะ คือออกตามแนวนั่นแหละ แต่ว่าต้องท่องให้ได้เกือบทุกสไลด์อะ เอาเป็นว่าแบบนกแก้วนกขุนทอง เฮ้อ สงสารตัวเอง บางวิชาอะ ถึงกับขั้นแบบต้องเหมือนตามสไลด์เป๊ะๆ เพราะไม่งั้นอ่ะ คะแนนก็ต่างออกไปถ้าไม่เหมือนกับสไลด์ เพราะอาจารย์อ่านไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เขียนความหมายคล้ายกัน แล้วอย่างนี้เราจะเป็นหมอที่ประยุกต์ใช้ได้ไหม
ประเด็นที่สี่ เรื่องที่ฝึกงาน
อยากให้ทุกคนคิดไกลๆมองไปว่าเราจะฝึกงาน ยังไงที่ไหน หาลู่ทางให้กับตัวเองได้หรือยังก่อนมา
อยากแนะนำน้องหรือคนที่จะมาให้ลองสอบที่ไทยก่อนเถอะ อย่ามาเลย พี่เคยคิดว่ามาเรียนที่นี่แล้วจะได้ภาษามากกว่าคนอื่น ได้เปรียบกว่าที่ไทยนะ แต่ประเด็นของเราที่แท้จริงคือเราอยากเรียนวิชาแพทย์ไม่ใช่หรอ ถามตัวเองนะ ถ้าอยากเป็นก็ต้องฟันฝ่าความยากในการสอบเข้าให้ได้ สู้ๆเถอะนะ อดทน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเหมือนหลายๆคนที่มาที่นี่แล้วต้องกลับไป ประเมินตัวเองก่อนอันดับแรก คนเราฝันได้ และต้องอดทนเพื่อที่จะไปให้ถึงในทางที่ถูกต้องด้วย
เขียนไว้แค่นี้ก่อนละกัน
โหยย น่ากลัวมากครับ
PS. ความฝัน...สิ่งที่เราต้องการ บางที่ต้องใช้ความพยายามมากๆ ไม่ว่ากี่ปี จะเป็นหมอให้ได้ครับ
พี่ก็เคยพิมบอกในบอร์ดเด็กดีบ่อยมากเลย
เกัี่ยวกับการเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศ
เรื่องที่น่ากลัวอันดับต้นๆ คือ ภาษา
ขนาดคนไทยด้วยกัน หมอก็ไทย คนไข้ก็ไทย
ยังจะมีเรื่องสื่อสารไม่เข้าใจกันอยู่บ่อยๆ
ยิ่งชั้นคลินิคยิ่งน่ากลัวเพราะเราต้องสื่อสารกับคนไข้จริงๆ
นอกจากนั้นหากจะกลับมาเป็นหมอที่ไทย
หนูก็ต้องรู้จักโรคในแถบประเทศเราเพิ่มด้วยนะ
พวกโรคระบาดต่างๆบางที ต่างถิ่นมันก็ต่างโรคเนอะ
และก่อนจะมาเป็นหมอที่ไทยได้ แพทย์ทุกคน เน้นว่าทุกคน ไม่ว่าจะได้ปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิตจากที่ใดมาก็ตาม
ถ้าจะเป็นหมอในไทยต้องสอบผ่าน National licence ของไทยก่อน ซึ่งจะมีสอบ 3 step
ต้องผ่านทั้ง 3 step
ขอบคุณพี่ๆที่แชร์ประสบการณ์มากเลยค่ะ
มีลูกเพื่อนแม่ไปเรียน ตอนนี้ไม่รู้เป็นไง
ตอนเราท้อเราเคยคิดจะไปนะ แต่พอพี่แชร์ประสบการณ์แล้วถึงตระหนักว่ควรสู้อยู่ที่นี่ ขอบคุณพี่ๆมากค่ะ
คือว่านะ ไอ่วิชาแพทย์เนี่ย
ขนาดฟังเป็นภาษาไทยยังยากเลย
มาฟังแบบภาษาอังกฤษที่มันไม่original มันก็ไม่ได้อะไร
แถมการฝึกงานก็สำคัญ ถ้าภาษาไม่ได้
ทักษะการซักประวัติและตรวจร่างกาย เราก็ไม่พัฒนา
บ่องตง แล้วจะเป็นหมอได้อย่างไร
เราก็เป็นคนหนึ่งที่เกือบได้ไปเรียน โดยส่วนตัวเรามีเพื่อนที่ไปเรียนแพทย์ที่จีนเยอะมากกก แล้วส่วนมากเพื่อนเราก็กลับมาเรียนที่ไทย เราอาจโชคดีที่ไม่ได้ไป เพราะที่บ้านเรามีเราเป็นลูกคนเดียว =...=
ใครจะไปก็ตัดสินใจดีๆ มันก็มีส่วนดีอยู่ ส่วนเสียก็มีมากเหมือนกัน ต่างบ้าน ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม และความเข้าใจ
PS. ใครสักคนที่ไม่มีตัวตนอยู่ ณ ตอนนี้
ลืมบอกไปว่า  จุดประสงค์ที่มาพูด คือ อยากให้คนที่จะไป รู้ข้อมูลทั้งหมดทั้งหมดก่อนตัดสินใจ  ไม่ใช่รู้ข้อมูลเพียง "ด้านเดียว"  ถ้าอ่านจากหลายๆแห่ง  ฟังจากหลายๆคน แล้วยังอยากไปเรียนอยู่  ก็ไป 
เราไม่ได้ตั้งกระทู้เพื่อจะบอกว่า "เฮ้ย !! นาย  อย่าไปเรียนที่ประเทศจีนเลยนะ" มันเป็นสิทธิ์ของพวกคุณๆ อยู่แล้วในการเลือก
อยากบอกอีกอย่างว่า  ทุกอย่างเป็นอนาคตของพวกคุณ  สุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินจจริงๆ คือตัวผู้เรียน  ไม่ใช่พี่ๆ ไม่ใช่เพื่อนๆ หรือแม้แต่พ่อแม่  เพราะเวลาไปแล้ว  ผู้ปกครองก็ได้มาเจอสิ่งที่เราเจอด้วย  ถ้าเป็นไปได้  การไปเรียนต่างประเทศควรจะเห็นสถานที่เรียนด้วยตา "ตัวเอง" ก่อน
...เท่านั้นแหละ  ขอบคุณที่ทำให้กระทู้ขึ้นกระทู้แนะนำครับ ^^
เราเป็นอีกคนนึงซึ่งเคยไปเรียนแพทย์ที่มหาลัยหนึ่งในประเทศจีน โดยการสมัครผ่านเอเย่น ..
เหตุผลที่ไปตอนนั้นคือ ตอนแรกเห็นแม่บอกว่ามีลูกเพื่อนแม่สมัคร แล้วแม่ก็อยากให้เราเรียนแพทย์มาก เราจึงได้สมัครไป แล้วก็ได้ีสิทธิ์ไปเรียน ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปด้วยดี อะไรก็เรียบง่าย สบายใจ ทุกอย่างดูสวยหรู วาดอนาคตไว้อย่างดี แต่พอไปอยู่จริง ๆ กลับไม่เป็นอย่างนั้น มีปัญหามากมายที่เราจะข้ามไป จะมาเน้นเรื่องเรียนแทน
คือ ที่สำคัญคือด้านภาษา ถ้าคุณเป็นคนนึงที่อยากเรียนแต่ภาษาอังกฤษแบบพอถูไถ ขอให้พิจารณาใหม่อีกครั้ง เพราะว่าการเรียนการสอนทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ กลับเป็นสำเนียงที่ไม่คุ้นเคย ยิ่งทำให้เราฟังไม่รู็เรื่อง อาจารย์บางคนมาอ่านสไลด์ให้ฟังอย่างเดียว และบางทียังอ่านผิดอีกด้วย
และถ้าคุณเป็นคนที่ไม่เคยเรียนรู้ภาษาจีนเลย พูดไม่ได้เลย ก็เป็นการยากอีกเช่นกัน
ตอนแรกที่ไปก็หวังจะได้ภาษาเพิ่มกันทั้งนั้นแหละ เรายังพูดกับแม่เลยตอนแรกว่าก็ดีนะ ได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน คือ ไม่มีข้อเสียในการไปเลยว่างั้น
แต่เอาเข้าจริง ๆ นะ ลองคิดดูนะ นักเรียนไทยก้ไปกันเยอะ ส่วนใหญ่ก็พูดจีนกันยังไม่ได้ ก็ต้องเกาะกลุ่มกัน ไปไหนไปกัน ช่วยกัน เพราะคนที่นู้นเค้าไม่พูดภาษาอังกฤษกันเลย อยู่แต่กลับคนไทยด้วยกัน เวลาเรียนก็ไม่เจอคนจีนสักคน เพราะมันแบ่งพวกอินเตอร์ออกมาอยู่แล้ว แล้วสกิลภาษาจีนก็ไม่ได้พัฒนาเท่าไหร่ พอคุย ๆ ถูๆไถๆใช้ชีวิตประจำวันได้ แล้วภาษาอังกฤษไม่ได้ว่าจะพัฒนาอะไรมากมายกว่าเดิมเลย
ตอนที่ไปเพราะอยากได้ภาษาด้วย ไป ๆ มา ๆ ภาษากลับเป็นปัญหาหลักในการเรียนซะงั้น
ยิ่งถ้าเราจะต้องขึ้นคลีนิค อีก ขอบอกว่า จีนจ๋าาาาา ทุกอย่าง
แต่เอาจริง ๆ  ถ้าคุณคิดว่าคุณมีความพยายามอย่างมากในการฝึกฝนในตัวเอง คุณก็ตัดปัญหาด้านนี้ไป
ส่วนเรื่องวิชาแพทย์ เราไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะแต่ละมหาลัยก็ต่างกัน เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้ก็ลองถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ คนที่เค้าอยู่และเรียนอยู่ที่นั่นเองจะดีกว่า เพราะตอนนี้เราก้ย้ายออกมาแล้ว
ยังไงใครที่คิดจะไปลองศึกษาเยอะ ๆ นะ อย่าใจร้อน
เพราะเวลาจ่ายค่าเทอมที่ก็หลายแสนอยู่ คิดดี ๆ คิดเยอะ
ถามคนอื่นบ้าง อย่าฟังที่เอเย่นอย่างเดียว
เพราะเค้าทำธุรกิจ ซึ่งยังไงมันก็มาพร้อมกับการโฆษณา
คิดดีดีนะค่ะ บอกได้แค่นี้
ถ้าไปฟิลิปปินส์จะดีกว่ามั้ยครับ
หรือว่าก็แย่พอๆกัน
ตอบน้องที่ถามเรื่องฟิลิปปินส์...
พี่ตอบจากข้อมูลที่พี่หามาและฟังบอกเล่าต่ออีกทีนะ  เพราะหลังจากที่พี่ลาออกจากจีน  พี่ก็พยายามหา "ความเป็นไปได้ทั้งหมด" ในการที่จะทำให้พี่ได้เรียนแพทย์ในมหาวิทยาลัยซักแห่งในโลก
คือฟิลิปปินส์จะตัดปัญหาเรื่องภาษาที่สาม  เพราะคนปินส์สามารถพูดอังกฤษได้หมด  แต่คราวนี้คนสอนก็จะปฏิบัติโดยถือว่าผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว  การสอนจะค่อนข้างเร็วและมี discussion ในห้อง ถ้าอังกฤษไม่ถึงระดับที่ใช้งานได้จะมีปัญหามาก  (โดยส่วนตัว เราคิดว่าภาษาอังกฤษระดับที่จะใช้ในการเรียนแพทย์หลัักสูตรภาษาอังกฤษควรจะอยู่ระดับ IELTS 6.5  ((โครงการนอตติ้งแฮมของ มศว เอาตั้ง 7)) ถ้าต่ำกว่านี้จะพบปัญหาในการเรียนอย่างหนัก
ปัญหาอีกอย่างที่เราพบคือ  ในปินส์โรงเรียนแพทย์หลายแห่งกำลังจะหมดอายุการรับรองจากแพทยสภาของไทยแล้ว (อ้างอิงจาก http://www.tmc.or.th/news06_1.php )ซึ่งแว่วๆ มาว่า อาจไม่ได้รับการต่ออายุการรับรอง (ตรงนี้ข่าวลือ)
การฝึกงาน  เมื่อก่อนคนที่จบจากฟิลิปปินส์กลับมาฝึกงานโรงพยาบาลตำรวจได้  แต่ซักปีสองปีนี้จะไม่ได้แล้ว  เพราะที่ไทยก็ผลิตแพทย์เพิ่ม  แต่เพื่อนที่เรียนอยู่ที่ปินส์บอกว่า  โรงพยาบาลที่ปินส์มีเพียงพอที่จะรับนักศึกษาทั้งหมด (ข้อมูลนี้ยังไม่ได้เช็ค)
ที่ฟิลิปปินส์โรงเรียนแพทย์เข้าง่ายมาก  เข้าใจว่าแค่สมัครก็ได้เลย  แต่ตรงนี้อาจจะเป็นดาบสองคมก็ได้  เพราะที่การเข้าเรียนแพทย์ในไทยตั้งกำแพงไว้สูง  เขาทำเพื่อ "ช่วย" นักเรียน เอาคนที่เรียนไหวและน่าจะสอบใบประกอบผ่านได้เข้ามาเรียน  ถ้าคุณเข้ามาเรียนไปสองสามปีแล้วเรียนไม่ไหว  หรือเรียนจบแต่สอบใบประกอบไม่ผ่าน  เสียเวลาทั้งผู้เรียนและมหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตามเพื่อนที่เรียนอยู่บอกว่าการเรียนที่ฟิลิปปินส์นั้น "เข้ม"  แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเทียบกับที่ไทยแล้วเป็นอย่างไร  เพราะคนเรียนไทยก็ไม่เคยไปเรียนปินส์ คนเรียนปินส์ก็ไม่เคยเรียนที่ไทย  หาสถิติผ่านใบประกอบไม่เจอว่ะครับ สงสัยไม่ได้รวบรวม ><
เรียนที่เมืองไทยเถอะนะถึงจะเป็นมหาลัยเอกชนค่าเทอมค่อยข้างแพง คุณสามารถเรียนจบและสอบใประกอบผ่านทั้งสามครั้งก็เป็นหมอได้แล้ว คนไข้คงไม่ซักประวัติคุณหรอกนะว่าจบที่ไหนมา
เรียนที่ไทยเถอะครับอย่ามาเลย  พยามยามสอบอ่านหนังสือตั้งใจสอบที่ไทยให้ได้. เพราะที่นี่ภาษาจีนยาก อย่าคิดว่ามาฝึกที่นี่. ในความคิดของน้องๆตั้ง6ปี จะพูดจีนไม่ได้เลยเหรอ  พี่เป้นคนนึงบอกเลย เมื่อน้องอยุ่กับคนไทยเยอะๆน้องก้จะพูดเเต่ภาษาไทย การพัฒนาภาษาจีน อังกิด ก้ไม่ค่อยพัฒนา เเล้วบ่างที่มีภาษาประจำถิ่น เหมือน ภาษาใต้ ภาษาอีสาน ภาษาภาคเหนือ ลำบากครับบบอกตามตรง ลำบากตอนฝึกงาน ที่จะพูดกับคนไข้  ลองคิดดีๆนะคับ ชั่งใจ ถ้ามาจะพบกับปัญหาที่ัยอะมา  ตั้งใจอ่านสอบที่ไทย ดีที่สุดครับ
แพทย์เรียนเป็นไทยก็ยากละนะ
PS. P'Sun (Admission 2555 : Kasetsart Univerisity 72th)
ขอเสริมนิดนึงละกันครับ เคยมีรุ่นพี่ปี6ที่เรียนแพทย์จากฟิลิปปินส์มาฝึกงานที่ รพ.เดียวกับผม
แผนกอายุรกรรม ดูๆแล้วความรู้จะสู้กับรุ่นพี่ที่เรียนของไทยไม่ค่อยได้นะครับ
แต่ภาษาอังกฤษพี่เค้าเก่งมากมายครับ หุหุ
ปล.อาจารย์ผมเองก็พูดโดยรวมแล้วโรงเรียนแพทย์ไทยก็ยังมาตรฐานสูงกว่าโรงเรียนแพทย์ฟิลิปปินส์ครับ เพราะที่นั่นเค้าเข้าง่ายซะเหลือเกินไม่เหมือนบ้านเรา
เราเป็นคนนึงนะ ที่คิดจะไปและหาข้อมูลและศึกษามาระยะนึงแล้ว
เราเห็นกระทู้นี่บ่อยมาก บ่อยมากจนเราแอบคิดว่า นี่ตั้งมาดิสเครดิตป่ะ?
ถ้าไม่ใช่..รบกวนให้อีเมล์ส่วนตัวไว้ได้ไหมคะ คือ อยากถามเป็นว่ามันดีไม่ดีอะไรยังไง
เพราะมันมีหลายกระแสเกินไป!!!!
บางคนก้มาแชร์ประสบการณ์การไปเรียนว่า ดีมาก โอเคเลยบลาๆ
เราเลยอยากจะลองชั่งน้ำหนักดูว่า ตกลงเราควรเชื่อฟังไหน?
จะได้ตัดสินใจถูก แต่ความจริงเราก้ยื่นไปแล้วละ เสีย5000 ได้โอกาสทางเดินชีวิตเพิ่ม เราถือว่าโอเค
แต่ไอตอนจะตัดสินใจเข้าเรียนที่ต้องจ่ายหลายแสนนี่สิ ที่ต้องคิด!!
รบกวนขออีเมลของคนที่เขียนบทความนี่หรือรุ่นพี่คนไหนที่อยู่ปีสูงๆด้วยนะคะ หนูยื่น Dalian(ได้รับตอบรับแล้ว),china medical,capital medical กำลังรอผลอยู่
แล้วเรียนแพทย์ศาสตร์อินเตอร์ที่เจ้อเจียง ดีเปล่าครับ เห็นว่ามหาวิทยาลัยนี่ติดท๊อป 3 ของจีน
ตอบคุณน้องความเห็นที่ 17 นะครับ
ส่วนตัวผม  ผมพูดไว้ในความเห็นที่ 9 ว่า ที่ผมมาให้ความเห็นกับแชรประสบการณ์ที่ได้พบ  เพราะอยากให้น้องๆ ที่จะไป ได้พบและเห็นอีกด้านหนึ่ง  ของการเรียนแพทย์ในต่างประเทศ  (สำหรับที่ผมไปคือจีน) ก่อนการตัดสินใจที่จะไปหรือจ่ายค่าเทอม  เงินค่าสมัครนั้นเทียบกับ ค่าเทอม ค่ากินอยู่  หรือ เวลา  ที่กำลังจะต้องถูกใช้ไปไม่ได้เลย...
ถ้าน้องจะมองว่าเป็นการดิสเครดิต ผมก็ไม่ว่าอะไร  แต่ลองคิดกลับกันว่า  ถ้าผมมาดิสเครดิต  ผมมีจุดประสงค์อันใดถึงต้องลงทุนมาพิมพ์เล่ายาวๆ  เอาเวลามานั่งตอบข้อสงสัยน้องที่มาถาม 
แพทยสภาถึงกับขนาดออกจดหมายเตือนแปะไว้หน้าเว็บ  คิดว่าอันนี้มันบ่งบอกอะไรได้บ้าง  อยู่ดีๆ หรือมีคนมาบ่นแค่สองสามคน  แพทยสภาจะทำขนาดนี้เลยหรือไม่
อันนี้มันอาจเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตก็ได้  ไม่อยากให้ฟังแต่คนที่เป็นตัวแทน  แต่ฟังจากหลายๆที่ค่อยตัดสินใจ  พี่ชี้ปัญหาใหญ่ๆ ที่พบให้แล้ว  ก็ลองไปหาทางออกดู  ถ้าสามารถตอบโจทย์ตรงนั้นได้  ก็ยินดีด้วยครับ
เรื่องอีเมล ขออภัยครับ  พี่ไม่สะดวกที่จะให้  แต่มีอะไรมาโพสถามในนี้ได้เลย  พี่จะตอบให้ตามมุมมองและความคิดของพี่
ตอบความเห็น 18
เจ้อเจียงเป็นมหาวิทยาลัยที่คณะแพทย์มีอันดับค่อนข้างสูง (อ้างอิงจาก http://www.china.org.cn/top10/2012-06/28/content_25755878.htm )แต่ผมไม่มีข้อมูลตรงนี้ครับ  ขออภัย
ถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม  ลองขอเมลล์รุ่นพี่ที่เรียนอยู่จากเอเยนซี่ ดู  ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำเลยนะ (must do it)
แต่อย่างไรก็ตาม  ปัญหาเรื่องภาษาอะ  ผมคิดว่ามีแน่ๆเพราะเป็นประเทศเดียวกัน  เรื่องอื่นผมไม่อยากคาดเดาอะไรที่ผมไม่รู้
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?