Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

T^T เรื่องเล่าจากบ้านพักคนชรา เรื่องราวสะเทือนใจของแม่เฒ่าวัย 91 ปี

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


เรื่องเล่า จาก บ้านพักคนชรา 

เรื่องราวของแม่เฒ่าวัย 91 ปี ที่รอคอยลูกจากบ้านพักคนชราที่ไม่มีใครเหลียวแล 
อ่านจนจบให้ได้นะครับ





(คลิกฟังเพลงคลอๆไปนะคะ)
       แม่เฒ่ามีลูกชายสองคนและหญิงหนึ่งคน 60 ปีที่ผ่านมาครอบครัวแม่เฒ่าจัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกินของจังหวัด สามีของแม่เฒ่ามีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ก่อร้างสร้างตัวจากกรรมกรกินค่าแรงรายวัน โดยแม่เฒ่ารับจ้างทอผ้า อยู่ในโรงงงานแห่งหนึ่ง อดออมสะสมจนฐานะดีขึ้น สามารถสร้างหลักฐานจนมีที่ดินบ้านช่องสมฐานะ แต่สามีก็ยังทำงานหนักไม่ยอมพักหวังจะฟูมฟักลูก 3 คน ให้อยู่อุ่นกินอิ่มโดยไม่ต้องลำบาก ช่วงนั้นแม่เฒ่า เลิกท้อผ้าแล้วอยู่บ้านเลี้ยงลูก 3 คนที่อยู่ในวัยซวนไล่เรียงตามลำดับ เช้าวันหนึ่งเมื่อลูกชายคนโตอายุได้ 6 ขวบ สามีของแม่เฒ่าก็หลับไปไม่ตื่นมาร่ำลา หมอที่โรงพยาบาลบอกว่าสามีตับแข็งตายทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแตะเหล้าซักหยด แม่เฒ่าเปลี่ยนสภาพบ้านพักเปิดเป็นร้านค้าโชห่วยขายของ สารพัดชนิดอดทนอดออมเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ให้ร่ำเรียนจนจบปริญญา ครอบครัวอบอุ่นพี่น้องรักใคร่กันดี ไม่มีเค้าลางว่าจะแตกหัก ดั่งหนึ่งคนละสายเลือด 
ลูกชายคนโตแต่งงานไปกับลูกสาวเจ้าของร้านขายทองในตลาด ในชีวิตของแม่เฒ่าไม่เคยมีความสุขครั้งไหน เหมือนวันที่ลูกชายแต่งงาน สมบัติที่มีแม่เฒ่าจัดแบ่งเป็นสามส่วนให้ลูกชายคนโต เปิดร้านขายทองตามที่สะใภ้ต้องการ ปีต่อมาลูกคนที่สองแต่งสาวเข้าบ้านอีกคน แม่เฒ่ายกบ้านและที่ดินที่เปิดร้านขายของสองคูหาสามชั้นให้เป็นสมบัติของลูก ด้วยความยินดีโดยที่แม่เฒ่าขอสิทธิ์แค่อยู่อาศัย
     สองปีถัดมาลูกสาวคนสุดท้องแต่งกับข้าราชการระดับหัวหน้ากองในจังหวัด แม่เฒ่ายกที่ดินและเงินสดก้อนสุดท้ายของแม่เฒ่า รับขวัญลูกเขยด้วยความปรีดา สัตว์โลกทั้งหลายล้วนเวียนว่ายก่อเกิดเพื่อมาชดใช้กรรมเก่า สะใภ้คนที่สองเริ่มจุดประกายแห่งการแตกหัก ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านไม่เคยแม้แต่เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าว แม่เฒ่ากลายเป็นทาสในเรือนซักผ้าทำกับข้าว จัดสำรับคับค้อนตั้งโต๊ะคอยท่าสองผัวเมียกินก่อนจนอิ่ม แม่เฒ่าจึงมีโอกาสได้กินของเหลือก่อนจะ เก็บกวาดถ้วยชามไปล้าง กวาดเช็ดบ้านช่องเรียบร้อยแล้วจึงได้พักผ่อนด้วยการ เดินออกไปคุยกับเพื่อนบ้าน 
ในวัยไล่เลี่ยกัน สะใภ้สองเข้มงวดแม้แต่ของสดทุกชนิดที่ซื้อมาทำกับข้าว ต้องถามราคาแล้วยกไปชั่งน้ำหนักราคาสินค้ากับเงินทอน ที่เหลือต้องตรงกับเงินที่ให้ไปตลาด แต่แม่เฒ่าก็ไม่เคยเก็บมาเป็นอารมณ์ แล้ววันหนึ่งสะใภ้สองก็จัดระเบียบการกินใหม่หล่อนไปสั่งผูกปิ่นโต เพื่อกินกันแค่สองผัวเมียแล้วสั่งให้ผัว จ่ายเงินให้แม่เฒ่าแค่วันล่ะยี่สิบบาท ไปหากินเอาเองด้วยเหตุผลโง่ ๆ คือต้องการประหยัด แต่ลึก ๆในใจไม่ต้องการให้แม่ผัวเม้นส่วนเกิน แม่เฒ่าคิดเอาเองว่าลูก ๆ คงไม่อยากให้แม่เหนื่อย จึงน้อมรับประกาศิตลูกสะใภ้ด้วยดุษฏี สองสามวันต่อมาแม่เฒ่าก็ลืมสิ้นเพราะความรักลูก 




      หลายครั้งที่แม่เฒ่าคิดถึงลูกชายคนโตที่เปิดร้านขายทองในตลาด แม่เฒ่าจะเจียดเงินที่เก็บออมไว้ซื้อผลไม้ที่ลูกชอบติดมือไปด้วย แต่ทุกครั้งที่แม่เฒ่าเดินเข้าไปในบ้านสะใภ้ใหญ่จะมองอย่างเหยียด ๆแล้วเดินหนีเข้าห้องแอร์ปิดประตูนอนดูโทรทัศน์ สั่งคนใช้ให้คอยสอดส่องเดินตามแม่เฒ่าเธอกลัวแม่ผัวขโมยของในบ้าน จะคุยกับลูกชายนั่นก็ออกอาการไม่ว่างถามคำตอบคำเหมือนหนามตำโดนโคนลิ้นจนอ้า ปากลำบากลำบน อึดอัดแม่เกรงใจเมีย แกล้งถอดสร้อยคอทองคำเส้นโตที่ห้อยแขวนพระเครื่องราคาแพงในกรอบทองฝังเพชร พวงใหญ่ ขึ้นมาส่องทีละองค์ด้วยความเลื่อมใสและไม่แม้แต่จะชายตามองแม่เฒ่าที่นั่ง ซึมอยู่ข้างตู้ทองอย่างเดียวดาย เก้ ๆ กัง ๆ อยู่พักใหญ่ก็เดินออกจากบ้านลูกชายคนโตอย่างเหงา ๆ โดยมีคนใช้ของลูกหิ้วถุงผลไม้ตามมายัดคืนใส่มือ 




      ระหว่างทางก็แวะทักทายคนรู้จักเพื่อรักษามารยาท แต่ในใจของแม่เฒ่ามันวังเวงจนจำไม่ได้ว่าพูดคุยกับใครไปบ้างระหว่างทาง ลูกสาวคนเล็กที่แม่เฒ่าทั้งรักทั้งหวงนั่นแทบไม่ต้องพูดถึง เธอยื่นคำขาดกับแม่เฒ่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปเยี่ยม ว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหาเพราะบ้านเธอมีแขก ที่เป็นลูกน้องของผัวและพ่อค้าวานิช เข้าพบผัวของเธอเพื่อขออำนวยความสะดวกในทางธุรกิจบ่อย ๆ และผัวของหล่อนก็ค่อนข้างเจ้ายศเจ้าอย่างถ้าแม่เฒ่ารักลูกก็ควรจะต้องรักษา เกียรติรักษาหน้าตาของผัวลูกด้วย แม่เฒ่าไม่เข้าใจว่าการรักษาหน้าตาของลูกเขยนั้นต้องทำอย่างไร  แม่เฒ่ายังเคยปลื้มกับคำชมของเพื่อนบ้าน เขาว่าแม่เฒ่าวาสนาดีลูกเขยเป็นเจ้าคนนายคน แม่เฒ่าก็ได้แต่แอบปลื้มทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเป็นเจ้าคนนายคน จึงเหมือนกำแพงชนชั้นปิดกั้นระหว่างความเป็นแม่ลูก จนหนักหนาสาหัสขนาดนั้น 





       ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์ โผล่ขึ้นมารายรอบร้านค้าของลูกชายคนที่สอง 
กระทบธุรกิจของสองผัวเมียจนทรวดเซ ของขายไม่ได้มากเหมือนเก่า ที่เอาอะไรมาวางก็ขายหมด 
ปัญหา และวิกฤติการเงินในบ้านส่งสัญญาณถึงขาลง สองผัวเมียเริ่มมีงกันบ่อยครั้ง และแทบทุกครั้ง ลูกสะใภ้ก็จะฉวยโอกาสด่ากระทบแม่ผัวเป็นของแถมโดยไม่มีเหตุผลโดยที่ลูกชายก็ ไม่ออกอาการปกป้องแม่เฒ่า แต่อย่างใด... 





     12 มิถุนายน 2530 ประมาณ 3 ทุ่มของคืนโลกาวินาศ ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยพยับเมฆสลับกับเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องเป็นระยะ ๆ ครู่ใหญ่ ๆ ต่อมาสายฝนจึงโปรยปรายชุ่มฉ่ำน้ำนองไปทั่วเมือง ลูกชายลูกสะใภ้ออกไปกินข้าวนอกบ้าน ยังไม่กลับปล่อยแม่เฒ่าเฝ้าร้านค้าคนเดียว แม่เฒ่าจำได้ว่าวัยรุ่นสองคนขี่รถเครื่องฝ่าสายฝนมาจอดหน้าร้าน ขอซื้อเบียร์หนึ่งขวด แม่เฒ่ารับเงินแล้วเดินเข้าไปเก็บในลิ้นชักโดยไม่ระแวงว่า สองวัยรุ่นแอบยกลังใส่บุหรี่ที่ลูกชายสั่งมายังไม่แกะกล่อง ช่วยกันแบกขึ้นรถขี่หายไปกับความมืด 





        ก่อนสี่ทุ่มเล็กน้อยสองผัวเมียจึงขับรถกลับเข้าถึงบ้าน ช่วยกันเก็บของเข้าร้าน วางของทุกชิ้นเข้าที่ ๆ เคยวางเมื่อไม่เห็นลังบุหรี่จึงหันไปตะโกนถามแม่เฒ่า ที่กำลังจุดธูปไหว้รูปสามีบนหิ้ง เพียงคำตอบที่ แม่เฒ่าตอบว่าไม่เห็นก่อนปักธูปลงกระถางเสียงสบถด้วยคำหยาบของลูกชายก็ดัง สวนสนั่นบ้าน ครู่เดียวทั้งลูกสะใภ้กับลูกชาย ก็สลับปากจิกหัวด่าแม่ กึกก้องประสานเสียงกับสายลมนอกบ้าน ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถไปโรงพักแจ้งจับแม่ลักทรัพย์ 





     ตำรวจพาแม่เฒ่าไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวร แม่เฒ่าให้การไม่รู้ด้วยซื่อบริสุทธิ์ โดยไม่ตัดพ้อต่อว่าลูกชาย แม้แต่คำเดียว กว่าชั่วโมงในห้องแอร์เย็นเฉียบ แต่ในอกในใจของร้อยเวรหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนถูก ไฟนรกแผดเผา ที่ต้องวิงวอนสองผัวเมียให้เห็นบาปบุญคุณโทษ แต่สองผัวเมียกลับโยนภาระตอกย้ำ ให้ตำรวจอบรมแม่เฒ่า ก่อนที่จะสะบัดก้นกลับไปบ้าน โดยไม่ใส่ใจแม่เฒ่าที่เปียกฝนนั่งสั่นสะท้าน ด้วยความหนาวเหน็บ สายฝนยงสาดซัดกระหน่ำหนักเหมือนฟ้าแตก ตำรวจยศนายดาบขับรถร้อยเวร มาส่งแม่เฒ่าที่บ้านบ้านซึ่งประตูเหล็กถูกปิดสนิท
     แม่เฒ่าลงจากรถเดินฝ่าฝนถึงหน้าบ้าน แล้วแม่เฒ่าก็ตกใจสุดขีดกับภาพเบื้องหน้าที่พื้นหน้าบ้าน เสื้อผ้าเก่า ๆ ยัดแน่นอยู่ในถุง ถูกโยนออกมากองเรี่ยราดเหมือนขยะ บนกองเสื้อผ้าของแม่เฒ่า กระถางธูปและรูปถ่ายของสามีแตกกระจายเกลื่อนกราด หยาดฝนสาดซัดรูปถ่ายขาวดำของสามีจนเปียกปอนขาดวิ่น แม่เฒ่าก้มลงหยิบรูปของสามีมากอดแนบอก น้ำตาแห่งความรันทดทะลักล้นปนน้ำฝน ปวดร้าวเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจ แม่เฒ่ากอดรูปนั้นไว้เหมือนจะปกป้องจากสายฝนสุดชีวิต สองเท้าออกก้าวช้า ๆ เหมือนร่างไร้วิญญาณเข้าตลาดไปหยุดนิ่งอยู่หน้าร้านขาย ทองของลูกชายคนโตเหมือนเป็นการบอกลาแล้วลัดเลาะฝ่าความมืดและสายฝน ไปยืนอยู่หน้าบ้านลูกสาวคนเล็กเก็บภาพแห่งความรักความทรงจำสุดท้ายเป็นครู่ ใหญ่ จึงเดินจากไปท่ามกลางเสียงกึกก้องของฟ้าร้องระงม สลับกับเสียงฟ้าผ่าแน่นหนักเป็นระยะ ดั่งเจ้ากรรมนายเวรกำลังเร่งรีบกรีดนิ้วกัปนาทบรรเลงเพลงกรรมในอดีตชาติ ติดตามมาทวงคืนให้แม่เฒ่าต้องชดใช้อย่างบอบช้ำยับเยิน 





     รถกระบะเก่า ๆ คันนั้นวิ่งฝ่าสายฝนมาจอดสงบนิ่งอยู่หน้ากุฏิพระของสมภารเจ้าวัดตอนตีสามเศษ ๆ คนขับรถพบแม่เฒ่าเดินโซซัดโซเซอยู่ข้างถนนเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ด้วยใจเมตตา เมื่อแม่เฒ่าต้องการมาที่นี่ จึงขับรถมาส่งด้วยความสังเวช แม่เฒ่ามักคุ้นกับสมภารวัดนี้มานานแล้วตั้งแต่เจ้า อาวาสองค์เก่ายังอยู่ แล้วนาทีสุดท้ายของการตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิต จึงไม่มีที่ไหนอบอุ่นให้พึ่งพิง เหมือนร่มเงาฉัตรแก้ว กงธรรมแห่งรัตนทั้งสาม  ฟ้าเริ่มขมุกมัวใกล้ค่ำลงทุกขณะ ผมจำเป็นต้องบอกลาท่านสมภารและแม่เฒ่าเจ้าของเรื่องราวน่าสลด นับแต่นาทีแรกที่แม่เฒ่ามาถึงที่นี่จนวันนี้ แม่เฒ่าไม่เคยออกไปนอกวัดเหมือนๆ กับทีทรพีทั้งสามคนก็ ไม่เคยออกติดตามถามหา จะรู้หรือไม่ก็แล้วแต่ว่าแม่ซมซานมาอยู่วัด แต่ก็ไม่เคยปรากฏแม้แต่เงาของสามเนรคุณ  ผมลากลับออกมาทั้งที่น้ำตานองหน้า 

และนี่คือประโยคสุดท้ายที่แม่เฒ่าเอ่ยก่อนผมลากลับ.. 

"แม่ จำลูกได้ทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนโต จะทุกข์จะสุขก็คือลูกของแม่ แม่ให้โดยไม่เคยวาดหวังจะได้จากลูกทุกคน เป็นการตอบแทน ลูกเอ๋ย...เมื่อลูกยังเป็นทารกทุกครั้งที่แนบอกดูดดื่มน้ำนมจากเต้า สองมือน้อย ๆ ของเจ้าไขว่คว้าอยู่ไหว ๆ วันนี้แม่สิ้นแรงแทบสิ้นใจจะมีมือของลูกคนไหน เอื้อมมาปิดตาให้แม่ก่อนสิ้นลม....." 



เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อน  ถึงแม้ว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว แต่หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนที่ดีให้กับทุกๆคนนะคะ




กระทู้แนะนำจ้า



บุรุษที่คุณจะต้องทึ่ง!!! เฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ เจ้าของเพลง " We Are The Champions " ที่ทุกคนคุ้นหู ( มาฟังฉบับของแท้กัน )





แนะนำการ์ตูนดีๆจ้า
HORIMIYA

    โฮรินักเรียนสาวสวยที่เป็นขวัญใจของเพื่อนๆในโรงเรียนกลับมีตัวตนอีกด้านเมื่ออยู่นอกโรงเรียน   เธอจะต้องเป็นแม่บ้านที่ต้องทำงานบ้านเองทั้งหมดรวมถึงการดูแลน้องชายมาตั้งแต่ยังเด็กเนื่องจากพ่อแม่ที่มีงานยุ่งตลอดเวลา   ทำให้เธอไม่มีโอกาสได้เที่ยวเล่นเข้าสังคมกับเพื่อนคนอื่นๆ    วันหนึ่งเธอได้พบกับ มิยามุระ   หนุ่มแว่นที่เงียบและดูมืดมน แต่เมื่อโฮริได้รู้จักเขากับมากขึ้นก็พบว่าเขาไม่เหมือนกับที่คาดไว้เลยซักนิด เนื่องจากเขาก็เป็นอีกคนที่มีตัวตนนอกโรงเรียนต่างจากตอนอยู่ในโรงเรียนอย่างสิ้นเชิง

HORIMIYA(คลิกเลยๆ)




แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 เมษายน 2556 / 09:51
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 18 เมษายน 2556 / 09:54
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 18 เมษายน 2556 / 10:34
แก้ไขครั้งที่ 4 เมื่อ 18 เมษายน 2556 / 23:01

แสดงความคิดเห็น

87 ความคิดเห็น

박 상 재 ~ 18 เม.ย. 56 เวลา 11:52 น. 5
เเม่เป็นบุคคลที่รักเราไม่ว่าเราจะเป็นเเบบไหน
ไม่ว่าจะได้ดีหรือตกยากเเค่ไหน
เเม่ก็จะคอยอยู่ข้างเราเสมอ
ขอให้คนพวกนี้มีลูกออกมาเเล้วลูกทำเเบบนี้กับตนเหมื่อนที่เคยทำ
จะได้รู้ว่ามันรู้สึกยังไง!!!

ลูกนิสัยเเย่มาก

ขนาดลูกหมายังรักเเม่มันเลย นี่เป็นคนซะอย่าง
ไม่มีจิตสำนึกเลยรึไง


ปล ใส่อารมณ์มากไปหน่อย เห็นลูกทรพีเเล้วรับไม่ได้! ถ้าเม้นนี้รกก็ขออภัยจ้า ^^



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 เมษายน 2556 / 11:56

PS.  . . . . .
0
ไอ่ถั่วงอก 18 เม.ย. 56 เวลา 12:33 น. 6

เราอ่านจบน้ำตาคลอเลยอะ เจ็บคอด้วย
แม่ม! ลูกทรพี ชาตินี้ไม่มีทางเจริญ!
ปล.ใส่อารมณ์เยอะไปหน่อย


PS.  ผู้เบี่ยงเบนทางเพศไม่ได้ผิดอะไร แต่คนที่เกลียดพวกเขาทั้งที่ไม่รู้จักนั้นแหละผิด!
0
Mocca ^o^/ 18 เม.ย. 56 เวลา 18:09 น. 8

...//มองซ้ายมองขวา ก่อนจะกระโจนหาแม่ /แม่จ๋าาา~
ปล. ว่ากันตามตรงนะ เค้าร้องไห้ T^T


PS.  “เงินไม่ใช่ทุกอย่าง เพราะมันยังมีCreditด้วย!!!”
0
บะหมี่ใส่ไข่_กุ๊งกิ้ง~ก๊องแก๊ง~ 19 เม.ย. 56 เวลา 09:39 น. 12
เดี๋ยวพอพวกมันมีลูก...

มันก็จะได้รับผลกรรม...

เหมือนที่พวกมันทำกับแม่ไว้นั้นแล...

ตกนรกก็ตายไปเป็นเปรต...

เพราะสวรรค์ไม่มีที่ให้กับลูกทรพีหรอก...


[ขออนุญาติหยาบนิดนึงนะค่ะ]

PS.  น้ำตาของทุกคนนั้นมีค่า...มูลค่ามากน้อย...ขึ้นอยู่กับเหตุผล...น้ำตามันเป็นที่ระบายอารมณ์...ไม่ใช่สิ่งโสมน...เพราะมันคือ'น้ำตา'....
0
Hongyok kkkk' 19 เม.ย. 56 เวลา 11:11 น. 14

น้ำตาไหตอนประโยคสุดท้าย...
ทำไมลูกถึงทำกับแม่ได้เช่นนี้...


PS.  ชีวิตนี้ไม่มีวันเรียนจบเพราะมีสิ่งให้เรียนรู้ตลอดเวลา
0
white_valansia 19 เม.ย. 56 เวลา 11:33 น. 15

เชื่อว่าถึงจะมีเมียคอยยุยง ต้องตามเมียตามผัวอย่างนั้นเหรอ&nbsp แต่ในจิตสำนึกของสามคนนี้ถึงจะสัมผัสไม่ได้ เหมือนฟังความอยู่ฝ่ายเดียว แต่ถ้าไม่เคยมาหาแม่เลยตั้งแต่วันที่หายไป คนพวกนี้คือคนที่่ไร้จิตสำนึกที่สุด&nbsp ทำไมไม่รักแม่เลยอ่ะ&nbsp จะร้องแล้วไม่คิดว่าชีวิตคุณยายจะลำบากขนาดนี้

0
twinklelittlestar 19 เม.ย. 56 เวลา 12:02 น. 17

เพลงจบตอนอ่านจบเลยอ่ะ ดราม่ามาก ทำไมต้องเป็นเรื่องจริงด้วยอะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนกล้าทำกะแม่ขนาดนี้เลยหรอ เศร้าว่ะ ทำได้ไงเนี่ย


PS.  cuz you just my type ~ ooh na na na na !! <3
0
PP319~* 19 เม.ย. 56 เวลา 12:30 น. 18
ผลกรรมที่คุณนั้นก่อ
ซักวันหนึ่งหนอคุณจะร้องไห้

PS.  ________::ตลอดชีวิตฉันเชื่อในสิ่งที่คิดแม้ว่ามันจะถูกหรือผิด::________
0
รักแม่ 19 เม.ย. 56 เวลา 12:36 น. 19

นึกไม่ถึงว่า จิตใจคนเราจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ .. พ่อแม่ดีแสนดี แต่กลับ เนรคุณ อกตัญญู .. ตายไปตกนรกไม่ได้เกิด ตอนเป็นจะต้องชดใช้กรรมอย่างสาหัส .. บาปที่สุดคือการ เนรคุณพ่อแม่
ปล.ซึ้งมากก น้ำตาไหลอะ

0
I&#039;m BB ^//^ยูปปี้ 19 เม.ย. 56 เวลา 12:54 น. 20

ร้องไห้ สงสารยาย
นี่แหละหนา ความรักของแม่
ถึงลูกจะเลว ปานใด แต่ท่านก็ยังคงรัก เพราะนั่นคือสายเลือดของท่านน
คุณยังมีพ่อแม่ ให้ดูแล จงดูแลท่านซะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสนั้น

0