มีใครเคยเป็นโรคหิตมั่ง ตั้งกระทู้ใหม่ ตั้งกระทู้ใหม่ คือว่าตอนนี้เราสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโรคหิต ตอนแรกนึกว่าเป็นลมพิษแต่ปกติลมพิษมันแค่วันเดียวก็หายแต่นี้ 2 วันผ่านไปแล้ว ผื่นแดงยังไม่หายไปเลย แถมคนที่บ้านยังมีคนเป็นผื่นคันด้วย ตอนนี้กังวลมากเลยว่าโรคหิตมันเป็นโรคร้ายแรงมัยจะรักษาได้ไหมและซื้อยาทายากินมาใช้เองได้ไหม อิฐโรยแมน 1 ก.ย. 56 เวลา 18:47 น. 0 like 215 views Facebook Twitter รายชื่อผู้ถูกใจกระทู้นี้ คน
i love 1d 1 ก.ย. 56 เวลา 20:29 น. 1 อาการ ผู้ป่วยจะมีตุ่มน้ำใสและตุ่มหนอง คัน ขึ้นกระจายเหมือนกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย มักจะพบที่ง่ามนิ้วมือนิ้วเท้า ข้อมือ ข้อศอก รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ ก้น ข้อเท้า อวัยวะเพศ (ในเด็กเล็กอาจขึ้นที่หน้าและศีรษะ ส่วนในผู้ใหญ่มักไม่ขึ้นในบริเวณนี้)บางรายอาจพบเป็นผื่นนูนแดงคดเคี้ยว ขนาดเท่าเส้นด้าย ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ซึ่งตรงปลายสุดจะเป็นที่อยู่ของตัวหิดผู้ป่วยมักจะมีอาการคันมาก โดยเฉพาะตอนกลางคืนบางรายอาจเกาจนมีเชื้อแบคทีเรียอักเสบซ้ำเติมเป็นตุ่มหนองพุพอง หรือน้ำเหลืองไหลการแยกโรคอาการเป็นตุ่มคันตามผิวหนัง อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่นตุ่มคันจากยุงหรือแมลงกัดต่อย ซึ่งมักขึ้นเฉพาะที่ และไม่ลุกลามแพร่กระจายไปทั้งตัวผื่นแพ้สัมผัส เช่น แพ้ปูน ผงซักฟอก ขอบยางกางเกงหรือเสื้อชั้นใน สร้อยข้อมือ สายนาฬิกา เป็นต้น ซึ่งมักจะเป็นผื่นคันอยู่เฉพาะตามรอยที่สัมผัสถูกสิ่งที่แพ้แผลพุพอง มีอาการขึ้นเป็นตุ่มหนองเล็ก ๆ ตามแขน ขา หรือลำตัว ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียของบาดแผลเล็กน้อย เช่น รอยขีดข่วน รอยแกะเกา รอยถลอกรอบแผลจากยุงหรือแมลงกัด มักขึ้นเฉพาะที่ไม่ลุกลามแพร่กระจายไปทั่วตัวอีสุกอีใส มีอาการขึ้นเป็นตุ่มใสค่อย ๆ แพร่กระจายไปตามลำตัว ใบหน้าและแขน ขา แต่มักมีไข้ พร้อมกับมีตุ่มขึ้นในวันแรกของไข้ โรคหิด การวินิจฉัย มักจะวินิจฉัยจากอาการแสดง คือมีตุ่มคันตามง่ามมือ ง่ามเท้า และลุกลามแพร่กระจายไปทั่วตัว ร่วมกับพบว่ามีคนรอบข้างเป็นอาการแบบเดียวกันหลายคนหากไม่แน่ใจแพทย์จะทำการขูดเอารอยโรคไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบตัวหิดหรือไข่ของหิดการดูแลตนเอง เมื่อพบตุ่มคันตามผิวหนัง ก็ให้ลองดูแลรักษาเบื้องต้นตามสาเหตุที่สงสัย เช่น ถ้าเป็นแพ้ยุงหรือแมลงกัด หรือเป็นผื่นแพ้สัมผัส ก็ให้ใช้ครีมสตีรอยด์ทา และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งที่แพ้ ถ้าเป็นแผลพุพอง ควรปรึกษาแพทย์ อาจต้องพิจารณาให้กินยาปฏิชีวนะการรักษา แพทย์จะให้ยารักษาโรคหิด ดังนี้ 1.ใช้เบนซิลเบนโซเอตชนิด 25% โดยอาบน้ำถูสบู่ (ใช้ผ้าขนหนู หรือแปรงนุ่มขัดถูกด้วยยิ่งดี) และเช็ดตัวให้แห้งก่อน แล้วจึงทายาทั่วทุกส่วนของร่างกายนับตั้งแต่คอลงมาโดยตลอด รวมทั้งผิวหนังส่วนที่ปกติด้วย พอครบ 24 ชั่วโมงให้ทาซ้ำอีกครั้ง ระหว่างนี้อย่าเพิ่งอาบน้ำหรือล้างมือ (ถ้าจำเป็นต้องล้างมือ ต้องทายาซ้ำ หลังเช็ดมือให้แห้ง) จนกว่าจะครบ 48 ชั่วโมง นับตั้งแต่ทายาครั้งแรก จึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และผ้าปูที่นอนใหม่ทั้งหมด ถ้ายังไม่หายขาด ให้ทำซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา2.ถ้ามีตุ่มหนองพุพองหรือน้ำเหลืองไหล ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน และให้การดูแลรักษาแบบแผลพุพอง ควรให้ยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 10 วัน 3.ถ้าใช้ยาไม่ได้ผล หรือทายาไม่ได้ หรือเป็นผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือมีผื่นขึ้นจำนวนมาก แพทย์จะให้กินยาไอเวอร์เม็กทิน (ivermectin) ขนาด 0.2 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม กินเพียงครั้งเดียวก็ได้ผลในการฆ่าเชื้อหิด ยานี้อาจระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร (ทำให้ปวดมวนท้องอาเจียนได้) และไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้ที่เป็นโรคหืดการดำเนินโรค ถ้าไม่รักษา มักเป็นเรื้อรัง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ และแพร่กระจายให้คนข้างเคียงไปเรื่อย ๆถ้าได้รับการรักษา มักจะหายขาดได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ (ตัวหิด) http://health.kapook.com/view15970.html 0 0 ถูกใจ ตอบกลับ เมนู แก้ไข แจ้งลบ ปักหมุด
เด็กจบใหม่เรียนเลย! ม.มหิดล เปิดคอร์สฟรี วิชาเตรียมความพร้อมสำหรับ First Jobber (เรียนออนไลน์ & มีใบเซอร์) เด็กกิจกรรม
1 ความคิดเห็น
บางรายอาจพบเป็นผื่นนูนแดงคดเคี้ยว ขนาดเท่าเส้นด้าย ยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ซึ่งตรงปลายสุดจะเป็นที่อยู่ของตัวหิด
ผู้ป่วยมักจะมีอาการคันมาก โดยเฉพาะตอนกลางคืน
บางรายอาจเกาจนมีเชื้อแบคทีเรียอักเสบซ้ำเติมเป็นตุ่มหนองพุพอง หรือน้ำเหลืองไหล
การแยกโรค
อาการเป็นตุ่มคันตามผิวหนัง อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น
ตุ่มคันจากยุงหรือแมลงกัดต่อย ซึ่งมักขึ้นเฉพาะที่ และไม่ลุกลามแพร่กระจายไปทั้งตัว
ผื่นแพ้สัมผัส เช่น แพ้ปูน ผงซักฟอก ขอบยางกางเกงหรือเสื้อชั้นใน สร้อยข้อมือ สายนาฬิกา เป็นต้น ซึ่งมักจะเป็นผื่นคันอยู่เฉพาะตามรอยที่สัมผัสถูกสิ่งที่แพ้
แผลพุพอง มีอาการขึ้นเป็นตุ่มหนองเล็ก ๆ ตามแขน ขา หรือลำตัว ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียของบาดแผลเล็กน้อย เช่น รอยขีดข่วน รอยแกะเกา รอยถลอกรอบแผลจากยุงหรือแมลงกัด มักขึ้นเฉพาะที่ไม่ลุกลามแพร่กระจายไปทั่วตัว
อีสุกอีใส มีอาการขึ้นเป็นตุ่มใสค่อย ๆ แพร่กระจายไปตามลำตัว ใบหน้าและแขน ขา แต่มักมีไข้ พร้อมกับมีตุ่มขึ้นในวันแรกของไข้
โรคหิด
มักจะวินิจฉัยจากอาการแสดง คือมีตุ่มคันตามง่ามมือ ง่ามเท้า และลุกลามแพร่กระจายไปทั่วตัว ร่วมกับพบว่ามีคนรอบข้างเป็นอาการแบบเดียวกันหลายคน
หากไม่แน่ใจแพทย์จะทำการขูดเอารอยโรคไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบตัวหิดหรือไข่ของหิด
การดูแลตนเอง เมื่อพบตุ่มคันตามผิวหนัง ก็ให้ลองดูแลรักษาเบื้องต้นตามสาเหตุที่สงสัย เช่น
ถ้าเป็นแพ้ยุงหรือแมลงกัด หรือเป็นผื่นแพ้สัมผัส ก็ให้ใช้ครีมสตีรอยด์ทา และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งที่แพ้
ถ้าเป็นแผลพุพอง ควรปรึกษาแพทย์ อาจต้องพิจารณาให้กินยาปฏิชีวนะ
การรักษา แพทย์จะให้ยารักษาโรคหิด ดังนี้
1.ใช้เบนซิลเบนโซเอตชนิด 25% โดยอาบน้ำถูสบู่ (ใช้ผ้าขนหนู หรือแปรงนุ่มขัดถูกด้วยยิ่งดี) และเช็ดตัวให้แห้งก่อน แล้วจึงทายาทั่วทุกส่วนของร่างกายนับตั้งแต่คอลงมาโดยตลอด รวมทั้งผิวหนังส่วนที่ปกติด้วย พอครบ 24 ชั่วโมงให้ทาซ้ำอีกครั้ง ระหว่างนี้อย่าเพิ่งอาบน้ำหรือล้างมือ (ถ้าจำเป็นต้องล้างมือ ต้องทายาซ้ำ หลังเช็ดมือให้แห้ง) จนกว่าจะครบ 48 ชั่วโมง นับตั้งแต่ทายาครั้งแรก จึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และผ้าปูที่นอนใหม่ทั้งหมด ถ้ายังไม่หายขาด ให้ทำซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา
2.ถ้ามีตุ่มหนองพุพองหรือน้ำเหลืองไหล ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไดคล็อกซาซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน และให้การดูแลรักษาแบบแผลพุพอง ควรให้ยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 10 วัน
3.ถ้าใช้ยาไม่ได้ผล หรือทายาไม่ได้ หรือเป็นผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือมีผื่นขึ้นจำนวนมาก แพทย์จะให้กินยาไอเวอร์เม็กทิน (ivermectin) ขนาด 0.2 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม กินเพียงครั้งเดียวก็ได้ผลในการฆ่าเชื้อหิด ยานี้อาจระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร (ทำให้ปวดมวนท้องอาเจียนได้) และไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้ที่เป็นโรคหืด
การดำเนินโรค ถ้าไม่รักษา มักเป็นเรื้อรัง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ และแพร่กระจายให้คนข้างเคียงไปเรื่อย ๆถ้าได้รับการรักษา มักจะหายขาดได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
(ตัวหิด)
http://health.kapook.com/view15970.html
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?