Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

โต้วาที: การบ้านของเด็กไทยมากเกินไป ควรลดให้น้อยลง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


"การบ้านของเด็กไทยมากเกินไป ควรลดให้น้อยลง" สนับสนุน หรือ เห็นต่าง แสดงความคิดเห็นกันได้เลย
สนับสนุน
เห็นต่าง
ควรลดให้น้อยลง
ไม่ควรลด
1,326 โหวต
98 โหวต

แสดงความคิดเห็น

>

139 ความคิดเห็น

leodragon 2 ก.ย. 56 เวลา 11:24 น. 1

เรียน 10 วิชา การบ้าน 10 วิชา

อาจารย์น่าจะลองปรึกษากันก่อน 

งานเยอะไม่ว่า แต่อย่ามาพร้อมกัน 

มันปวดใจ T____T

0
terrysiansims ผู้กวาดล้างดราม่า 2 ก.ย. 56 เวลา 15:26 น. 2
นอกจากจะลดจำนวนแล้ว
ควรลดความยากด้วย
และที่สำคัญ
ถ้าจะให้งานใหญ่
(รายงาน โครงงานฟิวเจอร์บอร์ด การแสดง โปรเจกต์ ป้ายนิเทศ ฯลฯ)
ควรสั่งตั้งแต่ต้นเทอมและ
ห้ามสั่งงานเล็กซ้อนกันอีก


0
leodragon 2 ก.ย. 56 เวลา 15:42 น. 3

การบ้านยากน่ะไม่เท่าไรเพราะอย่างน้อยก็มีเฉลย

แต่ไอที่การบ้านแสนง่าย แต่ออกข้อสอบมหาเซียนไทเก๊ก

มันหมายความว่ายังไงคะท่านอาจารย์

คิดถึงวัยเรียนแล้วเหมือนถูกแกล้วยังไงพิลึก?

-________________-

0
✌★☻zWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWWW 2 ก.ย. 56 เวลา 15:52 น. 4

การบ้านถ้าทำเอง ยิ่งเยอะก็ยิ่งเป็นผลดีกับตัวเราเอง แต่ส่วนมากกลับลอกกัน แล้วกลายเป็นค่านิยมมาจนโต ลอกไปเหอะ ใครๆก็ลอก หึหึ โตไปไม่โกง เย้ 

0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 15:54 น. 5

เรื่องนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน
ยังไงเด็กที่อยู่วัยเรียนก็ไม่อยากทำการบ้านอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าการบ้านจะเยอะจริงหรือไม่ ยังไงผลโหวตก็ย่อมเอียงไปทางการบ้านหนักอยู่แล้ว

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแจกแจงว่าการบ้านที่เป็นอยู่นี้มีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไรเสียก่อนที่จะสรุปว่าการบ้านที่เป็นอยู่นั้นมากเกินไปจริง
อย่างไรก็ตาม มีผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนคิดว่าการบ้านยิ่งเยอะยิ่งดี... เป็นเช่นนั้นจริงหรือ ? ขอยกเรื่องนี้มาพูดคุยเสียก่อน

เด็กมีหน้าที่เรียนหนังสือ ดังนั้นเรียนยิ่งหนักการบ้านยิ่งเยอะยิ่งดี
...เป็นคำพูดที่ฝังหัวจนผ่านมาหลายยุคหลายสมัย แต่ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริง

เด็กไม่ได้มีหน้าที่เรียนหนังสือ หากมีหน้าที่เรียนรู้เพื่อที่จะอยู่รอดในสังคมด้วยตัวเองในอนาคต

การเรียนหนังสือเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้อยู่รอดในสังคม
ดังนั้นจะพบได้ว่าความรู้ที่เราเรียนในโรงเรียนหลายครั้งจะเป็นความรู้พื้นฐานที่เราจำเป็นต้องรู้เพื่ออยู่รอดในสังคมให้ได้
และเมื่อปูพื้นฐานจนดีแล้ว ความรู้ต่อไปที่ต้องมี คือความรู้ที่เอาไปใช้ในอาชีพที่เด็กคนนั้นจะประกอบในอนาคต

แค่จุดนี้ก็เกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว !

อันดับแรก แวดวงการศึกษาไทยรวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ปกครอง ต่างลืมไปแล้วว่าเด็กเรียนเพื่อให้มีความรู้พื้นฐานให้อยู่รอดในสังคม !
การเรียนหลายอย่างเน้นเพื่อการสอบแข่งขันเป็นหลัก ทำให้เด็กรู้แต่วิธีทำข้อสอบ แต่ไม่รู้ที่จะประยุกต์ใช้กับชีวิตจริง

ต่อมาความรู้ที่จะเอาใช้ในการประกอบอาชีพ มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ก่อนว่าเด็กต้องการจะทำอะไรในอนาคต
หากไม่รู้ก็ป่วยการเปล่าที่จะขวนขวายความรู้ในตรงนั้น เพราะแต่ละอาชีพล้วนแต่มีลักษณะเฉพาะ ด้วยความรู้หลายอย่างไม่ได้ใช้ในหลายอาชีพ การจะเรียนรู้ทุกอย่างเพื่อเตรียมตัวประกอบอาชีพที่ยังไม่รู้เป็นการเสียเปล่า


และไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่เด็กต้องเรียนรู้เพื่ออยู่รอดในสังคมไม่ได้มีความรู้ทางวิชาการ
หากยังเป็นศีลธรรม จริยธรรม วิถีประชา ทัศนคติ และแนวคิด อันยากที่จะหาได้ในห้องเรียน หากตัวเด็กต้องเรียนรู้มันจากการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม


ดังนั้นย้อนกลับมาถาม... ว่าการบ้านที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมีมากหรือน้อย ?


ตรงนี้ต้องเริ่มก่อนว่า การบ้านมีเพื่ออะไร ?
เพื่อให้ทบทวนบทเรียน เพื่อฝึกความขยัน และฝึกความรับผิดชอบ
ซึ่งจุดนี้ ยิ่งทำการบ้านมาก ยิ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นจริงหรือ ?


ทบทวนบทเรียน - การให้การบ้านเด็ก ถือเป็นการที่ทำให้เด็กได้ทบทวนบทเรียนจริงหรือ ?

จุดนี้ถามว่า หากเด็กผู้นั้นไม่รู้ หรือจำไม่ได้ว่าสิ่งที่เรียนคืออะไร จะสามารถทำการบ้านที่ให้มานี้เพื่อเกิดการทบทวนบทเรียนได้หรือไม่ ?
คำตอบคือ ไม่
เพราะในเมื่อเด็กจำไม่ได้ ย่อมทำการบ้านไม่ได้ แล้วเช่นนี้จะถือว่าเป็นการทบทวนบทเรียนได้อย่างไร
การจะหวังว่าเด็กจะสามารถถามผู้รู้ได้ หาจากหนังสือหรือในเน็ตได้ จะเป็นเช่นนั้นเสมอไปจริงหรือ ? การจะไปคาดหวังว่าเด็กต้องเก่งเองคงไม่ใช่อย่างแน่นอน
หากจะให้เด็กรู้ได้เองว่าการบ้านที่ทำได้ยังไงแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีครูมาสอนตั้งแต่ต้น

การทบทวนบทเรียนจะเกิดได้กับเด็กที่เรียนในห้องเรียนจนรู้ หรือพอรู้แล้วเท่านั้น การบ้านมีเพื่อให้เด็กแน่ใจว่าตัวเองสามารถทำโจทย์ข้อนั้นโดยตนเองได้
ซึ่งกระบวนการนี้สามารถเกิดขึ้นในห้องเรียน ไม่จำเป็นจะต้องเกิดนอกห้องเรียน และจะเหมาะสมกว่าหากเกิดในห้องเรียน เพราะเด็กมีครูซึ่งเป็นผู้รู้อยู่ใกล้จึงสามารถทำได้เสมอ

และหากต้องการให้เด็กเก่งด้วยการทบทวนบทเรียนมาก ๆ เด็กควรที่จะเลือกทำด้วยตนเอง หรือด้วยสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย
เช่นการไปเรียนติวพิเศษหลังเลิกเรียนอะไรพวกนี้เป็นต้น การโยนการบ้านให้แล้วคาดคั้นว่าจะต้องทำไม่ถือว่าเป็นการที่ให้เด็กสามารถทบทวนบทเรียนตัวเองได้จริง

ดังนั้นสรุปว่าการบ้านทำให้เด็กทบทวนบทเรียนได้หรือไม่ ?
คำตอบคือได้ สำหรับเด็กที่รู้บทเรียนและมีจิตใจที่ต้องการจะทบทวนบทเรียนมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
กระนั้นก็ใช่ว่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะการไปเรียนพิเศษเด็กจะได้ประโยชน์กว่าเพราะมีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยอย่างมากที่สุด ดังนั้นการบ้านเพราะเรื่องนี้อาจให้เป็นแค่ทางเลือกก็ได้ แต่ไม่มีการตรวจในภายหลัง
ส่วนเด็กที่ไม่รู้บทเรียนที่สอน หรือไม่มีจิตใจจะทบทวนบทเรียน ในส่วนนี้จะถือว่าไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร เพราะมีโอกาสสูงที่จะไม่ทำการบ้าน หรือทำการลอกในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ในห้องเรียนที่มีเด็กเยอะ ผู้สอนย่อมไม่รู้ว่าเด็กที่สอนรู้ในสิ่งที่สอนจริงหรือไม่ การให้การบ้านไปทบทวนจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมเพื่อช่วยในการวัดผลว่าเด็กรู้สิ่งที่เรียนหรือไม่นอกเหนือจากการสอบ
ทว่าหากมีมากหรือยากจนเกินไป เด็กอาจเลือกที่จะไม่ทำแทนก็ได้ ทั้งยังเป็นการตรวจสอบที่ทับซ้อน การจะทราบว่ารู้ในสิ่งที่เราสอนจริงหรือไม่ โจทย์เพียงข้อเดียวในเรื่องนั้นน่าจะให้คำตอบได้อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องทำให้มีหลายข้อ และไม่จำเป็นต้องทำให้ยากมากนักเพราะอาจจะทำให้ไม่ทราบได้ว่าที่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร

ด้วยเหตุนี้ ต้องแยกให้ออกว่าการบ้านมีเพื่ออะไร
หากต้องการให้เด็กทบทวนความรู้เพื่อจะได้เก่งมากขึ้น ให้เป็นแค่ตัวเลือก และไม่จำเป็นต้องทำส่ง แต่หากสงสัยก็เปิดโอกาสให้ถามในวันถัดไป
หากต้องการตรวจสอบว่าเด็กรู้สิ่งที่เราสอนหรือไม่ บังคับให้ทำแค่ไม่กี่ข้อด้วยโจทย์เพียงง่าย ๆ และควบคุมไม่ให้ลอกกันได้ก็พอ


ขยันและรับผิดชอบ - เป็นคำพูดหนึ่งที่มักใช้เพื่อความชอบธรรมในการให้การบ้านที่มาก ๆ

ทว่า... การบ้านที่เยอะอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กขี้เกียจและขาดความรับผิดชอบแทนก็ได้
เนืองด้วยอย่างที่ได้กล่าวไว้ในช่วงต้น เด็กไม่ได้มีหน้าที่ในการเรียนเพียงอย่างเดียว หากมีหน้าที่ในการเรียนรู้เพื่ออยู่รอดในสังคมได้ในอนาคต
ดังนั้นความขยันและรับผิดชอบจึงไม่ได้มีแค่เพียงแค่การทำการบ้าน หากทำและสมควรจะทำได้ด้วยงานบ้านต่าง ๆ
ไม่ว่าจะกวาดบ้าน ถูพื้น ซักผ้า รดน้ำต้นไม้ เลี้ยงน้อง ดูแลหมา ทำอาหาร ฯลฯ
แต่การบ้านที่เยอะจะทำให้เด็กไม่สามารถทำและรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ได้ อีกทั้งการบ้านที่เยอะจะเป็นข้ออ้างที่เด็กจะใช้เพื่อไม่ทำงานบ้านเหล่านี้อีกต่างหาก
ดังนั้นการบ้านที่เยอะจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กขาดความรู้ความรับผิดชอบในการทำงานบ้าน ที่ถือเป็นความรู้ที่จำเป็นในการอยู่ร่วมกับสังคมได้

นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวที่ว่า "ฉลาดแต่ขี้เกียจ ดีกว่า โง่แต่ขยัน"

การขยันแต่ขยันในเรื่องที่เปล่าประโยชน์และผิดทาง จะทำให้ไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้
การบ้านที่มีเยอะหลายครั้งไม่ได้มอบความรู้อะไรให้กับเรา เพียงแต่ทำสิ่งที่ซ้ำซากจำเจและแบบถึก ๆ ไม่ได้ให้คิดหรือใช้ทักษะจนให้เราเมื่อยมือเพียงเท่านั้น
หากเด็กต้องการจะเก่งมีความสามารถในการเรียน ก็มีทางลัดที่สามารถที่ทำได้ดีและเร็วกว่าการทำการบ้านที่มาก ๆ คือการเรียนพิเศษ
โดยการให้การบ้านเยอะ ๆ จะทำให้เด็กที่เลือกจะขยันด้วยการเรียนพิเศษ ไม่อาจจะเรียนพิเศษได้เต็มที่เพราะต้องเจียดเวลากับการทำการบ้านแทน



ไม่เพียงแค่ส่วนนี้ การทำการบ้านที่มากจนเกินไปยังทำให้เกิดผลเสียอื่นด้วยเช่นกัน

...แม้แต่เครื่องจักร ยังมีเวลาที่จะต้องพักและซ่อมบำรุง
การนอนของมนุษย์ไม่ถือว่าเป็นการพัก เพราะเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องทำแต่ต้นอยู่แล้ว
ทว่าการพักของมนุษย์คือการผ่อนคลายทางจิตใจ เช่นการทำงานอดิเรกต่าง ๆ
การให้การบ้านจนมากเกินไปทำให้เด็กไม่อาจหาเวลาว่างมาทำงานอดิเรกได้อย่างเท่าที่ควร
ซึ่งแม้แต่เครื่องจักรที่ทำด้วยเหล็กด้วยโลหะยังสามารถพังได้ แล้วเด็กที่ยังไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบและไม่ใช่เครื่องจักรจะทนได้แค่ไหน ?


ยังไม่รวมถึงเด็กไม่ได้มีหน้าที่แค่การเรียน หากต้องเรียนรู้เพื่ออยู่รอดในสังคม การเรียนที่มากไปจะทำให้เด็กขาดการเรียนรู้ในส่วนนี้แทน
ทั้งตัวเด็กจะต้องแสวงหาตัวเองเพื่อจะให้ทราบว่าตนเองถนัดอะไรชอบอะไร และจะได้มุ่งหน้าสู่สายอาชีพนั้นในอนาคต
ทว่าการที่เรียนจนมากเกินไปทำให้เด็กไม่สามารถค้นหาตัวเองได้
และเรื่องนี้เองก็ยังส่งผลต่อการเรียนในอนาคตของเด็ก เพราะว่าไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรจึงได้แต่เรียนแบบจับฉ่ายมั่วไปหมดไว้ก่อน
ทำให้ไม่สามารถเจาะจงเจาะลึกกับวิชาที่สนับสนุนต่ออาชีพที่จะทำในอนาคตของเด็กได้อย่างเต็มที่
อีกตัวเด็กเองยังไม่มีแรงกระตุ้นที่จะขยันเพราะไม่มีเป้าหมายแน่ชัด ทำให้ขาดการกระตือรือร้นในการเรียนอย่างไม่ควรจะเป็น



จากทั้งหมด สรุปได้ว่า การบ้านที่มากเกินไปไม่มีประโยชน์ ซ้ำยังจะมีแต่โทษ



ดังนั้นย้อนกลับมาดูว่า เด็กไทยเรียนมากไปหรือไม่ ?

จากคีย์เวิร์ดที่ให้ไป หากเด็กเสียเวลาทั้งหมดกับการเรียนและทำการบ้าน จนไม่อาจมีเวลาที่จะเรียนรู้อย่างอื่นเพื่ออยู่ในสังคมในอนาคตได้เลยคือการที่เด็กไทยเรียนและมีการบ้านมากจนเกินไป

0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 16:37 น. 7

การจะให้เด็กเลือกที่จะทำการบ้านเอง ต้องใช้วิธีชักจูงให้อยากทำ
แต่ปัจจุบันเป็นวิธีบังคับให้ต้องทำ ซึ่งส่งผลให้เด็กไทยไม่รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำการบ้าน

โดยวิธีชักจูงที่เห็นผลได้ชัด และยั่งยืนมากที่สุดคือการทำให้เด็กรู้เป้าหมายในอนาคตว่าอยากเป็นอะไร
เด็กก็จะขยันเอง แน่นอนว่ารวมถึงการบ้านด้วย

ทว่าในปัจจุบัน เด็กไม่ได้ออกไปไหนเลยนอกจากหน้าโต๊ะเรียน
เวลาที่เหลืออย่างมากก็เพียงพอที่จะตักตุนความผ่อนคลายด้วยงานอดิเรก
นอกจากนี้แล้ว เด็กไม่อาจจะขวนขวายหาตัวเองได้เลย

และเมื่อขวนขวายหาตัวเองไม่ได้ก็จะไม่มีเป้าหมาย
เมื่อไม่มีเป้าหมายก็จะไม่มีแรงจูงใจ
เมื่อไม่มีแรงจูงใจก็จะไม่ขยัน
เมื่อไม่ขยันก็ไม่อยากคิดที่จะทำการบ้านเอง เพราะไม่เห็นว่ามีประโยชน์


ซึ่งปัจจุบันการเรียนและการบ้านที่เป็นอยู่ทำให้เด็กไม่อาจจะมีเวลาขวนขวายหาตัวเองได้

ยังไม่รวมถึงปัจจุบัน ข้อมูลเชิงสถิติเมื่อเทียบกับทั้งโลก เด็กไทยทุ่มเทกับการเรียนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
แต่เมื่อดูทางสถิติกลับพบว่า แม้แต่ในอาเซียน การศึกษาไทยก็อยู่ที่ระดับ 8 จาก 10 ซึ่งต่ำกว่าเขมรเสียอีก

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าในปัจจุบันการศึกษาของไทย เรียนหนักจนเกินความจำเป็น

0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 16:39 น. 8

แต่แน่นอน
การบ้านที่เยอะเกินไป ซ้ำซากจำเจ ไม่เห็นประโยชน์ แถมบังคับให้ต้องทำ
ย่อมทำให้เด็กไม่คิดที่จะอยากทำการบ้านอยู่แล้ว

แต่หากการบ้านน้อยข้อ ทว่าท้าทาย ไม่ได้บังคับให้ทำ หากเป็นทางเลือก
เด็กย่อมอยากคิดที่จะทำมากกว่า


เทียบกับผู้ใหญ่นั่นแหละ
บังคับให้ทำโอที แต่เงินเดือนไม่เพิ่ม ตำแหน่งก็ไม่เลื่อน แถมบังคับให้ทำทุกคน
ผู้ใหญ่อยากที่จะทำกันเหรอ ?
ถึงจะใจดีใจกว้างแค่ไหน ทุ่มเทไปก็ไม่ได้ประโยชน์ เพราะมันถูกมองว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำอยู่แล้วก็ไม่มีใครอยากที่จะทำกันหรอก
คนที่จะทุ่มเทเต็มร้อย ต้องเป็นคนดีจ๋าจนถูกคนอื่นเอาเปรียบ หรือพวกขยันแต่โง่


กลับกันหากไม่ได้บังคับให้ทำ
ผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ ก็อยากที่จะทำมากกว่า
เพราะมันไม่ได้รู้สึกว่าถูกบีบบังคับ ทำแล้วรู้สึกว่าเสียสละมากกว่า
ทั้งที่งานที่ให้ทำอาจจะเบากว่าที่บังคับให้ทำเสียอีก
แต่คนที่ทำจะรู้สึกภูมิใจมากกว่ากับการที่จะทำ และคนที่จะเลือกทำมีมากกว่า
เพราะทำแล้วรู้สึกได้ประโยชน์ อย่างน้อยก็ความรู้สึกนั่นแหละ
ซึ่งกลุ่มนี้ คนดีจ๋า คนขยันแต่โง่ก็ทำได้ คนธรรมดาทั่วไปก็ทำได้



ด้วยเหตุนี้ ถึงจะพูดถึงเรื่องว่าทำยังไงให้เด็กอยากทำการบ้าน
การบ้านที่น้อย ๆ และไม่บังคับนี่แหละ ก็ทำให้เด็กภูมิใจที่จะทำการบ้านเองมากกว่าที่จะให้การบ้านเยอะ ๆ อยู่ดี

ทว่าในภาพรวม หากดูว่าการบ้านเยอะหรือการบ้านน้อย ผลที่ได้ การบ้านแบบไหนจะมีจำนวนข้อที่ทำมากกว่า คำตอบคือการบ้านที่เยอะ

ก็เพราะเขาบังคับให้ทำทุกคนนี่นา...
แต่ประโยชน์ที่ได้ก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง

0
G.PD 2 ก.ย. 56 เวลา 17:29 น. 9

การบ้านเยอะแล้วไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลย!!
เพราะเด็กบางคนต้องเรียนพิเศษถึง1ทุ่ม2ทุ่ม พอเลิกแล้วต้องมานั่งทำการบ้านอีก
ไหนจะต้องอ่านหนังสืออีก แล้วยังงี้จะอ่านรู้เรื่องเหรอ

0
`What Name..▲ 2 ก.ย. 56 เวลา 17:37 น. 10

ถ้าเอาความคิดเรานะเราว่ามันก็เยอะอยู่ แต่ว่านะเราคิดว่าครูเขาให้การบ้านไม่ถูกมากว่า ถ้าลองมองจริงๆโรงเรียนเราก็ไม่ได้ให้เยอะ แล้วคำว่าไม่ถูกของเราก็คือ... ไอช่วงที่งานมันไม่มีก็แทบไม่สั่งเลย แต่พอถึงช่วงใกล้สอบหรือใกล้วันที่เราควรเริ่มอ่านหนังสืองี้ พวกครูก็ชอบมาสั่งงานกันเอาตอนนั้นแล้วบอกให้อ่านหนังสือ ทั้งๆที่งานก็สั่งกันไม่ยอมหยุด(บอกเพื่อ- -?) แล้วมักจะสั่งวันที่ใกล้ๆกันด้วย แถมวันส่งยังจะเอาพร้อมๆกันอีก พอส่งช้าก็หาว่าไม่ยอมทำ พอบอกว่างานมันเยอะก็หาว่าข้ออ้าง(เออ..เจริญ) ทั้งๆทีวันหยุดก็มีแค่สองวันทำเกือบทั้งคืนหนังสือก็แทบไม่ได้แตะ เฮ้อ..เซงงง-0-

- แอบน้อยใจเบาๆที่โดนด่า ทั้งๆที่เราทำเองแค่คนอื่นมันมาลอก!! -

0
จิกกะปอมๆ 2 ก.ย. 56 เวลา 17:45 น. 11

จะลดไม่ทำไม -คนที่ไม่อยากทำการบ้าน ส่วนใหญ่ก็ลากกันอยู่แล้วไม่ได้ทำเอง -คนที่อยากทำก็ได้ประโยชน์ดี

0
Kunnita 2 ก.ย. 56 เวลา 17:48 น. 12

ขณะ ม.2 เอง การบ้านยังโครตเยอะเลย นอนเที่ยงคืนตลอด เร็วที่สุดก็ ตี 9.30 ตอนนี้จะสอบแล้วไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลย

0
ชั่วอย่างมีมารยาท 2 ก.ย. 56 เวลา 17:53 น. 13

การให้การบ้านเพื่อให้นักเรียนฝึกทักษะของตน แต่ทำไมทุกวันนี้เด็กสอบตกยังมีกันให้เกลื่อนไปหมด แล้วพอเวลาสอบ...ก็คือการอ่านเพื่อจำไปสอบ ไม่ใช่อ่านให้เข้าใจ ประยุกต์ใช้ได้และสามารถจำมันไปได้ตลอดแม้จะสอบกลางภาคหรือปลายภาคเสร็จไปแล้ว ทุกวันนี้การเรียนที่ใช้เกรดเป็นตัวตัดสินความเก่งของนักเรียน ก็คือใครทำงานมาก ได้คะแนนมาก ก็คือเด็กเก่ง

แต่งานทุกวันนี้ การบ้านทุกวันนี้ที่มากจนนักเรียนไม่อยากจะทำ มันไม่ได้สร้างความสามารถทางการศึกษาให้มากขึ้นเลย ถ้าคิดว่าการให้การบ้านคือการฝึกทักษะที่ดี

แล้วทำไมทุกวันนี้เด็กไทยถึงต้องขวนขวายหาที่เรียนพิเศษกันล่ะ ??? แล้วทำไมทุกวันนี้ยังมีเด็กอีกมากมายที่สอบตกกันอยู่

0
angel_thesis 2 ก.ย. 56 เวลา 17:53 น. 14

เอาจริงๆผมว่ามันเป็นเรื่องมาตรฐานและหลักการในการแจกงานนะ
มากน้อยหรือเท่าไหร่มันขึ้นกับใจอาจารย์มากเกินไป
ที่นักเรียนส่วนใหญ่จะทนไม่ได้จริงๆผมว่าน่าจะเป็นเรื่องอาจารย์อารมณ์เสียเลยจัดการบ้านหนัก
หรือเวลานักเรียนโห่แล้วขู่ว่าเดี๋ยวให้การบ้านเพิ่มเสียมากกว่า
อาจารย์หลายคนคงจะลืมไปแล้วว้าจุดประสงค์ของการบ้านคืออะไร
ตรงจุดนี้ผมว่าน่าจะมีเกณฑ์ไปเลย มีการปรึกษาและทำการแสดงความคิดเห็นในหมู่อาจารย์
ประชุมและช่วยกันคิดว่าหัวข้อใหนแบ่งเป็นเท่าไหร่ ควรให้ความสำคัญกับอะไร
โดยมีประเด็นสำคัญ คือระยะเวลาเฉลี่ยที่จำเป็นต้องใช้ ลำดับความสำคัญของเนื้อหา และความยากง่าย ที่จะต้องปนกันอย่างลงตัว
ส่วนตัวผมมองว่าถ้าไม่สามารถทำตรงจุดนี้ได้มันก็จะเถียงกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

ความเห็นของผมค่อนไปตรงกลางแต่ผมเลือกโหวตไม่เปลี่ยนจากประสบการณ์ส่วนตัว
คนที่ทำการบ้านไม่ทันคือคนที่บริหารเวลาไม่เป็นรวมไปถึงอาจจะไม่ใส่ใจในสายตาของผม
และข้ออ้างที่ว่าเด็กต้องการเวลาว่างเพื่อไปศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียนนี่ผมขอยนะครับ
กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ผมว่ามันไม่ใช่หาความรู้ แต่เป็นการวิ่งเก็บครีบตีป้อมไล่ฆ่าฮีโร่เสียมากกว่า
(ผมเองก็เป็นไม่ใช่ไม่เป็น เลยรู้ว่าถ้าไม่บังคับเสียบ้างมันจะบรรลัย)
ถ้าอยากจะให้การบ้านลดเพื่อออกไปหาความรู้นอกห้องเรียนจริงๆผมว่าเด็กไทยก็ควรจะพิสูจน์ตัวเองให้ดูให้ได้ก่อน
ไม่ใ่เออะกจะเอาแต่ได้
อีกอย่างโตไปคุณจะรู้ว่าการบ้านที่เคยได้มาน่ะ มันของขี้ผง
ถ้าแค่นี้รับผิดชอบไม่ได้อนาคตก็ลำบาก

0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 18:10 น. 15

อยากบอกว่า
การศึกษาที่แคนาดากับญี่ปุ่นที่ไปสัมผัสมา
เขาให้ความสำคัญกับการศึกษานอกห้องเรียนที่มาก

มีการให้ไปสอบถามและหาข้อมูลชุมชนว่ามีประวัติศาสตร์ยังไง
มีการทัศนศึกษาท่องเที่ยวสถานที่สำคัญของชุมชนและประเทศบ่อย
เด็กจึงมีความรักต่อชุมชนและประเทศชาติที่สูง
ยังไม่รวมถึงเด็กรู้ว่าชุมชนที่ตัวเองอยู่มีอะไรน่าสนใจและอยากเลือกที่ไปศึกษาเอง
ทำให้เด็กค้นพบตัวเองได้ง่าย

------------------------------------

แต่ของไทยไม่มีในจุดนี้
ลำพังแค่เพียงทัศนศึกษาในตัวชุมชนมีน้อยมาก ๆ แล้ว
เวลาเหลือที่จะสามารถไปหาตัวเองยังน้อยอีก
...จริงอยู่ที่เด็กไปหาด้วยตัวเองคนเดียวอาจจะนอกลู่นอกทาง
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้ผู้ใหญ่พาไปด้วย
ทว่าด้วยแบบที่เป็นไปในปัจจุบัน ขนาดเวลาว่างที่เจียดไปหายังไม่มีเลย

ยังไม่รวมถึงเวลาว่างของเด็กมีน้อยมาก
จึงมักจะทุ่มเทไปกับการผ่อนคลายมากกว่าการหาตัวเอง
หากผ่อนคลายจนถึงจุดอิ่มตัว นั่นแหละถึงจะเริ่มค้นหาตัวเองด้วยตนเอง
ซึ่งยิ่งเครียดมากเท่าไหร่ เวลาที่ใช้กับการผ่อนคลายก็ยิ่งมากตามเท่านั้น

ทว่าสภาพของเด็กไทยในปัจจุบัน แค่เวลาผ่อนคลาย ยังแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ

0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 18:30 น. 16

...เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่

เด็กไม่มีวุฒิภาวะเท่าผู้ใหญ่
เด็กจึงต้องได้รับการชี้นำที่เหมาะสมจากผู้ใหญ่

เด็กที่เก่งและพิสูจน์ตัวเองได้ว่ามีความน่าเชื่อถือ
ไม่ใช่เก่งที่เด็กเอง หากเด็กคนนั้นได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสมต่างหาก

เด็กที่ห่วยและไม่มีความน่าเชื่อถือ
ไม่ใช่ห่วยที่เด็กเอง หากเด็กคนนั้นได้รับการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม

ดังนั้นหากเกิดปัญหา ผู้ปกครองจึงต้องรับผิดชอบ
แต่ทว่าเด็กทำตัวดี ผู้ปกครองก็สมควรจะได้หน้า

*นี่เป็นสิ่งที่ทั่วทั้งโลกยอมรับและรับรู้ว่าเป็นเช่นนั้นจริง
เด็กไม่ได้ดีหรือเลวด้วยตัวของเขา หากการเลี้ยงดูที่ชี้นำไปในทางนั้น
ไม่เช่นนั้นคงไม่มีกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่
กำหนดเพื่อผู้เยาว์ขึ้นมาโดยเฉพาะ*


นอกจากนี้ ประเทศไทยมีความเชื่อที่ผิด ๆ
เป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับผู้อาวุโสจนบิดเบือนความถูกผิด
คนไทยมักเชื่อว่า ผู้อาวุโสถูกทุกอย่าง
ส่วนผู้เยาว์นั้นผิดทุกอย่าง
ดังนั้นเวลาเกิดอะไรก็ตามจะโทษผู้เยาว์ก่อน

เรื่องการศึกษาก็เช่นกัน คนไทยจะโทษเด็กก่อนเสมอ โดยไม่ดูข้อเท็จจริงเลย
โอเค มันมีโอกาสที่เด็กจะแย่เองจนการผลลัพธ์ที่ออกมาแย่

ทว่า...
ข้อเท็จจริงคือ เด็กไทยมีผลการศึกษาเฉลี่ยที่ต่ำเมื่อเทียบกับทั้งโลก
มันไม่มีทางเป็นไปได้ ที่เด็กไทยจะแย่โดยพร้อมเพรียง จนทำให้ค่าเฉลี่ยของประเทศตกต่ำ
หากมันต้องมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เด็กไทยแย่พร้อม ๆ กัน


ดังนั้นการโยนว่าปัญหาเกิดขึ้นที่เด็ก จึงไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ถูก
แม้จะบอกว่าเด็กไทยส่วนใหญ่ติดเกมเลยทำให้ผลลัพธ์โดยรวมแย่ แต่หากเด็กไทยส่วนใหญ่ติดเกมพร้อมเพรียงกัน ความผิดคงไม่ใช่ที่เด็กอย่างแน่นอน ทว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่ทำให้เด็กไทยส่วนใหญ่หันไปติดเกมต่างหาก เพราะเด็กไม่มีวุฒิภาวะมากพอที่จะคิดอะไรได้เองแบบผู้ใหญ่

ดังนั้นวิธีแก้ปัญหา ไม่ใช่การให้เด็กแต่ละคนเลิกติดเกมแล้วหันมาเรียน
หากปรับระบบการศึกษาให้น่าสนใจจนเด็กเลือกที่จะมาเรียนแทนเล่นเกม



แล้วแบบนี้แปลว่าเด็กไม่ผิดเลยอย่างนั้นหรือ ?
เปล่า เด็กผิดได้ แต่ให้ดูที่ค่าเฉลี่ย

หากเลี้ยงดูมาเหมือนกัน สภาพแวดล้อมเหมือนกัน
แต่เด็กเพียงคนเดียวจากหลายสิบหลายร้อยคนเถลไถล เด็กถึงจะผิด
ทว่าสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน เด็กพร้อมเพรียงกันติดเกมและเรียนแย่ ย่อมไม่ใช่การที่เด็กเลือกด้วยตัวของเขาเองอย่างแน่นอน หากเป็นสภาพแวดล้อมที่ทำให้เด็กเป็นเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน


-----------------------------------------

บางคนอาจจะไม่เข้าใจและไม่ยอมรับในเรื่องที่เรากล่าวว่าเป็นจริง แต่เราจะสมมติเรื่องง่าย ๆ ให้ฟัง

มีโรงเรียนหนึ่ง สุ่มเด็ก 200 คน ลงในสองห้อง และเมื่อเรียนไป 1 ปี ผลสอบออกมาได้ว่า...
ห้อง A สอบได้คะแนนเฉลี่ย 80/100
ห้อง B สอบได้คะแนนเฉลี่ย 20/100

ถามว่า เป็นไปได้ไหมที่เด็กห้อง A จะบังเอิญเรียนดีกันทั้งห้อง ?
และเป็นไปได้ไหมที่เด็กห้อง B จะบังเอิญเรียนแย่กันทั้งห้อง ?

สมมติว่าถ้านาย ก. ห้อง A ได้ 20/100 คิดว่าเพราะอะไร ?
สมมติว่านาย ข. ห้อง B ได้ 80/100 คิดว่าเพราะอะไร ?


ห้อง A กับ ห้อง B ได้คะแนนเท่านั้น คงไม่ใช่เพราะตัวเด็กเองแน่ ๆ
น่าจะสภาพแวดล้อมบางอย่างที่ทำให้ได้รับผลเช่นนั้น
ตัวอย่างเช่นครูห้อง A สอนดี ครูห้อง B สอนห่วย เป็นต้น

ส่วนนาย ก. ทั้งที่อยู่ในห้อง A กลับได้ 20/100 ถึงจะบอกว่าเป็นที่เด็กเอง
เช่นกัน นาย ข. ทั้งที่อยู่ในห้อง B กลับได้ 80/100 ก็น่าจะเพราะเป็นที่เด็กเอง


และนอกจากนี้ คิดหรือไม่ว่า หากนาย ข. ย้ายไปห้อง A คะแนนที่ได้น่าจะมากกว่า 80/100 ?

0
cherrkong ►◄ 2 ก.ย. 56 เวลา 18:46 น. 18

ไอที่ถามว่า มีเด็กไทยที่ทำการบ้านเยอะแล้วฆ่าตัวตายรึเปล่าอะ จะบอก มันมีความคิดแบบนั้นเกิดขึ้นในสังคมแน่ๆ แต่แค่ไม่มีใครกล้า - - เอาจริงๆเลยนะ คนไทยเป็นพวกขี้เกรงใจอะ ไม่ชอบ แต่ก็ทนๆไปก่อน

0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 18:50 น. 19

ข้อมูลเสริม
ฟินแลนด์ ประเทศที่ระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก

Are Finnish schools the best in the world?
Why there’s no homework in Finland

*ที่จริงมีนะ แต่มีน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น*


จะบอกว่าบริบทไม่เหมือนกัน เอามาเทียบไม่ได้ ???
แล้วทำไมถึงคิดว่าการที่มีมาก ๆ แล้วจะดีกว่า ในเมื่อประเทศที่การศึกษาดีสุดในโลกมีการบ้านน้อย ?

0
กาลครั้งหนึ่ง...นานมาเเล้ว 2 ก.ย. 56 เวลา 18:59 น. 20

บางทีการลดการบ้านลงสักนิด....จะทำให้เรามีเวลาทำในสิ่งที่อยากทำมากขึ้น เช่น เราชอบอ่านหนังสือ ก็จะได้ไปห้องสมุดอ่านหนังสือมากขึ้น ใครที่ชอบเล่นกีฬาก็จะได้มีเวลาไปซ้อมกีฬา เป็นต้น....
   การให้การบ้านเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เราได้็ทบทวนบทเรียนไปด้วยถึงเเม้ว่าบางคนจะลอกมาส่งก็ตามทีเเต่นั่นก็ทำให้มันผ่านหูผ่านตามาบ้าง เเต่บางครั้งมันก็ทำให้เราเอาเวลาที่ควรจะทำอย่างอื่นมาทำการบ้านเสียหมด เเล้วอย่างนี้เราจะได้ทำการบ้านเพราะเราอยากทำจริงๆหรือ ไม่ใช่เเเค่ทำให้มันผ่านๆไปเฉยๆโดยที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

0
OzLovely 2 ก.ย. 56 เวลา 19:03 น. 21

1วันมี8วิชา
วิชาละ10ข้อ
ส่งพรุ่งนี้
วันต่อมา เด็กทำไม่ทัก บางคนลอกกัน บางคนลอกไม่ทัน
ครู - "สมชาย ทำไมถึงไม่ทำการบ้าน"
สมชาย - "การบ้านเยอะครับผมทำไม่ทัน"
ครู - "เยอะอะไรมีแค่10ข้อ แล้วทำไมสมหญิงถึงทำเสร็จล่ะ"
สมหญิง - นั่งลอกการบ้านวิชาอื่นอยู่


0
dekdojin 2 ก.ย. 56 เวลา 19:28 น. 23

การบ้านเยอะ หรือว่า ดินพอกหางหมูจ๊ะ >___<? เด็กไทยชอบหมกการบ้าน ใกล้วันส่งค่อยทำ แล้วก็มาบ่นว่ามันเยอะ จนทำไม่ทัน แต่อย่างวิชาเลขมันต้องทำแบบฝึกหัดถึงจะเข้าใจจริงๆ ถ้าทำแบบฝึก การบ้านได้(ด้วยตัวเอง) ก็สอบได้จริงๆ คอนเฟริมเลย
แต่ยกเว้นบางวิชาที่ชอบสั่งทีสิบกว่าข้อยี่สิบข้อแต่ให้เวลาทำวันเดียว ในกรณีอันนี้น่ะ เราเห็นด้วย ว่าควรจะให้เวลาทำมากกว่านี้หรือลดการบ้าน :) เช่น วิชาฟิสิกส์ข้อนึงใช้เวลาเยอะพอสมควรเลย - -"

0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 19:32 น. 24

พูดตามตรง
ถ้าการบ้านมันมีสาระ มันจำเป็นจะต้องทำ ทำในห้องไม่ได้จะไม่ว่าเลยหากการบ้านนั้นหนักและต้องทำนาน
ทว่าการบ้านที่เป็นอยู่ในโรงเรียนคือการบ้านที่ซ้ำซาก สามารถสอนและเรียนรู้ในห้องเรียนได้ ไม่จำเป็นต้องวัดผลนอกห้องเรียนก็สามารถรู้ได้ว่าเด็กทำได้หรือไม่
ดังนั้นจะให้ทำเยอะ ๆ ไปทำไม ?


แต่การบ้านในชั้นมหาวิทยาลัยจะให้หนักกว่านั้นก็เป็นสิ่งสมควร
เพราะการบ้านบางอย่างมันไม่อาจจะรู้ได้ว่าเรียนในห้องเรียนแล้วรู้รึเปล่า
ตัวอย่างเช่น การบ้านบางวิชา มีแค่ข้อเดียว แต่ให้รวมกลุ่ม 5คน ใช้เวลา 1 สัปดาห์ในการหาคำตอบ เพราะคำถามคือ... วัสดุใดเหมาะสมสุดในการใช้ปูพื้นและผนังเพื่อไม่ให้เกิดเสียงสะท้อน ...เล่นต้องคำนวณถึงพื้นที่ร่างกายของคนที่จะเข้าไปอยู่ในโรงหนังกันเลยทีเดียว

...แถมเวลาส่ง แต่ละกลุ่มยังได้คำตอบที่ไม่เหมือนกันอีกต่างหาก (ฮา)

0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 19:49 น. 25

...เราว่า ขีดที่ชี้วัดว่า การบ้านเยอะหรือน้อย ไม่ควรเป็นเส้นแบ่งระหว่างทำการบ้านทันหรือไม่ทันนะ

เพราะถึงจุดนั้นแล้ว เราว่า การบ้านเยอะไปแล้วชัวร์ ๆ !
เพราะการบ้านที่พอดี ยังไงก็ควรจะแน่ใจว่าเด็กต้องทำมันได้ทันแม้จะมีกิจกรรมอื่นที่ต้องทำในวันนั้นด้วยสิ !

ส่วนเรื่องดินพอกหางหมู ก็เห็นด้วยว่าหากพอกเอาไว้ก็สมควรจะทำไม่ทันกัน แต่ส่วนนี้มักจะเป็นกับรายงานมากกว่า
ทว่าหากให้เดทไลน์ตรงกัน เราก็ว่าเป็นการจัดสรรที่ไม่เหมาะอยู่ดี
เพราะมันจะทำให้จัดเวลาในการทำงานยาก
จะให้ทยอยผลัดกันทำ รับรองว่าสับสนแน่ ส่วนใหญ่จึงมักทำปรู๊ดเดียวจบมากกว่าทยอย ๆ กันทำ
และหากทำก่อนเพื่อน โอกาสทำงานหายก่อนถึงวันส่งก็มีสูงอีก (เคยเป็นง่ะ ทำทิ้งไว้แล้วหางานที่ทำไม่เจอ แถมลืมอีกว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง)

0
leodragon 2 ก.ย. 56 เวลา 20:14 น. 26

ถ้าในระดับมหาลัย
การบ้านที่ได้รับ 
เช่น
- โปรเจ็คนิตยสาร 1 เล่มเวลา 50 วันโดยประมาณ
- เขียนบท (2สัปดาห์/ชิ้นบางทีสั่งเดียวและกลุ่มพร้อมกัน)
- เขียนสารคดี (อันนี้ให้งานทุกคาบ และทุกคาบต้องมีงานส่ง)
- เขียนเชิงประชาสัมพันธ์ (ความถี่เฉลีย 2สัปดาห์/ชิ้น)
ปีนั้นลงไป 7 ตัว นี้เป็นตัวอย่างการบ้าน 4 จาก 7 วิชา 
มันไม่ได้ยากมากมายเพราะเราเลือกแล้วว่าจะเรียนทางนี้ แต่คุณพระ มันจะมาทำไมพร้อมกันทุกวิชา บางวิชาต้องส่ง2ชิ้นพร้อมกันอีก จนไม่รู้จะเลือกทำวิชาไหนก่อนดี ข้าน้อยก็เร่งปั่น 2 ชั่วโมงก่อนส่งไปซะหลายชิ้น

เว้นแต่งานกลุ่มที่บางทีต้องออกนอกสถานที่ ตั้งแต่ 5โมงเย็น ยันตี 4 แทบไม่มีเวลานอนกันเลยทีเดียว ซึ่งงานเดียวก็มีที่ต้องเทียวหาข้อมูลตอนกลางคืน เฮ่อ นี้ไม่นับกิจกรรมประจำปี บราๆอีก ตายๆๆ 
/หมายถึงเด็กมัถยมหรอ โทดทีๆๆๆ

0
Arale_loveGiyul_Alexe 2 ก.ย. 56 เวลา 20:16 น. 27

การบ้านมันเยอะจริงๆ เยอะมากๆ สั่งแต่ละอย่างต้องเป๊ะ ต้องเป๊ะ ตอนนี้นอนเที่ยงคืน-ตีหนึ่งทุกวัน การบ้านสั่งแล้วได้อะไร? ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นนอกจาก
"เด็กลอกกันมาส่ง"
แล้วดีใจกันหรือคะคุณครู? เด็กลอกงานกันมาส่ง แทนที่จะสอนให้เข้าใจมากกว่านี้ ช่วยเด็ก ไม่ใช่เอะอะก้อสั่งๆ คิดว่าเรียนวิชาคุณคนเดียวรึไง คาบนึงก้อสั่งงานนึง อีกคาบนึงก้อสั่งอีกงานนึง แล้วนัดส่งพร้อมๆกัน คิดว่าจะทันเหรอ แล้วพอทำได้ไม่ดีก้อมาว่าเด็กอย่างนั้นอย่างนี้
ลดการบ้านลงเถอะ ตราบที่เด็กยังลอกการบ้านกันมาส่ง การให้การบ้านเยอะๆก้อไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ

0
~tamada~ 2 ก.ย. 56 เวลา 20:24 น. 28

เราก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนะ เราเพิ่งเรียนแค่ม.ต้นไง เลยคิดว่าการบ้านตอนนี้ยังไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ แฮ่ๆ แต่เราว่ามันก็เยอะพอสมควรอยู่เหมือนกันนั่นแหละ เลยขอโหวต 'สนับสนุน' ไปก่อนแล้วกัน (เราว่าเด็กส่วนใหญ่ยังไงก็อยากได้การบ้านน้อยๆอยู่แล้วล่ะ 555555 ) 
แต่เราว่าเราอยากให้การบ้านออกแนวให้เด็กใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทำอะไรใหม่ๆ ความรู้ที่ได้มาเอาไปประยุกต์ใช้ซะมากกว่านะ  ไม่ใช่สักแต่ว่าสั่งๆๆๆๆ มาเยอะๆๆๆๆ 
แต่.....ส่วนที่บอกว่าการบ้านน้อยลงแล้วจะมีเวลาทำอะไรมากขึ้น แบบ ...ทำงานบ้าน ไปเรียนพิเศษ อ่านหนังสือทบทวน เราว่ามันก็ไม่จริงไปซะหมดนะ บางทีถ้ามีเวลาว่างมากขึ้น ก็ไม่ใช่เด็กไทยทั้งหมดนะที่จะไปทำอะไรเหล่านี้ เราว่ามันก็ต้องมีบ้างแหละที่จะไปเล่นเกม โซเชี่ยลมีเดีย หรืออะไรสักอย่างที่มันไม่ได้มีประโยชน์อะไร 
สรุปเราว่ามีบ้างมันก็ดีแหละการบ้าน ข้อดีมันก็มีอยู่แล้ว ทำให้ได้ทบทวน (ตราบใดที่ยังทำเองนะ) ได้ขยันบ้าง แต่เราว่าสั่งจนล้นๆๆ งานชิ้นใหญ่ๆ จนเด็กไม่มีเวลาหายใจหายคอมันก็ไม่ใช่แหละจ้าา... 

0
เนล 2 ก.ย. 56 เวลา 20:28 น. 29
ถ้าให้ตารางการบ้านมาทั้งหมด
ย้ำทั้งหมด !
ตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอมมา
จะไม่ว่าสักคำ

นี้เล่นร่วมใจกัน
สั่งทีเดียว!
ตอนก่อนสอบ!
1อาทิตย์!!

แล้วผมจะเอาเวลาไหนมาอ่านหนังสือ
กลับบ้านทุกวันนี้ก็2ทุ่มละ T_T


0
perafall 2 ก.ย. 56 เวลา 20:47 น. 30

ที่จริงการบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะค้ะ เราไม่เห็นด้วยมากๆเลยที่จะมาลดการบ้าน 
จริงอยู่ที่บางทีมันอาจจะหนักไป มันอาจจะเหนื่อย ไม่ค่อยมีเวลา ถ้ามันไม่เป็นดินพอกหางหมู มันก็ยังพอสู้ไปได้ ในฐานะนักเรียน มันก็ต้องมีบ้าง ดูอย่างสมัยก่อนสิค้ะ งานมันหนักกว่าสมัยนี้ตั้งเยอะ เเล้วก็ไม่มีเทคโนโลยีเหมือนสมัยนี้ด้วย เเต่เค้าก็ยังผ่านมาได้ ด้วยจิตสำนึกของคำว่านักเรียนคือต้องสู้เเละพยายาม


0
melon12 2 ก.ย. 56 เวลา 20:49 น. 31

ขนาดครูสอนวิชาเดียวไม่ไหว แล้วเด็กจะไปเหลืออะไรให้การบ้านคนละวิชาแล้วถ้าเรียน 10 วิชา มันจะไม่ไหวรึ? แถมต้องทำให้ทันส่งด้วยถ้าทำไม่ทันก้อโดน อีกวิชานึงถ้าเสร็จทันก้อรอดตัวไป นี่มันเกี่ยวกับดวงหรือเปล่าเนี้ย?

0
leodragon 2 ก.ย. 56 เวลา 21:06 น. 32

วิชาเคมี เราคิดว่าเข้าใจ และทำข้อสอบออกมาโอเครทีเดียว

แต่เกรดห่วยแตกบรม เพราะอาจารย์เอาคะแนนจากการบ้าน

ที่เราทำผิดบ้าง ส่งไม่ทันบ้างเป็นเกณฑ์ชี้วัดความสามารถ

เสียความรู้สึกอย่างแรง ตอนทำการบ้านคือไม่เข้าใจไง

ทำผิด แต่พอเรียนศึกษาไปก็เริ่มเข้าใจทำข้อสอบได้

แต่ดันให้น้ำหนักการบ้านมากกว่าคะแนนสอบเนี้ยนะ

ซึ่งอาจารย์ดังกล่าวได้หนีออกจากโรงเรียนไปเปนที่เรียบร้อยแล้ว

ดัวยเหตุใดไม่ทราบ เน้นว่าหนี เพราะไม่มีใครรู้ จู่ๆก็ไม่มาสอนซะงั้น!!!

0
haruuta 2 ก.ย. 56 เวลา 21:25 น. 33

งานที่โรงเรียนเยอะมาก พอทำไม่ทันก็ลอกกัน เราเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยลอกการบ้านเพื่อน ถ้าไม่จำเป็นมากๆ เทอมนึงก็ไม่เกิน2ครั้งอ่ะนะ จะลดหรือไม่ลดเราว่าขึ้นอยู่กับตัวเราว่าขี้เกียจมากแค่ไหน บางคนได้งานน้อยก็ลอก งานมากก็ลอก ให้เยอะอ่ะดีแล้ว เพราะข้อสอบที่ได้ส่วนมากก็มาจากการบ้านทั้งนั้น เด็กไทยสู้ค่ะ

0
azumeow sunthia 2 ก.ย. 56 เวลา 21:39 น. 34

จุดประสงค์ของการบ้านคืออะไร?

คือการให้เด็กได้พัฒนาทักษะของตนไม่ใช่หรือ
โจทย์ที่ให้อาจารย์ควรให้ที่น้อยแต่หลากรูปแบบ เพื่อให้เด็กพัฒนาตนเอง อันนี้เคยเจอมาจริงๆรู้สึกว่าอาจารย์ที่สอนทำงานได้ดีมาก
อาจารย์ท่านนี้สอนวิชาคณิตศาสตร์ อีกท่านสอนวิทยาศาสตร์แต่ขอพูดถึงวิธีที่ท่านอาจารย์ที่สอนคณิตให้การบ้านคือ

ให้น้อยข้อ แต่หลากรูปแบบ

ซึ่งทำให้เด็กได้รู้วิธีในการแก้โจทย์ปัญหาในรูปแบบต่างๆได้มากยิ่งขึ้น สามารถทำข้อสอบได้ดี

แต่คิดว่าอาจารย์ส่วนมากให้การบ้านแบบที่มีรูปแบบคล้ายกันหลายๆข้อ นั้นไม่ทำให้เด็กได้พัฒนาทักษะเลย

มีอาจารย์อีกบางท่านที่ให้การบ้านแบบลอกมาส่ง ซึ่งนั้นไม่ใช่การให้เด็กได้พัฒนาทักษะที่แท้จริง การพัฒนาทักษะของเด็กคือ ให้เด็กสามารถคิดเองได้แม้ไม่ถูกก็ตาม เผื่อให้เด็กกล้าคิด กล้าทำ เพราะผลสุดท้ายมันจะทำให้เด็กสามารถคิดเองเป็น

คุณว่าอย่างนั้นมั้ย?

0
boomzboom 2 ก.ย. 56 เวลา 21:47 น. 35

คือ ดินพอกหางหมูก็ไม่นะครับ แต่การบ้านมันมีทุกวันต้องดูว่าวิชาไหนมาก่อน-หลัง ทำให้ต้องทำบางวิชาก่อนแต่คือปัจจุบันมันเยอะเวอร์อะ นอนตี1ตี2เกือบทุกวันตื่นตี5ไปโรงเรียนงี้มันก็ไม่ไหวนะ
โดยเฉพาะช่วงใกล้สอบนอนวันละชั่วโมงได้ TT แล้วไหนมีสอบย่อยอีกจะเอาเวลาไหนไปอ่านหนังสือ

ผลสอบไม่ต้องพูดถึงเลย 

0
ever green 2 ก.ย. 56 เวลา 22:54 น. 38

ครูคนนึงก็สอนหนึ่งวิชา แล้วทำไมนักเรียนคนนึงถึงเรียนหลายวิชาละคะคุณครู T______________T

0
The Cr@zy_RabbiT 2 ก.ย. 56 เวลา 23:09 น. 40

การบ้านมีก็ดีเพื่อจะได้ทบทวนในเรื่องที่เรียนว่าเข้าใจเนื้อหาหรือไม่  แต่ไม่ใช่สั่งเยอะๆหนักๆหรือตามอารมณ์แล้วเด็กก็ลอกกันถ้าทำไม่ทัน ก๊อปมาจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งเห็นว่าจุดตรงนี้ไม่ค่อยเกิดประโยชน์เท่าไหร่ ส่วนตัวอยากให้เป็นการสั่งการบ้านที่เด็กอยากจะทำหรือได้ใช้ทักษะต่างๆ เกิดความคิด มากกว่า แล้วก็มีไม่ต้องเยอะมาก ถึงมีน้อยแต่ก่อให้เกิดความเข้าใจ และได้นำไปใช้จริงๆและเพื่อให้เด็กได้ใช้เวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง จะได้มีเวลาพักผ่อน ได้อ่านหนังสือ ได้ทำกิจกรมที่ชอบ

เราอยากจะทำกิจกรรมอีกสารพัดแต่ต้องติดแหง่วกับการบ้านที่หนักอึ้ง เลยกลายว่าการบ้านเยอะเป็นข้ออ้างเวลาอยู่บ้านไปเลย...แย่จัง ; A ; อีกอย่างต้องทนอนดึกเพื่อการบ้านที่สั่งปุ๊บส่งปั๊บด้วยอ่ะ ไม่โอๆ 
                             


0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 23:19 น. 41

สมัยก่อนนี่ การบ้านเยอะกว่าสมัยนี้จริงเหรอ ?

คิดไม่ออกแหะว่าสมัยก่อนจะการบ้านเยอะกว่าสมัยนี้ได้ยังไง


เพราะสมัยก่อน... สมุดเรียนยังไม่ค่อยมีกัน ดินสอปากกายังต้องรอรับแจก เวลาไปไม่มีรถ มีแต่เดินเท้าไม่ก็ปั่นจักรยาน
แบบนี้ทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะทำการบ้านกันหรอก
ไหนจะเรื่องที่ต้องช่วยผู้ใหญ่ทำงานบ้าน หรือช่วยประกอบอาชีพเช่นขายของอะไรพวกนี้อีก
ติวพิเศษ เรียนพิเศษก็ไม่มี ดังนั้นการบ้านสมัยก่อนไม่น่าจะมีเยอะเท่าสมัยนี้

อืม... จะบอกว่าสมัยก่อนสภาพเป็นแบบนี้ ดังนั้นจึงคงสภาพแบบที่เราว่าไว้... ไม่ใช่แน่ ๆ ยุคสมัยเปลี่ยนแล้ว ทุกอย่างก็ควรเปลี่ยนตามให้สอดคล้องสิ
ทว่า... การบ้านเยอะขึ้นนี่ มันเหมาะสมจริงเหรอ ? ไม่เห็นจะมีอะไรมากรองรับนอกจากการคิดไปเองว่ายิ่งเยอะยิ่งดี


ส่วน... ที่บอกว่า ข้อสอบที่ให้ ก็การบ้านทั้งนั้น...
จริงเหรอ ?

1. ไม่มีความจำเป็นที่ข้อสอบจะตรงกับการบ้านที่ให้
ครูออกข้อสอบเอง จริงอยู่อาจจะมาจากการบ้าน แต่ไม่มีอะไรการันตรีว่าเป็นเช่นนั้นเสมอไป
และข้อสอบที่ออกมาจากการบ้าน ถือว่าเป็นข้อสอบที่มีประสิทธิภาพอย่างนั้นหรือ ? ทำไมไม่ออกตามที่สอนล่ะ ? ถ้าที่ให้ทำการบ้านไม่เป็นตามที่สอนจะทำยังไง ?

2. ข้อสอบเข้ามหาลัย มักไม่เป็นไปตามที่ครูสอนในโรงเรียน
แต่มักจะตรงกับที่ติวพิเศษมากกว่า อันนี้เห็นบ่นมาหลายคน ดังนั้นการบ้านจึงไม่ได้ช่วยให้มีโอกาสสอบติดมหาลัยมากขึ้นสักนิด

3. การจำจนทำได้ ไร้ประสิทธิภาพ ต้องเข้าใจจนทำได้
ทำการบ้านเยอะ ๆ คงไม่ใช่เข้าใจหรอก แต่มันเป็นการจำจนทำได้ต่างหาก ถ้าเข้าใจ แค่ข้อเดียวก็เพียงพอแล้ว หลังจากนั้น ก็นำที่ทำได้ข้อเดียวนั่นแหละมาประยุกต์จึงจะเหมาะสมกว่า
ทว่าหากไม่เข้าใจแล้ว การให้การบ้านมา มันก็ไม่มีทางที่จะให้เด็กจู่ ๆ จะเข้าใจเองได้ ดังนั้นจึงต้องมีครูช่วยอธิบายและช่วยสอนจนกว่าจะให้เด็กเข้าใจได้
แต่การบ้านที่ไม่มีครูมาสอนอยู่ข้าง ๆ จะให้มาทำไม ?

ให้การบ้านมาข้อเดียวเพื่อให้เด็กรู้ว่าไม่เข้าใจตรงไหนเพื่อที่จะถามไถ่ในภายหลังก็โอเค แต่ให้มามาก ๆ จะให้มาทำไม ?

0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 23:27 น. 42

...แต่เรื่องการบ้านมหาลัยของเราโคตรหนักเลย

มีตัวนึงที่ไม่ว่าจะเร่งแค่ไหน ก็ต้องทำข้ามคืน ตั้งแต่มืดจรดเช้า (จริง ๆ)
ซึ่งการบ้านตัวนั้น ดันต้องทำส่งทุก ๆ สองครั้งในสัปดาห์เพื่อดูความก้าวหน้าและพัฒนาการบ้านให้ดี ๆ ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

แน่นอน อดนอนกันเป็นเรื่องปรกติ
และถ้าจะยิ่งทำให้ดี แค่เวลามืดจรดเช้ามันไม่พอหรอก

ที่สำคัญ มันไม่ได้มีแค่การบ้านของวิชานี้วิชาเดียวด้วยนี่สิ

หากเจอการส่งงานครั้งสุดท้าย ที่ต้องสรุปผลงานทั้งหมดที่ทำมาเป็นตัวไฟนอล ยังไงก็ต้องทำอย่างน้อยที่สุด 3 - 4 วัน
แน่นอน บางคนอดนอนข้ามวัน 2 - 3 วัน ก็เป็นเรื่องปรกติ



แต่หนักแบบนี้เรารับได้นะ
เพราะมันไม่ได้ไร้สาระแบบการบ้านสมัยโรงเรียน
มันมีการพัฒนา มันมีจุดหมาย และที่สำคัญเรียนรู้แค่ในห้องเรียนไม่ได้ เพราะมันไม่มีผลลัพธ์ให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน
ซ้ำยังเป็นสิ่งที่ต้องทำจริงเวลาออกไปทำงานยังภายนอกอีกต่างหาก


ทว่าที่ให้ทำในโรงเรียนมันอะไร ?
ความรู้พื้นฐานเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ทำไมต้องทำหนักขนาดนั้น ?
แถมไม่ใช่ความรู้ที่จะประกอบอาชีพอีก แต่เป็นความรู้ที่จะสอบเพื่อไปเรียนต่อคณะที่จะประกอบอาชีพ... ซ้ำยังไม่รู้ว่าจะได้ใช้วิชานั้นสอบหรือเปล่า เพราะหลายวิชาก็ไม่ได้ใช้สอบ
ไหนเรื่องที่จะใช้เวลาทำการบ้านเหล่านี้ไปติวพิเศษโดยตรงยังได้ผลกว่าอีก

ดังนั้นจะให้ขยันไปทำไม ? ขยันกับสิ่งที่ไม่ให้อะไรเราจะขยันไปทำพรื้ออะไร ?

ขยันเพื่อให้ติดเป็นนิสัย ?
ตลกล่ะ คนโง่ไม่ได้คิดอะไรเท่านั้นที่จะขยันไปกับเรื่องที่เปล่าประโยชน์ เพราะมนุษย์เรายังไงก็ชอบความสุขสบายอยู่แล้ว
กลับกันหากมีอะไรที่ชอบ อยากทุ่มเทและมุ่งมั่นจริง ๆ ยังไงก็ขยันขึ้นมาได้ อย่างเช่นเล่นเกมเป็นต้น อดหลับอดนอนยังทำได้กันหลายคน
หากรู้ว่าอนาคตอยากทำอะไร เด็กย่อมจะขยันเช่นนี้ได้อยู่แล้ว

ยังไม่รวมถึงหากขยันในการเรียนเด็กย่อมเลือกขยันไปกับการเรียนพิเศษและติวพิเศษอยู่แล้ว การบ้านจะให้เยอะไปทำไม ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร แถมไปถ่วงเวลาที่เด็กขยันจะไปขวนขวายหาที่เรียนพิเศษอีก

0
[ I'am Beaw ]*B 2 ก.ย. 56 เวลา 23:35 น. 44

อยู่ ม.6 ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ เพราะต้องมานั่งทำการบ้าน ไปสอบ มข. กลับมา การบ้านตรึม

0
ซ่อนนาม 2 ก.ย. 56 เวลา 23:50 น. 45
ถาม: การบ้านมีเพื่ออะไร ?

เพื่อทบทวนบทเรียน - มีไม่กี่ข้อก็ทบทวนบทเรียนได้แล้ว ทำไมต้องมีเยอะ ?

เพื่อให้เด็กเก่งขึ้น - เรียนในโรงเรียนมีเพื่อให้รู้และเข้าใจก็พอแล้ว โรงเรียนไม่ได้มีไว้เพื่อติวให้เด็กสอบโอลิมปิกส์วิชาการ ดังนั้นไม่ต้องทำการบ้านเผื่อไว้ถึงขั้นนั้น ถ้าเด็กอยากเก่ง เค้าก็ไปหาที่ติวที่เรียนเองได้

เพื่อให้เด็กขยันและมีความรับผิดชอบ - เด็กสามารถหาความรับผิดชอบจากสิ่งอื่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นการบ้าน และการบ้านมีวิธีทุจริตมากมายที่สามารถขี้เกียจและขาดความรับผิดชอบก็ยังมีผลงานเพราะไม่มีใครไปคุมได้ หากอยากให้เด็กขยันและมีความรับผิดชอบ การจัดให้มีเวรทำความสะอาดห้องเรียนยังได้ผลลัพธ์ที่ตรงกว่า

ดังนั้นไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะให้มีการบ้านเยอะ ๆ
(มีได้แต่ไม่ควรจะมีเยอะ และอาจจะสรุปว่าการบ้านมีน้อยก็เพียงพอต่อเด็กแล้ว)
0
ユキネ 3 ก.ย. 56 เวลา 00:09 น. 46
เราคิดว่ามีการบ้านเยอะก็ดีนะ
เเต่ที่โหวตฝั่งนี้เพราะว่า 'มันเยอะเกินไป'
ประเด็นสำคัญของโจทย์ในข้อนี้ถามว่า
การบ้านเยอะไปไหม?
ไม่ใช่ถามว่าควรมีการบ้านมั้ย ?
ใครบางคนอาจจะเขาใจผิด.

เราคิดว่ามีการบ้าน ดีตรงที่เราได้หมั่นทบทวน
เเต่รู้อะไรมั้ย ?
บางคนไม่คิดเเบบนั้น 
บางคนต้องนอนดึกคำเคร่งเกือบทุกวัน ก็เพราะว่า 'การบ้าน'
มีน่ะ มีได้ค่ะ เเต่บางอย่างก็ควรจะลดบ้าง
เเล้วเอาส่วนที่ลดมาหากิจกรรม 'สร้างสรรค์' ดีกว่ามั้ย ?

อันนี้คือความเห้นเรานะ เราคิดว่าถ้าได้เรียนอะไรที่สนุกๆ
ใครๆ ก็ชอบทั้งนั้น
ไม่มีใครชอบการบ้านหนักๆ เรียนหลับคาห้องหรอก

เราอยากให้ใครหลายๆ คนพิจารณานะ
ในเรื่องของการบ้าน


(ความจริงปัญหาการศึกษาไทยไม่ใช่เเค่การบ้าน
อีกทั้งยังมีเรื่องของการเรียน เเละอะไรอีกหลายๆ อย่าง
อะไรที่เเก้ไขได้ก็ควรเเก้ไข
อย่านึกเลียนเเบบชาติอื่นเป็นหลัก

เเต่ให้เห็น 'ชาติไทย' เป็นหลัก มองว่าเด็กไทยเหมาะกับการศึกษาเเบบไหน เเล้วปรับปรุงให้ดีขึ้นจะดีกว่ามั้ย ? )


บางคนที่ดีอยู่เเล้ว คิดเองเป็นเเล้วก็คงจะเข้าใจความเห็นนี้
ส่วนใครบางคนที่อ่านเเล้วยังไม่เข้าใจก็..
อ่านใหม่อีกรอบนะคะ : )




0
ซ่อนนาม 3 ก.ย. 56 เวลา 00:29 น. 48

#46
ขอเสริมตรงนี้สักหน่อย...

ความจริงปัญหาการศึกษาไทยไม่ใช่เเค่การบ้าน
อีกทั้งยังมีเรื่องของการเรียน เเละอะไรอีกหลายๆ อย่าง
อะไรที่เเก้ไขได้ก็ควรเเก้ไข
อย่านึกเลียนเเบบชาติอื่นเป็นหลัก
เเต่ให้เห็น 'ชาติไทย' เป็นหลัก มองว่าเด็กไทยเหมาะกับการศึกษาเเบบไหน เเล้วปรับปรุงให้ดีขึ้นจะดีกว่ามั้ย ?



ปัญหาก็คือ

1. วิธีที่ต่างชาติทำหลายชาติเขาพิสูจน์แล้วว่าได้ผล ดังนั้นการจะนำของเขามาใช้ก็ไม่แปลกอะไร
ทว่าหลายครั้งภาครัฐนำมาแต่เปลือก โดยไม่เข้าใจสาระที่ต่างชาติทำเลยสักนิด เช่นแอดมิดชั่น การวัดผลของแต่ละโรงเรียนมันมีคุณภาพได้ผล เขาเลยใช้แอดมิดชั่น ทว่าไทยเราไม่มีคุณภาพ ดันเอามาใช้เลยมีปัญหา

2. หลายครั้งที่คนไทยทำอะไรโดยไม่มีการศึกษาอย่างถี่ถ้วน
ที่บอกว่าทำแบบนี้แล้วจะเหมาะสมกับคนไทย เป็นการนั่งเทียนคิดแล้วทำออกมาเลยเป็นส่วนใหญ่ ทว่าของต่างชาติจะทำ เขาจะมีการศึกษามาหลายปี มีการเก็บข้อมูล รวบรวมสถิติแล้วโต้เถียงว่าวิธีไหนดีที่สุดแล้วจึงค่อยสรุปผลเลือกวิธีที่ต้องการ
แต่ของไทยไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด นึกจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน

0
yothiga_paradise 3 ก.ย. 56 เวลา 00:31 น. 49

เอาจริงๆนะ ปริมาณการบ้านที่เยอะ ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะเรียนรู้เรื่องขึ้น
อาจารย์ที่ฉลาดและเก่ง จะสามารถแจกการบ้านในโจทย์ที่ฉลาด และคลอบคลุมเนื้อหาได้
การบ้านต่อคาบ มีการวิจัยออกมาแล้วว่าตกประมาณ5-8ข้อมั้งถ้าจำไม่ผิด จะสัมฤทธิ์ผลดีสุด
แจกเยอะไปรังแต่จะทำให้เด็กทำไม่ทัน/ไม่อยากทำ สุดท้ายก็ไปลอกเพื่อนอยู่ดี

ที่บ่นๆกันว่าหนัก มันไม่ใช่แค่การบ้านทบทวนบทเรียนไง มันพวกรายงาน โครงงาน บลาบลา ที่มันกลายเป็นผลงานอาจารย์ ไม่ใช่ผลงานนักเรียนมากกว่า
มันผิดตั้งแต่ระบบการประเมิณอาจารย์แล้ว  
ไม่ได้วัดว่าอาจารย์สอนนักเรียนเก่ง แต่วัดว่าอาจารย์มีผลงานอะไร
อาจารย์ก็มาลงกับนักเรียนให้สร้างผลงานให้อาจารย์
นักเรียนก็ต้องเอาเวลามาทำงาน ให้อาจารย์ไปประเมิณ
แล้วเราก็ต้องไปเรียนเนื้อหาจริงจังเอาจากที่เรียนพิเศษ
มันสมควรจะเป็นแบบนี้จริงๆเหรอ?



0
ashley_cc 3 ก.ย. 56 เวลา 01:17 น. 50

ควรเลิกการบ้านที่ไร้ซึ่งสาระจนเกินไป  เช่นลอกในหนังสือเอาไปส่งเพราะคิดผิดๆว่ามันจะผ่านตาเด็ก  หรืออีกประเภทที่เยอะเกินไปมันมากจนไม่สนใจแล้วลอกส่งๆไปเหอะ  ยิ่งม.6 นี่แบบขอเวลาหนูอ่านหนังสือเถอะ ปิดเทอมยังวิ่งส่งงานไม่เว้นวันว่างเสาร์อาทิตย์แบบนี้ไม่ไหวนะ 

0
Prisma Dominatus 3 ก.ย. 56 เวลา 10:35 น. 51

เยอะน้อยไม่ต่างกัน ความรับผิดชอบมันแย่ มันก็แย่

เพราะอย่างไง จำนวนมากก็เอามาให้บนเว็บบอร์ดช่วยทำ ให้คนอื่นช่วยทำ

พอครูเห็นว่ายังไม่มีความรู้ เลยให้เพิ่ม เพราะคิดว่าถ้าทำเพิ่มจะมีความรู้...หารู้ไม่ว่าที่มันมีส่ง มันไม่ได้ทำเอง

ฉะนั้นการบ้านเยอะ ไม่ได้ทำให้เด็กเรียนดี การบ้านน้อย ก็ไม่ได้ทำให้เด็กเรียนดี

สนับสนุนให้ให้เป็นโปรเจครายงาน วิชาละโปรเจค ให้เวลาทั้งเทอม และเด็กที่ไม่ส่ง ทำแบบขอไปที หรือลอกมา ให้ซ้ำชั้น

แค่นี้หนึ่งเทอมก็มีการบ้านแค่ 10 งาน...คนที่ทำไม่ทันถือว่าขี้เกียจ ไม่คู่ควรกับศักดิ์และศรีของการเรียนจบ

0
atlantas 3 ก.ย. 56 เวลา 11:28 น. 52

ผมคิดว่าอีกปัญหาก็ คือการที่ต้นเทอมครูไม่ให้การบ้านเพราะทำตามนโยบายลดการบ้านของรัฐบาล แต่ปัญหาที่ตามมาคือ
เด็กไม่มีคะแนน!!! เพราะเรียนและทำงานเล็กๆ น้อย ตอนไกล้สอบ
จึงสั่งการบ้านจนทำไม่ทันเพราะต้องเก็บคะแนนเด็ก นี่คือปัญหาที่ผมเจออยู่ตอนนี้ครับ

0
kingplum 3 ก.ย. 56 เวลา 14:59 น. 53

วันมาฆบูชา พระสงฆ์1250ออกมาเจอกันโดยมิได้นัดหมาย
วันเปิดเทอม อาจารย์1250ท่านสั่งงานโดยมิได้นัดหมาย

0
พราว ภู 3 ก.ย. 56 เวลา 18:13 น. 55
เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่เราทำทุกวิชานะ 

0
Leenalin 3 ก.ย. 56 เวลา 18:20 น. 57
การบ้านเยอะก็ไม่ได้แย่อะไรมันเป็นการฝึกตัวเรานะ แต่ สั่งงาน
วันนี้รายงานเป็นเล่มหนามาก ส่ง...พรุ่งนี้ หรือ วันศุกร์
คาบสุดท้าย..... งานกลุ่ม...ครูพูด..เด็กๆอย่ารบกวนผู้ปกครองนะ..ทำรายงานรูปเล่ม..ชิ้นงาน..พรีเซนท์ด้วยนะคะ....ส่งวันจันทร์นะคะ

งานกลุ่ม..วันศุกร์คาบสุดท้าย..ส่งจันทร์คาบแรก..ห้ามรบกวนผู้ปกครอง
0
Blackcat~Paw 3 ก.ย. 56 เวลา 18:25 น. 58

การบ้านปัจจุบันโรคจิตและเถื่อนมาก.. บางวิชา..

สั่งรายงาน พรุ่งนี้ส่ง...

สั่งชิ้นงาน วันถัดมาส่ง

สั่งใบงาน ตอนเย็นส่ง

เวลานอนเฉลี่ยของเด็ก ร.ร. เราประมาณ 5 ทุ่มถึงตีสอง...

อยาก...จะร้องไห้...
อยากให้มีเวลากว่านี้
ขอเวลา...สักหน่อย
อยาก..ถาม..ว่า..ครู..
ให้เด็กรีบทำไปไหน..


0
PanG_ii 3 ก.ย. 56 เวลา 18:36 น. 59

วันหนึ่งเรียน9 ชั่วโมง การบ้านมีประมาณ 6 วิชา ใช้เวลาทำการบ้านเกือบ2 ชั่วโมง บางวัน 3 ชั่วโมง และไหนจะกิน ข้าว อาบน้ำ อ่านหนังสือ รวมๆ ก็เกือบ 1 ชั่วโมง บางคนก็ทำหามรุ่งหามค่ำ  บางคนก็ทำการบ้านจนนอนดึก และการที่นอนดึกก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กโง่(แรงไปก็ขอโทษด้วยนะ)และเรียนไม่รู้เรื่อง

0
siver_buff 3 ก.ย. 56 เวลา 18:37 น. 61

มีการบ้านไม่ว่าหรอก มันเป็นการฝึก

เพียงแต่ว่าควรลดให้มันน้อยลง ไม่ใช่เอ๊ะอะไม่รู้จะสอนอะไร สอนไม่ทันก็ให้การบ้าน

ยิ่งช่วงสอบการบ้านเพียบบบบบบบบบบบ เพื่ออะรายยยยยยยยย

0
-3- Konni Shiwa ^0^ 3 ก.ย. 56 เวลา 19:21 น. 63

ใจจริงอยากโหวตทั้งเห็นด้วยและเห็นต่างเลยนะ แต่ที่โหวตเห็นต่างไป เพราะว่าตอนนี้เราอยู่มหาลัยแล้ว วิชาไหนที่อาจารย์เอาแต่สอนๆๆๆ การบ้านไม่ให้ แบบฝึกไม่มี ถือเป็นวิชาหายนะของเราเลยทีเดียว เรื่องจะให้ไปหาโจทย์ทำเอาเอง สันดานเด็กไทยบอกได้เลยว่ายากกกส์ 

เรื่องความยากความง่ายเราไม่เกี่ยงนะ ขอให้มีเฉลยละเอียดและถามข้อสงสัยได้ทุกเวลาเราก็พอใจแล้ว ถามในเฟสบุ็คได้จะเยี่ยมมาก เพราะปัจจุบันอาจารย์มหาลัยที่ใส่ใจเด็กมากๆ ถามออนไลน์ตอบภายใน 24 ชั่วโมงมีจริงๆค่ะ แม้จะยังมีจำนวนน้อยก็ยังถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี

ส่วนเรื่องเห็นด้วย เราก็ดูน้องสาวเราเป็นตัวอย่าง เด็กมอสามการบ้านเยอะมากก กองพะเนิน แต่ถ้าเอาเวลาเล่นโซเชียลเนตเวิร์คมาจัดการการบ้านเราว่าก็น่าจะพอไหว ตอนนี้แม้แต่เราเองก็ยังมีปัญหาก่ะโซเชียลอยู่นะ 

อีกประเด็นที่จตะเล่าให้ฟังคือพวกโครงงาน หรือรายงานใหญ่ทั้งหลายที่อาจารย์บอกว่าเป็นงานช่วย จะมีอยู่สองอย่างคือ อาจารย์สั่งกระชั้นชิดใกล้สอบ กับสั่งตั้งแต่ต้นเทอมแต่ทำเป็นลืมกันและมาปั่นใกล้สอบ อันนี้เจอมาทั้งสองแบบ ก้มหน้าก้มตาทำไปเพราะว่าทุกอย่างเป็นคะแนนทั้งนั้น

อยากให้เด็กๆรุ่นน้องลองคิดให้ดีซิว่า วันหนึ่งเราหมดเวลาไปกับอินเทอร์เนตและโซเชียลเท่าไหร่ สองชั่วโมงรึเปล่า หรือมากกว่านั้น ปกติเราเอาเวลาสองชั่วโมงนั้นทำอะไรได้บ้าง พิมพ์รายงานหนึ่งหน้า พิมพ์ๆๆทั้งหน้าใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีเท่านั้นเอง (ตอนนี้ทำอยู่ นั่งจับเวลาต่อหน้าเลย) 

ยังไงๆเราก็ยังเห็นความสำคัญของการบ้านอยู่ดี เพราะอาจารย์เค้ารู้สันดานเด็กไทย ถ้าไม่สั่งเยอะเข้าไว้ ก็เอาเวลาไปเล่นอย่างอื่นหมด เรื่องมีสาระน่ะหาไม่เจอ เรื่องเลยเป็นเช่นนี้แล...

0
Unnilium 3 ก.ย. 56 เวลา 19:32 น. 64

จะมีการบ้านไม่ว่ามันก็ดีได้ทบทวน
แต่อาจารย์ชอบสั่งงานพร้อมกัน
มันเยอะมาก แล้วก็ทำไมเวลาสั่งงานถึงชอบสั่งพร้อมกัน
ตอนที่ว่างก็ไม่มีใครสั่งเลยซักคน ToT

0
patena 3 ก.ย. 56 เวลา 19:33 น. 65

เด็กนะค่ะ ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ข้อมูลชุดหนึ่งมาที(การบ้าน) แทบดิ้น ทำส่งไม่ทันก็ตัดคะแนน เพื่อ??

0
StarLullaby 3 ก.ย. 56 เวลา 19:59 น. 66

คือการบ้านอ่ะ
มันมาแบบ เกินไป...
เราอยู่ ม.4 รร.ชื่อดังแห่งหนึ่ง

รายงานเขียนทั้งเล่ม หนึ่งอาทิตย์
รายงานพิมพ์ สองวันส่งยังมี
ใบงาน สั่งต้นคาบ ส่งท้ายคาบ เด็กไม่ฟังครูสอนเพราะทำใบงาน
โจทย์เลขร้อยข้อ สั่งเย็นเอาเช้าวันรุ่งขึ้นยังมี
สั่งละครห้องตอนกลางวัน เอาตอนเย็น
งานที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นรายงาน ไม่ค่อยมีเป็นโจทย์
และมันก็มีทุกคาบ แทบทุกวิชา

เลิกเรียนห้าโมงเย็น และบางวันถึงสามทุ่ม
ทำการบ้านถึงเที่ยงคืนทุกวัน แต่ก็ไม่เสร็จ
นักเรีนยต้องตื่นตั้งแต่หกโมง...เข้าแถวเจ็ดโมงยี่สิบ

นักเรียนมีเวลานอนไม่เพียงพอ และต้องไปหลับในคาบ เรียนไม่รู้เรื่อง การบ้านทำไม่ทัน ต้องแอบทำในคาบอื่นๆ ไม่ได้เรียนกัน บางวันต้องอดข้าวเพื่อทำงาน

การบ้าน ควรจะมีการประสานงานระหว่างครู
บางช่วงการบ้านสามปีก็ไม่เสร็จ ต้องแบ่งกับเพื่องในห้องแล้วแชร์ๆ กัน บางช่วงก็ว่างยิ่งกว่าว่าง

สรุปว่า ทุกวันนี้การบ้านเยอะไปหน่อย แต่อยู่ในขั้นพอรับได้
แต่สิ่งที่เกิดคือ เวลาทำการบ้านที่น้อยไป และความยากของการบ้าน
ที่ยากกว่าที่เรียนหลายเท่า








แต่ก็นะ รร.นี้ก็ยังเป็น รร.ที่ดีที่สุดเสมอ<3



0
I am key 3 ก.ย. 56 เวลา 20:17 น. 67

จริงอยู่ที่การบ้านมีเยอะและการบ้านแต่ละวิชาที่เราได้รับในวิชาเรียนต่างๆนั้นจะช่วยเราในการฝึกทักษะทางด้านต่างๆ..แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าการบ้านที่ครูแต่ละท่านสั่งนั้นจะช่วยเราได้มากเท่าไหร่ครูบางท่านให้การบ้านโดยหลงตัวเองซะมากกว่าว่าสิ่งที่ตนเองมอบให้นักเรียนนั้นดีและถูกต้องเสมอโดยไม่คำนึงถึงการบ้านในวิชาอื่นๆครูแต่ละท่านจะทราบได้อย่างไรในแต่ละวันที่เราเรียนวัน 7-8 วิชานั้นการบ้านมีมากหรือมีน้อยเท่าไหร่ครูบางท่านไม่คำนึงด้วยซ้ำว่าการบ้านที่ให้นักเรียนมานั้นเยอะหรือสมเหตุสมผลมากแค่ไหนไหนจะโครงงานรายงานบางทีทำแบบทดสอบหรืออะไรต่อมิอะไรมากมายประเดประดังเข้ามาเรียนวันละ 7-8วิชาการบ้านก็วันละ 7-8วิชาไม่ใช่แค่เพียง ข้องสองขอแต่มากมายและมาเททับกันจนไม่อยากทำเลยด้วยซ้ำแต่ที่กล่าวมาก็ใชว่าจะให้ลดการบ้านเพื่อความสบายแก่ตัวนักเรียนเองแต่ควรจะมีขอบเขตในการสั่งการบ้านไม่มากไม่น้อยและคำนึงถึงวิชาอื่นๆด้วยใช่ว่าแต่ละดรงเรียนจะมีเรียนแค่วันละสองสามวิชาที่ไหนวันละ7-8วิชาใครจะไปทำไหวถึงไหวก็ทำด้วยจำใจและโดยเฉพาะช่วงใกล้สอบเวลาอ่านหนังสือสอบก้ไม่มีไหนจะโครงงาน รายงานสั่งมาพร้อมกันส่งก่อนสอบมั่งละหลังสอบมั่งละเมื่อมันเยอะก็ไปก็อบๆมาแทนที่จะได้ศึกาาหาความรู้จริงเพียงแต่ก็อบความรู้จากสื่อต่างๆไปส่งเท่านั้นเอง..และ-ข้อสอบน่ะน้อยนักที่จะออกตรงตามหนังสือไปเอาอะไรไม่รู้มาออกไม่ได้อยู่ในหนังสือเรียนสอนอย่างหนึ่งการบ้านอย่างหนึ่งแทนที่จะทำการบ้านแล้วได้ความรู้เรียนแล้วได้ความรู้มากขึ้นกลับกลายเป้นว่าไม่ได้อะไรเลยที่สำคัญในความคิดเราเราว่าควรลดเวลาเรียนเถอะมันเยอะไปเรียนเยอะการบ้านก็เยอะอันนี้เป็นมุมมองของเราเราเจอมาแบบนี้คนอื่นเราไม่รู้

0
คิดคิดคิด คิดไรดีหว่า 3 ก.ย. 56 เวลา 20:37 น. 68

การบ้านเยอะอะ ไม่ว่านะ แต่ที่เราคิดอะ ควรให้มีการเลือกลงเฉพาะวิชาที่เรียนแล้วจะต้องเอาไปสอบ เลือกเรียนเฉพาะไปเลย ไม่ใช่เรียนสายสามัญแล้วต้องเรียนทุกวิชา เพราะถ้าหากเราไม่เข้าใจหรือเรียนไม่รู้เรื่อง ความรู้ที่เราได้มาแต่ละวิชาตีกันหมดแน่นอน แต่เราไม่ห้ามเรื่องงาน การบ้านหรือแบบฝึกนะ เพราะถ้าเราแบ่งเวลาจริงๆอะ ทันอยู่แล้ว และมันก็เป็นตัวช่วยเพิ่มความเข้าใจในเนื้อหาและบทเรียนด้วย ส่วนความรู้รอบตัวอะ เราคิดว่าผู้เรียนคงมีวิจารณญาณในการรับรู้และจดจำเองได้ ไม่จำเป็นต้องเอามาบังคับให้เรียนก็ได้ เพราะถ้าผู้เรียนสนใจจริงก็ต้องพยายามหาความรู้ให้ตนเองอยู่แล้ว

คนอื่นคิดไงเราไม่รู้นะ แต่เราคิดแบบนี้อะ จากใจเด็ก ม6 เลยย

0
Heidi 3 ก.ย. 56 เวลา 20:41 น. 70

เรียนเยอะแล้วงานยังเยอะอีก เรียนวันละหลายๆชม.แต่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำไมประเทศที่เขาเรียนกันน้อยๆเขาเก่งกว่าล่ะ ทำไมเขาทำกันได้ ทำไมไม่แก้ปัญหาให้ตรงจุด ? ลดชั่วโมงเรียนครูยิ่งสั่งงานเยอะเลย การศึกษาไทยน่าจะพัฒนาได้แล้วล่ะไม่งั้นคงไม่ทันชาวบ้านชาวเมืองเขา บางทีเราก็คิดว่าน่าจะไปเรียนเมืองนอกดีกว่าอาจจะได้อะไรที่มากกว่านี้...

0
WhiteRose 3 ก.ย. 56 เวลา 21:04 น. 71

ให้การบ้านวันนี้ บอกให้ส่งวันพรุ่งนี้
พอบอกว่า 'อาจารย์คะ วันอื่นได้มั้ยคะ งานมันเยอะมากเลย'
อาจารย์บอก 'เยอะตรงไหน ง่ายๆ นิดเดียวเอง'

คาบต่อมา ...
'ส่งรายงานวันพรุ่งนี้นะ'
'เอ่อ.. อาจารย์คะ..'
อาจารย์เดินออกจากห้อง

ไม่ฟังตูเลยยยยยยยยยยยยยยย คาบเรียนก็เยอะ ปวดหัวโว๊ยยยยยยยย

0
sineize 3 ก.ย. 56 เวลา 21:29 น. 72

สำหรับเรา เราเห็นด้วยกับเหตุผลเห็นต่างมันก็จริงอ่ะ
มีเพื่อให้เราได้ทบทวน
แต่มันเยอะเกินไปจริงๆ ทำไม่ทันก็ลอกกันอีก สุดท้ายได้อะไร ????

คะแนนเด็กไทยก็เลยที่โหล่อย่างนี้ไง เป็นเพราะหลายๆด้านนะ ทั้งเด็ก ทั้งครู ทั้งรร ไม่เข้าใจครูสมัยนี้เลยนอกจากจะไม่สอนแล้ว ยังสั่งงานแบบง่ายๆแต่สอบยาก ครูคงจะคิดว่าเด็กทุกคนไปเรียนพิเศษมาแล้วสินะ ???

0
*Quizz 3 ก.ย. 56 เวลา 21:33 น. 73
ควรให้การบ้านแบบถูกเวลา
ไม่ใช่ให้ก่อนสอบ สั่งๆๆๆ เกือบทั้งเล่ม
ม.6 แล้วด้วย งานเยอะ แถมต้องสอบเข้าอีก
เหนื่อยมากนะคะ
0
The importent girl 3 ก.ย. 56 เวลา 22:04 น. 74

การบ้านเยอะเรายิ่งโง่ แต่ถ้ามีในปริมาณพอเหมาะ อาจจะทำให้เรามีเวลาทำกิจกรรม ต่างๆได้มากขึ้นนี่

0
Sasoshi 3 ก.ย. 56 เวลา 22:50 น. 75

มันจะไม่เยอะหรอกถ้าอาจารย์ไม่สั่งอะไรไร้สาระ ประมาณว่าไม่อยากให้ว่าง ไปทำอันนี้มานะ เลยสั่งเเบบส่งๆมาเรียนวันละ10วิชาสั่ง10วิชา วิชาหน่วยกิต0.5สั่งเยอะกว่าวิชาหน่วยกิต1.5ซะอีก  เเถมใกล้ๆสอบยิ่งสั่งเยอะขึ้น ไม่รู้เป็นอะไรกัน 

0
echo{ta:&quot;もโมโม/飛牛}; Programmer 3 ก.ย. 56 เวลา 23:06 น. 76

สำหรับบางคนการบ้านที่ได้มาไม่ได้ช่วยทำให้เก่งขึ้น เช่นเพื่อนบางคนในห้องที่ไม่เห็นทำการบ้านไรเลยแต่ได้topห้อง

เพราะเขามีวิธีเรียนของเขา บางคนต้องฝึกทำบ่อยๆ บางคนเน้นอ่านเอาเองไม่ต้องทำ การบ้านที่เยอะไปจะทำให้เด็กเบื่อแล้วลอกในที่สุด (อย่าลืมว่าการบ้านไม่ได้มีวิชาเดียว ครูไม่ค่อยสนวิชาอื่นเท่าไหร่ว่าเขาก็ให้งานมาแล้วนะ แล้วก็สั่งงานวิชาตัวเองอีก)

ควรเน้นการบ้านแบบโปรเจคหรืองานที่ใช้ได้ในชีวิตจริงมากกว่าทฤษฎี ไม่ต้องมีถูกมีผิด เป็นการฝึกให้ใช้ความคิด
เพราะคนส่วนใหญ่ต้องการจบออกมาแล้วทำงานหาเงินได้ไม่ใช่ต้องการความรู้แบบเจาะลึกแต่ใช้จริงไม่ได้
นักเรียนจะได้ไม่ต้องมากังวลแล้วก็ลอกคนอื่นเพื่อส่งเอาคะแนน

0
Railzory Leotraino 3 ก.ย. 56 เวลา 23:07 น. 77

ทุกวันนี้นอนตี3ตื่นตี5 การบ้างแม่งงงงงงงง

งานเยอะ - นอนดึกตื่นเช้า - เรียนไม่รู้เรื่อง - สอบท้ายหน่วย - สอบตก - สอบซ่อมคัด25จบ - งานเยอะ

มันเป็นวัฏจักรที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น

0
Jirasin Chatviset 3 ก.ย. 56 เวลา 23:33 น. 78

มันก็ดีนะครับ ที่มีการบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ในสมุด รายงาน โครงงานมาให้นักเรียนได้ฝึก เพราะความสำเร็จเล็กๆย่อมนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่สิ่งที่เด็กทุกวันนี้ได้รับ มันคือความเหน็ดเหนื่อย..โห งานอีกตั้งเยอะ จะทำยังไงให้งานเสร็จ ทำยังไงให้มีส่ง ความจดจ่อต่องานก็จะไม่มี มุ่งแต่ว่าต้องเสร็จๆ คะแนนไหลมาเทมาที่ฉ้านนนนน!! 

แต่หากลดการบ้านลง ให้นักเรียนได้มีเวลา อาจจะนั่งสมาธิ ผ่อนคลายความล้า ปลูกป่า ดูประการัง ดู.. เด็กก็จะใส่ใจกับงานที่ได้รับมอบหมายได้มากขึ้น มีสมาธิกับงานนั้นๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะเสร็จทันหรือไม่ ให้เด็กได้โซเดมาคอมกับงานนั้นๆ(O.O) ได้อย่างเต็มความสามารถ แล้วมาดูว่าแท้จริงแล้ว ความถนัดแท้จริงที่ซ่อนอยู่นั้นคืออะไร???????

0
ดอกไม้แห่งความมืด 3 ก.ย. 56 เวลา 23:51 น. 79

การที่จะลดการบ้านของเด็ก นร.นั้นควรดูความเหมาะสมค่ะ ความจริงการบ้านคือสิ่งที่ให้เรามาทวบทวนว่าวันนี้ฉันเรียนอะไรไปบ้าง เพราะในหนึ่งวันคงไม่มีรร.ไหนที่เรียนแค่วิชาเดียวหรอกค่ะ  เพราะงั้นเราจะจำได้ทุกอย่างที่เรียนมาได้ไงถ้าไม่มีการกลับมาทวบทวน
ทุกวันนี้หลายคนอาจจะมองว่าการบ้านเยอะบางทีมันก็จริงนะค่ะ เราะเราก็เป็นบ่อย แต่ใช่ว่าจะต้องทำให้เสร็จภายในคืนเดียวแล้วนำไปส่งในวันรุ่งขึ้น ครูทุกคนย่อมรู้ดีค่ะว่าไม่ได้มีแต่ตัวเองที่ส่งการบ้านเพราะงั้นเขาก็คงพิจารณาถึงความเหมาะสมแล้วว่าได้สั่งอะไรไป  การบ้านเยอะก็จริงแต่มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยที่จะต้องรู้จักบริหารเวลา ถึงบางครั้งจะมีการลอกมาส่งอย่างนี้มันก็ได้ผ่านตาอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าไม่มีไรใสสมองเลย เด็กต่างประเทศเขาอาจจะไม่ไม่ต้องทำการบ้านแต่ก็เก่งจริงเพราะได้ประสบการณ์จากการเรียนรู้นอกห้องเรียน เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขามีระเบียบวินัย ควบคุมตัวเองได้ แต่เราบางคนไม่ใช่นี่ค่ะยิ่งมีเวลาว่างมากเท่าไหร่แทนที่จะทำการบ้านทำงานกลับเล่นเกมส์อะไรต่างๆ
การบ้านก็ถือว่าเป็นการฝึกความคิดอีกรูปแบบหนึ่งนะค่ะแต่อยู่ที่ตัวเราว่าจะมองมันเป็นปัญหาที่ทำให้ทุกข์หรือมองว่ามันเป็นอุปสรรค์ที่จะสร้างปัญญาให้ตัวเอง

#ขึ้นอยู่กับวิธีการคิดค่ะ

0
4 ก.ย. 56 เวลา 00:09 น. 80

วิชาที่ควรจะลดก็ลดเถอะค่ะ ถ้าอย่างคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ภาษาอังกฤษ ก็ไม่ต้องลดก็ได้มั้ง เพราะมันต้องอาศัยความชำนาญ ความคุ้นเคยอ่ะ แต่อย่างวิชาที่บรรยายหรือเนื้อหาทั่วๆไป เอาเวลาไว้ให้อ่าน ให้ทบทวนเอาน่าจะดีกว่ามาสั่งทำรายงาน ทำชิ้นงาน หรือทำอะไรที่มันไม่ต้องใช้จริงๆในชีวิตนะคะ

0
F_N_NOOKKY 4 ก.ย. 56 เวลา 00:26 น. 81

การบ้าน อ่ะ ถ้ามีนะ มันก็ดีอยู่หรอกน่ะ แต่ถ้ามันมาที!! ล่ะ เยอะๆฉันก็ไม่ไว้ เหมือนกันน่ะ เว้ย!!!!!!!!!!!!!! โคตรเยอะ อ่ะ ยิ่งช่วงเวลาใกล้จะถึงวันสอบ น่ะ สั่งโน้น สั่งนี้... รายงานบ้างล่ะ ใบงานบ้างล่ะ!! ใครเขาจะไปทันก้านนนน!!!
แทนที่จะได้เอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบ แม่งต้องนั่งมาทำงาน แล้วใคร !!! มันจะไปสอบผ่านกัน เหล่า!! หัวหมุน...ปิ้ว!!*^%$ ปิ้ว*^%$ ปิ้ว*^%$

0
skykiss 4 ก.ย. 56 เวลา 03:30 น. 82

ทุกวันนี้ครูอาจารย์สั่งการบ้านมากไปจริงๆค่ะ 
เข้าใจว่าการบ้านนี่มีเพื่อวัดผล ประเมิน และพัฒนาทักษะต่างๆของเด็ก แต่การที่ทุกบทมีการบ้านทุกชิ้น ไม่ใช่แค่แบบฝึกหัดท้ายบท แต่เป็น โครงงาน รายงานกลุ่ม เดี่ยว เมื่อเอามารวมกับวิชาอื่นๆที่สั่งการบ้านเช่นเดียวกัน ผลคือตอนนี้ตีสามครึ่งแล้วค่ะ การบ้านยังไม่เสร็จ พอดีเปิดมาเจอกระทู้นี้ เลยเข้ามาเสนอความคิดเห็น แล้วพรุ่งนี้เรียนแปดโมงครึ่ง จะเอาสติที่ไหนไปเรียนค่ะ 
เบลอขนาดนี้ งานที่ทำเมื่อมันไม่ได้ตั้งใจ เพราะเราเหนื่อยก็ออกมาแย่ เรียนไปทั้งที่ไม่มีสติก็เรียนไม่รู้เรื่อง เกรดก็ตก มีอะไรดีมั่งค่ะ จากการที่การบ้านเยอะเกินไป 

0
โคตรเซอร์! 4 ก.ย. 56 เวลา 10:38 น. 83

เราว่าลดบ้างก็ดีนะ คือแบบเรียน 10 วิชา ถล่มให้หมดในวันเดียว
ที่สำคัญกว่านั้น
โครงงาน การบ้าน โปรเจคต่างๆ
ให้มาทำกันก่อนสอบทั้งนั้น
ข้อนี้ละค่ะที่เพลีย =____=

0
$oulvy_memo 4 ก.ย. 56 เวลา 17:53 น. 84
งานเบาๆทำในสมุดส่งยังพอทำใจ แต่งานที่เป็นโปรเจ็คใหญ่ๆเงี้ยหลายๆวิชามาก็ไม่ไหวเหมือนกัน แล้วม.6ครูเค้าก็บอกว่า
"เธออ่ะโตแล้ว งานง่ายๆอ่ะมันคงง่ายสำหรับพวกเธอ เธอไม่ใช่เด็กประถมนะที่ต้องทำงานง่ายๆอย่างงี้ แล้วต่อไปจะทำอะไรเป็น"
คือครูขา ถ้าเทอมนึงมันมีงานแค่เทอมละคนสองคนโปรเจ็คใหญ่ๆก็ไม่ว่านะคะ แต่นี่เรียนกับครู 4-5 คนแล้วทุกคนสั่งงานแต่โปรเจ็คใหญ่ๆให้เวลาทำอาทิตย์เดียวก็ไม่ไหวจริงๆ
สงสารนักเรียนเถอะค่ะ ; ;
แล้วยิ่งก่อนสอบนะ งานมาจากไหนไม่รู้เยอะแยะ แล้วมันจะมีเวลาอ่านหนังสือหรอคะ โรงเรียนมันเน้นเรื่องการบ้านมากกว่าความรู้แล้วหรอ เรื่องการบ้านอ่ะไม่บ่นหรอกเพราะมันเอาไว้ฝึกได้ แต่บางวิชาเงี้ยมันไม่น่ามีการบ้านเลยก็มาสั่งๆกัน สรุปวันนึง 8 คาบการบ้าน 8 อย่าง โอยตายพอดี
0
ชานมเย็น 4 ก.ย. 56 เวลา 18:00 น. 85

บางวิชาครูแม่งแจกแต่ชีทมาให้ทำ แล้วก็ไม่ค่อยสอนอะไรเลย เสียเวลาทำการบ้านวิชาอื่นหมด! กลับถึงบ้านทีก็ล่อไปเกือบ 6 โมงเย็นแล้ว

0
janjung_ 4 ก.ย. 56 เวลา 18:14 น. 86

ส่วนตัวไม่ได้คิดลึกซึ้งอะไรมากนะ แต่ว่าคิดว่าไม่ควรลด เพราะนิสัยคนไทยโดยส่วนใหญ่คือ ขี้เกียจ ที่เค้าให้ทำเยอะๆก็เพราะว่านี้สัยนี้แหละ กลับไปก็ไม่ทบกวนที่เรียนมา เลยต้องทำให้ทบทวนด้วยการบ้านไง แค่นี้ยังไม่อยากทำกันเลย ทั้งที่คนที่ได้ประโยชน์ก็คือ ตัวเราเองแท้ๆ

0
กระดาษสีขาว ~ 4 ก.ย. 56 เวลา 18:25 น. 87

  บางคนอาจคิดว่าการบ้าเยอะมันดีเนอะ เด็กกลับมาทำการบ้าน
 การบ้านมากไม่เท่าไหร่ รู้อยู่คือแบบฝึกหัดเพื่อให้เด็กๆได้ฝึก มีความขยัน มีความรับผิดชอบมากขึ้น 
   แต่บางทีการที่สั่งๆมาทั้งๆที่ไม่ไปดูตารางงานของนักเรียนที่มีอยู่ก็จะทำให้เสียความรับผิดชอบเอาได้ 

เพราะคำว่าขี้เกียจ  มีขอบเขตง่ายๆ คือมากไป 

  เราเป็นเด็กที่ไม่ใช่ว่ามีงานมาแล้วไม่ทำ 
แต่บางทีก็เหนื่อยใจ มันเยอะมากจนท้อคุณครูก็น่าจะเข้าใจ. 

0
I&#039;m Mook. 4 ก.ย. 56 เวลา 19:31 น. 88

บางครั้งก็ชอบนะที่มีการบ้านให้ทำ แต่ต้องเป็นวิชาที่ทำได้ เข้าใจเนื้อหา เพราะจะได้เพิ่มความเข้าใจของตัวเราเอง แต่จะไม่ชอบมากๆเลยก็เป็นวิชาที่สอนแบบมึนๆงงๆ สอนเนื้อหาไม่ครบ แต่สั่งการบ้านจนจบบท แล้วสั่งให้ส่งคาบต่อไป ไม่งั้นคะแนนติดลบ แล้วถ้าใครทำผิดก็โดนทำโทษฐานไม่ตั้งใจเรียน อะไรกันเนี้ย >_<

0
book-Art 4 ก.ย. 56 เวลา 19:53 น. 89

อยากให้เป็นแบบ เทอมนึงก็ให้ทำรายงาน ทดสอบ วิจัยอะไรก็ได้ แบบเดี่ยว (งานกลุ่มไม่อยากทำ = =) แล้วก็มาตรวจแค่ผ่าน ไม่ผ่าน อ่ะ 

0
Noodeemyadd 4 ก.ย. 56 เวลา 20:23 น. 90

สำหรับเรา เราคิดว่าไม่ควรลดนะ แต่ควรเปลี่ยนเวลาเลิกเรียนให้เร็วขึ้น เราจะได้มีเวลาว่างพอมานั่งทำการบ้านจะดีมากๆเลย แถมเรายังมีเวลาว่างทำอย่างอื่นที่สร้างสรรค์ได้อีกด้วย

0
chaj 4 ก.ย. 56 เวลา 20:29 น. 91

เด็กต่างจังหวัดไม่ได้เรียนพิเศษ เหรอ !!???  เรียนพิเศษเยอะจะตายเพราะต้องแข่งกับเด็ก กทม.ไง

0
ApAPaPlala 4 ก.ย. 56 เวลา 20:57 น. 92

คือเราจะไม่ว่านะถ้าให้การบ้านอย่างเหมาะสม กำหนดเวลาให้ได้อย่างเหมาะสม

0
Namtan_Bestfriend 4 ก.ย. 56 เวลา 21:14 น. 93

คือ ให้การบ้านเด็กๆมา ให้มาทีเยอะจนนอนเที่ยงคืน ตีหนึ่งแทบทุกวัน อยากบอกครูว่าเราไปโรงเรียนวันหนึ่งมี 9 วิชานะไม่ใช่มีวิชาครูวิชาเดียว แล้วที่บอกว่าให้เพราะอยากฝึกเด็กเดี๋ยวสอบไม่ได้ พอเอาเข้าจริง เด็กทำไม่ทันจะส่งก็ต้องมานั่งลอกกันตอนเช้า  งานที่เราเคยทำดึกสุด ตี 4 ตื่น ตี 5 ครึ่งอ่ะ ทำไม่ทันจริงๆ(งานกลุ่มนะ) ให้การบ้านอ่ะให้ได้แต่เอาแบบเน้นๆได้มั้ยอ่ะ ให้ทีบางวันรวมกันนี่เป็นสิบงานอ่ะ ส่งอาทิตย์หน้าเงี้ย ถ้าไม่เรียนพิเศษคงจะทำทันอ่ะ แต่เราก็เรียนเพราะถ้าไม่เรียนก็ตามเด็กกท.สุดท้ายให้งานมา = ไม่ให้การบ้าน เด็กก็ต้องมานั่งเครียดกันเงี้ย

0
smilewoow 4 ก.ย. 56 เวลา 21:33 น. 94

การบ้านเป็นสิ่งที่ให้เด็กมาทบทวนวิชาเรียนก็จริงนะ
แต่เดี๋ยวนี้มันไม่เป็นแบบนั้นแล้วอ่ะ เราคิดว่ามันเหมือนเป็นสิ่งที่ให้เด็กมาลอกกันมากกว่า เราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ลอกการบ้านเพื่อนนะเพราะมีหลายวิชาที่ไม่เข้าใจแล้วก็ไม่รู้เรื่องเลยโดยเฉพาะเลขอ่ะ ตอนนี้อยู่มหาลัยแล้วก็ยังมีอยู่นะแต่เป็นโปรเจคยาวๆไปเลย คิดแล้วเศ้รา

0
ชบาลอยลม 4 ก.ย. 56 เวลา 21:41 น. 95

การบ้านเยอะ ค้าง ครูบอกว่า ไม่เคยคิดเลยว่าคนเรียนแบบเธอจะค้างงานหลายช่องขนาดนี้ ครูลองมาเรียนแบบที่เราเรียนอยู่สิแล้วจะรู้ มันคนละยุึคกันอะ เรียนไป ใช้ไม่ได้ ก็รกสมองเปล่าๆ ดีลีทก็ไม่ได้ ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ของจริืง

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

สัตตบุษย์ 5 ก.ย. 56 เวลา 16:00 น. 99

เราก็ว่ามันเยอะเกินไปนะ
แม้ว่าตอนนี้จะเรียนวัยนี้ไปแล้วนะ เราอยู่ปี4แล้ว
แต่พอลองนึกเทียบกับเมื่อก่อนแล้วตอนนี้มันเยอะมากจริงๆ
เล่าประสบการณ์จริงให้ฟังกันเลยว่าที่รู้เพราะเรามีน้องสองคน 
เราจะช่วยดูการบ้านน้องอยู่ทุกวัน

การบ้านก็แบบว่าสามสี่วิชา วิชาละหลายๆ หน้า
เลขสามหน้า(แสดงวิธีทำด้วย)
ภาษาไทยอีกหน้านึง
สังคมอีกสอง
อังกฤษอีกยี่สิบข้อ
เนี่ยแต่ละวันอย่างน้อยจะต้องมีอย่างนี้กลับมา
และก็มีใบงานเล็กๆน้อยๆอีก
ลืมบอกไปน้องเราอยู่ม.2

เราคิดว่าการบ้านเนี่ยแค่ทบทวนบทเรียนในแต่ละวัน เอาเฉพาะที่เป็นส่วนสำคัญๆๆๆจริงๆ ก็พอแล้ว
จะสั่งมาทำไหมมากมายนัก
แล้วอย่างงานใหญ่ๆ เช่น รายงานวิชาต่างๆอ่ะ
คุณครูช่วยคุยกันหน่อยได้ไหมว่าวันนี้มีงานอะไรที่สั่งเด็กไปแล้วบ้าง ไม่ใช่ต่างคนต่างสั่ง ไม่สนใจกันเลย
บางวันน้องเราต้องพิมพ์รายงานทีเดียวสองวิชาซึ่งครูกำหนดส่งวันเดียวกัน โอ้ อยู่ยาวเลยจ้า โต้รุ่งไปเลย
แล้วรายงานต่างๆก็ช่วยสั่งตั้งแต่เปิดเทอมมานิดๆได้ไหม
ไม่ใช่มาสั่งเอาอีกสองสามอาทิตย์จะสอบแล้ว
ทีนี้ละ มือก็พิมพ์รายงาน ตาก็อ่านหนังสือเตรียมสอบ
สรุปรายงานก็แค่มีส่งไม่เข้าใจเนื้อหา สอบก็ไม่ได้เพราะไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ บทเรียนไม่เข้าหัวเลย

อีกอย่างที่เราเห็นชัดเลยคือครูเดี๋ยวนี้สอนแต่ให้นร.จำๆๆๆ
จำอย่างเดียว จำว่าโจทย์เลขนี้ต้องแก้แบบนี้ โจทย์เคมีนี้ต้องเอาสูตรนี้
ไม่ได้สอนให้เด็กเข้าใจในบทเรียนเลยซักนิด
การเรียนถ้าสักแต่จำมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยนะ ต้องใช้ความเข้าใจสิ ถ้าเข้าใจซะอย่าง ต่อให้โจทย์พลิกแพลงมาแค่ไหนก็สามารถแก้มันได้สบาย
เรื่องท่องศัพท์ก็เหมือนกัน
ท่องไม่ทันก็ให้คัด5จบ10จบใส่กระดาษไปส่ง แล้วแบบนี้คำศัพท์มันจะเข้าหัวนร.ไหม
เวลานร.สอบตกก็บ่นๆๆๆแล้วก็ให้คัดข้อสอบพร้อมคำตอบไปส่ง
แทนที่จะอธิบายว่าแต่ละข้อมีวิธีการคิดยังไง จริงไหม

เฮ้อ ถ้าการศึกษาไทยยังเป็นแบบนี้ เด็กไทยคงโง่ขึ้นทุกวันแน่ๆ
นี่เป็น ความเห็นส่วนตัว+จากประสบการณ์จริงนะ

0
19910522 6 ก.ย. 56 เวลา 01:11 น. 101

คือ ยิ่งช่วงใกล้สอบนี่แบบมากันพรึบพรับอ่ะ
แบบไม่มีเวลาอ่านสือเลย โอ้ย จะบ้าตายก็ตรงนี้แหละ

0
meangpeach&meangpuff 6 ก.ย. 56 เวลา 10:59 น. 102

ให้การบ้านเยอะไปก็ดีนะคะ แล้วทำไมการที่ให้การบ้านเยอะถึงทำให้เด็กไม่เก่งหรือฉลาดขึ้นเลย ? ต่างประเทศบางปะเทศที่เค้ามีการเรียนที่ดีกว่าเรา เด็กเด็กกว่าเรา เขาให้การบ้านเด็กเยอะเรียนหนักเหมือนไทยไหมค่ะ ? บางทีก็ทำให้เด็กท้อนะคะกับการที่ทำการบ้านไม่ทันส่ง บางคนก็ทำถึงเที่ยงคืนไม่ก็ตีหนึ่งตีสองเพื่อให้มีงานส่งครูน่ะ ? มันไม่โหดไปเหรอค่ะ ?
ที่อยากให้ลดการบ้านไม่ใช่ว่าไม่ให้ครูน่ะให้การบ้าน แต่อยากให้ครูลดจำนวน จากสิบข้อเหลือห้าข้อ จากงานสิบหน้ากระดาษเหลือห้าอะไรแบบนี้ค่ะ การลดลงไม่ใช่การหยุดให้นะคะ
ช่วงนี้ยิ่งจะสอบครูก็จะเร่งๆสั่งงานเพราะช่วงต้นเทอมครูสอนอย่างช้าๆ แบบนี้จะทำเพื่ออะไรไม่เข้าใจ:)

0
Jlovefamily 6 ก.ย. 56 เวลา 13:21 น. 104

การให้การบ้านมันก็ดีน้ะค้ะ 
แต่ขอเถอะค่ะ อย่าเยอะเกิน
หยุดสองวัน เสาร์-อาทิตย์ การบ้านแบบว่า เหมือนกับคลื่นทะเล
ซัดเอาซัดเอา--
ให้ตายสิ  สมองก็มีขีดจำกัดน่ะค่ะ
เอิ่ม นี่คือชีวิตหนูน่ะค่ะ....
หนูเรียนโปรแกรมพิเศษ มีการบังคับให้เรียนพิเศษตอนเย็น
เวลา 16.30-18.00  นานมากเรียนเยอะด้วย
และบ้านหนูก็อยู่ไกลจาก รร. ประมาณ 37 กม. นั่งรถตู้ไป-กลับ
เฮ้อ ถึงบ้านก็ 19.30 น. แล้วค่ะ
การบ้านก็ต้องกลับมาทำอีก สมุดทำความดี ทบทวนก่อนสอบนอกตารางเรียน และสอบในตารางเรียน
อาบน้ำ กินข้าว นอนแล้วก็ยังทำการบ้าน
อยากให้ประเทศไทยเรียนเหมือนต่างประเทศจัง
เหนื่อยยยยยยยยยยยย


ใครชีวิตคล้ายหนูบ้างค้ะ

0
นาริ&#039;กา 6 ก.ย. 56 เวลา 20:15 น. 106

สมองเด็กมีขีดจำกัด ให้เล่นบ้างเถอะ อย่าง 1 วัน สัก 2 วิชา 
จะไม่ว่าเลย เวลาเรียนก็ง่าย พอให้การบ้าน ยากชิป 

0
โอ๊ะโอ ดินสอพอง 6 ก.ย. 56 เวลา 21:02 น. 108

การบ้านเยอะจริงไรจริง คือบางทีครูก็ไม่ควรสั่งเยอะเกินไปนะ อาจใช่ที่การบ้านคือการฝึกทักษะให้เข้าใจในเรื่องที่เรียนมา แต่บางอย่างมันก็ไม่ได้พัฒนาได้เลย ทางที่ดีควรให้นักเรียนฝึกทำอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่เอาเวลามาจมปรักอยู่กับการบ้าน อย่างนี้ไง การศึกษาไทยถึงลดลงฮวบๆ 

0
SoUl 6 ก.ย. 56 เวลา 21:08 น. 109

ไม่เห็นด้วยค่ะ  การบ้านเยอะเหมือนกัน แต่พอทำการบ้านก็จะพัฒนาการเรียนรู้อีกแแบบ

0
AliceRabbiT 6 ก.ย. 56 เวลา 22:25 น. 110

น่าจะลดคาบเรียนในแต่ละวันลงมากกว่า จะได้ไม่เครียด 
ได้มีกำลังใจทำการบ้าน

แต่ถ้าไม่ลดคาบเรียน ลดการบ้านน่ะดีแล้ว - -b

0
ฟูฟู่ 6 ก.ย. 56 เวลา 23:02 น. 111

เรียนเยอะ ทำข้อสอบแยะ แต่คิดวิเคราะห์ไม่เป็น

ต้องเรียนหลายวิชา การบ้านได้รับอย่างแสนสาหัส อยากเรียนอยากอ่าน อยากสนแต่เฉพาะวิชาที่เราชอบจริงๆ บอกว่า จะเป็นคนไม่รอบรู้ หน่วยกิตไม่พอ เข้าม.ดังไม่ได้

การเรียนไปตามกระแสนิยมอาชีพ....

ชอบมองว่าเก่งวิชาเดียว ถนัดอย่างเดียวเป็นคนโง่....

เบี่ย....
0
Pak-Gad 7 ก.ย. 56 เวลา 12:51 น. 112

การบ้านเยอะไม่เป็นไร...

แต่อย่าสั่งพร้อมกันหมดทุกวิชาได้มั้ย T^T

ถึงเวลาจะส่งทีเด็กๆ แทบขาดใจ

อดนอน นอนดึก ไม่สบาย สภาพโทรม หัวสมองเบลอ

แล้วก็จะเรียนต่อไม่รู้เรื่องค่ะ

ช็อค

0
RookieFlukie 7 ก.ย. 56 เวลา 15:48 น. 113
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่จำนวนหรอกคับ
ผมว่ามันแย่ตรง "เวลาที่ให้งานมากกว่า"
ครูบางคนให้การบ้านเยอะจริงแต่สุดท้ายก็ทำทัน ประโยชน์ก็ได้กับเราเอง

แต่ครูบางคนนี่สิ ให้การบ้านไม่ปรึกษาครูคนอื่น หรือปรึกษาพวกเราก่อนก็ยังดี สั่งมาแบบ..

วันหยุดเทศกาล.. สั่งมาแบบไม่ให้ออกไปทำไรนอกบ้านเลย
วันไปทัศนศึกษา.. ผมจะไปทัศนศึกษาครูให้การบ้านมาทำแป๊ะยิ้มอะไรคับ

อันสุดท้ายนี่สุดๆเลยย

วันสอบ.. อาทิตย์หน้าจะสอบ สั่งมาแบบ.. อืมไอ***เอ้ย!

ส่วนที่บอกว่าเด็กบ่นว่า "การบ้านเยอะ การบ้านเยอะ" น่ะ ผมจะบอกให้นะ ถ้าการบ้านเยอะจริงๆแบบเยอะสุดๆน่ะ ใครเคยเจอกับตัวจะรู้เลยว่า.. "เค้าไม่บ่นกันหรอก" ไม่ใช่เพราะไม่อยากบ่นหรอกนะ แต่ความรู้สึกมันแบบ.. ไม่อยากพูดถึงมันน่ะ เอาเป็นว่าใครเคยเจอก็คงรู้แหละ

(จากประสบการณ์ตรง.. โปรเจคคอมฯ โครงงาน และบลาๆๆ มันส่งวันเดียวกัน ผมทั้งนั่งทำนอนทำยืนทำตั้งแต่บ่าย 3 ถึงตี 5 หลับประมาณครึ่งชม.แล้วตื่นมาทำต่อ ตอนนำเสนอโครงงานก็เอาบอร์ดไปแปะๆที่โถงนำเสนอมันนั่นแหละ กรรมการก็ยืนขำอยู่ จะบร้าตายยย อายชิบเป๋ง 55555 ปล.ผมไม่ได้ดองงานนะแต่งานใหญ่มันมาพร้อมกันทำไม่ทันเจงๆ Orz..)

ผมว่าจริงๆการบ้านก็ไม่ได้หนักหนาอย่างที่บ่นกันหรอกคับ แต่ที่บ่นกันน่ะเค้าเรียก "บ่นพอเป็นพิธี" บ่นเสร็จก็ทำต่อ 55555

สรุปก็คือ.. ถ้าเอางานทั้งเทอมของทุกวิชามาปรึกษากันแล้วเฉลี่ยการให้ให้สัมพันธ์กับปฏิทินกิจกรรม นอกจากจะไม่โดนเด็กบ่นแล้ว คะแนนเฉลี่ยของเด็กไทยอาจจะสูงขึ้นจากตอนนี้มากก็ได้ครับ

ปล.คหสต.ล้วนๆ 5555

 สู้ๆ ^^
0
mommam179 7 ก.ย. 56 เวลา 16:05 น. 114

การบ้านไม่ใช่ว่าไม่ควรให้นะ
แต่ว่า เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยค่ะ ไม่ว่าจะกลางภาค ปลายภาคปีไหนก็แล้วแต่

งานชอบมายัดไว้สัปดาห์สุดท้าย

แล้วเด็กก็เกรดตก ไม่มีเวลาอ่านหนังสือก่อนอาทิตย์นึง

เราก็ไม่ได้ชอบอ่านหนังสืออะไรนะ แต่พอไม่มีการบ้าน ขี้เกียจเล่นคอมแล้วมันก็อ่านเอง

บางทีให้การบ้านอย่ายัดไว้สัปดาห์ก่อนสอบค่ะ
และควรกำหนดส่งก่อนสอบประมาณสองอาทิตย์

-/\-

0
color-blue-bell 7 ก.ย. 56 เวลา 21:11 น. 115
ลดการบ้านลงหน่อยก็ดีนะค่ะ 
ไม่ได้ขอให้ไม่มีแต่ให้ลดปริมาณลงเท่านั้นเอง

เวลาการบ้านเยอะ ทำงานจนล้นมือ สับสนว่าจะทำอันไหนก่อน ทำไปทำมาไม่ทันส่งโดนหักคะแนน

เรื่องจริงเจอมากับตัว การบ้านเยอะแล้วเป็นไงรู้มั้ยค่ะ??
"จ้างเพื่อนทำไงค่ะำ!"
ในห้องเราแบบมีเยอะมากๆ ผู้ชายประมาน 4 - 5 คน จ้างเพื่อนทำการบ้าน แล้วขอถามว่า ให้การบ้านมามันให้ประโยชน์กับเราจริงๆเหรอค่ะ

แล้วเวลางานกลุ่มคือช่วงเวลาที่เกลียดๆสุด โดยเฉพาะงานที่สั่งให้ทำรายงาน เพาเวอร์พอยต์อะไรแบบนี้
คนในกลุ่มมี 6 - 7 ให้เราทำคนเดียว!!
ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ มันก็ให้เราทำคนเดียวทั้งนั้น เพราะมันทำกันส่งช้ามาก! บางคนเลยกำหนดส่งแล้วยังทำไม่เสร็จเลย พอเราไล่ทวงงานมันบ่อยๆ มันก็บอกเราขี้บ่น น่ารำคาญ เราเลยต้องจำใจรับไปทำเองทุกครั้ง หรือไม่บางครั้งเราก็ขออาจารย์ไปอยู่คนเดียวเลย จะได้ไม่ต้องปวดหัวและทะเลาะกับเพื่อน
ขอถามอีกครั้งค่ะการบ้านเยอะแล้วทำให้นักเรียนขยันทำและมีประโยชน์จริงๆหรือ??


0
pro peee 7 ก.ย. 56 เวลา 21:31 น. 116

ลดเหอะ ต่างจังหวัดอะ เราตื่นตีสี่ กลับถึงบ้านสองทุ่ม เสาร์อาทิดช่วยแม่ทำการบ้าน นี่ขนาดทำแล้วยังมี-ที่ยังไม่ได้ทำอีกบาน 
เราอยู่นอกเมือง มีเพื่อนในเมืองเค้ายังมีเพื่อนที่ "จ้าทำการบ้าน" ถ้าไม่จ้าง ก็จะช่วยกัน "ลอกการบ้าน" แถมลายมือต้องเนียบ หักลม ตัวตรง จะทำทันมะ การบ้านจะมีก็มี แต่ลดๆกันหน่อยเหอะ เครียด ไม่ได้เครียดแค่เรื่องการบ้านนะ เรื่องครอบครัว เพื่อน สังคม สิ่งที่สนใจ ไม่ได้ทำอย่างที่ต้องการ เราไม่ได้ดูทีวีเป็นเดือนๆก็เพราะอีการบ้านเนี่ยแหละ ช่วยเพลาๆลงหน่อย สิบวิชา/วัน การบ้านก้อย่างน้อยแปดวิชา/วัน ทุกวัน แล้วมันจะทำทันไหม ถามความต้องการมั่ง 

0
จอมมาร 7 ก.ย. 56 เวลา 22:19 น. 117
อยากให้ให้การบ้านแล้วอธิบายให้กระจ่างไม่ใช่เร่งเอาไวเพราะการบ้านมันเยอะอยากให้ครูเข้าใจ
0
Praewpage 7 ก.ย. 56 เวลา 23:23 น. 118

เห็นด้วยค่ะ เพราะยิ่งเด็กม.ปลายการบ้านก็เยอะแถมยังต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าคณะอีก ถ้าการบ้านเยอะ ระยะเวลาในการอ่านหนังสือก็จะน้อยลง และจะทำให้การสอบเข้าไม่ได้เป็นไปตามคณะที่เราต้องการค่ะ ^^ ( เป็นความเห็นส่วนตัวนะค่ะ ) 

0
BIGBOss-CH&#039; *O*/ 7 ก.ย. 56 เวลา 23:23 น. 119

คือแบบตอนม.4-5 ยังไม่เท่าไหร่  ยังพอทนกับพวกการบ้าน งานโปรเจค  โครงงานรายงาน  ป๊อบอัพ  บลาๆ    และสิ่งที่ครูแต่ละคนมักจะพูดคืองานครูให้นิดเดียว  แต่ครูไม่นึกว่าเราเรียนกี่วิชา
ซึ่งนนี้ผมอยู่ม.6 แล้ว  ผมควรจะได้มีเวลาในการอ่านหนังสือเพื่อที่จะสอบเข้ามหาลัยบ้าง  ไม่ใช่ต้องมาตามงานงกๆ  
และผมรู้ดีว่าหลายคนไม่ได้ดินพอกหางหมู  แต่มันมาเรื่อยๆ
งานแรกมางานสองมางานสามมาทั้งที่กำลังทำงานแต่ละงาน  แต่มันก็มาเรื่อยๆ     ใช้คำว่าดินพอกไม่ได้ครับเพราะมันสำหรับคนที่ชอบพูดว่าค่อยทำตอนใกล้จะส่ง


ประเด็นคือม.4-5   จะให้งานก็ให้แต่ม.6   ขอเต็มกับการสอบได้ไหม?

0
St.Eve 8 ก.ย. 56 เวลา 10:52 น. 120
จะให้อะไรกันเยอะนัก...หนังสือสอบจะไม่ให้อ่านกันเลยใช่ไหม ม หก แล้วนะค่ะ
0
Champ Chainoi 8 ก.ย. 56 เวลา 14:58 น. 122

การบ้าน เคยคุยกับทางเพื่อนต่างชาติว่า มีเยอะหรือป่าว?
เพื่อนต่างชาติบอก ''การบ้านเหรอเราไม่กังวลเลย มันไม่ค่อยมีหรอก ที่ฉันเรียนเขาเน้นการกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ แบบถาม-ตอบ ให้ข้อมูล และจดบันทึกเท่านั้น'' ผมอึงเลยคิดว่าการบ้านไม่สำคัญ เป็นเราไม่ทำการบ้าน ติด 0, ร, มส ได้เลยนะนั่น

0
Neko chompu 8 ก.ย. 56 เวลา 15:08 น. 123

ถ้าคุณครูอธิบายว่าอันนี้ต้องทำอย่างนี้หรือไม่ก็สอนให้นักเรียนเข้าใจก่อนสั่ง เเต่นี่...ครูบางท่านเข้ามาปุ๊ปสั่งปั๊ป เด็กนักเรียนคนไหนจะเข้าละค้าาา(บางครั้งที่ยากให้ส่งเร็ว- -เคยเจอมาเเล้วละ)
เเละขอร้องอย่างเดียวคือ..อย่าให้การบ้านตอนใกล้สอบ ไม่มีเวลาจะอ่านหนังสือด้วยซ้ำ ตอนป.1-5สอบตกเพราะการบ้านที่มากมายนี่เเหละ(โดยเฉพาะตอนสอบนี่เเหละ )เเละบางครั้งเพื่อนก็มาลอกการบ้านก็เพราะครูที่อธิบายเเล้วเด็กไม่เข้าใจหรือไม่ได้อธิบายเลย
เเละขออีกอย่างนึงคือ...ถ้าให้ความสำคัญในเวลาเรียนจะดีมากเลยเพราะบางครั้งถ้าเป็นงานกลุ่ม(หรืองานเดี่ยวบางวิชาทีโ่รงเรียนเรา)จะให้ทำในคาบเลย จนในที่สุด...ก็ไม่มีเวลาสอนให้เด็กทำกันงงๆเเบบนั้น พอเด็กทำไม่ค่อยสวยก็ว่า เฮ้อ...น่าเบื่อเหลือเกิน

0
Conan K. Holme 8 ก.ย. 56 เวลา 15:28 น. 124

ควรลดลงบ้าง ไม่ควรสั่งมาทีเดียวพร้อมกันและควรจะให้เวลาทำให้มาก ยิ่งให้เยอะเด็กยิ่งขี้เกียจทำ พอขี้เกียจทำก็ต้องลอก เวลาสอบก็ตก การศึกษามันจะถอยหลังไปเรื่อยๆไม่พัฒนา และถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะมีเกมให้เล่นบ้างเวลาเรียน มีกิจกรรมสนุกๆให้ทำ เด็กจะได้ไม่เบื่อ 
เหอะๆ

0
Black-Devil !! ~ # 8 ก.ย. 56 เวลา 21:49 น. 126

ควรสั่งแบบ แต่พอดีอ่ะ แบบไม่ใช่ว่า หยุดวันนึงสั่งการบ้านให้ทำเหมือนหยุดปีนึง อะไรเทือกนั้น =_= แล้วก็ลดความยากลงหน่อยจะดีมากกก

 นักเรียนเข้าเหนื่อยน่ะรู้ไหมมม

0
Ribbin Of The Cry 8 ก.ย. 56 เวลา 22:10 น. 127

ควรลดให้น้อยลงจริงๆค่ะ เพราะจะดูชัดได้ว่า ทั้งเด็กในโรงเรียนเอกชนหรือรัฐบาล ต่างก็แสวงหาที่เรียนพิเศษเป็นส่วนใหญ่ ที่เรียนพิเศษก็ไม่ได้ให้นักเรียนทำการบ้านของโรงเรียนเลย มีแค่เรียนเสริม น้อยมากที่จะหาที่เรียนพิเศษแบบทำการบ้านได้ สังเกตดูจาก นักเรียนที่ได้การบ้านมา วันหนึ่งมีคาบเรียน 5 วิชาขึ้นไป ซึ่งถ้าสั่งการบ้านวิชาหนึ่งเป็นสิบๆข้อ วิชาต่อไปก็ไม่ได้ทำเสร็จกันพอดี ไหนจะวันเสาร์-อาทิตย์ ต้องมีเรียนพิเศษบ้างอะไรบ้าง เด็กบางคนต้องมีภาระในการทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ดูแลน้อง การบ้านเป็นสิบๆข้อ คงหาเวลานานๆทำได้ยากจริงๆค่ะ ไม่ได้บอกให้ไม่สั่งการบ้านเลยนะคะ แต่ขอให้มันน้อยลง บางวิชาที่ไม่สำคัญมาก หรือ นักเรียนเข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องสั่งการบ้านเลย วิชาหน่วยกิตน้อยบางครั้งสั่งเป็นสิบๆข้อ แต่การสอบออกมายังไงก็ได้คะแนนแค่ 10 - 20 แต่กลับเก็บงานเป็น สิบๆ ชิ้น มันไม่มากเกินไปหรอคะ ? คิดว่า ลดลงหน่อย หรือ บางวิชาที่หน่วยกิตน้อย ไม่จำเป็นต้องฝึกมาก ดูเข้าใจง่าย ควรจะให้ทำชีตสรุปง่ายๆหรือทดสอบที่มันน้อยๆก็พอแล้วค่ะ สั่งไปสิบๆข้อ ยิ่งทำยิ่งไม่เข้าใจมากหรอกค่ะ ข้อสอบก็ไม่ได้ออกตามที่ทำเยอะๆเลย มันเฟลจริงๆนะคะ 

0
LaZyCaT 8 ก.ย. 56 เวลา 22:32 น. 128

จากชีวิตจริงนะคะ  การบ้านไม่ได้มีผลสำหรับคนที่มาลอกการบ้านเราเลย  พยายามแทบตายเค้ามาเอาไปง่ายๆแบบนี้เอง TT

0
Pinpick 9 ก.ย. 56 เวลา 09:34 น. 129

สดๆ สอบมศววันที่ 21-22 กย. โรงเรียนสอบ 23กย ไล่ตามตูดติดๆ ยังไม่รวมการบ้านบานตจะไทที่ต้องรีบเคลียร์ ไหนยังจะสอบซ่อม อีกตั้งหลายวิชา เรียนสายวิทย์ค่ะ แต่จะเข้ามหาลัยคณะสายศิลป์  ไม่เข้าใจว่าจะให้เรียนดะทำไม ทำไมไม่เน้นเป็นเรื่องๆ เรื่องที่สามารถเอาไปใช้ประโยชน์กับชีวิตได้จริงๆ คนกำหนดหลักสูตร แผนการเรียนพวกนี้ ได้มานั่งเรียนกับเรามั้ย??

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Heinze di Santon 9 ก.ย. 56 เวลา 13:00 น. 132

ถ้าสั่งการบ้าน เพื่อเจตนาเป็นคะแนนให้นักเรียนนะ ผมก็ขอสนับสนุน แต่ถ้าคิดว่าให้การบ้านแล้วเด็กได้ความรู้น่ะ พลาดแล้วล่ะ เพราะทุกวันนี้ทำไม่ทันก็ลอกกัน

0
วันนี้ยังคงเหมือนเดิม.. 21 ก.ย. 56 เวลา 11:03 น. 134

เราว่าควรลดให้น้อยลงค่ะ เพราะล่าสุดปิดวันนี้ครูให้มาซะตั้ง 62 หน้า..แต่ทำเสร็จไปแล้วค่ะ =_= เราคิดว่ามันเยอะเกินไปน่ะค่ะ

0
sakiko1 28 ก.พ. 58 เวลา 14:42 น. 137

ถามหน่อยนะ คุณลองคิดดูสิการบ้านนะ ไหนจะงานกลุ่ม ไหนจะในสมุดหนังสือ เราเองเข้ากลุ่มไม่เก่งไง แต่ก็ทำไม่ทำลองคิดดูสิให้ดลการบ้านโครตยากส่งพรุ่งนี้- บอกว่าออกสงออกสอบไงตอนสอบนะไม่มีซักข้อเอาใหม่นะ ไม่-มี-ซัก-ข้อ!
 ไหนบอกว่ามีไงละโกหกทั่งหมดเลย

0
Y_U_M_I 8 เม.ย. 59 เวลา 19:46 น. 138

แต่หนูว่า... ไม่จำเป็นที่ครูจะต้องสั่งเยอะหรือสั่งน้อยหรอกคะ 
ขอแค่ครูสั่งให้มันพอดีๆก็พอแหละ (ความคิดหนูนะคะ)

0
chomphutip333 16 มิ.ย. 61 เวลา 17:25 น. 139

คือตอนนี้เราเครียดมากเว่ย ในหัวมีแต่การบ้าน อาจารย์ก็สั่งงานทุกวันไม่มีว่าไม่ให้พอเราทำไม่เสร็จก็โดนตีก็ทำโทษอย่างเดียว บอกเลยว่าเราเครียดเครียดมาก วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มันแทบจะไม่มีคำว่าวันหยุดเลยต้องมานั่งปั่นรายงาน ทำการบ้าน งานบ้านก็ต้องทำ คือสมองคนเรามันไม่เท่ากันนะ สอนไปเด็กบางคนก็ไม่เข้าใจ สอนเสร็จแล้ว ก็สั่งการบ้านอย่างเดียว ทำไม่ได้ก็ต้องมานั่งลอกเพื่อน ถ้าให้ไปเรียนพิเศษ บอกเลยว่า การบ้านก็เยอะจะตายห่าอยู่ละ ยังจะให้เรียนพิเศษ มันไม่ไหวหรอก ถ้าแยกร่างได้ก็คงจะดีสิ ว่ามั้ย เลิกเรียนก็4โมงเย็น ถึงบ้านก็5โมงแล้ว ต้องมาทำงานบ้าน ก็หมดเวลาไปตั้งเท่าไรแล้ว บางคนก็ไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น ลดการบ้าให้กุเหอะ

0