คือ ใช้ตรรกะส่วนตัวตัดสินนะครับแต่ยังไม่ตอบผลเลยประโยชน์ที่ได้จากชุด นร. จริงๆ คืออะไร ???? นอกจากคำว่า เอกลักษ์ ความสวยงาม

ใจเย็น คือ เขามีโจทย์มาให้ และเขาจะแบ่งเป็นสอง
ฝ่าย โดยให้ฝ่ายแรกสนับสนุนและให้ฝ่ายหลังเห็นต่าง ใครพูดมีน้ำหนักมากสุดชนะเข้าใจไหม โดยทีมงานเลือกให้





คือ ไอคนพูดนี่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น ทีมงานเขาให้โจทย์มาให้ฝ่ายหนึ่งสนับสนุน ฝ่ายหนึ่งเห็นต่าง















ถ้าไม่เป็นแบบนั้นเขาจะไม่เรียกว่าดวลวาทะหรอก

คือ ผมไม่ได้ดวลวาทะ ครับ ผม"ดีเบต" กับคนในเว้บนี้ไง ผมถามไงว่า"ประโยชน์จริงๆ ของ ชุดนร. มันคืออะไร หรือเป็นแค่
มุมมองของบุคคล อคติ ความคิดแบบโบราณ ผมจึงถามไงครับ รอให้พวก อนุรักษ์ ทั้งหลายมาตอบไง ผมถามคำถามไงครับ ?????

ไม่ไดดราม่านะครับแค่ถามไปอย่างที่ผมสงสัยเท่านั้น ????  

ประชาสัมพันธ์นิดนึง ดวลวาทะ จะมีซีซั่น 2 แล้วนะ ติดตามด้วยน้าาาา 

ลองคิดภาพไม่ใส่ชุด นร ดูสิ่ ไปทางไหนก็มั่วซั่วกันไปหมด
เด็กโดดเรียนไปเที่ยวก็ยังไม่รู้เลยว่าเด็กโดดเรียนมา
ถ้าเด็กคนนึงไปทำผิดจะรู้มั้ยเขาเรียน รร อ่ะไร
มันเหมือนเป็นสัญลักษณ์อย่างนึงนะ
เขาให้ใส่ก็ใส่ไปเถอะค่ะ ทุกอย่ามันมีเหตุผลของมัน
มันมีที่มาที่ไป ใส่ชุด นร ใช่ว่าจะดูเสียหายอะไรนะ
ต่างชาติมาเห็นเขาชื่นชมเราด้วยซ้ำเราไปเดินเที่ยวต่างชาติเขาก็ชม ชุด นร ไทยสวยต่างชาติได้แต่แข่งกันแต่งตัวใช่ของแบรนเนม
สภาพสังคมเรา จะเป็นวัตถุนิยมแน่นอน สุดท้ายก็แบ่งชนชั้นกัน
แค่ทุกวันนี้ใส่ชุด นร ยังต้องถือไอโฟนเลยถึงจะคบกันเป็นเพื่อน
อันนี้สำหรับบางคนนะไอ่พวกที่ดีก็ดีไป ....

แต่งถูกแล้วไง ไม่เห็นจะดีเลย แต่งสวยๆเก๋ไปสวยกว่าเยอะ คนเราต้องสวยไว้ก่อนจำไว้แบบนี้น่าเบื่อ

"คิดเล่นเห็นต่าง"

จริงๆแล้วการแต่งชุดนักเรียน มันจะเป็นการคอนโทรลเราในอนาคตด้วยค่ะ คนอื่นคิดต่างยังไงไม่ทราบนะคะ แต่พี่เคยมาจากสองสถาบัน ในมหาลัย มหาลัยหนึ่งเขาให้เด็กแต่งชุดนักศึกษาทุกวันเลยค่ะ แต่อีกที่นี่คือไปรเวทสบายเลย จริงๆไม่ได้แอนตี้ว่าไปรเวทไม่ดีนะคะ แต่พี่รู้สึกว่า มันไม่เหมือนสถานที่ศึกษาเลย เพราะที่ไหนๆ ก็สามารถแต่งชุดบ้านได้!! บางคนเขาใส่ชุดไปรเวทแบบเรียบร้อยก็โอเคค่ะ แต่บางคนนี่ ขาสั้น ที่ยาวกว่ากกน เล็กน้อย บางคนมาแบบผ้าบางจนเห็นเสื้อในและผิวกายเลย(ผญ) บางคนนี่ใส่กางเกงขาดๆ ลากแตะมา(ผช) ถ้าน้องเห็นอย่างนั้นน้องยังคิดว่าเป็นสถานที่ศึกษาอีกได้หรือไม่ หรือคิดว่าเดินห้างมากกว่า? นอกจากนี้ ชุดนศเป็นชุดที่สุภาพ ถ้าน้องไปสถานที่ราชการหลังจากเรียน หรือไปวัด ไปที่ไหนก้ได้ค่ะ เพราะมันเป็นชุดที่สุภาพ โดยที่ไม่ต้องว่าถ้ามีธุระหลังเรียน จะต้องมาเปลี่ยนอีก ที่สำคัญ ชุดที่สวใส่เป็นปัจจัยภายนอกที่เขาจะดูว่าเราให้เกียรติสถานที่เขาหรือไม่ อย่างน้องไปทำงาน ชุดนร นศ ก็ยังสามารถใส่ไปทำงานได้ และที่กล่าวข้างต้นคือมันคอนโทรลตัวเรา เวลาไปทำงาน ก็จะมียูนิฟอร์ม ซึ่งในต่างประเทศก็มีค่ะ ที่จะกำหนดว่าพนักงานต้องแต่งกายอย่างไร อาจจะไม่ทั้งหมด แต่ก็มี ง่ายๆ ตามแทค เคเอฟซี โลตัส เซเว่น หรือห้างดังๆทั้งหลายที่เดินกัน ถ้าสมมติน้องไปในห้าง แล้วเจอพนง ใส่เขียวเหลืองแดง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมเผ้าไม่เรียบร้อย น้องยังรู้สึกดีกับร้านค้านั้นๆอีกหรือไม่? สถาบันการศึกษาก็เช่นกันค่ะ สบายคนอยู่ แต่คนมองผ่านเขาก็ให้ความรู้สึกไม่ดีนะคะ

รู้สึกไม่ดีผมว่าโคตรปัญาอ่อนพี่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวหนิครับ ผมไปโรงเรียนแต่ผมก็ต้องีสิทธิที่จะเลือกแต่งไป มันไม่ได้คอนโทรลอะไรเราเลยเราจบมาเราก็ต้องแต่งตัวอิสระในการทำงานอู่แล้วอย่าเอาการให้เกียตรหรือไม่ให้เข้ามายุ่งอย่างงี้มันอยุ่ที่คนว่าจะรู้ตัวเองใหม

พี่ใช้อคติของพี่เองนั้นแหละครับ "ความรู้สึก" 

อกอย่างให้เกียตริในความหมายของพี่คืออย่างไงเหรอครับ???

ของผมคือไม่ก่อความวุ่นวาย และไม่ทิ้งขยะในโรงเรียน สำหรับผมมันคือการให้เกียต ไม่ใช้ความคิดที่แบบใช้ความรู้สึกตัดสินแต่หาเหตุผลตัวเองไม่ได้

เรามีความเห็นดังนี้ ...

สมควรยกเลิกการใส่ชุดนักศึกษา...

ข้อโต้แย้งที่ 1
การเป็นนักเรียนนักศึกษา ความภาคภูมิใจ ไม่ได้อยู่ที่ เครื่องแบบ แต่อยู่ที่จิตใจภายใน

ข้อโต้แย้งที่ 2
ชุดนักเรียนนักศึกษาไม่มีส่วนช่วยสร้างความเป็นระเบียบแต่อย่างใด เพราะความเป็นระเบียบนั้นอาศัยผลซึ่งมาจากการฝึกฝนเฉพาะตน   ชุดนักศึกษา และ ชุดไปรเวศ สามารถแต่งให้เรียบร้อยได้  ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคล

ข้อโต้แย้งที่ 3
การ ที่อาชีพต่าง ๆ นั้นต้องมีเครื่องแบบ เพราะว่า คนในอาชีพเหล่านั้นมีหน้าที่บริการคนอื่น ๆ เพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง แต่การเป็นนักศึกษาไม่จำเป็นต้องเป็นจุดสนใจหรือบริการคนอื่น ๆ หรือทำให้ตนเองมีเอกลักษณ์ลักษณะพิเศษมากขึ้น

ข้อโต้แย้งที่ 4
ชุด นักศึกษาสร้างความเหลื่อมลำ้ และความแตกต่าง ระหว่างผู้ที่อยู่ในระบบการศึกษาและผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา  ซึ่งเป็นการแยกตัวเองออกมาให้มีฐานะพิเศษกว่าคนทั่วไปด้วยชุดนักศึกษา ซึ่งตามธรรมดาแล้ว ไม่สมควรให้มีกรณีเช่นนี้ขึ้น

ข้อโต้แย้งที่ 5
ความ มีสามัญสำนึกตามหน้าที่ ไม่ขึ้นอยู่กับชุดนักศึกษาหรือชุดนักเรียน แต่ขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์อันแรงกล้าของผู้ศึกษาแต่ละคน ถ้าเขามีสามัญสำนึกตามธรรมชาติของความรับผิดชอบก็ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดนัก ศึกษามาเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติเตือนใจ


ข้อโต้แย้งที่ 6
ชุด นักศึกษามีราคาแพงมากกว่าชุดไปรเวศทั่วไป พูดกันในระดับชนชั้นกลางและชั้นล่าง ชุดนักศึกษามีราคาสูงมาก ชุดไปรเวศที่เรียบร้อยสามารถหาซื้อได้ง่ายกว่าดีกว่า และมีราคาถูกกว่าชุดนักศึกษา


ข้อโต้แย้งที่ 7
การไม่มีชุด นักศึกษาจะทำให้นักเรียนนักศึกษาลืมหน้าที่ของตนเอง และ แข่งขันกันอวดความรำ่รวย > > ไม่เป็นความจริง ชุดนักศึกษาก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถอวดได้ เพราะยี่ห้อ ราคา และ อื่น ๆ การบอกว่าชุดนักศึกษาทำให้เกิดความรู้สึกเท่าเทียมไม่เป็นความจริง  เพราะความเท่าเทียมกันนั้นเมื่อพิจารณาจากอิสระทางความคิดแล้ว เรื่องเครื่องแต่งกายนั้นไม่เกี่ยวเลย ความเท่าเทียมกันและเสมอภาคกันที่แท้จริงนั้น คือ โอกาส ต่าง ๆ ซึ่งมาจากการไขว่ขว้าของแต่ละคนมากกว่า    การแข่งขันกันแต่งชุดไปรเวศเพื่ออวดความรำ่รวย ไม่พบแน่ในหมู่ชนชั้นกลางและชั้นล่างที่ไม่ค่อยมีฐานะ ถ้าสามารถแต่งกายด้วยชุดไปรเวศได้ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกเยอะมาก ๆ

คิดด้วยเหตุผล

1.ควรคิดว่าจะกำหนดอะไรให้เป็นมาตรฐานต้องใช้ทั่วประเทศ ร.ร.เด็กไฮโซอาจรู้สึกว่าไม่มีเครื่องแบบเป็นอิสระ โชว์กันได้ไม่อั้น แต่เด็กอื่นๆอาจก่อให้เกิดปัญหามากมายเพราะความอยากได้อยากมี ทุกวันนี้ยอมรับไหมว่คดีเด็กมีมากเพียงใดเพราะอะไร

2.อ้างว่าแต่งเครื่องแบบไม่เกี่ยวกับการเรียน เรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวทั้งนั้น แต่ควรมองถึงปัญหาสังคมด้วย โรงเรียนเอกชนที่มีผู้เรียนฐานะใกล้เคียงกันก็ไม่มีปัญหา แต่โรงเรียของรัฐมีปัญหาแน่

3.การอ้างประเทศอื่น ไม่เกี่ยวกันเลย เพราะแต่ละประเทศมีวัฒนธรรมต่างกัน แม้แต่อเมริกาเองลองไปศึกษาดูว่าตอนนี้ ร.ร.จำนวนมากหันมาใส่เครื่องแบบ เพราะเขาแก้ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนไม่ได้ คงได้ยินข่าวเรื่องการกราดยิงในโรงเรียนบ่อย เพราะแนกแนะไม่ได้ว่าใครเป็นใครแอบแฝงเข้ามา

4.ปัญหาการดูแลนักเรียนของโรงเรียน เช่นเดียวกับปัญหาในอเมริกา โรงเรียนจะแยกแยะนักเรียนได้อย่างไร เรื่องนี้ผู้ปกครองต้องคิดให้หนัก ต่อไปลูกมีปัญหาคงโทษใครไม่ได้

5.การสร้างคนให้มีระเบียบวินัยต้องเริ่มเมื่อไร การฝึกอะไรก็ตามย่อมขัดแย้งกับคำว่าอิสระเสรีอยู่แล้ว ถ้าในอนาคตคนไทยคิดแต่เรื่องเสรีภาพไม่เคารพกฏ อยากทำอะไรก็ทำ แล้วจะแก้อย่างไร (อย่างเถียงว่าเป็นไปไม่ได้) ทุกวันนี้ก็เห็นอยู่ โมโหใครก็ฆ่าแม้เพียงเรื่องเล็กน้อย

6.ลองนึกภาพว่าคุณเข้าไปในโรงแรมหรู คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพนักงาน เข้าไปฝากเงินธนาคาร พนักงานแต่งฮิปฮอปเดินโยกมาถามว่า"ต้องการอะไร...เพ่"

7.ต่อไปพระไม่สวมจีวร ตำรวจทหารข้าราชการ พนักงานองค์กรต่างๆไม่แต่งเครื่องแบบ ...งงงง...ประเทศนี้จะเป็นอย่างไร

8.สิทธิเสรีภาพที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ ก็ต้องมีขอบเขต ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ โดยเฉพาะกฎหมายเด้กไม่ได้หมายถึงแค่เด็กจี้ปล้นฆ่าคนตายแล้วไม่ผิด แต่รวมถึงการปกป้องเด็กจากอันตรายซึ่งอาจเกิดจากพฤติกรรมของเด็กเองด้วย

9.การกำหนดและทำตามกฎระเบียบ เป็นเรื่องของการปลูกฝังฝึกฝน ซึ่งต้องทำตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ทำก็คงต้องถามตัวเองว่าแล้วจะทำเมื่อไร การทำตามกฎด้วยความเต็มใจต่างหากที่จะส่งผลดีได้ในทุกด้าน

10.อย่าตั้งธงว่าการทำตามกฎคือการถูกบังคับ เพราะคนอีกส่วนหนึ่งเขาก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะโดยความจริงแล้วชุดนักเรียนมันราคาถูกกว่าชุดไปรเวทที่เด็กไฮโซอยากใส่อวดกัน

11.การอยากทำอะไรให้แปลกแตกต่างเป็นเพียงความต้องการตามวัย แต่อยากให้คิดไกลๆ ว่าอะไรคือเหตุผลที่แท้จริง

คุณพระเจ้าปลากระป็อง

"ถ้าพวกคุณว่างมากพอมาคิดเรื่องแบบนี้

เอาเวลาไปคิดว่าจะทำยังไงให้เด็กไทยเรียนดี มีวินัย และเป็นคนดี...แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอคะ?"

แสดงว่าแม้แต่สิ่งที่คุณพูด คุณเองยังไม่เข้าใจเลย คุณเองก็เห็นด้วยกับการสร้างวินัย การยอมรับเครื่องแบบนี่ก็เป็นการสร้างวินัย จริงมั๊ย