ขอดี??? ของการจัดห้องเรียน (ห้องคิง-ห้องบ๊วย)
ตั้งกระทู้ใหม่
แบบเอาเด็กที่มีเกรดดีๆ อยู่ห้องเดียวกัน แล้วก็รันๆ ห้องไปตามเกรด
จัดห้องแบบนี้ เรามีความสงสัยว่า.. ผลดีมันคืออะไร?
แต่ผลเสีย (ในความคิดของเรา) เราว่า เด็กที่ไม่ใฝ่เรียน เจอเพื่อนไม่ใฝ่เรียน
เพราะทั้งห้องมีแต่คนความรู้เท่าๆ กัน มีแต่คนเก่งๆ มันก็จะเกิดควมเห็นแก่ตัว (บางคน)
บลาๆๆ
ถ้าเอามาคละๆ กัน เราว่าเด็กเก่งก็จะช่วยเด็กหัวไม่ดี ช่วยกันติว ช่วยกันฉุดเพื่อน
ถึงแม้มันจะช่วยไม่มาก แต่เราว่า มันก็ยังดีกว่กันจัดห้องแบบรันเกรดลงมาอ่ะ
#ขอบ่นนิดนึงที่โรงเรียนพูดไม่ได้ไง 5555555
29 ความคิดเห็น
ก็จริงตามที่เธอคิดนะ แต่เราคิดว่าจัดเรียงเกรด ทำให้นักเรียนมีจุดมุ่งหมาย และตั้งใจเรียนมากขึ้น
จากความคิดเรานะ คนที่ขยัน เมื่อมาอยู่ด้วยกัน มันจะขยันขึ้นเอง ไม่ต้องให้ใครมาฉุดมาบอก
แต่ถ้าต้องรอให้คนที่เค้าขยันมาบอกย้ำเพื่อนให้ตั้งใจเรียนตลอดๆ ไม่ขยันขึ้นด้วยตัวเอง มันไม่แฟร์
จริงป่าว
สิ่งที่ควรจะคิดคือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน มุ่งมั่นด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมาเตือน เพราะอนาคตทุกคนมีเส้นทางของตัวเองอยู่แล้ว จะมาคอยรอเพื่อนไม่ได้หรอก(จริงๆนะ) ไฟต์ติ้ง
เห็นด้วยกับ จขกท. อ่ะมันเหมือนแบ่งชนชั้น พวกครูก็เคร่งแต่เด็กห้องคิงแต่เด็กที่เรียนอ่อนๆก็ไม่ค่อยสนใจ
เราว่าแบ่งอะดีนะ เพราะว่าถ้าไม่แบ่งเลยอ่ะ มันก็เหมือนกับมันไม่แฟร์อ่ะ พวกเด็กที่ไม่เก่งถ้าเค้าขวนขวาย เดี่ยวเค้าก็ได้ไปอยู่ห้องคิงเอง คือ ง่ายๆเลยนะ เด็กห้องคิงบางคนอาจจะไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่เค้าใฝ่รู้ใฝ่เรียนจนกระทั้งสอบเข้าห้องคิงได้อะไรอย่างงี้ แล้วการที่เข้าพยายามสอบเข้ามาแล้วได้เรียนแบบธรรมดาๆ เพื่อนๆคุยกันดังจ๊อกแจ๊กๆ แล้วเค้าต้องมานั่งทนฟังไปจนหมดคาบ แถมยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยก็ไม่ใช่
แต่จะว่าอะนะ อย่างที่จขกท.บอกเด็กบางคนหัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าอย่างงั้นลองไปถามคุณครูในเรื่องที่ไม่เข้าใจดูเลยจะดีกว่าเหรอ
เราก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ได้ผลกว่าถามเพื่อนอีกด้วย
มีอีกหลายประการเลยหละ แต่เราไม่ได้ด่าว่าห้องบ๊วยไม่ฉลาดนะ เราหมายถึงว่าการขวนขวายมันต่าง หรือถ้าไม่ใช่เรื่องความขยันหรือใฝ่รู้ก็ต้องเป็นอันแรกคือหัวไม่ค่อนดีเท่าไหร่ซึ่งก็บอกไปแล้วว่าควรไปถามคุณครู
เราไม่รู้ว่าจขกท.อยู่ห้องอะไรนะ แต่เราว่าถ้าลองมาอยู่ห้องtop แล้วเราจะรู้สึกได้เองถึงความต่างในการเรียน มันอธิบายไม่ถูกนะ แต่มันต่างจริงๆ
เราอาจจะพิมพ์วกวนไม่รู้เรื่องเท่าไหร่อย่าว่ากันนะ
#ถ้าใครไม่พอใจขอโทษด้วยเน้อ #ถึงเราจะไม่เรียนห้องคิงแต่เราว่ามันควรนั้นแหละ
#เราเรียน mep นะ และก็ไม่ได้ตั้งใจว่าห้องไหนด้วย.... อย่าโกรธเค้านะ
จขกท.ลืมคิดแง่ที่สำคัญไปแง่หนึ่งนะครับ คือถ้าเด็กเรียน ฉุดเด็กไม่เรียนให้กลับมาเป็นเด็กเรียนได้ เด็กไม่เรียนก็สามารถดึงเด็กเรียนให้ไปเป็นเด็กไม่เรียนได้เหมือนกันครับ
ส่วนที่หนึ่ง: สนับสนุนระบบห้องคิง
1.เราต้องยอมรับว่าผู้เรียนแต่ละคนมีความพร้อมและความถนัดในการเรียนแต่ละเรื่องไม่เท่ากัน
ระบบห้องคิง แท้จริงแล้วเป็นการพยายามจัดห้องเรียนตามสภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน นักเรียนที่หัวไว มีความตั้งใจ จะได้ไปข้างหน้า และนักเรียนที่ไม่ถนัดหรือไม่พร้อมจะเรียนในวิชานั้นๆจะได้ให้เวลากับการเรียนบทนั้นๆต่อไป
2. เกรดเฉลี่ย หรือ GPA ที่ใช้ในการจัดห้องนั้น นักเรียนไทยเข้าใจกันดีว่าเกรดนี้ไม่ได้มีที่มาเพียงว่า
ทำข้อสอบได้คะแนนดีๆแล้วเกรดจะดีเสมอไป โรงเรียนส่วนมากยังให้ความสำคัญกับคะแนนเก็บ
หรือเอาง่ายๆคือ งานที่ส่ง+จิตพิสัย ต่อให้สอบตกแล้วซ่อม ถ้าส่งงานครบเกรดก็ไม่อนาถหรอกครับ หรือถ้าตั้งใจเรียนจริงๆเอาให้ตายเกรดก็ไม่เน่าครับ (ยกเว้นโรงเรียนสองสามแห่งที่เราทราบกันดีว่าเด็กสอบตกเป็นเรื่องธรรมดา ) ดังนั้นGPAจึงแปรผันตรงกับคะแนนส่วนใหญ่ คือคะแนนเก็บ ซึ่งวัดถึงความรับผิดชอบมากกว่าครับ จากประโยคของจขกท. "ถ้าเอามาคละๆ กัน เราว่าเด็กเก่งก็จะช่วยเด็กหัวไม่ดี ช่วยกันติว " เราต้องย้อนถามกลับไปก่อนครับว่าคนสอนคือเด็กเก่งพร้อมสอน แต่ผู้เรียนพร้อมเรียนไหม
ซึ่งจากระบบการรันเกรดตามห้องแล้ว ถ้าผู้เรียนมีความรับผิดชอบพอที่จะมาฟังเด็กเก่งติวนั้น ผู้เรียนน่าจะมีความรับผิดชอบพอที่จะเข้าเรียนครบทุกคาบและส่งงานให้ครบก็ไม่น่าจะอยู่ห้องไกลกันมากจนมีปัญหาหรอกครับ
(ยกเว้นแต่ผู้เรียนจะสนใจมาเรียนเพราะห้องสอบอยู่ข้างหน้า 555+)
โดยส่วนตัวเคยฟังแนวคิดของนักเรียนบางคน เขาบอกผมสั้นๆว่า "เรียนเปิดเทอมเรียน 4 เดือน ซ่อมปิดเทอมซ่อม 1 เดือน เอาแค่จบม.6 เกรดก็ไม่ได้เอาไปทำอะไร ไม่เป็นไรหรอก" ฟังแล้วก็ตกใจเหมือนกันครับ แต่กลับมานั่งคิดดูแล้ว เราเอาเลขสี่ในใบเกรดไปทำอะไร นอกจากสมัครโควต้านู้นนี่
เราก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่รู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องทำให้สมบทบาทนักเรียนของเราครับ
บอกว่าเด็กเก่งเรียนไปแล้วแข่งกันเรียน ยังไงหรือครับ? ทุกคนย่อมอยากประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย แล้วแต่ว่าในด้านใด เด็กเก่งเหล่านี้คือเหล่าผู้ที่ให้ความสำคัญกับการเรียน เทียบๆไปแล้วเหมือนเล่นกีฬาครับ สนามนี้แพ้ก็แพ้ แต่เดี๋ยวคราวหน้าไปฟิตมาใหม่ แล้วเจอกัน ประมาณนี้ 555+
ทุกวันนี้โดยส่วนตัวเวลาทำโจทย์ไม่ได้ก็ไปถามเพื่อนเก่งๆ เขาก็สอนเรามา ไม่เห็นจะได้กั๊กสูตรกั๊กเทคนิคอะไรไว้เลย ทั้งๆที่คะแนนเราก้ไล่ๆเขามาติดๆ
เราก็เห็นด้วยนะ แต่มันมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือ เด็กไม่เก่งไม่ตั้งใจเรียน จะพาเด็กเก่งเรียนแย่ลง ;w;
ในความคิดเรานะ เราว่าจัดเรียงห้อง ไม่คละอ่ะ ดีสุดแล้ว เพราะเด็กที่อยู่ห้องไม่เก่ง ถ้าเค้ามีจุดมุ่งหมาย ก็ต้องพยายามเองสิ ไม่ใช่จะให้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ต้องมีคนมาช่วยตลอดไรงี้ แล้วถ้าคละอ่ะนะ แทนที่ร.ร.จะมีเด็กที่เก่งส่วนนึง และเด็กที่ขยัน ที่พยายามทำให้ตัวเองขึ้นมาอยู่ห้องดีๆ กลับมีแต่เด็กที่ความรู้ปานกลางเท่าๆกันไปหมด เพราะเด็กเก่งถูกคละกับเด็กไม่เก่ง เวลาอ.เขาสอนก็ต้องอธิบายให้เข้าใจทุกๆคน เหมือนเด็กเก่งๆจะไปข้างหน้าก็ไม่ได้ แต่ถ้าแยกห้องครูก็จะรู้ประสิทธิภาพของนร. ว่าห้องนี้ต้องสอนระดับไหน ห้องเก่งก็ให้เขานำๆไปเหอะ ห้องไม่เก่งครูก็จะได้ให้เวลา อธิบาย มากกว่าห้องอื่นๆ
//คหสต.นะ ไม่พอใจขอโทดด้วย
โรงเรียนเราตอนแรกก็จัดห้องนะ พอรุ่นเราก็มาเปลี่ยนไม่จัดห้องแล้ว(ไม่รู้ทำไมT_T) สิ่งที่ได้ตามมาก็คือพากันไม่เรียนเลยทั้งห้อง เรามาเรียนห้องที่เคยเป็นห้องคิงส์เมื่อปีที่แล้วแต่ตอนนี้มันเป็นแค่ห้องคละ อาจารย์ก็ชอบประชดประชันสารพัด ดูถูกห้องเราว่ารุ่นพี่ดีกว่าอย่างนู้นอย่างนี้ พวกเราไม่มีอะไรเทียบได้เลย พวกเราก็ได้แต่นิ่งเงียบ แค่เสียใจอยู่ลึกๆ โรงเรียนตอนนี้ไม่สามารถหาคนเก่งๆไปแข่งขันเป็นตัวแทนโรงเรียนได้ เพราะการตามหาคนเก่งๆมีแววยากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรเพราะมันคละกัน ตอนนี้เพื่อนเราที่เคยตั้งใจเรียนก็เริ่มสติหลุดไม่เรียนกันแล้ว พากันตกต่ำทั้งห้อง เราว่ามีห้องคิงส์ดีกว่าค่ะ
จาก เด็กห้องคละ
ในฐานะที่เราอยู่ห้องคิงมาตลอดม.ปลาย จนมาปีสุดท้าย ม.6 เราหลุดมาอยู่ห้องกลาง ด้วยเหตุผลเรื่องดวง เพราะถ้าเรียงตามเกรดเราจะต้องได้อยู่ห้องคิง
มันทำให้เรารู้บางอย่างว่า
1.คะแนนเราจะเกาะกลุ่มกับเพื่อนทุกครั้งที่สอบ ไม่รู้ทำไม คือตอนอยู่ห้องคิง เราอยู่กลางๆ ค่อนไปท้ายๆ 555555 แต่ถ้าเทียบในชั้นแล้ว ก็ต้นๆอยู่ เหมือนทั้งห้องมี 40 เราได้ 30ของห้อง ก็ประมาณไม่เกิน 35 ของสายอะไรประมาณนี้
แต่คือคะแนนเราจะเกาะกลุ่ม ก่อนสอบแวดล้อมอ่านหนังสือ ต่อให้เราไม่อ่านก็อดที่จะแวบๆไปติวกับเพื่อนไม่ได้ คะแนนเลยพอโอเค
2.อาจารย์จะสนใจใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเด็กห้องนี้ตั้งใจเรียน สนใจเรียน สอนแล้วอาจารย์รู้สึกดี แต่ห้องบ๊วย จะสอนไม่ฟัง อาจารย์จะหงุดหงิดไม่อยากสอนเพราะมันดื้อ
ข้อเสียคือคนที่อยากเรียนถ้าอยู่ห้องบ๊วยคือดับ เพราะแทบไม่ได้เรียน(เพื่อนเราโดนมาละ อยากเรียน แต่จารย์ไม่ค่อยอยากสอน เพราะทั้งห้องมันไม่ค่อยอยากเรียน)
ขอโทษที่พิมพ์ยาว อยากพิมพ์อีกอยู่ แต่กลัวไม่มีคนอ่าน 55555
ลองมองกลับกัน
ถ้าเอาเด็กอ่อนเด็กเก่งมาเรียนปนกัน
จะเกิดความเลื่อมล้ำ เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว
เด็กอ่อนก็จะพาเกเร ฉุดเกรดเด็กเก่งลง
เด็กเก่งก็อยากจะช่วยดึงเกรด แต่บางทีเด็กอ่อนก็ไม่เอาไหน
ถึงยังไงแล้ว ถ้าเรียนรวมกันคนเก่งเค้าก็คบกับกลุ่มคนเก่งอยู่ดี
คนอ่อนก็จะเข้าหาคนอ่อนอยู่แล้ว เพราะเคมีตรงกัน
ชิวๆ ไม่เรียน ไม่ส่งงาน ก็กลุ่มอ่อน
ขยัน เคร่งเครียด ส่งงาน อ่านหนังสือ ก็กลุ่มเก่ง
เอิ่ม โรงเรียนเราตอนม.ต้น จะจัดห้อง 1 คือห้องคิง สองคือควีน ที่เหลือก็คละๆ กัน (ห้องพิเศษแยกไปอีกส่วนหนึ่ง) ซึ่งเราก็อยู่ห้องคิง เราว่ามันก็ดีนะคะ ได้อยู่กับเพื่อนที่ขยันๆ เก่งๆ ทำให้เราต้องขวนขวายตามไปด้วย
ขึ้นม.ปลาย จะจัดแบบ เอาเกรดสูงๆ มาคละกันอีกที แล้วแบ่งเป็นห้อง 1 กับห้อง 2 (สายวิทย์อะนะ) ที่เหลือคละเหมือนเดิม คราวนี้เราอยู่ห้อง 2 สังคมก็คล้ายๆ ห้องคิงม.ต้น แต่ห้อง 2 จะเรียบร้อยกว่า 5555
เราว่ามันเป็นผลดีนะคะ
เด็กที่อยู่ห้องหลังๆ จะได้พยายามขวนขวายเพื่อถีบตัวเองมาห้องคิงบ้าง
แต่ถ้าเอามารวมๆ กันหมด เด็กดีก็อาจจะถูกเด็กเสียพาเสียไปด้วย
ห้องคละน่ะ โรงเรียนเราส่วนใหญ่ก็มีสูบบุหรี่ กินเหล้ากันแทบทุกห้อง แต่ห้อง 1 2 แล้วก็ห้องพิเศษจะแทบไม่มีประวัติด้านนั้นเลย ซึ่งมันก็เป็นข้อดีนั่นแหละค่ะ
เราเป็นคนนึงเลยนะ ที่ค่อนข้างจะเรียน พอใช้ได้ มั๊ง
คือ เราคิดว่าในทางทฤษฐี เป็นอะไรที่ฟังแล้วดูดีมากๆ
แต่พอมาดูในการปฎิบัติจริงๆ นะครับ จะมีเด็กที่ไม่เรียนซักกี่คนยอมฟังเด็กที่เรียน
คือ ส่วนมากในสังคมโลก จะมีคนที่ไม่ตั้งใจเรียนมากกว่าคนที่ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว
ซึ่ง หากในห้องนึง มีคนตั้งใจเรียน ซัก5คน แต่มีคนไม่ตั้งใจเรียนซัก 35คน
พวกนายคิดว่า มันจะเกิดเหตุอะไรขึ้นหละ สิ่งที่จะเกิดก็จะมี
1.เด็กเรียน คบเด็กเรียน และ เด็กเรียนถูกรบกวนด้วยเสียงอันโหวกเหวก โวยวายของเด็กที่ไม่เรียน
2.เด็กเรียน คบเด็กไม่เรียน อาจจะฉุดให้เด็กเรียนตำ่ลงได้
เราอาจเปรียบได้ว่า การที่เอา นำ้ดีไปเจือนำ้เสีย หาก นำ้ดีไม่มากพอ ก็รังแต่จะทำให้ นำ้ดีกลายเป็นนำ้เสีย นะครับ แต่ถ้าเรามี นำ้ดีมากพอดีจะเจือนำ้เสีย อันนี้ก็โอเค
แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ในประเทศเราส่วนมากจะเป็นนำ้เสียนะครับ
อยากจะบอกว่า ทุกๆคนเป็นเพื่อนกัน ครับ อย่างผมผมก็คบคุยกันตลกเฮฮากับทุกคน
เพราะผมไม่ได้เป็นคนที่เรียนแบบ 100เปอเซน เรียนบ้างเล่นบ้าง แต่ เอนด้านการเรียนเป็นหลัก
สรุป มันเป็น ทฤษฐีที่ดีมากครับ แต่พอเอาเข้าใจ เราก็จะถูกตัวแปรๆต่างๆพัดพาไปในทางที่ไม่ค่อยตรงกับเป้าหมายสักเป็นส่วนมาก
ถ้าสมมุติ เด็กที่ไม่เรียนแล้วอยากเรียน ผมก็ช่วยได้ครับ แต่เอาให้แน่ใจจริงๆก่อนว่าอยากเรียน
ในห้องผม ก็มีเพื่อนที่ไม่เข้าใจ แต่เรียนไม่เก่ง ไม่ได้เกเร และพยายามจะเรียน
ผมก็พยายามจะช่วยเค้าตลอด สอนตลอด มาถามผมตรงไหน ผมก็จะสอนให้ละเอียดๆ
แต่พอเอาเข้าจริงๆ ในนิยามคำว่า เด็กไม่เรียน ส่วนมากจะเป็นเด็กที่ไม่มีจิตใจ สนใจในการเรียนเป็นทุกเดิมอยู่แล้ว ซึ่ง จุดนี้ก็ทำอะไรเค้าไม่ได้ แต่ผมโอเคกับ คนที่เรียนไม่เก่งแต่อยากเรียน แบบว่าเข้าใจช้านะครับ
สวัสดีจ้าาาา
เราว่าดีนะ อย่าว่าเราเห็นแก่ตัวหรืออะไรนะ แต่เราเรียนอยู่ห้องคิง(กิฟ) ถ้าให้เราไปเรียนกับห้องบ๊วยงี้เราคงไม่ไปไหน แล้วการเรียนของห้องกิฟ กับบ๊วยมันต่างกันอ่ะ แต่เราอยากให้ทุกโรงเรียนใช้ระบบแบบสาธิตอ่ะ แบบแต่ละห้องกำหนดเกรดไว้ห้ามต่ำกว่าเท่านี้ ถ้าต่ำกว่าที่กำหนดก็ให้อยู่ห้องถัดลงมา นักเรียนก็จะมีความกระตือรือร้นอ่ะ
มันทำให้ครูสอนเด็กได้สะดวก
เด็กเก่งก็ไปได้เร็ว แล้วก็ไม่ต้องมารอกัน ถ้าเก่งน้อยลงมาหน่อยก็อาจจะย้ำมากขึ้น
ถ้าปนกัน ความรวดเร็วในการรับสารต่างกันมาก
ครูก็ปวดหัวตาย
คนที่ขยันมีความพยายามก็อยู่ด้วยกันหน่ะดีแล้ว
พวกเด็กไม่เอาถ่านก็กองๆกันไว้ อย่าเอามาปะปนกันเลยเราว่า
มันเสียบรรยากาศการเรียน ถ้าเอาเด็กพวกนี้มารวมด้วยไม่ดีนะตามความคิด
เสียงดังน่ารำคาญ ความคิดเห็นส่วนตัว
เห็นด้วยค่ะ
คหสต. เราว่ามันดี โรงเรียนเราก็จัดแบบนี้ เด็กเอนเข้าได้ก็เพิ่มทุกปีอ่ะ
เกลียดห้องคิงส์ แล้วก็ไม่ชอบห้องบ๊วย เอ้ะยังไงว่ะนี่
คหสต นะ
ห้องคิงส์ เว่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทุกเรื่อง ขยันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนตายกันไปข้างนึง
จริงจังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง กับทุกๆเรื่อง แม้แต่เรื่องไม่มีสาระพวกมันก็เครียดได้ บ้า่ไปแล้ว
ห้องบ๊วย สบายๆๆๆๆๆๆ แต่ ไม่เรียนนนนกันไง เด็กแต่ละคน หลากพฤติกรรม บางคนดี บางคน-*- ชิบหาย ถ้าถามนะ ไม่อยากอยู่ซักห้องหรอก แต่ถ้าเลือกได้ ยอมอยู่บ๊วยดีกว่า เพราะเป็นคนหัวช้า และไม่ชอบทำอะไรที่ .จริงจังกับชีวิตเกินไป..
ห้องคิงส์เเต่โง่สุดดีกว่าเเน่นอนครับเพราะห้องคิงส์ก็มาจากห้องท้ายเเต่เก่งสุดนี่เเหละครับเหมือนเพิ่มระดับขึ้นมาน่ะครับ เราเก่งสุดในคนไม่เก่งมันจะดีไร สู้อ่อนสุดในคนเก่งดีกว่าอย่างน้อยเราก็เก่งกว่าคนไม่เก่งในห้องท้ายอยู่เเล้วเราถึงมาห้องคิงส์ได้
สำหรับเราน้า เราคิดว่า แบ่งห้องตามเกรดมันก็ดีนะ เพราะว่าถ้าเอาเด็กเก่งระดับห้องคิงส์ มารวมกับเด็กระดับต่ำกว่านั้น แล้วคิดว่าถ้าหนึ่งห้องมี 40 คน เรียนเก่งอยู่ 30 คน ไม่เก่งอยู่ 10 คน อาจารย์อาจจะสอนไปไวมากๆก็ได้ แล้วเด็กที่ไม่เก่งล่ะ จะตามทันหรือ ? เราว่าแบ่งแบบนี้ก็โอเคนะสำหรับโรงเรียนที่มีนร.เยอะๆ เพราะว่า เด็กเก่งอยู่กับเด็กเก่ง เรียนไปได้ไว รู้เรื่องเหมือนกันเรียนทันกัน และถ้าเด็กปานกลางอยู่กับปานกลาง ครูก็อาจจะช้าลงมาหน่อยและอาจจะอธิบายละเอียดขึ้นให้ได้เข้าใจ ไปแบบกลางๆไม่ช้าหรือไว ส่วนเด็กไม่ค่อยเก่งอยู่กับไม่ค่อยเก่ง ครูก็จะได้อธิบายให้ละเอียดมากกว่าเดิม ไปช้าๆเนิบๆแต่เข้าใจ ลองคิดดูน้าถ้าห้องนึงมีเด็กไม่เก่งมากกว่าเด็กเก่ง บางทีเด็กเก่งอาจจะโดนฉุดลงด้วยเด็กไม่เก่งก็ได้นะ ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง แล้วอาจจะรั่วไปเลย รร.เราก็คัดห้องคิงส์ตามเกรดเหมือนกันน่ะ ส่วนควีนก็เริ่มคละๆละ (เราอยู่ควีนจ้า) ถึงจะคละมันก็เหมือนเดิมอ่า เด็กไม่ค่อยเก่งเรียนไม่รู้เรื่องเลย เด็กเก่งก็เก่งไปอะไรแบบนี้ ยังไงมันก็จับกลุ่มแบบเดิม เด็กเก่งอยู่กะเก่ง ไม่เก่งก็เข้าพวกเดียวกัน เหมือนเดิมเลย แต่ไม่เก่งบางคนอยู่ห้องคละ พยามถีบตัวเองให้เก่ง (หายากนะ) อันนั้นก็ดีไปน้า แต่เราว่า จะอยู่ห้องไหนมันก็ไม่ค่อยสำคัญหรอกค่ะ ส่วนตัวก็ชอบคละอยู่ด้วยเพราะอย่างว่า เราเรียนพอได้ในกลุ่ม เราก็ช่วยสอนคนที่เก่งน้อยกว่า มันก็สนุกดีนะ อย่างไรอยู่ห้องไหนเดี๋ยวอาจจะชินไปเองแหละจ้า ขึ้นอยู่กับการจัดระบบของรร.ด้วยเนอะ เราคงทำอะไรไม่ได้ เป็นได้แค่นร.ตัวเล็กๆ ทำตามที่อาจารย์บอกเพียงเท่านั้น สู้ๆน้าค้า
ปอลิง.คหสต
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?