Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำไมเด็กไทยเรียนเก่งแต่งไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ทำไมเด็กไทยเรียนเก่ง
แต่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต

                                            
                                                


สวัสดีครับพอดีว่าผมได้อ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่งแล้วไปเจอหัวข้อที่ว่า"ทำไมเด็กไทยเรียนเก่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต"เลยอยากมาแชร์แบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้อ่านกันด้วยผมคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เด็กไทยในปัจจุบันไม่ค่อยใส่ใจกันซะเท่าไหร่ครับเรามาเริ่มกันเลยนะครับ
1.ลืมสอนให้เด็กวางแผนชีวิต...
ปัจจุบันเราจะสอนเด็กเพียงว่า"เข้ามหาลัยดีๆให้ได้นะลูกแล้วจะสบาย..."ซึ่่งผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเวลาเด็กไทย เอ็นไม่ติดถึงฆ่าตัวตายเพราะ!!!
เราสอนให้เด็กตั้งเป้าหมายในชีวิตแค่ครั้งเดียวครับ...เด็กมันก็เลยคิดว่าถ้าเข้ามหาลัยดีๆไม่ได้ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมแล้วชีวิตนี้...แต่หารู้ไม่ว่าชีวิตนี้ยังมีอะไรอีกเยอะ...คุณรู้ไหมเด็กไทยกับเมืองนอกต่างกันตรงไหน อายุ 18 เมืองไทยเอ็นติดขอแม่ซื้อรถ!!!...อายุ 18 ปีเมืองนอกเปิดบริษัทแล้วครับ...อายุ 28ปี เมืองไทยตกงานครับ(บางคนอายุ30ยังแบมือขอตังพ่อแม่อยู่เลย)...อายุ 28 ปีเมืองนอกรวยติดอันดับโลกแล้วครับผมยกตัวอย่าง ไมเคิล เดลล์ ตอนอายุ31 มีทรัพสิน 700,000ล้านแล้วครับ เป็นดอลลาร์ นะครับไม่ใช่บาทเห็นรึยังครับคนที่วางแผนชีวิตกับไม่วางแผนชีวิตผลลัพธ์มันโคตรต่างกันเลย...มีนักธุรกิจท่านหนึ่งบอกกับผมว่า"ทุกๆ 10 ปีคุณภาพชีวิตเราจะตกลง 1 ระดับ ถ้าคุณไม่สร้างความสำเร็จใหม่ๆ"ผมยกตัวอย่างนะครับอาจจะไม่ถึง10 ปีด้วยซ้ำอาจจะเป็น 1 ปี คุณทำงานประจำอยู่ที่ได้เงินเดือนเดือนล่ะ 25,000 บาทปีนั้นเจ้านายบอกว่าคุณทำงานดีจึงขึ้นเงินเดือนให้ 2 เปอร์เซ็น ดีใจกลับไปจัดงานเลี้ยงใหญ่เลย...เจ้านายขึ้นเงินเดือนให้ แต่!!!หารู้ไม่ว่า...ประเทศไทยเงิน เฟ้อปีล่ะ 3 เปอเซ็นเท่ากับว่านี้เราจนลงปีล่ะ 1 เปอร์เซ็นเหรอเนี่ย!!!เห็นรึยังครับ
2.สอนให้เด็กมีความรู้แต่ไม่มีความคิด...
ผมไม่แปลกใจว่าทำมีแต่คนพูดว่า"เด็กไทยคิดไม่เป็น"ทุกวันนี้เด็กเจออะไรครับ...เจอแต่ตำรา...เจอแต่หนังสือเรียน(ผมยกตัวอย่างเด็กที่เรียนเก่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตนะครับ)แต่...คุณรู้หรือไม่ว่าตำราที่สอนเด็กในทุกวันนี้มันของ พ.ศ.อะไรเฮ้ย!!!นี่มันยุคปัจจบันแล้วผมยกตัวอย่างวิชาที่ผมเรียนนะครับ"เศรษฐศาสตร์"เอาเนื้อหาประมาณปี 19XX มาสอนคนเขียนตำราบางคนตายไปนานล่ะครับ ในชีวิตจริงมันยุคของ"Social Network"แล้วนะครับแต่นี่อะไรยังสอนผมอยู่ยุคอุตสาหกรรมอยู่เลย...ผมจึงเลยไม่แปลกใจทำไมเด็กไทยเรียนเก่งนะครับแต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะความรู้ที่เรียนมามันใช้กับปัจจุบันไม่ได้ครับ!!!...บางคนบอกเออจริงหว่ะ...สมัยก่อนพ่อผมบอกว่าไม่เห็นมันจะมีเรียนพิเศษเลย...ตี 4 ตื่นมาอ่านหนังสือเอง...แต่!!!เด๋วนี้ใครไม่เรียนพิเศษตามเพื่อนไม่ทันครับจริงไหม? แล้วเด็กมันจะเอาเวลาที่ไหนมาคิดถึงอนาคตล่ะครับในเมื่อเราไปบอกมันทุกวันว่า"เรียนเก่งๆแล้วจะสบาย"สมัยคุณอาจใช่ครับเรียนเก่งจบมาทำงานดีๆสมัยนี้มันไม่แน่แล้วครับ...บทสรุปของชีวิต
"ตั้งหน้าตั้งตาเรียนมาตั้งนาน...เรียนมาแทบตาย...เพื่อที่จะจบมาแล้ว...เป็นหนี้"
3.เลือกอาชีพที่มันสร้างชีวิตไม่ได้...
ผมยกตัวอย่างนะครับในที่นี้ใครคิดว่าเรียนจบมาแล้วจะได้เงินเดือนเดือนล่ะ 100,000 มั้งครับ คิดไว้ในใจครับ...แต่หลายๆคนคงจะค้านจบมาได้แค่ 15,000 บาทก็หรูแล้วพี่...คุณเชื่อไหมถ้าคุณจบมาใหม่เงินเดือน 15,000บาท(ทำงานเป็นลูกจ้างเขานะครับ)...คุณยังไม่มีปัญซื้อ แจส เลยบางคนหัวเราะ...โหพี่ แจสนี่หมาวิ่งผ่านก็สั่นแล้ว...ทำเป็นหัวเราะไปครับ ผมถามจริงๆเงินเดือน 15,000 บาท(พ่อแม่ไม่เกี่ยวนะความสามารถตัวเองล้วนๆ)เก็บเดือนล่ะ 10,000 บาททุกเดือนเก็บได้ไหมบางคนบอกยากพี่ ทำงานในกรุงเทพค่านู่นค่านี่เยอะ...ผมลดลงมาเดือนล่ะ 5,000 บาทเก็บทุกเดือนนะครับเก็บแบบมีวินัยเลย... 5,000x12เดือน = 60,000บาท/ปี แจสคันล่ะ 630,000 ลองหารดูครับ 630,000/60,000 ประมาน 10 ปี คุณจะมีเงินซื้อแจสได้ก็ต่อเมื่อคุณทำงานไป 10 ปี!!!แล้วครับถ้าทำงานตอนนั้นอายุ 24 ก็จะซื้อได้ตอนอายุ 34 ปีเป็นไงครับ นึ่งอึ่งไปดิไอรถที่หลายๆคนบอกว่าหมาเดินผ่านก็สั่นแล้ว คุณยังต้องใช่เวลาถึง 10ในการซื้อเลยถ้ายี่ห้ออื่นอย่าหวังครับ เบนซ์ บีเอ็ท ออดี้ เฟอรารี่ แรมโบกินี่ ยืนมองอย่างเดียวพอครับ...
4.นิสัยไม่ดี...อยากรวย...แต่ไม่อยากเหนื่อย...
ด็กไทยส่วนใหญ่พ่อแม่เลี้ยงมาสบายหมดครับ...ไม่ว่าจะจนจะรวย...จริงไหมครับ ไอคนรวยเลี้ยงลูกสบายไม่เท่าไหร่ครับเพราะมันยังมีปัญญาเลี้ยงไปจนตายแต่!!!คนจนเลี้ยงลูกสบายอนาคตฉิบหายครับ...อายุ 30 ยังทำไรไม่เป็นวันๆแบมือขอตังพ่อแม่อยู่เลย...เด็กไทยส่วนใหญ่ติดสบายครับหนักไม่เอา...เบาไม่สู้...นอนแข่งกับแมวครับ...แมวยังยอมแพ้เลย...ผมจะบอกว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายหรอกครับถ้าคุณไม่ลงมือทำ...คุณดูอย่างคนที่รวยๆในประเทศไทยนะครับผมยกตัวอย่าง...เจ้าสัวเจริญครับเจ้าของเบียร์ช้าง...บางคนร้อง..อ๋อ..ผมกินทุกวัน...คุณรู้ไหมเบียร์ช้างเสียภาษีปีล่ะเป็น หมื่นล้าน นี่!!!แค่ภาษีนะครับแล้วรายได้จะขนาดไหน...มีคนเคยไปถามท่านนะครับว่าท่านทำยังไงถึงประสบความสำเร็จในชีวิต...ท่านบอกทำงานให้หนักเข้าไว้ครับ...หนักขนาดไหน...หนักขนาดที่ท่านพูดว่าในช่วง 20 ปีที่ผมสร้างชีวิต...ผมนอนวันล่ะ 4 ชั่วโมง!!!เฮ้ย นอนวันล่ะ 4 ชั่วโมง...บางคนตกใจครับ บอกพี่ๆผมผมนอนวันล่ะ 12ช.ม...นอนเช้า...ตื่นอีกทีตอนเย็น...เออ เจริญล่ะ...ที่ผมยกตัวอย่างให้เห็นคือคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ เขาลำบากมาก่อนทั้งนั้นครับถ้าคุณยังเน้นสบาย หนักไม่เอา เบาไม่สู้ชีวิตคุณลำบากแน่นอนครับ...
5.ใช้ความคิดเดิมๆ...วิธีการเดิมๆ...มันสร้างอราคตไม่ได้แล้ว...ในโลกยุคใหม่...
ตอนเด็กๆพ่อผมเคยบอกว่าให้หาเงินให้ 10 ล้านให้ไวที่สุด แล้วเอาเงิน 10 ล้านไปฝากธนาคาร ตอนนั้นดอกเบี้ยร้อยล่ะ 16% ก็เท่ากับว่าถ้ามีเงิน 10 ล้านจะได้ดอกเบี้ย เดือนล่ะแสนกว่าบาท สบายแล้วครับนอนกินดอกเบี้ยงอย่างเดียวทุกวันนี้มีใครยังคิดจะเอาเงินไปฝากธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ยไหมครับ...โลกมันเปลี่ยนไปแล้วครับ...ตอนนี้ดอกเบี้ยร้อล่ะ 0.75% น่ารักไหมครับ เท่ากับว่าคุณมีเงิน 100,000 บาทเอาไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยเดือนล่ะ 62 บาทครับนี่ยังไม่รวมหักภาษีนะครับ น้อยไหมล่ะครับ ถ้าเอาเงิน 10 ล้านไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ยเดือนล่ะ 18,750 บาท พอกินไหมครับ? แล้ว 10 ล้านนี่มันไม่ได้หาง่ายๆนะ...ขี้แตกกันเลย...ผมถึงบอกว่า...วิธีการแบบเดิมๆมันไม่ Work...แล้วครับ เราคิดแบบเดิมๆไม่ได้แล้ว...

ที่มา




แสดงความคิดเห็น

>

18 ความคิดเห็น

darkhero 3 ต.ค. 56 เวลา 10:40 น. 4

งั้นถามหน่อยค่ะ
แล้วเราต้องเลือกอาชีพอะไรเหรอคะ มันถึงจะเป็นงานที่สร้างชีวิตได้?
ถ้าเลือกงานที่สร้างชีวิตได้ แต่ตัวเองไม่ชอบ ทำออกมาได้ไม่ดี มันจะได้เงินเดือนสักแค่ไหนคะ
กับงานที่ตัวเองชอบ มันสามารถจนพัฒนาได้ดีขึ้นไม่ได้เหรอคะ แล้วเงินเดือนมันจะหยุดอยู่แค่นั้นตลอดเลยเหรอคะ

0
ยูโนริ 3 ต.ค. 56 เวลา 13:15 น. 5

 ที่เจ้าของกระทู้พูดมาน่ะ ถูกสุดๆเลย อ่านแล้ว รู้สึกฮึดสู้ขึ้นมานิดๆเลย
   

แต่
  - มันแล้วแต่คนนะ
ความสุขของแต่ละคน แน่นอนมันต้องต่างกัน
   - ตัดสินไม่ได้หรอกว่าแบบนั้นดีแบบนี้ดี เป้าหมายแห่งความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคนมันต่างกัน

   บางคนอาจจะขออยู่แบบพอดีๆ ไม่ต้องมีนั่นมีนู่นให้ปวดหัวก็ได้  ใครจะรู้


0
nutny 3 ต.ค. 56 เวลา 15:25 น. 7

ตอนนี้พี่ไม่ได้เรียนแล้ว พี่เรียนจบแค่ม.6
เมื่อก่อนพี่เคยเครียดเหมือนน้องหลายๆคนตอนนี้ ว่าพี่จะเรียนอะไรที่ได้เงินเยอะๆ
พ่อกับแม่จะได้สบาย

สุดท้ายพี่ก็เรียนมหาวิทยาลัยไม่จบ เพราะค่าเทอมมันแพงเกินกว่าที่แม่พี่จะส่งไหว

พี่ก็เลยดิ้นรน หางานเอง โชคดีที่พี่ไม่เลือกงาน และไม่รักสบาย

พี่เริ่มต้นทำงานโรงงาน เดือนหนึ่งพี่ได้เกิน 15000อีก แต่มันหมายถึงเวลาทั้งวันทั้งคืน พี่ก็เลยลาออก

ตอนนี้พี่ทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่เกาะเต่า ที่นี่พี่ได้เงินเดือนแค่6500 แต่พี่มีเงินส่งให้พ่อแม่ทุกเดือน
เพราะมันต้องประหยัด ของที่นี่แพงกว่าบนฝั่งมาก พี่ต้องฝืนกินกับข้าวที่มันถูกเพื่อประหยัดเงิน

ไม่ใช่เพราะพี่จบแค่ม.6 ถึงต้องทำแบบนี้ แม้แต่หัวหน้าที่จบป.โท ก็ทำแบบนี้ เพราะเป้าหมายชีวิตของเราคือคนที่บ้าน คนที่อยู่ข้างหลังต้องสบาย

น้องๆค่ะ ขึ้นชื่อว่าทำงาน ไม่มีสบายหรอกค่ะ
งานทุกงานมีปัญหามีอุปสรรค -ที่เรียนๆมานั่นแค่ส่วนน้อยค่ะ
พี่อยากให้น้องๆรักในงานที่ทำ มากกว่าให้เลือกเรียนเพื่อที่จะทำอะไรดีกว่าน่ะ

อนาคตมองได้ กำหนดได้แต่อย่าไปกังวล มันอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด เราหวัง แต่เราต้องรับมือให้ได้

ความสำเร็จน่ะ มันแค่นามธรรมเท่านั้นแหละ ไม่มีใครรู้หรอกว่าความสำเร็จที่จริงแล้วเป็นอย่างไร เพราะแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน


ตั้งใจ

0
aaaaaaaaaaaa 3 ต.ค. 56 เวลา 20:13 น. 8

ถ้าจะว่าที่ตัวเด็กไทยเองอีกแบบคือ เด็กไทยบางคนคิดเองไม่เป็น

#อย่ามัวแต่โทษคนอื่นนะเด็กไทย โทษตัวเองบ้าง

0
Signature: O 4 ต.ค. 56 เวลา 03:39 น. 9

เฮ้อ ชีวิตมันไม่ง่าย และไม่มีสูตรสำเร็จ


คนใกล้ตัวเราคนนึง จบวิศวกรเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เข้าทำงานในบริษัทข้ามชาติ ได้เงินเดือนเฉียดแสน วางแผนไว้ว่าจะเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเองตอนอายุ 35

อายุ 37 ลาออกจากที่ทำงานเดิม มาทำธุรกิจเต็มตัว ช่วงแรกๆที่ออกมาทำลำบากมาก ถึงแม้เขาจะมีคอนเนคชั่นมากมาย แต่บริษัทเพิ่งเปิดใหม่ลูกค้าก็ยังน้อย รายได้ไม่พอรายจ่าย

หนี้สินเริ่มก่อตัวและพอกพูนขึ้น แถมยังโดนลูกค้าโกงเงินไปหลายแสนบาท ล้มลุกคลุกคลาน จนปีที่ 5 ถึงเริ่มมีเงินเหลือไปโปะหนี้เก่า

พอธุรกิจเริ่มดีขึ้นได้ไม่กี่ปี เขาก็ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ขณะที่ภรรยาไม่ได้ทำงานประจำ และลูก 2 คนก็ยังเรียนไม่จบ

คำถามคือเขาทำผิดไปจากข้างบนตรงไหน ทำไมถึงไม่ประสบความสำเร็จ?

0
Bellidewz Mcx 4 ต.ค. 56 เวลา 08:59 น. 10
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
มันจี๊ดก็ตรงที่บอกว่าเอาตำราเก่าสมัยไหนมาให้เรียนก็ไม่รู้อ่ะแหละ โดยเฉพาะพวกสังคมหรือเศรษฐศาสตร์ โลกมันเปลี่ยนไปแล้วน้ะค้าาาาา
0
น้องเ้จี๊ยบ 4 ต.ค. 56 เวลา 18:00 น. 13

ขอเถียง 1 ประเด็นจ๊ะ ผมมองว่า

นั่นคือ ตัวอย่างบุคคลที่ยกมา เขามีความพยายามและ "โชคดี" อ้อ "โอกาส" ครับ

อีกอย่าง เมืองนอกเขาก็มีจนเหมือนเรานะครับ

ไม่ยกมาบ้างละ ? จะได้เท่าเทียม

อีกอย่างหนึ่ง ต่างชาติเรื่องอุปกรณ์อุสาหกรรมถูกกว่าบ้านเรา

ส่วนอาหารแพงกว่า

นี้คือเป็นส่วนต่างของประเทศเราด้วย

0
OPPO 4 ต.ค. 56 เวลา 21:25 น. 14

บางทีการประสบความสำเร็จในชีวิตของคนเราก็ไม่เหมือนกันนะคะ
ยกตัวอย่าง คนนึงพ่อแม่อยากให้เป็นหมอ แล้วเค้าก็ขยันเรียน เรียนพิเศษบ้าง แล้วก็เอ็นติดหมอ พ่อแม่ดีใจ ลูกก็ดีใจแล้วก็ตั้งใจเรียน จบมามีงานทำ หาเงินให้พ่อแม่และก็มีครอบครัว
นี่ก็เรียนกว่าประสบความสำเร็จนะคะ ถ้าโดยที่ทุกอย่างมีแบบแผนเลย แล้วก็ไม่ได้มีเงินเป็นล้านแบบ
นักธุรกิจที่คุณยกตัวอย่างมา

อีกคนเรียนจบม.6 ไม่ได้เรียนต่อมหาลัยเพราะเอ็นไม่ติด เครียด ทะเลาะกับพ่อแม่ แล้วไม่รู้จะทำอะไรเป็นอาชีพดี ไปเรียนทำอาหารแล้วรู้สึกรักในงานสิ่งที่เรียน จากนั้นไปทำงานเป็นเชฟที่ต่างประเทศ ได้เงินส่งมาได้พ่อแม่ใช้ มีครอบครัว สุดท้ายชีวิตเค้าก็มีทุกอย่าง แม้ว่าเค้าจะไม่ได้เรียนมหาลัย อาจจะไม่ได้ร่ำรวยมากแต่ก็มีความสุขกับงานที่ทำ และมีความสุขกับครอบครัว+สิ่งที่เรามีอยู่ เท่านี้ก็เรียกว่าประสบความสำเร็จได้นะคะ

เราแค่ยกตัวอย่างเฉยๆนะ อยากให้รู้ว่าการประสบความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินทอง ชื่อเสียง อย่างคนก่อตั้งเฟสบุ๊คอ่ะเค้ามีทุกอย่างแต่ เค้าก็เสียเพื่อนที่เค้าสนิทมากๆไปคนนึงนะคะ แบบไปขอเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คแต่เพื่อนคนนั้นก็ไม่รับ เพราะอะไรจำไม่ได้(อาจารย์เล่าให้ฟัง)

0
Victiria 5 ต.ค. 56 เวลา 09:17 น. 15

เราว่า....ไม่ต้องมองที่ใคร มองที่ตัวเองก็พอแล้วคะ (._.)
ถ้าวันนี้ชีวิตเรามีความสุขดี พ่อแม่สุขสบาย ไม่เดือดร้อน เท่านี้เราคิดว่าชีวิตเราก็ประสบความสำเร็จแล้ว ^ ^

0
เพทาย 7 ต.ค. 56 เวลา 17:11 น. 17

จริงค่ะ ที่ว่าการประสบความสำเร็จของคนเรานั้นต่างกัน
แต่ประเด็นสำคัญคือเราเรียน เพื่อเอามาทำงานหาเงิน

พูดง่ายๆ คือ เรียนเพื่อหาเงิน
เพราะว่าเงินต้องใช้ความรู้ในการหา
หาเงินมา เพื่อดำรงชีวิต

ดังนั้นเรามาปรับมุมมองใหม่

ถ้าคิดว่าความประสบความสำเร็จคือการได้เงินมากๆ
= ก็ต้องคิดหาวิธีทำงาน หาเงิน ระหว่างที่เรียน
ซึ่งบางคนอาจจะรวยก่อนเรียนจบ

แต่ถ้าการประสบความสำเร็จ คือ การมีความสุขในชีวิต
=ทำสิ่งที่คุณชอบทำต่อไป อย่างมีความสุข

ปัจจุบัน บางคนยังหาอาชีพที่ชอบไม่ได้ อาจเป็นเพราะค่านิยมในสังคมที่สอนให้เราเรียนสูงๆ จะได้ทำงานดีๆ โดยไม่ได้กลับมามองตัวเองเลย ว่าสิ่งไหนที่เราชอบ สิ่งไหนคือเป้าหมายที่แท้จริงของเรา

ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำคือมีความสุขกับชีวิต และพยายามไขว่คว้าหาสิ่งที่เป็นเป้าหมายขอชีวิต

โลกมันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ ปัจจุบันคือ ถ้าคุณไม่รู้คุณก็จะถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลัง

เป็น คหสต.ค่ะ -..- //ถูกถีบออกนอกกระทู้

0
Mockins 2 มี.ค. 57 เวลา 21:01 น. 18

คิดว่าที่กล่าวมาข้างต้นมันก็ถูกนะคะ แต่ทั้งนี้มีหลายปัจจัยไม่ใช่เหรอคะ คนเรามีสิ่งที่เรียกว่าเป้าหมายและความพอใจที่ต่างกันค่ะ แน่นอนว่า การตั้งเป้าหมายในชีวิตนั้นสำคัญมากก็จริง แต่อย่าลืมนะคะ ว่า "วิธีการ" หรือ "จะทำยังไง" เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ก็เป็นตัวที่จะตัดสินด้วยเหมือนกัน 
แต่ว่าทั้งนี้ เราคิดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด คือเรื่องที่ว่า "เรามีความสุขและพอใจกับงานที่ทำไหม" เพราะบางที ขอแค่เรามีความสุขที่เราได้ทำงานที่เรารัก ต่อให้มันเปนสิ่งเล็กน้อย แต่ถ้าเราพอเลี้ยงตัวเองได้ นั่นก็น่าจะเป็นความสุขนะ เงินน่ะ ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิตหรอกค่ะ แค่เรามีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก นั่นก็เพียงพอแล้วละมั้ง อิอิ

0