ประเทศไทยเจ๋ง !! ยกระดับการวิจัยฟิสิกส์ไทย สวทช. จุฬาฯ ม.สุรนารี จับมือ CERN เข้าร่วมเครือข่ายวิจัยฟิสิกส์ระดับโลก !!
องค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป (อังกฤษ: European Organization for Nuclear Research; CERN; ฝรั่งเศส: Organisation européenne pour la recherche nucléaire) เรียกโดยทั่วไปว่า "เซิร์น" เป็นองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2497 โดยมีประเทศสมาชิกก่อตั้ง 12 ประเทศ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
เมื่อแรกก่อตั้ง เซิร์น มีชื่อว่า "สภาวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป" หรือ Conseil Européen pour la Recherche Nucléaire (European Council for Nuclear Research)ซึ่งเป็นที่มาของชื่อย่อ CERN
บทบาทหลักของเซิร์นคือ การจัดเตรียมเครื่องเร่งอนุภาคและโครงสร้างอื่นๆที่จำเป็นต่อการวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาค เซิร์นเป็นสถานที่ทำการทดลองมากมายที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นต้นกำเนิดของเวิลด์ไวด์เว็บ สำนักงานหลักที่เขตเมแร็ง มีศูนย์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูงมากเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดลอง และเนื่องจากจำเป็นต้องทำให้นักวิจัยในสถานที่อื่นสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้ จึงต้องมีฮับสำหรับข่ายงานบริเวณกว้างอีกด้วย
เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ (Large Hadron Collider - LHC) ภายในอุโมงค์ใต้ดินรูปวงแหวนขนาดเส้นรอบวง 27 กิโลเมตร มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ใต้ดินของประเทศฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
“ผอ.เซิร์น” เยือนไทยสร้างความร่วมมือ “คอมพิวเตอร์กริด” เพื่อร่วมวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลจากการชนกันของอนุภาคในเครื่องเร่ง พร้อมเผยถึงความรู้สึกดีใจต่อรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปีล่าสุด เพราะการทดลองของเซิร์นเป็นสิ่งยืนยันทฤษฎี “อนุภาคฮิกกส์”
เป้าหมายของเซิร์นคือการเข้าใจในความลับของธรรมชาติ แต่ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ระดับโลกกล่าวว่า นอกเหนือจากเป้าหมายแล้วยังเกิดผลพลอยได้ตามมาจากการศึกษาธรรมชาติอีกมาก เช่น www ที่ใช้กันทั่วโลก เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กริด รวมถึงการรักษาทางการแพทย์ด้วยบำบัดทางรังสี
ทั้งนี้ เซิร์นต้องการศึกษาย้อนกลับไปถึงภาวะหลังระเบิดบิกแบง (Big Bang) ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่มีอุณหภูมิร้อนจัดและอนุภาคมีพลังงานสูง ซึ่งการใช้กล้องโทรทรรศน์สำรวจออกไปยังเอกภพนั้นไม่สามารถเข้าไปไกลเหตุการณ์หลังระเบิดกำเนิดเอกภพได้ แต่สามารถทำได้ด้วยเครื่องเร่งอนุภาค ที่เร่งอนุภาคชนกันเพื่อจำลองสภาพหลังเหตุการณ์ดังกล่าว โดยปัจจุบันเราสามารถเข้าถึงเวลาใกล้ที่สุดหลังบิกแบงที่ 10-12 วินาที ด้วยเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (LHC) ที่จะเร่งให้อนุภาคมีพลังงานสูงและชนกัน
ศ.ฮอยเออร์ กล่าวว่า ในอดีต เออร์เนสต์ รัทเธอร์ฟอร์ด (Ernest Rutherford) ได้ค้นพบโปรตอนในนิวเคลียสอะตอม แต่ปัจจุบันเราทราบว่าโปรตอนยังประกอบขึ้นจากควาร์กและกลูออน ซึ่งตามแบบจำลองมาตรฐานมีอนุภาคมูลฐาน 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ควาร์ก (quark) เลปตอน และอนุภาคที่เป็นสื่อนำแรง แต่มีคำถามว่าอนุภาคเหล่านี้ได้มวลมาจากไหน โดยมีนักวิทยาศาสตร์ 3 คน คือ โรเบิร์ต เบราต์ (Robert Brout) ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี 2011 แฟรงซัวส์ แองแกรต์ (Francois Englert) และ ปีเตอร์ ฮิกกส์ (Peter Higgs) นำเสนอทฤษฎี “อนุภาคฮิกกส์” ที่อธิบายถึงการได้มวลของอนุภาคมูลฐาน
“การมีมวลเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากไม่มีมวลแล้วอนุภาคต่างๆ จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมาก ทำให้ยากจะก่อตัวเป็นสสาร หรือตัวเรา ถ้าไม่มีฮิกกส์ก็ไม่มีเราทุกวันนี้” ศ.ฮอยเออร์กล่าว
ความร่วมมือในเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานความร่วมมือวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาคพลังงานสูง โดยเครือข่าย WLCG เกิดขึ้นจากความร่วมมือของสถาบันวิจัยและสถาบันการศึกษาของหลายประเทศ ทำหน้าที่เป็นศูนย์จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่ได้รับจากเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ทั้งนี้หน่วยงานทั้งสามของประเทศไทย คือ สวทช. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จะเข้าร่วมเป็นศูนย์ระดับ 2 (Tier 2) ของเครือข่าย ซึ่งมีโครงสร้างทั้งหมดแบ่งเป็น 4 ระดับ โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ได้เข้าร่วมเครือข่ายระดับโลกดังกล่าว ที่ทำหน้าที่สำรองข้อมูล เพื่อใช้งานในภูมิภาค
การดำเนินความร่วมมือนี้ จะช่วยยกระดับขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย และเปิดโอกาสให้นักวิจัยของไทยได้มีความร่วมมือกับนักวิจัยชั้นนำทั่วโลกที่เข้าร่วมในเครือข่ายกริดคอมพิวเตอร์ของเซิร์น นอกจากนี้ เครือข่ายกริดคอมพิวเตอร์ ที่ร่วมกันจัดตั้งขึ้นมายังสนับสนุนงานด้านการคำนวณขั้นสูงทางวิทยาศาสตร์แก่นักวิจัยในประเทศไทยอีกด้วย อาทิ การบริหารจัดการน้ำ การจำลองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วิทยาการและวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการยกระดับงานวิจัยระดับชาติและระดับนานาชาติของไทยให้เข้มแข็ง เพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและมั่นคงต่อไป
สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างองค์กรของไทยและเซิร์นครั้งนี้ เป็นความร่วมมือ ซึ่ง สวทช.จะดำเนินการร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และสมาชิกอื่นๆ ในเครือข่าย ติดตั้งและใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์ WLCG ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อวิจัยฟิสิกส์อนุภาคโดยเฉพาะ และประกอบด้วยศูนย์คอมพิวเตอร์หลายแห่ง ที่แบ่งการทำงานเป็น 4 ระดับ คือ - “ศูนย์ระดับ 0” (Tier 0) ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ของเซิร์นที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจากการทดลองโดยตรง แล้วส่งต่อไปยัง - “ศูนย์ระดับ 1” (Tier 1) ที่มี 11 แห่งใน 10 ประเทศ - และ “ศูนย์ระดับ 2” (Tier 2) ที่สำรองข้อมูลจากศูนย์ระดับ 1 เพื่อใช้งานในภูมิภาคต่างๆ 140 แห่งใน 40 ประเทศ - สุดท้ายคือ “ศูนย์ระดับ 3” (Tier 3) ซึ่งเป็นศูนย์สำหรับใช้งานภายในแต่ละหน่วยงาน สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ จุฬาฯ มทส.และ สวทช.จะร่วมกันดำเนินศูนย์ระดับสองจำนวน 3 ศูนย์ โดยติดตั้งที่ สวทช. 2 ศูนย์ และ มทส.อีก 1 ศูนย์ โดยไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนทีได้เข้าร่วมในเครือข่าย WLCG |
||||
|
2 ความคิดเห็น
ว้าว ระดับโลกกกกกกก
คนไทยเจ๋ง..
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?