ครูต่างชาติเขียนบทความ "การศึกษาไทย ระบบการศึกษาแย่ที่สุดในอาเซียน "
ซึ่ง จขกท. อยากทราบว่า ทุกคนในDek-D คิดอย่างไร หรือ ได้รับอะไร หลังจากอ่านบทความนี้........
"Cassandra James "อาจารย์ชาวต่างชาติที่ได้มีโอกาสเดินทางมาสอนในประเทศไทย
ในฐานะครูสอนภาษาอังกฤษเป็นเวลากว่า 3 ปี ได้เขียนบทความหนึ่งขึ้นในปี 2008
ก่อนที่ทางสำนักข่าว CNN จะหยิบมาเผยแพร่อีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว
เนื้อหาของบทความนั้นอยู่ในหัวข้อ " ระบบการศึกษาไทย คือหนึ่งในระบบการศึกษาที่ ล้มเหลวที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตกต่ำลงทุกปี "
มีใจความที่สะกิดใจคนไทยเราทุกคนทีเดียว….
- ระบบการศึกษาของไทยแย่ ห้องเรียนขนาดใหญ่ นักเรียนขาดแรงผลักดัน เพราะแม้ว่าพวกเขาจะสอบตก ก็ยังสามารถผ่านไปเรียนในระดับถัดไปได้
- โรงเรียนอยู่ภายใต้ระบบราชการอันเทอะทะของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในหน่วยงานไร้ประสิทธิภาพที่สุดของโลก
- กฎระเบียบและข้อปฏิบัติ รวมถึงหลักสูตรมีการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกปี แนวทางที่ใช้ในปีที่แล้ว พอปีการศึกษาถัดมาก็ต้องเปลี่ยนใหม่
- ครูได้รับคำสั่งให้แกล้งปิดตาข้างหนึ่ง เมื่อเด็กนักเรียนลอกการบ้านมาส่งก็ถือว่าปล่อยผ่านไป รวมถึงการสอบตกด้วย จะปล่อยให้นักเรียนผ่านชั้นไปได้
- กระทรวงศึกษาธิการมีไอเดียเลิศๆมาให้ทุกปี ในขณะที่เขียนบทความก็บังคับให้อาจารย์ต่างชาติไปอบรมคอร์สวัฒนธรรมไทยเพื่อต่อใบอนุญาต ทั้งๆที่หลายคนอยู่มานานจนเข้าใจ และยังต้องจ่ายเงินเองกว่า 3,500-9,000 บาท
- จากข้อด้านบน ทำให้อาจารย์ที่ผู้เขียนรู้จัก 2 ราย (เป็นคนที่มีฝีมือ)ย้ายไปสอนที่ประเทศญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้แทน
- ประเทศอื่นๆในอาเซียน มีทั้งเงินเดือนแก่อาจารย์ต่างชาติ และนโยบายการศึกษาที่ก้าวหน้ากว่า ทำให้ดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถในการสอนไป
- โรงเรียนที่ผู้เขียนได้มีโอกาสสอน มีอาจารย์คอมพิวเตอร์โดนตัวแทนของกระทรวงศึกษาธิการตำหนิว่า ปล่อยให้เด็กใช้แกรมมาร์บนการ์ดวันแม่ผิดวิธี ทั้งๆที่จดหมายซึ่งมาจากหน่วยงานราชการ บางฉบับแกรมมาร์แย่ซะจนหัวหน้าผู้เขียนโยนลงถังขยะ!!
- นักเรียนไม่ได้ฝึกทักษะ Critical Thinking ขณะที่จำนวนนักเรียนต่อห้องก็เยอะเกินไป จนกระทั่งอาจารย์ดูแลได้ไม่ทั่วถึง
- โดยเฉพาะในโรงเรียนรัฐ อุปกรณ์สื่อการสอน และเครื่องมือทดลองทางวิทยาศาสตร์ มีไม่เพียงพอ
- งบที่จะจ่ายให้ครูต่างชาติก็มีน้อย ซึ่งทำให้ได้คุณภาพไม่ดีนัก บางคนเป็นเพียงชายแก่ที่ไม่มีวุฒิด้านการสอน มาที่เมืองไทยเพราะผู้หญิง และลงเอยด้วยงานครูสอนภาษา
- สังคมไทยเป็นสังคมรักษาภาพลักษณ์ เห็นภาพลักษณ์ภายนอกและคะแนนที่ออกมา ดีกว่าความรู้ที่อยู่ในสมอง เพราะฉะนั้นปัญหาเหล่านี้มันก็จะยังคงเกิดต่อไป และการศึกษาไทยก็โดนแซงหน้าไปทุกๆวัน…
บอกได้คำเดียวว่าอ่านแล้วจี๊ด…!! แต่ต้องยอมรับว่าที่ผู้เขียนบรรยายมานั้น จริงแทบจะทั้งหมดเลยล่ะครับ….
ที่มา: wegointer
28 ความคิดเห็น
ไม่รู้คนอื่นว่าไงนะ เคยเรียนชีวะ ม.6 เรื่องวิวัฒนาการ รู้สึกชอบมาก คำถามแบบ ถามให้เราคิด วิเคราะห์ กระดาษ A4 1แผ่นอ่านมา 1 บทได้ใช้ทุกอย่างแบบ ประยุกอ่า คือพอสอบของ สทศ มันไม่ใช่อ่า สอบแบบเน้นจดจำ แต่มันไม่หลากหลาย ถามแบบ อันนี้ผสมอันนี้ได้เป็นอะไร? แล้วไมไม่ถามว่าเอามาทำอะไรในชีวิตของ ตรูได้ไหม เป็นแบบนี้นานไปจะเป็นอย่างไร --? ไม่ได้ให้เด็กแสดงความคิดเห็นอะไรได้เลย วัดดวงกันไป จะตอบ ก ข ค หรือ ง ดีหนอ?
อ่อแต่ชอบ แพทวิศวะนะ ดูแล้วเออ นี่แหล่ะคือการคิด วิเคราะห์จริงๆ พึ่งดวง 20%
เราว่ามันแย่ตรงข้อสอบเข้ามหาลัยนะ สอบอะไรเยอะแยะและดูไม่น่าจะเอาไปใช้อะไรได้เลย
มันจี๊ดนะ แต่เถียงไม่ได้เพราะเรารู้สึกว่าข้อดีมันน้อยกว่าข้อเสียยังไงก็ไม่รู้
การศึกษาไทยเป็นแบบนั้นจริงๆ
นักเรียนไม่ค่อยให้เคารพครูต่างชาติ คุยกันขณะสอน ถามแล้วไม่ตอบ
เรียนหลายคาบเกินไป ทำให้รับไม่ค่อยไหว (คาบนึงตั้งใจอยู่แค่10-20นาทีเท่านั้น ที่เหลือน่ะเหรอ...)
สิ่งที่สอนมักไม่ได้นำไปใช้จริง
ที่ออกสอบ ส่วนมากอยู่ในที่เรียนพิเศษ
บางโรงเรียนระเบียบเยอะจนเกินไป แล้วเด็กก็ไม่ทำตาม
ถ้าไม่กดดัน ยังไงเด็กก็พูดสนทนากับฝรั่งได้รู้เรื่อง ถึงแม้จะไม่ค่อยถูกเรื่องไวยากรณ์ (บางทีครูไทยที่นั่งคุมอยู่ด้านหลังนั่นแหละที่เป็นตัวกดดัน)
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ต่อให้อธิบายแค่ไหนเด็กก็ไม่เข้าใจ เพราะมันไม่สนใจ
นักเรียนๆไปเพื่อสอบ
เด็กไม่รู้เรื่องก็ลอกการบ้าน และ อาจารย์ก็ปล่อยผ่าน เลยทำให้ยิ่งไม่รู้เรื่องหนัก
บางปีหลักสูตรดี แต่กลับเปลี่ยนมาใช้หลักสูตรอะไรก็ไม่รู้ในปีถัดมา
นักเรียนไทย สังคมก้มหน้า (ทุกวันนี้เปิดดิกกันเป็นอยู่หรือเปล่าไม่รู้)
ร.ร.เรานักเรียนสายศิลป์ภาษามีห้องเดียว แต่มีถึง57คน คิดว่าเยอะไหมละ
เดี๋ยวก็คงแห่มาเพิ่มอีก เพราะเรียนไม่ไหวไรงี้
ดูแลได้ไม่ทั่วถึง คนแม่งล้น จะเปิด2ห้องก็คงไม่ได้ค่ะ นั่งอัดกันแบบนั้นละ :)
เรื่องวิชาภาษาอังกฤษเพิ่มก็อีกนะค่ะ (ครูไทยแก่สอนๆค่ะ)
ครูบอกว่าการเรียนเราเรียนแบบสบายๆ เน้นอ่านกับเขียน
แล้วแบบพอเขียนไปก็แกรมม่าๆ ผิดแกรมม่าโดนหักคะแนน?
ทั้งๆที่เราอยากจะเขียนให้ครูอ่านเยอะๆ แต่ต้องมาอยู่ภายกรอบแกรมม่านี่แหละ
เพราะอะไร ถ้าแกรมม่าไม่เป๊ะ คะแนนเก็บก็ไม่ค่อยดีค่ะ ทั้งๆที่เราอยากเขียนเป็นหน้าๆ :)
สัปดาห์นึงเจอครูฝรั่ง 1 คาบต่อสัปดาห์เอง เพราะเป็นร.ร.รัฐบาล
ข้อสอบก็อีก เรียนก็หนัก
ทุกวันนี้บอกเลยค่ะว่าสุขภาพย่ำแย่มาก เพราะนอนตีสองตีสามอ่านหนังสือค่ะ ^^"
ถ้าเรารวยบอกเลยค่ะว่าเราจะไม่เอาลูกหลานมาเรียนที่เมืองไทย :)
เราอยากมีความสุขกับการเรียนมากๆ แต่ทุกวันนี้บอกเลยว่าเด็กไทย "เครียด" มาก
ไหนจะอาเซียน ไหนจะโดนแย่งงาน เฮ้ออออออ
เอ่อ คือ ตรงที่ว่าเด็กสอบตกก็ปล่อยผ่านไป อันนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นทุกโรงเรียนซะหน่อย โรงเรียนหนูเขาตกแล้วก็แก้แก้อีกจนเด็กเบื่อเลยนะคะ
ตราบใดที่ยังเน้นทำข้อสอบให้ซับซ้อน พยายามทำให้คนที่เข้าใจก็งงจนทำไม่ได้
ตราบใดที่ยังเน้นๆๆไปที่การสอบแบบนี้ ก็ยังจะที่โหล่เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆแหละ
อ่านแล้วรู้สึกแทงใจนะ แต่ว่ามีบางข้อที่เราคิดว่าบางทีเขาอาจจะคิดเองเออเอง
ในส่วนของเรื่องภาษาอังกฤษยอมรับที่โหลยโท่ยกว่าชาติอื่นในอาเซียนมาก แต่วิชาและหมวดหมู่อื่นเราว่าก็น่าจะพอๆ กันนะ(ก็เขาสอนแต่อังกฤษ ตำหนิได้ดีก็แค่อังกฤษ)
ในส่วนของเรื่องไม่มีประสิทธิภาพ น่าจะเป็นทางด้านเด็กที่มีเยอะกว่าอาจารย์นั่นแหละ ทำให้ไม่เพียงพอกัน ได้รับความรู้ไม่เท่ากัน
แต่มันก็โดยส่วนใหญ่นะคะ เพราะเดี๋ยวนี้เด็กตกคือความผิดครู ดังนั้น ตุณครูก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยผ่าน บางโรงเรียน ให้เด็กมาถูห้อง ล้างกระดานแล่วก็ให่้ผ้่าน
ถูกต้องมากๆที่การศึกษาเป็นเเบบนี้เพราะ ข้อสอบชอบออกเเต่ความจำล้วนๆเลน ไม่เคยให้เด็กได้คิด วิเคราะห์เลย ผมจำได้ว่าตอนนั้นเราเรียนพิเศษเเล้วสอบเศรษฐศาสตร์คือ ข้อสอบนี่ออกยากมากเน้นวิเคราะห์สุด ผมทำเเทบไม่ได้เลยเพราะเราเอาเต่ๆจำๆๆ วิเคราะห์ไม่ค่อยได้ ผมว่าหลายคนเป็นเหมือนกัน ที่โรงเรียนสอนเเบบนึงออกข้อสอบออกเเบบนึง -00- เเละจำนวนนักเรียนในห้องก็เยอะเกินไปผมว่าสัก 30 คนก็โอเคเเล้วบางโรงเรียนห้องนึงเกือบ 50 ซึ่งครูดูเเลไม่ทั่วถึงอยู่เเล้ว เเละสิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุดคือการเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับครต่างชาติ เเล้วมีเพื่อนร่วมห้องคุย เล่น เป็นอะไรที่น่าเบื่อมากๆๆๆๆๆ มันไม่ใช่ว่าจะมีโอกาศมากน่ะที่จะได้เเลกเปลี่ยนความรู้กับครูต่างชาติ เรียนอังกฤษให้ดีให้เรานำไปใช้ได้ เรียนกับครูต่างชาติเนี่ยเเหละคุ้มสุดๆ น พิมพ์ไปนี่ก็โกรธ 5555 ขอบคุณที่อ่านครับ
กระทรวงศึกษาธิการ สะดุ้ง10วิ เเต่ก็จะสอนหลักสูตรเดิมต่อไป
ใช่เลย...
ก็คงต้องก้มหน้ายอมรับความจริงกันต่อไป
ว่าแต่ไทย เมืองนอกเรียนชิวกว่านี้อีก อยากเป็นเด็กแลกเปลี่ยนก็แค่เขียนจดหมายแล้วสัมภาษณ์ (อันนี้ชิวเว่อ)
วิธีการเข้ามหาลัยก็ต่างกับบ้านเรา เท่าที่รู้ๆ ใช้วิธีการสมัคร และเขียนจดหมายยื่นไปตามมหาลัยต่างๆ แล้วมานั่งลุ้นว่ามีที่ไหนรับบ้าง ทุกอย่างถูกส่งทางไปรษณีย์หรืออีเมลล์
ฝรั่งเน้นให้เด็กๆรู้จักการใช้ชีวิต เอาตัวรอด ให้ทำงานหาเงินตั้งแต่ยังเด็ก แตกต่างกับเด็กไทย ที่เรียนจบปริญญาค่อยทำงาน
เด็กฝรั่งไม่ค่อยรู้จักการทดแทนคุณพ่อแม่ แตกต่างกับเด็กไทยที่เรียนจบมา ทำงานได้เงิน ก็ให้พ่อแม่
ฝรั่งจบปริญญาตั้งแต่อายุ18 แต่ก็แต่งงานตั้งแต่อายุ 17 เช่นกัน
ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอค่ะ
ส่วนใหญ่เวลาเด็กตก ครูลำบากค่ะ
เท่าที่เห็นเด็กไม่ค่อยกระตือรือล้นหรอก
จริงของเค้า คนคิดระบบไม่เคยมานั่งสังเกตุพฤติกรรมเด็กไทยกันเลยรึไง ดีแต่ดูงานต่างชาติ แล้วเด็กไทยกับเด็กต่างชาติมันเหมือนกันซะที่ไหน
มันก็จริงนะ เเต่ภาษาอังกฤษนั้นมันเป็นภาษาราชการของประเทศตัวเองไม่ใช่หรอ เเล้วมันก็ไม่ใช่ภาษาราชการของเรา ลองให้เขามาเรียนภาษาไทยก็เเย่ไม่เเพ้กันหรอก เหอะๆ
อ่าน จำ สอบ ลืม -....-
เหมือนโดนดูถูก แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้
เพราะปัจจุบันผมเองก็คิดอย่างนั้น
โรงเรียนผม เด็กสอบตก ครูโดนผอ.ด่า
สถานศึกษาสอนให้เรารู้ แต่ความกระจ่างชัดเกิดขึ้นจากการนำความรู้ไปเชื่อมโยงกับความจริงจนได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจบางอย่างออกมา และเมื่อเรานำผลลัพธ์นั้นมาขบคิดจนได้ข้อสรุปอย่างหนึ่ง เราอาจจะคิดว่าเราได้บรรลุแล้วในเรื่องนั้น แต่ความจริงมันไม่ใช่ เราแค่เข้ามาเดินบนหนทางของความกระจ่างชัดเท่านั้น เหมือนคนตาบอดคลำหางช้างแล้วคิดว่าหางช้างคือตัวช้างทั้งหมดในตอนแรก แต่เมื่อคนตาบอดคลำส่วนอื่นของช้าง ความทนงตนว่าตนรู้ว่าช้างเป็นตัวยังไงในครั้งแรกจะพังทลายลง และเมื่อเขายอมรับในความโง่เขลาของตน และไม่หยุดที่จะทำความเข้าใจมันต่อ เขาจะเริ่มคลำส่วนอื่นของช้าง และเขาจะได้คำตอบที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และเกิดปิติทุกครั้งเมื่อความกระจ่างชัดใหม่ปรากฏขึ้น และนั่นเป็นขุมพลังที่ดีของความเพียรในการเรียนรู้
อืม มันก็สมควรแล้วล่ะ ถ้าไม่รีบปรับปรุงจะยิ่งแย่ แต่ว่าตอนนี้คงไม่ได้ ขนาดการเมืองยังไม่จบเลย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?