Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

หัวอกคนโดนแบนจากการไม่เข้ารับน้อง/หาเพื่อน/แชร์ความรู้สึก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือผมอยากให้ทุกคนมาแบ่งปันความรู้สึกของคนที่ไม่เข้ารับน้องอ่ะครับหรือทนที่ยอมๆทนฝืนเข้าก็ตาม เข้าเรื่องเลยล่ะกันครับ ผมเรียนอยู่มหาลัยแห่งหนึ่งย่านบางซื่ออ่ะ ผมเป็นเด็กแอดวันสัมภาษแอดมิชชั่นรุ่นพี่ก็มาแนะนำพูดกับเราด้วยถ้อยคำที่ไพเราะน่ะ เขาก็บอกว่ามีอะไรก็ปรึกษาถามได้นะ ผมก็เลยถามไปว่าพี่ครับที่นี่มีรับน้องพวกโซตัสหรือเข้าประชุมเชียร์เปล่า เขาก็บอกว่าไม่มีจร้ามีแต่กิจกรรมรับน้องของคณะไม่กี่วัน ผมก็ดีใจมากเลยครับเพราะส่วนตัวเกลียดมากระบบนี้ แต่พอก่อนเปิดเรียนมันไม่ใช่อย่างที่คิดเลยครับ รุ่นพี่เค้านัดให้ไปที่มอ โดยบอกว่าให้น้องๆมาสันทนาการกันสนุกๆ ซึ่งความจริงมันไม่หนุกเลยครับฝึกแบบ รด ที่เราเรียนกันแล้วก็แหก-งดัง โดยมีข้ออ้างว่าในอนาคตข้างหน้าคุณต้องนำไปใช้ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าใช้ยังไง อนาคตผมไม่ได้มีแพลนที่จะไปเป็นยามหรือทหาร ที่จะยังมาฝึกการเข้าแถวการยกมือการร้องเพลงปลุกใจการวิดพื้น ผมมาเรียนนะตั้งใจที่จะมาศึกษาหาความรู้ไม่ใช่มาเพื่อเป็นที่ระบายของพวกคลั่งระบบที่เคยโดนมาแล้วเอามาปลดปล่อยกับเรา หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เข้าอีกเลยครับ แต่ผลที่ตามมาคือผมโดยแบนจากรุ่นพี่และเพื่อนๆที่เค้ายอมทนเข้ากันครับ โดยรุ่นพี่มันบอกกับเพื่อนๆว่า ถ้าเค้าใช่เพื่อนพวกคุณจริงเค้าคงไม่ปล่อยให้พวกคุณลำบากแบบนี้หรอกเห็นไหมเค้าไม่ยอมเข้ามาลำบากกับพวกคุณนี่หรอเพื่อน (เอ้าสุดท้ายนี่ผมผิดใช่ไหม) ทุกวันนี้เลยต้องไปไหนมาไหนคนเดียวครับ อนาคตผมก็กลัวว่าเวลามีงานกลุ่มในห้องคงไม่มีใครอยากเอาเข้ากลุ่ม เฮ้ออออออออ (ผมกลุ้มมากเลยครับไม่รู้จะเรียนรอดไหม หรือต้องซิ่วไปที่ใหม่)
ปล.อยากให้เพื่อนๆมาแชร์ความรู้สึกกันบ้างครับว่ามีคนไม่เข้าบ้างไหม หรือมีผมคนเดียวที่ต้องทตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ เศร้าจัง

แสดงความคิดเห็น

>

243 ความคิดเห็น

Dark_master 14 ส.ค. 57 เวลา 10:02 น. 1

มันก็ต้องอยู่ได้แหละค่ะ ไม่มีเพื่อนก็ต้องดิ้นไปจนได้
อนาคตของเรา อย่าเอาไปผูกกับเรื่องแค่นี้เลย สนแค่เรียนๆ สู้ๆ

0
.... 14 ส.ค. 57 เวลา 11:55 น. 2

ผมก็ไม่ได้เข้ารับน้องนะ (ติดธุระ)
ก็ไม่ได้มีใครมาแบนอะไรผมหรอก
แต่เพื่อนๆคนอื่นเค้าเกาะกลุ่มกันหมดละ
ผมเรียนที่มหาลัยหนึ่งแถวๆศาลายา (ชัดไปมะ -*- )
ตอนเย็นๆเพื่อนในคณะก็จะไปทำนู่นทำนี่กัน ปั่นจักรยานเงี้ย
ผมก็จะนั่งอยู่ในห้อง เล่นเกม (ช่วงนี้ติดเกมหนัก 555)
เอาจริงๆก็เหงาเหมือนกันนะ เสียดายนิดนึงที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรม
แต่ถามว่าอยู่ได้มั้ย ผมอยู่ได้นะ เพื่อนร่วมคณะที่ต้องเรียนด้วยกันอีกหกปี
เดี๋ยวมันก็ต้องหาเพื่อนได้มั่งแหละ สำหรับผมผมคิดงี้นะ
แต่ว่าถ้าหาไม่ได้ ยังไงปีสองก็ย้ายไปเรียนใกล้ๆบ้าน
ก็คงต้องกลับไปช่วยงานที่บ้านบ่อยๆ ขึ้นปีสองการเรียนก็นรกละ
คงไม่ได้มีเวลาแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆอะไรมากมายขนาดนั้น
เข้าเรื่องๆ ที่ผมจะบอกก็คือ มีสังคมมีเพื่อนมันก็ดีกว่าอยู่คนเดียวอยู่แล้วแหละ
แต่ถ้ากับกลุ่มเพื่อนที่แบนคุณ เพราะคุณยอมรับระบบ SOTUS เนี่ย
ก็อย่าไปคบเลย ลองหากลุ่มเพื่อนที่คิดว่าจะเข้ากันได้ จะสนิทกันได้ดีกว่า
แล้วถามจริง ถ้าไม่มีเพื่อนนี่ต้องถึงกับซิ่ว ถึงกับลาออกเลยเหรอครับ
ไม่รู้ดิ ผมว่ามันเกินไปนะ แต่มันอนาคตคุณอ่ะ คุณเลือกเอาเองละกัน

0
alon 14 ส.ค. 57 เวลา 13:37 น. 3

โดยรุ่นพี่มันบอกกับเพื่อนๆว่า ถ้าเค้าใช่เพื่อนพวกคุณจริงเค้าคงไม่ปล่อยให้พวกคุณลำบากแบบนี้หรอก

ชวนเพื่อนๆ โดดรับน้องเลยครับ
บอกรุ่นพี่ไๆปว่าสงสารเพื่อน รับน้องเหนือย เหมือนเรียน รด ผมไม่อยากให้เพื่อนๆเหนื่อย โดดกันดีกว่าครับตลกจัง


0
Hail 14 ส.ค. 57 เวลา 13:37 น. 4

ผมเองก็อยู่ม.แถวๆ ศาลายาเหมือนกันครับ และก็ไม่คิดจะเข้ารักน้องเลยครับ (อุ๊ฟฟฟ)

แต่ก็ยังมีเพื่อนได้ ลองไปขี่จักรยานกับเพื่อนๆ ดูครับ น่าจะสนิทกันมากขึ้น

0
ซอโซ่ 14 ส.ค. 57 เวลา 13:40 น. 5

เราเป็นคนที่ยอมร่วมกิจกรรม แต่รุ่นพี่คณะเราไม่เคยบอกให้แบนคนที่ไม่ร่วมกิจกรรมเลยนะ เค้าก็บอกตลอดว่าจะมาไม่มาก็สิทธิ์ของเค้า แต่ถึงยังไง เค้าก็เพื่อนคุณ และทุกวันนี้ในคณะผม ทุกคนก็อยู่ด้วยกันได้ ในกลุ่มผมก็มีทั้งรับน้องและไม่รับน้อง แถมคนละสาขาด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้จริงๆเราจะบอกแค่ว่า มันอยู่ที่การวางตัว แล้วก็อยู่ที่ตัวและเขาว่าต่างฝ่ายจะเปิดรับกันได้มากแค่ไหน แต่สำหรับกรณีนี้ เราว่ารุ่นพี่แม่งตัวเสี้ยมให้แบ่งแยกเลย

0
TDKR 14 ส.ค. 57 เวลา 13:43 น. 7

ตอนนี้ผมอยู่ปี 3 ของ 1 ใน 4 คณะแรกตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขน ผมไม่รับรุ่น ไม่เข้าประชุมเชียร์ และอยู่ มา 3 ปีแล้วครับ เพื่อน หรือ พี่คนไหนไม่อยากคบหากับเรา เราก็อย่าใส่ใจ แต่ก็อย่าไปกระทบกระทั่งกับความเชื่อของเขานะครับ เพราะคนเราความเชื่อต่างกัน อย่างผมไม่ชอบอะไรที่เผด็จการ และเห็นว่ากิจกรรมไม่มีประโยชน์ต่อผม ผมก็ไม่เข้าร่วม

1
Arrow 29 ก.ค. 58 เวลา 17:19 น. 7-1

พี่ครับถ้าไม่เอารุ่น กิจกรรมเราต้องทำเหมือนเดิมไหม อ่าา -กิจกรรมใน ม. อ่าครับ เราจะรู้เรื่องได้ยัง-

0
SecretZeven 14 ส.ค. 57 เวลา 13:43 น. 8

อนาคตเราครับอย่าไปแคร์ เราเดินด้วยเท้าเราเองไม่ต้องยืมเท้าใครเดินสู้ๆนะครับ

0
ฮาเระ 14 ส.ค. 57 เวลา 13:44 น. 9

ผมก็ไม่ได้เข้านะ แต่รับน้องม.ผมไม่น่าโหดขนาดนั้น แค่ผมติดธุระนิดหน่อย เลยไม่ได้ร่วม :P

ตามตรงนะ ต่อให้ถูกแบน หรือ ถูกเกลียด ก็ตามเหอะ
ถ้าจากนี้ไป เราทำตัวให้สนิทกับเพื่อน หรือว่าคุยกับคนเก่ง ผมว่านะ ไม่นานหรอก เราก็มีเพื่อนมีกลุ่มเองแหละ
ต่อให้เข้ารับน้อง แต่ถ้าสังคมคุณไม่เข้า รับน้องไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะผมคิดว่า กิจกรรมนี้มีไว้เพื่อ ทำให้ทุกคนรู้จักกัน มีกิจกรรมร่วมกัน ไม่ใช่เป็นเครื่องมือของรุ่นพี่หรอก

ปล. สังคมมหาลัยคือการทำงานเป็นกลุ่มฮะ อยู่คนเดียวยาก
ปล. ไม่ได้เข้ารับน้องมีข้อเสียแค่ เรารู้จักเพื่อนช้ากว่าคนอื่น คนอื่นอาจมีกลุ่มมีเพื่อนแล้ว แต่เรายังไม่มี

อ๊ะ บอกไว้ก่อนนะคนพูดนี่มันไม่ได้ทำแบบนี้นะ XD ตกใจ

0
kenji 14 ส.ค. 57 เวลา 13:47 น. 10

ในมุมมองผม การที่คุณไม่ยอมรับการรับน้อง หนีการรับน้อง ก็คงไม่แปลกที่จะถูกแบนในสังคมเพื่อน การที่มีการรับน้อง ปกติ ช่วงแรกๆจะหนักครับเพื่อจะละลายพฤติกรรมของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นคนเห็นแก่ตัว คนปากมาก คนไร้เหตุผล คนมีน้ำใจ คนรักเพื่อน คนดี ฯลฯ ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ และการที่คุณไม่เข้าร่วม ถึงจะเข้าเพียงครั้งเดียวก็ตามแต่สิ่งที่คุณเจอก็ใช่ว่าจะเจอตลอดทั้งปี มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆช่วงหนึ่ง...และการที่คุณทนไม่ได้ มันก็แสดงถึงความไม่อดทน หนีปัญหา แทนที่จะสู้ฝ่าความเหนื่อยยากไป ก็คงไม่แปลกที่จะถูกแบน ผมเห็นมาหลายรุ่นแล้ว หลายๆมหาลัย แก่นแท้การรับน้องก็จะประมาณนี้ แต่ต่างกันที่รับหนักหรือเบาและมีเหตุและผลมากเพียงใดเท่านั้นเอง

0
lrnstudio 14 ส.ค. 57 เวลา 13:47 น. 11

ผมคนนึงครับ ไม่ได้เข้ากิจกรรมรับน้องเลย แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดภาคเรียน เลยยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าจะโดนแบนหรือบอยคอตกับเพื่อนๆในสาขาไหม เป็นเพราะผมเป็นเด็กต่างจังหวัด(ภาคใต้) เลยกลับมาอยู่บ้านในช่วงที่มีกิจกรรม เป็นเพราะอยากอยู่กับครอบครัวมากกว่าน่ะครับ ไหนๆก็จะมาเรียนในยานเมืองนน ตั้งสี่ปีแล้ว หรือมากกว่านั้น อยากใช่เวลาช่วงนี้อยู่กับครอบครัวมากกว่า อีกอย่างก็ถามรุ่นพี่แล้วไม่ได้เป็นกิจกรรมบังคับ ส่วนกิจกรรมอย่างอื่นอย่างปฐมนิเทศของมหาลัย ผมก็ยอมขึ้นรถไฟเพื่อไปเข้าร่วมกิจกรรมแล้วยอมกลับบ้านใหม่ ^^ แต่ถึงจะโดนแบนหรือจะไม่โดน ผมก็ทำใจรับมันเอาไว้แล้ว เพราะมีเพื่อนที่มาจาก รร เดี่ยวกันเรียนคณะเดี่ยวกันแต่คนล่ะสาขา ถ้าไม่มีใครคบคงคบกับมันต่อ แล้วก็รุ่นพี่ที่เป็นคนบ้านเดี่ยวกันที่พอๆรู้จักก็มีบ้างน่ะครับ ^^ สู้สู้

0
kikikigi 14 ส.ค. 57 เวลา 13:48 น. 12

เราพวกประเภท เข้าๆออกๆอ่ะ อยากไปคือไป ไม่ไปคือไม่ไป เพื่อนในสาขาตอนนี้เราก็ไม่ค่อยมีหรอก คบเพื่อนนอกสาขาก็ดีอีกแบบนะ 55555555

0
TDKR 14 ส.ค. 57 เวลา 13:48 น. 13

อ่อ ลืมบอกว่าผมก็ยังมีเพื่อนนะครับ เยอะด้วย อาจจะไม่เยอะเท่าคนที่เข้ารับน้อง แต่เพื่อนผมเน้นคุณภาพครับไม่ใช่ปริมาณเยี่ยม

0
story bb 14 ส.ค. 57 เวลา 13:48 น. 14

ระบบมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกการที่เค้าให้เรามานั่งร้องเพลงเข้าแถวลุกนั่งหรือวิดพื้นมันเป็นการฝึกวินัยและความอดทนในตัวเราทั้งนั้น ส่วนตัวแล้วก็ไม่ค่อยชอบหรอกนะระบบแบบนี้แต่ทำได้ก็ทำทำไม่ได้ก็ไม่ทำ เราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างที่พวกรุ่นพี่สั่งหรอกส่วนเพื่อนอ่ะลองคุยกับเพื่อนดูสิยังไงเพื่อนก็น่าจะเข้าใจเพราะที่ที่เราเรียนก็มีเพื่อนที่ไม่เอาระบบเหมือนกันแต่เราก็ยังคุยกันเหมือนเดิมเวลามีกิจกรรมอะไรที่เพื่อนเราทำได้มันก็มาช่วย ลองคุยและอธิบายเหตุผลของเราให้เพื่อนฟัง กิจกรรมอะไรที่คิดว่าเราสามารถทำได้ก็ช่วยๆไปเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้น
#เขียนวนไปวนมา55555 ยังไงก็สู้ๆอย่าไปคิดมากเลยสู้สู้

0
อะไร 14 ส.ค. 57 เวลา 13:49 น. 15

เดียวเรียนไปจะมีเพื่อนจากการเรียนเพิ่มมาเอง ไม่มีใครใจร้ายหรอก ก็แค่โดนกรอกหูจากรุ่นพี่ ที่โง่เขลาเบาปัญญา ก็เท่านั้น วิธีการสอนน้องให้อยู่ในระเบียบมีตั้งหลายวิธี พูดดีดี น้องๆก็รู้เรื่อง แถมสบายใจด้วย กล้าเข้าหารุ่นพี่ด้วย ความโง่ของพี่จะถูกถ่ายทอดไปสู่รุ่นน้อง หากรุ่นน้องยอมรับกติกาไร้สาระของพี่ ดังนั้น อย่เสียใจไปเลย เรียนไปเดี๋ยวมีเพื่อนเอง รักกันมากด้วย เชื่อผมสิ ผมผ่านมาแล้ว

0
Pink 14 ส.ค. 57 เวลา 13:50 น. 16

กิจกรรมแบบนี้ก็ดีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ เลือกที่จะมองมุมไหน ส่วนเรื่องโดนแบน มันก็เป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง กิจกรรมหลักๆคือให้รู้จักกัน อย่างคนที่เขาทนเข้ากิจกรรม เขาก็เพื่อน มีกลุ่มเป็นธรรมดา ไม่มีสิแปลก เราว่ากิจกรรมก็ส่วนกิจกรรม ดีไม่ดีก็อยู่ที่คนมอง ส่วนเรื่องเพื่อนก็มันอยู่ที่ตัวเองว่า โดนแบน หรือเลือกที่จะอยู่คนเดียวกันแน่..

0
FirstDer 14 ส.ค. 57 เวลา 13:50 น. 17

เราก็โคตรไม่ชอบเหมือนกันแบบช่วงนี้มีเชียร์คณะ
เขาจะตรวจเครื่องแต่งกายให้ถูกระเบียบโดยพี่ว๊าก
ละแบบจับโน่นจับนี่รุ่นน้องหมายถึงจับดูว่าถูกระเบียบมั้ย พี่ผญ เนี่ยแหละ
แต่พอเราเห็นเลยบอกเพื่อนว่าไม่ชอบให้คนที่ไม่รู้จักมาโดนมาจับตัว
เราเลยเดินออกไปเลย ไม่เข้าเชียร์มันละ
แบบในใจก็คิดว่า จ่ายตังมาเรียนนะ ไม่ได้จ่ายมาให้โดนด่า (แต่จริงๆก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก)
ละเราซิ่วมา คือรองเท้าจะให้ซื้อใหม่มันก็เปลืองเงินป่ะ ต้องขาวล้วน แม่งโคตรสิ้นเปลือง ตัดปัญหาไม่เข้า จบ (แอบระบาย 55555)

นายก็ต้องหินๆหน่อยไปทักเพื่อนในสาขาเลย แบบหาเพศเดียวกันไว้ก่อน ผช น่าจะเข้ากันง่ายนะๆ สู้ๆ

0
IPRE 14 ส.ค. 57 เวลา 13:51 น. 18

เราก็ไม่เข้ารับน้องนะ ไม่ได้ต่อต้านอ่ะ แต่บางทีตอนเย็นก็มีธุระ ถามว่าช่วงนั้นโดนกดดันจากเพื่อนไหม บอกเลยว่ามากๆ แต่แบบ เราก็มีเหตุผลของเรา ที่คิดว่ามันเหมาะสม แล้วมันก็ไม่ใช่กิจกรรมบังคับด้วย มันเกิดจากความสมัครใจ (และการกดดันเล็กๆ)

ถามว่าโดนแบนไหม ก็ไม่ขนาดนั้นนะ แต่ก็ไม่ได้มีเพื่อนสนิท หรือกลุ่มเพื่อนเป็นหลักเป็นแหล่งอะไร คือพวกที่เขาเข้า คือเขาผ่านอะไรมาด้วยกัน มันก็สนิทกันเป็นธรรมดาป่ะ ส่วนตัวคิดว่า ถ้าเราเป็นคนเฟรนด์ลี่ นิสัยดี เดี๋ยวก็มีเพื่อนเองแหละ ตอนนี้เราก็มีเพื่อนเหมือนเป็นแก๊งเดียวกัน เวลาทำงานกลุ่มเราก็เกาะอยู่กลุ่มด้วยกัน อาศัยว่า เราหัวไว เรียนดีหน่อย (ไม่เก่งมาก แต่เอาตัวรอดได้ ไม่เคยดรอป) ก็เลยมีเพื่อนล่ะมั้ง

ส่วนพวกที่เหมือนจะแบนก็มีนะ และเราก็ไม่ได้แคร์มันนะ เราคิดว่าค่าของคน มันไม่ได้วัดกันที่แค่นั้นอ่ะ ถ้าคิดได้แค่นั้น เราก็ไม่คบมันเป็นเพื่อนอ่ะ ตอนนี้เราก็อยู่ปีสามละ ก็แฮปปี้ดี

เราอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขนแหละ ตลกจัง

0
kenji 14 ส.ค. 57 เวลา 13:53 น. 20

ระบบการรับน้อง ส่วนใหญ่ จะลือกเพื่อนก่อนเลือกน้อง (ถ้าเป็นรุ่นพี่) และจะเลือกพี่ก่อนเลือกเพื่อน (กรณีรุ่นน้อง)

0
กรวิชญ์ กวี 14 ส.ค. 57 เวลา 13:54 น. 21

มาคิดๆดู ระบบโซตัสนี่มันก็คล้ายๆชาตินิยมหรือพวกอิสลามแบบรุนแรงนะ มันก็ทำให้คนในกลุ่มนั้นๆรักกันดูแลกัน(ก็แหงหละ มันเหมือนมีมายาคติว่าถ้าอะไรที่เป็นชิ้นส่วนของกลุ่มเราเป็นไรไป เราก็ต้องดูแล เพราะเป็นเรื่องของเรา) แต่พอไม่ใช่คนในนั้น ก็จะเกิดความไม่ใช่พวกตน ไม่สนใจ หรือสร้างอคติเรา-เขาขึ้นมา พร้อมทำลายมันในทุกแนวทาง โดยยังเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีได้เช่นเดิม(สรุปคือมันไม่ได้ทำให้เราเห็นหัวคนอิ่นเลย ก็แค่สร้างกลุ่มผนวกเป็นกลุ่มเฉยๆ)(การเคารพสิทธิมนุษยชน ทำหน้าที่ได้ดีกว่าเสียด้วยซ้ำ)

0
ฟ่าง 14 ส.ค. 57 เวลา 13:54 น. 22

เราเป็นรุ่นพี่นะ ตอนรับน้องก้อเข้าใจว่าไม่ชอบการบังคับ การต่อว่า หรือตะคอกใส่ รู้สึกรับไม่ได้
เราได้ประโยชน์อะไร พี่ทำเพราะความสะใจหรือปล่าว ตอนปีหนึ่งคิดเเบบนี้ เกลียดการรับน้อง ทั้งเหนื่อยเเละท้อ เเต่พอได้มาเป็นรุ่นพี่เองก็เข้าใจมากขึ้นนะ เป้าหมายที่พวกเราทำไปก็เพื่อสร้างความสามัคคี ความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อเเผ่เเละเสียสละ สิ่งพวกนี้เราจะได้เห็นในการรับน้อง เพื่อนจะช่วยเหลือเพื่อน ยอมเสียสละ ให้เเก่กัน สุดท้ายน้องก็รักกันมากขึ้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เเละในอนาคตเราเจอคนอีกหลายรูปแบบ การรับน้องก็เป็นบททดสอบความอดทนอีกอย่างนึงค่ะ เเต่การที่น้องไม่เข้าร่วมเเล้วโดนเพื่อนเเบน เพื่อนเค้าอาจจะคิดว่าน้องเห็นเเก่ตัว ไม่ยอมเหนื่อยไปกับพวกเค้า หรือทิ้งเพื่อน ถ้าพี่เป็นเพื่อนน้อง พี่ก็รุ้สึกว่าน้องเห็นเเก่ตัวนะ เพราะเพื่อนทุกคนเค้าทำ เเต่น้องไม่ทำคนเดียว เเต่การรับน้องสมเหตุสมผลหรือไม่ จุดมุ่งหมายของเเต่ละสถาบันไม่เหมือนกัน

0
alon 14 ส.ค. 57 เวลา 13:57 น. 24

ขอ เสริม อีกนิดนึงนะ
เพื่อนกันไม่จำเป็นต้องผ่านการรับน้องด้วยกัน
นิยมคำว่าเพื่อนของคุณ และ รุ่นพี่มันต่าง กัน

ปล.เท่าแต่การรับน้อง นั้น น้องจะเป็นนิยายของเพื่อนแต่ละคน อีกแบบในอย่างที่น้องไม่เคยเห็น
เช่นเห็นแก่ตัว ขี้เกียจ เอาเปรียบอะไรพวกนี้ และที่สำคัญ จะเห็นได้ว่า ใครเป็นผู้นำ ใครเป็นผู้ตาม
สำหรับสาวๆก็ดูได้ ผู้ชายคนไหน ช่วยเหลือเยอะๆ ไปจีบกันได้เลยตลกจัง

0
ไม่ชอชรับน้อง 14 ส.ค. 57 เวลา 13:57 น. 25

เราก็ไม่เข้านะ เราไม่ชอบแบบ จขกท แหละ แต่เรามีเพื่อนอยู่ มอ เดียวกัน แค่คนละคณะ เราก็อยู่ได้อะ แค่ลำบากตอนทำโปรเจค แต่ยังไงก็ผ่านได้นะ เชื่อเรา อย่าไปซีเรียทเลย ถ้าพี่เขาถาม บอกไปเลยว่าเราไม่เต็มใจเข้าอ่ะนะ

0
ช่างยนต์ 14 ส.ค. 57 เวลา 13:58 น. 27

แค่ไม่เข้ารับน้องถึงกับต้องแบน ปัญญาอ่อนจริงๆ
มหาวิทยาลัยลัยผมรุ่นพี่เขาไม่บังคับ แต่ก็เข้ารับน้องกันทุกคน
ผมเข้ารับน้องน่ะครับได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆจะได้สนิทกันไวๆ
รุ่นพี่จะบอกพวกผมเสมอครับว่าให้รักกันสามัคคีกัน อย่าแตกกลุ่ม มีอะไรก็ช่วยเหลือกันอย่าทิ้งกัน
เพื่อนผมก็รักกันดีครับ ช่วงใกล้สอบก็ช่วยกันติว ใครทำไม่ได้ก็ช่วยติวกันจนกว่าจะทำได้ ไม่ได้หลับไม่นอนกันเลย555
ทำใจครับ จขกท ที่เจอรุ่นพี่แบบนี้
สู้ๆครับเป็นกำลัใจให้สู้สู้
0
ดารา 14 ส.ค. 57 เวลา 13:59 น. 28

เราก้เพิ่งเริ่มเรียนเหมือนกัน เราคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติมั้งช่วงเเรก อย่าท้อไปเลย อยู่ไปสักพักจะมีเพื่อนเองละแต่คงต้องหาหน่อยนะ เราก้จะพยายมเหมือนกัน ปรับตัวอีกเยอะมากเลย เยี่ยม

0
---- 14 ส.ค. 57 เวลา 14:00 น. 29

ทำไมเรารู้สึกเหมือนเจ้าของ คห เลยอ่ะ แบบนั้นเลย ม.เดียวกัน น่าจะคณะเดียวกันด้วยซ้ำมั้งเนี่ย อดทนอยู่ไป ปีสองก้ได้กลับมาใกล้ๆบ้านละ

0
FIGHTING 14 ส.ค. 57 เวลา 14:13 น. 30

้อนาคตเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรับน้องซะหน่อย
อย่าไปแคร์สายตาคนอื่นเลย เราไม่ผิดซะหน่อย มันเป็นสิทธิ์ของเรา รุ่นพี่ไม่มีสิทธิ์บังคับเราได้
อย่าท้อนะ ถึงไม่มีใครรักเรา เราก้อยังมีพ่อแม่ และครอบครัวที่รักเราที่สุด เพื่อนหาไม่ยากหรอก
เราคนนึงที่ไม่ชอบเข้าร่วมกิจกรรมเท่าไร มีบ้างก็ยังพอได้ แต่เยอะเกินก็ไม่ไหว ต้องโดดบ้าง
งานรักน้องที่มอเรา ณ ศาลายา เราก็กะจะไม่เข้าร่วม ผ่านกิจกรรมมาเยอะและ เมื่อวานก็ไป ก็ไม่ต่างกับรับนองเท่าไร ขอกลับบ้านดีกว่า ยังไงก็สู้ต่อไปนะ เป็นกำลังใจให้ อนาคตเราอย่าได้แคร์สู้สู้

0
ยยยย 14 ส.ค. 57 เวลา 14:17 น. 31

รุ่นพี่เลวๆก้อไม่ต้องไปเคารพคับ ไม่ต้องไปสนใจเสียงพวกรุ่นพี่ มันไม่ได้จ่ายค่าเทอมให้เรา

0
คะนิ้ง 14 ส.ค. 57 เวลา 14:18 น. 32

ไม่เข้ารับน้อง แต่เวลามีงานคณะหรือกิจกรรมส่วนรวม คุณได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วยปะล่ะ คือในคณะเราก็มีคนที่ไม่เข้ารับน้องเหมือนกัน แต่ทุกวันนี้เขาก็เข้ากับคนในคณะได้เพราะเวลามีงานอะไร เขาก็เข้าไปช่วย น่าตลกตรงที่มีคนเข้ารับน้องบ่อยๆ คนหนึ่งที่พอจบงานรับน้องแล้วเขากลับไม่มีเพื่อน นั่นเพราะเขาไม่สนกิจกรรมส่วนรวมเลย เอาแต่ตัวเองอย่างเดียว

ที่เล่าให้ฟังเพราะอยากบอกการเข้าร่วมรับน้องเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะทำให้มีสังคม แต่นอกนั้นมันก็อยู่ที่ตัวคุณเองว่าจะใช้ชีวิตยังไงให้ที่ยืน ให้มีสังคมในมหาลัย เวลามีงานคณะอะไรก็ลองเข้าไปช่วยดูนะ ใครจะคิดว่าไงไม่สำคัญเท่ากับว่าคุณคิดกับเขาและตัวคุณเองยังไง

หัดเข้าหาคนอื่น ใส่เครื่องหมายบวกทุกครั้งที่คุยกับคนอื่น แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลง -เรื่องที่ว่าเราเข้ามหาวิทยาลับเพียงเพราะมาเรียน ไม่จำเป็นต้องมีสังคม ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อน ไรงี้ มันเป็นความคิดที่ผิดค่ะ โอเค คุณอาจเรียนจบได้โดยไม่ต้องมีสังคม แต่ในอนาคตคุณจะมีปัญหาในการทำงาน คุณจะมีปัญหาในด้านปฏิสัมพันธ์ซึ่งนั่นจะเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน

สู้ๆ นะคะ เอาใหม่ ปรับเปลี่ยนมุมมองและลองเข้าไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ อีกครั้งนะคะ :)

0
melody 14 ส.ค. 57 เวลา 14:31 น. 34

ผมเองก็ไม่ชอบการทำกิจกรรม ชอบใช้ชีวิตแบบอิสระ
เวลาไปไหนก็เดินคนเดียว ถามว่ารู้สึกอะไรไหมไม่เลยครับ
ผมเรียนคือเรียน พักทานข้าวก็คือทานข้าว หมดคาบก็กลับไปพักผ่อน งานกลุ่มก็แค่อาศัยและช่วยเขา ถามว่าบางทีการที่เรากังวลกับเรื่องอนาคตมากเกินนั้นตัวเจ้าของกระทู้เองก็จะต้องเป็นทุกข์กับปัจจุบัน รองยิ้มสู้ปัญหานะครับ สู้ๆ

ป.ล.ผมเจอเรื่องนี้มาตั้งแต่ประถมสมัยผม ป.4 ปัจจุบันปี4
แม้ผมจะไม่ค่อยสนิทกับใครในคณะแต่ผมก็ยังยิ้มได้

0
ulqui 14 ส.ค. 57 เวลา 14:33 น. 35

เรามีเพื่อนนะ
เพื่อนที่เค้าไม่รับน้องเหมือนกันอะ
55555

มันไม่ได้มีแค่เราคนเดียวหรอกที่ไม่ชอบ
สู้ๆ

0
mini oo 14 ส.ค. 57 เวลา 14:36 น. 36

ถ้าเป็นอย่างนั้น จริง เรียกว่า ต้นร้าย ปลายดี เเล้วทำไมคุณ
ไม่เปลื่ยนให้เป็น ต้นดี ปลายก็ดี ละครับ ตรรกะง่ายๆๆ ตลกจัง

0
แมรี่ 14 ส.ค. 57 เวลา 14:36 น. 37

มหาลัยเราอยู่ในย่านศาลายาค่ะ (ชัดเนอะ 55555)
ส่วนตัวไม่ค่อยอะไรกับใคร โซตัสเองก็ไม่ได้เจอ
เวลามีรับน้อง ไม่ว่าจะของมหาลัย หรือของคณะก็เข้าหมดค่ะ
แต่เพื่อนที่ได้จากตอนรับน้องทั้ง 2 ที่ก็ไม่ใช่เพื่อนที่สนิทกันในตอนนี้
เปิดเทอมมาไม่เท่าไหร่ สนิทกันอยู่ดีๆ ก็หาเรื่องทะเลาะกับเรา
เผยสันดานแย่ๆ ไม่มีเหตุผล เอาแต่จะเอาชนะ จนเลิกคบกันไปแล้ว
ตอนนั้นเราเสียใจมาก แต่ก็ไม่ได้กลับไปง้อเพราะคิดว่าตัวเองไม่ผิด
คิดว่าจะต้องลำบากแน่ๆ เพราะไม่มีเพื่อน
แต่กลับกันเลยค่ะ เจอเพื่อนกลุ่มใหม่ที่ไม่ได้สนิทกันตอนรับน้อง
เรียกว่าแทบไม่ได้เจอหน้ากันในตอนนั้นเลยดีกว่า
เพื่อนกลุ่มนี้ดีกับเรามากค่ะ เรารู้สึกดีขึ้นเยอะเลย
รู้สึกว่าการรับน้องมันทำให้รู้จักเพื่อน แต่จะคบกันมันก็ต้องดูยาวๆ อยู่ดี

จากที่จขกท.เล่นเกมอยู่ในห้อง ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปที่ๆ ตัวเองชอบดูนะคะ
ลองยิ้มให้คนอื่น ทักทาย พยักหน้าเล็กๆ บ้าง เดินเล่น ชวนเพื่อนคนอื่นไปกินข้าว
คนที่ชอบอะไรแบบคล้ายๆ กัน มักจะถูกดึงดูดให้เข้ามาสนิทกันเองค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ อย่าซิ่วเลยค่ะ ไม่มีใครไม่มีเพื่อนหรอกนะ แค่อาจจะยังไม่เจอที่ถูกใจ

0
Haruhigo 14 ส.ค. 57 เวลา 15:26 น. 39

ผมยุมอใกล้ๆแยกเกษตรอะ(555) ผมก็เข้าในครั้งแรกๆ เพราะอยากรู้ว่าเป็นไง แต่พอเข้าแล้วรุสึกไม่ชอบ เพราะไม่มีเหตุผล+ทำลายแก้วหูเปล่าๆ เลยไม่เข้าแล้วก็ช่วยงานครอบครัวดีกว่า 555 ส่วนเพื่อนนะถ้าเราเป็นคนดี มีความรับผิดชอบเดียวคุณก็จะมีเองแหละ คนเราสุดท้ายไม่ว่ารับหรือไม่รับน้องก็เป็นเพื่อนกันได้ยุดี ถ้าเรากับเขาเข้าใจกัน ^^ สู้ๆนะครับ

0
Price 14 ส.ค. 57 เวลา 15:45 น. 40

...ว้ากแล้วได้อะไร //ขอฝากไปถึงรุ่นพี่ เศร้าจัง

จะบอกว่าวิธีว้ากๆๆๆ ใส่ เป็นวิธีที่มีมานานเพื่อน้องๆจะได้เป็นเพื่อนกัน...วิธีอื่นมันก็มีคร๊าบบบบ ได้ผลกว่าด้วย

0
เด็กปีหนึ่งค่ะ 14 ส.ค. 57 เวลา 16:07 น. 43

เราก้เหมือนกันนะ อยู่ศลย ขึ้นปีหนึ่งเหมือนกัน แล้วก้โดดเกือบทุกงานเลย แต่ก้ไม่ได้โดนแบนอะไรนะ แต่เพื่อนๆพวกรอบตรงเค้าก้สนิทๆกันแล้วอ่า (เรารอบแอด) แต่เราก้ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ เราเรียนที่ศลยปีเดียว ปีอื่นก้มาเรียนกรุงเทพแล้ว .__________.

0
kizunazz 14 ส.ค. 57 เวลา 16:13 น. 44

เป็นเราก็อยู่ไม่ได้นะไม่มีเพื่อนอ่ะแล้วในมหาลัยเค้าก็นั่งกันเป็นกลุ่มการที่เราต้องเดินคนเดียวกินข้าวคนเดียวทำอะไรคนเดียวมันน่ากลัวนะเราว่า

แต่เราก็ไม่เข้าใจรุ่นพี่ที่ทำแบบนี้นะถึงแม้เค้าจะไม่เข้ารับน้องก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นี่หรอรุ่นพี่เคยคิดถึงจิตใจของน้องบ้างไหม

แต่รุ่นพี่เราไม่เป็นแบบนั้นนะว๊ากก็จริงแต่ก็ยังเป็นห่วงน้อง 

0
ลูกแม่โจ้ 76 14 ส.ค. 57 เวลา 16:17 น. 45

(จากใจลูกแม่โจ้) สวัสดีครับน้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ชาวเด็กดีทุกคน ...ขอเรียกตัวเองว่า "พี่" ละกันนะ .. พี่เรียน ม.แม่โจ้ .. ปี 4 แล้ว .. อยากจะถ่ายทอดมุมมองให้แก่น้องๆที่ทั้ง ชอบ และ ไม่ชอบ การรับน้อง ซึ่งอาจจะอธิบายความในใจต่างๆไม่ครบถ้วน แต่ก็หวังว่าโพสต์นี้จะเป็นกำลังใจหนึ่งให้น้องๆผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้.... ย้อนไปสมัยตอนปีหนึ่งนู้นน

- พี่รักอิสระ เสรี ไม่ชอบการว๊าก การกดขี่ หรือการริดรอนสิทธิ โดยรวมๆ ก็ไม่ชอบการรับน้องหรอกนะ (ซึ่งที่แม่โจ้นี่ก็นะ...มีอะไรหลายอย่างที่ยากเกินอธิบายซึ่งทุกๆคนก็อาจจะเคยได้ยินกิตติศัพท์มาบ้าง) พี่นะ ไม่ชอบความงี่เง่า ไม่ชอบวาทกรรมที่ไร้สาระ ไม่ชอบการเอาตรรกะหยาบๆมาบังคับให้รุ่นน้องทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ เช่น "ไม่รับน้อง คือ ไม่รักเพื่อน" หรือ "ทนแค่นี้ไม่ได้ แล้วในอนาคตจะไปทำงานอะไรได้" ... ไม่ชอบการเต้นท่าประหลาดๆ ไม่ชอบการร้องเพลงไก่ย่าง ไม่ชอบการเอาสีมาทาหน้า บลาๆ (แต่รับน้องแม่โจ้ไม่มีเต้นไก่ย่าง หรือ เอาสีทาหน้า หรือให้ทำอะไรอุบาศว์ๆนะ ^_^ ) ... แต่ว่านะ พี่ก็ผ่านการรับน้องของแม่โจ้ มีประชุมเชียร์ หรือ มีกิจกรรมที่รุ่นพี่นัด ก็เข้าร่วม ซึ่งจริงๆไม่ชอบหรอก แต่มองว่าเป็นการเรียนรู้ เวลารุ่นพี่ว๊าก พี่จะเลือกรับชุดข้อมูลที่มันเป็นประโยชน์ เช่น "เข้ามหา'ลัย อย่าเอาแต่นอนอยู่หอ ออกไปทำกิจกรรมที่คณะบ้างนะโว้ยย" "เวลาเห็นอาจารย์ กับ รุ่นพี่ ให้ยกมือไหว้อาจารย์ก่อน รุ่นพี่ไม่ต้องไหว้ก็ได้" "เวลาจะไปหน้ามอ -ต้องขึ้นสะพานลอยนะเว่ย เดี๋ยวรถชนตายห่าพ่อแม่เสียใจนะ" "อยู่ที่ ต้องรักกัน สามัคคีกัน" อะไรประมาณนี้ แต่คำสอนที่งี่เง่าทั้งหลาย ก็รับฟัง แต่ก็โยนๆมันทิ้งไป คิดซะว่าฝึกการข่มใจตัวเอง แค่นี้ก็พอ

- ในช่วงเวลาที่ผ่านมานะ ได้เห็นการรับน้องมาสี่รุ่นแล้ว ได้คลุกคลีกับคนที่ชอบ SOTUS และ ไม่ชอบ SOTUS (ที่ได้คลุกคลีเยอะ ก็เพราะว่าพี่อยู่หอใน ดูแลน้องๆในหอ) ได้เจอทั้งคนที่บ้าโซตัส และ คนที่แอนตี้แบบสุดๆ .. ได้ตกผลึกทางความคิด แล้วอยากจะแนะนำน้องที่กำลังประสบพบเจอกับความลำบากใจของก้าวแรกแห่งการเข้ามาอยู่ในรั้วมหา'ลัย

- ขอแนะนำน้องๆที่อาจจะโดนเพื่อนๆแบน หรือ โดนแบนไปแล้ว หรือ กลัวว่าจะโดนแบน ... น้องอย่าซิ่ว อย่าลาออก อย่าไปไหน อย่ามัวแต่คิดมากเรื่องรับน้องงี่เง่าพวกนี้ พวกรุ่นพี่เฮงซวยก็อย่าไปมีไมตรีกับมัน ให้มองว่า คณะที่เราสอบเข้าได้นี้ มันเป็นคณะที่เราชอบไม่ใช่หรอ มันเป็นความฝันของเรา ของพ่อแม่ ของครอบครัว ไม่ใช่หรอ เราอยากเรียนคณะนี้ไม่ใช่หรอ ... เราอยากผ่าตัดช่วยคนป่วยนะ เราอยากออกแบบอาคารนะ เราอยากสอนหนังสือนะ เราอยากเรียนจบ มีงานทำ เลี้ยงพ่อแม่ ให้มองแค่นี้พอ ให้ตั้งเป้าให้ชัดเจน พอเวลาผ่านไป จะพบว่า อุปสรรคเรื่องรับน้องนี่นะ เรื่องจิ๊บๆ :)

- การเดินเข้าหาเพื่อนนี่ก็สำคัญ การเข้าหาโดยเอาความจริงใจนำทาง เป็นสิ่งที่จำเป็นมากนะ น้องอย่าอยู่แต่ในโลกของตัวเอง อย่าปิดกั้นตัวเอง ต้องหมั่นทักเพื่อน ถามไถ่ คือพูดง่ายๆว่าต้องมีปฏิสัมพันธ์กันตลอดอ่ะ แบ่งของกิน ของใช้ ให้เพื่อน อย่าอยู่เฉยๆ อย่านั่งเรียนไปวันๆ ไม่งั้นน้องจะเหงา ถ้าปล่อยไว้นานๆ กำแพงระหว่างเพื่อน กับ เรา มันก็จะใหญ่ขึ้น ยากที่จะสานสัมพันธ์ได้ ... มีแค่นี้แหละ

- ชีวิตของเรา ใช้มันให้คุ้มเน้อ อย่าเครียดมาก หาเพื่อนร่วมทางดีๆ แล้วตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน รุ่นพี่หรอ รับน้องหรอ ช่างมัน ปล่อยวางๆ หากปล่อยวางไม่ได้ ให้มองทุกๆอย่างเป็นประสบการณ์ เดินตามฝันดีกว่า สู้ๆ

ปล.สำหรับใครที่ไม่ชอบโซตัส ไม่ชอบแม่โจ้ ... อยากจะบอกว่า ในแม่โจ้ มีรุ่นพี่ดีๆอยู่มาก เพียงแต่เสียงพูดดีๆ มันไม่ดังเท่าเสียงว๊าก อย่าเกลียดโซตัสแม่โจ้เลยนะ เพราะที่นี่ให้อะไรดีๆแก่พี่เยอะมากๆเลย สวัสดีน้องๆทุกคน

0
PaCa1123 14 ส.ค. 57 เวลา 16:21 น. 46

ผมคนนึงนะครับที่เข้ารับน้องไประยะนึง แล้วก็ออกมากลางคัน โดยให้เหตุผลว่าเราไม่ชอบการรับน้องแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีเพื่อนนะครับ ลองไปเปิดใจคุยกับเพื่อนเค้าดู เค้าจะเข้าใจเรามากขึ้นครับ ผมเคยลองเปิดใจคุยกับรุ่นพี่เค้า เรื่องไม่รับน้อง แล้วผมก็บอกเหตุผลไปตรงๆ พี่เค้าก็เข้าใจนะ แถมบอกเราอีกว่า ถ้าไม่รับน้อง ก็หาเวลาหรือทำความรู้จักกับเพื่อนไว้เยอะๆ เพราะสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องมีในมหาลัยที่สุดคือเพื่อน ส่วนรุ่นพี่เป็นกำไรของเราเอง แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่การวางตัวของเราด้วย เพื่อนเค้าอาจจะไม่คุ้นกับเรา ถ้าเราไม่เข้าหาเค้าก่อน เพราะการรับน้องมันเป็นการบีบให้เราทุกคนต้องทำความรู้จักกัน เพื่อให้ถูกว้ากน้อยที่สุด เพื่อนๆเค้าจึงสนิทกันดี แค่ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อนผมที่จากไม่เคยคุยกัน กลายเป็นว่าเล่นกันยังกะรู้จักกันมานานแล้ว พี่ว้ากเค้ายอมให้เราเกลียดเค้าเพื่อที่จะให้เรารวมตัวกันได้ รักกันได้ จุดประสงค์ที่แท้จริงของพี่เค้าเป็นแบบนี้ครับ แต่สำหรับผมที่ผมตัดสินใจไม่รับน้องก็เพราะ ผมคิดว่ามันยังมีวิธีอื่นมากมายที่สามารถทำให้เรารู้จักกัน สนิทกันได้ โดยไม่ว้าก และนั่นก็เป็นสิทธิ์ของเราที่จะเลือกไม่รับน้อง แรกๆที่ผมออกมาพี่ว้ากก็พูดประชดผมให้เพื่อนผมฟังว่า "คงสบายแหละครับคนนี้ เห็นจะเนียนหลายรอบแล้ว" แต่พอวันต่อมา รุ่นพี่เค้าไปคุยกับเพื่อนผมอีกทีบอกว่า "เพื่อนคุณที่ออกรับน้องเมื่อวานน่ะ คุณได้คุยกับเค้าบางไหมครับ ถ้ายังไม่คุยก็คุยกับเค้าด้วยนะครับ เพื่อนพวกคุณครับ" อีกอันที่ผมซึ้งมากๆคือ พอผมบอกว่าผมจะไม่ไปรับน้องแล้ว มีเพื่อนคนนึงมาพูดกับผมว่า "ถึงรุ่นพี่ไม่ยอมรับ- แต่ยังไงเราก็เป็นรุ่น เราเป็นเพื่อนกัน" น้ำตาแทบจะไหล จะมาจากใจจริงของเพื่อนผมรึเปล่าผมไม่รู้ แต่สิ่งนี้มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมยังไปช่วยงานเพื่อนๆที่รับน้องอยู่เท่าที่ผมจะช่วยได้ รับน้องหรือไม่รับ ก็มีเพื่อนได้เหมือนกันครับ ถ้าเราไม่แบ่งแยกหรือวางตัวให้เพื่อนไม่เข้าหาเอง

สู้ๆนะครับ ลองเข้าหาเพื่อน โดยเริ่มจากคนที่เราคุยได้มากที่สุดในคนที่รับน้องก่อนครับ แล้วค่อยเริ่มเปิดใจคุยกับเพื่อนคนที่รับน้องครับ

0
แก๊งนางฟ้า 14 ส.ค. 57 เวลา 16:56 น. 48

ชีวิตมันไม่ใช่นิยาย มันไม่มีอะไรดีไปซะหมดหรอก ชีวิตมหาลัยไม่เหมือนกับมอปลาย ส่วนใหญ่เราจะใช่ชีวิตอยุ่กับเพื่อน
ถ้าไม่มีเพื่อนมันก้อยากขึ้น ทั้งเรื่องเรียนและอีกหลายๆอย่าง

0
orzq 14 ส.ค. 57 เวลา 17:06 น. 49

เอ้อออ คือไม่เข้าใจความคิดค่ะ คือ โดยส่วนตัวเราคิดว่ามันไม่ใช่ว่าคลั่งอะไรนะคะ มันคือส่วนนึงของการละลายพฤติกรรมมากกว่า ถมว่าเขาแบนทำไม ในความคิดเราคือ ถ้ามองดีๆนะ แค่เรื่องแค่นี้คุณยังทำไมได้ ไม่ให้ความร่วมมือ แล้วเรื่องอื่นคุณจะให้ได้หรอคะ? ไม่ใช่ว่าคุณจะมาบอกว่าคุณไม่ใช่แล้วแค่นั้นก็จบ คุนพึ่งมาเจอกัน เรื่องแค่นี้คุณยังผ่านไม่ได้แล้วอนาคตต่อไปทำงาน ใช่ว่าทุกคนจะเจอเจ้านายดีนี่คะ เขาอาจจะไม่ได้มากให้คุณวิ้งรอบสนามหรอกค่ะ แต่คุณจะโดนรับแรงกดดันไหวหรอคะ? เราว่าคนเรามันก็ต้องอดทนกันบ้างสิคะ คือเรื่องแค่นี้เขาทำกันมาตั้งนานแล้วคือคุณมาแอนตี้ มันไม่ใช่แค่ระบายอารมณ์นี่คะ ถ้าคนที่เข้าใจว่ารับน้องจริงๆมีไว้ทำอะไรคุณจะไม่พูดแบบนี้หรอกค่ะ รับน้องมันก็ไม่ได้โหดปางตายอะไรขนาดนั้นนะคะ ที่ดูจะหนังจริงๆเป็นพวกช่างมากกว่า เรื่องแบบนี้เราว่าคนที่ไม่รับคือไม่อดทนเองมากกว่ามั้ย? แล้วถ้าไม่มีการรับน้อง คุณคิดว่าความสนิทสนมกันในรุ่นอ่ะมันจะได้มากหรอคะ ต่างคนต่างมา เวลาทำกิจกรรมร่วมกันก็ไม่มี เอาจริงๆถ้าพวกคุณไม่งุ้งงิ้งพวกพี่เขาก็ไม่ได้มาดุด่าอะไรมากมายนะคะ ส่วนใหญ่ปัญหามันอยู่ที่พวกไม่ทำเองมากกว่า อธิบายไปคุณก็คงไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะความคิดที่เรมันคนละแบบกัน ไม่รู้สิ โดยส่วนตัวแล้วการรับน้องเป็นเรื่องดีนะ บางทีมันก็ทำให้รู้นิสัยพวกเพื่อนแย่ๆที่ชอบอู้จนพวกเราโดนลงโทษด้วย 55555

0
loogged19 14 ส.ค. 57 เวลา 17:10 น. 50

สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ เวลาถ้อก็ให้คิดถึงพ่อแม่ที่รอปริญญาของเราอยู่ เรียนๆไปเด๋วก็จบแล้ว บางอย่างมันก็ต้องแลกมากับการอดทน บางทีมันอาจทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ถ้าไม่มีเพื่อนให้ปรึกษา ก็ยังมีอาจารย์ที่ปรึกษาค่ะ

0
มนุษย์ 14 ส.ค. 57 เวลา 17:30 น. 51

เคยโดนแบบน้องค่ะ แต่ที่ไม่เข้ารับเพราะบ้านไกลอยุ่ ตจว สอบติดที่มหาวิมยาลัยย่านตึกแกรมมี่ รุ่นพี่มันบอกให้มารับน้อง เราบอกบ้านไกลมาได่เป็นบางวัน มันบอกบ้านไกลให้มาอยู่หอรุ่นพี่ พ่อแม่เราก็ไม่ยอมเพราะเราเป็นลูกคนเดียว เราก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง อีรุ่นพี่นี่ก็ตัวดี บอกเพื่อนว่าเราเห็นแก่ตัว งั้นงี้ แต่สรุปเพื่อนก็เรามีนะ แต่ไม่สุงสิงกับรุ่นพี่ ก็จบมาได้ แต่จำจนทุกวันนี้ และรู้สึกว่า มันจริงหรอ ที่การรับน้องและโดนรุ่นพี่ว๊าก ด่าๆๆๆๆมันทำจะให้เรารักกันมากกกกกกกกกก ขึ้นช็อค

0
xxxxxxxx 14 ส.ค. 57 เวลา 18:00 น. 53

ผมรู้สึกเหมือนแกะดำมาก แต่ใช่ว่าแกะดำกับแกะขาวจะคุยกันไม่ได้ ?
ผมไม่ชอบเข้ากิจกรรม และวันสัมภาษณ์ผมพูดกับอาจารย์โดยตรงเลย
แล้วอาจารย์ก็เข้าใจ พยายามหากิจกรรมให้เรา เพื่อให้คะแนนกิจกรรมครบ
และผมก็บอกเพื่อนๆผมไว้ว่า ผมไม่ชอบเข้ากิจกรรมนะ คือถ้าเข้าแสดงว่าต้องการชั่วโมงกิจกรรมเฉยๆ
และอีกอย่าง ผมชอบอยู่กลุ่มน้อยๆ 3-4 คน เพื่อนผมก็เข้าใจ
สรุปเลยคือถ้าผมไม่พูดกับเพื่อนตรงๆ คงโดนแบนไปแล้วแหละครับ เพราะว่ามันไปนู่น ไปนี่กันแต่ผมไม่เคยไปเลยสักครั้ง
สุดท้ายอันนี้ขอเป็นกำลังใจให้คนที่คิดว่าตัวเองเหมือนโดนแบน ผมว่าถ้าคุณเปิดอกกับเพื่อน ยอมรับในความต่างของแต่ละคน มากันคนละครึ่งทาง แค่นี้คุณก็จะมีเพื่อนดีๆ อีกเยอะเลยครับ

0
เข้าใจ 14 ส.ค. 57 เวลา 18:01 น. 54

เราก็เป็นค่ะ ตอนปี 1 งานขอรุ่นก็ไม่เคยช่วยเพื่อน พอปี 2 ต้องมารับน้องก็ไม่ได้ไปช่วยเพื่อนอีก จนไม่มีเพื่อนอยากคบ ทุกวันนี้อยู่ปี 4 แล้วก็ยังอยู่ได้ สู้ๆค่ะ จขกท. :)

0
LilacWitch 14 ส.ค. 57 เวลา 18:01 น. 55

เป็นหนึ่งเดียวกับใครคะ? แล้วการเป็นตัวเองนี่ไม่ดีหรอ? เราเป็นคนนึงที่รับน้องจนจบ อยากบอกว่าคณะเรารับโหดนะ ละนิสัยเนี่ยมันไม่ใช่สิ่งที่ละลายกันง่ายๆนะมันติดตัวมา แค่ช่วงเวลาสั้นๆที่รับน้องเนี่ยนะ เพื่อนที่รับน้องจบได้รุ่นมากะเราเนี่ยตัวดีเลย ก่อนรับน้องเห็นแก่ตัวยังไง ตอนนี้ปีสองแล้วก็เป็นยังงั้น ก็เป็นคนที่ผ่านระบบรับน้องมาแล้วละมันไม่โอไงเลยพูดได้ อยากถามว่า "ปีหนึ่งนี่ต้องจ่ายค่าเทอมเท่าไหร่คะ?ถึงจะมีสิทธิมาตัดสินตัวตนคนอื่นว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่อดทน ไม่รักเพื่อนได้คะ"

เจ้าของความเห็นถ้าว่างช่วยมาตอบด้วยก็ดีค่ะ (ถ้าเอาสิ่งที่รุ่นพี่คุณสอนให้ท่องๆกันมาว่าการรับน้องมันมีมาเพื่อยังงี้ๆเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็ไม่ต้องก็ได้ขี้เกียจอ่าน ขอบคุณค่ะ)

0
P.Mint T.K. 14 ส.ค. 57 เวลา 18:15 น. 56

โดนใจคห. 9-3 ถูกใจๆ
คห. 9 เกี่ยวป่ะให้ทาย แค่เราเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรกับเรา เราไม่เข้าไม่เห็นจะเป็นไรเลย
อย่างที่ คห. บนๆ บอก ข้อเสียของการไม่เข้าคือรู้จักเพื่อนช้า
แต่บอกไว้เลยว่า ขนาดเราเข้าเรายังหาเพื่อนไม่ค่อยได้เลย 55555 พอดีไม่ค่อยพูดกัับคนแปลกหน้าอ่ะนะ

'ละลายพฤติกรรม' ถถถถถถ คิดได้เนอะ ถ้ามันง่ายขนาดนั้น แม่เราคงไม่บ่นเราทุกวันหรอก
แหม อย่างกะท่องสคริปต์หรือรุ่นพี่จอมกร่างมาเองเลย ตลกอ่ะ
ตลกจัง

0
P.Mint T.K. 14 ส.ค. 57 เวลา 18:20 น. 57

คห.10 เราก็เหมือนเธอ หาเพื่อนในคณะไม่ค่อยได้ ได้แต่คนละคณะ คนละสาขาอ่ะ 5555

คห. 10-1 จริงหรอๆๆ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเพื่อนเลือกพี่ไปเหอะค่ะ เราไม่คบอ่ะ
ทำอย่างกะรุ่นพี่จะมาเรียนด้วยอ่ะ
ถ้าเลือกคบเพื่อนเพราะคนอื่นพูดหรือสั่ง ก็เชิญตามสบายค่ะ

อุ๊ย เหมือนเรามาหาเรื่องเธอเลยอ่ะ แต่มันอดไม่ได้ เห็นแล้วอยากจะแย้ง //ตบปากๆๆ
ขำ

0
33112 14 ส.ค. 57 เวลา 18:26 น. 59

อนาคตไปคงได้ใช้จิงๆนะคะ เราจะได้คอนเน็กชั่นในสายงานที่เราจะทำ ได้ฝึกภาวะทางอารมณ์ต่างๆๆที่ต้องเจอในอนาคต ตัวภาคเราเองก้อมีทั้งเข้าร่วมและไม่เข้าร่วมเหมือนกัน แต่ทุกคนก็มีเพื่อน อยู่ๆไปก้อมีเพื่อนเองล่ะ
สุ้ๆนะคะ  อนาคตอีกยาวเราก็อยู่มหาลัยย่านบางซื่อเหมือนกันคะ ปี3แล้ว

0
belzelute 14 ส.ค. 57 เวลา 19:44 น. 60

อ่อ รุ่นพี่ที่สนับสนุนการรับน้องคือรุ่นพี่เลวๆหรอครับ อายุสมองเท่าไหร่ครับเนี่ย นี่คุยกันด้วยเหตุผลหรืออคติครับ?

0
จากใจเด็กปี1 14 ส.ค. 57 เวลา 19:31 น. 61

เราก็เบื่อรับน้องเหมือนกัน แต่เราก็เข้านะ ถึงปีหน้าเราจะซิ่วก็เหอะ เราก็ไม่ค่อยชอบให้พี่ว๊ากเหมือนกันมันเสียงดังน่ารำคาญ แต่ก็ไม่ได้โกรธนะเพราะพี่เขาก็บอกเองว่าไม่ได้อยากทำ แต่อยากให้เรามีระเบียบ แต่เรื่องเพื่อน คณะเราก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไร ส่วนใหญ่มักจะอยู่กลับกลุ่มตัวเอง ทำกิจกรรมอะไรก็มักจะไม่ยอมแยกจากกัน แล้วยิ่งมีคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มตัวเองเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย ไม่แม้แต่จะคุยหรือถามชื่อด้วยซ้ำ มันก็เป็นแค่บางคณะละมั้ง แต่เรื่องแบนนี้มันก็แย่นะ ก็ในเมื่อบางที่รุ่นพี่เขาบอกเองว่าใครจะเข้าหรือไม่เข้าก็ได้ รุ่นพี่เองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาบอกให้เพื่อนๆมาแบนเราแบบนี้ มันไม่ใช่

0
love intania98 14 ส.ค. 57 เวลา 19:57 น. 63

มาอยู่ วิดวะ ฬ มะอิสระสุดๆ เฮฮาดี มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งจิงๆ 5555 ทำให้อยากเข้าห้องเชียโดยอัตโนมัติเลย

0
มุกโกะ 14 ส.ค. 57 เวลา 20:30 น. 64

ต้องขอบอกว่าตัดสินใจไปแล้วก็อย่าได้แคร์เลย เจ้าของกระทู้ก็เหมือนเราอะไม่ชอบรับน้อง มันดูเผด็จการ ตอนนี้เราก็อยู่ในช่วงประชุมเชียร์(รับน้อง)นะ เราก็ไม่เข้าเหมือนกัน โชคดีที่มีเพื่อนไม่เข้าด้วยเยอะ ถ้าเพื่อนจะไม่ชอบเพราะไม่ยอมไปลำบากกับพวกมัน ก็ลองตั้งคำถามว่าแล้วพวกมันเคยมาลำบากอะไรกะเราบ้าง สู้ๆ เจ้าของกระทู้ เพื่อนดีๆยังมีอีกเยอะ ^^
ปล.เราอยู่มหาลัยดังย่านบางเขน 55555

0
Linda 14 ส.ค. 57 เวลา 20:50 น. 65

ขอแยกออกเป็นส่วนๆก่อนนะ

1.เรื่องที่คุณไม่ชอบเข้ารับน้อง / ไม่เข้าร่วมกิจกรรม
พูดกันตรงๆแบบไม่โยงแม่น้ำทั้งห้า แค่อารมณ์ "ขี้เกียจ" ใช่ปะ คือดูออกเลยว่าไม่ใช่เฉพาะกิจกรรมรับน้องหรอก มันหมายถึงกิจกรรมทุกอย่างตลอดระยะเวลาการเรียนนั่นแหละ ถูกปะ คือไม่ได้ว่าผิดนะครับ -การรับน้องแบบ วิดพื้น วิ่ง เนี่ย ถามว่ามันอันตรายขนาดนั้นเลยหรอ? (ขอไม่นับรวมกรณีรุ่นพี่ขู่บังคับ) เพราะผมเชื่อว่ารุ่นพี่เขายอมที่จะยกเว้นให้กับรุ่นน้องที่มีสภาพร่างกายไม่แข็งแรงอยู่แล้ว (จากประสบการณ์ตรงของผมเอง) ถ้าคุยกับรุ่นพี่ตรงๆแล้วเขาไม่ยอมยกเว้นอันนั้นว่ากันอีกกรณีนึงนะ แล้วพอเข้าทำงานบางทีก็จะมีการออกกำลังกายประจำวัน ถ้าคนอย่างน้องเข้าไปอยู่ในที่ทำงานเขา แล้วไม่ทำ เจ้านายว่า คุณก็จะเอาเจ้านายมานินทาใช่ปะ? ว่าเรื่องแค่นี้ทำไมต้องทำโทษด้วย ทั้งๆที่เจ้านายเขาต้องการลูกน้องที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง แค่ความคิดเห็นส่วนตัว

2.รุ่นพี่สั่งให้รุ่นน้องแบนกันเอง
รุ่นน้อง เพื่อนคุณ หัวอ่อนกันขนาดนั้นจนแยกไม่ถูกเลยหรอ ว่าอะไรควรไม่ควร ปล่อยให้คนอื่นมาจูงจมูก ถ้าเกิดเพื่อนของคุณโดนทำโทษโดยการเอาจำนวนคนที่ไม่ยอมมาร่วมกิจกรรมเป็นหลัก แล้วเขาจะแบนคุณเอง อันนั้นก็เป็นสิทธิของเขา เพราะมันขึ้นอยู่กับอารมณ์ส่วนตัวเป็นใหญ่อยู่แล้ว ทุกคนจะมองคุณเป็นคนเห็นแก่ตัวมันก็สิทธิของเขา เพราะเขาเหนื่อย พอเหนื่อยมันก็เป็นอารมณ์ บางทีไม่ต้องรอรุ่นพี่มาเสี้ยมหรอกครับ แบนกันเองด้วยซ้ำ กิจกรรมยังไม่ทำเลย เอามาเข้ากลุ่มทำงาน จะทำอะไรบ้าง ถ้าคนอื่นคิดอย่างนี้คุณก็ Game over ครับ ไปเปลี่ยนความคิดเขาเอาเองละกัน แต่เรื่องนี้ถ้าเกิดขึ้นเพราะรุ่นพี่จริงๆขอประนามรุ่นพี่ครับ รุ่นพี่ไม่ควรจะเสี้ยมให้รุ่นน้องแตกแยกกัน แม้รุ่นน้องจะไม่ยอมรับกิจกรรม หรือยอมรับตัวรุ่นพี่เอง

สรุปตาม คหสต ถ้าสิ่งที่คุณเล่ามาเป็นความจริง รุ่นพี่ผิด แต่ต่อให้รุ่นพี่ผิด มันก็ไม่หมายความว่าคุณจะทำตัวน่ายกย่องสักเท่าไหร่ เพราะถ้าคุณไม่รับกิจกรรมอะไรเลย สิ่งที่คุณขาดคือจิตอาสา แล้วมันก็จะติดตัวไปยันทำงาน

0
เข้าใจงอแง 14 ส.ค. 57 เวลา 20:51 น. 66

เราก็อยู่มหาลัยแถวบางซื่อเหมือนกันนะ 5555
เราก็ไมไ่ด้เข้าอะ แต่ก็คุยกับเพื่อนปกติ เพื่อนๆก็บอกเข้าเถอะๆ
แต่บ้านเราไกลไง กลับดึกไม่ได้
บางทีเขามีจับสายรหัสอะไรกันหมดแล้ว ยกเว้นเรา ก็มีเซ็งๆนะ
เศร้าจัง

0
Belzelute 14 ส.ค. 57 เวลา 20:54 น. 67

วิธีอื่นก็มี? อืมมม ลองมาเป็นรุ่นพี่แล้วเดินไปบอกน้องให้แต่งตัวให้เรียบร้อยแบบเพราะๆดูนะครับ ถ้าบอกได้ทุกคนโดยไม่โดนรุ่นน้องตอกกลับมาว่า "-อะไร" มาบอกผมด้วยนะ

0
dEkIndy 14 ส.ค. 57 เวลา 21:15 น. 68

ม. เราเค้าบอกเป็นวัฒนธรรม แต่ไม่รู้นะ สิ่งที่เป็นอยู่มันเรียกว่าวัฒนธรรมหรือป่าว หรือเก็บกดจากปี1
แล้วม.เรามันเหมือนท่องสคริปกันมาอ่ะ มันดูเป็นการแสดง มันดูแล้วไม่จริงใจอ่ะ เหมือนว่าพี่แสดงมาเราก็แสดงกลับ คือสอนดีๆ ก็เข้าใจอ่ะคับ เราโตเป็นคว.....ยกันแล้ว

0
giftkokkok 14 ส.ค. 57 เวลา 21:36 น. 69

นั่งรถไฟกลับเลยเหรอคะ นับถือมากๆเลยค่ะ ของเราหยุดยาวแบบนี้ก็กลับมาอยู่กับครอบครัวเหมือนกันค่ะ อยากอยู่ด้วยกันนานๆก่อนไป ขนาดมีพี่แอดเฟสมาตามให้เข้าร่วมกิจกรรมเลยค่ะ ถ้าไม่มีเพื่อนคุยก็คุยเล่นกับเราได้นะ ไม่ชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน ^^

0
Jackie Lerman 14 ส.ค. 57 เวลา 22:25 น. 70

ถ้ามันดีจริง ทำไมถึงมีคนต่อต้านเยอะขึ้นทุกวันล่ะ คิดหน่อยยยย

แต่งตัวไม่เรียบร้อย โตๆกันแล้วบอกดีๆก็ได้ ไม่ใช่เด็กประถม

ผมไม่เชื่อหรอกว่าบอกดีๆแล้วจะไม่ทำตาม

ตอนมัธยมทำถูกระเบียบได้ ทำไมขึ้นมหาลัยจะทำถูกระเบียบไม่ได้

ที่คุณว๊ากรุ่นน้องแล้วทำตามเป็นเพราะกลัวมากกว่า มออะไรเนี่ย เผด็จการชัดๆ

อีกอย่างถ้าอยากให้รุ่นน้องแต่งตัวเรียบร้อย รุ่นพี่ก็ทำให้ดูเป็นแบบอย่างสิ

แต่หลายๆที่ที่เห็นมา รุ่นพี่มันใส่กระโปรงแหวกจนจะเห็นฮีอยู่ล่ะ

0
Felinonajang 14 ส.ค. 57 เวลา 22:58 น. 71

กระทู้นี้ชวนดราม่าปะเนี่ย
เพราะสองกระทู้นั้นก็มาม่าอืดเต็มเลย ฮ่าๆ

เข้ารับน้องไม่หรือไม่เข้ารับน้องไม่น่าเกี่ยวกับมีเพื่อนหรือไม่มีเพื่อนนะ
ถ้าเราไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรเลยก็แค่เพื่อนอาจจะน้อย อาจจะมีแต่เพื่อนที่เรียนด้วยกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ตัวน้องเองด้วยว่าเข้าหาเพื่อนมากแค่ไหน
ยังไงๆก็ไม่มีทางที่พี่จะมาบังคับให้เราแบนเพื่อนเพราะไม่เข้ารับน้องหรอก
ถ้ามีเพื่อนทำแบบนั้นก็ไม่ต้องคบละดีแล้ว หาเพื่อนจริงใจๆในอนาคตดีกว่า
ไงก็สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ พี่ก็เพื่อนน้อยเหมือนกันทั้งๆที่เข้ารับน้องนะ แต่แค่ไม่ค่อยทำกิจกรรมร่วมกับคณะอื่นเท่าไร ^^

0
tttt 15 ส.ค. 57 เวลา 00:01 น. 72

พี่ก็สงสารน้องนะ พี่ก็ไม่เห็นด้วยกับการที่รุ่นพี่พูดเหมือนยุให้เพื่อนน้องเกลียดคนที่ไม่มา แต่จริงๆพี่ว่าพี่ๆเค้าประชดมากกว่า แต่ดันมีคนคิดจริง พี่ก็งงกับคนประเภทนี้อยู่นะ เพราะพี่เป็นคนที่ผ่านกิจกรรมมาเยอะ ทั้งที่อึดอัดใจมาก เหนื่อยมาก แถมสุขภาพก็ไม่ได้ดีแบบคนทั่วไปด้วย แต่พี่ไม่เคยมองคนที่ไม่มาเป็นคนไม่ดีเลยนะ และก็มีคนคล้ายๆพี่อยู่ไม่น้อยเหมือนกันนะ ในรุ่นน้องพี่เชื่อว่าต้องมีคนที่ยังเห็นน้องเป็นเพื่อนอยู่ แค่ยังไม่รู้จักเฉยๆ

0
Deja Vu 15 ส.ค. 57 เวลา 00:43 น. 73

คือเราเป็นคนจำพวกพึ่งตัวเองมาตลอด ก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องเวลาโดนแบน
ส่วนเรื่องรับน้อง+ประชุมเชียร์มันมีคะแนน GE บังคับให้เก็บเพื่อไปลงวชาสัมนาเพื่อให้จบ
และเท่าที่เคยเห็นพวกที่อะไรๆก็เพื่อนมักอยู่คนเดียวไม่รอดในสังคม

คือบางทีก็อยากตอกกลับแรงๆ เช่น "ปัญญาชนเขาทำกันแบบนี้เหรอ","ถ้าอยากให้รุ่นน้อนนับถือก็ทำตัวดีๆดิแบบนี้ใครมันจะไปนับถือ","ไม่ห้อยป้ายแล้วยังไง กฎมหาลัยมันไม่บอกไว้นี่นาว่าต้องห้อยป้าย" แต่ดันมีคะแนน GE มาเอี่ยวด้วยตลอดเลย ก็กลัวมันจะเล่นตุกติก แค่นั้นแหละ

ตอนปีหนึ่งดูๆแล้วนึกว่าไม่มีคนอะไรทำไมด้วย แต่พออาการออกเท่านั้นแหละ ทำให้รู้เลยว่ามันหัวอ่อนกันจริงๆ แล้วพอเป็นปีแก่ก็ทำกับแบบเดิม

ส่วนเราก็เลือกทำอันที่มันแจก GE ก็เท่านั้นแหละ

ก็พยายามเข้าน่ะเรื่องเรียนไม่มีเพื่อนมันไม่เป็นไร เรียนเอง สอบเอง เกรดก็ของเราเอง อ่านหนังสือเอง
แล้วก็ เพื่อนมันไม่จำเป็นต้องอยู่แค่ในมหาลัยหรือคณะเดียวกันหรอก ทุกเพศทุกวัยเ)็นเพื่อนกันได้

สู้ๆ เชียร์ลีดเดอร์

0
olloรุ่นพี่ 15 ส.ค. 57 เวลา 00:48 น. 74

กำจัดให้มันหมดๆไปซะระบบนี้ ผมเกลียดที่สุดเลยครับ รุ่นพี่ไร้เหตุผล งี่เง่าทั้งนั้น ถ้าพลาดไป ต่อยรุ่นพี่ จะเกิดอะไรขึ้นไหมครับ มัน น่ารำคาญโกรธแล้วนะ

0
janchi_VIP_ 15 ส.ค. 57 เวลา 00:59 น. 75

ขอเล่าที่เราผ่านมาบ้างนะ^^
เราจบมาจากสายอาชีพที่ไม่เคยมีการรับน้อง ไม่มีสายรหัส ไม่มีรุ่น แต่พอเราเข้ามหาลัยเราก็เจอกับระบบแบบนี้ และเราก็ไม่ชอบระบบนี้ด้วยเพราะเราเคยอยู่แบบอิสระไม่มีการมาบังคับให้เราทำนู่นทำนี่ แต่เราก็ทำกิจกรรมทุกอย่างเพราะแค่อยากรู้ว่ามันเป็นไง เพื่อนผ่านมันได้เราก็ผ่านได้แค่มันไม่เบียดเบียนเวลาเรียน สุดท้ายมันก็ดีอ่ะ แต่เรายังยืนยันคำเดิมว่าเราไม่ชอบบ่างอย่างที่มันแฝงมากับระบบอย่างการเสี้ยมสอนให้รุ่นน้องแบนเพื่อนเพียงเพราะไม่เข้ากิจกรรม ไม่เอารุ่น เราว่ามัน ปญอ. มากอ่ะ 

ในเซคเราก็มีเพื่อนที่ไม่เอารุ่น แต่ก็ยังรักกันอยู่ดีทำงาน ปรึกษาเรื่องเรียนด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน เพียวแค่เวลามีกิจกรรมเค้าก็ไม่เข้าแค่นั้นในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของเค้า
แล้วเค้าก็ไม่ได้เป็นตัวถ่วงแต่อย่างใด
นายไม่ต้องไปกังวล บอกพี่เค้าไปว่าเราไม่ต้องการระบบนี้ เค้ามาห้ามเราไม่ได้หรอก ส่วนเรื่องเพื่อนก็ทำตัวเป็นปกติ อย่าไปกังวลกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง เราเชื่อว่าเพื่อนๆของนายมีความคิดแยกแยะได้ สู้ๆ

0
หวังดี 15 ส.ค. 57 เวลา 01:01 น. 76

คนที่ไม่เคยเข้ารับน้องก็จะไม่เข้าใจหรอกนะ เขารับน้องกันเพื่ออะไร ถ้าระบบนี้ไม่ช่วยอะไรจิงๆ เขาคงยกเลิกไปนานแล้วคะ พูดอะไรกันเหมือนเด็กไม่รุจักโต เหมือนเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ยอมมองโลกภายนอกว่าเป็นยังไง ที่เขารับน้องคือ 1จะทำให้ได้รุ้จักกับเพื่อนที่มาจากคนละที่กัน เอ้ะ หรือพวกคุนไม่อยากมีเพื่อน หรือชอบมีปัญหากับสังคม ลองคิดดูเอานะ ถ้าวันนึงทำงานขึ้นมา แล่้วที่ทำงานจัดกิจกรรมสันทนาการกันเพื่อละลายพฤติกรรมและให้รุ้จักกันมากขึ้น และทำงานเป็นกลุ่มได้ คือ่ ร่วมงานกับคนอื่นได้ แล้วคุนไม่เข้ากิจกรรม คุนคิดว่าพนักงานในบริษัทนั้นจะมีใครอยากเป็นเพื่อนกับคุนไหม ทั้งๆที่ยังไม่ได้รุ้จักกัน เขาจัะกล้าทำงานกับคุนไหม เขาจะมองคุนเป็นคนยังไง อย่างแรกเลย เห็นแก่ตัว กิจกรรมส่วนรวมแต่กลับไม่มา ไม่เข้าร่วม อย่างแรกเลย เห็นแก่ตัว ไม่มีความรับผิดชอบ แล้วใครจะกล้าไว้ใจคุนทำงานละ อะคิดเอาสิ ส่วนถ้าเป็นเรื่องรับน้องจิงๆ เราว่าถ้ารุานพี่ให้ทำกิจกรรมอะไรที่โหดหรือเรารับไม่ไหว เราก็บอกเขาได้ป่าววัะ เขาไม่ได้จะฆ่าคุนให้ตายไม่ใช่หรอ ไว้ใครโดนรับน้องแล้วตายค่อยมาบอกนัะ เออ เรื่องนี้ค่อยน่าฟังหน่อยว่าแรงไปนะคะ หัดคิดให้แง่คนอื่นบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องของตัวเอง คนเดี๋ยวนี้เห็นแก่ตัวกันหมด อะไรก็คิดแต่ว่าฉันถูกๆ ฉันเหนื่อยฉันไม่ทำ ฉันอายฉันไม่ทำ โอ้ยท้อจัง ปัญหาแค่นี้ยังแก้ไม่ได้อนาคตตอนคุนทำงานปัญหาเหล่านี้จะมีมามากกว่าสิบร้อยเรื่องคะ มากกว่านี้หลายเท่าคะ สู้ๆและแก้ปัญหาต่อไปนะคะขอบคุณคะ เปิดใจให้กว้างๆนะคะ แล้รับฟังไม่ว่าจะไปที่ไหน ถ้าคุนยังคิดว่าการรับน้องไม่จำเป็นเพื่อนไม่สำคัญเรียนคนเดียวก็ได้ ดิฉันว่าคุณคงอยู่บนโลกใบนี้ยากคะ.

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

สถ1326 15 ส.ค. 57 เวลา 01:33 น. 78
เยี่ยม

เหมือนกันเลยครับ ช่างเหมือนกัน แล้วก็เข้าเหมือนกัน ใด้มากกว่าเสียครับงานนี้ ใครอดทนเรื่องแค่นี้ไม่ใด้ก็ไม่เป็นไรครับ
0
Kana 15 ส.ค. 57 เวลา 01:34 น. 79

คุณไม่ต้องเครียดหรอกครับ ผมว่า เค้าก็แค่พูดให้พวกเรารักกัน ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ไปรับน้องม.เดียวกับคุณ เชื่อสิคับ ไม่ได้มีใครคิดจะแบนคุณหรอก แต่แค่พอยิ่งไปแล้วเค้าได้เพื่อนกันคับ คุณแค่ไม่ได้รับน้อง คุณก็เลยแค่ไม่มีเพื่อน ไม่รู้จักพี่ โดยที่บางคนที่มารับน้องตั้งแต่ตอนนั้นเค้ารู้จักกันหมดแล้ว แค่นั้นแหละคับ ผมว่านะ
อยู่ไปอีกหน่อยเดี๋ยวก็มีเองครับ เพื่อนกับพี่อะคับ (ต้องเข้าใจว่า บางคนเค้าจับกลุ่มกันได้ตั้งแต่รับน้องคณะ รับน้องภาคครับ การจะมีเพื่อน พี่ หรือไม่มี ผมว่ามันขึ้นอยู่กับมนุษย์สัมพันธ์ของตัวบุคคลครับ ผมก็เป็นคนนิ่งๆผมไปรับน้องคณะทุกวัน ผมยังไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่เลยครับ)
อย่าไปเครียดครับ เค้าไม่ได้แบนคุณหรอก เค้าแค่ยังไม่รู้จักคุณครับ ^^

0
Soghi 15 ส.ค. 57 เวลา 02:38 น. 80

ว๊ากเนี่ย ไม่ใช่อยุ่ดีๆเค้าจะมาว๊ากไหม อ่ะ
การลงแต่ละครั้งมันก้อต้องมีเหตุผลรึป่าว
ไม่ใช่จะมาว๊ากกแล้วก้อไป
มันต้องผ่านการฝึก ไม่ใช่ตาสีตาสาจะมาว๊ากก
แล้วคนที่มาทำ เค้าเสียสละแค่ไหน ใช่ว่าเค้าอยากโดนคนอื่นเกลียด
ทำเพราะเป็นหน้าที่ อยากให้น้องได้รุ้จักกัน >> คงบอกอีกสินะว่าบอกดีๆก้อรุ้จักกันได้ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ต่างคนต่างโตไม่ยอมเปิดใจให้กันง่ายๆเหมือนสมัยอยุ่ประถม
ไม่ได้เปนพี่ว๊ากนะ แต่เค้าใจพี่เค้า คนสมัยเนี่ยจิตสาธารณะน้อยลง และมองคนที่ไม่คิดเหมือนตัวเอง ไม่ดี
ทำแล้วมันต้องได้อะไรดีๆบ้างแระ ถ้ามันแย่มากทางมหาลัยคงเอาเรื่องแล้วไหมอ่ะ
แล้วรุ่นพี่ดีๆมันก้อมี.

ก่อนที่เค้าจะไปว๊ากหรือสอนใครได้ เค้าก้อคงดูตัวเองแล้วไหมอ่ะว่าเค้าดีพอที่จะไปสอนคนอื่นแล้วหรือยัง
คงไม่ใส่กระโปรงแหวกถึงฮี

0
Sobad 15 ส.ค. 57 เวลา 02:55 น. 81

เอาอะไรไปวัดว่าเค้าเลว รุ่นพี่ที่มาด่ามาสอนเพราะเค้าเปนห่วงเค้าใส่ใจรึป่าวอ่ะลองคิดดู

ส่วนพี่คนที่คุณไม่เคยมาสอนมาว่าคุณไม่มาใส่ใจรุ่นน้องอย่างคุณเค้าเปน รุ่นพี่ดีๆสำหรับคุณสินะ

0
ก้ดีนะ 15 ส.ค. 57 เวลา 03:04 น. 82

เหนด้วยกับ9-5 ครับ การรับน้องเปนสิ่งที่ดี ถ้าเราอยุ่จนสุดท้ายของมัน มันให้อะไรกับเราเยอะ

0
ตั้ม 15 ส.ค. 57 เวลา 07:35 น. 85

คนที่เคยรับน้องหรือเคยผ่านอะไรพวกนี้มา แตกต่างจากคนที่ไม่เข้ารับอย่างเห็นได้ชัด

ดูเอาเองว่าเพราะอะไร

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม โลกก็กว้าง จะขวางอะไรมากมาย

ตอนเรียนไม่รู้สึกหรอก ตอนเข้าทำงานเดี่ยวก็รู้
อิพวกเด็กกิจกรรม เข้ากับคนได้เยอะ ปฏิสัมพันธ์คนอื่นเก่ง พวกนี้จะเจริญกว่าคนที่วันๆคิดว่าไม่อยากทำเลยไม่ทำ

เรื่องแค่นี้ทนไม่ได้ อายุเท่าไรเอง อีกหน่อยมรสุมชีวิตหนักกว่านี้นะ แนะนำให้กลับมาเปิดกิจการที่บ้านเองไปเลยครับ
ไม่ต้องอะไรกับใครมาก

ยังไงก็ขอให้เจริญมากๆครับ

0
Benzdomo 15 ส.ค. 57 เวลา 07:35 น. 86

เอาจริงๆนะครับ ผมก็เป็นคนนึงที่ไม่เข้าทั้งรับน้อง ไม่มีทั้งพี่รหัส ทั้งน้องรหัส หรือบ้านกลุ่มหรืออะไรทั้งนั้น ผมก็คิดเหมือนเจ้าของกระทู้แหละครับว่ามันสิทธิ์ของเราที่จะเลือก คือในสังคมผมคิดว่ามันก็มีคนบางคนที่ไม่ชอบกิจกรรมแบบนี้ แล้วจะมาบังคับกันมันก็กระไรอยู่ ต่อให้บอกว่าเป็นกฎของสังคมๆนึง แต่ผมก็คิดว่า มันเป็นแค่ "ส่วนหนึ่ง" ของสังคมใหญ่ที่มหาวิทยาลัย รับน้อง มหาวิทยาลัยไม่ได้มีเกี่ยวด้วยทั้งหมด เพราะงั้นจะบังคับไม่ได้ แล้วที่บอกว่า "สักวันน้องต้องเจอเรื่องแบบนี้ในอนาคต" เอ่อ อยากถามนิดว่ามีที่ทำงานดีดีที่เค้าตวาดลูกน้อง ตะคอกลูกน้อง ขนาดนี้เลยเหรอครับ แต่รุ่นพี่บางคนก็ไม่ได้ทำแบบนั้น ซึ่งอันนี้ผมก็โอเค แต่ถ้าพูดถึงว่า มันเป็นความกดดันที่น้องต้องรับให้ไ้ด้ อันนี้ผมไม่มีปัญหานะเรื่องความกดดัน เพราะในที่ทำงานความกดดันมันมีอยู่ล่ะ แต่มันไม่มี "ความกดดันจากการตะคอก ตวาด ไล่ ลูกน้อง" แน่นอน (ถ้าเป็นกรณีที่รุ่นพี่ไม่ได้ตะคอกหรือด่าอะไรก็โอเคแหละ) โลกแห่งการทำงาน งานส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ระบบนี้นะครับ แต่ ม ผมก็โอเคนะ บอกเหตุผลที่ไม่ไปรับน้องกับพี่เค้าไป พี่เค้าก็ไม่ได้ว่า แถมยังบอกว่ามีไรให้ช่วยก็บอกได้อีก ก็โอเคแหละ อิอิอิ ถึงจะไม่ได้เข้ารับน้อง แต่กิจกรรม ม อื่นๆผมก็เข้าร่วมหมดนะเออ

ส่วนที่ว่าไม่รับน้องก็คงไม่มีเพื่อน อันนี้ต้องศึกษากันไปครับ ถ้าคุยกันคนเก่ง เฟรนลี่ อีกเดี๋ยวก็หาเพื่อนได้เอง (แต่ก็นะ ที่ไม่เข้าไปรับน้องก็คงเพราะไม่ได้เป็นคนเฟรนลี่แหละ ฮ่ะๆๆ) แรกๆก็อาจจะน้อย แต่อยู่ไปนานๆเดี๋ยวก็มีเองแหละครับ และถ้าจะว่ากันตามจริง เพื่อน ไม่ต้องมีให้เยอะครับ แค่มีคนที่อยู่กับเราตลอดเวลาเรามีปัญหา ช่วยเหลือกันตลอดสักคนสองคนผมว่าก็โอเคแล้วแหละ สู้ๆครับ

ออ แล้วผมก็ไม่เห็นด้วยเลยนะ พวกที่ว่าชอบรับน้อง เข้ารับน้อง แล้วมาบอกพวกที่ไม่เข้าว่าขี้เกียจมั่งล่ะ รับแรงกดดันไม่ได้มั่งล่ะ ไม่เข้ากิจกรรมอื่นมั่งล่ะ คือผมว่าแต่ละคนมันก็มีเหตุผลของตัวเองกันน่ะนะ นำเสนอแค่ความคิดเห็นเรื่องรับน้องก็พอ บอกข้อดีข้อเสียของการรับน้องแค่นั้น ไม่ต้องไปว่าคนที่ไม่เข้ารับน้องแบบนั้นหรอก เอาจริงๆผมก็ไม่ได้อะไรกับระบบนี้นะ อืม มันก็มีมาตั้งนาน เป็นประเพณี แน่นอนว่ามันอาจจะมีรุ่นพี่ "บางคน" หรือ "บางกลุ่ม" ทำนิสัยแย่ๆจนการรับน้องกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับบางคนเช่นกัน เพราะงั้นตราบใดที่ยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงของอีกฝ่าย ไม่ต้องไปว่าหรือใส่ความพวกเค้าหรอกครับ

0
เด็กปี1 15 ส.ค. 57 เวลา 07:37 น. 87

เอ่อคือเราพึ่งผ่านพี่ว๊ากพี่วินัยมา เค้าสอนอะไรหลายๆอย่าง ไม่ใช่เอาแต่เสียงดัง เค้าเสียสละที่จะยอมให้น้องเกลียด ที่เค้าทำเพื่อให้ทุกคนรักกัน ไม่เห็นแก่ตัว กล้ายอมรับ เราทั้งเหนื่อย ปวดตามร่างกาย เพื่อให้เพื่อนๆไม่เหน่อยมากกว่านี้ ถ้าบอกว่าการที่มีพี่วินัยมาลงห้องเชียร์ จะสร้างความสามัคคีจริงเหรอ เราตอบเลยจริง คณะเรามีความสามัคคีเพิ่มขึ้น การรับน้องเราก็สนิทกัน เราลองเอามาเปรียบเทียบกับการรับน้องรวมกันทุกคณในมหาลัยเรานะ เราแทบจะลืมไปทุกส่วนเลย มีแต่นันทนาการ ก็ไม่รู้สิแต่ละม.ไม่เหมือนกัน แต่เราเข้าใจพี่ระเบียบพี่วินัยนะ
ใครจะคิดไงนี่คือความรู้สึกเราอะรักเลย

0
เฮีย อุ้มอิ้ม 15 ส.ค. 57 เวลา 07:40 น. 88

ผมร่วมด้วยหนึ่งคนครับ ไม่ชอบการถูกบังคับ ถ้าบอกว่าเวลาไปทำงานคุณต้องโดน แค่นี้คุณยังอดทนไม่ได้ แล้วรู้ได้ไง การทำงานเคยให้วิดพื้นเหรอ การทำงานเคยให้ไปยืนร้องเพลง ตะโกนดังๆทั้งมอให้เขินๆเหรอ ใส่กระโปรงสั้นไปทำงาน ต้องถูกทำโทษเหรอ รุ่นพี่บางคน ตอนตัวเอง ยังไม่ค่อยเข้ารับน้องเลย แล้วจะมาทำเผด็จการ ตอนปีสามปีสี่ กร่าง ทำมาว๊ากๆ โอ้ยเพลียอ่ะ ไม่ได้สนึกด้วยเลย เอาความจริง 

0
i am me 15 ส.ค. 57 เวลา 07:47 น. 91

ความเห็นของรุ่นพี่นะคะ กิจกรรมรับน้อง คือกิจกรรมที่มีตุดประสงค์ให้น้องเข้าไปรู้จักเพื่อนๆ และพี่ๆนะคะ การที่น้องไม่เข้ารับน้องแล้วไม่มีเพื่อน นั้นแหละค่ะ ตรงตามจุดประสงค์เลยเห็นมั้ย จะบอกว่าตั้งใจมาเรียน ไม่ใช่ฝึกทหาร ทุกคนเขาก๋ตั้งใจแบบนั้นค่ะ แต่สังคมมหาลัยมันไม่เหมือนมัธยมนะคะ ถ้าไม่มีกิจกรรมแบบนี้ น้องไม่มีหาที่จะหาความรักใคร่สามัคคีจากเพื่อนในคณะได้เลย.. กิจกรรมมันเหมือนเป็นการละลายพฤติกรรม ทำให้เราและเพื่อนกล้าที่จะหันหน้ามาคุยกัน สนิทกัน ทั้งที่จริงๆแล้ว หากไม่มีกิจกรรมก็อาจจะหยิ่ง ไม่กล้าคุยกันเลยก็ได้นะ

ถ้าจะให้พี่แนะนำ ไม่ชอบก็ทำๆไปเถอะ.. แปบเดียวเอง แต่สิ่งที่ได้มามันก็คุ้มนะคะ เราได้เพื่อน พี่ๆเอ็นดูและคอยช่วยเหลือ ต่อไปในอนาคตถ้ามีงานกลุ่มก็ไม่ต้องลำบากใจไปขอร่วมกลุ่มกับเพื่อนที่แบนเราด้วย อดทนนะคะ ปีหนึ่งเรียนไม่เหนื่อยหรอก ทำกิจกรรมอีกนิด ไม่ถึงกับขาดใจนะ สู้ๆค่ะ

ปล. เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน ^^

0
i am me 15 ส.ค. 57 เวลา 07:56 น. 92

เขาหมายถึงว่า สักวันน้องต้องเจอสถานการที่บีบคั้นและกดดันแบบนี้ หากน้องไม่ฝึกการรับมือกับมัน จะรับมือไหวจริงๆหรอคะ?? พี่ว่าไม่นะ.. คือออ.. ในโลกของการทำงานนะ หากหัวหน้าไม่พอใจ และเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ คิดหรอคะว่าเขาจะไม่ตวาด ?? ถึงตอนนั้น น้องรับไม่ได้แล้วเดินออกไปเฉยๆ มันมีผลกระทบกับงานแน่นอนค่ะ อย่าคิดว่ารุานพี่เขาทำเพราะเขาสะใจนะ ใจลึกๆเขาก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ ^^

ปล. พี่ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่าการตวาดมันดียังไง แต่เอกพี่ไม่เคยทำเลย ตอนพี่อยู่ปีหนึ่งพี่ไม่เคยโดน เคยครั้งเดียวเลยตอนที่พี่เขาไม่ไหวแล้วจริงๆ ซึ่งนั้นออกมาจากใจ ไม่ใช่การสร้างภาพว่าตัวเองโหดเลย จำได้ว่าตอนนั้นเกือบร้องให้ แบบบว่า.. เราทำให้พี่เขาลำบากใจขนาดนี้เลยหรอ พี่ว่าระบบนี้เวิคกว่า น้องจะรักและเกรงใจพี่มากกว่า

0
omnitrix 15 ส.ค. 57 เวลา 07:59 น. 93

นี่เข้านะ เพราะชีวิตนึงก็มีแค่ครั้งเดียวเองที่ต้องทำ ลองๆไปให้มันได้ประสบการณ์ อาจจะอึดอัดหรือฝืนหน่อย ก็อย่าไปคิดว่ามันเป็นอะไรที่ลำบากมาก อย่างคณะเรามีรับ7-8 วัน เรากลับสงสารพี่ที่มาตะโกนใส่หูเรานะ เขาต้องแหกปากจนเจ็บคอ ต้องฝึกต้องอะไรหลายอย่าง กิจกรรมแต่ละกิจกรรมเราเจอเพื่อนต่างสาขา ก็รู้จักกันมากขึ้น เวลาเราอยากจะติดต่ออะไรหรือประสานงานอะไรก็สะดวกขึ้น

ส่วนตัวอยากให้มองว่าเป็นประสบการณ์นะ ครั้งหนึ่งในชีวิต

นานาจิตตัง

0
Benzdomo 15 ส.ค. 57 เวลา 08:26 น. 96

ถ้าจะว่ากันตรงๆ ไม่ว่าจะที่ไหน ความกดดันก็มีอยู่แล้วแหละครับ แล้วผมก็แค่ไม่ได้บอกเท่านั้นว่าผมเองก็เคยเจอเหมือนกันครับ การตวาด ถามว่าถึงตอนนั้นผมทำยังไง ผมก็ไม่ทำยังไงหรอกครับ ก็เฉยๆ รับฟังเค้า แล้วคิดว่าที่เค้าว่ามาจริงมั้ย ถ้าจริง โอเคครับปรับปรุง ก็เท่านั้นแหละครับ สุดท้ายมันขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจด้วยครับ ใช่ว่าจะต้องเจอการตวาดบ่อยๆจนหนักแน่น รับได้ ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปครับ ตอนผมเป็นหัวหน้ากลุ่ม ลูกน้องไม่ทำงาน ผมไม่เคยตวาดลูกน้อง แล้วถ้าจะว่ากันจริงๆ ในออฟฟิตหรือบริษัท การตวาดไม่ใช่การแสดงถึงภาวะผู้นำครับ หัวหน้าตะหากควรจะรับมือแรงกดดันได้มากที่สุด แล้วสามารถนำลูกน้อง ชี้แนวทางให้ลูกน้องได้ โอเคครับ มันมีคนสองประเภท (ลูกน้องน่ะนะ) เป็นพวกที่ต้องว่าก่อนถึงจะทำ กับพวกที่สั่งดีดีก็ทำ อันนี้ก็ต้องแล้วแต่กรณีไปครับ สรุปแล้ว ไม่ว่าจะยังไงสิ่งหนึ่งที่ต้องมีคือ พื้นฐานสภาพจิตใจของแต่ละคนครับ

แล้วถ้าจะว่ากันตรงๆ ผมก็คงจะพูดไม่ได้มากนักหรอกว่ารุ่นพี่ตวาดเพราะอะไร เพราะผมอ่านใจเค้าไม่ได้ แต่แ่น่นอนครับว่ามันมีกรณีง่ายสองกรณีคือ ตวาดเพราะอยากให้น้องทำจริงๆ มันสำคัญกับน้องนะ กับ ตวาดเพราะความสะใจ ซึ่งต่างสถาบันมันก็ต่างคน ต่างคนก็ต่างใจ ต่างใจก็ต่างความคิด เพราะงั้นคงบอกไม่ได้นะครับว่ารุ่นพี่ที่ตวาด เค้าเป็นกรณีไหน แต่จะขอไม่พูดนะว่ารุ่นพี่ ม ผม เป็นกรณีไหน เพราะผมไม่เคยเข้ารับน้องครับ

0
ThE Zai 15 ส.ค. 57 เวลา 08:26 น. 97

เราเองก็โดน แต่ที่ไม่ไปรับน้องคือเราป่วย และทางบ้านก็ไม่ให้ไป รุ่นพี่เค้าก็เข้าใจนะ แต่เพื่อนๆก็จะชอบแซะ ชอบพูดจาจิกกัดเรา อึดอัดมาก บัดดี้ก็ไม่มี พี่ๆรหัส พี่เทคก็ไม่มี ไปเรียนเนี่ย ไปแบบไม่มีความสุขเลย

0
เข้าใจ 15 ส.ค. 57 เวลา 08:29 น. 98

เข้าใจความรุ้สึกนี้เลย เพราะตอนนี้ที่ม.เราก้เป็นอยุ่เหมือนกัน ก็ไม่รุ้เหมือนกันว่าฝึกอย่างนี้เอาไปใช้งานได้ยังไง รุ่นพี่จะเข้ามาตรวจระเบียบการเเต่งกายของเด็กปี 1 แต่ตัวเองยังแต่งผิดระเบียบซะเอง เวลามีกิจกรรมรับน้องเขาจะนัด 4 โมงเย็นบางทีกลับ 3 ทุ่มก็มีบางคนบ้านอยุ่ไกลแต้เขาจำใจต้องมา แล้วรุ่นพี่จะถามใครมีธุระยกมือ พอมีคนยกมือจะมีรุ่นพี่มาพูดแหนบแนมบอกมีธุระจริงๆนะไม่ใช่กะเเดะอยากกลับบ้านแล้วทำกิจกรรรมเหมือนฝึก รด. ตอนแรกที่เข้าไปรุ้สึกอึ้ง คือขนาดผู้หญิงก็ต้องทำ(จะมีเวลาให้เปลี่ยนชุดฝึก แต่น้อยมากรุ่นพี่ก้เร่งๆ) ฉีดน้ำที่พื้นปูน แล้วสั่งหมอบ เอาแก้มแนบพื้น คิดดูละกันสกปรกไหม ผู้หญิงบางคนเขาแต่งหน้ามาก็เละสิ พอบางคนเกร็งคอไม่อยากเอาแก้มแนบพื้น รุ่นพี่เห็นโดนด่าอีกบางคนไม่ไหวยกมือขอพัก เขาบอกให้มันไม่ไหวจริงๆใกล้ตายก่อน อย่าสำออย คำด่าแต่ละคำมักจะมี สมอง มาเกี่ยวข้อง แต่เราไม่ใส่ใจซะอย่าง ตั่งแต่ตอนนั้นก้ไม่เข้ารับน้องจนกระทั่งมีการจับสายรหัสเราก็ไป ทีนี้พี่เขาก็จะเเยกคนที่ไม่ค่อยมาร่วมกิจกรรมออกไป แน่นอนเราโดนด้วย เขาก็ถามทำไมที่ผ่านมาไม่มาร่วมกิจกรรม บางคนตอบมีธุระ เขาก็บอกคนอื่นก็มีธุระยังมาได้เลย เพื่อนเราคนนึงแม่เป็นมะเร็งระะสุดท้ายมันต้องกลับไปหาแม่ทุกวัน เราเข้าใจเลยคือต้องมาทำกิจกรรมอย่างนี้จนค่ำเพื่อให้เกิดความรักสามัคคีเนี่ยะนะ โอเคเรายอมรับส่วนหนึงเราเห็นแก่ตัวแต่มันไม่ได้ทำใครเดือดร้อนหนิที่จริงก็ไม่อยากได้หรอกนะพี่รหัสอะเวลาสอบตกช่วยเราได้ไหม ก็ไม่ แต่เวลามีรุ่นพี่มาถามทำไมไม่มี อยู่คนเดียวได้หรอ บลาๆ บางทีเราก็คิดมากนะ เขาก็บอก พวกคุณมันเห็นแก่ตัว มาเหนื่อยแค่วันเดียวจะเอาพี่รหัสหรอ ในใจจะยกมือกลับบ้านและ รุ่นพี่ที่อยู่ตรงนั้นเยอะมาก เราไม่เก๋าพออะ - -" และก็มีรุ่นพี่แต่ละปีเเวะเวียนมาพูดกระแทกแดกดัน สุดท้ายก็ไม่ได้จับสายรหัสแต่เพื่อนคนอื่นได้ เขาเลยนัดอีกวันให้มา พอมาก็ฝึกคฤโหดเหมือนเดิมได้พี่รหัสไป เหมือนจะมีความสุขแต่ไม่ใช่ต้องตามหาพี่รหัสอีก ไหนจะต้องหาป้ารหัส ลุงบลาๆ คิดว่าเอาเวลาไหนอ่านหนังสือ พอเจอก็นัดให้ไปหา เราก็อ่าว กลับหอมาแล้วต้องไปอีกหรอ เกิดมาเราไม่เคยทุกข์เรื่องพวกนี้เลย พอล่สให้แม่ฟังบอกว่าไม่ต้องใส่ใจด่าอะไรมา มันไม่ใช่พ่อ แม่ เราไม่ต้องคิดมาก เราเคยคิดอยากจะซิ่วแต่เสียดายเงินที่พ่อแม่ส่งให้เรียนมันแพง เหนื่อยกับการหาเงิน สุดท้ายนี้อยากให้ จขกท. สู้ต่อไปถ้าคุณเชื่อมั่นในตัวเองจะผ่านมันไปได้ งานกลุ่มถ้าไม่มีเพื่อนยอมรับไปคุยกะ อ. ขอทำคนเดียวเนื่องจากเพื่อน... อะไรก็ว่าไป การอยู่ ม. เหมือนต้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นถ้าคุณพยายาม อดทน และเชื่อมั่น อีกสิ่งนึงที่สำคัญคือกำลังใจหาได้จากเพื่อนมัธยม พ่อแม่ญาติ คุณครู สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณผ่านมันไปได้และประสบความสำเร็จ
ปล. เรื่องเล่ายาวมาก หากรำคาญขออภัย

0
psrdor 15 ส.ค. 57 เวลา 08:30 น. 99

เอ่อออ ก้นั่นแหละ ผลของสิ่งที่คุณทำ แค่นี้ยังคิดไม่ได้ อายุก็ขนาดนี้ละ
รู้มั้ยคะ เวลาทำงานจริงๆ คุณจะมาทำแต่งานของตัวเองไม่ได้ ถ้าคุณไม่อาสาไปเหนื่อยกับคนอื่นคุณจะซื้อใจเขาได้มั้ย จะได้ความไว้วางใจจากเขามั้ย เพื่อนไม่เอา บอสไม่เอา ...อยู่ได้หรอคะ?

"ความอดทน"มันชี้ความเป็น"คน"นะคะ

0
ปรัชญา 15 ส.ค. 57 เวลา 08:36 น. 100

ในฐานะที่ผ่านสังคมของมหาลัยมาแล้วก็ขอพูดอะไรสักเล็กน้อยนะครับ
การตวาดไล่ลูกน้องใครว่าไม่มีครับ คุณมองโลกสวยไปหรือเปล่า เพื่อนผมทำงานราชการดวงไม่ดีได้เจ้านายอารมร้ายดุด่าลูกน้องแต่ละทีที่ทำงานกลายเป็นสวนสัตว์ แล้วด่าต่อหน้าคนิอื่นด้วย อีกคนเป็นพนักงานออฟฟิสบริษัทประกันชื่อดัง ทำงานไม่ได้ดั่งใจ นำเสนองานไม่ดี โดนหนักกว่าคนแรกอีกครับเพราะเป็นคณะผู้บริหาร มันไม่เหมือนละครนะครับที่พลาดแล้วเจ้านายจะให้กำลังใจ เขามีแต่จะดุด่ากดดันคุณ เพราะเขาต้องการคนที่แน่จริง อดทนได้ทุกความกดดัน ถ้าทนไม่ได้ก็ลาออกไป แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่รุ่นพี่สั่งโน่นสั่งนี่ทรมานร่างกายอย่างนี้ล้่ะ? เขาทรมานร่างกายเพื่อให้คุณมีใจเข้มแข็งไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่เรื่องโดนบ่นนิดๆหน่อยๆแค่นี้หลายคนยังทนไม่ได้ ผมบอกเลยว่าส่วนใหญ่มีความอดทนต่ำ แล้วที่เขาบีบเอาเพื่อนมาทรมานล่อให้คุณทำกิจกรรมเนี่ย เขาสอนให้รู้ว่าบางครีั้งถ้าคุณมีความอดทนไม่พอแล้วเกิดทำอะไรตามใจตนเอง คนที่เดือดร้อนคือคนรอบข้าง เขาไม่ได้ต้องการระบายอารมใส่คุณหรอกครับ น้อง ม. ใครใครก็รัก แต่ที่เขาทำเขาสอนให้คุณเข้มแข็ง ส่วนบางคนก็เข้มแข็งไปจนมองไม่เห็นหัวคนิอื่นเขาจึงต้องละลายพฤตืกรรมให้เข้าใจคนอื่นๆ
เรื่องบางเรื่องไม่อยากทำ ไม่เคยทำ แต่เราก็หลับหูหลับตาก้มหน้าทำๆให้มันจบๆไป ไม่ใช่ว่ากลัวนะครับ แต่้แต่เห็นเพื่อนทำได้ เราก็ต้องทำได้ แต่เรื่องบังคับให้น้องไหว้เนี่ยอันนี้เขาสอนให้เราอ่อ่นน้อมถ่อมตนครับ ไหนๆก็มาถึงเรื่องไหว้ก็ขอพูดถึงความสำคัญหน่อยนะครับ มีปราชย์ท่านนึงกล่าวไว้ว่า"การไหว้เราแค่พนมมือแล้วก้มหัวมันไม่ยากเย็นอะไรเลย เราไม่ต้องสนใจหรอก ว่าคนที่เรายกมือไหว้เขาสมควรได้รับการไหว้หรือเปล่า เพราะการไหว้ไม่ได้ืทำให้ผู้ถูกไหว้ดูดี แต่ทำให้ผู้ไหว้นั่นแหละดูดี ดูอ่อนน้อมถ่อมตนมีคนเมตตา ส่วนคนที่เราจะไหว้ถ้าเขาเป็นคนไม่ดีสังคมก็ลงโทษเอง การไหว้ไม่ได้หมายความว่ายอมศิโรราบ แต่หมายถึงการแสดงความอ่อนน้อมต่อกันและกัน" แล้วก็ผมไม่ใช่โซตัสอะไรของ ม ไหนทั้งสิ้น และไม่ได้มาอวยโซตัสนะครับ แต่ในมุมมองของคนืที่ผ่านจุดๆนั้นมาแล้วและใช้ชีวิตอยู่กับโลกภายนิอก กิจกรรมกับการเรียนมันไปด้วยกันได้ครับ ถ้าเรามีระเบียบวินัยในตนเองครับ อย่าเครียดนะครับน้องๆที่ยัง้เป็นเฟรชชี่อยู่ สู้ๆนะครับ ความอดทนจัะทำให้น้องเข้มแข็งขึ้น นิ่งสงบสยบเคลื่อนไหว นะครับสู้สู้

0
Chipshop 15 ส.ค. 57 เวลา 08:38 น. 101

ไร้สาระมาก ยิ่งอีพวกที่banคนอื่นเนี่ย จิตใจไม่ดี คือ บางทีมันก็ไม่ได้สำคัญกับชีวิตเราอะไรขนาดนั้นป่ะ
คนที่เขามีsomethingอ่ะ เขาไม่คิดแบบนั้นกันอ่ะ
เราอ่ะมีจุดยืน ต่างจากคนปกติที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ต้องอยู่ภายใต้อำนาจคนอื่น
แล้วอีคนที่บอกให้เกลียดเนี่ย เป็นไรมากป่ะ พบแพทย์มั้ย รับยาป่ะ? อยากเห็นคนทะเลาะกัน คือมันขัดกันอ่ะ ตอนแรกบอกอยากให้เพื่อเพื่อรักกัน
พอไม่เข้าบอกให้เกลียด คนแบบนี้หรอที่ควรคบเป็นเพื่อน. แค่แนวคิดของเขาก็ไม่โอเคแล้วอ่ะ. แล้วชีวิตเขาจะเป็นยังไง
สงสาร!

0
แค่แวะมา 15 ส.ค. 57 เวลา 08:55 น. 102

คนเราควรจะ "อดทน" ในเรื่องที่ควร " อดทน" ไม่ใช่ทนไปซะทุกเรื่อง คนนะคะไม่ใช่หุ่นยนต์

และ คน ทุกคนก็มีจุดยืนเป็นของตัวเอง มี เงา ของตัวเอง ไม่ใช่ไปสิงคนอื่นถึงจะไม่มีเงาของตัวเอง ตามนั้นย์คะ

0
ifernz9999 15 ส.ค. 57 เวลา 08:58 น. 103

เท่าที่อ่านหลายๆคอมเม้นก็มีส่วนจริงกับเกือบที่คอมเม้นะค่ะ แต่โดยส่วนตัวพี่ พี่คิดว่าการรับน้องเป็นการละลายพฤติกรรมค่ะ ละลายพฤติกรรมคือ ? หลายๆคนอาจสงสัย มันคือการละลายพฤติกรรมเดิมๆที่น้องๆทุกคนมีอยู่ในตัวต่างคนต่างที่มาต่างคนต่างหลากนิสัยที่ต้องมีกิจกรรมรับน้องเพื่อให้น้องๆหลอมรวมกันเป็น 1 คือ ต้องมีความเห็นใจ ช่วยเหบือซึ่งกันแลักันและที่สำคัญต้องมีความสามัคคีกันมากๆ มันมีพี่ว้ากกันเกือบทุกที่ พี่ว้ากที่ทำมันไม่สนุกเลยมีแต่น้องเกลียดขี้หน้าแต่ที่เขาทำเพื่อให้พวกน้องๆเกิดความสามัคคีกันไม่ใช่ต่างคนต่างทำต่างคนต่างอยู่ ตอนแรกๆพี่ก็เกลียดพี่ว้ากนะแต่พอเราได้เป็นรุ่นพี่ดูได้รู้ระบบที่แท้จริงแล้วเราจะรู้เอง ส่วนไอที่รุ่นพี่ยุแยงให้เพื่อนเกลัดนั่นมันไม่ใช่วิสัยแต่เขาเรียกว่าสันดาร จริงๆรับน้องมันก็มีข้อดีนะถ้าเราเปิดใจยอมรับอ่ะแต่ถ้าเราเจอเหตุการณ์แบบเห้ยยยย ย ไมแม่งต้องแบบนี้ๆว่ะ ทำให้เราไม่จอยกับมันรู้สึกว่า กูมาเรียนนะเมิงเป็นใครมาด้่ากูจังทั่งๆทีาพ่อแม่กูยังไม่เคยด่า มันก็เท่ากับเราปิดใจมันก็ไม่มีความสุขใช่ป่าว จริงๆรับน้องมันเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีของเพื่อนใหม่ๆแลัะรุ่นพี่นะ พี่คิดว่าพี่ดีๆเขาก็มีอยู่มากแหละ แต่ถ้าเราไม่อยากรับน้องก็ไม่ต้องมายย เราก็เรียนขิองเราๆปไม่ต้องไปสนใจใครคบเราไม่คบเราคนที่เขาเข้าใจเราก็มี สู้ๆเป็นกำลังใจให้น้องๆเสมอ เส้นทางมหาลัยก็เหมือนเส้นทางชีวิตจริงทีาเราต้องเจอและน้องเอ๋ย

0
Tanya 15 ส.ค. 57 เวลา 08:58 น. 104

จขกท. ไม่ต้องกลัวไม่มีเพื่อนนะ เรียนๆไปมีแน่นอนค่ะ เราก็ไม่เห็นด้วยกับการรับน้องนะ ที่ต้องมีพี่ว้ากนู่นนั่นนี่ แต่เราเข้าบ้างโดดบ้างพอประมาณ 555 เราเชื่อว่าเพื่อนในสาขาจขกท. ต้องมีความคิดแบบนายมั่งล่ะ คนเราไม่ได้ชอบการโดนรับน้องไปซะหมด เราคนนึงที่โดดรับน้องบ่อยแต่ก็ยังมีเพื่อนพี่คบหา สู้ๆนะคะ ^^ว้าว

0
**ซาตานกับกาแฟ** 15 ส.ค. 57 เวลา 08:59 น. 105

การรับน้องเป็นสิ่งที่ดีค่ะ ทุกมหาวิทยาลัยควรมีการรับน้องเพื่อให้นิสิตนักศึกษาทุกคนได้รู้จักกันและรู้จักกับรุ่นพี่ อันนี้เราคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็นมากเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ค่ะ 
แต่ว่า..การรับน้องที่ทำให้เด็กรู้จักกันไม่จำเป็นต้องโหดนิคะ? ไม่จำเป็นต้องทำแบบค่ายฝึกทหาร ไม่จำเป็นต้องมีพี่ว้ากมาแหกปาก
มีกิจกรรมหลายสิ่งหลายอย่างที่จะละลายพฤติกรรมของคนได้โดยไม่ต้องใช้วิธีป่าเถื่อนแบบนี้ค่ะ ในทางกลับกันวิธีป่าเถื่อนแบบนี้ใช่ไม่ได้กับทุกคนค่ะ อย่างที่เห็น เมื่อรุ่นพี่ทำให้มันจริงจังมากเกินไปจนเป็นเรื่องซีเรียส รุ่นน้องบางคนก็จะเริ่มหมดสนุกกับมันค่ะ จากนั้นก็จะเริ่มต่อต้านโดยการไม่มาค่ะ รุ่นพี่บางคนไม่สามารถจัดการกับรุ่นน้องที่ไม่เข้าร่วมได้ ก็จะไปลงกับคนที่มา...การกระทำเช่นนี้คิดว่ามันถูกแล้วเหรอคะ? เคยได้คุยกับรุ่นพี่หลายท่าน รุ่นพี่บอกว่าพี่ก็เคยโดนหนักกว่านี้อีก 
ได้ยินแบบนั้นแล้วเราก็รู้สึกแปลกใจ...
เมื่อรุ่นพี่เคยโดน พี่ก็ต้องเคยรู้สึกแย่แบบพวกเรามาก่อน รุ่นพี่ควรจะเข้าใจ แต่ทำไมถึงยังอยากให้รุ่นน้องรู้สึกแย่เหมือนตัวเองอีก....แล้วยังไงต่อคะ? ค่านิยมผิดๆแบบนี้จะไปต่อเรื่อยๆจนไม่จบไม่สิ้นเหรอ? 
บางคนอาจจะบอกว่าที่พี่ทำไปเพราะเป็นธรรมเนียม ธรรมเนียมของใคร? ใครบัญญัติไว้? มีกฎหมายหรืออะไรเขียนไว้ว่าหากมิทำตามจะถูกจับ? 
ส่วนตัวชอบการรับน้องค่ะ แต่เกลียดรับน้องเถื่อนๆกับคนเถื่อน เปิดห้องเชียร์ระบบพี่ว้ากเอย รู้ค่ะว่าตอนจบพี่ว้ากก็จะทำตัวฟรุ้งฟริ้ง แต่แล้วยังไงล่ะคะ? ต่อให้ตัวฟรุ้งฟริ้งในตอนท้ายมันก็ไม่ทันแล้ว รุ่นน้องครึ่งรุ่นเกลียดคุณไปหมดแล้ว คนเรานะคะสิ่งที่สำคัญคือ first impression ค่ะ อยากให้รุ่นพี่ทุกคนลองไปคิดพิจารณาดูนะคะ ว่าทำไมจึงอยากให้ค่านิยมผิดๆ ของคนก่อนๆ อยู่ในระบบรับน้องอีก...??

0
โมริอาตี้ 15 ส.ค. 57 เวลา 09:04 น. 106

เรื่องแบบนี้ถ้าเราไม่ชอบก้ไม่ต้องฝืนทำค่ะ เราว่ามันไม่ไดเกี่ยวกับการเรียนเลย ตอนเราอบู่ปีหนึ่งเราก้ไม่เข้า เพราะไม่ชอบวิธีการที่รุ่นพี่ชอบมาทำอวดเบ่งใส่รุ่นน้อง งให้ทำนู้นทำนี่ ไม่อย่างนั้นจะไม่จบ ตอนนี้เราอยู่ปีสี่แล้ว กำลังจบในอีกไม่กี่เดือน ก้ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรกับการทำเรื่องจบ รุ่นพี่ก้แค่อยากระบาย หรือบางคนก้แค่อยากอวดเก่งเท่านั้น เพื่อนเราบางคนก้ไม่ได้เข้ากิจกรรมแบบเราแต่พอตัวเองเป็นรุ่นพี่ขึ้นมากลับไปเบ่งใส่รุ่นน้องให้ทำนู้นทำนี่ ด่าว่าสารพัด ให้รุ่นน้องเคารพเพราะเป็ยรุ่นพี่ ไม่รู้ว่าม.อื่นเป็นยังไงนะค่ะ แต่ว่าม.เราเป็นแบบนี้ทุกรุ่นเลย ยังไงก้สู้ๆนะค่ะ เราเป็นกำลังใจให้

0
Forta 15 ส.ค. 57 เวลา 09:09 น. 107

รับน้อง ไร้สาระอะ เรียนอินเตอร์ดิ ไม่ต้องรับอะไรใหญ่โตวุ่นวาย ลำบาก บ้าบอ แค่ไปนั่งคุยกับพี่ ชิวๆ เรียนมันไม่ได้จำเป็นต้องมีกลุ่มมีเพื่อนอะไรขนาดนั้นหรอก พากันล่มจมมากกว่าป้ะ ทำงานส่วนใหญ่ก้ตัวใครตัวมันนะ เวลาเรียนก้เรียนไม่ตรงกันอยู่แล้ว น้อยคนที่จะจัดตารางได้ตรงกัน แต่เวลาเรียนก้แค่คุยคบหาเพื่อนไว้บ้าง เรียนแบบอิสระดิดี เด้กภาคไทยชอบทำตัวติดกันเป้นกลุ่มไปทียกขโยงไป มันแปลกสำหรับเราตั้งใจ

0
opol 15 ส.ค. 57 เวลา 09:09 น. 108

เราเข้าใจนะเราก็หัวอกเดียวกัน คือเราก็มาเรียนคนเดียวตัวคนเดียว แล้วคือในสาขาเรามี 27 คนแล้วส่วนมากก็จะเป็นคนในพื้นที่มาเรียนมีเพื่อนมาอยู่แล้ว เราพยายามเข้าไปคุยไปถาม แต่คือก็คุยได้ถามได้แต่สุดท้ายเขาก็เล่นกับเพื่อนเขาอยู่ดี คือ ตอนนี้เราเครียดมากอะ แบบ ท้อไม่อยากไป ม เลย พอไปแล้วเหมือนตัวประหลาดคือ ไม่มีเพื่อนอะ เศร้า มาก ไม่รู้จะทำยังไง ร้องจนไม่รู้จะร้องไงละ ตอนนี้เราอดทนเพราะกลัวว่าพ่อแม่เราจะเสียใจ เราไม่อยากให้เขาคิดมาก ตอนนี้เราฝืนใจเรียนๆไปก่อน หวังตลอดว่าสักวันเราคงจะมีวันดีดี

เศร้าจัง

0
whale 15 ส.ค. 57 เวลา 09:16 น. 110

พ่อของเรา เล่าให้ฟังว่าไม่เคยเข้ารับน้อง เหมือนกัน แต่แค่เวลามีกิจกรรมที่ถามถึงความสมัครใจ ไม่ได้มาบังคับ พ่อเราก็จะช่วยทำน่ะ ปัจจุบันพ่อเรามีหน้าที่การงานที่ดี เงินเดือนเกินแสน(พ่อเราจบแค่ ปวชเอง) มีเพื่อนเยอะ มีหัวหน้าที่ใจดี ที่รู้เพราะเรารู้จักกับหัวหน้าของพ่อ คุณลุงเขาใจดีมาก เวลาพ่อมีปัญหาอะไรก็คอยช่วยตลอด การรับน้องหรือเข้าห้องเชียร์ไม่ได้เป็นตัวกำหนดความเจริญของชีวิตหรอกน่ะ มันอยู่ที่ตัวคนมากกว่า ว่าเราเป็นคนดี มีน้ำใจแค่ไหน รู้จักและเคารพสิทธิของผู้อื่นและตนเอง เชื่อว่านักธุรกิจที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงในปัจจุบันหลายท่าน คงไม่ได้ผ่านการรับน้องหรือเข้าห้องเชียร์ เราสงสารน่ะ สงสารคนที่มีความคิดที่ว่า คนที่ไม่เข้าห้องเชียร์ไร้ความอดทน ไม่มีวันเจริญในชีวิต ความคิดของพวกคุณมีแต่อคติ คอยจ้องดูถูกคนอื่นมากเลยน่ะค่ะ คนที่ไม่มีวันเจริญอาจจะเป็นพวกคุณมากกว่าน่ะค่ะ ส่วนใครจะเข้าหรือไม่เข้าห้องเชียร์นั่น มันเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ต่างคนต่างความคิด แต่อย่าคิดดูถูกกันและกันก็พอน่ะค่ะ จำไว้น่ะค่ะ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" "ต่างคนต่างความคิด" "มีน้ำใจซึ้งกันแหละกัน"

0
unknown 15 ส.ค. 57 เวลา 09:19 น. 112

เราก้ไม่เข้าเหมือนกันเพราะไม่ชอบ เหมือนต้องมาด่าอะไรไร้สาระ ไม่ได้ทำอะไรผิดก็หาเรื่องด่า เพื่อ?? เราคิดว่ามาเราเรียน เราก้ทำหน้าที่ของเราค่ะ (เห็นด้วยกับความเห็นคิดที่ 68 มากๆ ) เรื่องเพื่อนก็แรกๆเราก็ไม่มีเหมือนกัน เน้นเพื่อนคณะอื่นเอกอื่น พอเรียนๆไปเราเข้าไปคุยกับเพื่อนในเอกคนที่ใจไม่แคบก้มีนะคะลองๆคุยดู เดี๋ยวทุกอย่างก้ดีขึ้นเอง ถ้าสุดท้ายแล้วเวลาทำงานกลุ่มแล้วไม่มีใครเอาจริงๆ ก็ปรึกษาอาจารย์ประจำวิชาเลยว่าไม่มีกลุ่มเดี๋ยวอาจารย์จะช่วยเอง..
เชื่อสิค่ะถ้าเราเรียนดีทำงานดีมีแต่คนอยากมาอยู่กลุ่มทำงานด้วย...ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดค่ะ และทำอะไรที่เราชอบแล้วไม่เดือดร้อนคนอื่นไม่ผิดศีลธรรมนั้นแหละถูกต้องแล้ว..เป็นกำลังใจให้นะ
ว๊าว

0
ทำไมอะ 15 ส.ค. 57 เวลา 09:20 น. 113

ได้อะไรอ้ะ ? รุ่นพี่ก็นึกแต่สิ่งที่ทำไม่นึกถึงสิ่งที่น้องได้ บอกทีได้ความสามัคคีหรอ ? การสามุคคีที่พวกรุ่นพี่ช่วยกันบรีฟให้คนที่ไม่รับน้อง ไม่มีเพื่อนคบงี้หรอ ไปบอกเพื่อนว่า-นี่มันไม่เข้ารับน้องมันยอมให้พวก-เหนื่อยนู่นนี่นั่น อันนี้หรอสิ่งที่ได้ เสี้ยมให้รุ่นน้องเกลียดเพื่อน


ขำกับกะลาของรุ่นพี่วะ

0
nookky2557 15 ส.ค. 57 เวลา 09:22 น. 114

การรับน้องมันก้มีทั้งด้านดีด้านเสีย
ถ้าตอนเปนปี1 คุนไม่รับน้องไม่เอากิจกรรมมันก้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เพื่อนๅจะไม่สนใจคุณ เพราะมันก้เหมือนกับการวัดใจ เรียนมหาลัยมันเหนื่อย เพื่อนสำคัญมากๆนะคะ ขนาดรับน้องยังไม่มาร่วมเลย และเรื่องอื่นๆใครๆก้คงไม่อยากช่วยคุณเท่าไหรหรอกคะ เพราะคุณยังไม่ผ่านการรับน้องในบทบาทของปี1เฟชชี่ คุณถึงยังไม่เข้าใจความรู้ในบทบาทของพวกปีๆ2 .ว่ามันเปนยังไงคะ

0
WASD 15 ส.ค. 57 เวลา 09:26 น. 115

ผมว่าการรับน้องแบบหนักๆนี่ไม่ค่อยเห็นประโยชน์เท่าไหร่นะครับ ถ้าบอกว่าทำไปเพื่อให้น้องรักกัน ผมว่าก็มีวิธีอีกเยอะครับที่ไม่ต้องไปกดดันน้องถึงขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องโดนว้ากก็สนิทกันได้ ไม่จำเป็นต้องวิดพื้นก็สนิทกันได้ แล้วที่บอกว่าเพื่อเป็นการฝึกความอดทนเนี่ยฟังไม่ขึ้นนะครับ เวลาทำงานแล้วโดนเจ้านายตะคอกใส่เนี่ยคือแบบเขาเป็นเจ้านายเราตะคอกเพราะเราไม่ได้ดั่งใจเนี่ยผมยังพอเข้าใจและเชื่อว่าคนส่วนมากก็จะอดทนได้อยู่แล้ว แต่กับพี่ที่มาว๊ากเนี่ยประมาณว่าคุณเป็นใครก็ไม่รู้ทำไมผมต้องมาทนนั่งฟังคุณตะคอกใส่ด้วยอันนี้คือเราไม่มีเหตุผลอันสมควรให้ต้องทนนะครับผมว่า แล้วที่บอกว่ายอมให้น้องเกลียดเพื่อที่จะให้น้องรักกันเนี่ย จะดีกว่าไหมถ้าน้องรักกันแล้วก็รักรุ่นพี่ด้วย วิธีผมว่ามีครับเพียงแต่ไม่คิดกันเองประมาณว่าโดนมาแบบนี้ก็สักแต่ทำตามๆกันไปโดยอ้างนู่นอ้างนี่ ไม่คิดจะหาวิธีที่มันให้ผลดีกว่ามาใช้

0
ar-jung 15 ส.ค. 57 เวลา 09:28 น. 116

คือก็ผ่านระบบนี้มาเหมือนกันนะคะ...ถามว่าได้นำไปใช้หรือเปล่าในชีวิตหลังจากนั้น ตอบเลยว่ามาก
โดยเฉพาะเรื่องมารยาท คือบางครั้งเราไปทำงานด้านบริการด้านโรงแรม สนามบิน ร้านค้า ฯลฯ พวกลูกค้าก็นิสัยไม่เหมือนกัน ไหนจะหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน การต่อสู้แข็งขัน คืออย่างน้อยระบบรับน้องก็คือการฝึกการฝืนใจให้สู้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมทำ... การยิ้มไหว้ทักทายต้อนรับไม่ว่าจะเพศไหน อายุเท่าไหร่ เราก็ต้องทำเพราะมันเป็นงานของเรามันเป็นประโยชน์ของเรา ซึ้งการรับน้องก็จะสอนให้เรายอมรับในสิ่งเหล่านี้ที่เผชิญเพียงแค่การรับน้องเราไม่ได้เงินเดือนเหมือนทำงานเราไม่ได้รับผลประโยชน์ที่พอใจเราแค่นั้นเอง บางครั้งเราเลยรู้สึกว่ามันไม่เข้าท่าในความรู้สึก

....ถามว่าเราเห็นด้วยกับการกิจกรรมทั้งหมดหรือเปล่า บางอย่างเราก็ไม่ชอบนะ แต่ที่ ม.เราไม่ได้คิดจะว๊ากก็ว๊าก ก่อนที่พวกพี่จะตะโกนๆ เขาต้องมีเหตุผลก่อนว่าเราอะทำผิดจริง ไม่มีระเบียบจริง ที่เรายอมรับระบบนี้ได้ก็เพราะว่า ที่พี่ๆเขาติติงมาเราผิดจริงนี้แหละ มันก็เหมือนกระจกสะท้อนตัวเรา พี่บางคนไม่เห็นมีระเบียบเลยแต่ทำไมถึงมาสั่งมาสอนเรา เราก็จะคิดมุมกลับว่าในคำสอนเขาดีเราก็ควรนำไปใช้แต่เราจะไม่ทำตัวที่ไม่มีระเบียบเหมือนเขา การรับน้องจึงเป็นศูนย์รวมของนิสัยมนุษย์ทุกรูปแบบ ความเห็นแก่ตัว ความเสแสร้ง การแกล้งทำ ความจริงใจ ความไม่จริงใจ ใส่หน้ากาก ความงี่เง่า ความไม่มีเหตุผล ความมีเหตุผล มันย้อนแย้งให้เราที่อยู่ในวัยกำลังก้าวผ่านได้แยกแยะเองว่าสิ่งไหนควรนำไปปฏิบัติ เพราะมนุษย์ร้อยพ่อพันแม่มาอยู่รวมกันเราไม่สามารถรู้ถึงความคิดลึกๆข้างในของเขาได้หรอก...

ป.ล.เราก็ไม่ได้ว่าการไม่เอารุ่นไม่ดีนะ เพราะเพื่อนเราที่ไม่เอารุ่นพวกเราก็คุยด้วยถามหาอยู่ตลอด แต่ว่าเขาจะไม่ค่อยสนิทกับพวกเราเท่าไหร่ เวลาตามตัวเขามาทำงานกลุ่มอะไรแบบนี้ก็ตามตัวยาก การมีส่วนร่วมเลยน้อย บางทีชวนเขามาก็กลัวอึดอัด ไม่มีความสุข แต่ถ้าใครอัธยาสัยดีพวกเราก็เขาได้สบายมากอยู่แล้ว...สู้ๆนะคะขอเป็นกำลังใจให้เฟรชชี่ทุกคน

0
เปิดใจให้กว้างนะ 15 ส.ค. 57 เวลา 09:38 น. 117

อย่าคิดถึงสิ่งที่โดน พี่อยากให้น้องคิดถึงสิ่งที่ได้รับต่างหาก
พวกพี่มาทำแบบนี้เค้าไม่ต้องการให้น้องมารักเค้าหรอก
เค้าอยากให้คุณนะรักกันเองในรุ่น รุ่นสำคัญนะมากันเป็นรุ่นต้องช่วยกันไป
ต้องมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กิจกรรมนี้จะทำให้น้องรู้จักเสียสละและไม่เห็นแก่ตัว
มิตรยามสุขอ่ะหาง่าย แต่มิตรที่จะผ่านความทุกข์ไปด้วยกันอ่ะหายากนะ

พี่คงบอกไม่ได้ว่าจะได้รับอะไรไปบ้าง เพราะคนแต่ละคนผ่านกิจกรรมนี้มาเราซึมซับกันไปไม่เหมือนกัน แต่สำหรับพี่มันทำให้รู้ว่า คณะและสาขาคืออะไร มันคือครอบครัว แล้วมหาวิทยาลัยก็คือบ้านสำหรับเรา ไม่แค่สถานศึกษาเพียงอย่างเดียว

ชีวิตคนเราต้องรู้จักคำว่า"อดทน"นะค่ะ สู้ๆนะน้อง ถ้าน้องผ่านมันไปได้ พอมองย้อนกลับมาน้องก็จะรู้สึกว่าแค่นี้เองเหรอ? เหมือนที่พี่เคยรู้สึกแน่นอน

ปล.ตอนเข้ามาพี่ก็ต่อต้านระบบนี้นะ แต่พ่อพี่บอกว่า"บ้าน"แต่ล่ะหลังมีกฏไม่เหมือนกัน กฏนั้นมีไว้เพื่อให้เราอยู่ร่วมกันได้ คุณเป็นสมาชิกของบ้าน ต้องปรับตัวเข้ากับบ้าน ไม่ใช่เปลี่ยนกฏของบ้านเพื่อตัวเอง พี่เลยเข้าประชุมเชียร์จนทำให้พี่ได้รู้ว่าผ่านมาแล้วมันเป็นอย่างไร และทำไมถึงควรเป็นประเพณีที่สืบต่อกันไป

0
น้อง ๆ 15 ส.ค. 57 เวลา 09:40 น. 118

นอกจากที่การรับจะสอนให้อดทนจะหาเพื่นแท้แล้ว พี่ ๆ ต้องสอนให้รู้จักเข้าใจคนอื่นด้วยนะค่ะ
ว่าคนที่เขาไม่มาหรือมาไม่ได้เนี้ย เนื่องด้วยอะไร บางคนก็ไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมอาจเพราะเขาต้องทำงาน หรือมีเหตุจำเป็นจริง ๆ ถึงไปไม่ได้ แล้วคนเราก็มีเวลาไม่เท่ากันหรอก บางคนอยากไปใจจะขาด แต่ด้วยเหตุผล และความจำเป็นจริง ๆ อยากให้เข้าใจกันด้วยนะ ไม่มีใครอยากอยู่คนเดียวในโลกหรอก บางคนก็อย่าโลกสวยเกินไปเลย เยี่ยม

0
โตบ้านเพื่อน 15 ส.ค. 57 เวลา 09:44 น. 119

http://youtu.be/t9UIdYfc9c8
ใหญ่ คือผู้ที่เข้ามา ก่อนเวลา ในวันที่ฉันยังเป็นตัวอ่อน
น้ำที่ร้อน ที่อาบมาก่อน เป็นเหตุผล ที่ทำให้คนเชื่อฟัง :)

0
term 15 ส.ค. 57 เวลา 09:45 น. 120

ผมคนนึงหละที่เข้ารับน้องเป็นประจำตอนอยู่ปี1 ผมโอเคกับการรับน้องนะ ถึงจะมีรุ่นพี่มาคอยว๊ากใส่บ้างแกล้งสาระพัดบ้างแต่ที่เค้าทำไปเพื่ออะไรละเพื่อไม่ใช่ให้น้องเค้ารักสามัคคีกันเหรอ การทำความรู้จักกับเพื่อนในห้องเรียนที่ต่างคนต่างอยู่ให้มารู้จักกันสำหรับบางคนมันเป็นเรื่องยาก ยกตัวอย่างผมเลยเข้ามาเรียนวันแรกได้ตั้งเป็นหัวหน้าห้อง แต่ไม่เคยคุยกับใครก่อนนอกจากตอบคำถามของเพื่อน พี่ๆก็คอยเรียกให้ไปทำกิจกรรมหน้าแถวตอนรับน้องบ่อยๆจนตอนนี้ ส่วนเรื่องว๊ากก็ต้องลองคิดว่าเค้าว๊ากเพื่ออะไร ถามไม่ตอบ ไม่มีความสามัคคีในกลุ่ม แตกแยกกันเอง เรื่องที่ทำให้เค้าว๊ากใส่มีไม่กี่เรื่องหรอก เด็กปัจจุบันนี้สนใจการเรียนมากๆๆๆ(อันนี้ยอมรับว่าดีจริง) แต่ก็ควรจะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมกับบุคคลภายนอก ไม่ใช่ว่าฉันจะปฏิสัมพันธ์กับคนที่มีประโยชน์กับฉัน คนที่ฉันรู้จักเท่านั้น การทำงานบางทีมันก็ไม่ใช่ธุระกิจส่วนตัวนะที่จะไม่จำเป็นต้องพื่งพาใคร แต่ถ้าในกรณีที่น้องๆเจอรุ่นพี่ที่ว๊ากแบบเอามันส์ เอาสะใจตัวเองก็เป็นกำลังใจให้น้องๆละกัน ปล.ตอนนี้พี่จบปี4มาละ ไปว๊ากน้อง รับน้องแทบจะไม่ค่อยได้ไป ทำแต่กิจกรรมของมหาลัยเพราะได้สังคมภายนอกเยอะกว่า

0
term 15 ส.ค. 57 เวลา 09:48 น. 121

เป็นคำตอบที่ดีมากๆสำหรับน้องๆผู้ที่ยังไม่รู้จุดประสงค์ของการรับน้อง เด็กสมัยนี้สนใจในการเรียนเพียงอย่างเดียวจริงๆ

0
เทียน 15 ส.ค. 57 เวลา 09:50 น. 122

มันก็แค่ประสบการณ์ของเด็กๆอีกอย่างนึงนั่นแหละค่ะ พอผ่านช่วงเห่อรับน้องทุกคนก็ต้องตั้งหน้าอ่านหนังสือเพื่อให้สอบผ่าน เราว่าอย่ากลัวเลยว่ารุ่นพี่หรือเพื่อนจะว่าจะมองยังไง คนที่มองเราในแง่ร้ายหนะมีอยู่แล้ว พวกที่คิดว่าเด็กที่ไม่ชอบการรับน้องจะเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่อดทน คือคิดกับเราในแง่ร้ายอะมี แต่เราจะไปแคร์เค้าให้ไม่มั่นใจทำไม เราก็มีเหตุผลของเรา คนเราความคิดไม่เหมือนกัน อย่างเราเราคิดว่ามันเผด็จการไม่มีเหตุผล เค้าก็คิดว่าเราไม่อดทนอย่างงั้นอย่างงี้ ถ้าเราไปแคร์คนทั้งโลกเราก็เสียความเป็นตัวเอง เราไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน และเราว่านะ รับน้อง กับความกดดันในการทำงานจริงๆมันต่างกันมากค่ะ อันนี้คือเด็กๆเล่นกัน กับงานจริงๆมันคนละอารมณ์ แล้วก็เรื่องซิ่วไม่ซิ่ว อยู่ที่ความคิดความมั่นใจของน้องเองนะเราว่า เรื่องเพื่อนเรื่องรุ่นพี่อาจจะสำคัญ แต่ไม่สำคัญพอที่จะทำให้เราต้องย้ายที่เรียนและเสียโอกาสเสียอนาคตหรอก สู้ๆนะ

0
term 15 ส.ค. 57 เวลา 09:53 น. 123

อยากให้น้องๆที่สนใจแต่เรียนไม่สนใจคนรอบข้างเข้าใจบทความคำตอบนี้มากเลย :)

0
Sb_po 15 ส.ค. 57 เวลา 09:54 น. 124

ของเรารับเทอมแหนะ ตอนนี้ก็ได้เกือบเดือนแล้ว เราคิดว่ามันสนุกนะ ได้คุยได้เจอเพื่อนสนุกเฮฮา การรับน้องมันทำให้รู้สันดารคนอื่นจริงๆอันนี้พูดเลย รุ่นพี่เราถึงจะว๊ากนู้นนี่นั่น แต่เขาก็ถามตลอดว่าไหวไหม พักก่อนก็ได้ เอาความจริงก็ไม่หนักอะไรเลย ถึงที่ทำงานจะไม่มีวิดพื้นไม่ห้ามใส่กระโปงสั้น ถึงมหา'ลัยจะมีแต่มันฝึกความอดทนทางจิตใจ ฝึกการมีระเบียบวินัย เพราะเราก็ไม่รู้นะว่าที่ทำงานเราจะมีกฎอะไรบ้าง ถ้าเราทนไม่ได้ก็ลาออกงั้นหรอโดนว่านิดว่าหน่อยก็ไม่ทนงั้นหรอ งั้นก็คงย้ายที่ทำงานเป็นสิบๆที่นั่นแหละ แต่ถ้าจะให้เราแบนเพื่อนที่ไม่เข้ารับน้องเราก็ไม่ทำหรอก ยังไงก็คุยกันได้แหละ ^^สู้สู้

0
จบมานาน 15 ส.ค. 57 เวลา 09:58 น. 125
เยี่ยม คนนี้พูดโดนใจเราที่สุด แบบ เรางง จริงๆ เขาด่าเราต้องทน ทนทำไมไมฟร๊ะ เงินดีหรือ ที่ทำงานมีอยู่ที่เดียวเรอะ เขาทำผิดเราต้องทนกับคนสันดานไม่มีเรอะ เพราะเขาสูงกว่า ? เป้นบอสแล้วไงอะ?

แล้วเข้าทำงานเขาไม่เอาคุณจะอยู่ได้ไหม? ...คือ การที่เราทำแต่หน้าที่ของเราได้แล้วคนอื่นมันจะทำไมกับเรา เขาไม่เอาเราเพราะวิดพื้นไม่ไหวเนี่ยนะ?
งานก็งานเปล่าทำได้ก็จบอะ? หรือจะไปเป้นทหาร ? 55

แล้วเราว่าอยากพูดอะไรก็พูดตรงๆคะ ...ถ้ามันไม่จบอัดเสียงแจ้งความ ...ไปเลย ถ้าระรานข่มขู่ขนาดนั้น ...

ดีใจที่รับน้องเรามันไม่กดหัวกันขนาดนี้ .. แต่แกล้งกันเลอะเทอะขำๆ มาก็มาไม่มาก็ชั่ง

0
อดีตเด็กนิเทศ 15 ส.ค. 57 เวลา 10:00 น. 126

ในฐานะคนทำงานแล้ว (จบด้านนิเทศสื่อมวลชน) บอกเลยว่า ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา

ที่บอกว่ารับน้องจะช่วยให้อดทนในงานหรือคนในสังคมงานได้ ไม่จริงค่ะ ไม่เกี่ยวเลย เด็กรับน้องหลายคนที่มาทำงานไม่ทนมีเยอะมาก งี่เง่าเยอะด้วย อย่าอินกับการโลกสวยฟรุ้งฟริ้งว่าช่วงเวลาสั้นๆ พวกนั้นจะทำให้ชีวิตเลิศเลอได้ ถ้าพื้นฐานคุณไม่ได้เป็นคนมีความคิด มีความตั้งใจพอ ต่อให้รับน้องจนจบปีการศึกษา ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น และเรื่องนี้ก็เอาไปเขียนประกอบใบสมัครงานไม่ได้ด้วย (พวกมานั่งรับน้องแบบตะคอก เวียนดื่มน้ำ อมลูกอมพวกนั้น)

สมัยเรียนไม่ได้รับน้องเพราะเป็นมหาลัยที่เปิดให้เราได้สัมผัสกับความจริงมากกว่า ลุยงานจริงเลยมากกว่า
ได้ลงสนามจริงกับรุ่นพี่ ทำเรื่องมีประโยชน์ มองเห็นว่าเราสามารถสร้างอะไรได้ และทำให้คนอื่นได้จริงๆ รุ่นพี่สอนเราด้วยเสียงปกติ ไม่มีตะคอกใส่ สอนเราด้วยการกระทำให้เห็น จนเราเคารพนับถือรุ่นพี่ด้วยใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าการมาโดนว้ากใส่หู หน้าถูพื้น ก้มหน้ากลางแดด โดนด่าหยาบคาย ฯลฯ

ทำไมไม่รับน้องด้วยสิ่งดีๆ แทนที่จะมาทำเรื่องตลกๆ แบบนี้แล้วอ้างว่า เพื่อฝึกความอดทน
ขอโทษเถอะ รุ่นพี่เหล่านั้นมีความอดทนพอแล้วเหรอ เห็นยังมีเรื่องกับเพื่อน กับแฟน หรืออาจารย์ ครอบครัวกันเลย
อย่ามาทำตัวเจ๋ง ถ้าตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย มันฉาบฉวย เพ้อเจ้อ มาทำตัวเป็นพี่ว้ากแล้วแบมือขอตังค์พ่อแม่ เรียนไปงั้นๆ เป็นแค่นักศึกษาที่ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน แล้วต่างอะไรกับน้องๆ ที่คุณว้ากใส่ คนเราจะประทับใจและเคารพถ้าคนตรงหน้ามีความดีมากพอ ไม่ต้องรวย แต่มีความเป็นคนที่น่านับถือ ไม่ใช่เพราะตะคอกใส่กัน

เพราะพอออกมาทำงานสังคม เราก็จะเป็นเหมือนๆ กัน อยู่ในกฎของสังคมที่ความมีสติ มีความคิดของเราจะเป็นตัวชี้นำเราเอง

ความอดทนชี้ความเป็นคน แต่เรื่องที่ควรอดทนก็ต้องเลือก ไม่ใช่หลับหูหลับตาอดทนเพื่อเอาใจใคร แต่ไม่อดทนกับการสร้างอนาคตตัวเองด้วยการเรียนให้ดี ให้จบเร็ว เพื่อคนที่บ้าน


0
ยอมจุ้น วุ่นวาย 15 ส.ค. 57 เวลา 10:05 น. 127
มาที่ มทส ดิ เราไม่เข้าเพราะติดเรียนอ่ะ รุ่นพี่ไม่ว่าอะไรเบย แล้วรับน้องที่ มทส สนุกมาก ไม่โหดด้วย แต่ตอนปีสองต้องทนหน่อย 
0
ไม้โอ​เอกไทย 15 ส.ค. 57 เวลา 10:16 น. 128

ทั้งห้องของ​ ​จขกท. มีแค่คน​เดียว​เอง​หรือที่ไม่ชอบ​กิจกรรมนะ
ลองถามเพื่อนดูดิใครไม่ชอบกิจกรรม​จะได้มีเพื่อน
ของเรามีอยู่5คนไม่ชอบกิจกรรม แต่ก็มารับน้อง​มาบ้างหยุดบ้าง

ถ้าเราพอเรียนได้​หรือเอาตัวรอดได้​หรือเก่งก็ไม่ต้องไปสนรุ่นพี่หรอก
รุ่นพี่ก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่าเราหรอก​5555 แต่เพื่อนนี่มีไว้นิดหน่อย​ก็ดีนะ
งานกลุ่มนะ​5555เยี่ยม

0
ZgZeeGame 15 ส.ค. 57 เวลา 10:23 น. 129

ม.ผมแถวสนามม้า รุ่นพี่รับน้องดีมาก ร้องเพลง เต้นกันสนุกดี รุ่นพี่เวลาลงโทดกันเองไม่ค่อยมาลงโทษรุ่นน้องสักเท่าไหร่ น้องทำไรผิดพี่ก็ลงโทดกันเอง กลายเป็นว่าน้องเกรงใจพี่มาก บางคนร้องไห้จากการที่พี่ทำโทษกันเอง ไม่รู้คณะอื่นเป็นแบบผมรึเปล่า - -

0
เจเจย์ 15 ส.ค. 57 เวลา 10:28 น. 130

ก่อนอื่นผมต้องบอกว่า  เขาไม่ได้แบนคุณหรอกนะครับ แค่เขาไม่รู้จะคุยกับคุณยังไงครับ ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะรู้หรือว่าคุณอยู่สาขาเดียวกับเขา เพราะเขาไม่เคยเห็นคุณไง ตอนเวลามารับน้องเพื่อนคุณเขาได้คุยกันได้ทำความรู้จักกันไงครับ แต่คุณไม่รับน้องเลยไม่มีเพื่อน คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกครับเวลาที่คุณมาเรียนคุณจะได้รู้จักเพื่อนคุณเอง ผมในฐานะเฮดว๊าก การว๊ากของเราจะไม่ว๊ากทุกวัน วันไหนน้องทำผิดเราก็ตักเตือนวันไหนทำถูกเราก็ไม่ว๊าก เด็กปีหนึ่งมักจะชอบกลัวการว๊ากมากๆ ซึ้งมันไม่มีอะไรเลย พี่ว๊ากคือคนที่ห่วงน้องมากที่สุด เขามักจะถามว่า ไหวไหม พักก่อนไหม มันไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่ทุกคนเขาคิดกันนะครับ และอีกอย่างนะครับรุ่นพี่ไม่เคยคิดจะแบนรุ่นน้องหรอกครับมันไร้สาระไปไหม สาขาผมก็ไม่มีคนเอาการรับน้องแต่ผมในฐานะรุ่นพี่ผมก็ยังคุยกับน้องเลย สอบถามว่าเป็นไงบ้าง  ผมเข้าใจคุณนะ

0
Pumpkinss 15 ส.ค. 57 เวลา 10:39 น. 131
โดยส่วนตัวแล้วผมก้ไม่ได้เข้ารับน้องครับ เพื่อนที่เข้ารับก้ยังคบกับผมอยู่ รุ่นพี่ที่เคยด่าว่า ถ้าไม่เข้ารับรองรุ่นพี่ไม่ช่วย ไม่ให้หนังสือ ไม่ได้นู้นได้นี้ และบอกว่า อาจจะไม่จบด้วย ซึงตอนนี้ผมได้เรียนจบแล้วซึ่งรุ่นพี่ที่ด่าผมนั้นมันยังทำ ซีเนียร์โปรเจคไม่จบ เรื่องแบบนี้ัมันแล้วแต่คนด้วยครับ ถ้าเพื่อนคนไหนแค่เห็นคุณไม่เข้ารับน้องแล้วเลิกคบก็ปล่อยมันเถอะครับ ดีแล้วเพราะพวกนี้ที่คบกันมันไม่เกี่ยวกับมิตรภาพแล้วละ
ป.ล. ชอบตรงไม่มีแพลนจะไปเป็นยามหรือทหาร
ป.ล. 2 น้องลองเข้าไปคุยกับเพื่อนดูครับ
ป.ล. 3 พี่รหัสพี่ไม่เคยบังคับพี่เข้ารับน้องนะ พี่บอกตรงๆเลยว่าไม่ชอบเข้าไปโดนตะโกนใส่เพราะ ในชีวิตการทำงานพี่ทำงานเสร็จทันตลอดเลยไม่โดนตะโกนใส่ และงานละเอียด
ป.ล. 4 ไอพวกรุ่นพี่ที่บอกว่า ต้องเจอแบบนี้ถึงจะทนชีวิตการทำงานได้ ขอบอกว่่าไม่จริงครับ

0
ASAI 15 ส.ค. 57 เวลา 10:39 น. 132

เราเองแต่ก่อนก็ไม่เคยชอบเลยนะคะการรับน้องเนี่ย
เคยคิดมาตลอดว่าทำไมต้องมี ทำไมต้องเขัา ทำไมต้องทำ
โดยส่วนตัวไม่ชอบทำกิจกรรมอยู่แล้ว
เคยกลัวด้วยซ้ำเพราะเคยอ่านเจอข่าวการรับน้องแบบโหดๆ
แต่พอเราเข้ามาเรียนระดับมหาลัย แล้วมีการรับน้อง 3 อาทิตย์ติดกัน
ตอนแรกก็เบื่อนะ เข้าๆไปงั้นเอง แต่ไปๆมาๆมันก็สนุกอะ ได้เพื่อน
รู้จักพี่ ม.เราเล็กอยู่แล้วเลยรู้จักกันไปหมด

0
stang 15 ส.ค. 57 เวลา 10:58 น. 133

ไม่เคยเชื่อว่าการฝึกความอดทนจะทำได้ใน 1-2 เดือนเพราะแต่ละคนมีพื้นฐานต่างกัน จะบอกว่านี้คือการปรับพื้นฐาน คนอายุ จะยี่สิบจะมาพื้นฐานให้เหมือนกันหมดในเวลาไม่เท่าไรนี้นะ ดูแบบเว่อร์ไป แต่เห็นด้วยกับการรับน้องนะแต่ขอให้ลดการว๊ากลงพูดคุยกันแบบปัญญาชนและทำโทษกันตามระเบียบปกติ ไม่ใช่เอ๊ะอะว๊าก เอ๊ะอ๊ะว้าก พูดคุยกันดีๆๆ เฮฮา สนุก เช่น สอนน้องใช้เครื่องคิดเลข สอนนั้นนี้ ในพวกสายวิทย์น่าจะได้ประโยชน์ มากกว่าเอ๊ะอะว้ากอะนะ คหสต.

0
แป้ง 15 ส.ค. 57 เวลา 11:18 น. 134

เราเองก็ไม่ชอบรับน้องนะ เราไม่ไปเลยอ่ะ
รุ่นพี่โทรมาตามเราก็บอกไม่ว่างค่ะ คือเราก็เสียตังมาเรียนอ่ะ
ทำไมต้องทำตามคนโน้นคนนี่ เราไม่สนใจนะใครจะแบน
ชั่งเขาเถอะ เราในตัวเราแบบที่เราเป็นเนี้ยะแหละ
เราไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมายหรือฆ่าคนตาย ฉะนั้นเราว่าไม่ต้องอายหรือกลัว

0
golfnonthakron 15 ส.ค. 57 เวลา 11:24 น. 135
รุ่นพี่นี้ก่อนะ ....... 
ป.ล.ผมก็เป็นรุ่นพี่ครับ แอบมารวบร่วมข้อมูล
กลัวทำให้น้องไม่พอใจ อะ เหอะๆๆๆๆ 

แกล้งนิดหน่อยอย่างให้ถือดาบเลเซอร์เดินรอบม.ไว้ปป้องกันตัวเนี่ยน้องกะงอนผมไหม ? 
0
ระบบสยอง 15 ส.ค. 57 เวลา 11:50 น. 137

คณะเราก็เป็นค่ะ ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายกับกระเทยนี่โดนหนักเลย มีใช้กำลังด้วย ละตอนที่โดน มีกลิ่นเหล้าด้วยค่ะ พวกพี่ชอบไซโค เรื่องรุ่น เรื่องเพื่ิอน เรียนไปนานๆ อยู่คนละสาขา ก็ห่างกันแล้วค่ะ ยังไงเพื่อนในสาขาก็มี พวกรุ่นพี่กลัวระบบจะเสียเลยเอาแต่ขู่ ตอนทำงาน พี่มาช่วยเราทำงานหรอคะ ผช บางคนโดนให้ไปกินเหล้าด้วย หนักค่ะ ละเป็นระบบที่มีมานาน บางอย่างเราเข้าใจค่ะ แต่บางอย่างนี่คืออะไร ทำไมต้องทำ ปากก็บอกว่าคนไม่รับน้องมีสิทธิ แต่ไซโคกันใหญ่ให้เกลียดเพื่ิอน ละบอกสอนให้สามัคคีกัน กดดันจนแตกกันมากกว่าค่ะ ก็ลองคิดดูดีๆ ชีวิตใครชีวิตมัน เราต่างหากเป็นคนกำหนดว่าชีวิตเราจะไปทางไหน ไม่ใช่พี่ หรือเพื่อน...สู้สู้

0
Kornporn Laymai 15 ส.ค. 57 เวลา 11:57 น. 138

เจอคำว่า เหมือนฝึก รด แล้วชะงัก
เราเพิ่งรับรุ่นน้องที่เข้ามาใหม่จบไป วิ่งๆ กลิ้งๆ คล้าย รด เนี่ยแหละ จริงๆก็ถามเพื่อนอยู่ว่าโหดไปไหม แต่ รุ่นน้องกลับชอบ!!!!!! คือ มันแล้วแต่ความคิดนะ หลายคนตอนเข้ามาก็ไม่ชอบก็ไม่เข้า ถามว่าจะโดนแบนไหม? มันก็อาจจะมีบ้างนะ จากบางคนน่ะ เพราะบางทีระบบรับน้อง ทำให้รู้จักกันมากขึ้น คือ ถึงแม้บางครั้งจะหนัก แต่มันเหมือนน้องได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ซึ่งหลายครั้งที่ทำให้น้องสนิทกันมากขึ้น [เคยเจอกับตัวเองมาแล้ว แล้วสนิทกับเพื่อนมากขึ้นจริงๆ] แต่สิ่งที่คนที่ไม่มารับน้องมักจะเจอ ไม่ใช่การโดนแบน มันเหมือนความไม่สนิทกันมากกว่า คือ คนที่รับน้องมา มันเหมือนพวกเขาได้อยู่ร่วมกัน ได้ใช้ชีวิตร่วมกันสักพักแล้ว แต่เราที่ไม่ได้รับน้อง เพิ่งจะเข้าไปอยู่ร่วมกับพวกเขา มันเลยทำให้ต้องใช้เวลาสักหน่อย ก่อนที่จะปรับตัวเข้าหากันน่ะ มันอาจจะคล้ายอารมณ์ประมาณว่า เราเป็นเด็กที่ย้ายเข้าโรงเรียนใหม่ในกลางเทอม ไปสักหน่อย แต่ถ้าพยายามหน่อย เราก็จะเข้ากับเพื่อนได้เอง 

0
ขอให้อยู่ดีมีสุข 15 ส.ค. 57 เวลา 12:21 น. 139

เคยหนีขึ้นดอยเหมือนกันนะ ร่างกายเราไม่ไหวเลยไม่ไป ไม่มีอารมณ์จะขึ้นด้วย เฮ้อ โดนว๊ากมายังไงก็ไม่ขึ้น แต่ห้องเชียร์ก็ช่วยให้รู้จักเพื่อนน้า แต่คณะเราว้ากซอฟท์ๆอะ ทันตะ แต่เราไม่ได้เรียนที่นั่นแล้วเราย้ายมาเรียนทันตะที่อื่นแทน เหตุผลทางจิตใจน่ะ อยู่นั่นมันก็ดีแต่ไม่ค่อยมีความสุขแล้วก่อนหน้าก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มชด้วย วัดจากตอนสอบติดได้เลยไม่ดีใจเลยสักนิด มันโหวงเหวงเหมือนเป็นลาง แต่พอออกมากลับรู้สึกว่าที่นั่นก็ดีเหมือนกัน แต่พอได้ที่ใหม่นะ ดีใจกว่ามาก กลางกรุง คือมันโดนใจเราที่สุดอะ ตรงนี้มันคืออะไรที่เราตั้งเป้าไว้เลย พึ่งเคยทำอะไรสำเร็จจริงๆจิงๆก็คราวนี้แหละ กี่ทีๆก้อแบบได้แต่ไม่ได้ดีอย่างที่เราอยากได้ง่ะ เพื่อนก็โอน้า ของขวัญชิ้นใหม่

0
recnal 15 ส.ค. 57 เวลา 12:38 น. 140

วลีเด็ดจริงๆครับ เรื่องแค่นี้ทนไม่ได้ เยี่ยม


นี่มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องยอมโดนกดขี่แบบไร้เหตุผล ไม่งั้นทนมรสุมชีวิตไม่ได้แล้วเหรอ?

งั้นทำไมพ่อแม่ที่จบ ป.สาม ป.สี่เค้าทำงานได้เก่งเหมือนกันล่ะครับ? ทำไมเค้าทนโน่นนี่ได้สารพัดทั้งที่ไมไ่ด้ผ่านรับน้อง?

อ่านแล้วน่าจะทำงานแล้วเหมือนกันก็น่าจะเข้าใจนะครับ ว่า ทนเพื่ออนาคต กับ ทนแบบไร้เหตุผล มันไม่เหมือนกัน

อย่าเอาโลกน้อยนิดของตัวเองมาตัดสินสิครับ ว่าคนไม่รับน้องจะแตกต่างจะเจริญมากกว่าคนที่รับอย่างชัดเจน มันตลกมากครับ แสดงให้เห็นว่ายังเห็นโลกมาไม่พอ

0
CZ. นามว่า P. 15 ส.ค. 57 เวลา 12:41 น. 141

เราก็ อยู่ 1 ใน 4 ของคณะแรกตั้งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นะ เพื่อนที่ไม่ได้ผ่านการรับน้องหรือเข้าประชุมเชียร์ ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ทักทายกันได้ ทำงานกันได้ อยู่ที่ว่าเพื่อนคนนั้นมีทัศนคติยังไงกับการรับน้อง ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง(ยุ ว่า ด่า เสียดสี) ก็จะเลิกคุยไปเอง แต่เพื่อนเราคนนี้ เขาเข้าใจ เขารับไม่ได้เขาบอก เขาติดกิจกรรมชมรมเลยรับรุ่นด้วยไม่ได้เพื่อนก็เข้าใจ ตอนนี้ก็ยังคุยกันอยู่ มันอยู่ที่ว่าเพื่อนคนนั้นจะตีตัวออกห่างหรือเปล่า กังวลไปเองหรือเปล่า คิดมากไปเองหรือเปล่า ถ้าลองเปิดไปคุยกับเพื่อน เราเชื่อว่าก็จะมีเพื่อนที่เปิดใจกับเขานะ

0
สู้ครับ 15 ส.ค. 57 เวลา 12:48 น. 142

ตอนนี้อยู่ปี 3 บางเขนครับ ตอนปี 1 ผมแสดงตัวชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการรับน้องที่รุนแรงและการว้าก เราเข้าไม่กี่ครั้งแล้วไม่เข้าอีก หลังๆแสดงความคิดเห็นจนโดนเขม่น เพื่อนบางคนต่อหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแต่บางทีก็เอาเราไปพูดเสียๆหายๆ บางคนลามไปจนถึงครอบครัวก็มี ตอนนั้นเราโกรธมากนะ ด่าแค่เราด่าได้ แต่ทำไมต้องลามไปครอบครัว นี่เหรอที่บอกว่าจะให้รักกัน ทั้งหมดแค่เพราะเราไม่เห็นด้วยกับการรับน้องที่รุนแรง โชคดีที่เรามีเพื่อนที่เข้าใจอยู่หลายคน ที่ใจกว้างเปิดรับ ตอนแรกเราไม่รู้หรอกว่าใครคิดไง แต่หลังจากที่เราโดนเขม่นจากหลายคน เราถึงรู้ว่ามีคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรับน้องแบบเราอยู่หลายคนเลยแต่แค่ไม่อยากแสดงตัว
เราอยากจะบอกว่า เราไฟท์ให้คนอื่นด้วยนะ เราโดนอาจารย์เรียกไปคุย เราถามอาจารย์ว่าบังคับมั้ย ถ้าไม่บังคับจะได้ไปบอกเพื่อน อาจารย์บอกว่าไม่บังคับ เราไปบอกเพื่อน แต่ผลก็เหมือนเดิมคือเพื่อนกลัวโดนรุ่นพี่เกลียด ก็เลยทนๆทำกันไป เพื่อนที่เห็นด้วยกับเราก็ไม่กล้าแสดงตัว เราไม่ว่านะถ้าคุณอยากทำคุณทำเลย แต่อย่าบังคับ เราแค่มาบอกว่าเขาไม่บังคับนะ เพื่อนบางคนไม่สนใจคำพูดเรา สุดท้ายเรากลายเป็นคนผิดและเห็นแก่ตัว
การรับน้องถามว่าทำให้เกิดความรักความสามัคคีจริงมั้ย ที่อื่นเป็นไงไม่รู้ แต่ที่นี่จริงครับ เพราะคุณ"ไล่คนเห็นต่างออกไปหมดแล้ว" คือใครคิดไม่เหมือนคุณก็ไล่เขาแบนเขา คนที่เหลือก็คิดเหมือนกันอยู่ในกะลาเดียวกัน ก็เลยมโนกันไปว่ารักกัน แต่ไม่เคยออกมาดูโลกภายนอกเลยว่าเขาคิดยังไง
การรับน้องเป็นการฝึกความอดทนจริงมั้ย ไม่จริงครับ รุ่นพี่ปีสูงๆก็ยังรับความกดดันไม่ได้ บางคนโดนอาจารย์ด่าก็ร้องไห้ และในที่ทำงานก็ไม่มีใครมาตะคอกใส่คุณทั้งชั่วโมงแบบนั้น ถ้าหัวหน้าจะด่าคุณ คุณก็เลือกได้ว่าจะยอมเขาเพราะเขาจ้างคุณ หรือไปหาที่ทำงานที่ดีกว่าเพราะคุณเห็นว่าที่นี่ไม่ดี มันเป็นเรื่องปกติครับ ไปถามคนที่ทำงานสิ เขาก็เปลี่ยนงานกันด้วยเหตุผลมากมาย ไม่ใช่ทุกคนจะยอมก้มหัวให้กับทุกเรื่อง คนเราต้องใช้สติและเหตุผลครับว่าทนไปทำไม คนนะครับไม่ใช่ควาย
อยากให้สู้ๆนะครับ ตอนนี้ไม่มีเพื่อน วันข้างหน้ามีแน่ครับ จำไว้ว่าคนมากมาย ต้องมีคนที่คิดเหมือนเรา ต้องมีคนที่ใจกว้าง การอยู่ในสังคมคือการเปิดรับทุกคนที่แตกต่างกันครับ สำหรับคนใจแคบที่ไม่รู้จักเปิดรับแปลว่าเขาไม่ได้เรียนรู้การอยู่ในสังคมเลย อย่าไปสนใจครับ

0
YOLO 15 ส.ค. 57 เวลา 12:58 น. 143

ถึงเจอมรสุมชีวิตก็ไม่มีใครมาว๊ากใส่หรอกค่ะ
วิธีผ่านปัญหาโดนใช้ปัญญายังมีอีกเยอะ เอาพวกนี้มพูด มันก็แค่ข้ออ้าง

ไม่ได้เตรียมตัวมาหลายปีเพื่อสอบเข้าไปให้โดนกดหัวหวะ
ความคิดคุณนี่มองโลกแคบสุดๆอ่ะ
อายุเท่าไหร่ถามจริง? ผ่านโลกมาขนาดไหน

0
Smile 15 ส.ค. 57 เวลา 13:02 น. 144

ขอเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยคนค่ะ ส่วนตัวตอนนี้เป็นพี่ปี4แล้ว เคยผ่านกิจกรรมรับน้องมา แต่เข้าแค่อาทิตย์ก็ไม่ได้เข้าอีก รู้สึกว่าเราไม่ชอบด้านนี้เลย ของม.เราคณะเรา ถ้าให้พูดตรงๆคือรุ่นพี่ตวาดเอามันส์มากกว่า รู้สึกเสียสุขภาพจิตก็เลยไม่เข้าอีกเลย การที่เราไม่ได้เข้ารับน้อง โดนเพื่อนแบนเราก็โดนมาแล้วค่ะ แล้วก็มารู้ทีหลังว่ารุ่นพี่เสี้ยมเพื่อนๆที่เข้ารับน้องว่า พวกที่ไม่เข้าเหมือนเป็นพวกแกะดำ ให้เพื่อนมาลำบาก เราว่าแบบนี้มันไม่ใช่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเลย เสี้ยมให้น้องเกลียดกันมันใช่หรอ จะเข้าหรือไม่เข้ามันก็เป็นสิทธิ์ของเราที่จะเลือกนะ แต่โชคดีไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่ไม่ได้เข้า ก็เลยไปเข้ากลุ่มกับคนที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมเหมือนเรา คุยกันก็รู้สึกว่าทัศนะคติตรงกัน รักกันแบบจริงใจ ไม่ได้เหมือนพวกเพื่อนบางคนที่ต้องทำเป็นรักกันต่อหน้ารุ่นพี่ ลับหลังก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายหรอก อันนี้เรื่องจริงค่ะ และที่บอกไม่เข้ารับน้องแล้วจะไร้เพื่อน นอกจากกิจกรรมที่ไม่ใช่รับน้อง เราเข้าร่วมก็ได้เพื่อนตลอดค่ะ เช่นกิจกรรมชมรมหลังเลิกเรียน อันนี้ไม่มีการมาว๊าก มาตวาดแน่นอน สร้างสรรค์ แถมได้เพื่อน ปัจจุบันเวลาทำรายงานกลุ่มก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ ถ้าเรามีฝีมือพอ เรียนดี ใครๆก็อยากมาจับกลุ่มด้วยอยู่แล้ว
ปล. ส่วนตัวคิดว่ากิจกรรมรับน้องควรเป็นอะไรที่สร้างสรรค์ สร้างสามัคคีให้น้องได้จริง เช่น ชวนน้องสร้างผลงานประดิษฐ์อะไรก็ได้ใช้วัสดุเหลือใช้มารีไซเคิล มีการเต้น ร้องรำทำเพลง สนุกสนานกันไป เป็นต้น ดีกว่าสั่งน้องเข้าแถว ลุกนั่งเป็น100 วิดพื้นอีก100 พ่อแม่น้องรู้คงดีใจน่าดูที่ลูกต้องมาทำอะไรแบบนี้
ปล.2 ปี1 เรียนไม่เหนื่อยจริงค่ะ แต่วิชาที่ง่ายต่อการเก็บเกรดให้ดีจะรวมอยู่ปี1นี่แหละ เพราะงั้นตั้งใจเรียนปี1ให้มากที่สุดจะดีกว่า แต่ไม่ใช่ขึ้นปีอื่นตั้งใจน้อยลงนะ เพราะถ้าวิชาพื้นฐานเราแน่น ต่อยอดปี2ปี3 เราจะสบายค่ะ

0
Gkokoko 15 ส.ค. 57 เวลา 13:06 น. 145

นั้นสิ มันเหมือนกับว่า คนที่เข้ารับน้องมักจะพูดเข้าข้างตัวเองเรื่องปกติ โทดทีผมไม่ชอบรับน้อง
ถ้าผมเป็นตำรวจ ทหาร แล้วฝึกตามคำสั่งอย่างนั้น ผมทำตามระเบียบแน่จากใจจริงเลย มันได้feeling ศักดิ์ศรี ความภาคภูมิใจ แต่เป็นนักศึกษามันไม่ใช้มากระแดะฝึกแบบทหารผมไม่ชอบ
ถ้าเป็นผมผมก็ไม่เข้า ผมเรียนรามไม่สนใจอะไรและก็จบ สอบไฟฟ้าก็ติด ไม่มีกี่วันก็ไปฝึกสัต-บ
1เดือน ละลายพฤติกรรม คือมันน่าภูมิใจกว่าที่ได้ฝึก มันเป็นอาชีพลุยๆอะนะ แต่กิจกรรมรับน้องขอบาย ถ้าไม่ใช้สายงานที่ต้องฝึกแบบนั้นอย่างกระแดะทำเลย แค่ปฐมนิเทศพูดคุยพอ

0
เเมงมุมลายตัวนั้น 15 ส.ค. 57 เวลา 13:12 น. 146

เราคิดว่าถ้าทำงานดีไม่มีใครว่าหลอกคะ เราทำงานมา 4 ปีเเล้ว ตั้งเเต่เก็บผลไม้ ทำความสอาด ทำงานร้านอาหาร ทำงานในโรงเรียน ไม่เคยเจอเจ้านายมาตวาดใส่ถ้าเราทำงานดี ถ้าเราทำพลาดนั้นก็อีกเรื่อง เเต่พอโดนว่าเรามีสิทธิ์เลือกที่จะทำต่อหรือหยุดไปหางานอื่นก็ได้นะ เเต่เราเอาคำว่านั้นมาพัตนาตัวเองดีกว่า

0
มาคุรุ 15 ส.ค. 57 เวลา 13:13 น. 147

ที่เราอ่านๆ มา ส่วนใหญ่เหตุผลที่คนไม่ชอบระบบโซตัส เป็นเพราะเจอพี่ว้ากที่ไร้เหตุผลหรือชอบวางอำนาจเสียเป็นส่วนใหญ่สินะคะ?  แต่พอดีของเราเจอมาดี ก็เลยมองโซตัสเป็นระบบที่โอเคนะคะ ไม่ได้มีปัญหาร้ายแรงอะไร..


ขอตอบจขกท.ดีกว่า

เราก็เคยนะคะ จขกท. ตอนอยู่ปี 1 นี่จำได้ว่าก่อนเปิดเทอมมีการรับน้อง 5 วัน แต่เราไปรับแค่ 2 วัน คือวันที่ 3-4 ค่ะ จะบอกว่าเหมือนเราค่อนข้างจะโดดเดี่ยว เพราะไปถึงก็เห็นเพื่อนๆ จับกลุ่มพูดคุยกันสนุกสนาน อาจเพราะเขามาทำกิจกรรมรับน้องร่วมกัน 2 วันแล้วก็เป็นได้  แล้วด้วยความที่เป็นคนที่หยิ่งพอตัว ก็เลยนั่งคนเดียวไม่ได้เข้าไปคุยกับใคร (เป็นตั้งแต่วันสัมภาษณ์แล้วค่ะ ไม่คุยกับเพื่อนเลยสักคน เพราะเราคิดว่าถ้าไม่มีเพื่อนก็ช่างมัน อยู่คนเดียวได้ค่ะ ไม่ง้อ 55) แต่เพื่อนบางคนที่เห็นเรามาใหม่ ก็เรียกเราไปนั่งคุยด้วยกัน แต่เราก็แค่ยิ้มให้และบอกว่าไม่ดีกว่าประมาณนี้ค่ะ  

แต่เมื่อได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนๆ มันทำให้เราได้มุมมองอะไรหลายๆ อย่างนะคะ แม้จะไม่ได้สนิทกันมาก แต่ก็ทำให้มีเพื่อนที่เดินไปซื้อของและไปห้องน้ำด้วยกัน และพอตกบ่ายเจอการเข้าว้ากเข้าระเบียบ ก็เอ๋อพักหนึ่งค่ะ เพราะไม่รู้มาก่อนว่ามหาวิทยาลัยจะมีอะไรแบบนี้ แต่ก็คือเพื่อนที่ยืนข้างกันจะช่วยกระซิบบอกค่ะ ก็เลยพอจะผ่านมาได้ด้วยอาการมึนงง แต่เราก็ไปรับอีกวันค่ะ เพราะมีความรู้สึกว่าการว้ากที่กินเวลาไม่ถึง 15 นาที มันไม่ได้ทำให้ความสนุกทั้งวันเสียหรอกค่ะ อีกอย่างฟังจากที่เขาว้าก มันก็เป็นการตักเตือนเรื่องการใช้ชีวิตที่มหาลัยซะส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องการดูแลเพื่อน ไม่ใช่อ้างเหตุผลเรื่องการทำงานเหมือนที่คนอื่นๆ เจอมาค่ะ เพราะอันนี้พวกพี่ว้ากเขาก็น่าจะรู้นะคะว่าเด็กปี 1 ก็รู้ว่าพี่ก็ยังเรียนมหาลัย ยังไม่เจอระบบการทำงานแบบจริงจัง (ไม่นับรวมการทำงานพาร์ทไทม์หรือประจำที่ทำช่วงปิดเทอมนะคะ) เขาจะมาพูดเรื่องความกดดันในการทำงานมันก็ใช่ที่  แต่วันสุดท้ายก็โดดรับน้องค่ะ เพราะตอนนั้นหนังเรื่องที่อยากดูมากๆ เข้าพอดี เลยเลือกไปดูหนังมากกว่ามารับน้องค่ะ 55

ส่วนช่วงเปิดเทอมมาก็มีลงว้ากบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นช่วงเวลาที่รุ่นเรามีปัญหาหรือทำอะไรผิดจริง (พอดี คณะที่เราเรียนเขาบังคับให้ปี 1 อยู่หอในค่ะ และเรียนที่นั่นแค่ปีเดียว ปี 2 ย้ายมาเรียนในกรุงเทพค่ะ ^^ แล้วด้วยความที่เป็นปีน้อยที่อยู่โดยไม่มีรุ่นพี่ปีโตของคณะคุม และคณะที่อยู่ที่นั่นส่วนใหญ่จะเป็นคณะที่ผู้ชายเยอะค่ะ) พี่เขาก็จะว้ากเรื่องการแต่งตัว ว่าให้แต่งตัวมิดชิดเรียบร้อยได้ก็จะดี เพราะคณะเราผู้หญิงเยอะ ต้องรู้จักระวังเนื้อระวังตัว อยู่ในรั้วมหาลัยก็จริง แต่ก็อย่างว่า อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคนค่ะ ,แล้วก็เรื่องที่ผู้ชายในเอกต้องคอยดูแลรับส่งเพื่อนผู้หญิงขึ้นลงหอทุกครั้ง ,ไปไหนมาไหนก็พยายามไปให้เป็นกลุ่มใหญ่ แล้วก็เรื่องการไหว้รุ่นพี่คณะอื่นๆ ที่อยู่ที่นั่นค่ะ เพราะเราไม่มีรุ่นพี่คุมที่นั่น เราก็ควรรู้จักทำตัวนอบน้อมกับรุ่นพี่คณะอื่นๆ ค่ะ เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้วที่ผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่  ซึ่งเราก็เห็นว่าโอเคกับการว้ากของรุ่นพี่ เพราะมันมีเหตุผลที่รับฟังได้จริง 

แต่เรารู้สึกจะโดนลงว้ากหนักตอนช่วงปลดระเบียบค่ะ อันนี้ยอมรับว่าหนักจริง แต่คือทุกอย่างมันก็ทำร่วมกันกับเพื่อนค่ะ เสียสละเพื่อกันและกัน แล้วที่จำได้ ตอนนั้นพวกพี่ว้ากจะนำผ้ามาผูกปิดตารุ่นน้อง ซึ่งพีเขาก็ถามนะคะว่าแน่นไปรึเปล่า ทำนองนี้น่ะค่ะ จากนั้นก็จะให้จับมือกับเพื่อนเดินเรียงกัน แล้วพี่ก็จะคอยกระชากมือบ้าง หรือเอาพวกใบไม้กิ่งไม้มาแหย่บ้าง ให้เดินซิกแซกบ้าง เอามือมาขวางทางเดินบ้าง (จำได้ว่าตอนนั้นเผลอเตะพี่ไปเหมือนกันค่ะ เพราะมองไม่เห็น --*) แล้วก็จะว้ากว่าเพื่อนล้มทำไมไม่ช่วยเพื่อน ถามเพื่อนคุณด้วยนะว่าไหวรึเปล่า บอกเพื่อนด้วยนะว่าข้างหน้ามีอะไร ต้องระวังอะไร  แล้วสุดท้ายก็เดินขึ้นบันไดมายืนเรียงแถว พี่ก็จะให้นั่งลงแล้วปล่อยมือเพื่อน แล้วก็แก้ผ้าปิดตาออก จะเห็นรุ่นพี่นั่งรอเราอยู่พร้อมเทียนกับสายสินจญ์ค่ะ พี่ก็จะผูกข้อไม้ข้อมือให้น้องแล้วก็ฝากให้เราดูแลเอกที่เราอยู่ต่อไปให้ดี  แล้วก็สรุปรวมกิจกรรมว่าทีให้จับมือกันแล้วทำแบบนั้น เพื่อให้น้องรู้จักว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามปล่อยมือจากเพื่อนเด็ดขาด ต่อให้ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน แต่เวลาที่มีปัญหาก็ต้องรู้จักช่วยเหลือเพื่อน เวลาเพื่อนล้ม มือที่เราจับเพื่อนอยู่ก็ต้องคอยฉุดรั้งประคองเพื่อนขึ้นมา และรักเพื่อนให้มากๆ ซึ่งเราว่ามันเป็นกิจกรรมที่เราประทับใจมากเลยนะคะ อาจเป็นข้อมือตอนโดนกระชากบ้าง แต่ฟังเหตุผลแล้วน้ำตามันจะไหลค่ะ

ซึ่งเราคิด่าจากการที่เราผ่านประสบการณ์รับน้องมา มันไม่ใช่ว่ามีแต่ข้อเสียนะคะ จริงว่ามันอาจจะเสียตรงที่เสียงดังน่ารำคาญบ้าง แต่มองในมุมกลับคือมันได้อะไรมาเยอะมาก จากคนหยิ่งไม่เอาเพื่อนแบบเรา มันก็ทำให้เรารักเพื่อนได้นะคะ  จริงๆ ถ้ารู้สึกว่ามันไม่ได้แย่หรือร้ายแรงมากขนาดนั้น ลองเปิดใจยอมรับดูค่ะ เพราะเราคิดว่ามันได้มากกว่าเสียแน่ๆ  อย่างเราเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง รุ่นพี่ก็ถาม ก็ตอบไปตามเหตุผลที่จะหามาอ้างได้  เขาก็แค่ว่านิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะ ยังคุยกับรุ่นพี่ได้เหมือนเดิม  กับเพื่อนก็ไม่เห็นจะมีใครแอนตี้เรานะคะ (หรืออาจจะมีแต่เราไม่รู้) เราว่ามันก็โอเคเลยล่ะ   


ส่วนอันนี้ขอฝากให้พี่ว้ากแล้วกันนะคะ :)

เข้าใจเหตุผลค่ะว่าบางคนทำเพื่อหน้าที่ เข้าใจว่าพวกคุณรักรุ่นน้องมากเหมือนกัน เข้าใจกับคำว่ารุ่นน้องจะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับการว้ากการสอนของพี่ว้ากค่ะ  แต่การว้ากของพวกคุณต้องสมเหตุสมผลด้วยนะคะ ไม่ใช่สักแต่จะว้าก  แล้วในส่วนนี้เราขอตำหนิพี่ว้ากที่ไม่ดีแล้วกันนะคะ  ใครที่ดีอยู่แล้วก็รักษาระดับของพวกคุณไว้ อย่าให้ตนเองหลงระเริงไปกับอำนาจของการเป็นว้ากนะคะ พอหมดว้ากแล้ว เชื่อว่าน้องจะเข้าใจเหตุผลและการกระทำของพวกคุณที่ดีๆ นะคะ ^^

- พวกพี่ว้ากประเภทว่าเพื่อนที่ไม่มารับน้องเป็นพวกเห็นแก่ตัว ไม่ต้องไปสนใจ หรือยุแหย่ทำให้เกิดการเกลียดชังเพื่อน เราว่าเป็นพี่ว้ากที่ไม่ได้เรื่องเลยนะคะ พี่ว้ากที่เป็นพี่ว้ากจริงๆ เราว่าเขาต้องสอนให้รักเพื่อนนะคะ เพราะอย่างของเรา พี่ว้ากจะบอกเสมอว่าให้เห็นเพื่อนสำคัญกว่ารุ่นพี่ คุณจะไม่ชอบรุ่นพี่ไม่เป็นไร แต่กับเพื่อน ต่อให้เข้าร่วมรับน้องหรือไม่ คุณก็ต้องรักเพื่อนไว้ ยังไงก็ให้เลือกเพื่อน เพราะเป็นรุ่นเดียวกันที่ต้องเรียนและจบไปด้วยกัน
- พวกที่ว้ากประเภทถ้าทนไม่ได้ก็ลาออกไป อันนี้เราว่าก็แย่เหมือนกันค่ะ คือน้องเค้าสอบเข้ามาด้วยความยากลำบาก แข่งขันกับคนมาเยอะแยะกว่าจะได้มาอยู่ตรงจุดนี้ แต่คุณกลับไปไล่ตะเพิดเค้า มันไม่สมควรค่ะ ต่อให้บอกว่าการพูดเพื่อสร้างความกดดันให้รุ่นน้อง ให้รู้จักอดทนกับคำพูดแค่นี้  แต่คำพูดอื่นที่เหมาะสมกว่านี้ก็มีนะคะ คนเรามีภาวะจิตใจไม่เหมือนกัน บางคนก็รับได้กับคำนี้ บางคนก็รับไม่ได้นะคะ (และการรับได้กับคำพูดที่ว่า 'แค่นี้ทนไม่ได้ก็ลาออกไป' เราว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องความอดทนค่ะ)
- พวกที่ว้ากแบบไม่มีเหตุผล อยากจะว้ากก็ว้าก ต้องการโชว์พาวหรืออวดเบ่งอะไรพวกนี้ ก็แย่อีกนั่นแหละค่ะ ไม่รู้เป็นเหมือนกันไหมนะคะ แต่ของที่นี่พอลงว้าก ช่วงใกล้หมดเวลาพี่ว้ากก็จะสรุปเหตุผลที่ต้องลงว้ากในแต่ละเรื่องค่ะ   



;) จากใจคนที่ผ่านการรับน้องมาในแบบที่พิมพ์ไปแหละค่ะ 




0
kidzkung 15 ส.ค. 57 เวลา 13:34 น. 148

มันแล้วแต่คนนะครับผมมองว่าการรับน้องไม่ได้ดีแค่การมีเพื่อนเพียงอย่างเดียว พี่ว้าก นั้นอันที่จริงคุณอาจจะมองว่าไร้สาระ พี่ว้าก บางคนอาจจะไม่รู้ว่าเขาทำไปเพืออะไร แค่ทำตามรุ่นก่อนๆ แต่อันที่จริงแล้วการทำแบบนั้นจะเป็นประโยชน์ของรุ่นน้องครับ เวลาคุณไปทำงานคุณอาจจะได้รับแรงกดดันแบบนี้ในสังคมการทำงานก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นการมีพี่ว้าก ผมจะมองในแง่ดีว่า เป็นการฝึกรับแรงกดดันในสังคมอย่างหนึ่ง บางทีอาจจะหนักไปบ้าง แต่ลองนึกถ้าในชีวิตจริงคุณหนีเหมือนตอนรับน้อง ก็เท่ากับคุณเเพ้แรงกดดันนั้น
ผมก็พึ่งได้รู้จุดประสงค์จากอาจารย์ท่านหนึ่งที่เขาเคยเป็นพี่ว้ากมาก่อนตอนสมัยเรียน ท่านได้บอกไว้ ประโยชน์จากการว้าก มีข้อดีตรงนั้น แล้วแต่จะคิดนะครับ อย่าด่าผมล่ะ อย่าถามผมเพิ่มเติมขอให้คุณคิดเอาเอง โตแล้วครับ หากไม่พอใจที่ผมบอกผมขอโทษไว้ก่อนละกัน(ผมเป็นคนหนึ่งนะที่เข้ารับน้องทุกวันโดยไม่รู้เหตุผล)

0
แสนไกร 15 ส.ค. 57 เวลา 13:40 น. 149

ผมบอกตรงๆๆเลยนะรุ่นพี่แบบนั้นน้องไม่ต้องสนใจเวลามีงานกลุ่มเราค่อยเดินหาเพื่อนๆๆรับรองน้องจะผ่านไปได้แน่นอนเยี่ยมจากพี่ชายครนึง

0
P.Mint T.K. 15 ส.ค. 57 เวลา 13:56 น. 150

คห. 9-5 เราเข้านะ ไม่ใช่ไม่เข้า เข้าใจไรผิดป่ะ
แต่บางทีมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยในชีวิตนะ แล้วเราจะเสียเวลาทำไมคะ?
แล้วเราบอกเหรอว่าไม่มีเพื่อนไม่เป็นไร ไปอ่านดูดีๆนะคะ เราบอกว่า รู้จักเพื่อนช้า นี่คือเราจะไม่มีเพื่อน?
เราก็มีเพื่อนที่ไม่เข้าเหมือนกัน แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ สนิทด้วย
คิดว่ารับน้องมันเป็นอย่างเดียวที่ทำให้เรารู้จักตัวตนของกันและกันหรอคะ?
คิดว่า 4 ปีที่เรียนด้วยกันจะไม่รู้จักตัวตนของเราหรอคะ?
ตอน ม.4 เธอรับน้องมั้ย ม.1 ล่ะรับมั้ย แล้วเธอมีเพื่อนมั้ย มี? ไม่มี?

มาว่าเราไม่รู้จักโต หัดอ่านอะไรให้มันเข้าหัวบ้างนะคะ
แล้วก็อ่านให้จบ ไม่ใช่ 3 บรรทัดแรกแล้วเลิกอ่าน
แล้วเราคิดแต่เรื่องตัวเองตอนไหน
เธอไม่ได้หวังดีเลยนะคะ เธอแค่เข้ามาแก้ต่างให้ + ด่าแบบอ้อมๆ สุภาพๆ เนียนๆ เท่านั้นเองนะ
อีกอย่าง สันทนาการบริษัทไหนเป็นแบบนี้ค่ะ ส่วนใหญ่เค้าก็ให้ไปฟังอบรมนะ เพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน โตๆกันแล้วต้องทำกิจกรรมแบบนี้ด้วยหรอ บริษัทต้องการคนทีีมีประสิทธิภาพอยู่แล้วนะคะ ไม่ใช่ให้บริษัทมาสอนให้ตั้งแต่แรก คิดค่ะ คิดหน่อย
เชอะ

0
P.Mint T.K. 15 ส.ค. 57 เวลา 14:11 น. 152

งานกลุ่ม โปรเจ็คใหญ่ มันต้องมีเศษแน่ๆ ไปตามหาคนเหล่านั้นแล้วมาทำด้วยกันก็ได้นะ

เราไม่เข้า เพราะ ขี้เกียจ เน้นๆ 
และไม่อยากเสี่ยงเวลาเจอพี่ว้ากแล้วเดินออกมาไม่ได้ หรือถ้าออกได้ มันเสียเวลา ค่ารถอีก
โชคดีที่พี่เราดีมาก น่ารักดี (เท่าที่มาวันนั้นอ่ะ) ไม่มีปัญหา
เราจับสายพี่ไปวันปฐม มีพี่เทคแล้ว ไม่มีปัญหา
เพื่อนมีแล้วโอเค มีทั้งในและนอกคณะ สาขาต่างกัน เดียวกันก็มี ไม่มีปัญหา
ดังนั้นเราคงไม่เข้ารับน้องและประชุมเชียร์ (เพราะขี้เกียจ)
แต่เข้างานอื่น ไม่ต้องห่วง จะเลือกเฉพาะที่มีประโยชน์ต่อตัวเอง (อันนี้อาจารย์ที่ ม. คนไหนไม่รู้ซักคนบอกมา)

ค่อยๆหาเพื่อนนะ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเครียด
เราเข้าเรายังหาเพื่อนไม่ค่อยได้เลย (ไม่ได้หมายความว่าไม่มีนะ เดี๋ยวคนตาถั่วคนนั้นจะหาว่าเราพูดว่าไม่มีเพื่อนไม่เป็นไรอีก เจาะจงถึงคนคนเดียว)
ถ้าหาไม่ได้ เพื่อนต่างคณะโลดจ้าาาา หรือต่างสาขา ต่างภาค 
เราล่ะชอบเวลาเจอเพื่อนคนละแนว คนละคณะ สนุกดี คห.มันหลายทาง ชอบ
นี่มันเพิ่งต้นเทอม กลางๆเทอมเดี๋ยวรู้เลย 5555 บางทีเพื่อนอาจจะเยอะจนจำหน้าไม่หมดก็ได้ อย่าเครียดๆ สู้ๆ


ปล.เราแก้ไขสีน้า จะเน้นสี

0
P.Mint T.K. 15 ส.ค. 57 เวลา 14:16 น. 153

พอมาอ่านแล้วรู้สึกว่า เรานี่แมร่งงงง เอาประโยชน์ก่อนตลอดเลยว่ะ 5555
เลวเนอะ แต่เราพอใจในแบบนี้ ดังนั้นโอเค
เพื่อนจ๋า ถ้าเกิดเธอมาเจอเราในนี้ บอกเลยว่า เราไม่ได้สนิทกับเธอเพราะผลประโยชน์นะ
เราแค่เข้ากับเธอได้ดีเลยเป็นเพื่อนกัน รักนะจุ้บๆ ♥♥♥
ใครมันจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายมีนิสัยยังไงจนกว่าเราจะรู้จักกันจริงๆจังๆ เนอะๆๆ

0
pppp 15 ส.ค. 57 เวลา 14:35 น. 154

การเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ พี่ๆ หรือการเข้าห้องเชียร์ มีประโยชน์หลายอย่าง
1 ทำให้เรารู้จักการทำงานเป็นทีม เพราะหากเราเรียนจบแล้วมาทำงาน เราก็ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นอยู่แล้ว การทำกิจกรรมจะช่วยสอนให้เรารู้จักเข้ากับคนอื่นได้ง่าย
2 ทำให้เรารู้จักการเสียสละเพื่อส่วนรวม มากกว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ในเมื่อคนอื่นเขามาได้ คุณก็ต้องมาได้
3 สอนให้เราเป็นคนมีระเบียบวินัยในตนเอง ถ้าเราจบไปทำงาน เริ่มงานแปดโมงเราจะโดดงานเหมือนโดดห้องเชียร์ ไม่ได้
4 ทำให้สามารถรู้จักเพื่อนๆ พี่ๆได้เร็วขึ้น เนื่องจากคณะที่เราเรียนไม่ได้เรียนกันแค่ คนสองคน บางคณะมีเป็นร้อย หรือหลายร้อยคน แต่การเข้าห้องเชียร์จะทำให้เรารู้จักกันเร็วมาก
5 ทำให้มีความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คอยช่วยเหลือกันตอนเรียน ถ้าเพือ่นเรียนไม่ไหวเราต้องช่วยเพื่อน
6 ช่วยลดอีโก้ของเรา ไม่แบ่งแยก คนรวยคนจน บางคนหยิ่งๆเข้ามานิสัยเปลี่ยนไปเลยก็มี
7 รู้จักเคารพรุ่นพี่ เพราะรุ่นพี่ช่วยเราได้เยอะมาก คอยให้คำปรึกษา ให้หนังสือ พาไปเลี้ยง และอื่นๆ ตอนใกล้จบก็มีช่วยหางานให้ด้วย คือถ้าได้พี่ดีก็สบายไปเลยล่ะ
เห็นแบบนี้แล้ว พี่คิดว่าเราควรเข้าห้องเชียร์นะ แต่ถ้าน้องคิดว่า ไม่จำเป็นก็ ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมาก ซึ่งการรับน้องที่ดีนั้นควรอยู่ในหลักเหตุผลที่ดี ไม่ใช่ว้ากมั่วทั่วไร้แก่นสาร อันนี้ก็ไม่ไหว ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร ต่างคนต่างความคิด แล้วแต่มุมมองของเราเองดีกว่า
0
recnal 15 ส.ค. 57 เวลา 14:40 น. 155

หัวหน้าไม่พอใจ เพราะ "งาน" เมื่อเค้าด่า ย่อมมีการชี้แจง และที่ด่าเพราะ ผลประโยชน์ของบริษัท ซึ่งที่เค้าด่าก็เป๋นหน้าที่ที่เรา "รับผิดชอบ"

ส่วนมากทนกันได้ครับ ถ้า "ผลประโยชน์มันคุ้ม" กับการอดทนต่อความไร้เหตุผลครับ และที่ไม่ทนก็ไม่ใช่ความผิด หัวหน้าที่ดี ต้องมีพระเดชและพระคุณ ต้องใช้อำนาจให้ถูก ตอนไหนควรแรง ตอนไหนควรเบา ตามที่คุณ 56-2 กล่าว ถ้ามาแบบพี่ว้าก คุณก็ไม่สามารถรักษาบุคลากรได้ สุดท้ายที่เสียคือหัวหน้าครับ ไม่ใช่ลูกน้อง เค้าแค่ออกไปหางานใหม่แค่นั้น ประกันสังคมก็มีรายได้ชดเชยว่างงานให้ด้วย งานสมัยนี้ไม่ได้หายากหรอกครับ มีฝีมือหาไม่ยากหรอก แต่บริษัทการหาพนงใหม่มา แล้วเทรนใหม่ เสียทั้งเวลาและเงินครับ

เอาจริงๆนะที่ว้ากๆ กัน ตอนว้ากมันไม่เคยสัมผัสการต้องเป็นลูกจ้างหรือนายจ้าง มันถึงได้พูดกันได้ทั้งนั้น อ้างอิงแต่เรื่องตื้นๆ คิดว่าหัวหน้าด่า เหมือนพี่ว้ากด่าจริงๆเหรอ?

0
เมพกิงๆ 15 ส.ค. 57 เวลา 14:43 น. 157

ถุย -ฟาย ผมก็ไม่เคยรับน้องว่ะ ทำไมงานการก้าวหน้าวะ อย่าเอาเรื่องงานมาอ้างเลย-น้อง กากตดว่ะความคิดนี้ กุเห็นคนที่คิดโง่ๆงี้ก็-พวกเด็กน้อยที่ฝักใฝ่ระบบโซตัสเท่านั้นแหละ ตัวผม ลูกพี่ผม เงินเดือนเป็นแสน ไม่เคยต้องมารับน้องบ้าบอคอแตกโซตัสโซ-ไรพวกนี้เลย

0
หวังดีจริงๆ 15 ส.ค. 57 เวลา 15:17 น. 158

แน่ใจหรอคะว่าเสียเวลา และการรับน้องไม่มีประโยชน์... การรับน้องเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทำให้รุ่นพี่รู้จักกับรุ่นน้อง มีการช่วยเหลือกัน มีเพื่อนมากขึ้น ไม่มีศัตรู ไม่มีความรู้สึกข้องใจกับเพื่อนร่วมห้องเดียวกัน การทำกิจกรรมเป็นเรื่องที่ดี

การเถียงแบบข้างๆคูๆ ต้องการเอาตัวชนะ นี่ก็ยังไม่จบนะคะ เปิดใจหน่อยคะ เลิกคิดได้ไหม ว่าการรับน้องไม่มีประโยชน์เสียเวลา คุณใช้เวลาแค่ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ อย่างมากก็อาทิตย์นึงบางงมหาลัย มันมากไปหรอคะ เวลาของคุณมีค่ามากหรอคะ ถึงสละแค่เรื่องแค่นี้ไม่ได้

บางคนตอนขึ้นปีสอง ดีใจด้วยซ้ำที่จะได้เจอน้องใหม่ เพราะเขาจะได้รู้ว่า อ่าาเป็นพี่ละนะปีนี้ ต้องรับผิดชอบเรื่องเรียนมากขึ้น ต้องช่วยเหลือน้องๆ ต้องแนะแนวน้องๆที่พึ่งเข้ามา มีกิจกรรมร่วมกันไม่ดีตรงไหน เสียเวลาตรงไหน คุณคงไม่ค่อยมีใครคบ แล้วก็ชอบมองคนอื่นในแง่ร้าย ไม่ก็คิดว่าตัวเองมีข้อดี เดี๋ยวก็มีคนมาคบเองคะ เชื่อแล้วคะ คิดดีๆนะคะ ก่อนจะพูดอะไร คิดลบไม่ดีคะ หันมาคิดบวกนะคะ

0
นั้นแหละ 15 ส.ค. 57 เวลา 15:27 น. 159

เรากับเพื่อนประมาน แปดคน ไม่เข้าประชุมเชียร์

จน ณ บัดนี้อยู่มา4ปีแล้ว ก็ไม่เห็นเป็นไร

พวกรุ่นพี่บางคนก็ต้องมีมั้งแหละที่ไม่ทำกิจกรรม

อย่าไปแคร์ สู้สู้

0
ไม่ชอบกิจกรรมจ้า 15 ส.ค. 57 เวลา 15:47 น. 160

ยาวหน่อยนะ ไม่รู้สิ เราเรียนมาสองมหาลัยแล้ว มหาลัยแรกเราก็ไม่เข้ารับน้อง ซึ่งระบบรับน้องไม่ค่อยงี่เง่าบ้าอำนาจเท่าไหร่ แต่อีกมหาลัยนี่สิ อื้อหืมมมมมม รับน้องอย่างงี่เง่าบ้าอำนาจ เราก็ไม่เข้าเลยสักวัน ผลจากการกระทำของเราทั้งสองมหาลัย เรามีเพื่อนมีรุ่นพี่คบและรักกันปกตินะคะ เราว่ามันไม่น่าเกี่ยวนะคะ ว่าการที่เราไม่ทำกิจกรรมจะโดนแบน มันน่าจะอยู่ที่ตัวบุคคล ตัวเรา ตัวเพื่อน ตัวรุ่นพี่ด้วยมากกว่า เราเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่าย เพื่อนๆก็รักเรา<ไม่ได้หลงตัวเองนะ> ถึงเราไม่เข้ากิจกรรมมันก็ยังรักเรานะ รุ่นพี่ก็ไม่มีใครมีอคติกับเราเพราะเราไม่เข้ากิจกรรมนะ เราเข้าหาคนอื่นง่าย คนอื่นยอมรับเรา ก็โอเคนะคะ คนมีสติปัญญาเค้าคงไม่เลือกคบคนเพราะเข้าหรือไม่เข้ากิจกรรมหรอกมั้งเนอะ ถ้าไม่มีใครเข้าหาเราเพราะเค้าไม่รู้จักเราหรือเปล่า เราก็ลองเปลี่ยนเป็นพยายามเข้าหาคนอื่นสิ อีกอย่างคนทั้งมหาลัยไม่ใช่เด็กกิจกรรมทุกคนหรอกจ้า สู้ๆนะ :D มหาลัยแรกเราเป็นกึ่งเอกชน อันที่สองไม่ใช่จ้า รักเลย

0