ใครบ้างที่พ่อแม่หวงมากๆเลยบ้างคะ???
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
27 ความคิดเห็น
คิดว่าเราคงคล้ายๆค่ะ อายุ13แต่ข้ามถนนและขึ้นรถไฟฟ้าตัวคนเดียวไม่เป็น
ไม่รู้สิครับ แต่เวลาไปไหนพ่อแม่ผมต้องไปรับไปส่งเสมอ = =''
เวลาทำงานกลุ่มหรืองานอะไรก็ตามที่มีแววว่าจะนอนค้าง แม่จะให้ยกโขยงมาทำที่บ้าน ถ้าจะได้ค้าง ทุกคนจะได้ค้างบ้านผม
รู้สึกว่าไม่ค่อยหวงเท่าไหร่
แล้วพ่อของเพื่อนไม่ห่วงเลยเหรอ นั่งรถแท็กซี่คนเดียวค่ำๆมืดๆ
คิดเหมือนกันค่ะ เป็นห่วงและสงสารเพื่อนมาก
วิธีนี้พ่อของ จขกท.ก็ทำค่ะ แต่เฉพาะช่วงม.ต้นโตขึ้นมาหน่อยเขาก็เริ่มปล่อยแล้ว อย่างนี้ไม่หวงมากเกินไป
ของเราก็เข้าขั้นหวง (มาก) เหมือนกันค่ะ
โทรศัพท์คุยกับใครจะต้องมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยตลอดค่ะ ถ้าไม่อยู่ฟังแต่แรก เห็นเราโทรศัพท์ก็ตามมาฟังอยู่ดี ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม...(ขนาดมีแต่เพื่อนผู้หญิงด้วยกันทั้งนั้น)
ห้องนอนไม่ได้แยกค่ะ อยู่รวมกับคุณแม่ เปิดคอมฯเปิดอะไรรับรู้กัน เคยขอแยกหลายครั้งแล้ว ดราม่ากันเลยทีเดียว ขนาดแค่จะย้ายไปอยู่อีกชั้น ถึงขั้นเหมือนกับเราจะย้ายไปอยู่คอนโดเลยแหละค่ะ สุดท้ายเราก็พ่าย อยู่เหมือนเดิม ฮา
ไปไหนเราไปกับครอบครัวตลอดค่ะ ที่บ้านไปรับ-ส่งเสมอตั้งแต่อนุบาลยันจบมหา'ลัย เคยมีนั่งรถเมล์เองแค่ไม่กี่เที่ยวตอนมัธยม เพราะตอนนั้นพี่ชายไปส่ง ถ้าตัวคนเดียวนี่รถส่วนตัวเท่านั้นค่ะ อุตส่าห์ไปเรียนขับรถ สุดท้ายก็ไม่ยอมให้ขับไปไหนเองค่ะ ต้องไปส่งอยู่ดี
นั่งแท๊กซี่เองคนเดียวเคยมีตอนที่รถเสีย (คือถ้าไม่เสียนี่ไม่มีโอกาส 555+) ก่อนขึ้นรถ ระหว่างเดินทางต้องโทรรายงานตลอด ตอนนี้ดีขึ้นหน่อย ไปเที่ยวกับเพื่อนได้ แต่ต้องให้ไปส่งถึงบ้านเพื่อน ค้างบ้านเพื่อนได้ แต่เฉพาะเพื่อนคนนี้เท่านั้นเพราะรู้ว่าบ้านอยู่ไหนและไม่พาไปเกเร ซึ่งเหตุการณ์อิสระนี้เกิดหลังจากเรียบจบแล้วค่ะ กร๊าก ก่อนหน้านั้นไม่มีได้แว่บไหนเลย เพื่อนแทบจะเลิกคบหมดแล้ว ชวนไปไหนไปไม่ได้ T_T
ปล. : ตอนมหา'ลัยบ้านเราก็ไกลจากที่เรียนค่ะ ไปกลับเกือบ 80 กิโลได้ แถมบางวันเรียนไม่กี่ชั่วโมง คือคุณแม่ก็เลยจอดรถรอรับด้วยเลย เลิกเรียนปุ๊บกระโดดขึ้นรถเท่านั้น (ห้ามแว่บ อิอิ) ^_^
ปลล. : ผิดบอร์ดนะคะ
โอโฮ้ หวงมากกกกกก จริงๆ 55555555
คือตัวผมก็มีน้องนะ ตอนเขาเด็กๆ ผมข้านข้างประคบประงมพอสมควร เป็นห่วง กลัวนั่น นี่ โน่น ซึ่งผมว่ายิ่งห่วงมากยิ่งปล่อยยากครับ และมันทำให้น้องไม่โตสักที ทำอะไรก็ไม่เป็น ก็เลยต้องปล่อยๆ บ้างๆ ให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง อะไรที่มันไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยเตือน ผมว่าการที่เราไปจัดการชีวิตเขาทั้งหมด มันไม่เกิดผลดีเท่าไหร่ เพราะเราเองก็ไมไ่ด้อยู่กับเขาตลอดเวลา ปล่อยให้เขาหาประสบการณืเอง แก้ไขปัญหาเอง ต่อไปต้องไปอยู่ร่วมกันคนหมู่มากในสังคมจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องหาปรับตัว
ของเราค่อนข้างปล่อยค่ะ ไปเที่ยวกับเพื่อนได้อะไรได้เลย แต่ต้องโทรรายงานก่อน แล้วถ้าบอกว่าจะกลับเวลานี้คือต้องตามนั้นจริงๆ ไม่งั้นครั้งต่อไปจะไม่อนุญาตอีก พ่อบอกว่าต้องหัดให้เราเคยชินกับการมีอิสระไว้บ้าง กลัวว่าถ้าหวงมากไป ขังลูกเป็นนกน้อยในกรงทองมากไป วันนึงถ้าจำเป็นต้องปล่อยเราไปอยู่ในโลกตามลำพังจริงๆ เช่น เวลาเข้ามหาลัยเกิดไปแอดติดต่างจังหวัดและอยู่หอคนเดียวขึ้นมา ถ้าเราไม่เคยได้ทำตามใจตัวเองบ้างเลย พ่อกลัวเราจะเก็บกด แล้วพอถึงเวลานั้นเราจะเหลิงกับอิสระที่เพิ่งเคยได้รับ แล้วเตลิดออกนอกลู่นอกทางไปเลย
เดิมตอนประถม คุณพ่อคุณแม่ก็ห่วงมากค่ะ
แต่พอมอต้นไปเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษจนตอนนี้เรียนแพทย์แล้ว
คุณพ่อคุณแม่ก็ห่วงน้อยลงค่ะ เพราะพวกท่านไปเห็นเราลุยขึ้นรถลงเรือเองเวลาไปสอบสัมภาษณ์
แบบครั้งแรกเจอสอบสัมภาษณ์เสร็จสาย เลยกระหืดกระหอบวิ่งไปโหนรถเมล์ แล้วไปสถานีรถไฟ พอไปถึงรถไฟกลับดีเลย์สี่สิบห้านาที พอไปถึงลอนดอน ก็ต้องเปลี่ยนสถานีอีก เพราะเมืองเราต้องไปขึ้นอีกที่ พอตอนกำลังลงบันไดสถานี รถไฟออกเลยค่ะ... เห็นกับตาเลย ตอนนั้นหน้าเราเเบบเฟลล์มาก
สุดท้ายกลับถึงสถานีเมืองเราตอนประมาณสี่ทุ่ม แบบเขาปิดไฟมืดบางส่วนแล้วอ่ะค่ะ ไม่มีใครอยู่เลย มีคนแบกเป้นอนอยู่คนเดียว เราก็ขึ้นแท็กซี่กลับหอถึงตอนห้าทุ่มกว่าๆอ่ะค่ะ ตอนนั้นเราอายุสิบเจ็ด
พอวันต่อมา เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็เริ่มวางใจมากขึ้นเยอะค่ะ หลังจากนั้น ไปสัมภาษณ์มหาลัยอื่น เจอน้ำท่วม รถไฟออกไม่ได้บ้าง เจอ tube strike บ้างอะไรบ้าง แบบอุปสรรคเยอะอ่ะค่ะ ไม่มีคนรู้จักอยู่ที่อังกฤษด้วย ต้องช่วยตัวเองตลอด พอผ่านมาได้ พ่อกับแม่ก็เลยวางใจ แล้วก็ปล่อยให้เราไปเที่ยว backpack กับเพื่อนเองที่ไต้หวันน่ะค่ะ (ซึ่งก็เป็นประเทศที่ปลอดภัยมากๆ พวกท่านเลยปล่อยไป)
น่าแปลกดีครับ คือถ้าหวงขนาดว่าไม่ให้อยู่หอ อยากให้อยู่ในสายตาตลอดภายใน 20ชม. แบบนี้ ไม่น่าให้ลูกนั่งแท็กซี่ยามวิกาลคนเดียวเลยนะ อย่างต่ำที่สุดน่าจะหาคนขับรถมารับส่งให้เป็นขาประจำ หรือว่าเขาจ้างแท็กซี่ประจำไว้?
...
ผมว่าหวงมากเกินไปมันก็...นะ แลดูไม่มีอิสระในชีวิต จริงอยู่ว่าพ่อแม่ให้ชีวิตเรามา
แต่บางทีก็ควรเคารพสิทธิของความเป็นบุคคลของลูกบ้างนะ
เว้นแต่ว่าคุณลูกพอใจกับการประคบประหงมแบบนี้แล้ว ก็ถือว่าดีไป วิน-วิน
อย่างไรก็ดี มันเป็นเรื่องของครอบครัว คนนอกอย่างเราคงเข้าไปยุ่มย่ามลำบาก
ได้แต่รอให้ถึงเวลาที่ตัวผู้ปกครองมีความคิดที่จะปล่อยลูกนกในกรงให้บินสู่โลกกว้างมาถึงแล้วกัน อาจจะต้องรอถึงวันแต่งงาน หรือวันที่ท่านไม่อยู่แล้วก็เป็นได้
ถ้าเป็นอย่างหลังก็คงเข้าข่ายเรื่องเล่า พ่อแม่รังแกฉัน...
คิดแล้วก็เศร้านะครับ ถือซะว่าเป็นพรหมลิขิตแล้วกัน
ของเรา ไม่รู้ค่ะ แต่เราบอก พ่อแม่ว่า "หนูยังเดินไปหน้าปากซอยคนเดียวไม่ได้เลย ถ้าเจอหมาคงวิ่งเผ่นแน่บป่าราบแน่ๆ " ... #จากนั้นก็กินจุดทั้งบ้าน 555 T^T ถถถถ //กัดผ้าเช็ดหน้า สิบสี่แล้วค่ะสิบสี่
เรา 15 ยังข้ามถนนคนเดียวไม่เป็นเลยค่ะ แม่พาข้ามตลอด ถ้าอยู่กับเพื่อนเพื่อนจูงมือพาข้ามตลอด (มันบอกเห็นเราเอ๋อร์อยู่ริมถนนเสียวจะโดนรถชน) ถ้าอยู่คนเดียว ก็จะยืนรอจนกว่าจะมีคนอื่นข้ามแล้วเดินตาม ...
ตัวเราเองพ่อแม่ไม่หวงขนาดนั้นค่ะ กำลังพอดี เราว่าเราเข้าข่ายเกรงใจพ่อแม่มากกว่าเพราะเวลาจะไปไหนท่านก็จะไปส่ง(แต่มักให้กลับเอง)เสมอ5555
แต่มีเพื่อน(เคย)สนิทอยู่คนนึงค่ะ พ่อแม่หวงมาก ทำงานบ้านเพื่อนก็ไม่ให้ไป อยู่ทำงานกลุ่มไม่ให้อยู่ ไปเที่ยวห้างกับเพื่อนๆไม่ให้ไป เข้าค่ายของโรงเรียนยังเคยห้ามจนพวกแม่ๆต้องมาช่วยพูด ห้ามทุกสิ่งอย่าง มองลูกตัวเองประหนึ่งเป็นนางฟ้า ซึ่งก็เรื่องปกติของคนเป็นพ่อแม่นั่นล่ะ แต่ความจริงแล้ว...(เราคิดว่า)ด้วยความที่หวงเกินเหตุทำให้ ณ ปัจจุบันเธอคนนี้ห่างกับคำว่า 'นางฟ้า' พอสมควร ทั้งเรื่องผู้ชายเรื่องอะไรนี่ โห มากันให้พรึ่มค่ะ เราที่เป็นเพื่อนชีมาตั้งแต่เด็กๆกับเพื่อนๆอีกหลายคนได้เคยตักเตือนมาตลอดหลายปีแต่ไม่เป็นผล จนตอนนี้รวมใจกันถอยห่างออกมาหมดแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าเธอคนนั้นจะยังรักษาอนาคตที่สดใสไว้ได้อยู่
...และเรากับเพื่อนๆค่อนข้างมั่นใจว่านี่เป็นผลจากการหวงลูกในทางที่ผิดค่ะ ประมาณว่ายิ่งห้ามยิ่งยุน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าข้อสันนิษฐานนี้จะถูกไหม หรือเป็นแบบนี้ด้วยเนื้อแท้ของเธอเองก็ไม่อาจทราบได้ เพราะนี่ก็ไม่อยากจะโทษความเป็นห่วงของพ่อแม่เธอเหมือนกัน
ไม่รู้นะ แต่ปกติ ถ้ามีกิจกรรมค่ำๆแบบนี้ มอเรา เขาจะมีรถตู้ รถทัวร์คอยบริการส่งอ่ะ คือจะส่งตามคิวมัน เช่นลงเซ็นทรัล อนุสาวรีย์ เดอะ มอลล์ แต่นี่งงมากเลย ทำไมมหาลัยนี้ถึงไม่มีอ่ะคะ คือถ้าเป็นรุ่นพี่จัด เขาก็ต้องติดต่อทางมหาลัย หรือทางรถตู้ให้ หรือกลับพร้อมกับรุ่นพี่ แล้วทำไมถึงเลือกนั่งแท๊กซี่ล่ะ ค่ำมืดอย่างนี้ น่าจะนั่งรถสาธารณะอื่นๆมากกว่า แล้วเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องในครอบครัวค่ะ แนะนำได้เพียงว่า ให้เพื่อนน้องไปคุยกับพ่อแม่เขาเอง ถ้าไม่กล้าก็อยู่อย่างนี้แหละ คือโตแล้ว มันมีเหตุผลแล้ว ต่อให้หวงยังไง พ่อแม่ก็ต้องเข้าใจ แต่มีิอีกอย่างที่พ่อแม่ไม่ยอมให้นอนหอคือ... เพื่อนน้องเคยทำอะไรให้พ่อแม่ไม่เชื่อใจมาก่อนหรือเปล่า อันนี้พี่แค่คาดเดานะคะ ไม่ก็ แจ้งที่กิจกรรมว่าต้องเดินทางไกล ไม่สะดวกทำในบางกิจกรรม หรือทำแบ้ว ขอตัวกลับก่อน เพราะจริงๆในมหาลัยไม่ได้บังคับทำกิจกรรมคะ ถ้าบังคับก็คือจะอยู่ช่วงเวลาเรียนมากกว่า
หวงมากก ไปไหนไม่ให้ไปต้องขอเป็นวันๆเหมือนกันทั้งๆที่จะไปใกล้ๆบ้าน. ไม่ชอบให้คบเพื่อนต่างเพศอีก
เรื่องแบบนี้มันก็พูดยากเน้อ~ คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ก็คงต้องพยายามทำทุกอย่างให้ได้ดูแลลูกๆอย่างดีที่สุดในเหตุผลของพวกท่าน แม้บางทีมันก็ขัดกับความรู้สึกของเราในบางครั้งก็ตาม...มั้ง
อ่อลืมเล่า เรามีเพื่อนคนหนึ่งเป็นผู้หญิง พ่อหวงมาก เพื่อนเราบอกว่าที่พ่อหวงอ่ะ ก็เพราะในอดีตพ่อของเพื่อนเราเจ้าชู้มาก พอมีลูกก็กลัวว่าลูกตัวเองจะถูกคนอื่นเจ้าชู้ใส่ ( สรุปคือกลัวกรรมตามทัน...) เลยต้องหวง ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ลูกต้องลำบากก็อย่าเจ้าชู้กันนะ หนุ่มๆ สาวๆ
พ่อแม่เราค่ะ แต่ก็ห่วงอยู่ในขอบเขตนะ ไม่ได้มากจนเกินไป ถ้าขออนุญาตแล้วมีเหตุผลดีๆ ท่านก็จะให้ไปค่ะ
เดียร์เองก็เป็นคนหนึ่งที่มีคุณพ่อหวงมากค่ะ (แต่แม่จะตรงกันข้ามกันเลยค่ะ เหมือนมาถ่วงดุลกันยังไงก็ไม่รู้ ฮะๆ)
พ่อจะตามหวง ตามห่วงลูกทุกฝีก้าวเลย ขนาดเรื่องแค่...สระผมเสร็จแล้ว เดียร์จะรอผมแห้งเอง แต่คุณพ่อบอกให้ใช้ไดร์เป่า เดี๋ยวไม่สบาย ยังเกือบทะเลาะกันมาแล้ว (ตอนนี้ม.1แล้วนะคะ!)
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้พ่อแม่ยังหวงอยู่คือ ตัวเราเองค่ะ อยากให้จขกท.ลองนึกดูดีๆ ที่พ่อแม่ของเพื่อนจขกท.หวงขนาดนั้น เพราะเพื่อนจขกท.ทำตัวน่าเป็นห่วงด้วยหรือเปล่า
ถ้าไม่ชอบที่พ่อแม่หวง ก็ต้องทำให้พ่อแม่เห็น พิสูจน์ให้ได้ค่ะว่า เราอยู่ได้ด้วยตัวเอง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?