Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เคยเห็นกันรึเปล่า ผ้าอนามัยสมัยก่อน (รวมวิวัฒนาการของผ้าอนามัย)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ไม่แน่ใจว่ามีใครเคยตั้งกระทู้นี้รึยัง ถ้าซ้ำต้องขออภัยด้วยนะคะ





"แก มีผ้าอนามัยปะ"

 "แก มีขนมปังป่ะ"

  เชื่อได้ว่า เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงต้องเคยพูดประโยคแบบนี้มาก่อน
 แน่นอนว่า ผ้าอนามัย กลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในทุกๆเดือน ไม่ว่าจะมาม๊ากมากหรือวันมาน้อยก็ตาม  แต่ก็ อย่าเข้าใจผิดว่าขนมปังคือแผ่นสี่เหลี่ยมๆ ที่ทำเป็นแซนด์วิชกินกันนะ ขืนกินจริงก็อร่อยเลย ฮาฮา  

ขอแทรกนิด 

ในประเทศไทย ผ้าอนามัยถือว่าเป็นเครื่องสำอางควบคุมตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2535 กว่าจะเป็นผ้าอนามัยนั้น ย้อนไปสุดๆเลยนะ ต้องย้อนไปถึงสมัยยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมเชียว สมัยนั้นใช้พวก ขนสัตว์ หญ้ามอส ฟองน้ำทะเล หรือ สาหร่าย เป็นต้น พอเริ่มมีการผลิตพวกสิ่งทอก็นำพวกกาบมะพร้าวทุบ กระดาษฟาง นุ่น แกลบหรือไม่ก็ขี้เถ้าแกลบมาเป็นที่ซับประจำเดือน โดยใช้เศษผ้ามาพับเป็นแถบยาวๆ สอดหว่างขา ใช้เชือกกล้วย เชือกฟาง หรือไม่ก็ผ้าที่เย็บเป็นสายยาวผูกกับเอว คลายนุ่งผ้าเตี่ยว เพื่อยึดเอาไว้นั่นเอง                
          อเนก นาวิกมูล อ้างถึง ผ้าอนามัยสำเร็จรูป ไว้ในหนังสือ "แรกมีในสยาม" ว่าหลักฐานเรื่องผ้าอนามัยเก่าสุดที่พบ เป็นโฆษณาขายผ้าซับระตูในหนังสือ "ข่ายเพ็ชร์"  ปีที่ ๑   ฉบับที่    วันพฤหัสบดีที่  ๑๔  มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๘  (ถ้านับอย่างปัจจุบันก็เท่ากับ พ.ศ. ๒๔๖๙) เป็นช่วงต้นสมัยรัชกาลที่ ๗  แต่คงมีมาก่อนแล้วอย่างน้อยในสมัยรัชกาลที่ ๖แหนะ

สงสัยว่ากาบมะพร้าวเก่าๆที่ใช้มันคงจะลำบากเกิน มนุษย์อย่างเราๆ มีมันสมอง สองมือ ก็ได้พัฒนาเป็นผ้าอนามัย ในปี 1895 นับราวๆก็ประมาณเกือบ 120 ปีได้!!!  ซึ่งก็ได้ไอเดียมาจาก ผ้าพันแผลทำจากเยื่อไม้ที่นางพยาบาลใช้ซับให้แก่ผู้ป่วย 

ที่เราๆเรียกกันว่า ผ้าก๊อสนั่นเอง โดยยึดหลัก ทำจากสิ่งที่หาง่าย และถูก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตยังถือว่าสูงอยู่ดี เลยมีใช้ในหมู่ของคนรวยเท่านั้น
            ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (ประมาณ ค.ศ.1939) นี่เองที่เราได้เห็นผ้าอนามัยแบบตะขอ คือ ใช้ตะขอของสายคาดเอวเกี่ยวกับห่วงสองข้างของตัวผ้าอนามัยต่อมาดีขึ้นมาหน่อยก็เป็นแบบยางยืดหรือแบบห่วงหละ ลองถามคุณแม่บางท่าน อาจจะเคยเห็นผ้าอนามัย แบบนี้ก็ได้ เชื่อว่ายังมีบางท่านเคยเห็น แน่นอนว่า แม่ของเราก็เคยเห็น ซึงแม่ก็เก็บไว้อันหนึ่ง (ซึ่งแม่คงคิดเก็บไว้ให้เราดูมั้ง 555+)  ปัจจุบัน เอาไว้ใช้สำหรับคนเพิ่งตลอดลูกด้วยนะ สำหรับผ้าอนามัยชนิดนี้มีข้อจำกัดตรงที่ใช้ไปนานๆจะไม่กระชับ เพราะมันยืดแล้วไงย้อนไปในช่วงปี 1920ตอนนั้นก็มีบริษัทผู้ผลิตผ้าอนามัย ออกจำหน่ายในตลาดเพียง 2-3 ราย ทว่า ผู้ผลิตโดยตรงรายแรก ก็คือ โกเต็กซ์ เนื่องจากบริษัทอื่นยังคงผลิตผ้าพันแผลอยู่ในเวลานั้น

การโฆษณาผ้าอนามัยส่วนใหญ่นั้น ปกติจะใช้การวาดภาพนางแบบ แทนการถ่ายแบบที่เป็นคนจริงๆ แต่แล้วก็มีหญิงผู้กล้าหาญชาญชัย นาม Lee Miller  จากการถ่ายโฆษณาให้กับ Kotex น่านเองแต่เนื่องจากว่ามันก็ไม่สบายมนุษย์อีกแหละ ก็ผ้าอนามัยทั้ง 2 แบบ  มันแนบกับกางเกงในไงหล่ะ เลยทำให้หมดสมัยของมันไป ประมาณกลางทศวรรษ 1980 แล้วก็มีการพัฒนาต่อเนื่องจนกลายเป็น ผ้าอนามัยแถบปลาย โดยเซลล็อกซ์  (กระดาษทิชชู่อ่ะ) คล้ายกับผ้าอนามัยแบบห่วงนะ ต่างกันตรงที่่ปลายด้านกว้างจะเป็นผ้าใยเทียมปลายเรียวยาวแทนห่วงทั้งสองข้าง ปรับเลื่อนได้ จึงหมดกังวลเรื่องความกระชับ ถึงไงก็ต้องสายคาดอยู่ดี ไม่สะดวกเวลาใส่เสื้อผ้ารัดรูปหล่ะสิ จึงเกิดผ้าอนามัยแบบที่เราใช้อยู่กันนั่นคือผ้าอนามัยแถบกาว แซนนิต้านำเข้ามาในกลางปี ค.ศ.1972 คิดไปคิดมากก็ เกือบ 40 ปีเองนะ!!!~

ถึงอย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตของผ้าอนามัยชนิดนี้ยังแพง คนกระเป๋าเบาก็จึงมักใช้ผ้าอนามัยแบบซักได้เสียมากกว่า (งั้นพวกเราทุกคนก็รวยกันแล้วดิ ตอนนี้ใช้แต่แถบกาวทั้งนั้น 55+) ถึงแม้ว่ารูปแบบของผ้าอนามัยจะมีการพัฒนาแต่ทางด้านเทคโนโลยีการผลิตก็ยังคงเป็นแบบเยื่อกระดาษ (pulp) มาตลอดโครงสร้างผ้าอนามัย มีอยู่ 2 ส่วนหลักๆอย่างที่เห็นๆกัน คือ เยื่อการดาษ และผ้าใยเทียมไม่ทอ
          เยื่อกระดาษ จะถูกตีจนละเอียดเหมือนปุยสำลี (crushed pulp) สามารถอุ้มของเหลวได้มาก เนื้อละเอียด มีความหนาพอสมควร เพื่ออุ้มของเหลวตามต้องการ
              ผ้าใยเทียมไม่ทอ  คล้ายกับถุง สามารถปล่อยผ่านของเหลวลงสู่เยื่อกระดาษได้เร็ว ไม่ตกค้างภายนอกนานแต่เดิม อเมริกาเป็นผู้วชาญการผลิตแบบตีให้เป็นปุยสำลีมาก
            ก็มีวิวัฒนาการใหม่ ญี่ปุ่น คนพบสาร polymer gel ประมาณ 30 ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งเป็นสารพลาสติก เม็ดเล็กคล้ายเม็ดทรายละเอียด ดูดน้ำเร็ว  อุ้มน้ำได้หลายเท่าเมื่อนำไปผลิต จะช่วยลดเยื่อกระดาษ ส่วนน้ำจะไม่ซึมกลับ ใครที่ชอบดูทีวี ก็อาจจะได้ยินคำว่าเยื่อหุ้มสเตดรายโคเวอร์ แผ่นซอฟต์ทัช แผ่นใยดรายวีฟ  ดรายเมจิก  ทั้งหมดนี้เป็นชื่อที่ผ้าอนามัยแต่ละยี่ห้อ ใช้เรียกส่วนที่ทำหน้าที่เป็นถุงห่อเยื่อกระดาษ เติมที่เยื่อหุ้มเหล่านี้ จะเป็นผ้าใยเทียมไม่ทอ จำพวกเรยอน (ดูเผิน ๆ จะคล้ายกระดาษ) 


             จนเมื่อปี 20ปีที่แล้ว ผ้าอนามัยมีปีกยี่ห้อแรก นำพลาสติกโพลิเอทธิลีน (PE) หรือพลาสติกโพลิโพรพิวลีน (PP) มีน้ำหนักเบา รับแรงอัดและแรงดึงได้ดี เป็นฉนวนไฟฟ้า ทนความเย็น ทนกรดและด่างได้ดี  มาใช้เป็นส่วนหุ้มเยื่อกระดาษแทนผ้าใยเทียมไม่ทอ และเจ้าพลาสติกนี่เอง มีคุณสมบัติ  ไม่ดูดซับความชื้น ความชื้นจะลงสู่ส่วนล่างได้เร็วขึ้น จึงรู้สึกแห้งสบาย สะอาด แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้ใช้บ่นว่าผ้าใยเทียมไม่ทอจะให้สัมผัสที่นุ่มสบายกว่า ปัจจุบันจึงมีการผนวกแผ่นใยสองชนิดเข้าด้วยกัน โพลีเอธิลีนโฟม ไว้ใช้ในงานหลังคาได้ เป็นฉนวน กันความร้อน ใช้กรองน้ำ

 โพรลิโพรพิวลีน ทำขวดได้ - -* ดูเหมือนจะไม่เข้ากับผ้าอนามัยซะเท่าไหร่ ฮ่าๆ นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์ใหม่ๆ ซึ่งแต่ละบริษัทได้ออกแบบ เป็นลวดลายต่างๆ แล้วจดลิขสิทธิ์

      ส่วนการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาของผ้าอนามัย  ก็ไม่น้อยหน้ากว่าส่วนอื่น มีทั้งแถบกาวรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าปลายเหลี่ยมเป็นปลายมน เป็นบอดี้ฟอร์มที่ด้านหน้ากว้าง ปลายเรียว ตรงกลางนูน  เป็นแบบเว้าขอบขา และสุดท้ายเป็นแบบมีปีก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ผ้าอนามัยที่ว่า ต้องสวมสบายไร้รูปรอย ไม่ซึมเปื้อน และไม่ระคายเคืองนั่นเอง    

ผ้าอนามัยอีกประเภท ที่ยังไม่กล่าวถึง คือแบบสอด เริ่มในสมัยอียิปต์นู่นแหนะ เป็นคนประดิษฐ์ขึ้น จากต้นกก ชาวกรีกก็ไม่น้อยหน้า คิดค้น โดยใช้สำลีหมุนรอบชิ้นส่วนเล็กๆของไม้ จากการบันทึกเป็นอักษร Hippocrates สำหรับอุปกรณ์อื่นๆที่ทำเป็นผ้าอนามัยชนิดนี้ก็ได้แก่พวก ขนสัตว์ กระดาษพืชเส้นใย หญ้า ฝ้าย เป็นต้น

ใน ค.ศ.1929 Dr. Earle Haas  เป็นผู้ประดิษฐ์ผ้าอนามัยสมัยใหม่ขึ้น และจดสิทธิบัตรในวันที่ 19 พ.ย.1931 ภายหลังได้จดทะเบียนในชื่อ Tampax เป็นแบรนด์สินค้าที่เขาคิดขึ้น


                ผ้าอนามัยแบบแนบ อันนี้ก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน   ผ้าอนามัยชนิดนี้ต้องใช้ร่วมกับแบบแผ่นปกติที่เราใช้ด้วย 
เพียงแต่ว่า แบบแนบ จะช่วยให้ประจำเดือนไม่เลอะ เหมาะกับคนใส่กางเกงรัดรูปจ้า (ส่วนประวัตินี่เราหาไม่เจออะ ขอโทษทีค่ะ)

                และคงจะใหม่ล่าสุด เพราะเพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน ผ้าอนามัยไอออนลบ!!! สามารถลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แก้ปวดประจำเดือน และซึมซับดีเยี่ยม   แต่เท่าที่อ่านดูมันก็เหมือนทั่วไปแฮะ (ไม่มีค่าโฆษณาวุ้ยยย 555+)

           ส่วนอีกอันนะ ที่เห็นก็เป็นพวกผ้าอนามัยสมุนไพรอะ ก็ไม่มีอะไรมากมีผสมพวกสมุนไพรจีน มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการติดเชื้อ อันเป็นสาเหตุของการตกขาว และการเกิดกลิ่นอันไม่เพิ่งประสงค์           


       แต่เดี๋ยวก่อน !!(เหมือนโฮมชอปปิ้งปะ) จะบอกว่า นายแพทย์ประวิทย์ คีตะบุตร แพทย์ผู้วชาญด้านผิวหนังระบุว่า การโฆษณาของผ้าอนามัยผสมสมุนไพรที่โฆษณาว่าป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต รวมทั้งยังช่วยบรรเทาอาการอักเสบจากโรคริดสีดวงทวาร โดยเป็นการโฆษณาเกินจริง เพราะส่วนผสมของสมุนไพรดังกล่าวไม่มีส่วนผสมที่สามารถรักษาได้ตามที่กล่าวอ้าง ยังบอกอีกว่า "จากการวิจัยของแพทย์ส่วนใหญ่เรื่องเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสมุนไพร มักจะมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ซึ่งจะส่งผลทำให้ผิวของผู้ใช้ติดเชื้อไวรัสในระยะยาวได้"

 

 
ปล. 
 เรื่องนี้เกิดจากความสนใจส่วนตัวของเจ้าของกระทู้ จึงได้ค้นหาข้อมูลในเว็บ แล้วเจอเว็บหนึ่งที่เค้าลงรายละเอียดได้น่าสนใจ

ขอขอบคุณ ข้อมูลดีๆจาก http://board.postjung.com/528024.html

    

แสดงความคิดเห็น

>

11 ความคิดเห็น

★ACE Arch Knight★ 3 ต.ค. 57 เวลา 23:48 น. 3

สงสัยอยู่ตั้งนานว่าแบบตะขอมันใช้กันยังไง ถ้าไม่มีรูปให้ดูนี่เรางงอีกนานเลยนะ (เห็นตะขอแล้วแอบกลัว) 

กระทู้มีประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ดีๆ

0
Olives_15 3 ต.ค. 57 เวลา 23:53 น. 4
สมัยก่อนนี่น่าจะลำบากกันน่าดูเลยนะคะ กว่าจะใส่จะถอดแต่ละที โดยเฉพาะรุ่นแรกแบบตะขอเนี่ย

เดี๋ยวนี้ก็ยังลำบากอยู่ค่ะ ลำบากเหลือเกินในการที่แต่ละนางในโรงเรียนเรา(หรือคนใช้ห้องน้ำที่อื่นบางที่)จะม้วนใส่กระดาษหรือพับให้เรียบร้อย ไม่ใช่วางแบลงไปในถังขยะทั้งๆ แบบนั้น สงสัยจะม้วนลำบากมาก หรือเขาอยากให้เรารับรู้ถึงศิลปะการกระฉอกออกมาอย่างสวยงามก็ไม่อาจทราบได้เหมือนกัน


ป.ล. ขอบคุณที่เอาสาระดีๆ มาฝากนะคะ
0
หล่อลากไส้ แถมบินได้ด้วย 4 ต.ค. 57 เวลา 13:57 น. 5

แบบตะขอนี่ จขกท. ได้ลองถามคุณแม่มา ท่านก็บอกว่าลำบากเวลาใช้มากเลยค่ะ

ใน 1 ห่อ จะมีผ้าอนามัยมาให้ประมาณ 6-10 แผ่น แล้วก็จะมีสายตะขอเนี่ยให้หนึ่งอัน เอาไว้ใช้ไปเรื่อยๆน่ะค่ะ แต่ตัวซับเลือดนี่ทิ้งนะ ไม่นำกลับมาใช้ใหม่ (ฮา)

ส่วนเรื่องศิล(เ)ป(รอ)ะ นี่ เจอบ่อยนะคะ เศร้าใจ และเหนื่อยใจแทนแม่บ้าน เฮ้อ....

เศร้าจัง

0
ผู้น่ารักกก 22 ม.ค. 58 เวลา 22:58 น. 10

สหกรณ์ร.ร.เรานี้คือเก็บมิดชิดนะคะผ้าอนามัยอะคะ
แต่เวลาจะซื้อทีก็ต้องบอกลุงๆ ป้าๆ ที่ขาย
เวลาเราไปซื้อเนี่ยถ้าป้าเขายืนขายก็ดีหน่อยคะ55555
เชื่อว่าทุกคนต้องอายเวลาซื้อผ้าอนามัยที่ร.ร.ใช่ไหมละคะ เราก็หนึ่งในนั้น5555
พอจะซื้อทีเราจะพูดเบาๆ นะคะแบบว่า "เอาผ้าอนามัยห่อนึงคะ" ประมาณนี้
อย่างที่บอกอะคะถ้าตอนไปซื้อป้าเขายืนขายก็ดีหน่อยเพราะป้าจะถามกลับมาเบาๆ ว่า
"มีปีก หรือไม่มีจ้ะหนู" แบบนี้อะคะ เบาๆนะคะ
แต่ถ้าเป็นลุงมายืนขายนะคะ รู้หมดทั้งร.ร. อะคะ พอบอกจะซื้อผ้าอนามัย
ลุงแกก็ตอบมา "เอามีปีกหรือไม่มีหะหนู!! -0-" คือแบบได้ยินหมดแล้ววววว TT
#เพลียกับลุงแกจริงๆ555555555

0
หล่อลากไส้ แถมบินได้ด้วย 24 ม.ค. 58 เวลา 20:39 น. 11

ฮ่าๆๆ นึกภาพออกเลยค่ะ แต่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ต้องอายหรอกค่ะ เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ
แต่คุณลุงก็น่าจะเบาเสียงนิดนึงนะ ฮ่าๆๆๆ

เยี่ยม

0