Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เครียดมาได้เดือนกว่าแล้ว อยากบอกให้พ่อแม่รู้ว่าเราอยากซิ่วแต่ไม่กล้าพอ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ ตอนนี้เราอยู่ชั้นปีที่1 ม.ราชภัฏฯแถวดุสิตแห่งหนึ่ง อยู่เอกสาขาภาษาญี่ปุ่น :)

เอาละค่ะ มาเริ่มต้นของเรื่องกันเลยดีกว่า เวลาเราบรรยายเรื่องราวกลัวว่าจะอ่านไม่เข้าใจกัน เพราะเราเองก็ไม่เคยตั้งกระทู้ในเด็กดีเลย ครั้งนี้แหละที่เป็นครั้งแรกของเรา..

คือว่า...เราหน่ะ ชอบวาดรูปมาก ชอบจินตนาการ ชอบออกแบบตัวละครเล่นๆโดยเวลาว่างๆมักจะทำ ไม่ก็ชอบแต่งนิยายลงเว็บ ลงบอร์ด พอเครียดๆก็จะวาดรูประบายอารมณ์ ง่ายๆคือในชีวิตเรา เหมือนเราถนัดแค่ด้านนี้ด้านเดียวอ่ะ นอกนั้นเราโง่(เกือบ)หมด 

เรียนจบม.6จากสายศิลป์-จีน แต่ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ เรียนๆเล่นๆไปวันๆ แบบไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไปใยชีวิตมหาลัย

จนตอนที่ไปสอบมหาลัย วันที่ใกล้จะถึงแล้ว เพื่อนก็ชวนให้ไปสอบตรงที่ม.ราชภัฎแห่งนึง ซึ่งเราก็เฉยๆกับมอนี่นะ ก็ลองๆดู หาเสิร์จอาชีพที่ตัวเองอยากเป็น เลือกในสิ่งที่ชอบ ที่นี่ไปๆมาๆเราเริ่มตึงเครียดเพราะนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าอยากเข้าคณะอะไร เลยโทรไปปรึกษาเพื่อน แต่กลายเป็นรุ่นพี่ของเพื่อนแทนมารับปรึกษาให้ฟัง พอเราเล่าจบ เค้าก็แนะนำให้ลองเค้าด้านออกแบบดู ชอบวาดรูปนิ เห็นเพื่อนบอกว่าวาดรูปสวย ลองๆดู

เราก็ไม่แน่ใจละ ใจนึงก็อยากเข้าด้านภาษาญี่ปุ่น เพราะเราชอบประเทศของเค้า เห็นว่าทำงานด้านนี้จบมาเงินดี ส่วนด้านวาดรูปก็คงเป็นออกแบบอนิเมชั่นอะไรทำนองนั้น แต่กลัวว่าจบมาไม่มีงานทำ กลัวว่าตอนทำละเราต้องเสียค่าคอมลงโปรแกรมใหม่ๆ อัดๆเข้าไป

จนถึงวันไปสอบ เราลงคณะมนุษย์ฯ สาขาภาษาญี่ปุ่น โดยไม่คิดว่าตัวเองจะติดเลยสักนิด

แต่พอสอบ...

เรากลับได้คณะนี้ แต่ก็ยังไม่พ้นผลสอบสัมภาษณ์..

ตอนสัมภาษณ์กับอาจารย์นั้น...เราโชวืแต่ผลงานด้านวาดรูปซะเยอะ อย่างประกาศนียบัตรเอย คะแนนศิลปะเอย (เราไม่ได้ยอตัวเองนะ แต่ที่เราทำตอนนั้นเรากลัวว่าเค้าจะไม่รับเรา)

เค้าก็บอกว่า "แล้วทำไมหนูไม่ลงคณะออกแบบมัสติมิเดียหรือพวกภาพยนต์ดูล่ะ หนูชอบไม่ใช่เหรอ? คณะนี้ที่หนูสัมภาษณ์กะอาจารย์มันหนักนะ ต้องขยัน"

เราเองก็สะอึกสิ แต่ตอนนั้นสมองมันรวนไปหมดแล้ว มีแต่คำว่า 'กูต้องได้ กูต้องติด กูไม่อยากไม่มีที่เรียน'

พอเวลาผ่านไปสักพัก ผลทั้งหมด.....เราสอบติดได้ที่นี่!

ถามว่าดีใจมั้ย? เรากลับรู้สึกเฉยๆซะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่มีที่เรียนไง เลยเอา แล้วก็คิดดามใจตัวเองไปด้วยว่า 'เอาหน่า...อย่างน้อยตัวเองต้องไหวอยู่แล้ว ภาษาเดี๋ยวเค้าก็ปูพื้น'

ช่วงเวลารับน้องผ่านไป รุ่นพี่ใจดี ชอบ น่ารัก แต่เราก็ไม่ได้อะไรมาก

เพื่อนดี ยอมรับเลยว่าดีมาก 

จนถึงเวลาเปิดเทอม เริ่มเรียน วันแรกไม่มีอะไรมาก 

แต่พอผ่านไปสักพักสิ....

ยิ่งทำ ยิ่งจำ ยิ่งพยายาม ยิ่งไม่ใช่...

ทั้งๆที่นั่งข้างหน้า ทำตามเพื่อน ถามเพื่อน พยายามจะทำความเข้าใจ

แต่เรากลับ ' ไม่รู้เรื่องเลย ' เหมือนทุกอย่างมันไม่ใช่อ่ะ ที่ใจเรามันก็เหมือนไม่อยากรับความรู้ด้านภาษาเลยด้วยซ้ำไป

เราก็เริ่มท้อในช่วงแรก เราคิดว่า เออแค่ท้อ เราแค่ท้อ เดี๋ยวเพื่อนติวก็ได้เอง

พอเพื่อนติว ถึงวันเรียนใหม่

เหมือนเดิม.....ทุกอย่างเหมือนเดิม....

คราวนี้เราพยายามจะไม่คิดละว่าจะซิ่ว ก็พยายามไปอีกครั้ง

ผลออกมาก็เหมือนเดิม ยิ่งเรียนยิ่งแย่..

พอถึงเวลาสอบที่ผ่านมา

เรากำลังจะติดF

เซนเซย์ก็ใจดี ยินดีให้นศ.ที่ไม่ผ่านมาสอบเก็บคะแนน จะได้ไม่ติดF

เราก็ให้เพื่อนติวช่วงนั้น แต่สิ่งที่อ่านดันไม่ออก

เราก็โง่เลยตอนนั้น ส่งข้อสอบไป เซนเซย์ก็ทำหน้าแบบตัดพ้อกับตัวเรามาก แล้วก็บ่นยาวๆ ยาวยืดเลย จนเราพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อ่ะ รู้ว่าฟังไม่ออก แต่ความรู้สึกมันชัดเจนมากอ่ะว่าเราต้องติดFแน่ๆ เค้าว่าเราไม่ตั้งใจเรียน บลาๆสารพัด

พอเค้าถาม เราก็ไม่เข้าใจ จนเค้าต้องจับตัวเราหันไปทางหน้าอ.คนไทยที่สอนภาษาญี่ปุ่นให้เค้าแปล เราอายมากนะจุดๆนั้น เราพยายามคิดไม่มให้ตัวเองร้องไห้ออกมาให้ได้ แต่ตาเราเริ่มจะคลอแล้วอ่ะ เลยแบบรีบๆพยักหน้าแล้ว ไฮๆตลอด

เซนเซย์ก็เหมือนจะรู้ว่าเราเป็นอะไร เค้าเลยปล่อยเราไป

เพื่อนๆที่รอหน้าห้องก็ถามว่าเป็นไง เรานี่สิ...

ระเบิดน้ำตาเลย มันไม่ไหวแล้ว.....ยิ่งเรียนยิ่งโง่...

กลับมาบ้าน คิดหนักเลย ว่าจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองดี เรียนภาษาญี่ปุ่นก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าสมอง ยิ่งเรียนยิ่งไม่มีความสุข ไปมหาลัยแบบไม่มีคำว่ายิ้มปรากฏบนใบหน้าเราเลย หน้าตึงๆ เครียดทุกวัน เรียนก็ไม่ตั้งใจมากขึ้น เหมือนเก(เร)เรียน ยิ่งอยู่บ้าน ยิ่งช่วงนี้ไม่พูดกับพ่อกับแม่เลยสักแอะ พูดก็แค่ อืม ใช่ คำสั้นๆ รู้ว่ามันไม่เหมาะ แต่เราอารมณ์ไม่ดี บวกเครียดเข้าไปอีก  

จนนึกถึงวันแรกที่เรายังไม่สอบที่มหาลัยไหน เรานึกถึงม.ศิลปากร ม.แรกเลย ว่าเราอยากเข้ามาก มันคือความฝันของเราเลยที่เราอยากสอบเข้าที่นี่ แต่เพื่อนบางคนดันบอกว่ามันปิดรับสมัครไปแล้ว บางคนบอกเปิดบ้าง บางคนบอกไม่รู้ เราเองก็โง่เชื่อตามเค้า เลยหมดโอกาศจะเข้า

จนตอนนี้ได้ข่าวว่าจะเปิดรับตรง58 เราอยากเข้าด้านวาดรูป ออกแบบอนิเมชั่นมากๆ แต่ไม่รู้จะทำได้มั้ย สอบเข้าได้มั้ย พ่อแม่เองเราก็ไม่กล้าท่านว่าจะซิ่ว ยิ่งเมื่อวานสดๆว่ามีสอบในตารางที่ม.ที่เราเรียนอยู่ เราดันเข้าสายเลยไม่เลือกสอบ จนวันนี้พ่อแม่ถามว่าสอบไปยัง สอบเป็นไง เราก็ไม่กล้าบอกว่าเราไม่ได้สอบ ได้แต่บอกว่าติดFญี่ปุ่น พ่อก็บอกว่าได้ไง เรียนญี่ปุ่นติดFญี่ปุ่น?

แต่เราก็ไม่พูดอะไรมาก เพราะน้ำตาเราจะไหลแล้ว และมันคือเหตุการณ์ที่ผ่านไปสดๆร้อนเมื่อกี้เลยค่ะ 

เราจะทำยังไงดี? พ่อเราเป็นคนนิ่งๆ เวลาโมโหจะน่ากลัวมาก แม่เราก็ชอบบ่นเรื่องตังค์ช่วงนี้ว่าเงินไม่มี แต่ในใจเราแอบคิดว่าท่านมีแหละ แต่เราไม่อยากรบกวนท่านให้เสียค่ามากกว่านี้ ที่ลูกทำตัวแบบนี้ T_T

เราอยากซิ่ว เราไม่ไหวแล้ว เราเรียนไม่มีความสุข เราอยากได้คณะที่ใช่ เรียนแล้วได้

ดีกว่าอึดอัดใจในสิ่งที่เราไม่อยากได้ ช่วยแนะนำทีค่ะ ขอร้องนะคะ 

ปล.เราจะแอบไปสอบค่ะ T^T








แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

Begin again 11 ต.ค. 57 เวลา 19:48 น. 1

ก่อนอื่น จะบอกว่าเป็นเหมือนกันเลย
เราเรียนการจัดการ หลักสูตรอินเตอร์อยู่ ม.รัฐที่นึง
เราสนใจในภาษาอังกฤษบ้าง อยากจะเรียนรู้ อยากจะพูดสื่อสารกับชาวต่างชาติได้
อ่านได้ เขียนได้แต่ไม่ได้ถึงขนาดชอบหรือรัก หรือเก่งอะไรมากมาย.

จริงๆแล้วเราไม่ได้เลือกสาขานี้ไว้เป็นอันดับแรก แต่ตอนสอบสัมภาษณ์
ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าคงไม่ได้เรียนทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหรอก
หรืออาจจะไม่ได้ยากเกิน คิดเอาเองว่าคงได้เรียนภาษาอังกฤษเป็นหลัก
ความรู้ธุรกิจพื้นฐาน หรืออะไรทำนองนี้.

แต่เอาจริงๆพอมาเรียน กลับต้องเจอทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ
ทุกคำที่อาจารย์พูด ชีททุกแผ่น ทุกสไลด์ ทุกตัวอักษรในหนังสือ
ทุกคำถามในข้อสอบ คือ ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมด แม้แต่วิชาเลข
คือ เราต้องการความรู้ธุรกิจกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้าน กับต้องการภาษาอังกฤษ
ไว้สื่อสารได้ แต่ไม่ใช่แบบที่เรากำลังเจอตอนนี้อ่ะ นี่คือ เรารู้สึกว่าภาษาอังกฤษ
เราได้เท่าเดิม เพราะจริงๆแล้ว เราแค่อ่านข้อสอบ กับได้พูดกับอาจารย์ต่างชาติ
แค่คนเดียวที่เราได้เรียนด้วย เพราะที่เหลือเป็นอาจารย์คนไทยหมดเลย

แต่ที่ยากขึ้นและทำให้เราท้อแท้มากเลยคือ เราไม่ได้ความรู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจเลย
เพราะเวลานั่งฟังในห้องจริงๆ คือเราแค่พอจับใจความได้บางส่วนกว้างๆเท่านั้น
เพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ เวลาสอบคือจำเนื้อหาภาษาไทยไปเทียบกับ
ภาษาอังกฤษ แล้วอาศัยความรู้ Writing เดิม เขียนคำตอบเอา.

เราต้องมาอยู่หอคนเดียวด้วย เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัด ชีวิตเหงาๆมาก
ค่าเทอมก็แพง ไหนจะค่าหอ ค่ากินอยู่อีก เรายิ่งรู้สึกว่าไม่ได้อะไรเลย
วันๆไปเรียนก็ไม่เคยยิ้มแบบมีความสุขเลยเหมือนกัน กลับกลายเป็นว่า
เป็นคนที่มีความทุกข์ในใจตลอดเวลา แต่ต้องเก็บเอาไว้.

เรายังไม่รู้จะเอายังไงต่อเลย เราจะซิ่ว แต่เอาจริงๆก็ยังไม่รู้ว่าชอบอะไรจริงๆ
เราอยากจะกลับไปเรียนมหาลัยที่บ้านเรา สาขาคล้ายๆกัน แต่เรียนเนื้อหา
เป็นภาษาไทยและได้ไปต่างประเทศตอนปี3 แต่ติดตรงมันเป็นมหาลัยที่ไม่ดัง
ส่วนตัวเราเองไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ไม่รู้พ่อกับแม่จะว่ายังไง สงสารพ่อด้วย
แล้วอาจารย์ต่างชาติเอง ได้คุยกับเราเรื่องนี้ เขาบอกว่าอยากให้เราอยู่ต่อ
เพราะเราไม่ได้ห่วยแตก เราสื่อสารได้ดี แต่เราไม่มีความสุขเลยจริงๆ
ตอนนี้เลยสับสนกับชีวิตไปหมด เราเคยพูดกับพ่อเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีข้อสรุปจริงจัง
พ่อบอกให้เราเรียนไปก่อน1ปี ซึ่งตอนนี้ผ่านมาได้ครึ่งเทอม เราก็ยิ่งรู้สึกแย่
มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราคิดว่าเราจะหยุดตรงแค่เทอม1แล้ว ไม่อยากให้พ่อเสียเงิน
ไปอีกเทอมแล้ว เพราะมันไม่คุ้มค่าเลย.

เราเครียดมาได้3เดือนแล้ว เรากำลังจะสอบกลางภาค เราไม่รู้มันจะเป็นยังไงต่อ
แต่เราจะไปสอบ gat-pat จะหาทางเดินของเราใหม่ จะตัดสินใจดีๆ
จะตรวจสอบสาขาที่เราจะเข้าดีๆ ว่าตรงกับความต้องการของเราไหม
จะได้ไม่ผิดพลาดอีก ซึ่งเราคิดว่า คงจะต้องคุยกับพ่อให้จริงจังขึ้นอีกขึ้นแล้ว

ส่วนตอนนี้สำหรับเรา ยังไงก็คงต้องให้มันจบเทอมนี้ เราเสียดายค่าเทอมที่เสียไป
แล้วก็อยากจะให้แน่ใจจริงๆ ว่ามันจะไม่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก

FatCatFarry เราว่าบอกพ่อกับแม่ไปตรงๆดีกว่า ถ้าที่ทำอยู่มันฝืนจริงๆ
เราเข้าใจนะ เราก็ไม่เข้าตอนเขามีสอบย่อย เราขาดบ่อยมาก เรากลับบ้านบ่อย
ถ้ามีจุดหมายแล้ว ถามใจตัวเองให้มั่นใจเลย ว่าใช่สิ่งที่เราต้องการรึเปล่า
และเราจะพยายามอย่างจริงจังไปกับมันได้อีก4ปีเลยไหม มันเครียดมากเลย
ตอนคุยก็จะเครียดมาก ทั้งพ่อแม่ทั้งเรา พยายามอธิบายเหตุผลที่เรามีจริงๆ
และบอกเป้าหมายใหม่ที่เราคิดดีแล้ว ให้เขาได้รู้ อย่างน้อยๆเราก็มีจุดหมายแล้ว
หาข้อมูลคณะจะเข้าใหม่ดีๆ ว่าจริงๆแล้วต้องเรียนอะไรบ้าง ถามคนที่เรียนอยู่เลย
ได้ยิ่งดี เพราะเราก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน อยากจะเข้าไปนั่งเรียนด้วยด้วยซ้ำ

ยังไงก็ พยายามเข้านะ ทนฝืนมัน มันทรมาน เราก็เป็นอยู่
แต่ดีกว่าทนอึดอัดไปเรื่อยๆอีก ยังไงมันก็เครียดอยู่แล้ว
เราอาจไม่รู้จักกันนะ แต่เราอ่านเรื่องของ FatCatFarry มันคล้ายๆเรา
เลยมาตอบกระทู้นี้ ลองดูนะ ทำสิ่งที่เราจะมีความสุข

สู้ๆ :)



0
FatCatFarry 11 ต.ค. 57 เวลา 20:53 น. 2

คุณ Begin again มีเฟส ไลน์ หรือทวิตมั้ย หรืออะไรก็ได้ใน3อย่างนี้ เราจะแอดเธอไป อยากคุยด้วย T^T

เยี่ยม

0
pppp 12 ต.ค. 57 เวลา 10:22 น. 4

เหมือนเราด้วย เราเรียนเอกรวม จะเข้าเอกญี่ปุ่น เราจบศิลป์จีนมา แต่เรียนจีนต่อไปไม่ไหว ชอบประเทศญี่ปุ่น เลยเปลี่ยนแผนมาทางนี้ ตอนนี้เครียดมาก เพราะคนที่อยู๋เอกรวมแล้วจะเข้าเอกญี่ก็มีเยอะมากๆ ที่สำคัญคือเราเรียนห่วยมากกกกก คะแนนเราออกมาแย่แบบต่ำเตี้ยมากกกกส่วนคนอื่นที่จะเข้าเอกญี่เหมือนกันส่วนใหญ่ได้เกือบเต็มกันทั้งนั้น เราเฟลมากกก เห็นคะแนนตัวเองแล้วแบบน้ำตาจะไหลกลางห้องเรียนแต่ต้องกลั้นไว้กัดฟันทนเรียนจนจบคาบแล้วกลับไปปล่อยโฮที่หอ ตอนสอบมิดเทอมเราอ่านหนังสือจริงจังสุดๆ แต่ก็ยังไม่ดีพอ ตอนสอบสัมภาษณ์เราบอกกับอ.ไปว่าเราจะทำให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าเกรดเราไม่น่าถึงเกณฑ์ที่จะเข้าเอกได้
ขอไลน์จขกท.หน่อยได้มั้ย หัวอกเดียวกันเลยย ฮือฮือ

0