มาทดสอบสกิลการบรรยายของคุณกันเถอะ!
ตั้งกระทู้ใหม่
ของผมนะครับ
วันที่ท้องฟ้ามีสีเทา ช่างเหมือนกับอารมณ์ของเธอตอนนี้ที่หมองเศร้า เราจ้องมองเธอนานแล้วจากที่ไหนสักแห่งหนึ่ง เธอนั่งอยู่บนม้านั่ง ไม่ทำอะไรนอกจากนั่งเงียบๆ คนเดียว มาหลายชั่วโมงแล้ว เราได้แต่มองโดยไม่อาจช่วยอะไรได้ สาเหตุที่เธอเศร้าก็เพราะเธอเพิ่งเสียคนรักที่สุดไป ถึงแม้จะนานหลายเดือนแต่ความเศร้าก็ยังคงอยู่ ทุกคนต่างทุกข์ใจกับอนาคตต่อจากนี้ของเธอ วันๆ เธอไม่ทำอะไร นอกจากมานั่งตรงนี้ เพราะที่นี่คือที่ที่เธอกับคนรักเคยพบกันมาก่อน ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน เธอจะหายจากอาการเศร้าหมองและก้าวเดินต่อไป เราก็ได้แต่หวังว่า วันที่เธอเข้มแข็งจะมาหาเธอไม่นาน
130 ความคิดเห็น
อากาศรอบตัวขมุกขมัว... หญิงสาวถอนหายใจทิ้งไม่รู้รอบที่เท่าแล้วในวันนี้ วันที่ไม่มีแม้แต่แสงแดดส่องสว่างดังเช่นทุกเช้าที่เคยเป็น รอบตัวมีเพียงแสงเลือนรางกับท้องฟ้าสีเทาแต่ไร้วี่แววของเมฆฝน ราวมีเพียงฝุ่นควันให้ได้สัมผัส ห่อเ-่ยวไม่ต่างจากต้นหญ้าที่ไม่รับแสงแดดที่กำลังยืนต้นเหมือนรอคอยอะไรบางอย่างอยู่บนผืนดินสีหม่นแห้งๆ ผืนนี้ ทุกอย่างที่รายลอมไร้ความสดใส เธอมองไปรอบตัวด้วยความเหนื่อยหล้า และสายลมเพียงแผ่วเบาก็ยิ่งทำให้คนที่นั่งอยู่คนเดียวไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะนั่งให้ตรงได้
...เขาอยู่ที่ไหนกันนะ
เธอก้มลงมองพื้นหญ้าสีเขียว แม้รู้ดีว่ามันไม่อาจให้คำตอบกับเธอได้ แต่เธอไม่อยากเงยหน้า ไม่อยากเห็นท้องฟ้าในวันนี้ มันอาจเป็นสีฟ้าอ่อนสดใสเหมือนสีตาของเขา แต่สำหรับเธอแล้วโลกใบนี้มันกลับกลายเป็นสีเทา ทุกอย่างว่างเปล่า แค่มองไปข้างกายแล้วไม่เห็นเขาอีกเธอก็ใจหาย ได้แต่หวังว่าเขาจะกลับมาหาเธออีกครั้ง
...คุณอยู่ที่ไหนกันนะ
โลกทั้งใบโดนตัดขาด บรรยากาศโดยรอบกลายเป็นสีเทา สิ่งที่อยู่รอบตัวเธอแม้แต่เก้าอี้ไม้ยาวที่นั่งอยู่ก็ราวกลับไม่ได้อยู่ตรงนั้น เธอแทบไม่รู้สึกถึงร่างกายของตนเองนอกจากนิ้วที่กำลังขยับอย่างต่อเนื่องและสมองที่กำลังครุ่นคิด
หญิงสาวนั่งตัวงอก้มตัวลงต่ำขึ้นเพื่อให้เห็นข้อความในโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กของตนชัดเจนโดยไม่สนใจสรีระของตนที่ดูย่ำแย่เหมือนกับคนมีความเศร้า แท้จริงแล้วจิตใจของเธอจดจ่ออยู่กับข้อความในนั้นทำให้ทุกอย่างรอบข้างหายไป
ไม่ว่าเธอจะรู้สึกเศร้าหรือดีใจ มีความสุขหรือความทุกข์ เธอก็ไม่แสดงออกด้วยท่าทางเพราะใจของเธอไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความจริงนี้แล้ว ความสนใจของเธอทั้งหมดมุ่งไปที่อุปกรณ์ในมือของตนส่วนความรู้สึกก็ถูกแสดงออกในอีกโลกหนึ่งในรูปของข้อความและสัญลักษณ์ ... โลกนี้นะ มันหายไปจากใจเธอแล้ว
กาลเวลานั้นเปลี่ยนไป... ตัวตนของเธอก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ยามเด็กดวงตากลมโตของเธอยังคงส่องไปทั่วนภา ยามนี้ดวงตาของเธอกลับเลือกที่จะก้มลงมองพื้นหญ้าแทน... จากที่มันนั้นเป็นสีเขียว... ครั้งนี้มันกลับแปรเป็นสีเทา... สีเทาอันแสนเศร้าหมอง...มันนั้นช่างไม่ต่างไปจากดวงตาของเธอเลย... 'ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจฉัน...' เธอคิดพร้อมกัวน้ำตาที่เริ่มรินไหลออกจากดวงตา ผ่านแก้มนุ้ย ผ่านเหล่าดงสิวฝ้า คางอันขรุขระ ตกลงมายังพุงพลุ้ยที่ยื่นออกมานำหน้าส่วนบน... มันเป็นพุงที่ทำให้เธอนั้นต้องทรมาณ ทำไมกันนะ... ทั้งที่ครอบครัวของเธอมีแต่คนหุ่นสวยแท้ๆ แล้วทำไมเธอถึงได้กลายเป็นยัยช้างน้ำที่โดนล้อทั้งวี่ทั้งวันแบบนี้!? ตอนจะจีบหนุ่มก็โดนล้อกลับ บางคนนี่ว่าเธอนั้นเห็นแก่กิน... 'สาวๆสมัยนี้มันก็เห็นแก่กินทั้งนั้น!' เธอได้แต่เก็บความคิดนั้นไว้ในใจของเธอ... ยังไงซะ...ในเมื่อไม่มีใครต้องการเธอ ไม่มีใครสนใจเธอ เธอก็จะขอทำตามที่เธอต้องการ ทำตามในสิ่งที่ตนนั้นทำได้ นั่นคือ... เธอจะแก้แค้นเหล่าชายหนุ่มด้วยการแต่งโดวายระดับยี่สิบล้านบวกๆๆให้พวกมันซะ!!
เธอนั่ง...
ถถถถถถถถ
ในวันที่บรรยากาศหม่นหมองเหมือนฝนจะตก หญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ด้วยสภาพจิตใจที่ไม่ต่างไปจากบรรยากาศนั้น มือของเธอถือกระดาษแผ่นน้อยอยู่หนึ่งใบ ดวงตาทั้งสองข้างกำลังจดจ้องไปที่มันอย่างเศร้าสร้อย จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มทั้งน้ำตาให้กับเมฆสีเทาบนนั้น พร้อมคิดอย่างเจ็บใจ
....ซื้อทีไรถูกกินทุกที!....
ภายใต้ท้องฟ้าที่มีเมฆมากมาย กลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ดูเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่กลางม้านั่งตัวยาว ดวงตาของเธอมองทอดยาวออกไปอย่างล่องลอย และเฝ้าคิดถึงรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามา ลมเย็นๆพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของเธอเข้าอย่างจังจนทำให้เธอต้องหลับตาหนีชั่วครู่ ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว มันเป็นความคิดที่แล่นเข้ามาหลายต่อหลายครั้ง เมื่อครั้งที่อยู่ๆเธอก็เหนื่อย เพลีย ไม่อยากสู้ต่อและอยากหายไปจากโลกนี้...เหมือนกับการหลับตาหนีสายลมเมื่อครู่
สายตาของเธอนั้นกำลังจดจ้องมองหาอะไรบางอย่างพร้อมกับของเหลวใสสะอาดที่ค่อย ๆ ไหลรินลงมาอาบแก้มทั้งสอง ร่างบางนั้นนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเดิมเพื่อรอใครบางคน … ท้องฟ้าจ้องมองการกระทำที่แสนเศร้าสร้อยนั้นพร้อมกับเมฆหมอกสีเทาอ่อน ๆ ที่รวมตัวกันเพื่อช่วยบังแสงอาทิตย์ให้กับเธอ เหล่าเมฆน้อยต่างพากันเล่าเรื่องราวภายในอดีต … อดีตที่หอมหวานที่ค่อย ๆ จากตัวเธอออกไปเฉกเช่นสายลมที่พักผ่านร่างนั้นไปอย่างไรจุดหมาย อีกนานแค่ไหนการรอคอยถึงจะสิ้นสุดลงพร้อมกับประตูหัวใจที่ยอมเปิดรับความรักครั้งใหม่
นั่นมันแม่เรา 555
การรอคอยมักยาวนานเสมอ
หญิงสาวมองไปรอบกาย เธอไม่แน่ใจนักว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าไร แต่เธอรู้ว่ามันนานพอที่จะเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนสี จากสีฟ้าใส ... เป็นสีเทาหม่น
เส้นผมสีดำยาวปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดผ่าน เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่น้ำใสๆจะหยดลงมาจากดวงตา ... พร้อมๆกับน้ำที่หยดลงมาจากฟากฟ้า
การรอคอยมักยาวนานเสมอ โดยเฉพาะเมื่อคนที่รอ ... ไม่เคยมา
---
ความจริงแล้วนี่ก็งานมโนดีๆนี่เองสินะคะ...หรือเปล่า 55555
เวลาในแต่ละวันชั่งผ่านไปช้าเหลือเกินบนท้องฟ้าอั้นกว้างมีวิวที่สวยแล้วเกาอี้ไม้ยาว1ตัวมีผู้หญิงคน1เธอมานั่งที่นี้ทุกวันในใจเธอนั้นไม่มีความสุขเลยเพราะเธอนั้นพึ่งเลิกกับแฟนของเธอได้ไม่นานเธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยโดยไม่รู้ว่าจุดหมายอยู่ไหนเธอได้แต่คิดว่าฉันจะกลับไปรักกับแฟนคนเก่าได้ไหมแต่ความคิดของเธอนั้นก็ได้ปลิ่วตามสายลมไปเพราะมันจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
ท้องฟ้าช่างมืดเหลือเกิน....เธอพูดออกมาเบาๆ ฉันเห็นเธอพูดแบบนี้ได้ซัก10รอบ แล้วแต่ฉันยังฟังได้ไม่เบื่อ ทำไมล่ะ ทำไมถึงได้ไม่มองฉันบาง...พอฉันหันไปอีกครั้งก็พบกับน้ำตาที่กำลังหลั่งพร้อมกับความมืดของท้องฟ้าที่ฝนกำลังตกลงมา...ฉันรู้ว่า มันเป็นความเศร้าของเธอแต่ฉันก็ทำมันไม่ได้ที่จะต้องปลอบเธอแต่ยังไงขอให้เธอรู้ไว้ว่า... 'ฉันยินดีที่จะร้องให้กับเธอได้เสมอนะ' ---- อะไรกันอ๊ากกเขียนไปแล้วอ่ะอยากลบนะ แต่ก็...นะเขียนมาแล้วก็โพสไปเลยละกัน เขียนผิดบางไม่เป็นไรเนอะ^_^/~ ถ้าให้สรุป(ใครถามไม่รู้555+)ก็น่าจะเป็นพระรองกำลังมองนางเอกอะไรประมาณนี้
"เฮ้อ... อีกแล้วนะเรา ทำไมนะทำไม จึงไม่จำเสียที"
หญิงสาวเอยอย่างเศร้าสร้อย พร้อมกับมองท้องฟ้าที่ขมุกขมัว
"ทำไมเราจึงงี่เง่าแบบนี้ เขาเตือนหลายครั้งแล้ว แต่เราก็ยัง..."
มีน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงบนใบหน้า สายลมพัดเอาความเศร้าเข้ามาเติมใส่หัวใจของเธอ
"ทำไมฉัน... จึงลืมพกร่ม! ทำไม ทำไม"
ว่าแล้ว ฝนก็สาดลงมา...
จบ เปียกกันไป...
ท้องฟ้าครึ้มมัว เมฆหมอกบางๆเหมือนมีพายุฝนกระหน่ำกำลังคืบหน้ามายังที่เธอนั้นได้นั่งอยู่ที่เธอกำลังนั่ง ผมของเธอนั้นลอยปลิวไปตามลม สายตาจดจ้องอยู่กับอารมณ์ของเธอในตอนนี้ เธอรู้ดีว่ามันกำลังเกิดอะไร เธอเองรู้ดีว่าตัวเธอนั้นกำลังทำอะไร อารมณ์ความรู้สึกนั้นถูกหยุดไป เธอนั้นเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกนี้ที่ไม่มีใครมาขัดกาลเวลานี้ไปได้ วันวานยังทำให้เจ็บช้ำ...วันวานยังทำให้เธอรัก... วันวานทำให้เธอได้รู้จักกับการเปลี่ยนแปลงจนเธอนั้นได้ยืนมาถึงจุดนี้ เธอนั้นนั่งคุ่นคิดว่าสิ่งที่เธอนั้นผ่านมานั้นคือประสบการณ์ อย่างน้อยก็ทำให้เธอได้เป็นในแบบที่เธอกำลังเป็นอยู่ ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนเธอคนนี้นอกจาก...รักแท้ รักแท้นั้นเธอเคยได้ยินมันและสัมผัสมัน รักแท้นั้นทำให้เธอได้อบอุ่นกายและใจ รักแท้นั้นก็คือยาพิษขนิดหนึ่งที่ทำให้เธอเองนั้นต้องเจ็บ แต่มันก็เป็นยาวิเศษที่สามารถย้อมจิตใจอันเศร้าหมองนั้นให้แปรเปลี่ยนเป็นจิตใจอันสงบสุขร่มเย็นที่สามารถทำให้เธอเองนั้นได้ไปจากความทุกข์นี้ สิ่งรอบตัวก็ทำให้เธอได้มีกำลังใจเพื่อเดินทางชีวิตไปสู่อนาคตที่สวยงามกว่านี้...สายลมยังลมเพลมพัด...พัดพาสิ่งที่ไม่ดีออกไป...สายลมยังรู้สึกเย็นสบาย...ทำให้ไม่รู้สึกทุกข์และยังทำให้จิตใจนั้นสงบสุข ท้องฟ้าครึ้มมัวก็เป็นสิ่งที่กำลังทดสอบใจเธอเองว่า...มันไม่แน่ไม่นอนเสมอ ท้องฟ้ายังผันเปลี่ยน...สามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ม้านั่งตัวนี้ยังเป็น...ที่พักพิงใจทำให้เธอที่เหลื่อยล้านั้นผ่อนคลาย ผู้คนรอบตัวนั้น...แสดงถึงเธอเองนั้นไม่อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้
It was a photo. A photo of a lone woman sitting on a wooden bench, desolated from people and any other observable beings. Overcast hung on the air allowed no light to penetrate the sky. Weak wind blew across the earth like soundless whisper from beyond the realm of senses. Thick smell of freshly cut grass filled the area and the sound of silence was heard by every entities, observable or not.
She sat there.
She waited there.
Well...I wrote a horror novel. What do you expected?
แต่งนิยายระทึกขวัญหรือครับ เหมือนผมเลย
วันนี้ท้องฟ้าแปลกไปหรือเปล่านะ เสียงถอนหายใจดังขนาดที่คนถอนคงอายุลดลงไปซักสิบปีได้ โลกอันสดใสสวยงามของเธอหายไปเพียงแค่หนึ่งคำสบประมาทจากคนที่ไม่เคยหวังดี ทำไมต้องเก็บเอามาคิดให้วุ่นวายใจด้วย พวกเขาเป็นใครเชียวหรือที่มามีอิทธิพลเหนือใจที่เต็มไปด้วยความฝันของเธอ ถ้าเธอล้มก็จะมีแต่คนเหยียบข้ามคอยแต่ซ้ำลงไป มันอยู่ที่เธอว่าจะเอาคำเหล่านั้นมาต่อเป็นเชื้อเพลิงขับเคลื่อนความฝันหรือเชื้อไฟเผาไหม้ตัวเธอเอง!!
เลือกเอาล่ะกัน ชีวิตของเธอเองนี่!!!
.
..
ดาร์กจัง 555 ได้เท่านี้แหละค่ะ ^^
บรรยากาศรอบกายมืดหม่น... ไม่ต่างจากดวงใจดวงน้อยๆที่กลายเป็นสีดำ '...ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว' ความหวังและความสุขที่เคยมีอยู่เต็มหัวใจ... ถูกพรากจากไปพร้อมกับคนๆนั้นอย่างไม่ใยดี... เจ็บปวดจนไม่อาจบรรยายได้... ภาพในอดีตถูกย้อนเข้ามาในห้วงความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า... ด้วยความตั้งใจของเธอเอง... ความเจ็บปวดที่มีในหัวใจ... เธอจะเปลี่ยน... เปลี่ยนให้มันเป็นกำแพงล้อมรอบหัวใจของเธอ หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าสีเทาด้วยสายตาเฉยชาพร้อมเอ่ยเสียงออกมาอย่างแผ่วเบาเรียบนิ่งแต่ถูกอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวด '....การแก้แค้นได้เริ่มขึ้นแล้ว...'
หญิงสาวนั่งนิ่งๆบนน้านั่งตัวนี้มานานแล้ว เธอรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่เพียงคนเดียวในโลก สายลมพริ้วไหวผ่านหัวไหล่เธอเป็นระยะทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมา เธอใช้มือขวาข้างที่ถนัดกระชับเสื้อเข้ามาใกล้ไหล่
หญิงสาวถอนหายใจ พลางเหม่อมองภาพตรงหน้า ในใจคิดสารพัด
เธอเป็นนักเขียน ไม่ใช่นักเขียนอาชีพแต่เป็นนักเขียนนิยายลงบนเว็บ
เธอรู้สึกเจ็บปวด โลกทั้งโลกของเธอเหมือนเป็นสีเทา เมื่อครู่เธอได้เข้าไปในกระทู้หนึ่งในเว็บ dek-d.com ที่มีชื่อว่า 'เบื่อนักเขียนไม่มีความรับผิดชอบ'
นี่........ เธอผิดหรอที่เขียนมันออกมาไม่ได้? พล็อตที่มีอยู่เต็มหัว เวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า มันไม่ได้ช่วยทำให้เธอเขียนได้......เลยซักนิด
เธอร้องไห้ออกมา มีน้ำตาสองสามหยด แล้วเธอก็หยุดร้อง เธอบอกตัวเองว่าต้องพยายาม
........พยายามมากี่ครั้งแล้วล่ะ? เสียงในใจเธอแว่วออกมา
เธอพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอทุ่มเทกับการเขียน เธอใช้เวลาเป็นปีกับนิยายเรื่องนี้ แต่ตอนนี้นิยายก็มีเพียง 3 ตอนเท่านั้น.....
3 ตอนสั้นๆที่ใช้เวลามากมายเขียน
ความรู้สึกมันเอ่อล้นมาจากข้างใน เธอเสียใจ เธออยากร้องไห้.....
บางทีเธอก็เบื่อที่ถูกกดดัน บางทีเธอก็เหนื่อยที่ต้องลุกซ้ำๆ ทั้งที่รู้ว่ายังไงตัวเองก็จะล้มอีก
นี่ คุณตุ๊กตาล้มลุก........เราเป็นเหมือนกันเลยนะ
คุณตุ๊กตาล้มลุก คุณเหนื่อยบ้างรึเปล่า? บางทีฉันก็อยากเป็นเหมือนคุณนะ..... ถึงจะถูกผลักให้ล้ม แต่ก็ลุกขึ้นมาได้เสมอ
แต่ตอนนี้......ไม่ไหวแล้วล่ะ เธอกัดเม้มริมฝีปากแน่น
เธอตัดสินใจแล้ว............เธอจะเลิกเขียนนิยาย
ลาก่อนนะ ทุกคน............
หญิงสาวนั่งครุ่นคิดถึงความรักที่เพิ่งจะจบลง โดยไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบตัว ไม่ว่ามันจะดูขมุกขมัวเช่นไร เธอไม่ได้เหงา ซึมเศร้าเหมือนๆกับสภาพโดยรอบหรอกนะ ตอนนี้เธอมีเพียงความมุ่งมั่นที่จะต้องชิงดวงใจอันเป็นที่รักของเธอคืนมา เสียงของเขายังคงดังก้องเข้ามาในหู
" ที่รัก....ผมเริ่มเอื้อมไม่ถึงความรักของเราแล้ว พอๆกับที่ผมไม่สามารถกอดกระชับเอวคุณได้รอบอีกต่อไป "
เขาหมายถึงอะไรกัน เธอแค่น้ำหนักขึ้นเพียงเล็กน้อยภายในหนึ่งเดือน (10 กิโล) เธอถูกสลัดรักด้วยเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ การกินจนจุกไปถึงคอเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ใช่ไหม เฮ้อ!! อาหารช่างเป็นอุปสรรคและบั่นทอนความรักที่ร้ายกาจยิ่ง
' ได้เลย ' เธอคิด ' ฉันจะต่อสู้กับอุปสรรคในครั้งนี้ ' ว่าแล้วเธอก็เอามือลูบท้อง อาหารที่เพิ่งผ่านเข้าไปในท้อง ยังไม่ทันได้ผายลมหรือเข้าห้องน้ำแต่อย่างใด
เธองอตัวเล็กน้อย เอามือล้วงเข้าไปในปาก เริ่มมีเสียงโอ๊กอ๊าก ก่อนที่อะไรจะเริ่มทยอยออกมา เธอเอามือออกเพื่อมาปิดปากไว้
' คิดอีกที ผู้ชายที่ไม่รู้คุณค่าอาหารขนาดนั้น ช่างเป็นชายที่เหยาะแหยะเหลือเกิน ขี้ก็ไม่กำ ตดก็ไม่เอา แล้วเราจะสนใจไปทำไม ' คิดแล้วสาวเจ้าก็กลืนสิ่งที่กำลังจะออกมา ลุกขึ้นอย่างมั่นใจ และจากสถานที่นั้นไปแบบไม่เหลียวหลัง
มนุษย์มักไขว่คว้าและมองหาพลังพิเศษอยู่เสมอ... มันเป็นประหนึ่งความฝันตั้งแต่วัยเยาว์ของใครหลายคน แต่พลังพิเศษบางครั้งก็ไม่ใช่สิ่งดี ‘เธอ’ ได้รับพลังที่สามารถตรวจสอบความชั่วและความดีของทุกสิ่งตรงหน้า แลกมาด้วยสายตาที่ไม่สามารถมองเห็นสีสัน หากเหลือเพียงโลกสีเทาที่ขุ่นมัว... ก็เท่านั้น
....แต่ข้อเสียที่สุดคือมองฟ้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฝนตก เธอจึงต้องใส่เสื้อกันฝน พกร่มทุกวี่วัน
จบ
ในเช้าวันที่ควรจะสดใส แต่มันกลับไม่สดใสเลยสักนิด
ฉันเคยมีความสุขกับการปิดประตูกระแทกหน้าใครสักคน
และกักขังตัวเองอยู่ในโลกส่วนตัว โลกที่มีฉันเพียงคนเดียว
โลกที่เป็นเพียงของฉัน...
ฉันนั่งเขียนไดอารี่นี้ และไม่หวังให้ใครได้มาอ่าน
เพราะไม่รู้ว่าจะเหลือมนุษย์สักกี่คนบนโลก ที่จะได้มาอ่านบันทึกของฉัน
แม้จะรู้ว่าสถานที่นี้ ห่างไกลจาก "พวกมัน" มากก็ตาม
แต่ใครจะการันตีได้ ในเมื่อความไม่แน่นอน คือ ความแน่นอนที่สุดในชีวิตเรา
ฉันสูญเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเพื่อน คนรัก ครอบครัว
เพราะเชื้อบ้า ที่รัฐบอกว่ารับมือกับมันได้ แต่พวกเขาก็ล้มเหลว
ไม่รู้ว่านี่จะเป็นการเขียนครั้งสุดท้ายของฉันรึเปล่า เพราะหมึกที่มีก็ทำท่าว่าจะหมดเต็มที แต่วันนี้ท้องฟ้าก็ถือว่าไม่เลว แม้ว่าในความรู้สึกของฉันมันจะไม่สวยเลยสักนิด แต่ก็ดีกว่าต้องอัดอั้นอยู่ในรูหนู รอความตายมาเยือน
เอาล่ะ..... เราคงต้องเดินทางกันแล้ว ไดอารี่ที่รัก
ฉันมองเห็นถนนสายหลักของที่นี่แล้ว
ฉันจะไม่ลืมครั้งหน้าสำหรับปากกาด้ามใหม่
รัก
ฟินิกส์
โลกนี้กลายเป็นสีขาวดำ...คงเป็นเพราะเธอจากไป..
ผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมทุกๆวัน เธอมักจะมานั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อย ผมมักจะเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้นเสมอ บนม้านั่งตัวนั้น ผมมักจะมองเห็นหญิงสาวคนดังกล่าวหลุดลอยเข้าไปในความเพ้อฝัน เธอมักจะยิ้มให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา
แต่ในวันนี้เธอกลับเปลี่ยนไป
ผู้หญิงคนนั้นยังคงมานั่งที่ม้านั่งตัวเดิมของเธอ แต่ในวันนี้เธอไม่ได้มานั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือมองดูผู้คน แต่เธอกลับเหม่อลอย ด้วยสายตาที่ว่างเปล่าที่ทอดมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย หญิงสาวไม่ได้ยิ้มเหมือนเช่นเคย เธอนั่งอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน แต่เธอก็ยังมองออกไปอย่างว่างเปล่า มือที่กุมประสานกันที่หน้าตักบีบกันจนแน่น ความรู้สึกของหญิงสาวว่างเปล่า เจ็บปวด โศกเศร้าจากการสูญเสียคนอันเป็นที่รัก
โลกทั้งใบของเธอกลายเป็นสีเทา
ทุกๆ อย่างดูหม่นหมองไปแล้วสำหรับหญิงสาวคนนี้
ผมได้แต่เฝ้าดู อย่างนิ่งเฉย เหมือนที่ผมทำมาตลอด และยังคงทำอยู่ ผมได้แต่เฝ้าดู ..............เท่านั้น
สีเทา...
ไม่ว่ารอบข้างจะเป็นยังไงแต่บรรยากาศสีเทาคล้ายกับความเศร้ากระจายรอบตัว เมฆก้อนใหญ่หยุดนิ่ง...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีสายลมพัดหรือแสงแดดสาดส่องลงมาหรือเปล่ามันเกือบจะคล้ายกับความว่างเปล่า หญิงสาวผมยาวประบ่านั่งหันหลังอยู่บนเก้าอี้ไม้ต่อหยาบๆ เดียวดายแม้แผ่นหลังบ่งบอกถึงความเศร้าสร้อยแต่ไม่รู้ว่าในใจจริงเธอกำลังรู้สึกยังไงหรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังรู้สึกหรือไม่ ผืนหญ้ารอบข้างและต้นไม้ไม่อาจบอกอะไรได้และอาจจะไม่รู้ว่าจะบอกอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งราวกับการสั่งหยุดของห้วงเวลาที่อาจตัดสินใจแช่แข็งภาพนั้นไปชั่วนิรันดร์
ท้องฟ้าสีเทากับเธอคนเดียว... หญิงสาวนั่งก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบงัน รอบกายเธอไร้เงาผู้คนหรือสิ่งมีชีวิต เธอสัมผัสได้ถึงอากาศอบชื้นคล้ายตอนฝนกำลังจะตก ให้ความรู้สึกอึดอัดที่มีอยู่แล้วเพิ่มพูนขึ้นอีก หญิงสาวเอามือแตะท้องเบาๆ พลางขบริมฝีปากอย่างครุ่นคิด เธอไม่กล้าเงยหน้ามองอากาศสีหม่นเศร้ารอบตัว เพราะการต้องอยู่คนเดียวในสวนสาธารณะที่ปิดทางเข้าออกไปแล้วก็น่ากลัวเกินพอ... ให้ตายเถอะ ทางออกเปิดเมื่อไหร่เธอจะรีบเผ่นออกไปเลย ไม่มานั่งหงอยเหงาเศร้าสร้อยเป็นนางเอกเอ็มวีอยู่ตรงนี้อีกแล้ว เธอขอสาบาน!
ไม่รู้เธอเป็นใครแต่บรรยากาศรอบตัวของเธอนั้นช่างหมองหม่นเหมือนกับเธอในตอนนี้
`แหลก - season five`~~~
คืนวันล่วงเลยผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว ที่เธอได้เห็นแต่ภาพไร้สีสันที่สดใส มันคงจะนานมากแล้วก็ตั้งแต่นาคินคนที่เธอเธอรักได้จากเธอไปแบบไม่มีวันหวนคืนกลับมาหาเธอ เธอยังนั่งรอเขาอยู่ตรงนี้ที่เดิม ที่ที่เราทั้งสองเคยนั่ง เคยเล่นเคยมีความสุขด้วยกัน แต่ตอนนี้มันกลับเป็นแค่เก้าอี้ไม้เก่าๆธรรมดาตัวหนึ่งที่รอวันจะผุผัง เหมือนหัวใจของเธอที่รอวันจะเ-่ยวเฉา....//
เธออยู่ที่นี่จริง ๆ ม้านั่งยาวในทุ่งกว้าง จุดที่เราสองคนพบกันครั้งแรก ต่างกันเพียงความรู้สึกภายในใจของเราทั้งสอง ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าเข้มระบายด้วยเมฆขาวถูกความหม่นหมองของสองเรากลบกลืนจนไม่เหลือความมีชีวิตชีวา ในสายตาของเธอและผมไม่เหลือสีสันอันสดใสอีกแล้ว สีขี้เถ้ารอบตัวเป็นดังตัวแทนของความสัมพันธ์ที่ผุพังและมอดไหม้
นี่คงเป็นสถานที่ซึ่งเราสองคนจะใช้เป็นจุดลาจาก ม้านั่งตัวเดียวกันในยามแรกพบ เราทั้งสองคนเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่คนที่รักกันอีกแล้ว ผมก้าวเดินมุ่งตรงไปยังม้านั่งตรงหน้า ในใจคิดว่าเธอกำลังคิดทบทวนถึงเรื่องราวหนหลังระหว่างเราสองหรือไม่
เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มเศร้าๆให้ท้องฟ้าสีเทาหม่นหมองที่เห็นจนชินตาในฤดูฝน ทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าท้องฟ้านั้นอ่านใจเธอหรือเปล่า...ถึงสะท้อนอารมณ์ของเธออกมาประจาร์ณตอกย้ำกันแบบนี้ หึ อุตสาห์ลากตัวเองขึ้นบนเนินเขานี่แล้วแท้ๆกะว่าจะมาดูวิวสวยๆเผื่อจะลบล้างความเศร้าของเธอออกไปได้บ้างไม่มากก็น้อยแต่กลับมาเจอท้องฟ้าตอกย้ำให้เศร้าหนักกว่าเดิมแบบนี้...น่าหัวเราะจริงๆ
เธอกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ กำลังเล่นเฟส ……………………
คุณยังไม่ให้เครดิตภาพเลยนะ ให้เครดิตภาพเพื่อให้เกียรติเจ้าของภาพนี้ด้วยนะครับ^^
ทำไมท้ายๆถึง..
.
ท้องฟ้าที่ดูมืดครึมก็เหมือนอารมณ์ของเธอในตอนนี้. เธอไม่อาจจะถอนตัวมาจากที่นั่นได้ เพราะเธอมัวแต่คิดถึงคนรักที่จากไปแสนไกลแล้วที่ๆเธอนั่งอยู่ในตอนนี้เป็นสถานที่ที่เธอกับคนรักเคยให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่าจะไปทิ้งกันไปไหนและเป็นสถานที่ที่คนรักของเธอขอเธอแต่งงาน มันช่างเป็นอะไรที่แสนเศร้าจนเธอนั้นกลั้นหยดน้ำที่คลอเป้าไว้ไม่อยู่. เขาจากเธอไปเร็วเกินไปที่เธอจะทำใจได้ทุกๆวันเธอจะมานั่งที่ม้านั่งตัวนี้เพื่อรำลึกถึงคนรักของเธอ. เธอก็หวังไว้ในใจเสมอว่าคนรักของเธอจะมีความสุขในที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้
บนม้านั่งตัวเก่าที่'เคย'เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของชายหญิงคู่นึง หญิงสาวคนเดิมนั่งเหม่อลอยอยู่เพียงลำพัง ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองท้องฟ้าสีเทาที่กว้างใหญ่ สีเทา..ที่ดูอ้างวางและมืดมน "คุณหายไปไหน.." ร่างบางบ่นพึมพัมก่อนจะถอนหายใจออกมาและเปลี่ยนเป็นหัวเราะอย่างสมเพศตัวเอง เธอต้องบ้า บ้าของจริง นี่มันตลกสิ้นดี เธอมีเหตุผลอะไรที่จะต้องมานั่งรอใครคนนึงที่ไม่เคยแม้แต่จะสนใจว่าตอนนี้เธอจะรู้สึกยังไง มันไม่มีเหตุผล มันไร้สาระ..แต่เธอก็ยังมานั่งอยู่ตรงนี้ที่เดิมทุกวัน..แค่หวังว่า'เขา'คนนั้นจะกลับมา //ปล.พิมพ์ในแอพ เว้นวรรคไม่ได้ค่ะ T^T
ท้องฟ้าเป็นสีเทา พาความเหงามาเยี่ยมเยือน
ดวงตาช่างพร่าเลือน เต็มไปด้วยม่านน้ำตา
โอ้ความรักเจ้าเอย ไฉนเลยไม่เห็นใจข้า
ขอวอนกาลเวลา ช่วยพัดพาความเหงาไป
บรรยายได้แค่นี้แหละครับ 555+ // โดนถีบกระเด็นไปนอกกระทู้
บาทที่2ไม่สัมผัสนะคะ ควรจะเป็น
ดวงตาช่างพร่าเลือน โลกคล้อยเคลื่อนด้วยนำ้ตา
แต่งกลอนเก่งมากเลยค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?