"สิว" หายไม่ยากอย่างที่คิด
เราเป็นสิวเยอะมาก เป็นสิวสเตอรอยค่ะเพราะเคยใช้ครีมทาหน้าที่สั่งจากเน็ต ตอนใช้ไปแรกๆสิวลด หน้าใสมากค่ะ แต่พอเลิกใช้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้นแหละ มาเต็มหน้าเลยค่ะ เป็นมากกว่าก่อนที่จะใช้ครีมอีกก็เลยหยุดใช้แล้วไปหาหมอผิวหนังแทน ซึ่งไปหาหมอครั้งแรก(หมอผิวหนัง) คุณหมอก็บอกนะคะว่าเป็นสิวรักษาให้หายได้แต่ต้องใช้เวลาหน่อยแล้วให้ปฎิบัติตามดังนี้เลยค่ะถ้าไม่อยากให้หน้าเป็นสิวมากกว่าเดิม
1. 1. อย่านำมือไปงัด แงะ แกะ เกา ลูบ คลำ หรือใช้ทิชชู่ ผ้าเช็ดหน้า กระดาษซับหน้ามัน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่สัมผัสกับหน้าบ่อยๆ เพราะสิ่งที่เรานำมาสัมผัสกับผิวหน้าใช่ว่าจะสะอาดร้อยเปอร์เซน แล้วถึงรักษาสิวเก่าหายไปเดี๋ยวสิวใหม่ก็จะขึ้นมาแทนอีกถ้าเรายังสัมผัสผิวหน้าบ่อยๆ
2. 2. ให้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งเท่านั้น อย่าล้างหน้าบ่อย ซึ่งจะทำให้หน้ามันมากกว่าเดิม (แรกๆข้อนี้สำหรับเราทำได้ยากมาก เพราะเราเองที่เมื่อไรรู้สึกว่าหน้าก็จะล้างหน้า)
3. 3. หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ
ซึ่งข้อปฎิบัติที่คุณหมอให้ทำตามก็มีแค่นี้ ส่วนยาที่ใช้ในการรักษาของเรานั้นมีทั้งยากินและยาทาเลยค่ะ ซึ่งเราดูแล้วเป็นยาที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไปค่ะ เป็นยาที่เกี่ยวกับการรักษาสิวที่มีความรุนแรงเล็กน้อยถึงปานกลางนะคะ
ยากิน
Oxytetracycline มันก็คือยาแก้อักเสบ ฆ่าเชื้อหรือรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไป ถ้าไปซื้อเองก็บอกเภสัชกรว่ายาแก้อักเสบที่เกี่ยวกับสิวเภสัชกรก็จะบอกวิธีการกินยาที่ถูกต้อง แต่ของเราคุณหมอให้กินก่อนอาหารตอนเช้าและเย็น กินจนกว่ายาจะหมด
ยาทา
1. VA หรือ Va cream ยานี้อยู่ในรูปแบบครีมสำหรับทาผิวหนัง เพื่อรักษาสิวขั้นเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเร่งการหลุดลอกของผิวหนังบริเวณที่เป็นสิว และลดการอุดตันของรูขุมขน ยานี้เป็นยาควบคุมการเกิดสิวเท่านั้น ไม่ใช่ยารักษาสิวให้หายขาด ยานี้ใช้เพื่อรักษาริ้วรอยที่เกิดจากสิวบนใบหน้า จะใช้ทาหน้าวันละครั้งก่อนนอนเท่านั้นค่ะ
2. 2. BP หรือ Benzoyl Peroxide สามารถช่วยรักษาสิว ลดการเกิดสิวได้หลายชนิด ทั้งสิวอักเสบ สิวผด สิวอุดตัน เรียกได้ว่าถ้าใครไปหาหมอรักษาสิวนั้น จะต้องได้รับยาในกลุ่ม BP นี้มาใช้อย่างแน่นอน BP นั้นใช้ได้ผลดีมากในการรักษาสิวน้อย-ปานกลาง ยาตัวนี้ไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งจากแพทย์สามารถซื้อใช้เองได้ มีความเข้มข้นตั้งแต่ 2.5% 5% และ 10% หากต้องการใช้ที่ความเข้มข้นที่มากกว่า 10% จะต้องใช้ใบสั่งจากแพทย์ โดยการใช้นั้นจะมีระบุอยู่ที่ใบกำกับการใช้ยาถ้าไปซื้อตามร้านขายยานะคะ แต่ถ้าไปตามคลินิกคุณหมอจะเป็นผู้บอกเราว่าจะต้องใช้อย่างไร ของเราตอนไปครั้งแรกคุณหมอให้ใช้ความเข้มข้น2.5% ทาเช้าและก่อนนอนทิ้งไว้5นาทีแล้วล้างออก แต่พอไปครั้งหลังคุณหมอถามว่าเคยทาเกิน5นาทีและแสบหรือคันบ้างมั้ย เราก็บอกว่าเคยทาเกิน5
3. 3. CM หรือ Clindamycin ช่วยจัดการต้นเหตุการเกิดสิวของเราและจะช่วยไม่ให้สิวของเราเกิดการติดเชื้อ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ สิวหนอง บนหน้าของเรา ช่วยในการลดสิวสิวอักเสบ สิวหนอง สิวหัวช้าง สิวที่กำลังจะขึ้น สิวที่หัวมันแดงๆ สิวเม็ดใหญ่ๆ สิวแบบเบสิคๆ โดยของเราที่ได้มาจากหมอเป็นแบบน้ำใสๆ ไม่มีสี แต่มีกลิ่นคล้ายๆแอลกอฮอล์ ไม่ฉุนมาก การใช้ก็ใช้แต้มตรงเฉพาะที่เป็นสิวเท่านั้น
4. 4. BHA หรือ Salicylic Acid มีสรรพคุณในการรักษาสิวอุดตันและรอยแผลสิว หรือจุดด่างดำจากสิวได้ดีเพราะSalicylic Acid นั้นมันละลายได้ดีในน้ำมัน มันจึงสามารถเข้าไปชอนไชขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ในรูขุมขนของเราได้ดี นอกจากนี้ Salicylic Acid ยังมีฤทธิ์ที่ช่วยผลัดเซลผิวชั้นบนของเราให้หลุดลอกออกไปก่อนเวลาอันควร ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันการอุดตันของสิวแล้ว ยังมีผลทำให้รอยสิว จุดด่างดำจากสิวดูจางลงได้อีกด้วย(ถึงแม้จะช่วยได้ไม่มากก็ตาม) เรียกได้ว่าเป็นยารักษาสิวอุดตันชั้นดีอีกตัวหนึ่งเลยทีเดียว ในเมื่อมีข้อดีข้อเสียก็มีเหมือนกันคือจะทำให้ผิวของเราแห้ง แตก เป็นขรุย จัดเป็นสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิวสูงมากๆตัวหนึ่ง ดังนั้นใครที่เป็นคนผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย อาจไม่เหมาะที่จะใช้ Salicylic Acid หรือ BHA ในการรักษาสิว หรือแม้กระทั่งคนที่มีผิวมัน ผิวผสม หรือผิวที่แข็งแรง เมื่อใช้ Salicylic Acid ในการรักษาสิวก็ควรทามอยเจอไรเซอร์ควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความแห้งตึง หรือความระคายเคืองของผิว ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมให้การรักษาสิวได้ผลดีมากยิ่งขึ้น
ไม่เคยเขียนกระทู้ที่ยาวขนาดนี้มาก่อนเลย ถ้าเพื่อนคนไหนมีปัญหาก็ลองไปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรได้เพราะยาทุกตัวนั้นไม่ว่าใครก็สามารถที่จะใช้ได้ บ้างคนอาจจะแพ้สารบางชนิดในยาทำให้เป็นมากกว่าเดิมอะไรประมาณนี้ ส่วนตอนนี้หน้าก็ใสกิ๊งแล้วจากการปฎิบัติตามที่หมอแนะนำและใช้ยาที่บอกไป คุณหมอเคยบอกไว้ว่า “ ไม่มียาที่ขับสิว หรือ เรียกให้สิวออกมาซะให้หมดจะได้จบๆกันไปอะไรทำนอง การคิดแบบนี้ทั้งประมาทและไม่ถูกต้อง ถ้าคุณมีสิวขึ้นใหม่อยู่เรื่อยๆแสดงว่ามีปัญหาเรื่องการ "ป้องกัน" อย่าปลอบใจตัวเองว่า ยาที่ใช้ "รักษา" มันคงจะขับสิวออกมาให้ เดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง คุณควรทบทวนดูว่า ยังบกพร่องในการปฏิบัติข้อไหนหรือไม่ เพราะการป้องกันนั้น ใช้การหลีกเลี่ยงและพฤติกรรมสุขภาพ ขณะที่ยาเป็นเครื่องมือของการรักษา ไม่ใช่เครื่องมือของการป้องกัน " รับรองถ้าเพื่อนๆทำตามที่คุณหมอบอกสิวจะต้องค่อยลดแล้วหายไปในที่สุดแน่นอน สู้ๆค่า
แสดงความคิดเห็น