Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

การเป็นคนอ้วนมันเจ็บปวดและการเป็นคนผอมที่เจ็บปวด

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

การเป็นคนอ้วนมันเจ็บปวด และการเป็นคนผอมที่เจ็บปวด

 

คือขอเกริ่นก่อนว่าที่มาเขียนเรื่องนี้เพราะว่าเพื่อนบอกว่าให้เอาลองมาลงดูและแชร์ประสบการณ์ของตัวเองดูค่ะ

 

เริ่มแรกเริ่มจากที่ตัวเองเป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เกิด อ้วนมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว คือไม่เคยผอมและแม่ก็เป็นคนจับเราแต่งตัวเลยไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนอ้วนเลย

จนกระทั้งโตขึ้นมาก็คิดตลอดว่าตัวเองไม่ใช่คนอ้วน เราแค่อวบเพราะคนรอบข้างก็จะบอกว่าเราอวบไม่ได้อ้วนเราก็เชื่อ และอย่างยิ่งเวลาซื้อเสื้อผ้าเราก็ไม่ได้กังวลเพราะเรามักจะใส่ไซร์ใหญ่สุดคือ XL

จึงคิดว่าตัวเองไม่ได้อ้วนขนาดหาเสื้อผ้าใส่ไม่ได้ ทั้งที่จริงๆแล้วบางร้านไซร์ใหญ่สุดบางทีก็ใส่ไม่ได้

 

ส่วนตัวคือ สูง 163 น้ำหนักคือ 78กิโลกรัม

 

นอกจากนี้ยังเป็นคนชอบแต่งตัวนะ เห็นนิตยสารก็แต่งตัวแต่งหน้าเหมือนเขา เวลามีคนมองก็คิดว่าเขามองทำไม (ซึ่งอันที่จริงเขาคงมองว่าอีนี้อ้วนแล้วยังจะแต่งเต็มขนาดนี้อีก แต่งโชว์ด้วย)

 

มาเริ่มอ้วนจนมากที่สุดคือน้ำหนักเจ็ดสิบกว่า เกือบๆแปดสิบแต่ก็มักจะบอกตัวเองเวลาใครถามว่าน้ำหนักเท่าไร เราก็จะตอบเขาไปว่าเจ็ดสิบห้าทั้งๆที่จริงๆก็เกือบแปดสิบอยู่แล้ว ถึงขนาดพ่อจ้างให้ลดน้ำหนักก็ไม่ยอมลด ลดแค่สองสามโลเอาเงินแล้วก็กลับมากินต่อ

 

ชีวิตก็ดำเนินมาเรื่อยๆ ไม่มีคนเข้ามาจีบเลย ชอบใครเขาก็ไม่มีท่าทีจะเล่นด้วย จนกระทั้งมีแฟนตอนประมาณอยู่ปีสาม(ตอนนั้นมีแฟนเป็นผู้หญิงเด็กกว่า) รู้สึกดีและมีความสุขมากเขาดีกับเรามากและรู้สึกว่าโอเค ยิ่งคิดว่าเออ..เราก็ไม่ได้แย่อะไรมีแฟนแล้วแสดงว่าเราก็ไม่ได้ขี้เหร่

 

จนกระทั้งมารู้ความจริง คือเพื่อนเขาที่เป็นเพื่อนเราอีกทีมาบอกว่า จริงๆแล้วที่แฟนเราเขาคบกับเราเพราะว่า เราทุ่มให้เขามาก และเขาเองก็ไม่มีคนคุยด้วย คบเราเพราะสงสารเราเข้าหาเขามากๆเขาจึงคบเรา

 

เป็นจุดที่คิดว่าเราขี้เหร่ ที่คนเขามองเราเพราะเขามองเราด้วยสายตาแปลกๆไม่ใช่เรื่องชื่มชม

เลยเริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจังครั้งแรก เพราะอยากให้เขาเสียดาย อยากให้เขาเลิกกับเราไปแล้วเราต้องดีขึ้น เอาว่ะ..ซักตั้ง ห้าหกโลก็พอ

 

อยากเข้าฟิตเนส..เป็นความคิดแรก เอาเงินไปสมัครเลย พอไปได้วันแรกไม่ไปอีกเลย

เจอเทรนเนอร์ฝึกโหดมากๆ และลบวกกับเป็นโรคหอบหืดรุนแรง เขาบังคับให้วิ่งก็หายใจไม่ทันต้องรีบพ่นยา หลังจากนั้นจึงกลัวเลยไม่ไป

 

จากนั้นก็คิดว่าต้องควบคุมอาหารเอาละกัน เลยใช้วิธีงดแป้ง คืองดขาดเลย เริ่มมจากการกินแต่กับข้าวไม่ทานข้าว ไม่ทานของทอดทานแต่ของต้มๆกับผัก (ส่วนตัวไม่ชอบกินผลไม้ เลยกินแต่ผัก) ทานอย่างนี้อยู่ประมาณสองอาทิตย์ น้ำหนัดลดลงประมาณ สามสี่กิโล เลยเริ่มคิดว่าถ้าเรากินน้อยกว่านี้เราต้องผอมกว่านี้ซิ

 

ทานปลาแล้วไม่อ้วน..เลยกินแต่ปลาแซลมอนดิบกับน้ำซุป สองมื้อต่อหนึ่งวัน โดยตอนเช้ากินอาหารตอน 10โมง และอีกมื้อคือ บ่าย 2โมง งดขนมทุกชนิด ของทอดแป้ง คือกินแค่นั้นจริงๆ ทานน้ำหวานแค่เลี้ยงน้ำตาลไม่ให้น้ำตาลต่ำ

นั้นคือช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดในชีวิต ร้องไห้ทุกวันจนท้อ ถามว่าอยากผอมแค่ห้าหกโล ต้องทรมานขนาดนี้เลยหรอ หิว ปวดท้อง และเริ่มวูบ แต่ก็ไม่ยอมเลิก บอกตัวเองว่ามาขนาดนี้แล้วจะไม่หันหลังกลับ ไม่อยากกลับไปเป็นคนเดิมที่อีกต่อไป คนที่คนอื่นมองด้วยสายตาแปลกๆ คนที่สังคมบอกว่าเราไม่ได้อยู่บนพื้นที่เดียวกับเขา(ยกเว้นเพื่อนเรานะที่มองเราปกติ) ทำแบบนี้อยู่หกเดือน น้ำหนักลดลงดว่า สิบห้ากิโล โดยไม่ต้องออกกำลังกาย

 

** ทั้งหมดนี้ไม่ทานยาลดความอ้วนนะคะ เพราะว่า คุณแม่ฆ่าตัวตายเพราะยาลดความอ้วนแล้ว เนื่องจากท่านทานยาลดความอ้วนติดต่อกันมา 11 ปี พอยาตัวที่ทานไม่ผลิตก็เหมือนกับเริ่มเพี้ยนๆไป จึงไปกระโดดตึกที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง **

 

จากนั้นก็เริ่มคิดว่ามาถูกทางจึงกินกับข้าวแต่ยังงดแป้ง ทานสองมื้อเหมือนเดิม น้ำหนักลงช้าลง จนกระทั้งลงมาเหลือประมาณ 55 กิโลกรัม แล้วก็ไม่ยอมลง

 

ผอมสมใจแต่ผลที่ตามมาคือ ผมร่วงเยอะมาก และผิวหนังก็เ-่ยวแต่ด้วยความกลัวเทรนเนอร์ก็ไม่ยอมไปฟิตเนส

 

ก็เริ่มคิดว่าเราก็สวยแล้ว เริ่มมีความสุขแล้ว เริ่มแต่งตัวจริงๆจังๆ สนุกกับการซื้อเสื้อผ้าอฃและเริ่มกลับมาทานเพราะคิดว่าผอมแล้ว แต่ก็ยังมีความระวังในการกินมากอยู่ จนผ่านไปเกือบสองปี

 

ผลคือน้ำหนักขึ้นมา อยู่ที่ 60 กิโล ด้วยความเพลินกับการกินและเริ่มตระหนักได้ว่า ถ้ากินน้ำหนักจะขึ้นทันที เริ่มกังวล เริ่มวิตกจริต และเริ่มเครียด กลับมาอดอาหารอย่างหนักอีกครั้ง คราวนี้น้ำหนักลงช้ามาก ลงมาได้ 57 ก็หยุดไม่ยอมลง เริ่มเครียดหนักขึ้นเรื่อยๆ ผนวกกับเทรนการออกกำลังให้มีซิกแพ๊คกำลังมา เลยเริ่มคิดว่า ออกกำลังกายดีไหมเรา

 

จึงตัดสินใจครั้งใหม่ออกกำลังกาย เริ่มจากออกที่บ้านก่อน เล่นฮูลาฮูป และปั่นจักรยาน วันล่ะ 30 นาที แล้วจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทุกวันนี้เข้าฟิตเนส 2 ชั่วโมงครึ่งต่อหนึ่งวัน โดยเดินเร็ว 40 นาที เวทอีก 1 ชั่วโมง เขาคราสเอ็กเซอร์ไซน์อีก 1 ชั่วโมง น้ำหนักจึงลงมาที่ 51 กิโลกรัม

 

เหมือนจะมีความสุข แต่ผลคือการเป็นโรควิตกจริตเรื่องการกิน

ต้องคอยนับแคล กินอาหารคลีนไม่ปรุงรส ต้องออกกำลังทุกวันจนเหมือนเป็นบ้า ทุกวันนี้กินไม่เกิน1500 แคล ออกกำลังกายหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเพื่อนเริ่มถามว่าจะลดน้ำหนักไปถึงไหน เพื่อนชวนกินอะไรก็ไม่กินจนเพื่อนไม่สนุก

 

มันเป็นความเจ็บปวดในอีกรูปแบบ..มาในรูปแบบของความผอมที่คนอื่นไม่เข้าใจ

เป็นคนอ้วนว่าเจ็บปวดแล้ว แต่การเป็นคนอ้วนแล้วมาผอมแต่ก็ยังคิดเสมอว่าเราอ้วน มันเจ็บปวดกว่า

 

ถามว่าภูมิใจในตัวเองไหม บอกว่าภูมิใจมากที่ทำได้ แต่มันก็มีผลที่ตามมาของมันเอง

 

ดังนั้นเลยคิดว่า จริงๆแล้วคนอ้วนที่ไม่คิดลดน้ำหนักเลยคือคนที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเรา ที่เขาสามารถอยู่ได้อย่างภูมิใจในตัวเอง แต่เราก็อาจจะเป็นคนแพ้ที่ทนต่อแรงกดดันไม่ได้ จึงต้องมาลดน้ำหนัก คนอ้วนหลายคนจึงน่าชื่นชมที่เขาสามารถมีความสุขกับตัวเองได้จริงๆ และมีค่ามากว่าจะโดนดูถูกหรือปฏิบัติตัวไม่ดีด้วยกับเขา


หากมีเรื่องอะไรผิดพลาดหรือไม่ถูกใจใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ เพราะนี้คือประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอมา

 

แสดงความคิดเห็น

>

20 ความคิดเห็น

Nunee_Aiman 5 มิ.ย. 58 เวลา 02:53 น. 1

สู้ต่อไปค่ะ ไรเตอร์ #ชานปีศาจ กิกิ
ตอนนี้ก็สวย น่ารักแล้วนะคะ อย่าหักโหมกับมันมากเกินไป เป็นกำลังใจค่ะ เราก็เป็นคนนึงที่กำลังลดน้ำหนัก แต่เราไม่ได้อ้วนมาก ออกอวบมากกว่า ก็ไม่เข้าตัวเองเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะเห็นคนอื่นผอม ใส่เสื้อผ้าสวยมั่งค่ะ fighting!!!

1
nubi 6 มิ.ย. 58 เวลา 11:04 น. 2-1

ขอบคุณมากๆนะคะ ไม่สวยหรอกค่ะ ยังอีกไกลลลลลล

0
!###$ 5 มิ.ย. 58 เวลา 20:22 น. 3

เท่าที่อ่านนะ ปัญหาคือยังกำหนดความพอดีไม่ได้ เลยหาจุดที่ลงตัวยังไม่ได้ บางที่ก็เลยทำมากไป บางทีก็ทำน้อยไปอะไรแบบเนี้ย ถ้าหาความพอดีได้ความวิตกอาจจะลดลงก็ได้
อาหารก็กินเพิ่มขึ้นได้นะ เพียงแต่ต้องออกกำลังกายเพิ่มตามไปด้วย

......ถ้าเป็นผู้ชายนะ อยากจะชวนมาทางสายนักเพาะกาย555 ถึงเป็นผู้หญิงแต่ถ้ามีกล้ามหน่อยๆก็โอนะ เอาแค่พองามไม่บึ้กเกินไป

1
nubi 6 มิ.ย. 58 เวลา 11:03 น. 3-1

ขอบคุณมากนะคะนี่กำลังหาจุดสมดุลเลยค่าาาา

0
nubi 7 มิ.ย. 58 เวลา 13:28 น. 4-1

ขอบคุณค่าาาาา แต่ยังต้องพยายามอีกมากเลย

0
ระบายเฉยๆ 7 มิ.ย. 58 เวลา 00:20 น. 5

ไม่จริงหรอกคะที่คนอ้วนคือคนที่ยอมรับในตัวเองได้
หลายคนอยากลดแต่เพียงเพราะเขาทำไม่ได้ หรือเขากำลังมีความสุขในแบบผิดๆ ไหนจะโรคร้ายต่างๆมากมาย
พอมาวันนึงเขาก็จะคิดได้ว่าเขากำลังทำร้ายตัวเอง เขาก็จะพยามทำแบบพี่
การที่เราหันมาดูแลตัวเองนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้วคะ ถือว่าเรารู้จักรักตัวเอง
แต่พี่อาจจะกังวลมากไปหน่อยกับการลด ทุกอย่างมันต้องมีคำว่าพอดีนะคะ
ดีแล้วคะที่พี่ยังรู้ตัวว่าตัวเองวิตกเกินไป การที่เราหันมาดูแลตัวเองก็ดีแต่ถ้าหากมันมากไปก็จะกลายเป็นทำร้ายตัวเองนะคะ แทนที่เราจะมีความสุขกับมันกลับต้องมาทุกข์ ทุกอย่างที่ทำมามันจะสูญเปล่าเฉยๆน้าาาา
พี่เก่งมากเลยนะคะที่ทำได้ถึงขนาดนี้ ภมูิใจในตัวเองเถอะคะ
เพราะพี่กำลังจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายๆคนนะ

ขอบคุณกระทู้ดีๆนี้นะคะ คหสต.

1
<tew> 7 มิ.ย. 58 เวลา 12:13 น. 6

เราอยากอ้วนมั่ง เราผอมเกินไป กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน มีแต่เพิ่มส่วนสูง TT อยากหยุดความสูงไว้ตรงนี้ แล้วเพิ่มน้ำหนักแทน เราสูง 173 แล้ว หนัก 52 อยู่ ม.2 เอง 
ใครมีวิธีหยุดความสูงเพิ่มน้ำหนักให้พอมีน้ำมีนวลกว่านี้ไหมม
เสียใจเสียใจเสียใจเสียใจเสียใจเสียใจเสียใจเสียใจ

2
nubi 8 มิ.ย. 58 เวลา 11:12 น. 6-1

ดื่ทน้ำส้มรองท้องก่อนทานอาหารทุกมื้ออะค่ะ หมอบอกว่ามันช่วยเคลือบกรดเกินได้

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Rokugatsu Giugno 7 มิ.ย. 58 เวลา 15:55 น. 8

จริงๆแล้วคุณลดน้ำหนักไม่ถูกมากกว่า เราก็เป็นคนที่เคยอ้วนเหมือนกัน (อ้วนสุดในชีวิตตอนนั้น สูง 150 หนัก 53 กก.) แต่สภาพนี่อ้วนมาก แบบตอนนั้นไปแลกเปลี่ยนที่จีน กินแต่ของมันๆ กลับมามีแต่คนทักว่าอ้วนๆๆ เราลองย้อนกลับไปดูรูปถ่ายตอนก่อนกลับไทย อ้วนน่าเกลียดมากจริงๆ พอกลับมาไทยเราก็เริ่มลงมาหน่อย แต่ยังอยู่ในขั้นอวบ

ตอนนั้นอยู่ม.6 ก่อนเทอม 2 เป็นช่วงน้ำท่วมพอดี โรงเรียนเลื่อนเปิด กลายเป็นปิดเทอมยาว ตอนนั้นก็ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรมาก แค่ต้องไปช่วยคลินิคพ่อแม่(เพราะเราให้คนช่วยคลินิคหยุดงาน จะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับน้ำท่วม) แล้วก็ช่วยแบกกระสอบทราย แล้วก็เพราะน้ำท่วม เราเลยไม่ออกไปกินข้าวนอกบ้านที่ไหน (การกินข้าวนอกบ้านทำให้อ้วนได้ค่ะ) ช่วงนั้นติดคอมด้วย เลยไม่ค่อยลงไปกินข้าว (แต่ก็หาขนมมากินแบบกินเรื่อยๆไม่ให้หิว) แล้วเราก็เป็นคนกินค่อนข้างน้อย ตอนนั้นจากน้ำหนัก 49-50 ลดลงมาเหลือ 44 เลยค่ะ (ไม่มีผลข้างเคียง คือถึงเรากินน้อย แต่เราก็กินอาหารตามปกติ) เปิดเทอมมาทีเพื่อนตกใจ ทำไมผอมจัง ดูดีเลย พอเราผอมจริงๆเราก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น แบบถ่ายรูปมุมไหนก็ไม่อ้วน มีความมั่นใจในการแต่งตัวขึ้น

ปัจจุบันอยู่มหาลัยก็มีตามใจปาก แต่ก็อยู่ในระดับคุมให้คงที่ เลยอวบนิดๆ ไม่อ้วนไม่ผอมเกินไป กลางๆว่างั้น

เพราะฉะนั้น ผอมแต่สุขภาพดี ดีที่สุดค่ะ เรากลัวเทรนเนอร์ เราก็ออกกำลังกาย และกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วย (ถ้าออกกำลังกาย ก็ไม่จำเป็นต้องควบคุมการกินมาก เพราะมันจะทำให้เราอ่อนแรงได้ค่ะ) และคนผอมมีข้อดีกว่าคนอ้วนหลายประการคือ

- ไม่เสี่ยงต่อโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคข้อเข่าเสื่อม
- ไม่โดนล้อ เราผอม เราจะโดนล้อว่าอ้วนหรือหมูไม่ได้
- มีความมั่นใจ ไม่ต้องคอยหามุมถ่ายรูปว่าหน้าเราจะบานมั้ย

ก็ตามนั้นแหละค่ะ

1
Felinonajang 7 มิ.ย. 58 เวลา 20:56 น. 11

ไม่จริงหรอกค่ะ
คนอ้วนไม่ใช่คนชนะใจตัวเองได้หรอก
คนที่ลดน้ำหนักได้ต่างหาก สามารถชนะใจตัวเองได้
เพราะเราคิดมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ทำไม่สำเร็จสักทีจนอ้วนขึ้นๆเรื่อยๆ
จขกท.สู้ๆนะคะ เราเคยอ่านมาเหมือนเขาบอกกันว่าให้ลดที่อาหารก่อน แล้วค่อยออกกำลังกายให้หุ่นเฟิร์มไม่หย่อยคล้อย
ตอนที่ T25 ฮิตๆอะเคยลองเหมือนกันแต่มันไม่ลดเลย พอเราลดอาหารแต่ไม่ได้ออกกำลังกายเลยนะแม่ทักว่า ดูผอมลงนะ ดีใจเลยอะ แต่ทำได้อาทิตย์สองอาทิตย์เอง แหะๆ พอดีงานไม่ค่อยเอื้ออำนวยทำให้กลับดึกกินดึก (บางทีก็อาจเป็นข้ออ้าง อิอิ)

สู้ๆนะคะ จขกท. เป็นกำลังใจให้
ถ้ารู้สึกไม่สบายใจ ลองไปปรึกษาจิตแพทย์ดูนะคะ เผื่อจะช่วยให้เราสบายใจขึ้นก็ได้ (พบจิตแพทย์ไม่จำเป็นต้องบ้านะคะ แค่มีเรื่องเครียดๆไม่ค่อยสบายใจมากๆ ก็ลองไปปรึกษาดูก็ได้ค่ะ ^_^)

2
nubi 8 มิ.ย. 58 เวลา 00:14 น. 11-1

ขอบรุณสำหรับคำแนะนำดีดีนะคะ

0
FreedomInMind 8 มิ.ย. 58 เวลา 23:10 น. 11-2

ต้นเหตุความอ้วนอยู่ที่ระบบเผาผลาญค่ะ ถ้ามันทำงานได้ดี กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน แต่ถ้ามันทำงานแย่ ต่อให้กินน้อยก็อ้วน เราศึกษาการลดน้ำหนักแบบถูกวิธี แล้วมั่นใจว่าช่วยคุณได้แน่ๆ ซ่อมระบบเผาผลาญโดยไม่ต้องกินยาและไม่จำเป็นต้องออกกำลังกาย ถ้าอยากรู้รายละเอียด ส่งข้อความลับมาก็ได้นะคะ

0
gredevel 8 มิ.ย. 58 เวลา 22:49 น. 12

การลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ดีค่ะ 

ในส่วนของคนอ้วนที่ไม่ลด โอเค ยอมรับเรื่องที่เขามีความมั่นใจ ยอมค่ะ แต่ลดดีกว่า

เพื่อสุขภาพแล้วคุณหาคนอ้วนที่สุขภาพดีได้ยากนะคะ ยิ่งคุณแก่ตัวไป โรคภัยก็ยิ่งรุมเร้า ยิ่งอ้วนยิ่งหนักเลย 

แต่วิธีการลดนี่สิคะ ลดให้ถูก อย่าหักโหม เอาออกมันยากกว่าเอาเข้าอยู่แล้ว คุณค่อยๆลด เอาแบบเหมาะกับสุขภาพและสภาพร่างกายกับจิตใจเราดีกว่าค่ะ เจ้าของกระทู้เป็นคนสวยนะคะ น้ำหนักก็อย่าไปเครียดกับมันมากขนาดนั้น ถึงขั้นวิกลจริตนี่ก็น่ากลัวนะ

พยายามควบคุมเบาๆก็พอค่ะ กินบ้างก็ได้ แต่กินแล้วก็มาเบิร์นมาอะไรต่อ แบบนี้เราว่าเวิร์คกว่า 

สู้ๆนะคะ

1
Jingle Bell 10 มิ.ย. 58 เวลา 00:10 น. 13

เราว่าคุณเข้าใจตัวเองละนะว่าจุดอ่อนอยู่ที่ตรงไหน แก้ตรงนั้นค่ะ
มีชีวิตเดียว ใช้ชีวิตให้มีความสุขค่ะ ดูคุณไม่มีความสุขเลย
และลดผิดวิธีด้วย 
แนะนำค่ะ ตื่นเช้า ส่องกระจก บอกตัวเองว่า "มั่นใจหน่อย ผอมแล้ว สวยแล้ว"

คิดว่า กินมากอีกสักนิดไม่ทำให้ชีวิตแย่ลงหรอก 
ถ้ากลัวอ้วน ก็ใช้วิธีกำหนดเกณฑ์ สมมติ ปาร์ตี้ขนมกับเพื่อน 1 ครั้ง/สัปดาห์ 

#จากใจคนอวบ 

1
nubi 10 มิ.ย. 58 เวลา 07:14 น. 13-1

ขอบคุณค่ะสำหรับความเห็น ตอนนี้ก็เริ่ทกลับมากินแล้วค่ะ แต่ก็ยังนับแคลอยู่และออกกำลังกายสม่ำเสมอค่ะ ก็ดีขึ้นมาบ้างละค่ะ เริ่มมีวันกินขนมบ้าง

0
Annita 12 มิ.ย. 58 เวลา 15:00 น. 14

สุดยอด เจ้พยายามมาก และก็ประสบความสำเร็จ สวยยยยย จริงๆนะ ชอบบบบบบรักเลย

1
nubi 12 มิ.ย. 58 เวลา 20:26 น. 14-1

นี่ตามฉันไปทุกที่ซินะ ซาแซงงงงงง

0
Natto382 12 มิ.ย. 58 เวลา 18:03 น. 15

ไม่ได้เข้าเด็กดีนานแล้วเข้ามาเพื่อเม้นโดยเฉพาะเลยนะเนี่ยยย หนูว่าเจ้ตอนนี้อ่ะพอแล้ว สวยแล้วหุ่นเช้งแล้ว หนูว่าเจ้ควรจะผ่อนปรนตัวเองบ้างอีกนิด มีวันcheat dayที่กินตามใจปากได้ซักหนึ่งวัน จากไม่กินแป้งทุกวันก้กินซักหนึ่งวันเพราะที่เจ้ทำอยู่มันดูเครียดมากอ่ะหนูนับถือเจ้มากที่ลดมาได้เยอะมาก แบบ78เหลือ51มันไม่ง่ายอ่ะต้องใจล้วนๆเลย #หนูยังอยากไปกินส้มตำปูดองที่หัวหินกับเจ้อยู่นะ #อ่านแล้วก้จะร้องไห้ตามไม่รู้ทำไม

1
nubi 12 มิ.ย. 58 เวลา 20:26 น. 15-1

ขอบใจมากที่อินกับฉันฉันไปเรียนปุ่นสองปีรอก่อน มันทรมานอะแก ทุกวันนี้มันทรมานนะแต่มันก็มีความสุขทุกครั้งที่มองกระจก แกออกกำลังกายแกน่าจะรู้ว่ามันเหนื่อย มันทรมานมันลำบาก ไม่สนุก (แต่ตอนนี้ติดละ) แต่ถ้าเราไม่ทำมันก็จะสบายหายไปเพราะงั้น มันถึงเปนความสุขที่เจ็บปวดเว้ย
ปล. ตำปูดองต้องมา แกกลับวันไหนบอก

0
ฟหกด่าสว 8 ม.ค. 59 เวลา 12:41 น. 16

เราเป็นคนหนึ่งที่เริ่มหันมาลดความอ้วน ลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เพราะเดินไปเดินมาขามันคือกัน แสบขามากๆ อยากจะลดหุ่นมาก ตอนนั้น 73 โล ส่วนสูง 155 ซม. ค่า BMI คืออ้วนระยะที่สาม อันตรายมาก อีกอย่างจะรับปริญญาแล้วด้วยอีกห้าหกเดือน เริ่มลดเดือนก.ค. จนตอนนี้มกรา ได้ 55 ปกติแล้ว และจะให้ลงมากกว่านี้อีกถ้าทำได้นะ มื้อเย็นนี่จะแตะแต่แอปเปิ้ล กับโยเกิร์ต ช่วยได้มากๆ แต่ต้องไม่งดข้าวสองมื้อคือเช้ากับเที่ยง ไอ่ขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม นี่ตัวร้ายเลยที่เพิ่มน้ำหนักให้เรา งดได้อดได้คืออย่ากินไปเลย ปากกับใจต้องแข็งแรงพอ ออกกำลังกายทุกวัน วันละ 1 ชม. -ส่วนก็ลดลงไปเอง

0
GOOD 8 ม.ค. 59 เวลา 14:32 น. 17

ที่จริงคนอ้วนก้อควรลดนะคธ เพราะจะเป็นโรคง่าย ตอนอายุน้อยก้อไม่รู้สึก แต่พออายุมากเข้าจะแย่ค่ะ ไม่ต้องผอมจะเป็นกระดูก แต่ก็ไม่อ้วนฉุเป็นมิชริน สู้ๆค่ะ

0
beeboi 8 ม.ค. 59 เวลา 20:33 น. 19

เข้าใจดีเลยค่ะ จากประสบการณ์ตรง เราเคยอ้วนมาก และก้ไปลด นั่งนับแคล นั่งกังวลสารพัด พอลดได้พอใจก้กลับไปกิน แล้วก้อ้วนขึ้นมาอีก ทำให้ยิ่งเครียดหนักเลย ตอนนี้ก้พยายามลดอยู่ค่ะ แต่พยายามไม่เครียดแบบเก่า อาจจะช้าหน่อย แต่เอาที่สบายใจ^^
ปล.พี่สวยมากเลยค่ะ><

0