Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Review : Maze Runner 2 The Scorch Trials (2015) สมรภูมิมอดไหม้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
Review : Maze Runner 2 The Scorch Trials (2015) สมรภูมิมอดไหม้



     หนังเข้ามาเกือบสองอาทิตย์แล้วนะครับสำหรับ Maze Runner 2 The Scorch Trials หลายคนที่ดูไปแล้วอาจจะรู้สึกเหมือนยังไม่สุด อยากให้ภาคต่อมาเร็ว ๆ เลย ส่วนใครที่ยังไม่มีเวลาไปดูสักทีลองมาอ่าน Review : Maze Runner 2 The Scorch Trials (2015) สมรภูมิมอดไหม้ กันดูนะครับ แล้วค่อยชวนเพื่อนหรือแฟนไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยกัน
      ภาคต่อของ The Maze Runner ที่หยิบ Set up ที่มีในนวนิยายมาใช้ โดยมีการเรียบเรียงใหม่ แต่กลายเป็นว่าต่างกันอย่างมากเลย แดดมอดไหม้ในหนังสือคือการทพสอบแต่ในหนังถ่ายทอดออกมาในแบบด่านสุดท้ายที่พวกเขาต้องเอาชีวิตรอดไปให้ได้ไม่อย่างนั้นก็ต้องตาย!
       ภาคนี้จะเดินเรื่องต่อจากภาคที่แล้วทันที คนที่ไม่ได้ดูภาคแรกคงต้องหาดูก่อนนะครับเพื่ออรรถรสที่เพิ่มขึ้น โทมัสและเพื่อน ๆ ถูกช่วยจากลุ่มที่อ้างว่าต่อต้าน องค์กร WCKD แต่ในความเป็นจริงกลับมีเงื่อนงำบ้างอย่างซ่อนอยู่ในที่หลบภัยนี้ ในสถานที่หลบภัยทุกคืนจะมีการคัดเลือกคนโดยอ้างว่าจะส่งไปอยู่ในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีแห่งสุดท้าย (ทำให้นึกถึงเรื่อง The Island แหกระห่ำแผนคนเหนือคน 2005) แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น
      พวกเขาจึงหาทางหนีออกมาจากที่นั่น แต่ก็ต้องเผชิญกับที่รกร้าง แถมไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ระหว่างหนีก็ต้องเจอ "แคร้ง" มนุษย์ติดเชื้อไวรัสที่มากับรังสีมรณะ พูดง่าย ๆ นึกถึงผีชีวะ พวกนั้นแหละ คล้ายกันเลย โทมัส นิวท์ มินโฮ และเพื่อน ๆ จะรอดจากแดนมอดไหม้ไปได้หรือไม่ พวกเขาจะพ้นเงื้อมมือของ WCKD ไหม แล้วสถานภาพแต่เดิมของโทมัสคืออะไรกันแน่ ไปดู!
      เนื้อเรื่องในภาพยนตร์ต่างจากในหนังสืออย่างสิ้นเชิง ในหนังสือแดนมอดไหม้ถือเป็นการทดลองเฟส 2 ต่อจากเขาวงกต ที่ WCKD ออกแบบมาเพื่อศึกษาการหลั่งสารเคมีในสมองของเด็กรุ่นใหม่เพื่อหวังจะให้ได้สารชีวภาพสำหรับใช้เป็นยาต้านไวรัส ซึ่งแน่นอนว่าการจับเด็กไปทดลองเช่นนี้จะดูเป็นเรื่องผิดศีลธรรมและมีผู้ต่อต้าน ซึ่งนั่นจะเป็นเนื้อหาหลักในหนังสือเล่ม 3 ทว่าฉบับภาพยนตร์ได้นำเนื้อหาจากหนังสือเล่ม 2-3 มาร้อยเรียงใหม่ให้การต่อต้านดังกล่าวปะทุขึ้นตั้งแต่เริ่มเรื่อง การเอาชีวิตรอดในแดนมอดไหม้ไม่ใช่การทดสอบ แต่คือการเอาชีวิตรอดไปให้ได้ ไม่งั้นก็ถูกจับ ไม่ก็ถูกฆ่าตาย เหตุการณ์ต่าง ๆ ถูกถ่ายทอดได้กระชับและสนุกตื่นเต้นมาก ๆ ทำเอาลุ้นจนเหนื่อยเลย
      ถ้าเทียบกับภาคแรก ภาคนี้มีฉากแอ็คชั่นเยอะกว่า แต่กลับไม่ทำรู้สึกพิศวงสงสัยเหมือนตอนที่อยู่ในวงกต อย่างไรก็ตาม เสน่ห์ของเรื่องนี้คือทำให้นึกถึงวลีที่ว่า "Run for your life" เลยจริง ๆ อยากให้ตัวละครหลักทุกตัวรอดชีวิต อยากให้พวกเขามีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ต้องเป็นหนูทดลองอีกต่อไป ธีมแห่งการค้นหาเสรีภาพคือหัวใจของเรื่องนี้เลย
      งานภาพถือว่าเจ๋งมาก เมืองร้างถูกออกแบบมาได้ตระการตาสมจริง ส่วนแคร้งก็น่ากลัวว่าในหนังสือมากมาย ชอบ! ส่วน 3D ก็ธรรมดา ไม่ลึก ไม่พุ่ง 4Dx เอฟเฟกต์น้อยไปหน่อย ไม่ต้องดูระบบนี้ก็ได้
     ตัวละครบางตัวก็ไม่เหมือนที่จินตนาการไว้ตอนอ่านหนังสือ ฮอร์เก้แก่กว่าที่คิดไว้มาก เบรนด้าน่าจะสวยกว่านี้ แต่โดยรวมถือว่าดีอยู่ ทีมตัวละครหลักจากภาคแรกยังอยู่กันครบ แต่น่าเสียดายที่การวิ่งหนีเอาตัวรอดมันประดังเข้ามาซะจนไม่ค่อยมีฉากที่นำเสนอเสน่ห์ของแต่ละตัวละครแบบในภาคแรกเท่าไหร่เลย
     เนื่องจากเนื้อหาถูกปรับเปลี่ยนจากในหนังสือใหม่ทั้งหมด มีหลายประเด็นที่ดูแล้วเชื่อได้เลยว่า The Death Cure (ภาค 3) จะแตกต่างจากฉบับหนังสืออย่างสิ้นเชิงแน่นอน (ในหนังสือไม่มีการปรากฏตัวของ เอวา เพจ ประธานของ WCKD เลย แต่ในหนังนี่โผล่มาตั้งแต่แรก ๆ) เผลอ ๆ ตัวละครที่ตายในเล่ม 3 อาจไม่ตายในภาค 3 ด้วย  เหมือนเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องรอดูเลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป และขอบอกว่าจบได้อารมณ์ค้างมาก ๆ
      แต่ก็นั่นแหละ ด้วยความที่มันเรียบเรียงใหม่หมด ทำให้บางเหตุการณ์ดูไม่มีที่มาที่ไปเท่าไร บางฉากและบางคนทำให้คนดูงง ๆ ว่ามาจากไหน โผล่มาได้ยังไง แต่โดยรวมแล้วถือว่าสนุกนะ อยากดูภาคต่อแล้ว!!
      สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูและกำลังจะไปดูต้องทำใจก่อนว่า เรื่องนี้เต็มไปด้วยปริศนาต่าง ๆ มากมายตั้งแต่ภาคแรก แล้วก็มีการเฉลยให้ฟังน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เฉลยเลย มีเงื่อนงำของปริศนาต่าง ๆ ถูกพูดถึงอยู่ตลอด เพียงแต่มันจะถูกบอกทีละนิด ๆ และคนดูต้องปะติดปะต่อเอาเอง ฉะนั้นจงตั้งใจดูนะครับ

By Champ Christof

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

Alize_ Alizia 30 ก.ย. 58 เวลา 13:43 น. 1
 เผลอ ๆ ตัวละครที่ตายในเล่ม 3 อาจไม่ตายในภาค 3 ด้วย ขอให้ประโยคนี้เป็นจริงค่ะ ตอนแรกเรากะไม่อ่านหนังสือรอไปดูหนังอย่างเดียวสุดท้ายไปนั่งส่องรูปตัวละครอยู่ดีๆีคนมาสปอยล์เราแบบ ค่ะ เอาที่คุณสบายใจนะ เจ็บชำ้มากพูดเลย
2
corn 30 ก.ย. 58 เวลา 19:59 น. 4

เราก็ไม่อยากให้นิวท์ตายยยยยยย แต่เทเรซ่า...เธอจงตายซะ!!!! คนทรยศ!!! 

1
Mwlly 30 ก.ย. 58 เวลา 20:26 น. 5

คห.ที่3
แต่กัลลี่โดนมินโฮปาหอกตายแล้วนะในภาคหนึ่ง  ไม่เหมือนในหนังสือที่โดนต่อย.. ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลที่ผกก.ส่งไรท์อาร์มให้โผล่มาตั้งแต่ภาคสอง  ปล. ขอขึ้นเม้นใหม่ค่ะ เพราะตอบคอมเม้นใส่สปอยไม่ได้

0
KimChinSong 1 ต.ค. 58 เวลา 00:36 น. 6

นี้ไปดูมาแล้วค่ะ ตั้งแต่ภาคแรก
#ครั้งแรกที่ตัดสินใจเข้าไปดูเรื่องนี้(ภาคแรก) คืออารมณ์แบบว่าไม่รู้จะดูอะไรเลยซื้อตั๋วเข้าไปนั่งดู  พอดูไปดูมาดันติดสะงั้น

0
ChampChristof 1 ต.ค. 58 เวลา 10:28 น. 7

ที่บอกว่า เผลอ ๆ ตัวละครที่ตายในภาค 3 อาจไม่ตาย ก็เพราะว่า
ใครไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อนห้ามอ่าน ตรงนี้สปอยล์แหลกลาญ

เตือนแล้วนะ อย่าอ่าน

ในเล่ม 3 นิวท์ติดไวรัสไข้วาบ และรู้ตัวดีว่ากำลังจะเป็นแคร้งในไม่ช้า จึงกดดันให้โทมัสยิงหัวตัวเองให้ตาย ๆ ไปซะ จะได้ไม่ทรมาน และจะได้ไม่เป็นภัยต่อคนอื่น ... สุดท้ายโทมัสตัดสินใจลั่นไกฆ่าเพื่อนตัวเอง

แต่ในหนังภาค 2 เราจะเห็นฉากการตายของ วินสตัน ที่ไม่เหมือนในหนังสือเลย .. ถ้าจำไม่ผิด วินสตันตายเพราะ "ลูกบอลตัดหัว" ที่จู่โจมชาวทุ่งตอนกำลังจะมาโผล่แดนมอดไหม้ แต่ในหนังวินสตันถูกแคร้งกัด กำลังจะกลายเป็นแคร้ง เลยพยายามจะยิงปืนฆ่าตัวตาย สุดท้ายนิวท์ก็ยื่นปืนให้เพื่อให้วินสตันได้พ้นทุกข์

ฉากที่เพิ่มเข้ามานี้ มันคือเงาของเหตุการณ์ในหนังสือเล่ม 3 .. จึงเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์ในเล่ม 3 นั้นอาจไม่เกิดขึ้น หรืออาจเกิด แต่จะถูกฉากการตายของวินสตันมาขยี้อารมณ์ให้ Newt FC อกแตกตายกันไปข้างนึงนั่นเองครับ

0