(ขอคำแนะนำ) ใครมีวิธีปรับอารมณ์เมื่อแต่งนิยายพร้อมกันหลายเรื่องบ้างครับ
ตั้งกระทู้ใหม่
วันนี้ผมมีปัญหาอยากจะสอบถามวิธีแก้หรือคำแนะนำจากทุกท่านครับ พอดีตอนนี้ผมกำลังเขียนนิยายอยู่ 2 เรื่องครับ ซึ่งทั้งสองเรื่องนั้นให้อารมณ์ภายในที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อีกทั้งรูปแบบการบรรยายยังไม่เหมือน จึงทำให้ตัวผมนั้นกำลังประสบกับปัญหา "การปรับอารมณ์ไม่ทัน" คือปกติผมตั้งใจว่าจะอัพนิยายสองเรื่องนี้สลับกันวันละ1ตอน แต่เมื่อลองเขียนดูจริงๆ ก็พบว่า พอผมเขียนอีกเรื่องหนึ่งเสร็จ วันถัดมากำลังจะเขียนอีกเรื่อง มันกลับเขียนไม่ได้ ความรู้สึกไม่มา อารมณ์ร่วมในนิยายไม่มี อีกทั้งยังทำให้ภาษาเขียนเริ่มรวน
ผมเลยอยากจะขอคำแนะนำจากทุกท่านในบอร์ดนี้ ว่าทุกท่านมีวิธีรับมือกับปัญหานี้เช่นไร นอกเรื่องจากเลิกเขียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งบ้าง (ทนไม่ไหว หัวใจมันเรียกร้อง)
กราบขอบพระคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้าครับผม
กราบขอบพระคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้าครับผม
16 ความคิดเห็น
ปกติผมจะเขียนเมื่ออยากเขียนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องการปรับอารมณ์เท่าไหร่ ...ถ้าอารมณ์ยังค้างอยู่กับเรื่องเก่าก็เขียนเรื่องเดียวสองวันติดเลยก็ได้นี่ครับ การสร้างข้อผูกมัดกับตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเขียนรวนนะครับ มันจะรู้สึกเหมือนมีหลายสิ่งกระจัดกระจายและหมุนวนอยู่ในหัวครับ
แต่ถ้าจะทำแบบเดิมต่อ หลายคนก็ใช้วิธีการฟังเพลงที่เข้ากับเรื่องที่เขียนครับ
บางคนก็ใช้วิธีอ่านตอนเก่าสักตอนสองตอนครับ แต่ต้องอ่านอย่างละเอียดจริงๆไม่ใช่แค่ผ่านๆครับ ผมเองก็ทำแบบนี้บางครั้งครับ
ของผมก็มีแค่นี้ครับ รอความเห็นต่อไปละกันครับ♣
ขอบคุณครับ ขออนุญาตจดไว้นะครับ อาจจะต้องลองนำไปใช้ดู
พี่ริก็เขียนอยู่ 2 เรื่องเหมือนกัน คือ เรื่องแนวปัจจุบัน กับแฟนตาซี แต่จะเขียนเป็นอาทิตย์นะ เรื่องนี้แนวปัจจุบันก็เขียนให้จบตอน (ประมาณ 10 หน้าขึ้นไป) ตรวจทาน แล้วลงเวป ซึ่งใช้เวลาเขียนประมาณ 2-3 อาทิตย์ หลังจากนั้นจะเริ่มเขียนแนวแฟนตาซี ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ก็ลงเวป แล้วก็กลับไปเขียนเรื่องแนวปัจจุบันใหม่ สลับกันไปแบบนี้จ้า
เขียนได้ไงอ่ะ วันละตอน? ทำไม่ได้ ><
ก็มันทำไม่ได้ทุกวันไงครับคุณพี่ ผมเลยต้องมาตั้งกระทู้ถามท่านอื่นดู T_T
พี่ริมีเวลาเขียนนิยายจริง ๆ อาทิตย์ละ 3 วันจ้ะ เต็มที่แล้วนะ
ลงตอนละกี่หน้าจ๊ะเนี่ย...
8-11 หน้าครับประมาณนี้ คือตั้งขั้นต่ำไว้ที่ 8 หน้าต่อตอนน่ะครับ
วันละตอน ตอนละ8-11หน้า!
คนหรือเครื่องจักรครับนั่น!?
ผมคงแนะนำอะไรไม่ได้ แค่เรื่องเดียวยังเอาไม่ค่อยรอดเลย แต่นับถือในความพยายามจริงๆครับ
ผมแนะนำให้แบ่งช่วงในการแต่งครับ อย่างอาทิตย์นี้เรื่องนั้น อาทิตย์หน้าเรื่องนี้เป็นต้น น่าจะแก้ปัญหาอารมณ์ร่วมได้พอสมควร
ยังไม่ได้วันละตอนเลยครับ ฮ่าๆ พยายามจะทำให้ได้อยู่ครับ ทุกวันนี้ก็2-3วันต่อ1ตอนอยู่ครับ
ถ้าทำได้นะ แสดงว่า ไม่ต้องทำมาหารับประทานแล้วกระมัง เขียนนิยายอย่างเดียว ฮา...
แต่...มีผู้ทำได้นะ และประสบความสำเร็จด้วย เขาเขียนได้วันละ 8 หน้า สุดยอดดด!
แต่คิดว่า คงจะเขียนนิยายเป็นอาชีพกระมัง ถึงทำได้ขนาดนั้น เราเขียนหน้าละชั่วโมง
ถ้า 8 หน้าก็ 8 ชั่วโมง โอ้วววว!!
โอย ตกใจหมดเลยครับ
ก็เห็นมีบอกว่าแต่งสลับกัน ผมก็ดันเข้าใจอีกแบบนึง
ที่จริวไม่ต้องถึงกับวันละตอนก็ได้ครับ ไม่งั้นอัตราความผิดพลาดจะพุ่งไปหลายเท่าเลย(จากประสบการณ์ตรง)
3-2 ผมก็คิดว่าจะลาออกมาเอาดีในอาชีพนี้เหมือนกันครับ ถ้าไม่ติดว่าต้องใช้หนี้ให้ครอบครัวเสียก่อน
3-3 ขออภัยด้วยครับที่ทำท่านเข้าใจผิด แต่นั้นมันคือความปรารถนาที่ผมตั้งเอาไว้อยากจะทำให้ได้ แหะๆ
ใจเย็น ๆ ว่าแต่มีมรดกเหรอจ๊ะ ถึงจะลาออกจากงานมาเป็นนักเขียน "อย่างเดียว" หรือว่ามีเงินเก็บเพียงพอต่อการดำรงชีวิตแล้วเนี่ย...
เงินเก็บพอมีครับ แต่คงจะเอาไปลงทุนอะไรสักอย่างเพื่อให้เงินมันทำงานแทน(ซึ่งกำลังวางแผนอยู่ครับแหะๆ)
ปล.ก็แค่คิดหน่ะครับ ถ้าจะทำจริงผมคงต้องวางแผนให้ดีกว่านี้ครับ
นั่นจิ ต้องวางแผนดี ๆ เน้อ...
อย่างที่ท่านศุกร์13ได้กล่าวไว้แล้ว
คือให้อ่านตอนเก่าๆ
เราแนะนำให้อ่านตอนก่อนหน้าของเรื่องที่จะแต่งนะ จะได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับเรื่องมากขึ้น แถมยังทำให้ผู้อ่านที่อ่านรวดเดียวรู้สึกว่าแต่ละตอนอารมณ์ต่อเนื่อง ไม่สะดุดด้วย
สู้ๆนะคะ^^/
ผมก็ว่าเป้นความคิดที่เข้าท่าเลยดีเดียวครับ แถมอ่านไปเจอจุดบกพร่องของตอนเก่าๆด้วย //ว่าแล้วก็เศร้าใจ
4-1
คนเราย่อมมีจุดบกพร่องบ้างอยู่แล้ว หากพบก็รีบแก้ไขให้เรียบร้อย เพื่องานเขียนที่มีคุณภาพ อิอิ
สู้ๆนะคะ
ขอบคุณครับ
เข้ามาฮา... รูปกราบ แล้วจากไป
ปล.คห บนๆ พูดไปหมดแล้ว ตามนั้นเลยค่ะ
ชิ!...เม้นท์ให้อยากแล้วจากไป
อยากอะไรของคุณ เราเขียนอยู่เรื่องเดียวเป็นชาติแล้วก็ยังไม่จบ อีกเรื่องก็ดองอยู่อ่ะ จะให้แนะนำอะไรได้ โธ่
ขอบคุณที่แนะนำครับ
ประชดอีก - -
ประชดที่ไหน ก็คุณแนะนำให้ผมเขียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้จบก่อนไม่ใช่รึ หรือผมตีความผิดไป //เดี๋ยวดราม่าใส่ซะเลยนิ
อย่าๆ อย่ามาดราม่าแข่งกับเรา เดี๋ยว(เรา)แพ้ ฮา...
ปล. นั่นไม่ได้แนะนำค่ะ แค่บ่นเฉยๆ
อ่าว! นึกว่าเป็นคำแนะนำที่ให้ผมไปตีความเอาเอง โด่ว.
คิดลึกไปแล้ว! ฮ่าๆๆ
ผมเขียนทีละเรื่องครับ
จากประสบการณ์การเขียนมาหลายปี โฟกัสทีละเรื่องดีที่สุดครับ
หากเขียนหลายเรื่อง มันเหมือนเราไม่เต็มที่ให้กับมัน แทนที่จะแต่งพรวดๆไปเลย ครึ่งเรื่อง อารมณ์จะได้ปล่อยไปแบบสุดๆ แต่ดันกลับไปแต่งอีกเรื่อง ซึ่งก็ต้องจูนอารมณ์ใหม่กันอีก
และที่ไม่แนะนำให้เขียนสองเรื่อง เพราะโลกมันจะทับกลืนกัน คนอื่นผมไม่รู้นะ แต่ถ้าเป็นผม เรื่องหนึ่งเขียนต่างโลก อีกเรื่องเขียนอวกาศ หากเขียนสลับไปสลับมา บรรยากาศมันจะกลืนกัน และไหนจะตัวละครที่มีบุคลิกอารมณ์หลากหลายอีก
แนะนำให้เขียนทีละเรื่อง จะเขียนให้จบ หรือเขียนไปสักหลายๆเดือนก็ได้ แต่อย่าแต่งสลับไปสลับมา
//ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ เจ้าของกระทู้อาจเป็นคนไฟแรง ไอเดียพุ่งพล่าน จับปากกาสองมือ(จับปลาสองมือนั้นแหละ) ได้อย่างไม่มีปัญหา ก็สามารถแต่งสองเรื่องได้เช่นกัน เช่นคนเขียนซอร์ดอาร์ตออนไลน์ ก็เขียน เอ็กเซลเวอร์ไปพร้อมๆกันด้วย (ไลท์โนเวล)
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ กำลังพยายามตัดใจไม่เขียนอีกเรื่องอยู่ครับ
ของเราก็เขียนสองเรื่องควบเหมือนกันค่ะ ซึ่งคนละแนวกันเลย
เวลาแต่งเรื่องนึงจบ เราก็จะพยายามทบทวนเนื้อเรื่องอีกเรื่องในหัว ว่าจะเขียนอะไรต่อ เวลาเดินขึ้นบันไดหรือว่างๆ พอมีเวลาว่างมาพิมพ์ก็ไปได้เรื่อยๆ ค่ะ
# แต่บางทีก็ชอบเขียนชื่อพระเอกผิดเขียนของเรื่องเมื่อวานแทนซะงั้น
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
ถ้าเข้าใจแกนหลักของเรื่องนั้นๆ เมื่อไหร่ ก็ง่ายๆ
ถ้าตราบใดผู้เขียนยังเข้าถึงนิยายไม่ได้เอง สวมบทบาทให้ตัวละครไม่ได้
แนะนำว่า อย่าเพิ่งเขียน 2 เรื่องพร้อมกัน
ไม่งั้นนิยาย จะพังทั้ง 2 เรื่องนะจ๊ะ
ทางลัดง่ายๆ แต่ละเรื่องเขียนเรื่องย่อตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงตอนนั้น แม้อารมณ์จะหลง ก็กลับมาได้ล่ะน่า ไม่ออกทะเล :D
ขอลองนำทางลัดมาใช้นะครับ (ไม่รู้จะได้ผลมั้ย) ถ้าไม่ได้ผลก็คงเขียนเรื่องเดียวแล้วล่ะครับ แหะๆ
ข้าพเจ้ามาให้กำลังใจเพิ่มค่ะ
"อย่าเชื่อคนอื่น เพราะคนอื่นไม่ใช่เรา อันตัวเรา รู้ตัวเราเองที่สุด"
และ คำคมที่ข้าพเจ้าเคยอ่านผ่านตาจากหนังสือมีคุณทางพงศาวดารทั้งหลาย มีคำกล่าวจากผู้ยิ่งใหญ่ว่า
"ลิขิตฟ้า ฤาจะสู้มานะตน"
แน่นอนค่ะ ข้าพเจ้าเองก็เชื่อมั่นในตัวเองมาตลอดว่า "ไม่มีใครช่วยเราได้ หากเราไม่ช่วยตัวเองก่อน" (อย่าคิดลึกนะฮ่าๆ)
ถ้าท่านมีอุสาหะ ท่านจะพบทางลัดของท่านเอง
ขอบคุณมากครับ คำคมนั้นเหมือนจะเคยเห็นใน สามก๊ก เลยนะครับ ไม่รู้ว่าใช่ขงเบ้งเป็นคนกล่าวไว้หรือเปล่า
ปล.ไม่คิดลึกหรอกครับ(มั้ง แหะๆ)
เพราะจำไม่ได้ว่าใครกล่าว ข้าพเจ้าจึงละไว้.... อิอิ
เป็นเหมือนกันค่ะ อารมณ์มันไม่ไป แต่งไม่ออก เลยหยุดเขียนอีกเรื่องหนึ่งไปเลยค่ะ
เรามาผ่านจุดนั้นไปด้วยกันเถอะครับ
เขียนสองเรื่องเหมือนกันแต่ยังไม่ได้ลงเลยย ลองทำแบบนี้ดู
-เขียนเรื่องย่อสองเรื่องไว้
-แต่งเรื่องแรกขึ้นมา แล้วหยุดแต่ง สักวันสองวัน
-ไปอ่านเรื่องย่อที่สอง แล้วเริ่มแต่งเรื่องที่สอง แล้วก็หยุด
-วันสองวันต่อมากลับไปอ่านเรื่องย่อของเรื่องที่หนึ่งแล้วอ่าน ตอนที่แต่งไปแล้วของตัวเอง
-ทำแบบบรรทัดบนๆ สลับกันไปเรื่อยๆ
ปัจจุบันไปถึงตอนที่ 17 แล้วทั้งสองเรื่องเสียเวลาไป ร่วม 2 เดือน
ผล ทั้งสองเรื่องดำเนิไปได้ ภาษาที่ใช้ดีขึ้นบ้างอะไรบ้าง คำผิดหายเกลี้ยง
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ตอนนี้เขียนเรื่องย่อของทั้งสองเรื่องไว้เรียบร้อยแล้วครับ
ไม่แนะนำให้คิดว่า ต้องเขียน แต่ให้คิดว่า อยากเขียน มากว่า การบังคับตัวเองทำให้ผลออกมาแย่กว่าที่คิดนะเออ
ในส่วนของเรานะ เรารู้สึกว่าสติกับสมาธิคือสิ่งสำคัญ เพราะงานเขียนมันต้องใช้ความรู้สึกต่อเรื่องที่เราเขียน แต่ถ้าเราตั้งสติและเตรียมใจอยู่ตลอดว่าเราแต่งสองเรื่องนะ การ swicth มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากเพราะมันคืองานเขียนของเรา เราต้องรู้จักมันดีกว่าใคร ถ้าเราแม่นพอ ไม่หลุดออกจากตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องอ่านทวนงานเขียนของเราเลยด้วยซ้ำ แต่เราจะจำความรู้สึกตอนเขียนเรื่องนั้นได้ และเราก็จะรู้ทันทีว่าจะต้องใช้สำนวนแบบไหน ดังนั้น ควรฝึกสมาธิเยอะๆ เพื่อจะได้มีสติตลอดเวลาว่าเราทำเรื่องไหนอยู่ และควรจะต้องทำอะไร
ปล. บางทีเราต้องใช้ความมืออาชีพด้วย เหมือนดารา เล่นเรื่องไหนก็เป็นตัวนั้น เราคิดซะว่างานเขียนคือการแสดง สับเปลี่ยนได้ ความมืออาชีพจะไม่ทำให้เราเอามันมาปนกัน เริ่มจากสะกดตัวเองก็ได้ นั่งอยู่กับตัวเอง แล้วพูดกับตัวเองว่ากำลังจะเขียนอะไร ต้องฟีลไหน ใช้สำนวนแบบไหน การย้ำกับตัวเองมันก็ช่วยเรียกเรากลับมาได้เช่นกัน ง่ายๆ ก็คือ ดึงสติออกจากเรื่องนึงเพื่อเขียนอีกเรื่องนึงนั่นแหละ
ด้วยความที่ผมยังเป็นแค่นัก(หัด)เขียนคนนึง สงสัยยังคงต้องฝึกอีกเยอะเลยครับ ถึงจะสลับอารมณ์ได้เก่งๆ
ของผม ผมจะลืมเนื้อเรื่องของนิยายที่เพิ่งแต่งเสร็จให้เร็ว แล้วลองอ่านนิยายอีกเรื่องที่แต่งค้างไว้ เพื่อป้องกันสำนวนเดิมๆ และอารมณ์ที่ค้างด้วยครับ (ผมเองก็เคยเป็น นิยายผมมีห้าเรื่อง ไม่เสร็จสักเรื่องเพราะอารมณ์ค้างนี่แหละ)
5 เรื่อง คุณพระ!
เราก็แต่งสองเรื่องพร้อมกัน ^^
เราทำงี้นะ เวลาแต่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วมันลื่น [คือแบบว่าแต่งต่อได้ไม่ติดขัดอะไร] เราจะแต่งยาวๆไปเลย บางครั้งสามชั่วโมงปาเข้าไปสามบท [บทละ25 หน้าเวิร์ด] แล้วค่อยๆทะยอยลงวันละบท หรือวันเว้นวัน
แล้วเราเอาเวลาเนี่ย ที่ว่างจากการแต่งอีกเรื่องเนี่ยไปแต่งเรื่องที่เหลือ คือเราจะหมดกังวลไปแล้วเรื่องนึง [เพราะแต่งไปไกลแล้ว] แล้วเราจะมอบเวลาและสติให้กับเรื่องที่แต่งอยู่เพียวๆไปเลย
ปรับอารมณ์ทันแน่นอน ! ><
สู้ๆนะ
บทละ 25 หน้า ความสามารถแบบนี้ท่านได้แต่ใดมาครับ
สิ่งแรกที่อยากจะบอกกับจขกท.นะคะ คือ ถ้าจขกท. อัพนิยายสลับกันแล้วปรับอารมณ์ไม่ได้ เราแนะนำให้อัพอาทิตย์ละเรื่องจะดีกว่านะคะ (อันนี้คือวิธีที่เราทำอยู่ปัจจุบัน ซึ่งมันก็ได้ผลดี แถมมีเวลาให้นอนพักผ่อน)
จขกท. บอกแต่ง 2 เรื่องพร้อมกัน แต่เราแต่ง 4 เรื่องพร้อมกันแถมคนละแนวอีก (แต่ก็แต่งได้และไม่ออกทะเล) แต่เดี๋ยวเราจะมาแนะนำวิธีที่เราใช่มาตลอดละกันนะคะ
ก่อนอื่นเราอยากให้จขกท.เปลี่ยนการอัพนิยาย (แต่ต้องแจ้งคนอ่านก่อนนะ) เพราะถ้าเราอัพถี่เกินไปอาจทำให้เครียดจนสุดท้ายก็แต่งไม่ออก (อันนี้เคยเป็น) เราเลยเปลี่ยนมาอัพอาทิตย์ละครั้งดีกว่าเนอะ
อย่างที่สอง ถ้าในกรณีที่นิยายมีพล็อดที่ต่างกัน (ยกตัวอย่างของเราละกัน ตอนนี้เราแต่งแนวโรแมนติกกับแนวดาร์กกับดราม่าแล้วก็แนวมาโซ) วิธีแยกแยะของเราคือ เราจะมีสมุดหนึ่งเล่มแล้วเขียนแนวเรื่องในแต่ละตอนเอาไว้ (เพราะเวลามาแต่งมันจะมีส่วนช่วยเยอะมากเลย) พยายามอย่าแต่วันเดียวจนจบค่อยๆแต่งไปทีละนิด (อย่างเราก็แต่งวันละฉากแค่นั้นเอง แต่ต้องแต่งภายในห้าวันเพราะวันที่หกจะต้องมาตรวจคำแล้วอัพลงเลย ส่วนวันที่เจ็ดก็เริ่มคิดอีกเรื่องโดยจดลงใส่สมุด) เราใช้วิธีนี้มาโดยตลอด (ถึงจะเพิ่งเริ่มแต่งก็เถอะ) แต่วิธีนี้เราทำแล้ว เราไม่ปวดหัวแถมยังมีเวลาไปทำอย่างอื่นอีกด้วย
3) ถ้าเกิดว่าแต่งไปแต่งมาแล้วตันล่ะทำไงดี? อันนี้เราเคยเป็น แถมเป็นบ่อยมากๆ แต่วิธีของเราคือจะเซฟในส่วนที่แต่งไปก่อนหน้านี้แล้วก็พักเครื่องเอาไว้ แล้วหาอย่างอื่นทำ เช่น วาดรูป อ่านหนังสือแนวที่เราชอบ (ยกตัวอย่างเลยก็หนัวสือการ์ตูนไม่ก็นิยายของสำนักพิมพ์ต่างๆ) ดูรูปธรรมชาติ หรือไม่ก็ออกไปเดินเล่น (การเดินเล่นทำให้เราคิดพล็อตที่ต้องอธิบายถึงธรรมชาติของสิ่งต่างได้ด้วยนะ)
4) เพลง.. จขกท. อาจจะส่งสัยว่าเพลงมันเกี่ยวอะไรด้วย แต่เราก็ใช้วิธีนี้นะ แบบว่า..ถ้าสมมติว่าจะแต่งแนวรักหวานแหววก็เลือกเพลงในจังหวะที่ฟังสบายๆ และเมื่อเราฟังเพลงนั้นแล้วมีอารมณ์เราจะทำการลูปเพลง (เล่นซ้ำ) ให้เล่นเพลงเดิมไปเรื่อยๆจนเราแต่งเสร็จนั่นเอง ถ้าเป็ฯแนวแฟนตาซี ก็ควรจะเป็นประกอบอนิเมที่เป็นแนวแฟนซีไม่ก็พวกกันดั้มอะไรแบบนี้นะคะ
5) ลองปรึกษาเพื่อนดู เพื่อนเราเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านนิยายเลยแต่เขาชอบถามว่าวันนี้คิดพล็อตมายังไง แล้วเขาก็จะช่วยเราแก้ปรับเปลี่ยนให้จนสำเร็จในที่สุด
อันที่จริงมีมากกว่านี้ แต่เราคิดว่า 5 วิธีนี้อาจจะพอมีประโยชน์สำหรับจขกท.บ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ยังไงในฐานะที่เป็นนักเขียนด้วยกันก็อยากจะแนะนำเท่าที่จะทำได้นะค่ะ
สุดท้ายก็อยากจะบอกจขกท.ว่า สู้ๆนะคะ อย่าหักโหมตัวเองมาก เพราะถึงนักอ่านจะไม่ได้ใส่ใจเรามากไปกว่าการทวงแต่อย่างน้อยคนที่อยู่ข้างหลังก็ยังห่วงเราอยู่นะ
สู้ๆ ...
ขอบคุณมากครับ แนะนำได้จุใจมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะข้อ4นี่โดนใจผมมากครับ เพราะทุกวันนี้ผมก็ใช้วิธีนี้อยู่ครับเวลาแต่งนิยายแต่ล่ะเรื่อง
ถึงแต่งเรื่องเดียว ลงวันเว้นวันยังยากเลยนะคะ ปกติก่อนอัพนิยายเราจะตรวจทานและปรับแก้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ซึ่งโดยทั่วไปถ้าแต่งจบแล้วอ่านทวนในทันทีตอนนั้นเดี๋ยวนั้นยังไงก็พลาดค่ะ มันต้องมีช่วงเว้นวรรคพักหายใจอ่ะ บางคนอาจจะนอนตื่นนึงแล้วค่อยมาอ่านทวน ทั้งแก้คำผิดทั้งปรับอารมณ์ปรับภาษาไปในตัว
.
ถ้าพูดถึงแต่งนิยายหลายเรื่องพร้อมกัน เราใช้เป็นทำพล็อตละเอียดไว้ก่อน หลายคนจะมีวิธีวางพล็อตไม่เหมือนกัน แต่ส่วนตัวจะทำเป็นแบบเรื่องย่อตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ มันจะง่ายต่อการส่งผลงานให้ สนพ. ต่างๆ ด้วย แต่คือเป็นย่อละเอียด ใคร ทำอะไร ที่ไหน ตัวละครแต่ละตัวรู้สึกยังไง ไม่เคยมีนิยายเรื่องไหนทำเรื่องย่อต่ำกว่าสี่หน้าเลยตอนนี้ - -; เวลาจะแต่งเรื่องไหนเราจะอ่านสแกนเรื่องย่อที่วางไว้เร็วๆ หนหนึ่ง แล้วก็อ่านละเอียดช่วงฉากที่กำลังเขียนหนหนึ่ง
.
แต่จริงๆ นะ วันเว้นวันสม่ำเสมอตลอดๆ ทำยากมาก ใครทำได้ตลอดๆ แสดงว่ามีวินัยและสมาธิเลิศอ่ะ
เปลี่ยนไปเขียนเรื่องหนึ่งให้จบก่อนก็ดีนะค่ะ
เห็นบอกว่า ใจมันเรียกร้อง
บางทีสมองคนเราก็รับอะไรได้ไม่มาก ในบางช่วงที่มันเกิดการตัน(เดี๋ยวมันจะดองเอาได้นะค่ะ ไหคงนั่งรออยู่55)
ควรจะหยุดพักสักหน่อยให้สมองผ่อนคลาย เมื่อคุณเขียนนิยายเรื่องแรกเสร็จ(อาจจะเขียนได้หนึ่งตอนหรือสองตอน แล้วแต่ จขกท เลย)
จากนั้นก็นั่งทบทวน แล้วประเดิมเรื่องที่สองได้เลย
น่าจะดีขึ้นมาหน่อยถ้าได้พักผ่อนสักแปร๊บบบบ
บายๆคะ
ไฟท์ติ้ง!!!
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?