Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เมื่อสนพ. ดังตอบกลับมา...

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เมื่อราวสี่เดือนก่อนหน้านี้ เราได้ส่งนิยายไปให้สนพ. นิยายรักแห่งหนึ่ง
เป็นสนพ. ชื่อดัง ตอนแรกเราตั้งใจจะส่งไปแนวรักผู้ใหญ่
เลยถามกับทางแฟนเพจสนพ. นั้นว่า

"ถ้านิยายโตกว่ารักวัยรุ่น แต่ยังบรรยายเป็นสรรพนามบุรุษที่ 1 และฉากอยู่ที่มหา' ลัย
แต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเติบโตและเปิดใจของตัวละคร
สามารถส่งให้แนวนี้ได้หรือไม่คะ?"

ทางสนพ. เองก็ตอบกลับมาว่า

"ได้ค่ะ ลองส่งมาก่อนเลย" พร้อมกับอีเมล์

เรารีไรท์นิยายเรื่องนั้นเสร็จแล้ว ตอนนั้นอยากจะตีพิมพ์เอง
แต่พอเปิดให้จองก็มีนักอ่านน้อยคนสนใจ จึงพับโปรเจ็กนั้นไป

ในเมื่อต้นฉบับอยู่ในมือ ลองส่งไปจะเสียหายอะไร เราเลยส่งไป
ผลการพิจารณาส่งกลับมาราว 2 เดือนเศษ

ทางสำนักพิมพ์บอกว่า นิยายของเราเป็นนิยายรักที่อบอุ่น และดูมีความสมจริงมาก 
และมีแนวทางที่จะพัฒนาต่อไปได้ แต่ขอตีพิมพ์ในหมวดนิยายรักวัยรุ่น
ขอให้ช่วยเปลี่ยนสรรพนามบางคำ เช่น "หล่อน" เป็นเธอ หรือชื่อนางเอก
เก็บรายละเอียดที่เราทำพลาดไว้ (นิยายเราเป็นพระเอก-นางเอก บรรยายสลับกัน)
เก็บรายละเอียดตัวประกอบอีกนิดหนึ่ง 
และส่งผลงานที่แก้ไขแล้วไปเมล์ของสนพ. อีกครั้ง (แต่ครั้งนี้ให้ของบก. มาเลย)

ตอนแรกเราก็ลังเล คุยกับเพื่อนว่าจะลองดีไหม เพื่อนก็บอกว่า
เอาเถอะแก รีไรท์จุดที่เขาบอก มันก็ไม่เสียหายอะไร

เราก็ทำ ส่งไปช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
หลังจากนั้นก็รอ จนวันนี้ได้รับผลการพิจารณารอบที่สอง

ผลการพิจารณาบอกว่า นิยายเรื่องนี้อ่านแล้วดูเหมือนเล่าเรื่อง
อยากให้ลดบทบรรยาย เพิ่มคำพูด และเรื่องเอื่อยเกินไป

ตอนแรกเราอ่านแล้วเรารู้สึกดีใจ แต่เหมือนถูกดึงลงเหว
นิยายเรื่องนี้...เราแต่งขึ้นเพราะอยากให้มันเป็นนิยายรักที่เหมือนเรื่องเล่า
อยากให้มันเป็นนิยายเนิบๆ เหมือนอ่านบันทึกสักเล่ม
อยากให้มันเป็นนิยายไม่หวือหวา เพราะว่าอยากให้เห็นว่าความรักมันเกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายก็ได้


เราลังเลอยู่ 2-3 คาบเรียน ส่งเมล์กลับไปกับทางบก. ว่า

"ขอบคุณสำหรับผลการพิจารณาต้นฉบับมากค่ะ ต้องขอบคุณมาก แต่จริงๆ แล้ว นิยายเรื่องนี้ จงใจทำให้มันเป็นเรื่องเล่า เหมือนบันทึกสักเรื่อง และอยากทำให้มันเนิบๆ เพราะนิวอยากให้คนคิดว่า ความรักจะเกิดได้ไม่จำเป็นต้องหวือหวาหรือมีสีสัน เพราะฉะนั้น คำวิจารณ์และติชมของพี่ทำให้นิวดีใจเป็นอย่างมากค่ะ มันเหมือนบรรลุจุดประสงค์แล้ว

พอจะเป็นไปได้หรือไม่คะ ว่านิยายเรื่องนี้จะมีโอกาสตีพิมพ์กับทาง...(ชื่อสำนักพิมพ์)... โดยไม่สูญเสียจุดประสงค์ที่นิวกำหนดไว้ตอนแรก"


เรารออยู่ประมาณสองสามชั่วโมง จนกลับถึงบ้าน และก็มีคำตอบกลับมาว่า


"พี่เข้าใจในความตั้งใจของน้องนะคะ เเต่การบรยายเรื่องเรื่องเเบบไดอารี่กับเเบบนิยายค่อนข้างต่างกันเยอะเลยจ้ะ เนื่องจากนิยายเป็นการเขียนเพื่อกระตุ้นให้คนอ่านอยากอ่านต่อ อยากเป็นความเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ ของตัวละคร เพราะงั้นต้องมีความขึ้นลงของอารมณ์และภาษาที่ใช้ในการเล่าเรื่องเพื่อดึงให้คนอ่านสนใจ 
ซึ่งพี่ต้องเเสดงความเสียใจด้วยนะคะ เเต่พี่ดีใจมากๆ เลยนะที่ได้อ่านงานของน้องนิว เป็นเรื่องราวที่น่ารักมากๆ เลยล่ะจ้ะ
เป็นกำลังใจให้น้า
หวังว่าจะได้ร่วมงานกันค่ะ"

ใช่ค่ะ นิยายเราไม่ผ่านการพิจารณาอีกแล้ว

มันเหมือนวิ่งเข้าเส้นชัย (จุดประสงค์ตอนแรกที่เขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้น)
แต่มีคนตะโกนออกมาว่า "ถ้าอยากตีพิมพ์ต้องวิ่งไปอีกทางเว้ย!" แบบนี้เลยค่ะ

เราเป็นนักเขียนที่เคยมีผลงานตีพิมพ์ 2 เล่ม กับสนพ. อื่น เป็นคนละแนว ใช้คนละนามปากกา

แต่นานวัน นิยายรัก ชาย-หญิง ที่เราแต่งมาตั้งแต่ต้นกลับดิ่งลงเหว
พอเราโตขึ้น นิยายเราโตขึ้น คนอ่านหน้าเดิมๆ ก็หายไป คนอ่านหน้าใหม่ๆ ก็ไม่เข้ามา
สมัยก่อนจบเรื่องหนึ่ง มีคอมเม้นสักห้าร้อย ลดลงมาเรื่อยๆ... จนทุกวันนี้อยู่ที่ประมาณร้อยสามสิบ

ในทางกลับกัน นิยายเรากลับมีคนคอมเม้นยาวขึ้น มีคำวิจารณ์เชิงบวกมากขึ้น
มีคนชมว่ามันเป็นผลงานที่ดี แต่ผลงานที่มีคนชมว่าดีมากเข้า...กลับไม่มีคนอ่าน
ส่วนสมัยก่อน คำวิจารณ์ไม่ดีต่างๆ นานา ภาษาไม่ดี ตัวละครไม่มีมิติ ไม่สมเหตุสมผล
เราได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบเยอะ แต่กลับมีคนอ่านมากเหลือเกิน

เราเขียนนิยาย เขียนเพราะอยากเขียนมันก็ใช่ แต่การเขียนนิยายที่เราเอาแต่อยากเขียน
ไม่มีคนอ่านมากนัก มันก็เสียกำลังใจ โดยเฉพาะเมื่อคนบอกว่ามันดี

แต่กลับบอกว่าสิ่งที่ ดี นั้นไม่ได้มีเพียงพอที่จะตีพิมพ์

เรายอมรับค่ะ เราอุดมการณ์สูง น่าจะสูงเกินไป...พลาดมาก
ยอมละทิ้งทิฐิไปก็อาจจะได้ตีพิมพ์ไปแล้ว อย่างน้อยๆ ก็คงมีโอกาสมากกว่านี้

แต่เราไม่รู้จะทำยังไง หนึ่ง เราละมันไม่ได้
สอง เราไม่อยากยอมลดส่วนที่ "ดี" ของเรา ไปเสริมในส่วนที่คนอื่นก็ "ดี" 
สาม เราไม่ได้มั่นใจมากนักว่างานเขียนเราดีขนาดนั้น แต่พอมันมีคนพูดมากๆ เราก็รู้สึกนะ มันแบบ.. เออ งานเขียนเราก็ดี แต่มันขายไม่ได้ (อันนี้ไม่ใช่ทางสนพ. นี้บอกมา แต่มีอีกหลายๆ คนบอกมาค่ะ)

ต้องขอขอบคุณทุกคนมากที่อ่านมาจนถึงตอนนี้

เราเอง ตั้งกระทู้นี้มาโดยมีจุดประสงค์เหล่านี้

1. เล่าเรื่องและระบายเรื่องของตนเองให้คนอื่นฟัง

2. เราคงไม่ได้ส่งให้สนพ. นี้อีกครั้ง เพราะทางนั้นเองก็ตัดรอนมาก ตอนแรกเราส่งไปเพราะหวังว่าจะไม่ต้องแก้ไขทุกอย่าง อย่างน้อยก็อยากให้หาตรงกลางที่มีทั้งจุดประสงค์ของเรา และทางสนพ. ไว้ด้วยกัน แต่ทางสนพ. นี้ เขาไม่จำเป็นต้องง้อเราอยู่แล้ว ตัวเราเองก็เข้าใจ และก็ต้องขอยอมแพ้ หากจะให้เปลี่ยนทางไปทั้งหมด มีแค่เราที่วิ่งฝ่ายเดียวเราก็คงไม่ไหว เกรงว่าหากได้ตีพิมพ์จริงๆ แล้วจะคับค้องใจจนเก็บและระเบิดมาสักวัน

3. เราควรทำยังไงกับนิยายเรื่องนี้ดีคะ ส่งให้ที่อื่นก็ไม่มั่นใจว่ามีสนพ. ไหนมีนิยายรักวัยรุ่นที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น (ส่วนตัวเราคิดว่านิยายเราคือ Young Adult แต่มันไม่มีสนพ. ไหนตีพิมพ์แนวนี้เท่าไหร่นัก)

ขอบคุณมากค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

27 ความคิดเห็น

kkm_loveu 6 ม.ค. 59 เวลา 17:08 น. 1

เราเคยฟังสัมภาษณ์ของศิลปินคนนึงค่ะ เขาอยู่โดยไม่มีต้นสังกัด เขาให้เหตุผลว่า "เขาอยากทำในแบบที่เขาจะทำ" เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปอยู่ใต้ความควบคุมของคนอื่น ไปรับเงินเขา เราก็ต้องทำตามในแบบที่เขาต้องการใช่ไหมละคะ? อย่าท้อนะคะ สู้ๆ เป็นตัวของตัวเอง สักวันมันจะดีขึ้นเอง ถ้าเรามุ่งมั่นทำมันอย่างไม่ย่อท้อ

3
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 17:12 น. 1-1

ขอบคุณมากค่ะ (:
จริงค่ะว่าถ้าเราอยู่ใต้คนอื่นเราก็ต้องทำตามแบบที่เขาต้องการ
สงสัยเราเด็กไป เราแค่พยายามหาตรงกลางระหว่างเรากับสนพ.
แต่ถ้าหาไม่ได้ก็คงต้องยอมแพ้จริงๆ แหละค่ะ

0
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 19:11 น. 1-3

1-2 หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ดีค่ะ
เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสนพ. ไหนเปิดรับแนวนี้อีกไหม
เพราะว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเจอสนพ. เปิดรับนิยายรักเท่าไหร่เลย

0
Louis Forest 6 ม.ค. 59 เวลา 17:20 น. 2

เหมือนชีวิตคู่ ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็ต้องปรับเข้าหากัน ถ้าทั้งสองฝ่ายมีจุดยืนที่ชัดเจนปรับเข้าหากันไม่ได้ ก็ต้องไปหาคู่ใหม่ 

คนเราส่วนใหญ่ก็จะอยากมีใครสักคนเข้าใจเรายอมรับในทุกๆอย่างที่เราเป็นครับ เขาก็เช่นกันเขาที่ๆมีทางเลือกมากกว่าเรา เขาคงคิดว่าการที่เราจะย้ายเข้าไปอยู่ชายคาเดียวกับเขา เราต้องปรับตัวให้เข้าแม่ย่า หรือคนในครอบอื่นๆ 

บางทีสะใภ้อย่างเราก็อยากลุกขึ้นมาในชุดนอนมานั่งเล่นในครัวตอนตีสอง เปิดไฟหาอะๆไรกิน เหมือนกับที่เราเคยทำที่บ้าน

ผมเข้าใจ จขกท ครับ สู้ๆครับ ( ไม่ต้องเข้าใจผมก็ได้ แค่รู้ว่าผมเข้าใจก็พอแล้วครับ )

3
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 17:23 น. 2-1

ขอบคุณค่ะ
ตัวเราเองก็คิดว่าทางสนพ. ก็เข้าใจเราเช่นกัน
เขาคงรู้แล้วว่าเราอยู่ด้วยกันไม่ได้เลยตอบแบบนี้มา
(เพลงทิ้งไว้กลางทางต้องมาค่ะแบบนี้)

0
Louis Forest 6 ม.ค. 59 เวลา 17:25 น. 2-2

ทำ...ถูกแล้ว...ที่เธอเลือกเขา และทิ้งฉันไว้ที่กลางทางของขวัญ

0
SilverPlus 6 ม.ค. 59 เวลา 19:19 น. 3

ผมว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิดนะ

สำนักพิมพ์เขาอยากได้แนวเรื่องอย่างที่เขาต้องการ

ส่วนคุณคนเขียนก็เขียนแนวเรื่องในแบบที่ตัวเองต้องการ

แค่บังเอิญว่ามันไปด้วยกันไม่ได้ แค่นั้นเอง...


ถ้าคนเขียนเขียนแบบที่เขาบอก ก็จะเข้าเงื่อนไข แต่ถ้าไม่เขียนอย่างที่เขาบอก เขาก็จะลังเล เพราะนิยายอย่างที่เจ้าของกระทู้บอก มีแนวโน้มที่ยอดขายจะต่ำ (ปัจจัยหลักอยู่ตรงนี้) 

ไม่ใช่สำนักพิมพ์ไม่ดี หรือตัวคนเขียนไม่ดี ให้นึกภาพถึงคนที่เดินกันคนละทาง จะบอกให้เขาเข้าใจเรามันทำไม่ได้หรอก 

//สำนักพิมพ์เขายังให้ความสนใจในตอนแรก และส่งมาให้แก้หนึ่งรอบ แค่นี้ก็แสดงว่าเขาใส่ใจพอสมควรเลยนะ

 

1
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 19:42 น. 3-1

เราเองก็เห็นด้วยค่ะ เพราะเราเองก็เข้าใจ
ทางสนพ. ก็อยากได้งานที่เขามั่นใจว่ามันโอเค
และมันเองก็เป็นธุรกิจด้วย เห็นด้วยเลยค่ะ

ทางเราเองก็ไม่ได้โกรธสนพ. แต่อย่างใด
ถ้าหากมีเรื่องอื่นก็อาจจะส่งให้สนพ. นี้อีกด้วยเช่นกัน

และทางสนพ. เรากลับมองว่าเขาเข้าใจเราแล้วค่ะ
แต่โอนอ่อนให้ไม่ได้ อย่างว่าแหละ ปัจจัยมันเยอะ

เราเองก็รู้สึกดีกับการที่เขาแจงจุดบกพร่องให้แก้ไขในตอนแรกมาให้ด้วยค่ะ

0
คาระ 6 ม.ค. 59 เวลา 19:57 น. 4

อ่านแล้วนึกถึงตัวเองเลย โดนมาคล้าย ๆ กัน เราว่าต้องที่เดียวกันแต่เลย

มาเชียร์ให้คุณลองส่งสนพ.อื่นดูค่ะ ถ้าเขาปฏิเสธอีก คิดเรื่องอีบุ๊กก็ยังไม่สาย

ส่วนเรื่องแนวนิยาย เราเคยโดนเรื่องความเอื่อยเฉื่อยเหมือนกัน มีคนเคยแนะนำค่ะ ว่าเหมือนเวลาขับรถ ถ้าเราชำนาญพอ เราจะเริ่มรู้ว่า จังหวะไหนควรเร่ง จังหวะไหนควรผ่อน ลองปรับดูไม่เสียหลายนะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ คุณไม่ได้โดนเรื่องนี้คนเดียว

2
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 20:11 น. 4-1

ขอบคุณมากค่ะ
ถ้าเป็นไปได้ รบกวนช่วยแนะนำสนพ. ให้หน่อยได้ไหมคะ
เราหาสนพ. ที่ยังเปิดรับต้นฉบับแนวนี้ไม่เจอเลย

0
MuI2asaki [紫] 6 ม.ค. 59 เวลา 20:06 น. 5

เราแต่งแนว รักแฟนตาซี มาตั้งแต่แรกเริ่ม
ในขณะที่ตลาดของแนวนี้กลับมีน้อย

เราเคยส่ง สนพ.ชื่อดัง ที่พิมพ์แนวนี้ ในตอนนั้น
แต่ปรากฏว่า สนพ.เขาก็กำลังจะปิดตัวลง จึงไม่รับงานเพิ่ม
เราจึงลองส่งไปอีกที่ ซึ่งเป็นแนวแฟนตาซี
ก็ได้คำตอบกลับมาว่า นิยายของเราไม่ใช่แนวที่เขาต้องการ
(เหมือนกับว่า มีฉากรักมากเกินไป)

ก็น้อยใจนิด ๆ เวลาที่แฟนคลับถามว่า
"ทำไม สนพ. ไม่เอาเรื่องนี้ตีพิมพ์" หรือ "ทำไมไม่มีวางขายตามร้ายคะ?"
แต่ทุกครั้งก็ยิ้มตอบ และพยายามทำมันด้วยตัวเอง :)

วันนี้เราเปิด Pre-Order เองค่ะ
ทำเรื่องขอ ISBN เรียบร้อย และจะเข้าสู่ขั้นตอน จดทะเบียนลิขสิทธิ์ต่อไป
มันเป็นงานที่ยาก แต่ก็ใช่ว่าทำไม่ได้

พอได้รับข้อความว่า
"ไรท์เตอร์คะ ช่วยพิมพ์เรื่องนี้เป็นเล่มหน่อยนะคะ แพงแค่ไหนหนูก็จะซื้อ"
"ชอบแนวนี้มากค่ะ จะติดตามทุกเรื่องของไรท์เตอร์"
มันก็เหมือนมีแรงกระตุ้น ให้เราแต่งแนวนี้ต่อ โดยที่เราไม่คาดหวังว่า สนพ. จะต้องการเรา

บางทีสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ อาจไม่ใช่เพื่อตัวเรา
แต่อาจจะเป็นเพื่อแฟนคลับที่ติดตามมาตลอด...

2
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 20:13 น. 5-1

เราเคยตีพิมพ์เอง 4 เล่มค่ะ เป็นนิยาย 3 เล่ม รวมฟิคสั้น 1 เล่ม
แต่ที่พิมพ์กับทางสนพ. เรามีสองเล่ม เป็นนิยายวาย

ถ้าหากเป็นไปได้ ก็อยากทำแบบนั้นนะคะ ตัวเราค่อนข้างโอเค
กับการที่จะติดต่อ ฯลฯ ไป

(ส่วนตัวเราอยากเปิดสนพ. เองด้วยค่ะ เลยเคยศึกษาด้านนี้ไว้บ้าง)

เหลือแค่ว่า ตัวเราไม่ใช่นักเขียนที่มีฐานคนอ่านมาก
ดูไม่มีอะไร เรียกง่ายๆ ก็คือบ้าน (แหน่! พี่บีมาเอง)

ถ้ามีคนพร้อมซื้อเราก็พร้อมขายจัดรูปหน้าตีพิมพ์เองขายค่ะ
มีคนอ่านน้อย เลยทำแบบที่อยากทำไม่ได้ แฮ่

0
wondermomo 6 ม.ค. 59 เวลา 20:41 น. 6
เราขอตอบในแง่มุมของเราที่เคยตัดสินใจแล้วกันเนอะ
เราส่งนิยายไปประมาณสองที่ค่ะ แล้วก็โดนปฎิเสธ
สุดท้ายเราก็ทำหนังสือขายเอง แล้วก็ทำอีบุ๊คขายไปด้วย
ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำรายได้อะไรมาก แต่อย่างน้อยมันก็ไม่เสียเปล่าแล้วเราก็พอใจในระดับหนึ่ง
ถือว่ามันเป็นก้าวแรกกับการเขียนแบบจริงจัง 
คือเราไม่อยากให้ทิ้งนิยายไปเฉยๆ นะ ถ้ามันสร้างโอกาสให้เราทำเงินได้บ้างก็ทำไปเถอะ 
แล้วค่อยมาเริ่มต้นกับนิยายเรื่องใหม่ ซึ่งถ้าเกิดอยากส่งสนพ. เดิมก็ต้องปรับนิยายให้ตรงกับแนวของสนพ.ไปค่ะ
เพราะสนพ.ก็ต้องคิดถึงแง่ผลกำไรอยู่แล้ว อันนี้เราก็ต้องยอมรับ เป็นเรื่องปกติธรรมดาค่ะ
ถ้ามองให้สบายใจก็ขอให้มองว่าเปิดโอกาสให้เราลองอะไรใหม่ๆ ละกันเนอะ 
3
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 21:40 น. 6-1

ขอบคุณมากนะคะ
ตัวเราก็พยายามคิดเช่นนั้นค่ะ
แม้รอบนี้ไม่ได้ตีพิมพ์เลยเรากลับไม่เสียใจ
แต่ที่รู้สึกมีผลกระทบหนัก น่าจะเป็นเพราะว่าหลายคนบอกว่ามันดี และมันเป็นไปตามจุดประสงค์เราแล้ว
แต่มันเป็นคนละทางกับทางสนพ. มากกว่าล่ะมั้งคะ
เหมือนสำเร็จและพ่ายแพ้ไปพร้อมๆกัน

0
wondermomo 6 ม.ค. 59 เวลา 21:44 น. 6-2

เรื่องสะเทือนใจก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ แต่สักพักมันก็จะหายไปเอง ประสบการณ์มันค่อยทำให้เราโตขึ้นนะ
อยู่แค่ม.6 เอง โอกาสประสบความสำเร็จมีอีกเยอะค่ะ เชื่อเถอะว่าถ้าเขียนบ่อยๆ งานก็พัฒนาขึ้นไปอีก
เราเชื่อว่าคนที่พยายามจะประสบผลสำเร็จแน่นอนจ้า

0
กิงก่องแก้ว 6 ม.ค. 59 เวลา 20:52 น. 7

เหมือนเราเลยค่ะ อ่านแล้วนึกถึงตัวเองมาก ส่งตั้งแต่ ม.3 จนตอนนี้เข้ามหาลัยแล้วยังไม่ได้ตีพิมพ์เลย แต่ตอนนี้เราไม่ได้คิดไปเองนะ เราว่างานของเรามันดีขึ้นมากจริงๆ อ่ะ กลับไปอ่านงานตอน ม.3 แล้วตลกมากเขียนส่งไปได้ไง 5555 แต่ตอนนี้เขียนดีมากจริง แฟนคลับเกือบห้าร้อย เม้นตเกือบหกร้อย อาจไม่เยอะในสายตาใครแต่มันเยอะมากสำหรับคนที่ขี้เกียจอัพอย่างเรานะ 5555
เราส่งไปจนท้ออ่ะ โดนปฏิเสธบอกจุดหนึ่งไม่ดีก็มาแก้ แก้ส่งไปตอบกลับมาอีกว่าจุดสองไม่ดี แก้ต่อไปก็บอกตรงนั้นไม่ดี ทั้งๆ ที่ไม่เห็นพูดถึงเลยตอนส่งครั้งแรก อันนี้ก็แอบมาคิดๆ เลยนะว่าเอ่อ...งานเรามันไม่ดีจริงๆ หรือไม่อยากรับกันแน่นะ อันนี้ไม่อยากดราม่านะคะแต่บางทีก็อดคิดไม่ได้จริงๆ ถ้าเป็น สนพ. เดียวกับที่เราคิดนะ เรามองว่าเค้ามีนักเขียนในสังกัดเยอะมากกกก นักเขียนบาคนอยู่มาตั้งแต่รุ่นแรกๆ แต่ลองอ่านจริงๆ นิยายเขากลับไม่เรียลเลย พล็อตไม่สมจริงอีก แต่ได้ตีพิมพ์ (และไปหาอ่านตามเว็บบอร์ดก็มีเสียงวิจารณ์พอกัน) เจอแบบนี้ก็เลยอดคิดไม่ได้ค่ะ แล้วก็ท้อหน่อยๆ ด้วย ตอนนี้เลยแต่งเก็บไว้เองเฉยๆ มีอารมณ์ก็ทำ ไม่มีก็ทำอย่างอื่น
แต่ไม่รู้สินะ งานเราอาจไม่ดีพอสำหรับเขาจริงๆ ก็ได้ อืมมมมมม

2
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 21:38 น. 7-1

เราเขียนนิยายส่งสนพ. ตั้งแต่ม.หนึ่ง
ปัจจุบันอยู่ม.หกค่ะ
แต่เรื่องก่อนๆ เรากลับไม่ได้เจ็บใจนัก
ตัวเรารู้ดีว่ามันไม่ดีพอ หมายถึง ไม่ดีพอจริงๆ
จุดบกพร่องมากมาย

แต่คราวนี้ที่เรารู้สึกว่ามันกระทบจิตใจ
น่าจะเป็นเพราะว่าทางนั้นบอกมาเองว่านิยายเราดูเรียล
และดูเหมือนเรื่องเล่า ซึ่งเป็นจุดประสงค์ของเรา
แต่กลับไม่ดีพอสำหรับเขามากกว่าค่ะตกใจ

0
กิงก่องแก้ว 7 ม.ค. 59 เวลา 19:36 น. 7-2

คิดเหมือนกันค่ะตรงที่ว่าตอนแรกๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บใจนัก ส่วนหนึ่งอาจเพราะเราก็รู้ตัวแหละว่านิยายเรามันยังไม่ดีพอจริงๆ แต่หลังจากนั้นมันไม่ใช่นี่เนอะ เราเขียนเองเราก็รู้อ่ะว่ามันดีขึ้นมากจริงๆ เห็นใจ จขกท นะคะเพราะมันทำให้เหมือนเห็นภาพตัวเองย้อนกลับไปตอนนั้นเลย เรื่องนี้จะพูดมากไปก็ดูแปลกๆ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าตกลงอีกฝ่ายเขาคิดยังไง คงได้แต่ถอนหายใจและสู้ต่อไปแหละค่ะ

0
White Frangipani 6 ม.ค. 59 เวลา 20:56 น. 8

สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้

ดิฉันเด็กนักเรียนหัดเขียน เข้ามาอ่านประสบการณ์จากคุณเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมค่ะ ดิฉันเห็นๆคุณบอกมาว่าคุณมีหนังสือที่ตีพิมพ์มาแล้วสองเล่ม ใช่ นะคะ เพราะฉนั้นคุณมีประสบการณ์พอสมควรค่ะในความรู้สึกของดิฉัน

ด้วยความนับถือ...

จากมุมมมองของนักเรียนหัดเขียนในวันนี้ในบอร์ดแห่งนี้...ดิฉันอยากจะบอกคุณว่าที่คุณ...

ต้องขอขอบคุณทุกคนมากที่อ่านมาจนถึงตอนนี้

เราเอง ตั้งกระทู้นี้มาโดยมีจุดประสงค์เหล่านี้

1. เล่าเรื่องและระบายเรื่องของตนเองให้คนอื่นฟัง

2...

3...

(เพื่อให้เม้นต์นี้มีความกระชับขออนุญาตรวบเป็นตัวอย่างเช่นที่เห็นนี้นะคะ)

เมื่ออ่านแล้ว...เข้าใจว่าจุดประสงค์ที่่คุณมีอยู่นั้นแท้จริงมีอยู่ในข้อ 1 ค่ะ รู้สึกจากคำบอกเล่ายาวๆของคุณนั้นรู้สึกได้ว่าแท้จริงเกิดจากความรู้สึกที่ว่าคุณต้องการระบายเป็นสำคัญ

ดีนะคะที่มีบอร์ดแห่งนี้ไว้เป็นที่เขียน พิมพ์ ระบาย แลกเปลี่ยน ถาม ตอบ บอร์ดแห่งนี้เป็นที่ที่มีคุณประโชยน์เพื่อการนี้จริงๆก็เมื่อดิฉันได้เห็นชัดๆจากกระทู้ของคุณนี้ค่ะ ว่าบอร์ดแห่งนี้เป็นสถานที่รองรับทุกอย่างจากเหล่านักเขียนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

การที่คุณจะระบายหรือบอกเล่าแบ่งปันนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้นได้ทั้งกับตัวคุณและเพื่อนร่วมบอร์ดค่ะ เช่นดิฉันได้รับการรู้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่คุณเล่ามานี้เป็นบทเรียนได้เป็นอย่างดีเพียงดิฉันเชื่อศรัทธาในเรื่องที่คุณเล่าเท่านั้นดิฉันก็จะสามารถมีทางลัดในการเรียนรู้เพื่อการเป็นนักเขียนได้เร็วขึ้น

ขอบคุณที่คุณตั้งกระทู้ค่ะ

เมื่ออ่านๆคำบอกเล่าของคุณแล้วรู้สึกได้ผ่านตัวอักษรที่คุณจะสื่อนั้นได้ราวกับว่าคุณเพียงเคว้งคว้างในวินาทีนี้หรือก่อนที่คุณจะเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา ในเสี้ยววินาทีนั้นคุณอาจจะรู้สึกราวกับว่าความรู้สึกนึกคิดของคุณนั้นบางเบาหรือเปราะบางเช่นฟองอากาศแบบนั้นหรือเปล่าคะ และการที่เป็นเช่นนั้นคุณจึงรู้สึกว่าตัวคุณเองนั้นบางเบาหรือเปราะบางอะไรแบบนั้นนะคะ

หากคุณรู้สึกได้แบบนั้นนะคะ อยากจะบอกคุณว่า...หนักแน่นมั่นคงยึดมั่นในประสบการณ์ที่คุณมีมาแล้วนั้นไว้ให้จงได้ค่ะ เท่านั้นหล่ะคุณจะเกิดความมั่นใจและสงบได้ในทันที

การที่ต้องการระบายหรือความรู้สึกเช่นตนนั้นเป็นเช่นฟองอากาศ  นั้นเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆคนในบางครั้งไม่ผิดแปลกนะคะ แต่ขอจงปล่อยให้เป็นความรู้สึกเพียงชั่วแว็บหรือเสี้ยววินาทีเท่านั้นนะ คุณหรือเราทุกคนต้องระลึกให้ได้ว่าเท้าเราจะยังคงตรึงอยู่บนพื้นดิน อย่าได้ปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดว่าเท้าคุณนั้นได้ลอยจากพื้นดินตามความคิดที่พลั้งเผลอเปราะบางตามเสี้ยววินาทีนี้ไปเท่านั้นก็พอค่ะ

ดิฉันรู้สึกราวกับว่าคุณเพียงมีอารมณ์สับสนหรือ่อนแอในชั่วพริบตาเท่านั้นเองจากบทความในกระทู้นี้

กรุงโรม กรุงปารีส กรุงลอนดอน กรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ๆในทุกเมืองมทั่วโลกนั้นมิได้สร้างขึ้นได้ในวันเดียว  เช่นกันตราบนั้นนักเขียนทุกคนก็ไม่มีวันสำเร็จได้ในเวลาชั่วพริบตาค่ะ

การเป็นนักเขียนของคุณนั้นคุณได้สร้างโครงมันขึ้นมาแล้วอย่างมั่นคง จงมั่นใจและสร้างมันต่อไปด้วยความบรรจงเถิดนะคะ

หนังสือบนโลกนี้มีอยู่หลายแนวจริงนะคะ คุณก็รู้ และหนังสือก็คือหนังสือค่ะมันไม่แตกต่างกันเลยจะแตกต่างเพียงเนื้อหาข้างในซึ่งถูกบรรจงสร้างด้วยความรักความตั้งใจหรือจากจุดประสงค์ของนักเขียนเอง และแน่นอนในความจริงนักเขียนก็เป็นคน และคนทุกคนมีความแตกต่างเป็นแก่นสาร

เพราะเหตุนี้หนังสือทุกเล่มที่คล้ายกัน แต่...ข้างในนั้นมันต่างกันอย่างแน่นอนแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย คุณต้องเชื่อว่านั้นคือความจริงนะคะ นี่คือความจริงค่ะ

และแน่นอนอีกหล่ะว่า คนอ่านเขาทั้งหลายจะตามหาสิ่งที่เขาต้องการหรือศรัทธาที่จะอ่านเขาทั้งหลายเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจและเลือกเอง และแน่นอนอีกด้วยว่าเขาทั้งหลายก็เป็นคนในความเป็นคนอ่านนั้นมีความแตกต่างอยู่เช่นกัน  เพราะฉนั้นในการที่คนอ่านจะเลือกความแตกต่างนี้ก็เป็นอะไรที่เราไม่สามารถทำ หรือควบคุมอะไรได้เลย นั้นก็เป็นความจริงที่นักเขียนต้องจำนนนะคะ

(ความสำเร็จที่จะได้มาเพื่อการนี้...ตรงนี้ก็มีองค์ประกอบมากมายคุณก็รู้นะคะ ที่สำคัญดิฉันเชื่อและศรัทธาเรื่องของบุญวาสนา โชคชะตา ที่จะนำพาไป  คือไปพบเจอ สนพ การตลาด เน็ตเวิร์คนั้นก็มีส่วนเป็นสำคัญนั้นขึ้นอยู่กับเหตุนี้ด้วย  ตรงนี้เป็นความเชื่อที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของดิฉันเองในมุมมองเกี่ยวกับการนี้ นี้เป็นความรู้สึกและความเห็นส่วนบุคคลนะคะ)

แต่คุณจะทำได้ดีที่สุดคือเพียงขอให้ตัวคุณเองที่เป็นสุขเมื่อเชื่อว่าคุณได้ใส่ใจใส่จิตวิญญาณที่จะบรรจงเขียนลงไปและเขียนได้ให้จบเท่านั้นค่ะ (ไม่ว่างานเขียนนั้จะถูกเขียนขึ้นภายใต้งานเขียนซึ่งเป็นอาชีพหรือการเขียนเพื่อความสนุกสนานในวาระของงานอดิเรก) หรือคุณว่าอย่างไรคะ

ทั้งหมดนี้เป็นมุมมองจากนักเรียนหัดเขียนค่ะ  หากแต่ทั้งหมดที่ดิฉันเม้นต์เข้ามานี้ผิดไปจากความรู้สึกของคุณก็ต้องขอออภัยด้วยค่ะ แต่จุดมุ่งหมายของเม้นต์นี้ คือเข้ามาเพื่อให้กำลังใจคุณค่ะ

สู้สู้นะคะ ขอให้คุณเป็นสุขสนุกสนานกับงานเขียนต่อไปด้วยค่ะ ขอให้คุณผ่านการพิจารณาในทุกๆเรื่องดังที่คุณหวังและตั้งใจค่ะ และขอให้หนังสือที่คุณมีโอกาสตีพิมพ์ทุกๆเรื่องของคุณนั้นขายดีๆไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็ก็ตามทีค่ะ

เป็นกำลังใจค่ะ ^____^




ปล.ขออภัยในความยืดยาวค่ะ

1
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 21:35 น. 8-1

จริงอย่างที่คุณได้กล่าวไว้ค่ะ
ตัวเรายังมีความสุขกับการเขียนดีอยู่ที่มีแวบหนึ่งที่ความคิดเข้ามาว่าเหนื่อยจังเลว
ถึงกระนั้น เราก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดเขียนค่ะ
แต่คิดว่าเราควรเปลี่ยนแนวไหม ควรพอกับแนวนี้ไหมเสียมากกว่า
หากถามถึงคำตอบ เราคิดว่าคงไม่ค่ะ
ตัวเราเขียนนิยายจากรักวัยรุ่น ค่อยๆเติบโตขึ้น
เราดีใจที่นิยายหลายเรื่องโตไปกับเรา
และเรายังมีความสุขที่นิยายเหล่านี้ มีลายเซ็นของเราไว้ตามที่นักอ่านได้บอกค่ั

0
Whiteflower Ri 6 ม.ค. 59 เวลา 21:16 น. 9

อยากบอกว่า คอมเม้นท์ 130 คอมเม้นท์มันไม่น้อยเกินไปหรอก อย่าไปเทียบกับอดีตสิคะ หากลองเทียบกับนักเขียนหลาย ๆ ท่านที่ไม่มีแม้แต่คอมเม้นท์เดียว  เขาทำไมยังมีความสุขในการเขียนนิยายอยู่ได้  คุณมีคอมเม้นท์ถึง 130 ก็โชคดีกว่าอีกหลาย ๆ ท่านมากเลยค่ะ ไม่อยากให้เสียกำลังใจนะ  ขอให้เชื่อว่า  คนอ่านน้อย ๆ แต่เป็นคนอ่านที่ไม่ฉาบฉวย  เป็นคนอ่านที่มีความคิดเหมือนกับเรา  ตรงกับเรา  เข้าใจงานเขียนของเรา  มันดีกว่านักอ่านมากมาย  แต่ไม่ได้อะไรจากเรื่องที่เราเขียนเลยไม่ใช่เหรอ?

ถ้าไม่ผ่านน่าจะลองทำอีบุคดูนะคะ

มีอาจารย์ท่านหนึ่ง  เราชอบงานเขียนของ อ.ท่านนี้มากกกก  ท่านเขียนลงเวป  มียอดคอมเม้นท์เยอะ  มีแฟนคลับเยอะ  แต่ก็ไม่เห็นท่านจะส่งไป สนพ ไหนซักที  เราก็ถามท่านว่า  ทำไมไม่ส่งเรื่องไป สนพ ดูละคะ ท่านตอบมาว่า  ไม่อยากขาย เราชื่นชมท่านจริง ๆ ท่านสมกับเป็นนักเขียนจริง ๆ ที่ไม่หวังอะไรจากการเขียน เพื่อเขียนสิ่งที่เราอยากเขียนขึ้นมา  ทุกวันนี้ท่านทำอีบุค  เพราะมีเวปอีบุคเวปหนึ่งติดต่อไป  ก็เลยได้ทำออกมา(ซักที)

ท่านยังคงรักษาแนว สไตลการเขียนของท่านเอาไว้เหมือนใจที่อยากจะเขียน ^^

3
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 21:32 น. 9-1

แอบเล็งการทำอีบุ๊คเช่นกันค่ะ
แต่รอให้เรียนจบชั้นมัธยมก่อน
(ปัจจุบันเราอยู่ม.หก อีกไม่นานจะจบแล้ว)
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากนะคะ

0
Whiteflower Ri 6 ม.ค. 59 เวลา 21:45 น. 9-2

แม้ว่า งานเขียนของเราจะมีคนอ่านไม่มาก แต่เราจะรอคนที่ชอบเหมือนกันมาอ่านค่ะ ^^

0
นางฟ้า {กระโดดติ๊บๆ} 6 ม.ค. 59 เวลา 21:52 น. 10

สู้ๆ ค่ะ เราเข้าใจเลย จขกท. ค่ะ
สมัยก่อนเราเคยเจอเวลาไม่ผ่าน หรืออีเมลตอบมาเเบบมีหวังนี่คือดีใจไปครึ่งพอ เจอคำตอบเเบบนี้ก็เฟลมากกกกก จนตอนนี้เรื่องนั้น ดองในไห้ 55555
เเต่ปัจจุบัน เราเอามาทำมือหมด คนอ่านเดี๋ยวนี้ไม่ชี้ว่าต้องมาจาก สนพ.เเล้วเนอะ...คือขอให้เก็บงานคนเขียนที่รักก็พอ
จขกท มีเเฟนคลับเยอะ มีเเฟนคลับรอ ทำเพื่อคนอ่านค่ะ ^^ อิอิ
#เขียนในสิ่งที่เราอยากให้เป็น เราว่าดีที่สุดเเล้วล่ะค่ะ

1
Ni_นิว 6 ม.ค. 59 เวลา 22:01 น. 10-1

เราก็อยากพิมพ์เองขายค่พ
แต่แฟนคลับสนใจน้อย
เลยไม่สามารถทำได้จริงๆ

0
ดาวดวงน้อยของท่านเทพ 6 ม.ค. 59 เวลา 22:19 น. 11

ลองทำเป็นอีบุ๊คดูก่อนมั้ยคะ เราเองก็คิดสนใจจะทำเหมือนกัน
นิยายของเรานี่ออกแนวเขียนบรรยายเอื่อยๆ คล้ายๆ กับของจขกท.แหละ
แต่ของเราไม่ได้เขียนเป็นบุรุษที่หนึ่งแบบของจขกท.
มีสนพ.ติดต่อมาหลายที่เหมือนกันนะคะ ถ้าอยากรู้หลังไมค์มาถามก็ได้ค่ะ
พอดีเราเข้าไปดูนิยายของจขกท.แล้วเยอะเหมือนกัน ไม่รู้ว่าส่งอันไหนไป

ปล. เราว่าจขกท.ตัดสินใจถูกแล้วนะ อะไรที่ต้องฝืนทำส่วนใหญ่มันออกมาไม่ค่อยดีหรอก
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ต่อไปน้าาา ^^

1
Ni_นิว 7 ม.ค. 59 เวลา 06:12 น. 11-1

เราส่งเรื่อง hello SOULMATE ไปค่ะ
กำลังเล็งเรื่องทำอีบุ๊คอยู่ เพราะมีนักอ่านแนะนำมาเหมือนกัน
แต่ตัวเรายังเรียนม.หกอยู่ค่ะ ถ้าหากจะทำจริงๆ เกรงว่าจะต้องรอให้ปิดเทอมก่อน

เดี๋ยวจะหลังไมค์ไปหาเรื่องสนพ. นะคะ

0
พลอยนิล-อะเมะยูคิ 6 ม.ค. 59 เวลา 23:44 น. 12

เอาใจช่วยนะคะ นิลเองก็เคยเป็นนักเขียนตีพิมพ์เหมือนกัน แต่ทุกวันนี้หันมาทำ E-book ค่ะ

เพราะความที่เราอยากเขียนนิยายแนวที่เราอยากเขียน ซึ่งมันไม่ใช่แนวตลาด หรือแนวที่ สนพ.ต้องการ นิลเลือกที่จะทำสิ่งที่นิลทำแล้วมีความสุขค่ะ

1
Ni_นิว 7 ม.ค. 59 เวลา 06:13 น. 12-1

กำลังเล็งเรื่องอีบุ๊กเช่นกันค่ะ
หากจะทำจริงๆ คงจะต้องมาขอคำปรึกษากับทางบอร์ดอีกทีเนอะ

0
Quantum 7 ม.ค. 59 เวลา 00:19 น. 13

จับมือครับ นานๆ จะเจอพวกเดียวกัน ฮาา

ขอตอบเฉพาะคำถามข้อสุดท้ายละกัน ว่าจะทำยังไงกับต้นฉบับนี้ต่อ เป็นผมก็ปล่อยไว้ แล้วไปเขียนเรื่องใหม่ ที่น่าจะดีกว่า และมีโอกาสผ่านมากกว่า (คือผมก็คิดงี้ตลอด สุดท้ายก็ยังไม่ผ่านสักเรื่อง) ไม่เป็นไร ก็จะเขียนต่อไป เขียนจบ ส่งสนพ. ไม่ผ่านก็เก็บเข้าคลังสะสม สักวันจะเอามาทำมือขายยกแผง 555

1
Ni_นิว 7 ม.ค. 59 เวลา 06:15 น. 13-1

มีนักอ่านหลายคนแนะนำให้ทำอีบุ๊คค่ะ ตัวเราเองก็สนใจด้วย
แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากตีพิมพ์
ตอนนี้ตัดสินใจว่าจะดูแลเรื่องในมือก่อนค่ะ ทำเรื่องใหม่ก่อนเพราะเดิมเราเขียนไปพร้อมๆกับรีไรท์

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

0
❥EVENINGPRIMROSE. 7 ม.ค. 59 เวลา 02:55 น. 14

ลองทำเป็นพอคเกตบุ๊คดูสิ น่าสนใจนะคะ ถ้าคิดที่จะเขียนนิยายแนวอื่นแบบไม่ใช่แนวตลาดก็น่าจะทำเป็นพอคเกตบุ๊คค่ะ (หรือนิยายที่ตีพิมพ์เอง ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร) เพราะสนพ.ส่วนใหญ่ที่เค้าดังๆ เค้ามีจุดขายของเค้าอยู่แล้ว ถ้าเรื่องเราไม่เข้าแก๊กให้ตายเค้าก็คงไม่เสี่ยงหรอกค่ะ
สู้ๆนะคะ

1
Ni_นิว 7 ม.ค. 59 เวลา 06:16 น. 14-1

ตัวเราอยากตีพิมพ์เองเหมือนกันค่ะ
แต่แฟนคลับไม่มาก
ถ้าพิมพ์น้อยมันเข้าเนื้อเลย
เลยมองอีบุ๊คไว้ค่ะ

0
เทพเจ้าFoX 7 ม.ค. 59 เวลา 03:05 น. 15

"เมื่อใดที่เราดังนั่นแหละ เราถึงจะทำตามสไตล์ตัวเองได้ แต่ตอนนี้เรายังเป็นหนอนอยู่ ขายงานได้ก่อนค่อยเลือกลายบนปีกด้วยตัวเอง"


อันนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับนิยายของเจ้าของกระทู้เท่าไหร่นะคะ แต่ศิลปปินส่วนมากก็ต้องการขายงานเพื่อมีชื่อเสียงก่อนแล้วค่อยทำงานสไตล์ตัวเอง สร้างตัวตนในงานที่ 2-3-4 เรื่อยๆ 

ไม่ได้บอกให้เปลี่ยนสไตล์นะคะ แต่แค่บอกว่าอยากให้คว้าโอกาสไว้ก่อน แต่ก็อย่าลืมความตั้งใจต้นของตัวเอง

คิดต่างอย่างว่านะคะ ^^

1
Ni_นิว 7 ม.ค. 59 เวลา 06:19 น. 15-1

คิดต่างไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตัวเราตอนแรกก็ตั้งใจเช่นนั้น แต่ถ้าอ่านดู สนพ. แนะในสิ่งที่ไม่ใช่แนวหลายข้อ บางข้อเราผ่อนปรน บางข้อเราขอให้หาตรงกลาง แต่ถ้าหากทำไม่ได้ เราเองก็ต้องยอมแพ้ค่ะ ตัวเราอาจจะไม่ดังและทิฐิสูง แต่ถ้าหากเปลี่ยนเรื่องไปมากจริงๆ นักอ่านเก่าอาจไม่สนใจและไม่ประทับใจ กระทั่งตัวเราก็คับข้องใจด้วยค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ

0
peiNing Zheng 7 ม.ค. 59 เวลา 14:14 น. 16

ข้าน้อยขอถามท่านจขกท. กลับขอรับว่าตัวท่านเอง มีจุดประสงค์หรือมุมมองอย่างไรต่องานเขียนตัวเอง?

งานเขียนสะท้อนตัวตนของคนเขียน เมื่อมีคนอ่านมาให้กำลังใจ ก็รู้สึกเหมือนตัวตนของเราได้รับการยอมรับ แต่ในทางกลับกัน เมื่อเอาไปให้สำนักพิมพ์ (ซึ่งเป็นตัวแทนของตลาด เป็นตัวแทนของสังคมวงกว้าง) ปฏิเสธไม่พิมพ์ให้ ก็รู้สึกเหมือนตัวตนเราถูกปฏิเสธ มันเฟลเป็นธรรมดาขอรับ

หากจุดประสงค์ของท่านจขกท.คือ อยากตีพิมพ์กับสนพ.

แบบนี้ท่านจขกท.อาจประนีประนอมระหว่างความตั้งใจของตนเอง กับบก.สำนักพิมพ์บ้าง ลดตัวตนบางอย่างของตัวเองลงไป เมื่ออยากได้อะไร ย่อมต้องยอมสูญเสียอะไรเพื่อแลกมันมาบ้าง ยิ่งสิ่งที่ต้องการนั้นยาก สิ่งที่แลกก็ต้องสมน้ำสมเนื้อกันขอรับ

ไม่มีใครได้ทุกสิ่งทุกอย่างตลอดเวลาโดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยนขอรับ

เมื่ออยากตีพิมพ์ อาจจะต้องลดทิฐิลงบ้าง ในทางกลับกัน เมื่ออยากคงทิฐิของตนเองไว้ โอกาสตีพิมพ์ก็ลดลง ก็เท่านั้นเอง

แต่ถ้าจุดประสงค์ของท่านจขกท. คือ การได้รับการยอมรับจากคนอ่านโดยไม่เสียความตั้งใจของตนเองไป

กรณีนี้คือ การมองความต้องการของตนเองและคนอ่านที่ติดตามงานของท่านจขกท. เป็นที่ตั้ง อาจจะทำได้โดย

1. มองหาสนพ.อื่น ซึ่งข้อนี้อาจจะเหนื่อยเอาการ แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสขอรับ (ปล.ข้าน้อยไม่รู้เรื่องสนพ.เท่าไร อาจต้องรอคห.อื่นในเรื่องสนพ.ขอรับ)

2. ทำเป็นหนังสือทำมือ หรือ E-book เพื่อรองรับความต้องการของตัวท่านเอง และคนอ่านที่ท่านต้องการขอรับ

3. เก็บงานชิ้นนี้เอาไว้ แล้วมุ่งมั่นกับงานชิ้นต่อไป เมื่อประสบการณ์มากขึ้น โอกาสตีพิมพ์มากขึ้น เมื่อนั้น งานเดิมที่มีก็อาจจะได้รับการตีพิมพ์ในอนาคต (กรณีนี้ดูจับต้องได้ยากมากเลย แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้)

สำหรับตัวข้าน้อยเอง ประสบการณ์แบบเดียวกับท่านจขกท. แหละ สิ่งที่ข้าน้อยเลือกคือข้อ 2 เพราะข้าน้อยไม่ยอมลดทิฐิของตัวเองลง เลยได้รับคำปฏิเสธจากสนพ.แบบขี้เกียจจะนับ แต่คนอ่านไม่เคยปฏิเสธงานข้าน้อย และติดตามเรื่อยๆ ข้าน้อยเลยเลือกข้อนี้ขอรับ

แต่ก็มีตอนที่อยากได้ตังค์นะ เลยเขียนงานแบบยึดตลาดเป็นหลัก เปลี่ยนนามปากกาด้วย เป็นเรื่องที่คนพูดถึงกันเยอะอยู่ คนอ่านก็หาตัวคนเขียนกันไป แต่ไม่ได้รู้สึกดีใจหรืออะไรนะ เพราะรู้ตัวว่าเป็นผลงานที่ตัวเองไม่ค่อยภูมิใจสักเท่าไร แต่เมื่อไรที่อยากหาตังค์อีก ก็คงทำแบบเดิมแหละ (ไม่ค่อยได้ทำแบบนี้หรอก ยังชอบทำตัวติสท์อยู่)

ข้าน้อยเคยคุยกับคนเขียนท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ประนีประนอมกับความต้องการของตนเองและคนอ่านได้ ใช่ว่าทุกเล่มเขาจะตามใจคนอ่าน บางเล่มก็ตามใจคนเขียนบ้าง สลับกันไป ไม่งั้นคนเขียนก็ไม่มีความสุขหรอก

เรื่องนี้เป็นแนวคิดที่ดีในการหาจุดสมดุลให้ตัวเองขอรับ มันไม่จำเป็นว่าเมื่อเลือกทางหนึ่งแล้ว จะต้องตะบี้ตะบันไปทางนั้นเสมอไป แล้วแต่วาระและโอกาสน่ะ

ย้อนกลับมาที่คำถามแรกที่ข้าน้อยถามไว้ ถ้าท่านจขกท.รู้ว่าจุดประสงค์ของท่านคืออะไร ท่านน่าจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้ชัดขึ้นขอรับ

1
Ni_นิว 7 ม.ค. 59 เวลา 18:44 น. 16-1

หากจะบอกว่านิยายเราดีเลิศเลอในปฐพี เราเองก็คิดว่าไม่ใช่
แต่ก็มั่นใจระดับหนึ่งว่าไม่ใช่นิยายที่ไร้ค่า

มันมีค่าขึ้นเมื่อมันบรรลุจุดประสงค์
แต่ใช่ค่ะ เป็นอย่างที่คุณบอก มันทำให้เรารู้สึกคล้ายๆ ไม่มีที่ยืนในสังคม

ตอนนี้เราเล็งการทำอีบุ๊กไว้ค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำ
แต่คาดว่าจะต้องรอจนกว่าจะถึงจบ ม.หก เสียก่อน

ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำค่ะ

0
Tayida Grand 7 ม.ค. 59 เวลา 14:38 น. 17
เอาที่สบายใจค่ะ ขายแบบอีบุ๊คก็ไม่ได้แย่อะไร ไม่ต้องทำไรมากด้วยค่ะ แค่จัดหน้า ทำปกเองก็ได้ อาศัยขายไฟล์ไปก่อนค่ะ แฟนเยอะๆแล้วเดี๋ยวรายได้ก็ตามมาเอง ทำในสิ่งที่เรามีความสุขและมีรายได้ เป็นของเราเองมันไม่ต้องกังวลกับการแบกรับภาระการที่หนังสือกระดาษขายไม่หมดนะคะ สนพ.เค้ามีความเสี่ยงตรงนี้ค่ะ
ขอแค่เราสนุกกับงานเขียนของเรา แค่นี้ก็คุ้มค่า และยิ่งมีรายได้จากขายอีบุ๊คด้วยแล้ว มันให้คามรู้สึกพึงพอใจสุดๆค่ะ อย่าเสียเวลารันทดกับการถูกปฏิเสธเลยนะคะ เอาเวลามาสร้างผลงานให้เรารีดเดอร์อ่านกันดีกว่านะคะ
3
Ni_นิว 7 ม.ค. 59 เวลา 18:46 น. 17-1

เราไม่ได้เสียใจมากมายขนาดนั้นค่ะ
ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย อันที่จริงคิดว่าชนะในระดับหนึ่งแล้วด้วยซ้ำไป
เราเองก็เข้าใจทางสนพ. ค่ะ มันเป็นธุรกิจส่วนหนึ่งด้วย
แต่ส่วนตัวแล้ว เราอยากตีพิมพ์เป็นหนังสือทำมือ
(เป็นความชื่นชอบส่วนตัวค่ะ เราไม่ชอบอีบุ๊กเพราะชอบจับต้อง แต่ก็ยังอ่านนะคะ)
เพียงแต่ต้นทุนสูงกว่า คนสนใจน้อย

ตอนนี้เราสนใจจะทำอีบุ๊กค่ะ แม้จะมีคนอ่านน้อยก็ไม่เป็นไร

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ (:

0
Tayida Grand 7 ม.ค. 59 เวลา 18:54 น. 17-2

เป็นกำลังใจให้ค่ะ เส้นทางที่เราชอบ เราทำได้แน่ๆค่ะ รักเลย

0
Rainn 7 ม.ค. 59 เวลา 15:01 น. 18

เป็นกำลังใจให้นะคะ ส่วนตัวเราเองเขียนแฟนฟิคค่ะ สั่งพิมพ์เองขายเอง
ตอนเปิดพรีออเดอร์ก็ขายได้เกือบร้อยเล่ม...แฟนฟิคมันก็ดีอยู่สองอย่าง

- หนึ่งคือแฟนคลับของวงที่เราแต่ง
- สองคือเรามีความสุขที่ได้แต่งเพราะเราชื่นชอบศลป.
แต่ข้อเสียคือคนอ่านก็จะเป็นแค่กลุ่มแฟนคลับเนี่ยแหละค่ะ
ซึ่งเราคิดว่าไม่มีอะไรเสียหายเพราะเราอยากแต่งแบบไม่หวังอะไรอยู่แล้ว

เราว่านิยายทั่วไปมีคนแต่งค่อนข้างเยอะ ผลงานก็จะมีคนเม้นท์ยากหน่อย
กว่าจะเป็นที่รู้จักก็ต้องแต่งให้โดนใจคนหลายๆกลุ่ม ซึ่งถือเป็นงานหนัก
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่า ^^

1
Ni_นิว 7 ม.ค. 59 เวลา 18:48 น. 18-1

เราเคยเขียนฟิคเช่นกันค่ะ เป็นฟิคของวงที่มีแฟนด้อมเล็กๆ
จริงอย่างที่บอกค่ะ มันมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
ถ้าหากแฟนด้อมใหญ่หน่อย มีคนอ่านเยอะหน่อย มันก็เป็นเรื่องที่ดีค่ะ
เรื่องนี้จริงๆ ก็คล้ายๆ กับนิยายนะคะ ถ้ามีคนติดตามเยอะ
เราก็สามารถทำตามใจตัวเองได้มากขึ้น

ปล. ฟิคนั่นหมายถึงของโซชิรึเปล่าคะ เราเองก็เป็นโซวอน แต่อ่านฟิคของนักเขียนแค่สองคนเท่านั้นน่ะค่ะ

0
tee-ty 7 ม.ค. 59 เวลา 18:04 น. 19

เราเป็นแฟนนิยายเรื่องนึงของนิวค่ะ  ที่ห่างหายไปนาน(สักปีสองปีได้) เพราะไปติดนิยายแนวอื่น เราชอบสำนวนของนิวนะ (ออกจะชอบมากถึงมากๆ) มันมีเอกลักษณ์ดีนะเราว่า ขนาดที่อ่านกระทู้นี้เรายังรู้สึกคุ้นๆ มากถึงขนาดต้องเข้าไปดูมายไอดีเลย ว่าใช่คนเดียวกับที่เราคิดรึเปล่า  และมันก็ใช่ 555 จริง ๆ ตอนเปิดพรีออเดอร์เราก็อยากได้นะ แต่ตอนนั้นเด็กอยู่+ไม่มีเงิน เลยไม่ได้ซื้อ มานั่งคิดตอนนี้แล้วเสียดายมาก สู้ต่อไปนะ
ปล.ตอนนี้เรากำลังหานิยาย พยายามนึกชื่อยังไงก็ไม่ออก พอมาเห็นกระทู้นี้แล้วคิดถึงจริงๆ
ปลล.บาเบลเหลือมั้ย555

1
Ni_นิว 7 ม.ค. 59 เวลา 18:50 น. 19-1

ขอบคุณมากค่ะที่ให้กำลังใจกัน และขอบคุณที่เคยติดตามตอนนั้นนะคะ
รวมถึงคำพูดว่ามันเป็นเอกลักษณ์ เราดีใจมากเลยค่ะ
เราเข้าใจค่ะว่านิยายเราอาจจะเปลี่ยนแนวไปด้วย
(แต่ถ้าอ่านบาเบล... นั่นคือนิยายที่ทำให้เราก้าวเข้าแนวนี้โดยสมบูรณ์ค่ะ ฮา)
และต้องขอบคุณที่จำกันได้นะคะ ตอนนี้กลั้นยิ้มไม่อยู่เลยค่ะ

ปล. บาเบลไม่มีเป็นรูปเล่มเหลือค่ะ แต่ถ้าสนใจเป็นไฟล์ ติดต่อได้ที่แฟนเพจ Ni_นิว เอ็นเอ็นนะคะ
ปล. 2 เราจำชื่อไอดีของคุณได้ค่ะ ฮา

0
The Lover After Me 7 ม.ค. 59 เวลา 19:10 น. 20

สู้ต่อไปค่ะ เราก็ลงนิยายที่นี่ที่เดียว ตั้งแต่รื่องแรกจนถึงปัจจุนจะไม่คาดหวังเลยค่ะ จะรอ สนพ.ติดต่อมาอย่างเดียว เคยพิมพ์แล้วอนากพิมพ์อีกก็ตะบันแต่งทั้งที่ไม่มีแรงบันดาลใจสุดท้ายก็เหลว เรื่องล่าสุดเลยทำแบบเรื่อวแรกแต่งไปเรื่อย ๆ ไม่คาดหวังแล้วก็มี สนพ.ติดต่อมาจริง ๆ แต่ก็เผื่อใจนะคะ ไม่ผ่านก็ไม่เป็นไรทำแบบนี้จะทำให้เราสบายใจขึ้น และความนึกคิดห็ดป็รอิสระดีด้วยค่ะ 

1