การวิวัฒนาการของนักเขียน (งืมๆ)
ตั้งกระทู้ใหม่
แล้วนักเขียนท่านอื่นๆ ล่ะ มีวิวัฒนาการการเขียนบ้างไหมและพัฒนาการอย่างไร
จบกระทู้ 01:27 กลางวันใช้ได้
#ควายตะลึง
8 ความคิดเห็น
ดีใจด้วยที่การเสพงานดี ๆ ทำให้แนวคิดและวิธีเขียนเปลี่ยนไป
ความรู้สึกคงคล้ายๆกัน แต่ผมอ่านนิยาย nc มากไม่ได้ ปวดหัว ไม่เกรน ไข้ขึ้นตลอด
ผมเลยเลิกอ่านนิยายแนวนี้ ไปอ่านแนวใสใส อบอุ่น ภาษาสวย แต่ก็อ่านได้ไม่นาน มันน่าเบื่อ
พอมาเขียนเอง ภาษาของผมก็ห่วยอยู่แล้ว คนตามก็น้อย ลองใส่ฉากหวานๆ จิ้นๆ คนอ่านกลับชอบ มีคนอ่านเพิ่มขึ้น แต่ผมคนเขียน ไม่ชอบเท่าไหร่
ผมชอบอะไรที่มันเศร้าแต่สุข แบบนี้ เฮ้อ....
ในเซเว่น นิยาย 18 + เยอะนะครับ
ถ้าเป็นพัฒนาการในการเขียนของเราเหรอคะ เราว่าเราก็มาไกลนะ 5555555
เริ่มแรกชอบอ่านนิยายแจ่มใสมาก ถึงขั้นติดงอมแงม ตอนนั้นอยู่ ม.1 ค่ะ ก็อ่านมาเรื่อยๆ จนเริ่มหันมาเขียนเองตอน ม.4 แนวแจ่มใสจ๋ามาก อิโมติค่อนมาเต็ม ไม่ค่อยได้เน้นบรรยายตามประสามือใหม่ เขียนไปเรื่อยจนจบเรื่องนึง ตอนนั้นคิดว่าฝีมือพอถูไถได้บ้าง
ต่อมาเหมือนเริ่มโตขึ้น อ่านแจ่มใสน้อยลง ช่วงปีหนึ่งนี่คือไม่แตะแล้วค่ะ หันมาอ่านฟิควาย (ชาย-ชาย) แทน แล้วก็เริ่มแต่งนิยายวายค่ะ เปลี่ยนแนวการเขียนไปเป็นบรรยายบุรุษที่สาม ไม่ใส่อิโมติค่อนแต่เน้นในเรื่องการบรรยายให้เห็นภาพแทน
ส่วนปัจจุบันเราหันมาสายนิยายวาย yaoi เต็มตัวจนกลับไปสายนอมอล ชายหญิง ไม่ได้แล้วค่ะ 5555555
แต่เด็กชอบอ่านแนววัยรุ่นของแจ่มใส ไป ๆ มา ๆ ติดการ์ตูนภาพสีสวย ๆ ต่อมาอ่านแต่นิยายผู้ใหญ่ ส่วนตอนนี้อ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษ นิยายไทยภาษาสวยค่ะ ส่วนที่เขียนเองก็เป็นแนวผู้ใหญ่เหมือนกัน
พอโตขึ้นก็ไม่ชอบนิยายแนวที่เคยอ่านแล้วค่ะ กลับไปชอบอย่างอื่นที่แตกต่างออกไป
ถือว่าดีเหมือนกัน เหมือนได้ค้นพบตัวเองเลย
เมื่อก่อนก็อ่านแจ่มใส แต่เลิกอ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือบันเทิงเลย
ส่วนใหญ่มีแต่หนังสือประวัติศาสตร์สังคมอะไรพวกนี้ (เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนด้วย ก็เลยต้องอ่าน ฮ่า)
ส่วนนิยายก็แต่งแต่นิยายวาย (แฟนฟิค) แต่งแล้วก็มีความสุขดีค่ะ เป็นสีสัน
เหมือนได้ฉีกตัวเองออกจากกรอบเกณฑ์เดิมๆ เวลาเราทำให้คนอื่นมาสนใจนิยายชาย-ชายของเราได้ เราว่าเรารู้สึกดีมากเลยนะ ถึงมันจะไม่ใช่แนวที่ทุกคนจะชอบก็เถอะ แต่เราโอเคกับมันก็พอแล้วค่ะ
ตลอดเวลาที่เขียนมาหลายปีมันก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน บางเรื่องก็ชินชาไปแล้ว อย่างเช่นยอดวิวหรือคอมเมนท์ พอเลิกคาดหวังก็มีความสุขขึ้นเยอะ แต่ก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเมนท์จากนักอ่านอยู่ดี เหมือนเพิ่งเริ่มเขียนยังไงยังงั้น ฮ่า
กลับไปอ่านนิยายเรื่องแรกที่เขียนก็แบบว่า อั่ม... ตอนนั้นเราทำไปได้ไง ภาษาไก่กาสุดๆ แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ละกันค่ะ 555
สวัสดีค่ะ คุณควาย ตลึง
เป็นนักเรียนหัดเขียนค่ะ เมื่อตอนเป็นเด็กๆรักการอ่านมากๆอ่านๆทุกอย่าง ชอบอ่านเรื่องราวซึ่งเป็นรูปแบบ ธรรมะ ปรัชญา จิตวิทยา ธรรมชาติ แอบแฝงอยู่ เซ็น ศาสตร์สายต่างๆอ่านครั้งเดี๋ยวหลายๆเรื่อง (อ่านได้อย่างไรกันฮา ฮา ฮา) คือว่า เปิดหนังสือที่ซื้อมาเองหรือได้มาจากห่อของขวัญ ส่วนมากของขวัญจะเป็นนังสือจากทุกคนในบ้านในทุกโอกาสที่จะได้
เพราะชอบอ่านหนังสือจึงบอกทุกคนว่าหากจะให้ของขวัญนะขอสองอย่างนั้นคือ กะตังค์หรือหนังสือก็ได้ มีความรู้สึกว่ารักสองอย่างนี้มาก หนังสือเป็นความรู้ที่ได้จากการอ่านที่เป็นสุขอย่างบอกไม่ถูกนะ เป็นความรู้สึกที่อิ่มเอมเปรมปรีดิ์ อ่านแล้วได้ความรู้ได้ความสุขสงบชอบหนังสือ ติดหนังสือ อ่านจบรักการสะสมหนังสือ รักหนังสือ
กะตังค์ก็ชอบด้วยค่ะตั้งแต่เกิดเลยถูกสอนว่าให้สะสมนะ ติดสะสมกะตังค์เป็นงานอดิเรกอีกด้วยสะสมกะตังค์สะสมให้เยอะๆจะให้สะสมไปทำไรก็ไม่รู้แต่ก็เชื่อนะ สะสม สะสมค่ะฮา ฮา ฮา เพราะฉนั้นเป็นอะไรที่ฝังใจเป็นคนที่รักการสะสมเงินหรือกะตังค์มีความสุขที่เห็นมันเพิ่มพูน มีความสุขอย่างแปลกประหลาดใช้ไม่เป็นใช้กะตังค์ไม่เก่งด้วย(ภาษาไทยเรียกว่าขี้เหนียวนั่นหล่ะ หรือว่านี้เป็นธรรมชาติ ฮา ฮา ฮา) ตรงนี้นอกเรื่องมันติดร่างแหมาค่ะตรงที่ของขวัญสองอย่างหรือสองชนิดที่รักมากค่ะ
หักเหเข้าประเด็นเนอะ...ใช่สินะเมื่อมกหมุ่น จดจ่อ ตั้งใจใส่ใจที่จะอ่านๆเรื่องราวเหล่านั้นทุกๆวันอาการตกผนึกที่จิตใจก็เกิดขึ้นและตามมา เมื่ออ่านเรื่องราวเหล่านี้สิ่งเหล่านั้นก้หล่อหลอมเป็นธรรมชาติสิเนอะ
เมื่อช่วงนั้นอายุราวๆ แปด เก้า สิบ ไปถึงช่วง อายุประมาณ สิบห้าสิบหกนะ มีการเขียนเรื่องราวโดยย่อไว้มากมาย มากจริงๆ เห็นๆได้จากวันที่ลงที่หัวกระดาษ อ่านแล้วทึ่ง ไม่รู้เขียนได้อย่างไรนะ ลึก กว้าง มาวันนี้แกะตามลงไปไม่ได้บางอย่างไม่เข้าใจแล้ว เห็นเมื่อไรร้องไห้ทุกที เสียดาย เสียใจนํ้าตาไหล อ่านเมื่อไรส่ายหัวนํ้าตาไหลรินและนั้นทุกครั้งทำให้เชื่อว่าทุกอย่างมีเกิดขึ้นตั้งอยู่และก็สามารถดับไปได้จริงด้วยสินะ
อ่านๆแลัวก็เก็บเข้าตู้ เก็บล็อคประตูปิดเก็บไว้อย่างดี ไม่รู้เมื่อไรจะสามารนำมาต่อให้ติดเป็นเรื่องได้เสียทีก็ไม่รู้ได้ค่ะ
มาวันนี้นะ ดิฉันเป็นผู้ใหญ่ที่อาจจะเสียผู้เสียคนด้วยค่ะ คือดิฉันนะคะตอนนี้ติดสังคมของคนขี้โม้ ขี้โกหก เหน็บแนม เล่นๆไปวันๆแบบไร้สาระด้วยอ่าค่ะ เป็นสุขสนุกสนานกับเหตุเหล่านี้ด้วยอ่า เมามายกับมันทุ๊กๆว้นหากมีโอกาสได้เสพนะ ทั้งที่รู้ว่าไม่ดีแต่ก็ติด นำเวลามามาใช้กับเหตุเหล่านี้ยํ่าแย่มากๆค่ะ ฮา ฮา ฮา มาวันนี้ทำให้เชื่อแล้วว่า อาการติดสิ่งไม่ดีนั้นเกิดขึ้นได้จริง
ทำให้เชื่อว่า ทุกอย่างนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริงบนโลกนี้ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมานะกระหยิ่มยิ้มย่องว่า ฉันเป็นคนมีภูมิต้านทาน ฉันทำสำเร็จนะ ไม่หรอกไม่เห็นโรงไม่หลั่งนํ้าตาจริงสิเราฮา ฮา ฮา มาวันนี้ดิฉันนำเวลาที่จะพอมีมาเสพเหตุเหล่านี้ค่ะ เรื่องการเขียนหรือยํ่าแย่ค่ะ แม้จะหัดเขียนก็ยํ่าแย่ เห็นๆค่ะ เพราะฉนั้นมาวันนี้การเรียนหารหัดเขียนไม่มีการพัฒนาแต่อย่างใดค่ะตรงข้ามยํ่าแย่มากๆ (เช่นที่เห็นนี้ค่ะ)
ที่เล่ามานี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับดิฉันเรื่องการเรียนการหัดเขียนค่ะ เป็นเช่นที่เห็นี้หล่ะค่ะ คงต้องยอมรับความจริงสินะเรา^ ^
ไม่รู้ด้วยว่าอนาคตการเป็นนักเขียนนั้นจะออกมาในรูปแบบใด จะไหลไปตามนํ้าลงมหาสมุทร์แปซิฟิคหรือเปล่าไม่รู้อ่า นักเรียนหัดเขียนที่เคยมีอุดมการณ์ เคยมีไฟ มีความตั้งใจ มีความฝันนะคะตอนนี้มีอาการคล้ายถูกลมบ้าหมู(ทอร์นาโด้)หอบหิ้วไปด้วยค่ะ หมุนๆๆลอยๆๆเค้วงคว้างไปด้วยคน ฮา ฮา ฮา
นี้คืออาการยํ่าแย่ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนหัดเขียนคนหนึ่งในบอร์ดนี้ค่ะ รายงานตัว...บอกเล่าเหตุการณ์ที่ตนตกอยู่ค่ะ อาการติดนั้นเป็นผลงานของตนเองด้วยนะคะ(แต่ก็ไม่โทษใครหรอกนะโทษตัวเองค่ะ) ดิฉันคงอยู่ในช่วงที่อ่อนแอติดอะไรง่ายๆค่ะ ลอยๆไปกับลมบ้าหมูค่ะฮา ฮา ฮา การพัฒนานั้นแน่นอนยังคงไม่บังเกิดค่ะตอนนี้ มาวันนี้ก็เป็นได้เช่นนี้หล่ะค่ะ วันๆเขียนๆหัดๆเรื่องไร้สาระไปวันๆ เช่นที่เห็นๆเป็นเม้นต์นี้หล่ะค่ะ
การทำอะไรอย่างหนึ่งดีขึ้นเนี่ย
เล่นคำให้น่าตื่นเต้นอลังฯ ครับ. แต่ภาษายังไม่วิบัตินะ5555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?