Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

การวิวัฒนาการของนักเขียน (งืมๆ)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ผมสังเกตตัวเองมานานละ เมื่อก่อนผมเริ่มอ่านนิยายของสนพ.หนึ่ง เป็นนิยายวัยรุ่นหาตามร้าน7-11 ได้ ผมอ่านได้สักพักก็เริ่มโต ใครไม่รู้จังไรซื้อนิยายผู้ใหญ่18+ (แต่-ให้เด็ก13ซื้อ) มาให้ ผมอ่าน อื้อหือnc บรรยายเหนือธรรมชาติ ผมติด!!! นี่คือการหมกมุ่นแห่งชาติ ของjam-su เริ่มไม่ซื้ออ่าน ติดของinซะงั้น เมื่ออ่านมากๆ จินตนาการเริ่มก่อเกิด และปุ้ง เป็นนิยายรักหวานแหว๊วแบบของsu แต่-แต่งไม่จบ(แฮ่ๆ)เพราะไม่ได้อ่านแนวนั้นแล้ว ผมจึงลบมันทิ้ง แต่งใหม่แนวที่ตัวเองชอบอ่าน แบบฉากที่แบบ คือแบบ อู้ววววว อ้าาาา อืมมมมม ฟินมากตอนนั้น สนุกกับการเขียน nc เริ่มรักการอ่าน อ่านไปเขียนไป ขายไป 55555 แต่แล้ว วันหนึ่ง รสนิยมผมก็เริ่มเปลี่ยนเมื่อมือจังไรตัวเดิมซื้อนิยายมาผิดสำนักพิมพ์ เป็นนิยายเรื่องหนึ่ง ไม่มีฉากอย่างว่า มีแต่ภาษาเขียนที่สวยงาม โครงเรื่องที่สนุกสนาน ติดอีกแล้วครับ กลับไปอ่านของin เริ่มไม่ฟินๆเริ่มไม่ชอบnc จนเริ่มแอนตี้(นิดๆ) แต่ชอบนิยายของสนพ.ใหญ่ๆ ที่เน้นที่พล็อต การเขียนผมเริ่มเปลี่ยนไปช้าๆ ฉากนั้นน้อยลง ถึงมีก็บรรยายไปที่หัวเตียงที่มีโคมไฟตั้งอยู่ เน้นพล็อตมากขึ้น ผมมารู้ตัวอีกทีตอนนักอ่านท้วง คนอ่านเริ่มน้อยจากตอนละหลายพันเหลือหลักร้อย ผมไม่ได้เครียดเรื่องนี้นะ ผมว่าผมมีความสุขกับการพัฒนาการเขียนของตัวเอง พัฒนาทั้งที่เราไม่รู้ตัว ย้อนไปอ่านนิยายเรื่องแรกที่แต่งจบยังตกใจ+หัวเราะ ว่าทำไมตอนนั้นเขียนห่วยจัง ต่างจากตอนนี้มาก 5555 หัวเราะนี่คือห่วยคือเดิม
กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อแชร์ความรู้สึกการเขียนกับการอ่านของผม
แล้วนักเขียนท่านอื่นๆ ล่ะ มีวิวัฒนาการการเขียนบ้างไหมและพัฒนาการอย่างไร
จบกระทู้ 01:27 กลางวันใช้ได้


#ควายตะลึง

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

นายเป็นหนึ่ง 28 ม.ค. 59 เวลา 08:17 น. 2

ความรู้สึกคงคล้ายๆกัน  แต่ผมอ่านนิยาย nc มากไม่ได้  ปวดหัว  ไม่เกรน ไข้ขึ้นตลอด  
ผมเลยเลิกอ่านนิยายแนวนี้  ไปอ่านแนวใสใส อบอุ่น ภาษาสวย  แต่ก็อ่านได้ไม่นาน มันน่าเบื่อ  
พอมาเขียนเอง ภาษาของผมก็ห่วยอยู่แล้ว  คนตามก็น้อย  ลองใส่ฉากหวานๆ จิ้นๆ คนอ่านกลับชอบ มีคนอ่านเพิ่มขึ้น  แต่ผมคนเขียน ไม่ชอบเท่าไหร่  
ผมชอบอะไรที่มันเศร้าแต่สุข  แบบนี้  เฮ้อ....

0
ราชินีโพแดง[ไหหมิง] 28 ม.ค. 59 เวลา 10:32 น. 4

ถ้าเป็นพัฒนาการในการเขียนของเราเหรอคะ เราว่าเราก็มาไกลนะ 5555555

เริ่มแรกชอบอ่านนิยายแจ่มใสมาก ถึงขั้นติดงอมแงม ตอนนั้นอยู่ ม.1 ค่ะ ก็อ่านมาเรื่อยๆ จนเริ่มหันมาเขียนเองตอน ม.4 แนวแจ่มใสจ๋ามาก อิโมติค่อนมาเต็ม ไม่ค่อยได้เน้นบรรยายตามประสามือใหม่ เขียนไปเรื่อยจนจบเรื่องนึง ตอนนั้นคิดว่าฝีมือพอถูไถได้บ้าง

ต่อมาเหมือนเริ่มโตขึ้น อ่านแจ่มใสน้อยลง ช่วงปีหนึ่งนี่คือไม่แตะแล้วค่ะ หันมาอ่านฟิควาย (ชาย-ชาย) แทน แล้วก็เริ่มแต่งนิยายวายค่ะ เปลี่ยนแนวการเขียนไปเป็นบรรยายบุรุษที่สาม ไม่ใส่อิโมติค่อนแต่เน้นในเรื่องการบรรยายให้เห็นภาพแทน

ส่วนปัจจุบันเราหันมาสายนิยายวาย yaoi เต็มตัวจนกลับไปสายนอมอล ชายหญิง ไม่ได้แล้วค่ะ 5555555

0
เกียรติ์ 28 ม.ค. 59 เวลา 15:51 น. 5

แต่เด็กชอบอ่านแนววัยรุ่นของแจ่มใส ไป ๆ มา ๆ ติดการ์ตูนภาพสีสวย ๆ ต่อมาอ่านแต่นิยายผู้ใหญ่ ส่วนตอนนี้อ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษ นิยายไทยภาษาสวยค่ะ ส่วนที่เขียนเองก็เป็นแนวผู้ใหญ่เหมือนกัน

0
whaticouldnevertell 28 ม.ค. 59 เวลา 16:14 น. 6

พอโตขึ้นก็ไม่ชอบนิยายแนวที่เคยอ่านแล้วค่ะ กลับไปชอบอย่างอื่นที่แตกต่างออกไป
ถือว่าดีเหมือนกัน เหมือนได้ค้นพบตัวเองเลย 
เมื่อก่อนก็อ่านแจ่มใส แต่เลิกอ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือบันเทิงเลย
ส่วนใหญ่มีแต่หนังสือประวัติศาสตร์สังคมอะไรพวกนี้ (เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนด้วย ก็เลยต้องอ่าน ฮ่า)
ส่วนนิยายก็แต่งแต่นิยายวาย (แฟนฟิค) แต่งแล้วก็มีความสุขดีค่ะ เป็นสีสัน 
เหมือนได้ฉีกตัวเองออกจากกรอบเกณฑ์เดิมๆ เวลาเราทำให้คนอื่นมาสนใจนิยายชาย-ชายของเราได้ เราว่าเรารู้สึกดีมากเลยนะ ถึงมันจะไม่ใช่แนวที่ทุกคนจะชอบก็เถอะ แต่เราโอเคกับมันก็พอแล้วค่ะ 
ตลอดเวลาที่เขียนมาหลายปีมันก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน บางเรื่องก็ชินชาไปแล้ว อย่างเช่นยอดวิวหรือคอมเมนท์ พอเลิกคาดหวังก็มีความสุขขึ้นเยอะ แต่ก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเมนท์จากนักอ่านอยู่ดี เหมือนเพิ่งเริ่มเขียนยังไงยังงั้น ฮ่า 
กลับไปอ่านนิยายเรื่องแรกที่เขียนก็แบบว่า อั่ม... ตอนนั้นเราทำไปได้ไง ภาษาไก่กาสุดๆ แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ละกันค่ะ 555

0
White Frangipani 29 ม.ค. 59 เวลา 09:46 น. 7

สวัสดีค่ะ คุณควาย ตลึง

เป็นนักเรียนหัดเขียนค่ะ เมื่อตอนเป็นเด็กๆรักการอ่านมากๆอ่านๆทุกอย่าง ชอบอ่านเรื่องราวซึ่งเป็นรูปแบบ ธรรมะ ปรัชญา จิตวิทยา ธรรมชาติ แอบแฝงอยู่ เซ็น ศาสตร์สายต่างๆอ่านครั้งเดี๋ยวหลายๆเรื่อง (อ่านได้อย่างไรกันฮา ฮา ฮา) คือว่า เปิดหนังสือที่ซื้อมาเองหรือได้มาจากห่อของขวัญ ส่วนมากของขวัญจะเป็นนังสือจากทุกคนในบ้านในทุกโอกาสที่จะได้

เพราะชอบอ่านหนังสือจึงบอกทุกคนว่าหากจะให้ของขวัญนะขอสองอย่างนั้นคือ กะตังค์หรือหนังสือก็ได้ มีความรู้สึกว่ารักสองอย่างนี้มาก หนังสือเป็นความรู้ที่ได้จากการอ่านที่เป็นสุขอย่างบอกไม่ถูกนะ เป็นความรู้สึกที่อิ่มเอมเปรมปรีดิ์ อ่านแล้วได้ความรู้ได้ความสุขสงบชอบหนังสือ ติดหนังสือ อ่านจบรักการสะสมหนังสือ รักหนังสือ

กะตังค์ก็ชอบด้วยค่ะตั้งแต่เกิดเลยถูกสอนว่าให้สะสมนะ ติดสะสมกะตังค์เป็นงานอดิเรกอีกด้วยสะสมกะตังค์สะสมให้เยอะๆจะให้สะสมไปทำไรก็ไม่รู้แต่ก็เชื่อนะ สะสม สะสมค่ะฮา ฮา ฮา เพราะฉนั้นเป็นอะไรที่ฝังใจเป็นคนที่รักการสะสมเงินหรือกะตังค์มีความสุขที่เห็นมันเพิ่มพูน มีความสุขอย่างแปลกประหลาดใช้ไม่เป็นใช้กะตังค์ไม่เก่งด้วย(ภาษาไทยเรียกว่าขี้เหนียวนั่นหล่ะ หรือว่านี้เป็นธรรมชาติ ฮา ฮา ฮา) ตรงนี้นอกเรื่องมันติดร่างแหมาค่ะตรงที่ของขวัญสองอย่างหรือสองชนิดที่รักมากค่ะ

หักเหเข้าประเด็นเนอะ...ใช่สินะเมื่อมกหมุ่น จดจ่อ ตั้งใจใส่ใจที่จะอ่านๆเรื่องราวเหล่านั้นทุกๆวันอาการตกผนึกที่จิตใจก็เกิดขึ้นและตามมา เมื่ออ่านเรื่องราวเหล่านี้สิ่งเหล่านั้นก้หล่อหลอมเป็นธรรมชาติสิเนอะ

เมื่อช่วงนั้นอายุราวๆ แปด เก้า สิบ ไปถึงช่วง อายุประมาณ สิบห้าสิบหกนะ มีการเขียนเรื่องราวโดยย่อไว้มากมาย มากจริงๆ เห็นๆได้จากวันที่ลงที่หัวกระดาษ อ่านแล้วทึ่ง ไม่รู้เขียนได้อย่างไรนะ ลึก กว้าง มาวันนี้แกะตามลงไปไม่ได้บางอย่างไม่เข้าใจแล้ว  เห็นเมื่อไรร้องไห้ทุกที เสียดาย เสียใจนํ้าตาไหล อ่านเมื่อไรส่ายหัวนํ้าตาไหลรินและนั้นทุกครั้งทำให้เชื่อว่าทุกอย่างมีเกิดขึ้นตั้งอยู่และก็สามารถดับไปได้จริงด้วยสินะ

อ่านๆแลัวก็เก็บเข้าตู้ เก็บล็อคประตูปิดเก็บไว้อย่างดี  ไม่รู้เมื่อไรจะสามารนำมาต่อให้ติดเป็นเรื่องได้เสียทีก็ไม่รู้ได้ค่ะ

มาวันนี้นะ ดิฉันเป็นผู้ใหญ่ที่อาจจะเสียผู้เสียคนด้วยค่ะ คือดิฉันนะคะตอนนี้ติดสังคมของคนขี้โม้ ขี้โกหก เหน็บแนม เล่นๆไปวันๆแบบไร้สาระด้วยอ่าค่ะ เป็นสุขสนุกสนานกับเหตุเหล่านี้ด้วยอ่า เมามายกับมันทุ๊กๆว้นหากมีโอกาสได้เสพนะ ทั้งที่รู้ว่าไม่ดีแต่ก็ติด นำเวลามามาใช้กับเหตุเหล่านี้ยํ่าแย่มากๆค่ะ ฮา ฮา ฮา มาวันนี้ทำให้เชื่อแล้วว่า อาการติดสิ่งไม่ดีนั้นเกิดขึ้นได้จริง

ทำให้เชื่อว่า ทุกอย่างนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริงบนโลกนี้ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมานะกระหยิ่มยิ้มย่องว่า ฉันเป็นคนมีภูมิต้านทาน ฉันทำสำเร็จนะ ไม่หรอกไม่เห็นโรงไม่หลั่งนํ้าตาจริงสิเราฮา ฮา ฮา มาวันนี้ดิฉันนำเวลาที่จะพอมีมาเสพเหตุเหล่านี้ค่ะ เรื่องการเขียนหรือยํ่าแย่ค่ะ แม้จะหัดเขียนก็ยํ่าแย่ เห็นๆค่ะ เพราะฉนั้นมาวันนี้การเรียนหารหัดเขียนไม่มีการพัฒนาแต่อย่างใดค่ะตรงข้ามยํ่าแย่มากๆ (เช่นที่เห็นนี้ค่ะ)

ที่เล่ามานี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับดิฉันเรื่องการเรียนการหัดเขียนค่ะ เป็นเช่นที่เห็นี้หล่ะค่ะ คงต้องยอมรับความจริงสินะเรา^ ^

ไม่รู้ด้วยว่าอนาคตการเป็นนักเขียนนั้นจะออกมาในรูปแบบใด จะไหลไปตามนํ้าลงมหาสมุทร์แปซิฟิคหรือเปล่าไม่รู้อ่า นักเรียนหัดเขียนที่เคยมีอุดมการณ์ เคยมีไฟ มีความตั้งใจ มีความฝันนะคะตอนนี้มีอาการคล้ายถูกลมบ้าหมู(ทอร์นาโด้)หอบหิ้วไปด้วยค่ะ หมุนๆๆลอยๆๆเค้วงคว้างไปด้วยคน ฮา ฮา ฮา

นี้คืออาการยํ่าแย่ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนหัดเขียนคนหนึ่งในบอร์ดนี้ค่ะ รายงานตัว...บอกเล่าเหตุการณ์ที่ตนตกอยู่ค่ะ อาการติดนั้นเป็นผลงานของตนเองด้วยนะคะ(แต่ก็ไม่โทษใครหรอกนะโทษตัวเองค่ะ) ดิฉันคงอยู่ในช่วงที่อ่อนแอติดอะไรง่ายๆค่ะ ลอยๆไปกับลมบ้าหมูค่ะฮา ฮา ฮา การพัฒนานั้นแน่นอนยังคงไม่บังเกิดค่ะตอนนี้ มาวันนี้ก็เป็นได้เช่นนี้หล่ะค่ะ วันๆเขียนๆหัดๆเรื่องไร้สาระไปวันๆ เช่นที่เห็นๆเป็นเม้นต์นี้หล่ะค่ะ





0
peecee 29 ม.ค. 59 เวลา 22:40 น. 8
เราควรเรียกพัฒนาการมากกว่าหรือเปล่าครับ

การทำอะไรอย่างหนึ่งดีขึ้นเนี่ย
1
Kwaytalung 30 ม.ค. 59 เวลา 14:11 น. 8-1

เล่นคำให้น่าตื่นเต้นอลังฯ ครับ. แต่ภาษายังไม่วิบัตินะ5555

0