Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แนะนำ 5 Series US. ที่นำเสนอวงการแพทย์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ เพื่อนชาวเด็กดีทุกคน
ถ้าหากพูดถึงสถาบันอาชีพที่หน้ายกย่อง และ มีเกียรติ คงมีมากมาย หลากหลายอาชีพกันไป ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ ทหาร ครู และ อื่นๆ อีก แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงสถาบันอาชีพนี้กัน
นั้นก็คือ แพทย์และคนในวงการแพทย์


อีกทั้งเนื่องจากเป็นวันหยุด ยาววว ยาวววว ในช่วงปิดเทอมด้วยแล้ว ใครที่ไม่ได้ไปไหน เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ ก็ลองเปิดซีรีส์เหล่านี้ดูกันเพลินๆ นะคะ
เราขอนำเสนอ แนะนำ 5 Series US. ที่นำเสนอวงการแพทย์ (ที่คุณจะได้มากกว่าความสนุก)

จะมัวรอช้าอยู่ใยเล่า ไปเริ่มเรื่องแรกกันเลย 


1. House M.D. (Season 1 – Season 8) 

(Source: https://lh4.googleusercontent.com/-ZckaP79mHlI/UoJTdBUFQrI/AAAAAAAACFM/xhLCoplKCgc/w1600-h900/wallpaper_95853673.png

House M.D. เป็นเรื่องราวและนำเสนอเกี่ยวกับนายแพทย์ เกรกอรี เฮ้าส์ หรืออีกชื่อคือ นายแพทย์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางเฉพาะด้านการติดเชื้อ และ เวชศาสตร์ ประจำอยู่ที่โรงพยาบาล พรินซ์ตัน เพลนโบโร ที่ติดยาแก้ปวด ตลอดเวลา ซึ่งตัวของเฮ้าส์นั้น จะมีบุคลิกและลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่นๆ  เขามีความคิดที่ค่อยข้างสุดโต่ง มีวิธีการรักษาและความคิดที่แปลกไปจากแพทย์คนอื่นๆ ทำให้บ่อยครั้งเฮ้าส์มักมี-งกับหัวหน้าของเขา นั้นก็คือ ผู้บริหารโรงพยาบาล คณะแพทย์ รวมถึงทีมแพทย์ของเขาเองด้วย
 (Source:  http://images.buydvdus.com/Upload/uploadfiles/house_md_season_6_1.jpg )

House M.D. ถูกฉายขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2004 ทางช่อง FOX และดำเนินเรื่องราวทั้งหมดยาวนานถึง 8 season แล้ว จะบอกว่าทุกครั้งที่ดู Series เรื่องนี้ทีไร เหมือนดึงดูดให้หลงใหลในตัว นายแพทย์เฮ้าส์ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะด้วยเอกลักษณ์และบุคลิกที่ โดดเด่นกว่าใคร ๆ ไม่ว่าจะเป็น การคิดที่นอกกรอบ ความคิดสุดโต่ง เกลียดทุนนิยม ทำตัวนอกกรอบแต่ก็ไม่ได้ผิดศีลธรรม อีกทั้งเป็นนายแพทย์ที่ดูเหมือนจะไม่ได้เก่งอะไร แต่จริงๆ แล้ว แทบจะไม่มีโรคไหนรอดมือเขาพ้น เฮ้าส์มักจะมีความคิดเฉพาะตัวของตัวเองและวิธีการวินิจฉัยโรคที่ค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่นเขา เช่น เฮ้าส์มักพูดว่า “Everybody Lies” หรือ ทุกคนโกหก ผู้ป่วยกำลังโกหก นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า ผู้ป่วยส่วนมาก ไม่รู้ว่าที่มาของการเกิดโรคหรือความเจ็บปวดอยู่ที่ไหน หรือ ไม่สามารถบอกต้นเหตุที่แน่ชัดได้ อีกทั้งเฮ้าส์ยังเชื่อว่า หากเราจะวิเคราะห์ วินิจฉันโรคทั้งหมดได้ เราต้องไม่ใช่แค่วิเคราะห์จากอาการ หรือ สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่ต้องมองไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยคนนั้นๆ ด้วย 


2. Grey’s Anatomy (Season 1 – season 12) 



(Source: http://cdn.breathecast.com/data/images/full/27907/greys-anatomy-cast.jpg )



หากพูดถึงซีรีส์ที่นำเสนอเกี่ยวกับวงการแพทย์แล้วละก็  คงไม่มีใครไม่รู้จักซีรีส์เรื่องนี้จริงไหม Grey’s Anatomy เป็น American Series Medical Drama ที่เริ่มฉายครั้งแรกเมื่อ 2005 ทางช่อง ABC (American Broadcast  Company) 
Grey’s Anatomy เป็นเรื่องราวของแพทย์หญิง Meredith Grey แพทย์หญิงศัลยกรรมประจำโรงพยาบาล Seattle Grace ลูกสาวอดีตแพทย์ศัลยกรรม Ellis เรื่องราวในชีวิตประจำวันของเธอถูกถ่ายทอดผ่านซีรีส์เรื่องนี้

(Source: http://static2.hypable.com/wp-content/uploads/2015/02/Greys-Anatomy-season-11-episode-11-meredith-maggie.jpg )

Grey’s Anatomy ไม่ใช่ซีรีส์ที่พูดถึงเรื่องราวของแพทย์หญิง เกรย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังพูดถึงความสัมพันธ์ต่างๆ ของคนในทีมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ความสัมพันธ์แบบฉันเพื่อน หรือ ความสัมพันธ์แบบชู้สาว อีกทั้งเรายังได้เห็นการวินิจฉัยโรคในมุมของแพทย์หญิง ไม่เพียงแค่นั้น Grey’s Anatomy ยังนำเสนอความหลากหลายทางเชื้อชาติ เพราะในโรงพยาบาล Seattle Grace นั้นไม่ได้มีแค่คน American เพียงอย่างเดียว แต่มีมากมายหลายเชื้อชาติไม่ว่าจะเป็นชาวผิวสี หรือชาวผิวเหลือง โซนเอเชียอย่างเรา ทำให้เราได้เห็นเทคนิคต่างๆ และ การวิเคราะห์ข้อมูลของโรคในมุมที่แตกต่างกันไป และนี่แหละคือเสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้ 

ปล. เอาจริงๆ นะ เราดูซีรีส์เรื่องนี้ทีไร ต้องมี Dictionary ตั้งไว้ข้างๆ ตลอด เพราะศัพท์แพทย์แบบเชิงลึกเยอะมากจริงๆ แต่ก็สนุกไปอีกแบบน่ะเอ่อออ 



3. The Night Shift (Season 1 – Season 3 ) 

(Source: http://3.bp.blogspot.com/-9k1kVFKI9y0/VEvrukMQsI/AAAAAAABits/zdg6IrqIKS4/s1600/the-night-shift.jpg )


"เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเมื่อไร ใครหลายๆ คนอาจจะหมายถึงช่วงเวลาพักผ่อน แต่สำหรับพวกเขา มันคือการเริ่มต้น" 
The Night Shift เป็น American Series ที่เริ่มฉากครั้งแรกเมื่อปี 2014 ทางช่อง NBC ที่พูดถึงทีมงานแพทย์ในช่วงกะกลางคืน (พูดแค่นี้เราก็เห็นความแตกต่างแล้ว) เป็นเรื่องราวของนายแพทย์ TC อดีตแพทย์ประจำกองทัพในอัฟกานิสถาน ที่ต้องเข้ามาประจำการแพทย์เวรดึกที่ โรงพยาบาล San Antonio Memorial โดย The Night Shift นั้นจะเป็นการเล่าเรื่องราวของคุณ TC และ บุคคลรอบตัวของเขา โดยเฉพาะกับ แพทย์หญิง Jordan อดีตแฟนสาว ที่ต้องบังเอิญมาโคจรเจอกัน มิหนำซ้ำ คุณหมอ TC ยังต้องเตรียมพร้อมกับสงครามในระบบทุนนิยมของโรงพยาบาลอีกด้วย



(Source: http://media.globaltv.com/wp-content/uploads/sites/2/2015/02/Night_Shift.jpg )


จากประสบการณ์ของเรานั้น  ไม่ค่อยมีใครได้ดูหรือรู้จักซีรีส์เรื่องนี้สักเท่าไร (ไหมนะ??)  ต้องบอกก่อนเลยว่า เรารู้จักซีรีส์เรื่องนี้เพราะคุณพ่อชวนดู พอได้ดูแค่ตอนนึงเท่านั้นแหละคุณขา....ติดงอมแงมเลย เสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้คือ เราได้เห็นการทำงานที่ค่อนข้างยากลำบากของแพทย์ที่เข้ากะเวรกลางคืน ที่ต้องแข่งขันกับเวลา ต้องเตรียมพร้อมและรับมือทุกสถานการณ์ (ห้ามหลับเป็นอันขาด) และ เรารับรู้ได้เลยว่า นาฬิกาของคุณหมอแผนกนี้กับนาฬิกาของคนปกติมันต่างกัน เพราะเมื่อเช้าปุ๊บ นั้นคือเวลาพักผ่อนของเขา (บางคนอาจจะไม่ได้พักนะ) เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ไม่เพียงแค่เราจะได้เห็นวิธีการ การทำงานของแพทย์เวรดึกเพียงเท่านั้น แต่เรายังได้ลิ่มรส ซีนโรแมนติกและมุมหวานๆ ของนายแพทย์ TC และ แพทย์หญิง จอแดน ที่เป็นพระ-นางของเรื่องอีกด้วย  แต่สิ่งที่เราชอบมากที่สุดของเรื่องนี้คือ พระเอกของเรา คุณหมอ TC มักจะมีความคิดเสมอว่า เขาจะต้องเต็มที่กับการทำงาน และดูแลผู้ป่วยให้ได้ดีที่สุด โดยไม่แคร์ระบอบทุนนิยมของผู้บริหารกะกลางคืนคนใหม่ ที่มักจะตัด งบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ของโรงพยาบาลเพื่อความประหยัดให้ได้มากที่สุด โดยไม่ได้สนใจความสำคัญของผู้ป่วยเลยแม้แต่น้อย 




อ่านต่อได้ที่ Comment ด้านล่างได้เลยค่ะ 

แสดงความคิดเห็น

>

12 ความคิดเห็น

Chutamas T 28 มี.ค. 59 เวลา 13:35 น. 1
4. ER (Season 1 – Season 15) 

(Source: http://boomerhighway.org/wp-content/uploads/2014/04/Wallpaper-er-32359701-1280-720.jpg )


หากพูดถึงบทบาทหน้าที่ของแพทย์อีกแผนกหนึ่งที่วุ่นวายและดุเดือนไม่น้อยไปกว่าแพทย์แผนกกลางคืนแล้วละก็ คงหนีไม่พ้นแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินหรือ Emergency Room เพราะทุกอย่างจะต้องแข่งขันกับเวลาและอาศัยความแม่นยำจริงๆ
ER เป็นซีรีส์ที่ลากความยาวนานถึง 15 Season และมีตั้งแต่ปี 1994 – 2004 เป็นซีรีส์สำหรับคอซีรีย์วงการแพทย์หรือคนที่สนใจไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ER เป็นเรื่องราวของทีมแพทย์ที่ประจำในห้องฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลชิคาโก ในตลอด 24 ชั่วโมง แต่ละเคสของผู้ป่วยจะมีความยากง่ายแตกต่างกันออกไป


 (Source: http://2.bp.blogspot.com/-pVfxDYAuk8A/TsaTQR-Qe9I/AAAAAAAACTk/oWhGTXZVnuM/s1600/erpromohq_022.jpg )


ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครรู้จักกันเท่าไร (เนื่องจากเก่าเหลือเกิน) แต่ความดีงามของซีรีส์เรื่องนี้คือหนีไม่พ้นการมองเห็นการทำงานของแพทย์ที่อยู่ประจำห้องฉุกเฉิน ทุกอย่างต้องแข่งขันกับเวลาและความเจ็บปวดของคนไข้ บางเคสก็แสนยากลำบากเหลือเกิน ทำให้เราได้รู้และเข้าใจความเหน็ดเหนื่อยและความลำบากของแพทย์แผนกนี้ได้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะหน้า Amazing คงหนีไม่พ้นคนเขียนบท เพราะซีรีส์เรื่องนี้ถูกเขียนมากจากเรื่องราวและชีวิตจริงของอดีตนายแพทย์ ไครตัน ที่ทำงานอยู่ประจำห้องฉุกเฉินมานานหลายปี พอยิ่งรู้ว่ามันถูกเขียนมาจากเรื่องจริงแล้วนั้น ยิ่งทำให้อยากดู และ ติดตามเข้าไปใหญ่ 
ปล. ดูเหมือนว่าซีรีส์เรื่องนี้จะค่อนข้างหาดูยากแล้ว เราไม่แน่ใจว่า Website online ของไทยจะยังมีครบทุก Season รึเปล่า 


5. Lie to me (season 1 – Season 3 ) 


(Source: https://www.thelateseries.com/content/10800181_960798823948653_166169865_o.jpg )


เอาจริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ได้ชูทางด้านวงการแพทย์สักเท่าไร แต่เพราะว่าเราคิดว่า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยา ศาสตร์ทางด้านกายภาพ และการจับเท็จ (ทุกครั้งที่สังเกตผู้ป่วยหรือคนที่เข้ามาขอคำปรึกษา เขาจะยึดและใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ กายภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง) เราเลยขอนำเสนอซีรีส์เรื่องนี้เข้ามาอยู่ใน List นี้ด้วยเลยแล้วกันนะคะ 
Lie to me เป็น American Series แนวสืบสวนที่มีความเกี่ยวข้องและอาศัยหลักการทางจิตวิทยา การแสดงออกทางกายภาพ รวมถึง จิตใจของคน เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยพูดถึง ทีมงานและบริษัท The Lightman Group บริษัทของ ด.ร. แคล ไลท์แมน ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกายภาพและการจับเท็จ (ชื่อดูแปลกๆ เน่อะ) โดย ด.ร. แคล จะทำงานร่วมกับ นักจิตวิทยาสาว ด.ร. ฟอสเตอร์ และคนอื่นๆ อีก เพื่อช่วยเหลือหน่วยงานรัฐต่างๆ ในการไขคดีที่ยากเกินกว่าหลักฐานทั้งหมดจะจับกุมหรือดำเนินคดีได้


(Source: http://blogs.trb.com/network/foxfix/2009/04/30/109_undercover_186.jpg )



เราขอสารภาพเลยว่าทุกวันนี้ถึงแม้ว่า ซีรีส์เรื่องนี้จะจบไปแล้ว แต่บางช่วงที่เราไม่รู้จะดูอะไร เราก็เปิดซีรีส์เรื่องนี้ดูตลอดเลยนะ ยิ่งใครที่เป็นคอหนังแนวจิตวิทยาและชอบสังเกตพฤติกรรมเหมือนเราแล้ว ยิ่งไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง Lie to me เป็นเรื่องราวที่นำเสนอผ่าน การทำงานของ ด.ร. แคลและ ทีมงานในการช่วยไขคดีและสืบหาต้นตอ  โดยผ่านวิธีการสังเกตพฤติกรรมของเหล่าบุคคลนั้นๆ เช่น คนที่โกหกในขณะที่พูดบางครั้งอาจจะกระตุกไหล่ข้างใดข้างหนึ่งโดยไม่รู้ตัว หรือ การแสยะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยหมายถึงการไม่จริงใจหรือมีเรื่องดีใจอะไรบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ หรือแม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ อย่างเช่น การเบ้ปากในขณะที่ฟังคนอื่นพูดหมายถึง การดูถูก ไม่เชื่อ และ สบประมาท ด้วย ภาษาทางร่างกายเหล่านี้ ล้วนเป็นเรื่องที่เราสามารถเรียนรู้และสังเกตมันได้ในปัจจุบัน 
สิ่งที่ชอบที่สุดของซีรีส์เรื่องนี้เลยคือ ท่าทางความ ยียวนกวนประสาทของพระเอกเรา นั่นก็คือ ด.ร. แคล ถ้าเทียบกับ คุณหมอ เฮ้าส์และละก็ บุคคลสองคนนี้ ยียวนกวนประสาทไม่แพ้กันเลยทีเดียว โดยคำประจำตัวของแคลที่เขามักจะพูดอยู่บ่อยๆ เลยก็คือ “The truth is written all over our face” หรือ ความจริงมักจะแสดงออกผ่านทางสีหน้าของพวกเราเอง



สุดท้ายนี้ หาก เกิดความผิดพลาดประการใด หรือ เราเขียนไม่ถูกใจใคร ขออภัย มาใน ณ ที่นี้ด้วยค่ะ 

ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีเรื่องอื่นมาแนะนำกันก็แชร์กันได้เลย


ขอบคุณมากๆ ค่า เจอกันไหมนะแจ๊ะ :P 

0
Chutamas T 28 มี.ค. 59 เวลา 17:35 น. 2-1
รักเลย สารภาพเลยว่าตอนแรกไม่กล้าดูฉากจบ เพราะเหมือนจะรู้ว่าจะไม่ได้ดูต่อ 55555
0
เเว่น 0-0 28 มี.ค. 59 เวลา 22:04 น. 6

ชอบดูหนังเรื่อง bones. ค่ะเป็นหนังคล้ายๆวงการเเพทย์เเต่มันก้มีเเบบเเนวanatomy. ค่ะสนุกชอบๆมากๆค่ะ เคยฉายทางช่อง fox(ไทย)ของทางทรูวิชั่นส์ด้วยค่ะ สนุกดีค่ะ

0
pannjed . 29 มี.ค. 59 เวลา 17:24 น. 10


เราแนะนำเรื่องนี้ค่ะ forever

เป็นเรื่องเกี่ยวกับหมอ เฮนรี่ มอร์แกน ที่เป็นอมตะค่ะ อธิบายเนื้อเรื่องไม่ถูกแต่ว่ามันดีมากๆเลย คดีมันมักจะมีอะไร เสมอๆ แล้วก็เรื่องพื้นเพ พื้นหลังของคุณหมออีก มีตัวละครตัวหนึ่งที่เหมือนจะเป็นตัวร้ายมั้ย นั่นแหละค่ะตัวสำคัญของเรื่องเลย เราอธิบายไม่เก่งแต่แนะนำจริงๆ สนุกมาก 
1
Boss 30 มี.ค. 59 เวลา 05:27 น. 10-1

ชอบเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ เนื้อเรื่องคือ หมอเฮนรี่เป็นอมตะและเป็นหมอนิติเวช ทำงานกับตำรวจนักสืบ คอยช่วยวินิจฉัยสันนิษฐานการตาย และสืบหาความจริงว่าทำไมตัวเองถึงเป็นอมตะ ช่วงกลางเรื่องจะมีตัวละครปรากฏมาอีก1ตัวเป็นอมตะเช่นกัน แต่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนเลยมีแค่ภาคเดียว เสียใจมากกกกก รู้สึกค้างตอน

0
.... 8 มิ.ย. 60 เวลา 16:29 น. 11

เรื่องที่ 3 หาดูได้ที่ไหนหรอคะ น่าดูมากๆเลย แต่เสริชซับไทยก็แล้ว ซับอิ๊งก็แล้ว แบบไม่มีซับก็แล้ว เหมือนว่าไฟล์จะเสียหมดเลยค่ะ แง TT

1
Chutamas T 6 ก.ย. 60 เวลา 00:03 น. 11-1

เราดูผ่านพวก Netflix IFlix หรือไม่ก็ HBO หมดเลยค่าาาา ไม่รู้จะช่วยยังไง

0