อยากเป็นหมอ แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจ... #dek61
ตั้งกระทู้ใหม่
จขกท.อยากเป็นหมอมาก พยายามอย่างหนัก เพราะตัวเองเป็นคนหัวไม่ดีมาก อยากเรียนเก่งๆ เพื่อจะได้ติดหมอ เพราะหมอเป็นอาชีพที่ จขกท.ใฝ่ฝันอยากจะเป็นด้วยใจจริงๆ
ฐานะทางบ้านของ จขกท.ไม่ค่อยดีค่ะ พ่อกับแม่ต้องทำงานอย่างหนัก เราก็เลยบอกกับตัวเองว่าโตขึ้น เราอยากจะดูแลท่านให้ดี
ตอนนี้ จขกท.เริ่มลังเลใจค่ะ ว่าจะพยายามเพื่อเป็นหมอต่อไปหรือจะตัดใจไปเรียนคณะอื่น โชคดีที่ตอนนี้ยังพอมีเวลาคิดค่ะ ก็เลยคิดว่าถ้าเรียนหมอแล้วไม่มีเวลาให้พ่อแม่จริงๆเราคงจะไม่เรียน เพราะเราคงเป็นหมอที่แย่มากๆถ้ารักษาคนไข้ได้ไม่เต็มที่ และเราคงเป็นลูกที่แย่มากๆถ้าเอาเวลาไปดูแลคนอื่นจนไม่มีเวลาดูแลพ่อแม่ตัวเอง
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราอยากดูแลพ่อแม่ค่ะ แต่เราก็ยังมีหวังลึกๆว่าจะได้เป็นหมอ เลยอยากรู้ว่าอาชีพหมอเนี่ย ไม่มีเวลาจริงๆหรอค่ะ เราควรตัดใจดีมั้ย?
ป.ล.ถ้าแท็กผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ
16 ความคิดเห็น
ทุกอาชีพก็เหนื่อยในแบบตัวเองครับ ดูฟรีแล้นสิยังขนาดนั้น อาชีพมันปัจจัยเสริมครับ คนจะดูแลครอบครัวยังไงก็ทำได้ถ้าจะทำ
ใช่ค่ะ ตามความเห็นคนด้านบน ทุกอาชีพก็ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกันหมด พี่เราเป็นพนักงานในโรงงานทำงานเกี่ยวกับเอกสารยังไม่มีเวลาเลย ถ้าเรารักอาชีพหมอจริงๆก็ตั้งใจเถอะค่ะ
แต่แพทย์กับพยาบาลจะไม่ค่อยได้ดูแลพ่อแม่และคนที่เรารักจริงๆแหละ เค้าถึงได้บอกไงว่าเป็นอาชีพที่เสียสละ ไม่ใช่สละแค่ความสุขส่วนตนอย่างเดียวแต่หมายถึงคนรอบข้างเราด้วย ตอนเรียน6ปี +ใช้ทุน3ปี ถ้าต่อเฉพาะทางอีกก็3ปี++ นี่ไม่กล้ารวมเลยอ่ะT__T ตอนเรียนก็อยู่แต่หอไม่ค่อยได้เที่ยวได้กลับบ้านเหมือนเพื่อนๆ ใช้ทุนก็ตามตจว. ไหนจะต่อเฉพาะทางก็ต้องอยู่กินในรพ.อีก มีคำนึงเค้าพูดแล้วตอกใจเรามากคือดูแลรักษาคนที่ไม่รู้จักเป็นร้อยเป็นพันคนแต่ทั้งชีวิตไม่ค่อยได้ดูแลพ่อกับแม่เลย จะคุยกันที่ก็ได้แค่ทางโทรศัพท์เค้านั่งรอเป็นห่วงเราตาปริบๆอยู่ที่บ้าน..เราแบบจิตตกไปหลายวันซึมเลยอ่ะยิ่งคิดยิ่งเครียด มันหนักหน่วงมาก
พี่ก็ยังไม่แน่ใจว่าพอจบแล้วจะไม่มีเวลาจริงๆมั้ย555555 พี่พึ่งอยู่ปี1 เลยคงให้คำแนะนำให้ไม่ได้มาก แต่พี่คิดว่าการที่เราเลือกที่จะเรียนอะไร ขอให้น้องเลือกในสิ่งที่น้องคิดว่าถ้าเราเลือกแล้วเราจะไม่เสียใจทีหลัง พี่เองก็เลือกเรียนหมอด้วยเหตุผลหลักที่อยากเป็นคนที่ดูแลพ่อกับแม่โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพได้ พี่เองก็เคยได้ยินเรื่องแนวๆนี้เหมือนกันว่าไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว แต่พี่ก็ไม่เสียใจนะที่เลือกเรียน เพราะพี่รู้สึกว่าเป็นคณะที่พี่ชอบและใช่ ถึงแม้ว่ากว่าจะจบจะใช้เวลานานมาก มีใช้ทุนอีก อาจจะไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองและครอบครัว แต่พี่เชื่อว่าพอจบไปสักระยะหนึ่ง ถ้าเราบริหารเวลาดีๆ มันก็ต้องมีเวลาเป็นของเราบ้างล่ะน่ะ! //โลกสวยอีกแล้ว55555 แต่ทางที่ดีน้องลองไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมดูก็ดีค่ะ ถ้าน้องรู้สึกว่ามันอาจจะหนักเกินไปและอาจจะมีเวลาให้ครอบครัวได้ไม่เท่าคนอื่นก็ลองหาคณะ อาชีพที่น้องชอบรองลงมาดูก็ได้
เพราะไม่ว่าน้องจะอาชีพไหนก็สามารถดูแลพ่อกับแม่ได้ดีไม่แพ้กันค่ะ อยู่ที่เรามากกว่านะ:)
สู้ๆนะคะ พี่เป็นกำลังใจให้ อะไรที่เราไม่แน่ใจ ก็ถามผู้รู้ ลองปรึกษาพี่ที่รู้จักหรืออาจารย์ดูน้าา ถ้าชอบหมอก็ลุยโลดเลยย ถ้ามันใช่มันก็คือใช่ ทำตามความฝันของน้อง สู้ๆ^^
พูดในฐานะลูกหมอนะคะ
ต้องถามว่าน้องอยากเป็นหมออะไรก่อนเพราะแต่ละด้านเงินเดือนและเวลาว่างต่างกัน คือหมอทุกคนไม่ได้ยุ่งตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าน้องจะเข้าเวรมากขนาดไหน เปิดคลินิคมั้ย ถึงจะทำงานแต่ก็มีเวลาดูแลคนอื่นในครอบครัวแน่นอนค่ะ
พี่อยากน้องคิดภาพว่าจะรักษาคนไข้ได่รึเปล่าน้องอยากช่วยเหลือผู้ป่วยมั้ย ถ้าใช่ก็เลือกเลยค่ะ
เรื่องเวลาให้คนในครอบครัวถึงตอนนั้นน้องจะจัดการมันได้เองสู้ๆนะคะ
พิมพ์ผิดบ้างขออภัย
หมอเป็นอาชีพที่เรียนหนัก แต่ทำงานหนักกว่ามาก โอกาสการอยู่ดูแลพ่อแม่ด้วยตนเองยากมากจนอาจเท่ากับศูนย์ ถ้าโชคร้ายพ่อแม่ป่วยขณะหมออยู่เวรก็ไม่สามารถปลีกตัวไปดูแลได้เพราะมีภาระหน้าที่รับผิดชอบในโรงพยาบาล ช่วงขณะเรียนปี4-6 ต้องอยู่หอเพราะมีการราวน์วอร์ดการอยู่เวรเลิกดึกมากหรือบางทีอยู่เวรถึงเช้า หลังจากเรียนจบต้องไปใช้ทุนต่างจังหวัด 3 ปีซึ่งแล้วแต่ดวงว่าจะได้อยู่ที่ไหน ถึงจะโชคดีได้อยู่จังหวัดบ้านตัวเอง แต่ก็คงไม่ได้กลับบ้านบ่อยเท่าที่ต้องการเพราะงานดูแลคนไข้ไม่มีเวลาเลิกงานที่แน่นอนและต้องอยู่เวร พี่คิดว่าทุกอาชีพมีความเก่งความสามารถในตัวเองอยู่แล้วไม่มีใครสามารถทำงานแทนใครได้ ถ้าน้องตั้งใจจะดูแลพ่อแม่ด้วยตัวเองจริงๆพี่ขอแนะนำให้น้องไปเรียนอย่างอื่นที่ไม่ใช่หมอค่ะ แต่ถ้าอยากดูแลพ่อแม่คนอื่นมาเรียนหมอเลยค่ะ
จขกท.เหมือนเราเลยค่ะ อยากเป็นหมอเพราะอยากดูแลพ่อแม่ยามที่ท่านชรา แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วเพราะกลัวว่าจะไม่มีเวลาให้พ่อกับแม่และคนรอบข้าง
หัวอกเดียวกันเลยค่ะ
เชื่อเถอะว่าทีใครๆเค้าบอกว่า หมอทำงานหนักยังไง เวลาน้อยยังไง
มาเจอเอง หนักยิ่งกว่าที่คนนอกพูดอีกเยอะ เวลานอนยังไม่มี
(ไม่มีจริงๆ เข้าเวรทีคืออดนอน 36-48 ชม. เข้าเวรทุก 2-3 วัน)
ทำงานทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ เช้ายันเย็นจนถึงค่ำ
ขึ้นกับว่าคนไข้เยอะหรือหนักแค่ไหน
แล้วที่ทำงานไกลบ้าน อย่างตอนใช้ทุนไปอยู่จังหวัดไกลๆ
บอกลาพ่อแม่ได้เลย ถ้าอยากเจอให้เค้าเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเราง่ายกว่า
ไออาชีพอื่นที่ชอบบอกว่าตัวเองเวลาน้อยยังงู้นยังงี้
เจอจริงแม่งว่างกันชิบหาย
ในฐานะที่บ้านเราเป็นครอบครัววิทยาศาสตร์การแพทย์ เราก้จะเห็นแต่ละอาชีพในสายงานนี้ (แบบ บ้านคนจีน ก้เจอกันบ่อยเพราะอากงอาม่าอยู่ใกล้บ้านเรา) พ่อเรามีพี่น้อง 5 คน
-คนโตเป็นคนเดียวที่ไม่ทำงานสายนี้
-คนที่ 2 เป็นหมอฟัน(ภรรยาก้เป็นหมอฟัน55555)
-คนที่ 3 เป็นหมอฟัน(สามีจบวิศวะ ไม่เกี่ยววว)
-คนที่ 4 เป็นหมอ(ภรรยาเป็นหมอฟัน ลูกจบหมอแล้ว)
-คนที่ 5 พ่อเราเป็นเภสัช(แม่เราจบสถาปัตย์ ไม่เกี่ยววว5555)
อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องทำงาน ใคร ขก ข้ามได้เลยยย
บอกเลยว่า อากงอาม่าเราเนี่ย เป็นลูกคนจีนธรรมดา(เหล่ากงเหล่าม่าเป็นคนจีนเลย) ไม่มีฐานะอะไร ขายของโชว์ห่วย แต่อากงเหมือนแบบหัวสมัยใหม่มากกว่าคนอื่นในยุคนั้น เลยส่งเสริมการเรียนของลูกมากๆ ดังนั้น ไม่ว่าจะจนหรือรวย ถ้ามีความมุ่งมั่นและขยันมากพอ ก้เรียนได้ทั้งนั้นแหละค่ะ :))
การทำงาน
-อย่างหมอ ถ้าเป็นลุงเรา ช่วงแรกทำงานที่ รพ.วชิระ (มีโควต้าให้ลูกเข้าสาธิตประสานมิตร) ละต่อมาก้ทำ รพ.เอกชนใกล้บ้าน(ต่อเฉพาะทางด้านสูติก้มาเป็นหมอสูติ) ตอนเย็นก้มาทำคลีนิค(บ้านเราเปิดคลีนิค แบบฝั่งนึงเป็นสูตินรีเวช อีกฝั่งเป็นทำฟัน) ประมาณ 2-3วัน/สัปดาห์ ปัจจุบันก้ยังอยู่ที่เดิมแต่ไม่ผ่าตัดแล้ว ไปสายบริหาร เป็น ผอ รพ มีเวลาว่างเยอะมากกกก (เราเห็นเค้ามาหาอากงอาม่า)
-หมอฟัน อย่างลุงกับป้าเรา ทำ รพ.รัฐ (แบบจบมหาลัยมา ทำที่เดียวจนจะเกษียณละ) "ทำแค่ครึ่งวัน" ละก้มาทำคลีนิคช่วงเย็น (ระหว่างวันจะว่าง ก้มาอยู่กับอากงอาม่าบ้าง)
-เภสัช ปกติจะเป็นแนวทำ รพ ไม่ก้โรงงาน หรือว่าเปิดร้านยาเป็นหลัก แต่พ่อเราทำบริษัทยา/อาหารเสริม ไปทางด้านบริหาร ละตอนเย็นก้เปิดร้านยา (**พ่อเราที่ทำงานบริษัท ถือว่ามีเวลาว่างน้อยที่สุดถ้าเทียบกับหมอและหมอฟันอีกน้าาาา จะได้ไปหาอากงอาม่าจริงๆจังๆก้มีแค่เสาร์อาทิตย์)
ก้ประมาณนี้แหละ ถ้า จขกท เป็นหมอ ก้จะเลือกได้ว่าอยากทำแนว รพ รัฐ รายได้ไม่มาก(เมื่อเทียบกับหมอที่ทำเอกชน แต่ยังไงก้ยังมากกว่าอาชีพอื่นอยูดี) แต่สวัสดิการดี(พ่อแม่ก้รักษาฟรี เกษียณละได้บำเหน็จบำนาญ ละอย่าง รพ ที่ลุงกะป้าเราอยู่ ก้ได้ยศด้วยน้าาา) เลิกงานเร็ว แต่อาจจะหนักหน่อย เพราะคนไข้ค่อนข้างเยอะ หรือ รพ เอกชน รายได้ดี แต่ไม่มีสวัสดิการ (อาจจะมีพวกส่วนลดนิดหน่อยเวลารักษา) ละถ้าอยากเหลือเวลาอยู่กะพ่อแม่เยอะๆก้ไม่ต้องทำคลีนิคเพิ่ม จบบบ
-แถมๆ หมอที่ต่างประเทศ!! อันนี้เรารู้ไม่มากเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยได้เจอพี่สาว เผื่อครอบครัวใครไหว ไปเรียนทีนั่นก้ดีเลยยย ได้ภาษาด้วย พี่สาวเราจบจากเมลเบิร์นยูฯ ช่วงนี้ทำงานเยอะมากกกก บางวันเลิกสี่ทุ่ม แต่รายได้คือ start ที่ประมาณ 200k (ค่าเรียนปีละประมาณ 1-2M) ซึ่งค่าครองชีพของออสก้สูงกว่าที่ไทย (การเรียนที่ออสก้ไม่ใช่ง่ายๆน้าาา คนที่สนใจก้ลองปรึกษาเอเจนซี่ดูละกันนน เท่าที่เรารู้คือต้องสอบให้ได้เกิน 90% ทุกวิชา!!)
ส่วนเรา ถือเป็นบุคคลที่ล้มเหลว มีตัวอย่างมากมายในบ้าน แต่ก้ยังไม่ติดหมอเลยจย้าาา(สอบมาสองปี คะแนนไม่เคยถึงหมอม.รัฐเลยยยย แอบอิจฉาเด็ก ตจว ที่มีโควต้า) ก้ซิ่วต่อไป~
edit: ปรับให้อ่านง่ายขึ้นแย้ววว + เพิ่มข้อมูล
ปล.ถ้ายังมีพิมพ์ผิดอะไรก้ขอโทษด้วยน้าาาา
ขอถามวิศวะได้ไหมง่ะ ;w;
อยากรู้ว่าเป็นไงมั่ง
ได้เยยยยย คือเราไม่ค่อยสนิทกับลุงคนนั้น แบบไม่ค่อยเจอ สมัยเค้าทำงานก้รุสึกว่าทำสายบริหาร(น่าจะต่อโท MBA ก่อนน้าาา) แบบมีคนขับรถส่วนตัว(ของบริษัท) เหมือนใหญ่สุดในบริษัท(แบบบริษัทนอกที่เปิดสาขาในไทย) แต่...น้องอย่าลืมนะว่าวิศวะ ปีนึงคนจบเยอะมากกก คนที่จะทำแบบนี้ได้ คงมีแค่ 1% ของทั้งหมด อัตราการแข่งขันในการหางานดีๆค่อนข้างสูง และสถาบันก้มีส่วนมาก แน่นอนว่ายังไง ฬ ก้ดูแบบ มีภาษีสูงกว่า ยกเว้นในบางบริษัทที่อาจจะเน้นการลงมือทำมากกว่าวิชาการ คงชอบเด็กจบลาดกระบัง ประมาณนี้ แต่ตอนนี้ลุงคนนั้นเค้าเลิกทำงานแล้ว เอาเงินมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์(หุ้น) วันๆก้วางแผนหาข้อมูลเที่ยวไป555555
เอาจริงๆ จขกท.ได้ดูแลพ่อแม่เต็มที่อยู่แล้ว เมื่อจขกท.ได้เป็นหมอในโรงพยาบาล
จขกท.จะรู้่ว่า หมอไหนรักษาดี เก่ง จขกท.ฝากให้เขารักษาไงงี้
อีกทั้งได้รู้ด้วยว่าพ่อแม่เราป่วยต้องไปหาหมอไหน เราเห็นหมอทำงานสบายกว่าพยาบาล
พยาบาลต้องทำอะไรหลายอย่างแต่เราเห็นหมอมาถามประวัติคนไข้ แล้วเซ็น แล้วก็เดินไป แต่หมอหนักเวลาผ่าตัดเพราะมันจะเครียด
ลองเบนๆ มาเป็นทันตะ หนือ เภสัชก็ได้นะครับจะได้มีเวลามากขึ้น ^^
ถ้า จขกท. อยากเป็นจริงๆ เราสนับสนุนเต็มที่เลย ถ้าเราเรียนคณะที่เราไม่ได้ชอบเราก็จะไม่มีความสุขนะค้าาา^^ เป็นหมอก็ดีค่ะจะได้ช่วยคนด้วย เราเองก็อยากเป็นเหมือนกันค่ะอยู่ม.1
ถึงเหนื่อยก็ต้องอดทน อย่ายอมแพ้นะคะ สู้ๆ เอาใจช่วยค่ะ ต้องทำให้ได้นะค่ะ อย่าพึ่งท้อ
ปล.ถ้าทำไรผิดอย่าด่าเรานะคะ กลัว
เราเป็นdek60 เราก้เริ่มลังเล เลยคิดว่า กสพท จะเลือกแพทย์ วพม เป็น อับดับ1 ส่วนอีก3อัมดับเป็นทันตะ เพราะงานไม่หนักเท่าแพทย์ แต่ถ้าโชคชะตาจะได้เป็นแพทย์จริงๆ ก้ขอให้เราได้เป็นแพทย์ทหารไปเลย
ปล. ไม่ต้องคิดมากนะค่ะ เดวทางจะเริ่มค่อยๆบีบเราเอง ทำตอนนี้ให้ดีที่สุดก้พอค่ะ
ถ้าชอบก็ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบค่ะ อยากเข้า อยากเป็นก็ทำให้ได้ค่ะ มันเป็นความจริงที่ว่าคนเป็นหมอต้องทำงานหนักนะ เวลาพักผ่อนแทบไม่มี แต่น้องเองก็อย่าลืมนะว่าน้องจะต้องอยู่กับอาชีพนี้ไปชั่วชีวิต น้องต้องถามตัวเองก่อนว่าถ้าจะให้ไปทำอาชีพอื่น เราจะอยู่กับมันได้ไหม เราจะรับได้แค่ไหน แล้วถ้าเลือกหมอ น้องจะมีความสุขจริงๆใช่ไหม
พี่บอกในฐานะที่พี่อยากเป็นหมอมาเกือบค่อนชีวิตที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่พี่ต้องสอบเข้ามหาลัยจริงๆ พี่พบว่าตัวพี่เองอยากเป็นหมอนะ เราอยากเป็นเพราะเราอยากรักษาคน อยากดูแลคนในครอบครัว แต่สุดท้ายแล้ว พี่ก็พบว่าที่พี่อยากเป็นหมอน่ะ พี่อยากรักษาคนจริง พี่อยากรู้วิธีจริง แต่พี่ไม่ได้อยากเป็นหมอจริงๆ น้องงงไหม? พี่อยากรู้ และสนใจในเรื่องทางการแพทย์มากกว่า แต่ไม่ได้ชอบถึงขนาดจะเลือกมาเป็นอาชีพที่เราต้องเป็นไปอีกหลายสิบปีที่เหลือ ผลสุดท้ายอนาคตก็เป็นเรื่องที่เรายากจะรู้นั่นแหละค่ะ
อย่างไรก็ตาม พี่แนะนำให้น้องเตรียมตัวสำหรับสอบหมอนั่นแหละ เพราะข้อดีของการเตรียมตัวสอบหมอคือ ต่อให้น้องอยากเบนไปคณะอื่น (สายวิทย์) หรือแม้แต่คณะสายสังคมบางคณะ น้องก็สิทธิ์ที่จะติดได้ พี่มีตัวอย่างคือเพื่อนของพี่ ที่เตรียมตัวสอบหมอกันทั้งนั้น แต่สุดท้าย แต่ละคนเบนไปคณะอื่นกัน มีหลายคนที่เบนไปคณะสายสังคมก็มี
พี่แนะนำได้ไม่มากเท่าไหร่ น้องคงต้องตัดสินใจเอง เป็นทางเลือกของน้อง ถ้าให้เดาน้องคงเป็นลูกคนเดียว ก็เลยกังวล แต่ไม่ว่าจะทำอาชีพไหน มันก็หนักและเหนื่อยทั้งนั้น เวลาในการดูแลครอบครัว อยู่ดูแลพ่อแม่ ใกล้ชิดกับพ่อแม่มันน้อยกว่าอยู่แล้ว ยังไงก็สู้ๆนะคะ :)
เอาจริงๆจากใจคนที่เรียนหมอแบบผมนะ เรียนไปเหมือนใช้กรรมอ่ะ นี่ขนาดแค่ปี3ยังไม่ไหวเลย การจำต่างๆเนื้อหามันเยอะมากแค่ปี123การสอบว่ามีเยอะแล้วแต่เรายังมีเวลา แต่ปี456มันอัพเลเวลเยอะกว่าเพราะสอบบ่อยมากแถมยังไม่มีเวลาทบทวน คนไข้ก็เป็นคนจริงๆไม่ใช่คนไข้กระดาษ แถมเรียนจยหกปีเราก็ต้องใช้ทุนค่าใช้จ่ายระหว่างเรียนก็สูง ถ้าอยากจะดูแลพ่อแม่ผมไม่ขอแนะนำครับ เพราะมันเหนื่อยจริงๆเวลาก็ไม่ค่อยจะมี ลาก็ต้องยกเหตุผล108ข้อ
#เอาตรงๆผมมาบ่น
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?