Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

*REVIEW* ทำอย่างไร ให้ 'คณะที่ใช่' ไม่เป็นแค่ 'ฝัน' #Dek60+++

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีจ้า น้องๆ #Dek60+++ ทุกคน ~ ~  smiley ทั้งที่ตั้งใจคลิกและที่หลงเข้ามา 55555
วันนี้พี่ [#Dek59] จะนำเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พี่ใช้พิชิตคณะภารกิจ ! ! ! > > "อักษร จุฬาฯ" ได้สำเร็จมาแบ่งปันกัน

เอ๊ะ ๆ ๆ ๆ แต่สำหรับบางคนที่มีคณะในใจไม่ตรงกับพี่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเทคนิคนี้ใครก็ทำได้ wink
ลองนำไปใช้ แล้วปรับให้เหมาะกับ LIFESTYLE ของน้องๆดูนะจ๊ะ

เทคนิคที่พี่ใช้มีหลักใหญ่ๆคือ "หา ค้น ประเมิน คิด มีสติ ไม่หมดหวัง" 

     1. หา > หาคณะที่เป็นตัวเองให้เจอ
นี่คือสิ่งแรกที่พี่คิดว่าสำคัญในอันดับต้นๆของการเตรียมตัวสอบ เพราะน้องต้องรู้ว่าเราสอบไปเพื่ออะไร
ใครที่มีคณะอยู่ในใจแล้วพี่ก็ยินดีด้วย ส่วนน้องคนไหนที่ยังลังเล ก็ทำใจร่ม ๆ ไว้ น้องลองจำกัดขอบเขตของวิชาที่น้องสนใจให้แคบที่สุดเพื่อช่วยในการตัดสินใจ เพราะว่ากันตามจริงแล้ว ในการทำงานแต่ละอาชีพ จำเป็นต้องใช้ทักษะและความรู้จากหลากหลายแขนง ในตอนนี้ น้องเพียงเลือกคณะที่ตรงกับน้องมากที่สุด เพื่อเป็นหลักในการประกอบอาชีพ ซึ่งพี่ก็เชื่อว่าน้องๆทุกคนมีความฝันที่น้องสามารถไปถึงมันได้ !

     2. ค้น > ค้นคว้าหาข้อมูล
หลังจากที่เราพอจะเจอคณะที่ตรงใจเราแล้ว จะเป็นกี่คณะ กี่มหา'ลัยก็ตาม พี่อยากให้น้องลองหาระเบียบการของคณะนั้น ๆ ตามมหา'ลัยที่น้องอยากเข้าทั้งหมดมากางเปรียบเทียบกันดู ทั้งแบบสอบตรง รับตรง หรือ Admission ว่าเค้าต้องการคะแนนอะไรบ้าง หรือมีการสอบพิเศษอื่นๆที่ไหน อย่างไร น้องจะได้มีรายชื่อวิชาที่น้องจะต้องสอบแน่ ๆ ซึ่งมันจะช่วยให้น้องตั้งหลักได้เร็วขึ้น และเห็นเส้นทางที่จะเลือกเดินไปได้ ถ้าน้องยังลังเล หรือมีคณะในใจมากมายแต่คนละด้านกันเลย น้องก็อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่สู้ไว้ กำลังใจเป็นสิ่งที่น้องต้องพกติดตัวไว้เสมอ

     3. ประเมิน > ประเมินตนเอง
พี่อยากให้น้องประเมินตัวเองคร่าว ๆ ว่าเราอยู่ไกลจากเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน บางคนยังเพิ่งอยู่ที่จุดเริ่มต้น บางคนอาจออกเดินมาแล้ว หรือบางคนมัวแต่เตรียมความพร้อมจนลืมว่าถึงเวลาที่ตัวเองต้องเดินแล้ว สิ่งเหล่านี้ช่วยอะไรเรา (?) สำหรับพี่ มันช่วยบอกให้พี่รู้ว่าพี่ควรจะทำอะไร และพี่ทำมันไปหรือยัง ยกตัวอย่าง พี่อยากได้คะแนนภาษาอังกฤษเยอะ ๆ เพราะงั้นพี่ควรจะขยันท่องศัพท์ เอ.. แล้ววันนี้พี่ทำหรือยังน้า ถ้ายังพี่ก็ต้องรีบทำ เราจะรีรอไม่ได้ **ข้อควรระวังคือ ห้ามประเมินเข้าข้างตัวเอง เช่น น้อง ๆ บางคนอาจจะคิดว่า ปกติเราอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องสอบ 10-20 นาทียังสอบผ่านได้ คราวนี้เราก็อ่านแค่  1 อาทิตย์ก่อนสอบก็น่าจะเข้ามหา'ได้สบาย ไม่ได้นะคะ ! ! ! อนาคตของน้องอยู่ในมือน้องแล้ว น้องเป็นคนสำคัญที่สุดในความสำเร็จนี้ เพราะงั้นฮึดสู้ อย่าเพิ่งถอยนะ

     ****4. คิด > คิดให้ตัวเองเป็นแบบนั้น
นี่คือสิ่งที่พี่ชอบที่สุด 555555 เพราะมันมีประโยชน์ ง่ายและสบายมาก ๆ นั่นคือการจินตนาการว่าตัวเองได้ประสบความสำเร็จแล้ว พี่ได้เทคนิคนี้มาจาก พี่หนูดี วนิษา เรซ ตอนที่พี่เค้ามาออกรายการ Woody Talk ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบการทำงานของสมองในส่วนจิตใต้สำนึก โดยวิธีการคือให้คิดอย่างชัดเจนจนเห็นภาพว่าเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งสำเร็จ ซึ่งต้องลงรายละเอียดท่วงท่าให้แม่นยำด้วยนะ เช่นสมมุติว่าพรุ่งนี้จะต้องไปสอบสนามใหญ่ ให้เราคิดภาพก่อนนอนเลยว่า เราไปถึงสนามสอบ นั่งลง ลงมือทำข้อสอบ ข้อสอบมันง่ายมาก ๆ เราทำได้ทุกข้อ มีเวลาทวนด้วยแน่ะ และเราก็ส่งกระดาษคำตอบอย่างมั่นใจ คิดแบบนี้ให้ละเอียดที่สุด มันเป็นเหมือนการหลอกสมองว่าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว แล้วสมองก็เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้อีก ส่วนที่ต้องเป็นก่อนนอน ก็เพราะว่าจะเป็นช่วงที่จิตใต้สำนึกมีพลังมากกว่าจิตสำนึก อันนี้พี่ใช้ทั้งกับการสอบเข้ามหา'ลัย การสอบในโรงเรียน รวมถึงการนำเสนองานหน้าห้องเรียนด้วย คิดว่ามันช่วยได้เยอะเลยทีเดียว

     5. มีสติ > มีสติในการอ่านหนังสือ enlightened
จริง ๆ แล้วพี่ไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือเท่าไร ถ้าเป็นนิยายหรือการ์ตูนก็พอจะคุยกันได้ 555555
แต่เวลาแบบนี้ จะเลี่ยงก็ไม่ได้ เพราะงั้นพี่ก็เลยใช้วิธี "เน้นคุณภาพ" ไม่แคร์ปริมาณ คือไหน ๆ เราตัดสินใจจะอ่านหนังสือแล้ว ก็เอาให้สุด วางมือถือเอาไว้ให้ห่างตัว ปิดแล้วเอาไปซ่อนเลยได้ยิ่งดี 5555 หามุมสงบแล้วก็ลงมืออ่าน อ่านอย่างไร (?) อ่านให้จำ และเข้าใจ ตอนแรกน้องอาจจะเปิดดูสารบัญก่อนว่าหัวข้อใหญ่มีอะไรบ้าง เราจะได้พอรู้ตัวว่าเรากำลังจะอ่านอะไร แล้วก็ค่อยมาเจาะจงที่เนื้อหา พี่แนะนำให้อ่านช้าแต่ชัวร์ yes อ่านค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเพราะน้องคงไม่อยากอัดทุกอย่างใส่สมองภายในวันเดียว และ ตู้ม ! ! เกิดเป็นโกโก้ครั้นช์หรอกนะ ให้เวลากับมันหน่อย ส่วนตอนอ่านก็ลองนึกภาพตาม จินตนาการให้เป็นอะไรก็ได้ที่สนุก และสามารถดึงดูดความสนใจเราได้ อาจจะแต่งเป็นเพลง นิทาน หรือบทกลอนเอาไว้ช่วยจำก็ได้ เอาแบบที่พอมีใครพูดถึงเรื่องที่น้องอ่านมาปุ๊บ วิญญาณผู้เชี่ยวชาญเข้าสิง สามารถอธิบายได้เป็นฉาก ๆ เลยนะ

     6. ไม่หมดหวัง
อันนี้ตรงตัวเลย พี่มีความเชื่ออยู่ว่า เรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง เราก็จงยอมรับกับมัน น้องต้องถามตัวเองว่าน้องทำมันเต็มที่หรือยัง สำหรับพี่ ถ้าพี่คิดว่าพี่ทำมันเต็มที่ เต็มความสามารถแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะผิดหวังหรือสมหวัง พี่ก็จะไม่เสียใจ และสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า "เราทำดีที่สุดแล้ว" ตอนนี้น้องยังมีเวลา ยังสามารถแก้ไขและสานความฝันของน้องได้ ไม่มีคำว่า "สายไป" สำหรับคนมีหวัง เพราะงั้นอย่าเพิ่งท้อถอยหรือหมดหวัง เราสร้างหวังได้ในทุก ๆ วัน เช่นเดียวกับกำลังใจ
 
พักได้แต่อย่าพักนาน น้องมีความฝันที่ต้องสานมันให้สำเร็จ
อดทนไว้ พี่เชื่อว่าน้องทำได้ เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
และหวังว่าเทคนิคที่พี่ได้แบ่งปันไปจะเป็นประโยชน์กับน้อง ๆ ไม่มากก็น้อยน้า

จาก พี่หญิง #Dek59

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น