เทพ Eng เริ่มที่ใช้ Dict ให้เป็น !!!
กระทู้นี้เป็นกระทู้ต่อเนื่องจากอันที่แล้ว
รีวิว หนังสือ 5 เล่ม ที่พลิกชีวิตให้เทพภาษาอังกฤษ!!!
http://www.dek-d.com/board/view/3651428/
เนื่องจากหนึ่งในหนังสือที่แนะนำ คือ Dict Eng-Eng และมีคนส่งข้อความมาถามเยอะมาก ตั้งแต่ เลือกยังไง ใช้ยังไง จนไปถึงเทคนิคต่างๆในการหาศัพท์อย่างมีประสิทธิภาพ เลยคิดว่า ทำเป็นคอมโบภาคต่อดีกว่า น่าจะมีประโยชน์กับหลายๆคน จึงเกิดเป็นกระทู้อันนี้ขึ้นมาจ้า มีหัวข้อหลัก คือ WHY :: WHICH :: HOW :: TECHNIQUE
View จะทะลุแบบกระทู้ที่แล้วมั้ย ไม่แน่ใจ แต่ขอบอกว่าตั้งใจมาก เรียบเรียงทุกประเด็น ละเอียดยิบ ชนิดที่ว่าอยากให้ตัวเองในอดีต ตอนที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษใหม่ๆ ได้มาอ่านกระทู้นี้บ้าง ชีวิตคงง่ายขึ้นเยอะ หูยยย อยากมอบมงให้ตัวเอง พูดเองเออเอง ชงเอง ครบสุด
คือออ ก็แค่อยากให้ทุกคนตั้งใจอ่านจนจบ ยาวหน่อยแต่รักนะ 555
และถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ ช่วยแชร์ด้วยน้า จะได้เก่งภาษาอังกฤษกันถ้วนทุกคน
ภาษาอังกฤษไม่ได้ยากขนาดนั้น เราโง่มากมาก่อน เราทำได้ ทุกคนก็ต้องทำได้
#self-taughtแล้วเก่งที่แท้จริง มีจริงๆ
เริ่ม!!!
:: WHY ::
1.อย่างที่เคยบอกไปในกระทู้ที่แล้ว การใช้ Dict Eng-Eng เป็นเล่ม เปิดหาศัพท์ มันจำได้นานกว่า มือมันได้สัมผัส นิ้วมันได้ไล่ชี้ ตามันเบิกโพรง จมูกมันได้กลิ่นหมึก แล้วคำศัพท์ก็ไหลเข้าหัว เฉย! จำฝังหัวมาก เทียบกับสมัยนี้ ที่แค่พิมหา แวปเดียวรู้เรื่อง แต่กลับมาบ้านก็ลืมซะละ เพราะขั้นตอนมันไวเกิ๊น สมองยังไม่ทันจะจำนั่นเอง
2.การเปิด Dict เป็นเล่มทำให้เราได้เห็นคำอื่นๆในหน้าเดียวกันและบริเวณใกล้เคียง เป็นการเรียนรู้อย่างครบองค์ประกอบมากกว่าการเห็นแค่คำที่หาคำเดียว หนำซ้ำในคำอธิบายก็จะเจอคำอื่นๆอีก เป็นการขยายฐานความรู้อย่างไม่สิ้นสุด
3.Dict Eng-Eng ไม่ได้มีแค่ความหมายของคำนั้นๆ มี Pronunciation, Help with meaning, Examples, Grammar ไปจนถึง Collocation, Idioms & Phrases, Register, Usage และอีกมากมายที่หาไม่ค่อยได้ใน Dict รูปแบบอื่นๆ กลายเป็นว่าเราไม่ได้เรียนรู้แค่ความหมายคำๆนั้น อย่างเดียว แต่เราได้เรียนรู้เรื่องอื่นๆไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว ข้อนี้จะลงลึกขึ้นอีกในหัวข้อ HOW นะจ๊ะ
4.เพราะภาษาอังกฤษบางคำไม่มีในภาษาไทย การอ่านคำอธิบายเป็นภาษาต้นกำเนิดไปเลย จะทำให้เราเข้าใจ sense ของคำ และการนำไปใช้ได้ดีกว่า
:: ต่อในคอมเม้นท์นะจ๊ะ ::
22 ความคิดเห็น
Dict ที่นิยมในปัจจุบันมี Longman, Cambridge, Oxford, Macmillan, Merriam-Webster และ Collins เป็นต้น ซึ่งเราถูกจริตกับ Longman ที่สุด แต่จริตคนไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้นให้ไปยืนเลือกที่ร้านหนังสือเลย ร้านใหญ่ๆหน่อยจะได้มีหลายๆสำนักให้เลือก
>>> เลือกสุ่มศัพท์มาหนึ่งคำ เช่น Advertisement แล้วเปิดหาความหมายของคำนี้คำเดียวในทุกๆเล่ม เล่มไหนอ่านเข้าใจมากสุด ละเอียดพอใจที่สุด ชอบสุด เลือกเล่มนั้นเลย ค่อยๆอ่าน ใจเย็นๆ ใช้เวลานานๆหน่อย เพราะแค่สำนักเดียวกัน ก็พิมพ์ออกมาหลายเวอร์ชั่นมาก อ้อ! อย่าเลือก Dict เฉพาะทางที่ไม่ใช่สาขาที่เราจะใช้ ไม่มีประโยชน์เลย อย่ามานะผิดจุด
>>> อีกปัจจัยที่ควรพิจารณา คือ ความสวยงาม ห๊ะ?? อ่านไม่ผิดจ้าไม่ผิด เพราะ Format รูปแบบที่ใช้ในการอธิบายศัพท์ Font ตัวอักษรที่ใช้ ช่องไฟ สีกระดาษ เราชอบมั้ย อ่านสบายตามั้ย เพลินมั้ย เพราะ เราควรจะฟินเมื่อได้เปิดดิกเล่มนี้ จะได้ขยันเปิด อย่าลืม! เราจะต้องอยู่กับมันไปอีกนาน
:: HOW ::
สำคัญมาก!!! และน้อยคนที่จะทำ
>>> ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ที่แสนดีคนนี้ก่อนใช้ <<<
พูดจริงๆนะ อ่านตั้งแต่ปกเลย หน้าหลัง เพราะคัดมาแล้วว่าเป็นข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องรู้ มักจะบอก Feature เด่นๆของ Dict เล่มนั้นๆ เวลาเราหาศัพท์เราจะได้เข้าใจมากขึ้น
>> ความพีคของ Dict อยู่ที่หน้าแรกๆก่อนจะขึ้นศัพท์ตัว A นี่แหละ <<
**สำนักพิมพ์ต่างๆจะเรียงเนื้อหาส่วนนี้ไม่เหมือนกัน แต่ก็ยังคล้ายๆกัน ลองเอาไปประยุกต์ใช้นะจ๊ะ
**เราขอใช้ Longman ยกตัวอย่างทั้งหมดนะ
หน้าปก
เนี่ยๆ แค่อ่านปกหลังก็จะรู้ว่า เล่มนี้พิเศษตรงที่จะบอกว่าคำนั้นๆเป็นคำที่ถูกใช้มากที่สุด 3000 คำแรกรึเปล่า (จากที่มีเป็นล้านคำ) โดยเค้าจะไฮไลท์คำเป็นสีแดงเอาไว้ เพราะฉะนั้น ถ้าเปิดหา แล้วคำนั้นเป็นสีแดง แสดงว่าเราควรที่จะรู้ความหมายของคำๆนั้นมากกก เพราะจะเจอบ่อยมาก ดีมะะะ (เป็นไงถ้าซื้อมา ละไม่รู้ feature พิเศษอันนี้ เสียดายแย่ เค้าอุตส่าห์วิจัยมาว่าคำไหนเจอบ่อย)
ต่อๆยังอยู่ในข้อ :: How to น้าา
ปกใน
นี่จ้า ยังไม่ทันจะขึ้นหน้าหนึ่ง ปกใน ยังมีเนื้อหามาให้รัวๆ มี Pronunciation เป็นการออกเสียงคำตามหลัก Phonetic โดยใช้เครื่องหมายต่างๆแทนเสียงต่างๆกัน เพราะ ถ้าเราเจอคำบางคำ ที่ไม่เคยได้ยินการออกเสียงมาก่อน เราก็พอจะรู้ว่า จะอ่านออกเสียงคำนั้นยังไง
แนะนำให้ search “Phonetic” ในยูทูป เพื่อศึกษาเพิ่มเติมว่า แต่ละเครื่องหมายออกว่าเสียงอย่างไร
( เราชอบ channel นี้ดีงาม ----> https://www.youtube.com/user/rachelsenglish )อีกเรื่องนึงที่โผล่มาในปกใน คือ Special Signs เครื่องหมายกำกับพิเศษ เช่น
เรื่องการออกเสียงแบบสำเนียงอังกฤษและอเมริกัน ใช้เครื่องหมาย “ $ ” เมื่อคำนี้มีทั้งสองสำเนียง
เรื่องการเน้นเสียง (stress) ใช้เครื่องหมาย “ ' ” เป็นต้น
:: แถม ::
Stress การเน้นเสียง เป็นการฝึก pronunciation ที่ได้ผลมาก
ส่วนใหญ่เวลาฝรั่งฟังเราพูด จะเข้าใจผิดจากการเน้นเสียงผิด มากกว่าการออกเสียงผิด
'pho-to-graph
pho-'to-gra-pher
pho-to-'gra-phic
มีรายละเอียดเรื่อง คำย่อ ที่ใช้ในเล่ม เช่น adj = adjective, sb = someone เป็นต้น
Labels ป้ายบอกลักษณะคำนั้นๆ เช่น BrE = British English, informal คำไม่ทางการ,
biblical ถ้ามีคำนี้ ห้อยท้ายไว้ที่ศัพท์ แสดงว่าเป็นคำที่ใช้ใน Bible เก่ามาก ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว เป็นต้นหน้า2 Grammar codes and Patterns
Grammar codes เช่น [C] = countable เป็นคำนามนับได้ [T] = transitive เป็นกริยาที่ต้องการกรรมตามหลัง [not before noun] = คำคุณศัพท์นั้นๆ จะไม่อยู่หน้าคำนาม (ปกติ adj วางหน้าคำนาม เพื่อทำหน้าที่ขยายคำนามนั้นๆ) เช่น He is still alive. แสดงว่าเราจะไม่ใช้ alive fish เป็นต้น
Patterns รูปแบบการใช้คำนั้นๆ เช่น enjoy doing sth = คำว่า enjoy ต้องตามด้วย Ving (present participle), ....that = request that.../ surprised that… แสดงว่าคำนั้นๆตามท้ายด้วย that ได้ และหลัง that จะเป็นประโยค เป็นต้น
พักหายใจแพรพพพพ
สารบัญ เพื่อดูว่า Dict เล่มนี้มีอะไรบ้างนอกจากพาร์ทอธิบายศัพท์ A-Z ถ้าไม่มาอ่านนะ เราจะไม่รู้เลยว่าท้ายเล่มมี Grammar เรื่องอื่นๆ อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น Modal Verbs เอย Collocation เอย Word formation เอย มีประโยชน์มากกกก สรุปเป็นประเด็นปังๆด้วย ไปเชคด่วนๆ
หน้า10,11 Introduction (8-9 คำนำ ข้ามไป)
Introduction ถ้ามีพลัง ก็อยากให้อ่าน จะได้รู้ว่า Dict เล่มนั้นๆ ปรับปรุงเรื่องอะไร ชูโรงเรื่องอะไร เช่น Longman เวอร์ชั่นนี้เพิ่มตัวอย่างประโยคเยอะขึ้น อัพเดทขึ้น และเพิ่มเรื่อง Collocation พิเศษใน CD ที่แนบมา อีกสิ่งที่พิเศษมากๆของเวอร์ชั่นนี้ คือ สัญลักษณ์ S1-S3, W1-W3 แสดงถึง คำที่ใช้เขียน(W)และพูด(S)มากที่สุด 1000-3000 คำแรก เจ๋งมะ ชอบมากกก
เป็นหน้าที่แจงว่ารูปแบบในการใช้อธิบายศัพท์ในเล่ม มีอะไรบ้าง
PRONUNCIATION
การออกเสียงคำ มีสัญลักษณ์ Phonetic กำกับ พร้อมบอกการเน้นเสียง ถ้าคำนั้นๆมีทั้งสำเนียงอังกฤษและอเมริกัน ก็จะมีสัญลักษณ์ $ กำกับไว้ด้วย
HELP WITH MEANING
คำอธิบายศัพท์ ระบุไว้ว่าจะเขียนขึ้นมาจากคำศัพท์ 2,000 คำที่ควรรู้ (Defining Vocabulary)***
ซึ่งท้ายเล่มจะมีลิสต์เรียงไว้ให้ ผู้ที่อ่อนภาษามากๆควรไปศึกษาคำสองพันคำนี้ก่อน เพื่อที่จะอ่านคำอธิบายศัพท์ได้เข้าใจมากขึ้น
EXAMPLES
เค้าก็เคลมว่ามันน่าอ่านยังไง เช่น เค้าเอาประโยคต่างๆมาจากหนังสือพิมพ์หรือโฆษณาเลยนะ แสดงว่า ประโยคนี้มีใช้โดยทั่วไปจริงๆ ไม่ได้แต่งขึ้นมา เราเจอแน่
GRAMMAR
ต่อท้ายคำศัพท์จะเป็น Part of Speech ระบุว่าเป็น noun, verb, adj, adv เป็นต้น ต่อด้วย irregular forms เช่น eat -ate-eaten เป็นต้น แล้วก็ประเภทคำว่าเป็น countable, uncountable, transitive intransitive คั่นด้วยอธิบายศัพท์ และจะต่อด้วย วิธีใช้ของคำนั้นๆ เช่น ต่อด้วย that ได้มั้ย ต่อด้วย preposition ตัวไหนได้บ้าง แปลว่าอะไร วิธีใช้และความหมายเปลี่ยนมั้ย
COLLOCATION
“คำปรากฏร่วม” ภาษาคน(555)คือ คำหรือกลุ่มคำที่ต้องใช้ร่วมกันเสมอ เช่น effect+on, strong+wind จะมา effect in / heavy wind จะเสี่ยว ไรเง้ ส่วนคำไหนถ้ามีคำปรากฏร่วมเยอะ จะมาเป็นตารางเลยจ้าHow to หน้าต่อมาก็มีอีกหลายเรื่อง ได้แก่
IDIOMS & PHRASES
ถ้าศัพท์นั้นๆ มักจะใช้เป็นสำนวนด้วย จะมีตัวอย่างระบุไว้ต่อจากการอธิบายศัพท์เลย เช่น have egg on your face จะเป็นสำนวน ที่ระบุอยู่ท้ายอธิบายศัพท์ของคำว่า egg
PHRASAL VERBS
กริยาวลี = กลุ่มคำกริยาที่ประกอบไปด้วย คำกริยา(verb)+คำบุพบท(preposition) เมื่อรวมกันแล้วความหมายมักจะเปลี่ยนไปจากเดิม คำไหนเป็นกริยาวลีจะระบุไว้ด้วย
FREQUENCY
คำที่ใช้บ่อย เจอบ่อย โดย
S1 = ภาษาพูดที่เจอบ่อย 1,000 คำแรก/ S2= 2,000/ S3= 3,000 ตามลำดับ
W1 = ภาษาเขียนที่เจอบ่อย 1,000 คำแรก, W2, W3 ตามลำดับ
แสดงว่า ถ้าเจอสัญลักษณ์พวกนี้ ตาต้องเบิกโพรงเข้าไว้ เป็นคำที่พีคมากที่ควรจะจำให้ได้
ยิ่ง S1 W1 นี่ต้องจำขึ้นใจเป็นภาษาแม่เลอ
AMERICAN & BRITISH ENGLISH / SPOKEN ENGLISH ตามนั้น
REGISTER
ระบุว่าคำๆนั้นเป็น formal, informal, literary ใช้ในบทประพันธ์, legal หรือ technical terms
HELP WITH USAGE
คำบางคำความหมายคล้ายกันมาก ก็จะมีตารางขึ้นมาช่วยแจกแจงว่า ความหมายต่างกันยังไง ใช้ต่างกันยังไง เช่น fault vs mistake
WORDS THAT HAVE MORE THAN ONE SPELLING
คำบางคำสะกดได้หลายแบบ ก็จะมีระบุไว้ เช่น favourable=BrE vs favorable=AmE
WORDS THAT HAVE MORE THAN ONE PART OF SPEECH
คำที่สะกดเหมือนกัน แต่ชนิดของคำต่างกัน (ทำให้เวลานำไปใช้จะต่างกัน)
จะถูกระบุแยกข้อกัน มีเลขกำกับ
SYNONYMS, OPPOSITES & RELATED WORDS
ถ้าคำไหนมีคำที่ความหมายเหมือนกันจะระบุไว้ต่อจากอธิบายศัพท์ด้วยสัญลักษณ์ [=] ความหมายตรงข้าม [≠]
COMPOUND WORDS
คำผสมที่เกิดจากศัพท์หลักรวมกับคำอื่น จะระบุไว้บรรทัดข้างล่างศัพท์ตัวนั้น
DERIVED WORDS
คำใหม่ที่ได้จากการเติมคำต่อท้ายจากศัพท์เดิม แต่ยังมีความหมายคล้ายเดิม จะระบุไว้หลังสุดของศัพท์
ซึ่งส่วนมากจะเติม -ly, -ness นั่นเอง
WORD FOCUS BOXES
คือ เกล็ดความรู้ที่มาจากการขยายความศัพท์นั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำที่เห็นบ่อยใช้บ่อยความพีคขั้นกว่าาาาาาาา
:: TECHNIQUE ::
เกล็ดความรู้, เทคนิคการใช้ Dict ที่รวบรวมจากประสบการณ์ส่วนตัว
Defining Vocabulary*** ยกมาจากที่ดอกจันไว้ข้างบน ใครรู้เรื่องนี้ก่อนเทพก่อน บอกเลอ
เพราะมันคือ ศัพท์พื้นฐานที่ใช้ในการจัดทำ Dict สรุปก็คือ ถ้าเรารู้ทั้ง 2000 คำนี้ เราจะอ่าน Dict Eng-Eng สบ๊ายยย ซึ่ง Dict ดีๆจะมีลิสต์นี้ท้ายเล่ม ท่องด่วน หรือเข้าลิ้งค์นี้เลยจ้า http://www.longmandictionariesusa.com/res/shared/vocab_definitions.pdf
การอ่านตัวอย่างประโยคที่ให้มา บ่อยครั้งทำให้เข้าใจมากกว่าการอ่านคำอธิบายศัพท์
ภาษาอังกฤษน้อยมากที่คำๆนึงจะมีแค่ความหมายเดียวหรือชนิดของคำแค่แบบเดียว หนำซ้ำรากศัพท์เดียวกันนี่แหละ แค่เติม prefix subfix นิดหน่อย หน้าที่คำเปลี่ยนละ >> ชนิดคำเปลี่ยน หน้าที่คำเปลี่ยน การนำไปใช้เปลี่ยน แม้ความหมายคล้ายเดิม
จำไว้ว่าจุดมุ่งหมายของเราในการเปิด Dict คือ เข้าใจความหมายคำที่เราหา อย่าพยายามหาความหมายของทุกคำที่อยู่ในการอธิบายศัพท์ เราจะเสียโฟกัส
ควรหัดเดาศัพท์จากบริบทข้างๆ เพราะการเดาเป็นทักษะสำคัญในการเรียนรู้ภาษา/ การสอบ
มีสมุดจดศัพท์ และหัดแต่งประโยคจากศัพท์ที่เราเรียนรู้ใหม่ ค่อยๆทำ รู้ตัวอีกทีเราจะมีสมุดจดศัพท์หลายเล่ม จากการจดศัพท์ใหม่แค่วันละคำสองคำ นอกจากการแต่งประโยคจะช่วยให้จำศัพท์ได้แล้ว ยังช่วยพัฒนา Writing & Grammar ไปด้วยในตัว
ต่อเรื่องเทคนิคจ้า ใกล้จบแล้ว...
วิธีจำศัพท์ให้ได้ดี คือการแตกศัพท์ แล้วท่องเป็นกลุ่ม ดีงามมมมมม ได้ผลชะงักนักแล
แปะคำศัพท์ใหม่ตามที่ต่างๆ บันไดเอย ตู้เย็นเอย ครัวเอย ยิ่งให้ดีก็แปะเป็นกลุ่มคำที่แตกศัพท์ไว้เลย
เวลาอ่านอธิบายศัพท์ ให้อ่านจนจบ ไม่ว่าความหมายจะยาวเป็นหน้าๆ ดีกว่าอ่านแค่ไม่กี่บรรทัดบนสุด แล้วจำไปไม่ครบ หรือนำไปใช้แบบผิดๆ
ถ้าหาคำไหนไม่เจอ และไม่ได้สะกดผิด หาจาก Google เลยจ้า อาจเป็นคำใหม่ คำเฉพาะกลุ่ม คำไม่ทางการ คำย่อ คำโย่ว ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ --- พิม ศัพท์ + meaning จบปึ้ง
การเรียนภาษาด้วยตนเอง ควรมีที่ปรึกษา พ่อแม่ เพื่อน รุ่นพี่ คุณครู หรือ เจ้าของภาษาจะดีมาก
คนที่อ่อนแอภาษามากกกแต่สู้ จะใช้ Dict Eng-Eng (เรารักมากคนประเภทนี้) แนะนำให้เลือก student edition มาใช้ก่อน เวลาอ่านความหมาย อนุโลมให้ใช้ Dict Eng-Thai มาช่วยแปลอธิบายศัพท์ได้ ห้ามลักไก่เปิดหาศัพท์ตัวนั้นเลย เคป้ะะะ เพื่อออ นึกออกมะ
สรุป >> อย่างที่บอกอันนี้เป็นคำแนะนำให้ใช้ Dict Eng-Eng ที่เป็นเล่ม เราว่ามันดีกว่าจริงๆ มันพัฒนาภาษาอังกฤษแบบบูรณาการและยั่งยืน แต่ถ้าใครไม่ไหวจริงๆ ก็ลองเอาหลักที่ว่านี้ไปปรับใช้กับ Dict Eng-Eng แบบออนไลน์ดูแล้วกันน้า
ขอบคุณมากนะคะทรามาเขียนรีวิวให้อ่าน มีประโยชน์มากๆๆๆๆ❤️
ขอบคุณน้าา
ขอบคุณที่ให้ความรู้ แนะนำ และเทคนิคค่ะ T_T จะเอาไปใช้เลย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ มีประโยชน์มากๆ /ดีใจที่เจอกระทู้นี้มากค่ะ U-U
ขอบคุณมากเลย ดีใจเหมือนกัน ขอให้เก่งภาษาอังกฤษดั่งใจหวังจ้า
ขอบคุณมากนะครับ
มีประโยชน์มากจริงๆจะเอาไปใช้แน่ค่ะ
กระทู้ดีมากกกกกกกก มากที่สุด สุดๆๆๆๆ
กำลังจะไปซื้อDict Eng-Eng ตามเจ้าของกระทู้เลยนะคะเนี่ย
ต้องลอง ไม่ลองไม่รู้ไม่เก่งเนอะ5555
ลองเช็คดูในเว็บคิโนะกับเอเชียบุ๊คไม่มีเล่มนี้เลย(หรือหาไม่เจอก็ไม่รู้แฮะ)
หามาใช้ด่วน ดีแน่นอน คอนเฟิม ลองหาดู อันนี้เราซื้อมานานมากกกกแล้ว ห้าปีอัพ อาจจะมีเวอร์ชั่นที่อัพเดทกว่า จัดเลยจ้า
ติดตามมาตั้งแต่กระทู้ที่แล้วมีประโยชน์มาครับ
อ่านแล้วน้ำตาจะใหล ขอบคุณน้า
ขอกราบเจ้าของกระทู้งามๆค่ะ
กระทู้ดีงามมาก ครูเคยบอกให้ซื้อdict eng-eng แต่ซื้อเล่มเล็กมาเพราะงกนั่นเอง5555 ตอนนี้ต้องเก็บเงินซื้อเล่มใหญ่แล้ว ขอบคุณจขกท.มากนะคะ : )
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?