อยากถามว่าก่อนจะมาลงมือเขียนอ่านกันเยอะแค่ไหน
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
32 ความคิดเห็น
อ่านประมาณ 25 ปีถึงเริ่มเขียนเล่มแรกค่ะ เขียนแล้วได้ตีพิมพ์เลย
อ่านทุกแนว เรียกว่าเป็นหนอนหนังสือ ขอให้เป็นตัวหนังสือบนกระดาษ (สมัยก่อนยังไม่มีเน็ตเนอะ) อ่านได้หมด ถุงกล้วยแขกก็อ่านค่ะ ขอให้เป็นตัวหนังสือ
ก่อนมาแต่ง ชอบอ่านการ์ตูนและนิยายมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ
แต่พอมาแต่งกลับไม่ค่อยได้อ่าน
อ่านหลายเล่มอยู่ครับ ประมาณ 7 เล่มได้มั้ง
ผมชอบอ่านนิยายสยองขวัญ แต่ว่าไม่มีเล่มไหนอยู่ในดวงใจเลย (ก็เพราะเลือกอ่านเฉพาะฉาก NC เลือดท่วมเท่านั้นนี่นะ ส่วนเจ็ดเล่มนั่นคือจำนวนเล่มที่อ่านครบทุกหน้า) เรียกว่าไม่เคยได้แตะแนวอื่นเลย แล้วตอนที่เดินเข้าไปเลือกหนังสือก็เกิดสนใจนิยายเรื่องหนึ่งขึ้นมาแล้วเห็นมีแนวที่ซ้ำกันหลายเล่มมากบนชั้นหนังสือก็เลยมีความคิดที่อยากจะแต่งให้มันมีความแตกต่างบ้าง สุดท้ายก็กลายมาเป็นนิยาย "แฟนตาซี" เรื่องแรกครับ
จำนวนไม่สำคัญ สำคัญที่ความเข้าใจ
อ่านกี่เล่มก็ตามจะมากจะน้อย อ่านจนกว่าจะเข้าใจว่าควรจะเขียนอย่างไร
มันจะเกิดความรู้สึกเหมือนมีแสงสว่างสีขาวปรากฏอยู่ตรงหน้า เพิ่มซาวด์เอฟเฟค พริ้ง
พร้อมกับมีเสียงแว่วมาว่า "อ๋อเขาเขียนกันอย่างนี้นี่เอง" เพ้ออ๊ะเป่าเนี่ย
อยากเขียนแนวไหนก็อ่านแนวนั้นประมาณว่าเอามาเป็นตัวอย่าง
มีบางคนที่เริ่มจากการไม่อ่านมาก่อน แล้วพอแต่งจบก็ต้องมารีไรท์อีกรอบ ใครหนอ - -"
ผมเองหลังจากอ่านนิยายจบแค่สองเรื่องก็เริ่มเขียนเรื่องที่สองเลยทันที ต่อมาก็เริ่มรีไรท์
เรื่องแรกตามมา จากนั้นค่อยอ่านเรื่องที่สาม ถึงจะเขียนแล้วก็ควรอ่านเพิ่มอีกเรื่อยๆ นะ
ถ้าการ์ตูนล่ะก็ เยอะขนาดเปิดร้านหนังสือได้เลยครับ
แต่ว่าจุดเริ่มต้นการเขียนนิยายผมไม่ได้มาจากการอ่านนะครับ
ความชอบในเกมๆหนึ่งล้วนๆเลย แล้วก็มาเป็นแฟนฟิคในเวลาต่อมา แล้วมาเป็นนิยายออริจินัลในทุกวันนี้
แล้วมาถึงจุดนี้ก็บอกได้เลยว่า ผมไม่ใช่คนชอบวิชาภาษาไทยอะไรมากมายตั้งแต่ประถมล่ะ นิยายก็แทบไม่ได้อ่าน
หนังสืออ่านเยอะมีผลไหม?
ก็ตอบได้ว่ามีแน่ๆกับข้อมูลและแนวทางครับ แต่มันจะมีผลต่องานเขียนหรือไม่ อันนั้นขึ้นกับทักษะการเรียนรู้และประยุกต์ใช้สร้างไอเดียเรื่อง อีกส่วนก็มาจากการฝึกเกลาทักษะการเขียน
ส่วนนี้ใครอ่านมากได้เปรียบมากครับ
แต่ถ้าไม่ชอบอ่านก็ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งนิยายไม่ดีแต่อย่างใด
อนึ่ง โดยส่วนตัวแล้วข้อมูลและไอเดียทั้งหลายที่ผมได้มาแต่งนิยายนี่ ถ้าเทียบอัตราส่วนแล้ว ได้มาจากการดู ฟัง และประสบการณ์ตรง มากเสียกว่าการอ่านอีกครับ (แต่ที่อ่านๆมาก็ไม่ได้น้อยเน้อ)
สำหรับเราน่ะ
ชอบเรียนภาษาไทยมาก ชอบฟัง ชอบดู อะไรก็ตามที่เราสนใจ บางทีชอบอ่านหนังสือเรียนบางวิชาที่สนใจ บางทีชอบอ่านข่าวที่สนใจ
อะไรก็ตามที่เราสนใจ ถ้ามีอะไรมากพอให้อ่าน ดู ฟัง เราก็จะพุ่งไปหา ส่วนนิยายน้อยเล่มนักที่อ่านจบ (เลยแต่งนิยายได้ไม่เหมือนนิยาย)
ที่สนใจการแต่งนิยาย น่าจะเพราะชอบการเรียงถ้อยคำและภาพที่เกิดมันสวยงามค่ะ
เหอๆ ว่าไงดี ผมไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนเลย T^T
-ที่อ่านมีแต่หนังสือเรียนและความรู้รอบตัว
แล้วนิยายมันก็เละตามสภาพ.....
เราอ่านนิยายเริ่มจากป.4ถึงม.4 ซึ่งก็คือปัจจุบัน รวมๆก็ 6 ปีกว่าแล้ว แต่ช่วงที่เราเริ่มคิดอยากแต่งนิยายอย่างจริงจังคือตอนม.1
นับเป็นเล่มไม่ไหวครับ ปกติอ่านหนังสือทุกวัน เดือนนึงก็ตกสามสี่เล่ม ขึ้นอยู่กับความหนา กว่าจะเริ่มเขียนครั้งแรก ก็หลายร้อยอยู่ครับ
อ่านมากมายหลายแนว แล้วแต่อารมณ์ในช่วงนั้น มีบางแนวที่ไม่อ่านเลย และบางแนวเคยอ่านแต่ลิกไปแล้วครับ
-จำนวน? ตั้งแต่ยังอ่านหนังสือไม่ออก(ก่อนอนุบาล) ก็ซื้อมาให้น้าอ่านให้ฟังครับ เอาเงินค่าขนมที่ได้มาแทนที่จะซื้อขนมก็ไม่ซื้อเก็บไปอาทิตย์- 2 หรือ 3อาทิตย์ ก็ซื้อไปให้น้าอ่านให้ (เล่มใหม่) สำหรับเล่มเก่าก็หยิบไปให้น้าอ่านให้ จนอ่านเองได้ก็เลิกให้น้าอ่านให้ฟ้ง สำหรับจำนวนคงนับไม่ไหวมั้งครับ เพราะอ่านเกือบตลอดเวลาที่ว่าง
-แนวไหน? ก็ทุกแนวแหละ อยากอ่านแนวไหนก็ลองให้หมดจะได้รู้
จะว่าไงดี... อ่านเล่มเดียวแล้วก็ชอบ ปกติก็ดูการ์ตูน และเคยวาดการ์ตูนที่แต่งเนื้อเรื่องเอง...พอเขียนนิยายก็มีแต่พวกเพื่อนอ่านกันเองน่ะ ก็เลยตามสภาพ...
เอาจริง ๆ นะครับ ตอนป.1 ผมอ่านหนังสือเรียนป.6 ไปไม่รู้กี่เล่มแล้ว
#จริง ๆ นะ
อ่านหลายร้อยเรื่อง หลายสิบเล่มค่ะ อ่านมา5ปี
.
.
.
นิยายเรื่องแรกแฟนตาซี-ดราม่าค่ะ
โอ้ ไม่ได้นับหรอกค่ะ ก็ตั้งแต่จำความได้ก็รู้สึกว่าชอบอ่านหนังสือแล้ว
อ่านทุกแนวตั้งแต่การ์ตูน นิตยสาร หนังสือเรียน หนังสือธรรมะ หนังสือแนวจิตวิทยา
นวนิยาย เรื่องสั้น อ่านทุกประเภทเลยค่ะ
แต่ส่วนตัวชอบอ่านนวนิยาย อ่านมาเรื่อยๆ จนประมาณ ม.1 - ม.2
ก็เริ่มอยากแต่งเองขึ้นมา ก็เลยกลายมาเป็นคนแต่งไปด้วยเลยเสียอย่างนั้น แหะๆ
อ่านมา 30 ปีค่ะ จำนวนคงนับไม่ถ้วน อ่านหลายแนวมาก ทั้งโรมานซ์ การ์ตูน วรรณกรรมเยาวชน ชีวประวัติ สืบสวน ลึกลับ เริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกตอน ม.3 ล่มไม่เป็นท่า เริ่มเขียนอีกทีเมื่อสักปีสองปีมานี่ ยังไม่จบ แล้วจู่ๆ ก็นั่งอ่านเป็นบ้าเป็นหลังอีกรอบ แล้วหยุดอ่าน เพื่อมาเขียนเรื่องแรกลงเว็บนี่แหละ นี่เลยเป็นเรื่องแรกที่เขียนจบ
ไม่ใช่อ่านนิยายมากอย่างเดียว ดูหนังมากด้วย แล้วก็โชคดีได้เรียนอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องขีดๆ เขียนๆ เลยลองเอามาใช้ดู ยังไม่รู้ว่าจะเวิร์กไหม คงต้องใช้เวลาค่ะ
ผมอ่านมาก่อนสัก 3 - 4 เล่มก่อนจะเขียนเรื่องแรก นี่นับเฉพาะนวนิยายนะ
จนบัดนี้ก็นับเป็น 10 เล่มๆ ได้
งานเขียนที่อ่านหลังๆ มานี้ คือ พล นิกร กิมหงวน ของ ป. อินทรปาลิต
ที่นักเขียนชั้นครูหลายคน ยืนยันมาตรงกันว่าเป็นครูชั้นดีของผู้ที่จะเป็นนักเขียน
แต่ถ้าเรื่องสำนวนภาษา ชอบงานเขียนของคุณหญิงวินิตา (แก้วเก้า/ว.วินิจฉัยกุล)
รู้สึกว่าสำนวนเขียนมาแบบชวนหลงใหล...และตรงใจทีเดียว
ชอบสามเกลอเหมือนกันค่ะ
สำหรับพี่อ่านเยอะมากค่ะ เริ่มจากการ์ตูนเล่มละบาท ไปจนการ์ตูนขายหัวเราะ และมาอ่านมังงะ แล้วมาจบที่นิยาย พี่ชอบอ่านมาตั้งแต่แต่เด็กๆแล้วละค่ะ หากถามว่านานไหมกว่าจะมาเขียน นานมากค่ะ
การอ่านกับการเขียนนี้มันคนละอย่างเลยนะคะ การอ่านมันใช้จินตการ มันทำให้เราสนุก มีความสุขกับการโลดแล่นของตัวละคร เหมือนเราหลุดเข้าไปแสดงในนั้นด้วย ส่วนการเขียนจินตนาการอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีปัจจัยหลายอย่างร่วมด้วย กว่าเราจะเขียนได้แต่ละบทมันต้องใช้เวลา ปัญหาที่ตามมาก็มีเยอะ ทั้งคำผิด รูปประโยคแปลก ความรู้ที่คับแคบ หรือแม้แต่การเขียนที่สื่อไม่ถึงคนอ่าน และอื่นๆอีกมากมาย ฯล
ตอนพี่เขียนนิยายเรื่องแรกพี่ก็ใช้แค่ใจที่นึกอยากจะเขียนเท่านั้นค่ะ แต่ตอนนั้นไม่กล้าพอที่จะลงให้ใครอ่านหรอก เก็บไว้อ่านเองหลายปีกว่าจะเอามาลงที่เด็กดี ก็ประมาณปีกว่าๆได้แล้วนะคะที่พี่สิงอยู่ที่นี้ ทุกวันนี้พี่เขียนนิยายอยู่ 7เรื่อง จบแล้วหนึ่งเรื่อง รอจบอีกหนึ่งเรื่อง และยังดองอยู่อีก ห้าเรื่องค่ะ
ที่พี่จะบอกก็คือการเขียนอะไรสักเรื่อง มันไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องใช้ทั้งใจ ทั้งประสบการณ์ ทั้งความรู้ เราต้องเรียนรู้ศึกษาอะไรหลายๆอย่างตลอดเวลา เพื่อเป็นแนวทางในการเขียนผลงานดีๆสักเรื่อง การเขียนทำให้โลกเราเปิดกว้าง ในขณะเดียวกันการอ่านก็ทำให้เราเข้าใจอะไรได้มากขึ้นเช่นกัน ตอนพี่เขียนพี่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะคำนึงเสมอว่าตนเป็นเพียงนัก(หัด)เขียนที่ประสบการณ์ไม่กว้างไกลนัก เราไม่ได้ค่าตอบแทนเป็นเม็ดเงินที่จับต้องได้ แต่เราจะได้ความสุขจากกำลังใจจากคนอ่านที่ชื่นชอบในผลงานของเรา มันมีค่าพอให้เราอดหลับอดนอนเพื่ออัพนิยายสักตอนสองตอนเลยนะคะ มันเป็นความสุขของคนเขียนนะคะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเอาเป็นว่ามันคือความสุขเล็กๆนั้นละคะ เลยยังมาเขียนเช่นทุกวันนี้
แต่ว่า...เดี๋ยวนี้เขาก็มีระบบซื้อขายในเว็บแล้วละนะ ถ้าอยากเขียนเพื่อได้เม็ดเงินบ้าง ก็ไม่เสียหายอะไรนะ ฮ่าๆ สู้ๆค่ะ ถ้าอยากลองเขียนนิยายสักเรื่องก็เอามาลงโปรโมทบอกกันได้นะ พี่จะเข้าไปติดตามอ่านทันทีเลยค่ะ
เกิดไม่ทันครับ การ์ตูนเล่มละบาท
จำได้ว่าเอาเงินค่าขนมมาซื้อการ์ตูนตอนเล่มละ 5 บาทเป็นเล่มแรก
แหม่...เลยกลายเป็นรู้เลยว่าพี่แก่แล้ว ฮ่าๆ จำได้ว่าพี่เคยอ่าน บุปผาราตรี ฉบับการ์ตูนมาก่อนที่จะเอามาทำหนังอีกนะ ฮ่าๆ รุ่นนี้ยังจะมีเก็บกันบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้
เยอะแต่ไหน? .... คงพูดได้แค่ว่าอ่านจนต้องย้ายแหล่งอ่านจากภาษาไทยไปอังกฤษเลยทีเดียว อ่านลืมหูลืมตาจนเกรดปลิวหาย อ่านจนมันเหลือแต่แนวที่ทำใจอ่านไม่ได้ก็ย้ายถิ่นไปสิงสถิตที่เว็ปภาษาอังกฤษ อ่านอังกฤษได้ประมาณครึ่งร้อยเรื่องก็เริ่มแต่งนิยายค่ะ มันเป็นอะไรที่ทึ่งตัวเองมาก อ่านตั้งแต่นิยายที่มี 1-2 ตอนไปจนถึง 1000+ ตอนแล้วมาย้อนดูว่าอ่านไปเท่าไหร่ก็มึนเหมือนกันค่ะ เหมือนถามว่าหายใจไปกี่ครั้งแล้วชีวิตนี้ เป็นความบันเทิงส่วนตัวที่เวลาอ่านแล้วเพื่อนถามว่าบ้ารึปล่าว นั่งยิ้มนั่งหัวเราะคนเดียว บางครั้งดราม่า เดี๋ยวนี้ต้องพกผ้าเช็ดหน้าค่ะ น้ำตาไหลแล้วอายเพื่อน //ความเศร้าชนะความอายสุดท้ายก็ร้องอยู่ดี
นี่คือการไล่ไทม์ไลน์ชีวิตติดหนังสือ
เป็นพวกหนอนหนังสือตั้งแต่เริ่มอ่านหนังสือได้เลย อ่านได้ทุกแนว เริ่มแรกจากการ์ตูนอย่างขายหัวเราะ ปังปอนด์ เรื่องผีที่เล่มละห้าบาท(เดี๋ยวนี้แพงขึ้นเยอะ) หนูหิ่น ลามมาเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างวันพีซ โดเรม่อนฯลฯ แต่ที่ติดสุดๆตอนนั้นคือรามเกียรติ์ที่เป็นฉบับการ์ตูนสี่สี มีครบทุกเล่ม อ่านแล้วอ่านอีก เห็นนิตยสาร นสพ. ต้องรีบเข้าไปหยิบอ่านมันทั้งเล่ม หลังจากนั้นเริ่มอ่านนิยายแนวสยองขวัญ ตั้งแต่แบบกะโหลกกะลาถึงขั้นแอดวานซ์ มาเริ่มอ่านแจ่มใสอย่างจริงๆจังๆเมื่อสิบปีที่แล้ว สะสมแจ่มใสเป็นบ้าเป็นหลัง พอเบื่อๆรักหวานแหววก็อ่านแนวจิตวิทยา ฮาวทู ปัจจุบันนี้เป็นคอนิยายจีนแปลและแฟนตาซี
เวลาแวะปั๊มระหว่างเดินทางแล้วเจอโซนหนังสือ(ต่อให้มันเป็นแค่ชั้นติดเคาน์เตอร์)มักจะซื้อติดมืออย่างน้อยหนึ่งเล่ม แนวไหนก็ได้ อีกอย่างที่คิดว่าช่วยให้เรารักการอ่านคือการเรียนวิชาภาษาไทย อย่าอคติกับมัน เวลาอ่านวรรณคดีไทยเราจะรู้สึกอัศจรรย์ใจทุกครั้ง รับรู้ถึงความละเมียดละไมในตัวอักษร
อ่านทั้งสิ้นรวมๆแล้วประมาณ 13 ปี
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?