Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากถามว่าก่อนจะมาลงมือเขียนอ่านกันเยอะแค่ไหน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
มาตั้งกระทู้อีกแล้วด้วยความสงสัยและเพื่อนก็ถามเรา คืออยากรู้ค่ะ เพราะเราเห็นบางคนอ่านกันเยอะมาก
เลยอยากรู้ว่าของนักเขียนแต่ละคนนี่จุดเริ่มต้นของการอ่าน อ่านจากหนังสือประเภทไหนแนวไหน แล้วอ่านประมาณกี่เล่มถึงลงมือเขียนกัน อยากรู้จริงๆ 

แสดงความคิดเห็น

32 ความคิดเห็น

โรส รุ่งธิวา โรเซลลา 9 ก.ค. 59 เวลา 15:08 น. 1-1

อ่านทุกแนว เรียกว่าเป็นหนอนหนังสือ ขอให้เป็นตัวหนังสือบนกระดาษ (สมัยก่อนยังไม่มีเน็ตเนอะ) อ่านได้หมด ถุงกล้วยแขกก็อ่านค่ะ ขอให้เป็นตัวหนังสือ

0
_jamjun_ 9 ก.ค. 59 เวลา 15:09 น. 2

ก่อนมาแต่ง ชอบอ่านการ์ตูนและนิยายมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ

แต่พอมาแต่งกลับไม่ค่อยได้อ่าน 

0
lb'skLyrmN 9 ก.ค. 59 เวลา 15:41 น. 3

อ่านหลายเล่มอยู่ครับ ประมาณ 7 เล่มได้มั้ง
ผมชอบอ่านนิยายสยองขวัญ แต่ว่าไม่มีเล่มไหนอยู่ในดวงใจเลย (ก็เพราะเลือกอ่านเฉพาะฉาก NC เลือดท่วมเท่านั้นนี่นะ ส่วนเจ็ดเล่มนั่นคือจำนวนเล่มที่อ่านครบทุกหน้า) เรียกว่าไม่เคยได้แตะแนวอื่นเลย แล้วตอนที่เดินเข้าไปเลือกหนังสือก็เกิดสนใจนิยายเรื่องหนึ่งขึ้นมาแล้วเห็นมีแนวที่ซ้ำกันหลายเล่มมากบนชั้นหนังสือก็เลยมีความคิดที่อยากจะแต่งให้มันมีความแตกต่างบ้าง สุดท้ายก็กลายมาเป็นนิยาย "แฟนตาซี" เรื่องแรกครับ

0
เจ้า(แมวน้ำ)ขาว 9 ก.ค. 59 เวลา 17:08 น. 4

จำนวนไม่สำคัญ สำคัญที่ความเข้าใจ

อ่านกี่เล่มก็ตามจะมากจะน้อย  อ่านจนกว่าจะเข้าใจว่าควรจะเขียนอย่างไร  
มันจะเกิดความรู้สึกเหมือนมีแสงสว่างสีขาวปรากฏอยู่ตรงหน้า  เพิ่มซาวด์เอฟเฟค พริ้ง
พร้อมกับมีเสียงแว่วมาว่า "อ๋อเขาเขียนกันอย่างนี้นี่เอง" เพ้ออ๊ะเป่าเนี่ย
อยากเขียนแนวไหนก็อ่านแนวนั้นประมาณว่าเอามาเป็นตัวอย่าง

มีบางคนที่เริ่มจากการไม่อ่านมาก่อน  แล้วพอแต่งจบก็ต้องมารีไรท์อีกรอบ ใครหนอ - -"

ผมเองหลังจากอ่านนิยายจบแค่สองเรื่องก็เริ่มเขียนเรื่องที่สองเลยทันที  ต่อมาก็เริ่มรีไรท์
เรื่องแรกตามมา  จากนั้นค่อยอ่านเรื่องที่สาม  ถึงจะเขียนแล้วก็ควรอ่านเพิ่มอีกเรื่อยๆ นะ

  

0
K.W.E. 9 ก.ค. 59 เวลา 19:39 น. 5

ถ้าการ์ตูนล่ะก็ เยอะขนาดเปิดร้านหนังสือได้เลยครับ

แต่ว่าจุดเริ่มต้นการเขียนนิยายผมไม่ได้มาจากการอ่านนะครับ
ความชอบในเกมๆหนึ่งล้วนๆเลย แล้วก็มาเป็นแฟนฟิคในเวลาต่อมา แล้วมาเป็นนิยายออริจินัลในทุกวันนี้

แล้วมาถึงจุดนี้ก็บอกได้เลยว่า ผมไม่ใช่คนชอบวิชาภาษาไทยอะไรมากมายตั้งแต่ประถมล่ะ นิยายก็แทบไม่ได้อ่าน

หนังสืออ่านเยอะมีผลไหม?
ก็ตอบได้ว่ามีแน่ๆกับข้อมูลและแนวทางครับ แต่มันจะมีผลต่องานเขียนหรือไม่ อันนั้นขึ้นกับทักษะการเรียนรู้และประยุกต์ใช้สร้างไอเดียเรื่อง อีกส่วนก็มาจากการฝึกเกลาทักษะการเขียน

ส่วนนี้ใครอ่านมากได้เปรียบมากครับ
แต่ถ้าไม่ชอบอ่านก็ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งนิยายไม่ดีแต่อย่างใด

อนึ่ง โดยส่วนตัวแล้วข้อมูลและไอเดียทั้งหลายที่ผมได้มาแต่งนิยายนี่ ถ้าเทียบอัตราส่วนแล้ว ได้มาจากการดู ฟัง และประสบการณ์ตรง มากเสียกว่าการอ่านอีกครับ (แต่ที่อ่านๆมาก็ไม่ได้น้อยเน้อ)

0
นิทราสวัสดิ์ 9 ก.ค. 59 เวลา 21:09 น. 6

สำหรับ​เราน่ะ
ชอบเรียนภาษาไทยมาก ชอบฟัง ชอบดู อะไรก็ตามที่เราสนใจ  บางทีชอบอ่านหนังสือเรียนบางวิชาที่สนใจ  บางทีชอบอ่านข่าวที่สนใจ

อะไรก็ตามที่เราสนใจ ถ้ามีอะไรมากพอให้อ่าน ดู ฟัง เราก็จะพุ่งไปหา  ส่วนนิยายน้อยเล่มนักที่อ่านจบ (เลยแต่งนิยายได้ไม่เหมือนนิยาย)

ที่สนใจการแต่งนิยาย น่าจะเพราะชอบการเรียงถ้อยคำและภาพที่เกิดมันสวยงามค่ะ

0
m13ss 9 ก.ค. 59 เวลา 21:42 น. 7

เหอๆ ว่าไงดี ผมไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนเลย  T^T

-ที่อ่านมีแต่หนังสือเรียนและความรู้รอบตัว


แล้วนิยายมันก็เละตามสภาพ.....

0
Lánhuā兰花 9 ก.ค. 59 เวลา 23:22 น. 8
เริ่มจากหนังสือเรียนค่ะ
      แหะๆ แรกๆก็เริ่มอ่านจากหนังสือเรียนจริงๆค่ะ แต่ถ้าเป็นหนังสือที่ชักนำเข้าสู่เส้นทางของการเขียนนิยาย ก็คือหนังสือนิยายนั่นแล...

      เราอ่านนิยายเริ่มจากป.4ถึงม.4 ซึ่งก็คือปัจจุบัน รวมๆก็ 6 ปีกว่าแล้ว แต่ช่วงที่เราเริ่มคิดอยากแต่งนิยายอย่างจริงจังคือตอนม.1 
      ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากอ่านนิยาย โรคตาลายและง่วงเวลาอ่านหนังสือก็หายไป มาวันนี้กลับรู้สึกชอบการอ่านมากๆจากเกลียดมากๆเช่นกัน ยิ่งพวกประวัติศาสตร์แต่ก่อนเกลียดเข้าไส้ ตอนนี้กลับเริ่มมีหนังสือพวกนี้ติดบ้านบ้างแล้ว 
      ส่วนที่ถามว่ากี่เล่มแล้วที่อ่าน...แน่นอนว่าตอบไม่ได้ค่ะ เราก็จำไม่ได้แล้วเพราะไม่ได้นับ 
แต่ตอบได้คร่าวๆว่า อ่านอยู่สามปีถึงได้คิดแต่งขึ้นมา
0
คุณพีทคุง พิธันดร 10 ก.ค. 59 เวลา 06:21 น. 9

นับเป็นเล่มไม่ไหวครับ ปกติอ่านหนังสือทุกวัน เดือนนึงก็ตกสามสี่เล่ม ขึ้นอยู่กับความหนา กว่าจะเริ่มเขียนครั้งแรก ก็หลายร้อยอยู่ครับ

อ่านมากมายหลายแนว แล้วแต่อารมณ์ในช่วงนั้น มีบางแนวที่ไม่อ่านเลย และบางแนวเคยอ่านแต่ลิกไปแล้วครับ

0
akiba 10 ก.ค. 59 เวลา 10:33 น. 10

-จำนวน? ตั้งแต่ยังอ่านหนังสือไม่ออก(ก่อนอนุบาล) ก็ซื้อมาให้น้าอ่านให้ฟังครับ เอาเงินค่าขนมที่ได้มาแทนที่จะซื้อขนมก็ไม่ซื้อเก็บไปอาทิตย์- 2 หรือ 3อาทิตย์ ก็ซื้อไปให้น้าอ่านให้ (เล่มใหม่) สำหรับเล่มเก่าก็หยิบไปให้น้าอ่านให้ จนอ่านเองได้ก็เลิกให้น้าอ่านให้ฟ้ง สำหรับจำนวนคงนับไม่ไหวมั้งครับ เพราะอ่านเกือบตลอดเวลาที่ว่าง
-แนวไหน? ก็ทุกแนวแหละ อยากอ่านแนวไหนก็ลองให้หมดจะได้รู้

0
AomAndYou 10 ก.ค. 59 เวลา 10:39 น. 11

จะว่าไงดี... อ่านเล่มเดียวแล้วก็ชอบ ปกติก็ดูการ์ตูน และเคยวาดการ์ตูนที่แต่งเนื้อเรื่องเอง...พอเขียนนิยายก็มีแต่พวกเพื่อนอ่านกันเองน่ะ ก็เลยตามสภาพ...

0
ร่มพิรุณรื่น 10 ก.ค. 59 เวลา 19:20 น. 14

โอ้  ไม่ได้นับหรอกค่ะ  ก็ตั้งแต่จำความได้ก็รู้สึกว่าชอบอ่านหนังสือแล้ว
อ่านทุกแนวตั้งแต่การ์ตูน นิตยสาร หนังสือเรียน หนังสือธรรมะ หนังสือแนวจิตวิทยา
นวนิยาย เรื่องสั้น อ่านทุกประเภทเลยค่ะ 
แต่ส่วนตัวชอบอ่านนวนิยาย  อ่านมาเรื่อยๆ จนประมาณ ม.1 - ม.2
ก็เริ่มอยากแต่งเองขึ้นมา ก็เลยกลายมาเป็นคนแต่งไปด้วยเลยเสียอย่างนั้น แหะๆ

0
stima 10 ก.ค. 59 เวลา 20:02 น. 15

อ่านมา 30 ปีค่ะ จำนวนคงนับไม่ถ้วน อ่านหลายแนวมาก ทั้งโรมานซ์ การ์ตูน วรรณกรรมเยาวชน ชีวประวัติ สืบสวน ลึกลับ เริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกตอน ม.3 ล่มไม่เป็นท่า เริ่มเขียนอีกทีเมื่อสักปีสองปีมานี่ ยังไม่จบ แล้วจู่ๆ ก็นั่งอ่านเป็นบ้าเป็นหลังอีกรอบ แล้วหยุดอ่าน เพื่อมาเขียนเรื่องแรกลงเว็บนี่แหละ นี่เลยเป็นเรื่องแรกที่เขียนจบ
ไม่ใช่อ่านนิยายมากอย่างเดียว ดูหนังมากด้วย แล้วก็โชคดีได้เรียนอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องขีดๆ เขียนๆ เลยลองเอามาใช้ดู ยังไม่รู้ว่าจะเวิร์กไหม คงต้องใช้เวลาค่ะ

0
Worapat Yommana 10 ก.ค. 59 เวลา 20:07 น. 16

ผมอ่านมาก่อนสัก 3 - 4 เล่มก่อนจะเขียนเรื่องแรก นี่นับเฉพาะนวนิยายนะ
จนบัดนี้ก็นับเป็น 10 เล่มๆ ได้

งานเขียนที่อ่านหลังๆ มานี้ คือ พล นิกร กิมหงวน ของ ป. อินทรปาลิต
ที่นักเขียนชั้นครูหลายคน ยืนยันมาตรงกันว่าเป็นครูชั้นดีของผู้ที่จะเป็นนักเขียน
แต่ถ้าเรื่องสำนวนภาษา ชอบงานเขียนของคุณหญิงวินิตา (แก้วเก้า/ว.วินิจฉัยกุล)
รู้สึกว่าสำนวนเขียนมาแบบชวนหลงใหล...และตรงใจทีเดียว

1
Patcha_พัชรวลี 10 ก.ค. 59 เวลา 21:12 น. 17

สำหรับพี่อ่านเยอะมากค่ะ เริ่มจากการ์ตูนเล่มละบาท ไปจนการ์ตูนขายหัวเราะ และมาอ่านมังงะ แล้วมาจบที่นิยาย พี่ชอบอ่านมาตั้งแต่แต่เด็กๆแล้วละค่ะ หากถามว่านานไหมกว่าจะมาเขียน นานมากค่ะ

การอ่านกับการเขียนนี้มันคนละอย่างเลยนะคะ การอ่านมันใช้จินตการ มันทำให้เราสนุก มีความสุขกับการโลดแล่นของตัวละคร เหมือนเราหลุดเข้าไปแสดงในนั้นด้วย ส่วนการเขียนจินตนาการอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีปัจจัยหลายอย่างร่วมด้วย กว่าเราจะเขียนได้แต่ละบทมันต้องใช้เวลา ปัญหาที่ตามมาก็มีเยอะ ทั้งคำผิด รูปประโยคแปลก ความรู้ที่คับแคบ หรือแม้แต่การเขียนที่สื่อไม่ถึงคนอ่าน และอื่นๆอีกมากมาย ฯล

ตอนพี่เขียนนิยายเรื่องแรกพี่ก็ใช้แค่ใจที่นึกอยากจะเขียนเท่านั้นค่ะ แต่ตอนนั้นไม่กล้าพอที่จะลงให้ใครอ่านหรอก เก็บไว้อ่านเองหลายปีกว่าจะเอามาลงที่เด็กดี ก็ประมาณปีกว่าๆได้แล้วนะคะที่พี่สิงอยู่ที่นี้ ทุกวันนี้พี่เขียนนิยายอยู่ 7เรื่อง จบแล้วหนึ่งเรื่อง รอจบอีกหนึ่งเรื่อง และยังดองอยู่อีก ห้าเรื่องค่ะ

ที่พี่จะบอกก็คือการเขียนอะไรสักเรื่อง มันไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องใช้ทั้งใจ ทั้งประสบการณ์ ทั้งความรู้ เราต้องเรียนรู้ศึกษาอะไรหลายๆอย่างตลอดเวลา เพื่อเป็นแนวทางในการเขียนผลงานดีๆสักเรื่อง การเขียนทำให้โลกเราเปิดกว้าง ในขณะเดียวกันการอ่านก็ทำให้เราเข้าใจอะไรได้มากขึ้นเช่นกัน ตอนพี่เขียนพี่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะคำนึงเสมอว่าตนเป็นเพียงนัก(หัด)เขียนที่ประสบการณ์ไม่กว้างไกลนัก เราไม่ได้ค่าตอบแทนเป็นเม็ดเงินที่จับต้องได้ แต่เราจะได้ความสุขจากกำลังใจจากคนอ่านที่ชื่นชอบในผลงานของเรา มันมีค่าพอให้เราอดหลับอดนอนเพื่ออัพนิยายสักตอนสองตอนเลยนะคะ มันเป็นความสุขของคนเขียนนะคะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเอาเป็นว่ามันคือความสุขเล็กๆนั้นละคะ เลยยังมาเขียนเช่นทุกวันนี้  

แต่ว่า...เดี๋ยวนี้เขาก็มีระบบซื้อขายในเว็บแล้วละนะ ถ้าอยากเขียนเพื่อได้เม็ดเงินบ้าง ก็ไม่เสียหายอะไรนะ ฮ่าๆ สู้ๆค่ะ ถ้าอยากลองเขียนนิยายสักเรื่องก็เอามาลงโปรโมทบอกกันได้นะ พี่จะเข้าไปติดตามอ่านทันทีเลยค่ะ 
 

2
akiba 10 ก.ค. 59 เวลา 22:20 น. 17-1

เกิดไม่ทันครับ การ์ตูนเล่มละบาท

จำได้ว่าเอาเงินค่าขนมมาซื้อการ์ตูนตอนเล่มละ 5 บาทเป็นเล่มแรกเยี่ยม

0
Patcha_พัชรวลี 10 ก.ค. 59 เวลา 23:18 น. 17-2

แหม่...เลยกลายเป็นรู้เลยว่าพี่แก่แล้ว ฮ่าๆ จำได้ว่าพี่เคยอ่าน บุปผาราตรี ฉบับการ์ตูนมาก่อนที่จะเอามาทำหนังอีกนะ ฮ่าๆ รุ่นนี้ยังจะมีเก็บกันบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้
ขำ

0
มงกุฏปลอม 10 ก.ค. 59 เวลา 22:02 น. 18

เยอะแต่ไหน? .... คงพูดได้แค่ว่าอ่านจนต้องย้ายแหล่งอ่านจากภาษาไทยไปอังกฤษเลยทีเดียว อ่านลืมหูลืมตาจนเกรดปลิวหาย อ่านจนมันเหลือแต่แนวที่ทำใจอ่านไม่ได้ก็ย้ายถิ่นไปสิงสถิตที่เว็ปภาษาอังกฤษ อ่านอังกฤษได้ประมาณครึ่งร้อยเรื่องก็เริ่มแต่งนิยายค่ะ มันเป็นอะไรที่ทึ่งตัวเองมาก อ่านตั้งแต่นิยายที่มี 1-2 ตอนไปจนถึง 1000+ ตอนแล้วมาย้อนดูว่าอ่านไปเท่าไหร่ก็มึนเหมือนกันค่ะ เหมือนถามว่าหายใจไปกี่ครั้งแล้วชีวิตนี้ เป็นความบันเทิงส่วนตัวที่เวลาอ่านแล้วเพื่อนถามว่าบ้ารึปล่าว นั่งยิ้มนั่งหัวเราะคนเดียว บางครั้งดราม่า เดี๋ยวนี้ต้องพกผ้าเช็ดหน้าค่ะ น้ำตาไหลแล้วอายเพื่อน //ความเศร้าชนะความอายสุดท้ายก็ร้องอยู่ดี

0
Petetra 10 ก.ค. 59 เวลา 22:45 น. 20

นี่คือการไล่ไทม์ไลน์ชีวิตติดหนังสือ
เป็นพวกหนอนหนังสือตั้งแต่เริ่มอ่านหนังสือได้เลย อ่านได้ทุกแนว เริ่มแรกจากการ์ตูนอย่างขายหัวเราะ ปังปอนด์ เรื่องผีที่เล่มละห้าบาท(เดี๋ยวนี้แพงขึ้นเยอะ) หนูหิ่น ลามมาเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างวันพีซ โดเรม่อนฯลฯ แต่ที่ติดสุดๆตอนนั้นคือรามเกียรติ์ที่เป็นฉบับการ์ตูนสี่สี มีครบทุกเล่ม อ่านแล้วอ่านอีก เห็นนิตยสาร นสพ. ต้องรีบเข้าไปหยิบอ่านมันทั้งเล่ม หลังจากนั้นเริ่มอ่านนิยายแนวสยองขวัญ ตั้งแต่แบบกะโหลกกะลาถึงขั้นแอดวานซ์ มาเริ่มอ่านแจ่มใสอย่างจริงๆจังๆเมื่อสิบปีที่แล้ว สะสมแจ่มใสเป็นบ้าเป็นหลัง พอเบื่อๆรักหวานแหววก็อ่านแนวจิตวิทยา ฮาวทู ปัจจุบันนี้เป็นคอนิยายจีนแปลและแฟนตาซี
เวลาแวะปั๊มระหว่างเดินทางแล้วเจอโซนหนังสือ(ต่อให้มันเป็นแค่ชั้นติดเคาน์เตอร์)มักจะซื้อติดมืออย่างน้อยหนึ่งเล่ม แนวไหนก็ได้ อีกอย่างที่คิดว่าช่วยให้เรารักการอ่านคือการเรียนวิชาภาษาไทย อย่าอคติกับมัน เวลาอ่านวรรณคดีไทยเราจะรู้สึกอัศจรรย์ใจทุกครั้ง รับรู้ถึงความละเมียดละไมในตัวอักษร
อ่านทั้งสิ้นรวมๆแล้วประมาณ 13 ปี

0