Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากถามว่าก่อนจะมาลงมือเขียนอ่านกันเยอะแค่ไหน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
มาตั้งกระทู้อีกแล้วด้วยความสงสัยและเพื่อนก็ถามเรา คืออยากรู้ค่ะ เพราะเราเห็นบางคนอ่านกันเยอะมาก
เลยอยากรู้ว่าของนักเขียนแต่ละคนนี่จุดเริ่มต้นของการอ่าน อ่านจากหนังสือประเภทไหนแนวไหน แล้วอ่านประมาณกี่เล่มถึงลงมือเขียนกัน อยากรู้จริงๆ 

แสดงความคิดเห็น

32 ความคิดเห็น

โรส รุ่งธิวา โรเซลลา 9 ก.ค. 59 เวลา 15:08 น. 1-1

อ่านทุกแนว เรียกว่าเป็นหนอนหนังสือ ขอให้เป็นตัวหนังสือบนกระดาษ (สมัยก่อนยังไม่มีเน็ตเนอะ) อ่านได้หมด ถุงกล้วยแขกก็อ่านค่ะ ขอให้เป็นตัวหนังสือ

0
_jamjun_ 9 ก.ค. 59 เวลา 15:09 น. 2

ก่อนมาแต่ง ชอบอ่านการ์ตูนและนิยายมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ

แต่พอมาแต่งกลับไม่ค่อยได้อ่าน 

0
lb'skLyrmN 9 ก.ค. 59 เวลา 15:41 น. 3

อ่านหลายเล่มอยู่ครับ ประมาณ 7 เล่มได้มั้ง
ผมชอบอ่านนิยายสยองขวัญ แต่ว่าไม่มีเล่มไหนอยู่ในดวงใจเลย (ก็เพราะเลือกอ่านเฉพาะฉาก NC เลือดท่วมเท่านั้นนี่นะ ส่วนเจ็ดเล่มนั่นคือจำนวนเล่มที่อ่านครบทุกหน้า) เรียกว่าไม่เคยได้แตะแนวอื่นเลย แล้วตอนที่เดินเข้าไปเลือกหนังสือก็เกิดสนใจนิยายเรื่องหนึ่งขึ้นมาแล้วเห็นมีแนวที่ซ้ำกันหลายเล่มมากบนชั้นหนังสือก็เลยมีความคิดที่อยากจะแต่งให้มันมีความแตกต่างบ้าง สุดท้ายก็กลายมาเป็นนิยาย "แฟนตาซี" เรื่องแรกครับ

0
เจ้า(แมวน้ำ)ขาว 9 ก.ค. 59 เวลา 17:08 น. 4

จำนวนไม่สำคัญ สำคัญที่ความเข้าใจ

อ่านกี่เล่มก็ตามจะมากจะน้อย  อ่านจนกว่าจะเข้าใจว่าควรจะเขียนอย่างไร  
มันจะเกิดความรู้สึกเหมือนมีแสงสว่างสีขาวปรากฏอยู่ตรงหน้า  เพิ่มซาวด์เอฟเฟค พริ้ง
พร้อมกับมีเสียงแว่วมาว่า "อ๋อเขาเขียนกันอย่างนี้นี่เอง" เพ้ออ๊ะเป่าเนี่ย
อยากเขียนแนวไหนก็อ่านแนวนั้นประมาณว่าเอามาเป็นตัวอย่าง

มีบางคนที่เริ่มจากการไม่อ่านมาก่อน  แล้วพอแต่งจบก็ต้องมารีไรท์อีกรอบ ใครหนอ - -"

ผมเองหลังจากอ่านนิยายจบแค่สองเรื่องก็เริ่มเขียนเรื่องที่สองเลยทันที  ต่อมาก็เริ่มรีไรท์
เรื่องแรกตามมา  จากนั้นค่อยอ่านเรื่องที่สาม  ถึงจะเขียนแล้วก็ควรอ่านเพิ่มอีกเรื่อยๆ นะ

  

0
K.W.E. 9 ก.ค. 59 เวลา 19:39 น. 5

ถ้าการ์ตูนล่ะก็ เยอะขนาดเปิดร้านหนังสือได้เลยครับ

แต่ว่าจุดเริ่มต้นการเขียนนิยายผมไม่ได้มาจากการอ่านนะครับ
ความชอบในเกมๆหนึ่งล้วนๆเลย แล้วก็มาเป็นแฟนฟิคในเวลาต่อมา แล้วมาเป็นนิยายออริจินัลในทุกวันนี้

แล้วมาถึงจุดนี้ก็บอกได้เลยว่า ผมไม่ใช่คนชอบวิชาภาษาไทยอะไรมากมายตั้งแต่ประถมล่ะ นิยายก็แทบไม่ได้อ่าน

หนังสืออ่านเยอะมีผลไหม?
ก็ตอบได้ว่ามีแน่ๆกับข้อมูลและแนวทางครับ แต่มันจะมีผลต่องานเขียนหรือไม่ อันนั้นขึ้นกับทักษะการเรียนรู้และประยุกต์ใช้สร้างไอเดียเรื่อง อีกส่วนก็มาจากการฝึกเกลาทักษะการเขียน

ส่วนนี้ใครอ่านมากได้เปรียบมากครับ
แต่ถ้าไม่ชอบอ่านก็ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งนิยายไม่ดีแต่อย่างใด

อนึ่ง โดยส่วนตัวแล้วข้อมูลและไอเดียทั้งหลายที่ผมได้มาแต่งนิยายนี่ ถ้าเทียบอัตราส่วนแล้ว ได้มาจากการดู ฟัง และประสบการณ์ตรง มากเสียกว่าการอ่านอีกครับ (แต่ที่อ่านๆมาก็ไม่ได้น้อยเน้อ)

0
นิทราสวัสดิ์ 9 ก.ค. 59 เวลา 21:09 น. 6

สำหรับ​เราน่ะ
ชอบเรียนภาษาไทยมาก ชอบฟัง ชอบดู อะไรก็ตามที่เราสนใจ  บางทีชอบอ่านหนังสือเรียนบางวิชาที่สนใจ  บางทีชอบอ่านข่าวที่สนใจ

อะไรก็ตามที่เราสนใจ ถ้ามีอะไรมากพอให้อ่าน ดู ฟัง เราก็จะพุ่งไปหา  ส่วนนิยายน้อยเล่มนักที่อ่านจบ (เลยแต่งนิยายได้ไม่เหมือนนิยาย)

ที่สนใจการแต่งนิยาย น่าจะเพราะชอบการเรียงถ้อยคำและภาพที่เกิดมันสวยงามค่ะ

0
m13ss 9 ก.ค. 59 เวลา 21:42 น. 7

เหอๆ ว่าไงดี ผมไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนเลย  T^T

-ที่อ่านมีแต่หนังสือเรียนและความรู้รอบตัว


แล้วนิยายมันก็เละตามสภาพ.....

0
Lánhuā兰花 9 ก.ค. 59 เวลา 23:22 น. 8
เริ่มจากหนังสือเรียนค่ะ
      แหะๆ แรกๆก็เริ่มอ่านจากหนังสือเรียนจริงๆค่ะ แต่ถ้าเป็นหนังสือที่ชักนำเข้าสู่เส้นทางของการเขียนนิยาย ก็คือหนังสือนิยายนั่นแล...

      เราอ่านนิยายเริ่มจากป.4ถึงม.4 ซึ่งก็คือปัจจุบัน รวมๆก็ 6 ปีกว่าแล้ว แต่ช่วงที่เราเริ่มคิดอยากแต่งนิยายอย่างจริงจังคือตอนม.1 
      ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากอ่านนิยาย โรคตาลายและง่วงเวลาอ่านหนังสือก็หายไป มาวันนี้กลับรู้สึกชอบการอ่านมากๆจากเกลียดมากๆเช่นกัน ยิ่งพวกประวัติศาสตร์แต่ก่อนเกลียดเข้าไส้ ตอนนี้กลับเริ่มมีหนังสือพวกนี้ติดบ้านบ้างแล้ว 
      ส่วนที่ถามว่ากี่เล่มแล้วที่อ่าน...แน่นอนว่าตอบไม่ได้ค่ะ เราก็จำไม่ได้แล้วเพราะไม่ได้นับ 
แต่ตอบได้คร่าวๆว่า อ่านอยู่สามปีถึงได้คิดแต่งขึ้นมา
0
คุณพีทคุง พิธันดร 10 ก.ค. 59 เวลา 06:21 น. 9

นับเป็นเล่มไม่ไหวครับ ปกติอ่านหนังสือทุกวัน เดือนนึงก็ตกสามสี่เล่ม ขึ้นอยู่กับความหนา กว่าจะเริ่มเขียนครั้งแรก ก็หลายร้อยอยู่ครับ

อ่านมากมายหลายแนว แล้วแต่อารมณ์ในช่วงนั้น มีบางแนวที่ไม่อ่านเลย และบางแนวเคยอ่านแต่ลิกไปแล้วครับ

0
akiba 10 ก.ค. 59 เวลา 10:33 น. 10

-จำนวน? ตั้งแต่ยังอ่านหนังสือไม่ออก(ก่อนอนุบาล) ก็ซื้อมาให้น้าอ่านให้ฟังครับ เอาเงินค่าขนมที่ได้มาแทนที่จะซื้อขนมก็ไม่ซื้อเก็บไปอาทิตย์- 2 หรือ 3อาทิตย์ ก็ซื้อไปให้น้าอ่านให้ (เล่มใหม่) สำหรับเล่มเก่าก็หยิบไปให้น้าอ่านให้ จนอ่านเองได้ก็เลิกให้น้าอ่านให้ฟ้ง สำหรับจำนวนคงนับไม่ไหวมั้งครับ เพราะอ่านเกือบตลอดเวลาที่ว่าง
-แนวไหน? ก็ทุกแนวแหละ อยากอ่านแนวไหนก็ลองให้หมดจะได้รู้

0
AomAndYou 10 ก.ค. 59 เวลา 10:39 น. 11

จะว่าไงดี... อ่านเล่มเดียวแล้วก็ชอบ ปกติก็ดูการ์ตูน และเคยวาดการ์ตูนที่แต่งเนื้อเรื่องเอง...พอเขียนนิยายก็มีแต่พวกเพื่อนอ่านกันเองน่ะ ก็เลยตามสภาพ...

0
ร่มพิรุณรื่น 10 ก.ค. 59 เวลา 19:20 น. 14

โอ้  ไม่ได้นับหรอกค่ะ  ก็ตั้งแต่จำความได้ก็รู้สึกว่าชอบอ่านหนังสือแล้ว
อ่านทุกแนวตั้งแต่การ์ตูน นิตยสาร หนังสือเรียน หนังสือธรรมะ หนังสือแนวจิตวิทยา
นวนิยาย เรื่องสั้น อ่านทุกประเภทเลยค่ะ 
แต่ส่วนตัวชอบอ่านนวนิยาย  อ่านมาเรื่อยๆ จนประมาณ ม.1 - ม.2
ก็เริ่มอยากแต่งเองขึ้นมา ก็เลยกลายมาเป็นคนแต่งไปด้วยเลยเสียอย่างนั้น แหะๆ

0
stima 10 ก.ค. 59 เวลา 20:02 น. 15

อ่านมา 30 ปีค่ะ จำนวนคงนับไม่ถ้วน อ่านหลายแนวมาก ทั้งโรมานซ์ การ์ตูน วรรณกรรมเยาวชน ชีวประวัติ สืบสวน ลึกลับ เริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกตอน ม.3 ล่มไม่เป็นท่า เริ่มเขียนอีกทีเมื่อสักปีสองปีมานี่ ยังไม่จบ แล้วจู่ๆ ก็นั่งอ่านเป็นบ้าเป็นหลังอีกรอบ แล้วหยุดอ่าน เพื่อมาเขียนเรื่องแรกลงเว็บนี่แหละ นี่เลยเป็นเรื่องแรกที่เขียนจบ
ไม่ใช่อ่านนิยายมากอย่างเดียว ดูหนังมากด้วย แล้วก็โชคดีได้เรียนอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องขีดๆ เขียนๆ เลยลองเอามาใช้ดู ยังไม่รู้ว่าจะเวิร์กไหม คงต้องใช้เวลาค่ะ

0
Worapat Yommana 10 ก.ค. 59 เวลา 20:07 น. 16

ผมอ่านมาก่อนสัก 3 - 4 เล่มก่อนจะเขียนเรื่องแรก นี่นับเฉพาะนวนิยายนะ
จนบัดนี้ก็นับเป็น 10 เล่มๆ ได้

งานเขียนที่อ่านหลังๆ มานี้ คือ พล นิกร กิมหงวน ของ ป. อินทรปาลิต
ที่นักเขียนชั้นครูหลายคน ยืนยันมาตรงกันว่าเป็นครูชั้นดีของผู้ที่จะเป็นนักเขียน
แต่ถ้าเรื่องสำนวนภาษา ชอบงานเขียนของคุณหญิงวินิตา (แก้วเก้า/ว.วินิจฉัยกุล)
รู้สึกว่าสำนวนเขียนมาแบบชวนหลงใหล...และตรงใจทีเดียว

1
Patcha_พัชรวลี 10 ก.ค. 59 เวลา 21:12 น. 17

สำหรับพี่อ่านเยอะมากค่ะ เริ่มจากการ์ตูนเล่มละบาท ไปจนการ์ตูนขายหัวเราะ และมาอ่านมังงะ แล้วมาจบที่นิยาย พี่ชอบอ่านมาตั้งแต่แต่เด็กๆแล้วละค่ะ หากถามว่านานไหมกว่าจะมาเขียน นานมากค่ะ

การอ่านกับการเขียนนี้มันคนละอย่างเลยนะคะ การอ่านมันใช้จินตการ มันทำให้เราสนุก มีความสุขกับการโลดแล่นของตัวละคร เหมือนเราหลุดเข้าไปแสดงในนั้นด้วย ส่วนการเขียนจินตนาการอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีปัจจัยหลายอย่างร่วมด้วย กว่าเราจะเขียนได้แต่ละบทมันต้องใช้เวลา ปัญหาที่ตามมาก็มีเยอะ ทั้งคำผิด รูปประโยคแปลก ความรู้ที่คับแคบ หรือแม้แต่การเขียนที่สื่อไม่ถึงคนอ่าน และอื่นๆอีกมากมาย ฯล

ตอนพี่เขียนนิยายเรื่องแรกพี่ก็ใช้แค่ใจที่นึกอยากจะเขียนเท่านั้นค่ะ แต่ตอนนั้นไม่กล้าพอที่จะลงให้ใครอ่านหรอก เก็บไว้อ่านเองหลายปีกว่าจะเอามาลงที่เด็กดี ก็ประมาณปีกว่าๆได้แล้วนะคะที่พี่สิงอยู่ที่นี้ ทุกวันนี้พี่เขียนนิยายอยู่ 7เรื่อง จบแล้วหนึ่งเรื่อง รอจบอีกหนึ่งเรื่อง และยังดองอยู่อีก ห้าเรื่องค่ะ

ที่พี่จะบอกก็คือการเขียนอะไรสักเรื่อง มันไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องใช้ทั้งใจ ทั้งประสบการณ์ ทั้งความรู้ เราต้องเรียนรู้ศึกษาอะไรหลายๆอย่างตลอดเวลา เพื่อเป็นแนวทางในการเขียนผลงานดีๆสักเรื่อง การเขียนทำให้โลกเราเปิดกว้าง ในขณะเดียวกันการอ่านก็ทำให้เราเข้าใจอะไรได้มากขึ้นเช่นกัน ตอนพี่เขียนพี่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะคำนึงเสมอว่าตนเป็นเพียงนัก(หัด)เขียนที่ประสบการณ์ไม่กว้างไกลนัก เราไม่ได้ค่าตอบแทนเป็นเม็ดเงินที่จับต้องได้ แต่เราจะได้ความสุขจากกำลังใจจากคนอ่านที่ชื่นชอบในผลงานของเรา มันมีค่าพอให้เราอดหลับอดนอนเพื่ออัพนิยายสักตอนสองตอนเลยนะคะ มันเป็นความสุขของคนเขียนนะคะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเอาเป็นว่ามันคือความสุขเล็กๆนั้นละคะ เลยยังมาเขียนเช่นทุกวันนี้  

แต่ว่า...เดี๋ยวนี้เขาก็มีระบบซื้อขายในเว็บแล้วละนะ ถ้าอยากเขียนเพื่อได้เม็ดเงินบ้าง ก็ไม่เสียหายอะไรนะ ฮ่าๆ สู้ๆค่ะ ถ้าอยากลองเขียนนิยายสักเรื่องก็เอามาลงโปรโมทบอกกันได้นะ พี่จะเข้าไปติดตามอ่านทันทีเลยค่ะ 
 

2
akiba 10 ก.ค. 59 เวลา 22:20 น. 17-1

เกิดไม่ทันครับ การ์ตูนเล่มละบาท

จำได้ว่าเอาเงินค่าขนมมาซื้อการ์ตูนตอนเล่มละ 5 บาทเป็นเล่มแรกเยี่ยม

0
Patcha_พัชรวลี 10 ก.ค. 59 เวลา 23:18 น. 17-2

แหม่...เลยกลายเป็นรู้เลยว่าพี่แก่แล้ว ฮ่าๆ จำได้ว่าพี่เคยอ่าน บุปผาราตรี ฉบับการ์ตูนมาก่อนที่จะเอามาทำหนังอีกนะ ฮ่าๆ รุ่นนี้ยังจะมีเก็บกันบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้
ขำ

0
มงกุฏปลอม 10 ก.ค. 59 เวลา 22:02 น. 18

เยอะแต่ไหน? .... คงพูดได้แค่ว่าอ่านจนต้องย้ายแหล่งอ่านจากภาษาไทยไปอังกฤษเลยทีเดียว อ่านลืมหูลืมตาจนเกรดปลิวหาย อ่านจนมันเหลือแต่แนวที่ทำใจอ่านไม่ได้ก็ย้ายถิ่นไปสิงสถิตที่เว็ปภาษาอังกฤษ อ่านอังกฤษได้ประมาณครึ่งร้อยเรื่องก็เริ่มแต่งนิยายค่ะ มันเป็นอะไรที่ทึ่งตัวเองมาก อ่านตั้งแต่นิยายที่มี 1-2 ตอนไปจนถึง 1000+ ตอนแล้วมาย้อนดูว่าอ่านไปเท่าไหร่ก็มึนเหมือนกันค่ะ เหมือนถามว่าหายใจไปกี่ครั้งแล้วชีวิตนี้ เป็นความบันเทิงส่วนตัวที่เวลาอ่านแล้วเพื่อนถามว่าบ้ารึปล่าว นั่งยิ้มนั่งหัวเราะคนเดียว บางครั้งดราม่า เดี๋ยวนี้ต้องพกผ้าเช็ดหน้าค่ะ น้ำตาไหลแล้วอายเพื่อน //ความเศร้าชนะความอายสุดท้ายก็ร้องอยู่ดี

0
Petetra 10 ก.ค. 59 เวลา 22:45 น. 20

นี่คือการไล่ไทม์ไลน์ชีวิตติดหนังสือ
เป็นพวกหนอนหนังสือตั้งแต่เริ่มอ่านหนังสือได้เลย อ่านได้ทุกแนว เริ่มแรกจากการ์ตูนอย่างขายหัวเราะ ปังปอนด์ เรื่องผีที่เล่มละห้าบาท(เดี๋ยวนี้แพงขึ้นเยอะ) หนูหิ่น ลามมาเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างวันพีซ โดเรม่อนฯลฯ แต่ที่ติดสุดๆตอนนั้นคือรามเกียรติ์ที่เป็นฉบับการ์ตูนสี่สี มีครบทุกเล่ม อ่านแล้วอ่านอีก เห็นนิตยสาร นสพ. ต้องรีบเข้าไปหยิบอ่านมันทั้งเล่ม หลังจากนั้นเริ่มอ่านนิยายแนวสยองขวัญ ตั้งแต่แบบกะโหลกกะลาถึงขั้นแอดวานซ์ มาเริ่มอ่านแจ่มใสอย่างจริงๆจังๆเมื่อสิบปีที่แล้ว สะสมแจ่มใสเป็นบ้าเป็นหลัง พอเบื่อๆรักหวานแหววก็อ่านแนวจิตวิทยา ฮาวทู ปัจจุบันนี้เป็นคอนิยายจีนแปลและแฟนตาซี
เวลาแวะปั๊มระหว่างเดินทางแล้วเจอโซนหนังสือ(ต่อให้มันเป็นแค่ชั้นติดเคาน์เตอร์)มักจะซื้อติดมืออย่างน้อยหนึ่งเล่ม แนวไหนก็ได้ อีกอย่างที่คิดว่าช่วยให้เรารักการอ่านคือการเรียนวิชาภาษาไทย อย่าอคติกับมัน เวลาอ่านวรรณคดีไทยเราจะรู้สึกอัศจรรย์ใจทุกครั้ง รับรู้ถึงความละเมียดละไมในตัวอักษร
อ่านทั้งสิ้นรวมๆแล้วประมาณ 13 ปี

0
milkypastel 11 ก.ค. 59 เวลา 00:52 น. 21

คิดว่าอ่านน้อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกถ้าเทียบกับนักเขียนคนอื่นๆ 
เช่นว่าแจ่มใสตาโต เค้าอ่านไปแค่ 3 เรื่อง ในขณะที่เพื่อนอ่านกันเป็นกระบะ แล้วก็อ่านวน 
อาจเพราะว่าเค้าชอบอ่านวนไปวนมามั้ง เลยมีนิยายที่อ่านน้อย 

ตอนจะเริ่มเขียนนิยายเกิดจากความขี้มโนของตัวเองล้วนๆ คือไม่อยากมโนล่องลอย 
ก็เลยเขียน 

คือถ้าอารมณ์มันติด มันอินไปแล้วคือลื่นมากกก

แต่มันก็เป็นปัญหานิดหน่อยนะเค้าว่า ถ้าแบบไม่ค่อยจะอินกับเรื่อง  
เหมือนการใช้คำของเรา หรือรูปประโยคมันไม่หลากหลายเท่าที่ควร แล้วก็วางคำพูด ปย อะไรแบบทื่อๆ (ช่วงนี้เริ่มอ่านนิยายจริงจัง ก็รู้เลยว่าภาษานักเขียนอาชีพเขาลื่นจริงๆ นี่ขนาดยังไม่ได้อ่านนิยายชั้นครูนะเนี่ย) 
แล้วเหมือนการสร้างพล็อตที่เริ่มซับซ้อน เค้าจะเริ่มเป๋
เริ่มแบบเอ่อออ แล้วควรดำเนินเรื่องยังไงฟระะะ
 
ตอนนี้เริ่มหานิยายอ่านให้มากขึ้นค่ะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยถูกจริตซะเลย 

0
milkypastel 11 ก.ค. 59 เวลา 00:53 น. 22

คิดว่าอ่านน้อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกถ้าเทียบกับนักเขียนคนอื่นๆ 
เช่นว่าแจ่มใสตาโต เค้าอ่านไปแค่ 3 เรื่อง ในขณะที่เพื่อนอ่านกันเป็นกระบะ แล้วก็อ่านวน 
อาจเพราะว่าเค้าชอบอ่านวนไปวนมามั้ง เลยมีนิยายที่อ่านน้อย 

ตอนจะเริ่มเขียนนิยายเกิดจากความขี้มโนของตัวเองล้วนๆ คือไม่อยากมโนล่องลอย 
ก็เลยเขียน 

คือถ้าอารมณ์มันติด มันอินไปแล้วคือลื่นมากกก

แต่มันก็เป็นปัญหานิดหน่อยนะเค้าว่า ถ้าแบบไม่ค่อยจะอินกับเรื่อง  
เหมือนการใช้คำของเรา หรือรูปประโยคมันไม่หลากหลายเท่าที่ควร แล้วก็วางคำพูด ปย อะไรแบบทื่อๆ (ช่วงนี้เริ่มอ่านนิยายจริงจัง ก็รู้เลยว่าภาษานักเขียนอาชีพเขาลื่นจริงๆ นี่ขนาดยังไม่ได้อ่านนิยายชั้นครูนะเนี่ย) 
แล้วเหมือนการสร้างพล็อตที่เริ่มซับซ้อน เค้าจะเริ่มเป๋
เริ่มแบบเอ่อออ แล้วควรดำเนินเรื่องยังไงฟระะะ
 
ตอนนี้เริ่มหานิยายอ่านให้มากขึ้นค่ะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยถูกจริตซะเลย 

0
๛II~โรตีกล้วยหอม~II๛ 11 ก.ค. 59 เวลา 06:09 น. 23

อ่านตั้งแต่เด็ก อะไรที่เป็นตัวหนังสือนี่จับอ่านหมด เข้าห้องสมุดตั้งแต่จำความได้ สิงอยู่แต่ในนั้นตอนป.5-ป.6 ก็อาสาสมัครเป็นบรรณารักษ์ ว่างเป็นวิ่งไปห้องสมุด กลับบ้านก็มีหนังสือการ์ตูนเล่มละ5บาท(แต่แลกมาเล่มละ1บาท)แม่แลกไว้อ่านทุกอาทิตย์ อ่านหนักมากจริงๆ เริ่มลงมือเขียนตอนม.2 ตอนได้อ่านนิยายวัยรุ่นยืมเพื่อนมาอ่านของพี่แสตมป์เบอรี่ ติดใจเลยอยากมีโมเม้นท์แบบนั้นบ้าง เลยเริ่มเขียนลงในสมุด เขียนอ่านคนเดียว พี่บอกว่าไม่ลองพิมพ์แล้วส่งแจ่มใสดูล่ะ เราก็เออออเขียนจนจบแล้วเอานิยายตัวเองมาพิมพ์ จับผลัดจับผลูหลงมาอยู่ในเด็กดี (แต่ยังไม่ส่งต้นฉบับนะ ตอนนั้นอยากให้ติด1ใน5ท็อปของเด็กดีก่อนแล้วค่อยส่ง เพ้อมากอีนี่55) ตอนลงก็ไม่คิดว่าจะมีใครอ่านเท่าไร แต่พอมีคนมาเม้นท์ รู้สึกปลื้มปริ่มดีใจตื้นตันใจ มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แถมได้เป็นนิยายแนะหน้าเว็บด้วย ตอนนั้นดีใจมากกกก แต่ก็ยังไม่ส่งไปแจ่มใสนะ เพราะยังไม่มั่นใจ กลัวถูกปฎิเสธ เขียนไปเรื่อยๆ เขียนจนคิดว่างานน่าจะดีพอ ก็ส่งไปตอนเรื่องที่4 (เขียนได้ปีกว่า) แต่ก็ถูกปฏิเสธ ปฏิเสธ ปฏิเสธ และปฏิเสธมาตลอด ถามว่าท้อไหมก็ท้อ แต่ก็พยายามต่อไป ลองส่งที่อื่นดู จำได้ว่าเป็นเรื่องที่ 7 ก็ได้ตีพิมพ์ดีใจมาก (นับตั้งแต่เขียนเป็นเวลา2ปีกว่า) พาแม่ไปเที่ยวตจว.ฉลองเลยทีเดียว รวมๆก็อ่านมา8ปี นับตั้งแต่อนุบาล2ตอนที่เริ่มอ่านได้กว่าจะเริ่มเขียน ถือว่าไม่นานมาก แต่พยายามในการเขียนสุดๆ รีไรท์เรื่องแรกไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยส่ง แค่อยากทำให้มันดูดี เพราะพอกลับไปอ่านมันทนอ่านไม่ได้เลย555

0
Whiteflower Ri 11 ก.ค. 59 เวลา 18:04 น. 24

เป็นคนอ่านนิยายน้อยมาก  แต่เป็นคนชอบเขียนอยู่แล้วค่ะ  เผอิญเห็นเพื่อนเขียน เราก็ว่า เราก็น่าจะเขียนได้นะ  เลยเขียนดูบ้าง ^^

0
NJ2016 11 ก.ค. 59 เวลา 19:38 น. 25

นวจันทร์เริ่มอ่านนิยายจากนิตยสารรายปักษ์สมัยก่อนค่ะ พอโตขึ้นอีกหน่อยก็อ่านหนังสืออ่านนอกเวลาภาคบังคับ  แล้วก็ตามอ่านหนังสือประเภทนี้จากห้องสมุดของโรงเรียน มีเวลาว่างเป็นไม่ได้ต้องแว้บเข้าห้องสมุดของโรงเรียน  เพราะมีหนังสือนิยายให้อ่านฟรีเยอะมาก  แถมยืมกลับบ้านได้ด้วย  พอทำงานก็เริ่มหาซื้อมาอ่านเอง  อ่านอยู่ประมาณ 20 ปีก็เริ่มเขียนเป็นเรื่องเป็นราว  แต่จริง  ๆ  หัดเขียนมาตั้งแต่อายุ 17-18 นี่แหละค่ะ แต่เขียนไม่จบสักเรื่อง เขียนแล้วก็ทิ้ง นวจันทร์เขียนเล่าประสบการณ์ในการเขียนนิยายไว้ในบล็อก ถ้าสนใจสามารถตามไปอ่านได้ที่ my.id ค่ะ 

2
NJ2016 11 ก.ค. 59 เวลา 20:06 น. 25-2

อยู่ในหัวข้อ เบื้องหลังนิยายเรื่องคู่แฝดคู่ใจสานใยรัก นะคะ เดี๋ยวจะหาไม่เจอ

0
ScarletWhite 11 ก.ค. 59 เวลา 21:45 น. 26

จุดเริ่มต้นจากอ่านนิยายแปลเล่มหนึ่งตอน ป.สามค่ะ แม่ไม่ชอบให้อ่านนิยาย ฉีกหนังสือทิ้ง เก็บกดมาก คือชอบอ่านหนังสือ

จากนั้นจึงอ่านทุกอย่าง อ่านทุกแนว ห้องสมุดโรงเรียนตอนประถมทั้งวิชาการและนิทาน นิยายอ่านเกือบทุกเล่มที่มี

เข้ามัธยม โรงเรียนประจำจังหวัด อ่านนิยายทุกแนว แต่แนวรักนี่มาอ่านทีหลัง ทั้งแปล ทั้งไทย

เคยเริ่มเขียนในสมุด เพื่อนให้อัพในเด็กดี แต่ช่วงนั้นไปค่าย สอวน.เลยไม่ได้ยุ่งอะไรอีกเลย

จุดเริ่มต้นของการเขียนไม่ใช่อ่านมาเท่าไร แต่มันเกิดจากการอ่านแล้วนิยายที่อ่านมันไม่ตอบสนองความสมเหตุสมผลบางอย่าง หรือเพราะว่าเราคิดว่าเราน่าจะลองทำในสิ่งที่ตัวเองชอบดูนะ มันก็คือเขียนให้ตัวเองอ่าน ซึ่งพอใช้แรงบันดาลใจนี้แล้วก็ประสบความสำเร็จ มีแฟนนิยาย ผ่านสำนักพิมพ์ ใกล้จะได้ตีพิมพ์ค่ะ

แต่สิ่งหนึ่งที่ควรจะมี คือต้องตระหนักว่า เรารักนิยายของเราไหม เรารักนักอ่านไหม หรือเรารักความสำเร็จ หรือเรารักเงิน?

ต้องตอบโจทย์เหล่านี้ให้ได้ค่ะ ส่วนเราเริ่มจากรักนิยายของตัวเอง รักตัวเอง รักนักอ่าน ที่เหลือจะตามมาเอง

0
kawa 11 ก.ค. 59 เวลา 22:38 น. 27

ถ้านับหนังสือทุกประเภท น่าจะหมื่นเล่มอัพมั้งค่ะกว่าจะเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกจบ

0
ชะนีรักสงบ 13 ก.ค. 59 เวลา 12:02 น. 29

เราเริ่มจากพวกมังงะก่อนค่ะ พวกนารูโตะ อะไรเทือกๆนั้น ตอนประมาณประถมต้น มาจับนิยายจริงๆจังๆก็ตอนประถมปลาย เป็นนิยายแจ่มใสค่ะ หน้าปกมันดึงดูดดี 555 แล้วก็ไล่มาพวกวรรณกรรมเยาวชน พอขึ้นมอหนึ่งก็เริ่มรู้จักนิยายในเน็ต ก็ตามอ่านเรื่อยๆ จนตอนนี้ม.5แล้ว ก็ยังอ่านอยู่ แต่กลับเลิกอ่านนิยายแจ่มใสเลิฟซีรีย์แล้ว ถถถถ หมดวัยแล้วมั้งคะ มาจับนิยายที่โตกว่านั้นแทน นิยายจีน นิยายแปล อะไรพวกนี้ โห พอมานึกๆดู นี่ก็อ่านมานานเหมือนกันนะเนี่ย ถถถถถถ

0
Stayalert 13 ก.ค. 59 เวลา 12:11 น. 30

เริ่มจากนิทาน วรรณกรรมเยาวชน แจ่มใส แล้วก็มาติดอยู่แฟนตาซี หลังๆนี่อ่านทุกแนวแต่หมกหมุ่นอยู่กับหนังสือเรียน TT 

0
Gmonster_xx 13 ก.ค. 59 เวลา 19:09 น. 31

สำหรับเราก้ควรอ่านเยอะๆหลายๆแนวอะ เพราะมันนำไปใช่ได้ แต่ถ้าแต่งแล้วควรหารความรุ้เพิ่มเติมด้วย แบบสมมุติ ตัวละครเปนหมด มีฉากการทำงานของหมอ การผ่าตัด อะไรทำนองนั้น เราก้ต้องไปศึกษามาตามความเปนจริงอะ เพราะยังไงนิยายก้อิงความเปนจริง สรุปก้อ่านๆไปเรื่อย อ่านไปเยอะๆ มันก้มีประโยชน์ทั้งนั้นแหละ ปล.รุ้สึดเราจะตอบไม่ตรงประเด็น ห้าาาาาาาาาาาาาาาาๆๆๆ อย่าสนใจเรา เราเบลอ

0
icevalentine 11 ส.ค. 59 เวลา 20:58 น. 32

อ่านเยอะมากค่ะ อ่านการ์ตูนพวกขายหัวเราะตั้งแต่ป.1 นิยายเล่มละห้าบาท คือขลุกอยู่กับห้องสมุดแทบจะทั้งชีวิตตั้งแต่ประถมยันมหาลัย เด็กๆแม่ก็ไม่ค่อยชอบให้อ่านการ์ตูนนิยาย แต่พ่อก็บอกว่าลูกมันรักการอ่านก็ดีแล้ว
นิยายที่เราอ่านอ่านทุกแนวค่ะ
สมัยวัยรุ่นก็อ่านหวานแหวว แจ่มใส กับแฟนตาซีแนวๆสถาพร
พอโตมาหน่อยก็อ่านพวกความรู้สึกดีที่เรียกว่ารัก และก็หนังสือแนวๆของสำนักพิมพ์พิม์คำมหาลัยได้มีโอกาสอ่านงานพวกซีไรต์บ้าง พอเข้าสู่วัยทำงานแทบจะไม่มีเวลาได้อ่านนิยายเป็นเล่มๆเลยค่ะ 

0