รู้สึกว่า PAT บาลี ไม่ยุติธรรมมั้ย?
ตั้งกระทู้ใหม่
อย่างแรก เราถามเพื่อนว่า เรียนกันมายังไง? แล้วเรียนนานมั้ย? เพื่อน ๆ บางคนก็อ่านเอง หลาย ๆ คนไปเรียนกับติวเตอร์มาสองสามเดือน ระยะเวลาอาจมากหรือน้อยกว่านี้ แล้วแต่คน แต่ที่แน่ ๆ หน่วยเวลาเป็น "เดือน" ซึ่งมันน้อยมากอะ ถ้าเทียบกับคนที่สอบภาษาอื่น ๆ เข้ามา แต่กลับได้คะแนนเท่า ๆ กัน หรือบางคนอาจจะมากกว่าเด็กที่ยื่นภาษาอื่นเข้ามาด้วยซ้ำ กลับกัน คนที่เรียนภาษาอื่น ๆ มา ไม่ว่าจะฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น เค้าเรียนกันสองสามปี อย่างจีน ญี่ปุ่นอะ กว่าจะอ่าน เขียนตัวจีน ตัวคันจิได้ ก็ต้องใช้เวลาจำไม่รู้เท่าไหร่ คือภาษาพวกนี้ ไม่มีทางเลยที่จะเรียนไม่กี่เดือน แล้วไปสอบได้ เราเรียนสายศิลป์ภาษามาสามปี แต่พอเจอข้อสอบแล้วคือแบบ -จุดค่ะ ข้อสอบยากมาก โดยเฉพาะพาร์ทวัฒนธรรม แค่โจทย์อยังอ่านไม่ออกเลยค่ะ!!! ไม่ต้องพูดถึงช้อยส์เลย อ่านไม่ออกเช่นกัน (แต่เราได้ 210+ นะ) คือภาษาอื่น ๆ เป็นไปไม่ได้เลย ที่คิดจะเรียนไม่กี่เดือนแล้วจะมาสอบอะ เป็นไปไม่ได้เลยยย!!! ตรงนี้เรารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่เรียนภาษาอื่น ๆ มาอะ
นอกจากนี้ คนที่สอบบาลีเข้ามา ส่วนมากก็ไม่เรียนบาลีต่อ แต่ไปเรียนเอกอังกฤษ สเปน ฯลฯ คนที่จะเข้าเอก/โทบาลี สันสกฤต จริง ๆ มีน้อยมากกกกกก จากสถิติ ปีนี้ ไม่มีคนเข้าเอกบาลี สันสกฤตเลย และมีแค่ 2 คนที่เลือกเรียนโทบาลี สันสกฤต ส่วนปีที่แล้ว มีคนเข้าเอกบาลี สันสกฤต 2 คน (เราไม่ขอพูดถึงเอกไทยละกัน เพราะจากที่รู้มา หลายคนก็ไม่ได้อยากเข้าเอกไทย แต่ที่เข้าเพราะหลุดเอกที่อยากได้) มันเหมือนกับว่า หลายคนใช้แพทบาลี เป็นสะพานที่ใช้สอบเข้ามาคณะนี้เฉย ๆ อะ ไม่ได้สนใจภาษาบาลีเลย ที่สอบเพราะว่ามันใช้เวลาน้อยที่สุด เรียนแค่ไม่กี่เดือนก็สอบได้แล้ว
อีกเรื่องคือเรื่องข้อสอบที่โจทย์เป็นภาษาไทย ในขณะที่แพทอื่น ๆ โจทย์เป็นภาษานั้น ๆ บางคนอาจจะบอกว่า มันก็ไม่ต่างกันมั้ย ถ้าไม่รู้คำตอบก็ทำไม่ได้อยู่ดีหรือป่าว เเต่เราว่ามันต่างนะ คืออย่างน้อยคุณอ่านโจทย์ออกแน่ ๆ อะ ขณะที่ภาษาอื่นมันไม่ใช่ คือถ้าอ่านโจทย์ไม่ออก ก็ตายแล้วอะ ไม่ต้องไปคิดถึงคำตอบเลย แบบนี้มันแฟร์หรอ?
อย่างไรก็ตาม ที่พูดมาทั้งหมด เราไม่ได้บอกว่าภาษาบาลีง่าย จากการถามเพื่อน ๆ ดู มันมีผัน verb ผันนาม ผันวิภัติปัจจัยอะไรไม่รู้เต็มไปหมด ซึ่งผันแต่ละอย่างก็ไม่เหมือนกัน เรายอมรับว่าภาษาบาลี ถ้าพิจารณาจากตัวภาษาแล้ว ถือว่ายากมาก แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือ ข้อสอบต่างหาก ที่ง่ายเกินไปมั้ย? คือเราเข้าใจว่า แพทบาลี มีไว้สำหรับสามเณร หรือพระที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไปอะ (ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่เราคิดว่ามันมีเพื่อจุดประสงค์นี้) จากการถามมา แพทบาลี ถ้าเทียบกับเปรียญที่พระเรียนแล้ว ก็ประมาณ ปธ 1 มั้ง ซึ่งถ้าเป็นพระหรือสามเณรที่เรียนบาลีมาสูง ๆ แล้ว (แบบบางคนได้ ปธ 5 แล้วอะ) ข้อสอบแพทมันก็จะกลายเป็นของง่าย ๆ ไปเลย ถ้า สทศ จัดให้มีสอบแพทบาลีขึ้นเพื่อจุดประสงค์นี้จริง ๆ เราว่าก็ควรทำให้ข้อสอบมันยากขึ้นกว่านี้อะ ไม่ใช่ให้คนที่ไม่ได้เรียนภาษาที่สามมา แล้วไปเรียนพิเศษมาสองสามเดือน แล้วมาสอบได้ 200+ มันไม่ใช่อะ แล้วยิ่งตอนนี้ มีติวเตอร์ภาษาบาลีผุดขึ้นมากมาย แม้กระทั่งสถาบันกวดวิชาดัง ๆ ก็มี ยิ่งทำให้ง่ายเข้าไปอีก
จากการที่เราพิมพ์มา เราไม่ได้ขัดขวางไม่ให้มีการเรียนการสอนภาษาบาลี เราสนับสนุนเต็มที่ กับคนที่อยากเรียนภาษาบาลี อยากศึกษาพระพุทธศาสนา และเราก็มองว่าศาสตร์นี้ เป็นศาสตร์ที่มีประโยชน์ แต่เราแค่ไม่โอเคกับข้อสอบ ที่มันไม่ยุติธรรมกับคนที่เรียนภาษาอื่น ๆ มา และคนที่เรียนภาษาบาลีเพราะชอบ มันก็มี อย่างเพื่อนเรา ก็เรียนเพราะชอบจริง ๆ อันนี้เราไม่ว่าอะไร เราชื่นชมที่เขาเลือกเรียนในสิ่งที่เขาชอบ แต่จากที่เห็นส่วนใหญ่ มันไม่ใช่แบบนี้ มันคือการใช้แพทบาลีเป็นแค่ทางลัดเข้ามหาวิทยาลัย พอเข้าได้แล้วก็ทิ้ง เท่านั้นเอง
Aomori.Mei.Mei
27 ส.ค. 59 เวลา 23:20 น.
47,694
views
34 ความคิดเห็น
ที่ยื่นเข้ามานั่นเด็กวิทย์ ศิลป์คำนวณ ทั้งนั้น ที่เขาใช้บาลีก็เพราะรอบรับตรงของมหาลัยคุณ Pat1 เข้าได้แต่เอกภูมิศาสตร์ ถ้าอยากแก้ปัญหานี้คงต้องให้รับตรงเปิดให้ยื่น Pat1 เข้าเอกอักษรได้ (รับตรง60 ปีนี้มีแล้ว รับ 25 คน)
ความเห็นส่วนตัวนะ พี่งงว่า แล้วทำไมน้องไม่เลือกสอบบาลี ก็รู้ว่ามันง่ายกว่าพวก จีน ญี่ปุ่น ทาง สอท ก็เป็นคนให้น้องเลือกสอบเอง พี่ก็เรียนจบสายวิทย์มา แต่ตอนสอบ pat7 พี่เลือกญี่ปุ่น ถ้าถามว่าทำไมไม่เลือกบาลี ก็เป็นเพราะ พี่ชอบญี่ปุ่น ทั้งที่ไม่ได้เรียนมา ที่เอาไปสอบก็คือหาความรู้เองทั้งหมด
คืออ่านที่น้องเขียนมาแล้ว น้องไร้ common sense เลย น้องเลือกสอบเอง ไม่มีใครบังคับนะ ถ้าน้องอยากได้คะแนนดีกว่านี้ ทำไมไม่สอบบาลีล่ะ อีกอย่างมันก็ผ่านไปแล้ว ใครจะเลือกเข้าเอกไหน ก็เป็นเรื่องเขา เราสนใจแค่เราก็พอ ทุกอย่างมันอยู่ที่การขวนขวายหาความรู้เอง ใครจะเก่งไม่เก่งอยู่ที่การขยัน บางคนใช้บาลีเป็นตัวสอบ แต่เขาก็ต้องอ่านไหม ถึงจะทำให้ได้คะแนนดี บางคนเรียนมาหลายปี แต่เรียนแบบทิ้งขว้าง ก็คะแนนตามเนื้อผ้าไป
พวกที่ไปต่อภาษาอื่นทั้งที่ไม่มีพื้นเลย มันก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าเขาชอบ เขาขยัน เขาก็ได้ดีเอง
แล้วที่น้องเขียน คือเพื่ออะไร?? อย่างที่ย้ำไป น้องเลือกเอง ไม่มีใครจับมือน้องหรอกนะ ว่าห้ามเลือกสอบบาลี
เหตุผลที่หนูไม่เลือกสอบบาลี เพราะ ตอนเลือกสอบ หนูเรียนศิลป์ภาษามา ก็เลยเลือกสอบภาษาที่เรียนมา จะให้ไปเรียนอีกภาษาเพิ่มทำไม และอีกอย่างคือ หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเรียนได้เร็วขนาดนี้ ไม่มีใครบอกเรา เพิ่งมารู้ก็คือเข้ามาแล้ว เพื่อนบอกถึงรู้ แล้วก็ ที่พูดเพราะว่ามันรับรวมกัน ถ้ารับแยกกันในแต่ละภาษา อีกอย่าง คือเราเรียนภาษาอื่นมา พอมารู้ว่าคนอื่นเค้าเรียนเดือนสองเดือน มันก็แบบรู้สึกว่าไม่แฟร์กับเรา ที่ต้องเรียนมาสามปีอะ มันก็เป็นเพราะอารมณ์ด้วยแหละส่วนนึง
"พอมารู้ว่าคนอื่นเค้าเรียนเดือนสองเดือน มันก็แบบรู้สึกว่าไม่แฟร์กับเรา ที่ต้องเรียนมาสามปีอะ"
คนที่เรียนเดือนสองเดือนแล้วได้ขนาดนี้นี่คือขยันและโครตๆๆๆๆเก่งนะในความคิดเรา
เพราะความขยันและอัจฉริยะล้วนๆเลย ถ้าคนปกติมันไม่น่าทำได้อ่ะ555555555555
ใครจะรู้ว่าเดือนสองเดือนของเขาอาจจะคือการนั่งท่อง
นั่งเรียน นั่งจำทั้งวัน ไปไหนก็ท่อง ทำอะไรก็ท่อง ความขยันเต็มร้อย
เพราะถ้าคนที่เรียนบาลีจริงๆจะรู้ว่าภาษาบาลีมันต้องจำเยอะแค่ไหน
ในขณะเดียวกันคุณเรียนมา 3 ปี คุณขยันได้เท่าคนที่เรียนมาสองเดือนหรือเปล่า?
จขกท พูดถึงความยากง่ายของภาษา ที่บอกเรียนแค่เดือนสองเดือนแสดงให้เห็นถึงความง่ายของมัน บางคนแค่อ่านผ่านๆพอมีคามรู้บ้างเข้าไปทำยังได้เยอะเลย
ความเห็นส่วนตัวนะ พี่งงว่า แล้วทำไมน้องไม่เลือกสอบบาลี ก็รู้ว่ามันง่ายกว่าพวก จีน ญี่ปุ่น ทาง สอท ก็เป็นคนให้น้องเลือกสอบเอง พี่ก็เรียนจบสายวิทย์มา แต่ตอนสอบ pat7 พี่เลือกญี่ปุ่น ถ้าถามว่าทำไมไม่เลือกบาลี ก็เป็นเพราะ พี่ชอบญี่ปุ่น ทั้งที่ไม่ได้เรียนมา ที่เอาไปสอบก็คือหาความรู้เองทั้งหมด
คืออ่านที่น้องเขียนมาแล้ว น้องไร้ common sense เลย น้องเลือกสอบเอง ไม่มีใครบังคับนะ ถ้าน้องอยากได้คะแนนดีกว่านี้ ทำไมไม่สอบบาลีล่ะ อีกอย่างมันก็ผ่านไปแล้ว ใครจะเลือกเข้าเอกไหน ก็เป็นเรื่องเขา เราสนใจแค่เราก็พอ ทุกอย่างมันอยู่ที่การขวนขวายหาความรู้เอง ใครจะเก่งไม่เก่งอยู่ที่การขยัน บางคนใช้บาลีเป็นตัวสอบ แต่เขาก็ต้องอ่านไหม ถึงจะทำให้ได้คะแนนดี บางคนเรียนมาหลายปี แต่เรียนแบบทิ้งขว้าง ก็คะแนนตามเนื้อผ้าไป
พวกที่ไปต่อภาษาอื่นทั้งที่ไม่มีพื้นเลย มันก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าเขาชอบ เขาขยัน เขาก็ได้ดีเอง
แล้วที่น้องเขียน คือเพื่ออะไร?? อย่างที่ย้ำไป น้องเลือกเอง ไม่มีใครจับมือน้องหรอกนะ ว่าห้ามเลือกสอบบาลี
ความเห็นส่วนตัวนะ พี่งงว่า แล้วทำไมน้องไม่เลือกสอบบาลี ก็รู้ว่ามันง่ายกว่าพวก จีน ญี่ปุ่น ทาง สอท ก็เป็นคนให้น้องเลือกสอบเอง พี่ก็เรียนจบสายวิทย์มา แต่ตอนสอบ pat7 พี่เลือกญี่ปุ่น ถ้าถามว่าทำไมไม่เลือกบาลี ก็เป็นเพราะ พี่ชอบญี่ปุ่น ทั้งที่ไม่ได้เรียนมา ที่เอาไปสอบก็คือหาความรู้เองทั้งหมด
คืออ่านที่น้องเขียนมาแล้ว น้องไร้ common sense เลย น้องเลือกสอบเอง ไม่มีใครบังคับนะ ถ้าน้องอยากได้คะแนนดีกว่านี้ ทำไมไม่สอบบาลีล่ะ อีกอย่างมันก็ผ่านไปแล้ว ใครจะเลือกเข้าเอกไหน ก็เป็นเรื่องเขา เราสนใจแค่เราก็พอ ทุกอย่างมันอยู่ที่การขวนขวายหาความรู้เอง ใครจะเก่งไม่เก่งอยู่ที่การขยัน บางคนใช้บาลีเป็นตัวสอบ แต่เขาก็ต้องอ่านไหม ถึงจะทำให้ได้คะแนนดี บางคนเรียนมาหลายปี แต่เรียนแบบทิ้งขว้าง ก็คะแนนตามเนื้อผ้าไป
พวกที่ไปต่อภาษาอื่นทั้งที่ไม่มีพื้นเลย มันก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าเขาชอบ เขาขยัน เขาก็ได้ดีเอง
แล้วที่น้องเขียน คือเพื่ออะไร?? อย่างที่ย้ำไป น้องเลือกเอง ไม่มีใครจับมือน้องหรอกนะ ว่าห้ามเลือกสอบบาลี
มันก็น่าเห็นใจถ้าว่าภาษาบาลีคนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ สอบติดแล้วไม่ค่อยเรียนต่ออย่างที่คุณว่า
ผมเด็ก 60 ตอนนี้เตรียมสอบ GAT/PAT อยู่ แล้ว PAT หนึ่งในนั้นก็คือ PAT7.6 ภาษาบาลี
ผมบอกไว้ก่อนนะครับว่า ผมอยากเข้าคณะศึกษาศาสตร์ เอกภาษาไทย ซึ่งไม่ได้ใช้แพทบาลี แล้วผมไม่ได้คิดจะสอบตั้งแต่แรก แต่มีคนยุยงส่งเสริมบอกว่า "มีความสามารถด้านนี้อยู่ ก็ใช้ให้มันเป็นประโยชน์ อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกเผื่อไว้" (ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เป้าหมายหลัก)
ผมเรียนสายวิทย์-คณิตย์ ไม่ได้เข้าคอสเรียนพิเศษบาลี หรือบวชเรียนอะไรมาครับ ผมศึกษาจากเน็ต และหนังสือเอาด้วยเวลาที่น้อยในแต่ละวันเพราะที่รร. ไม่ได้สอนแล้วไม่ได้มีความสามารถอย่างที่คนที่ผมกล่าวอ้างบอกเลย ที่ผมศึกษาภาษาบาลีเพราะผมต้องการเข้าใจรากศัพท์ที่มาจากภาษาบาลีที่อยู่ในภาษาไทยซึ่งใช้กันอยู่กว่า 50% ในชีวิตประจำวันเท่านั้นเอง
ที่บอกว่าภาษาบาลีโจทย์เป็นภาษาไทยนั้น ผมคิดว่าก็ควรเป็นแบบนั้น เพราะ ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าจะเขียนเป็นภาษาอะไรดี (ฮ่าๆ) ที่เรียนก็เพื่อการอ่านออกแปลได้ คงไว้ซึ่งตัวธรรมในคัมภีร์พระพุทธศาสนา
ที่บอกว่าภาษาบาลีจริงๆคือ อักษรไทย แต่ไวยากรณ์บาลีครับ ครั้นจะใช้อักษรขอมดังเช่นสมัยก่อนโน้นก็คงจะแลดูแปลก ครั้นจะใช้ตัวอักษรอังกฤษก็แปลกอีกเหมือนกัน [What กิจฺฉา วุตฺติ อสิปฺปสฺส mean?] (ขำๆนะ ฮ่าๆ)
เรียนแล้วรู้เรื่อง มันไม่ได้ตัดสินกันด้วยระยะเวลา มันอยู่ที่ความพยายามในการศึกษามัน
นี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น อย่าเครียดเน้อ เอามาเล่าสนุก
ฉะนั้นแล้ว แล้ว แล้ว จะเป็นอย่างไรต่อไป (ไม่มีเนื้อหาสรุป) ขอบคุณคร้าบบบ
เนาะความคิดตรงกับคุณเลย มันอยู่ที่ความพยายามมากน้อยแค่ไหนกัน เรื่องการสอบภาษาบาลีที่ใช้ภาษาไทยก็จะให้ใช้ไร555
แล้วเด็กวิทย์คณิตที่อยากเข้าคณะภาษา แต่เอกที่อยากเข้าจำเป็นต้องยื่น pat7ซักภาษา จะให้สอบอะไร?
patภาษาอื่นที่ต้องจำกันเป็นปีๆ แล้วเด็กวิทย์ที่ยังต้องทำเกรดที่รร.ให้ไม่ตกต่ำไปกว่านี้จะต้องไปเรียนแล้วสอบเพื่อให้ยุติธรรมหรอ? กิจกรรมก็ต้องทำ โครงงานวิทยาศาสตร์บ้าบอที่ต้องมานั่ทำไม่จบไม่สิ้นซักทีทั้งที่อยู่ม.6แล้ว
แล้วก็ไม่ใช่ทุกมหาลัยทุกคณะทุกเอก ที่ให้ยื่นแพทบาลีได้ ตัวเลือกคณะมันน้อยกว่ามากๆนะ
ก็เลือกภาษาแต่แรกสิคะ
ถ้ารู้ตัวว่าชอบอะไรตั้งแต่แรก คงเรียนไปแล้วสิคะ
คือจะบอกว่าสายศิลป์ไม่ต้องรักษาเกรดหรอคะ ไม่ต้องทำโครงงาน? ไม่ต้องทำงานโรงเรียน ลองมาเจอศิลป์ที่เตรียมอุดมคุณคงจะเข้าใจมากขึ้น
อย่าเอาศิลป์เตรียมอุดมมาเทียบสิครับคุณ โรงเรียนนั้นไม่เคยปล่อยเกรดเด็กนะครับ แค่วิทย์พื้นฐานยังจะยากกว่าวิทย์คณิตหลายๆโรงเรียนเลย ในโรงเรียนท็อปๆเนี่ยะจะวิทย์หรือศิลป์ก็ให้เกรดกันโหดร้ายทั้งนั้น แต่โรงเรียนระดับทั่วไปเนี่ยะ ศิลป์ค่อนข้างปล่อยเกรดเลยนะครับถ้าเทียบกับวิทย์ จากประสบการณ์โรงเรียนตัวเองเลยครับ (ในจุดนี้ไม่พูดว่าสายไหนเรียนยากกว่า พูดแต่เรื่องเกรดล้วนๆ)
อืมม ก็เห็นใจนะครับ PAT บาลี ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ถ้าคณะต้องการใช้ภาษาบาลี มีดีที่มันสอบง่ายกว่าภาษาอื่น แต่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ หวังไว้แค่ว่าอนาคตจะงดรับ PAT บาลี ใช้ PAT7 อื่น หรือ GAT ล้วนเอา
เราเห็นต่างนะ เราเป็น #dek60 อยู่แผนการเรียนวิทย์-คณิต เราอยากสอบบาลีเพื่อเป็นทางเลือกเผื่อจะเข้ามนุษย์หรือครู เราว่าpatบาลีมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะ อ่านออกก็จริง อันนี้ไม่เถียง แต่โจทย์ถามอะไรไม่รู้ซึ่งเราก็ต้องอ่านหนังสือเหมือนกัน และเป็นอีกทางเลือกนึงของเด็กที่จะเบนสายนะเราว่า สำหรับคุณคุณว่าภาษาที่คุณเรียนนั้นยาก บาลีสำหรับเด็กวิทย์คณิตก็ยากเหมือนกัน กง่าจะเรียนให้ได้ในห้องแล้วยังต้องมาเริ่มใหม่กับบาลีอีก ก็ต่างคนต่างมุมมองค่ะ
เรา del60 แล้วกำลังเรียนบาลีอยู่ อยากถามว่า
ทำไมถึงคิดว่าภาษาบาลีง่ายกว่าภาษาอื่นคะ?
เคยลองไปเรียนภาษานี้แบบลึกๆหรือยัง มันไม่ง่ายนะคะพูดเลย
คนที่บอกว่าเรียนแค่ไม่กี่เดือนแล้วทำได้มันส่วนน้อยนะ แบบอัจฉริยะเลยคนพวกนั้นอ่ะ ขยันมากๆ
พระ สามเณร เขาเรียนเป็นปีๆนะไม่ต่างจากภาษาอื่น
เรียนบาลีเราต้องท่องจำหนังสือเป็นร้อยๆหน้า แกรมม่าก็ยากมาก
การผันรูป การเปลี่ยนวาจก การจำสังขยา มันไม่ง่ายนะคะ
เด็กที่เรียนบาลีต้อง "จำ" ทุกอย่างค่ะ เรียกได้ว่าจำหนังสือเข้าห้องสอบเข้าไปเลย
อย่าเพิ่งคิดว่ามันง่ายค่ะหากคุณยังไม่ได้สัมผัสเอง คนที่ได้200+นี่คือขยันค่ะ
ถ้าคุณขยันและตั้งใจเรียนในภาษาของคุณเหมือนกันคุณก็ต้องได้คะแนนเยอะอยู่แล้ว
มันไม่เกี่ยวกับภาษาหรอก มันขึ้นอยู่กับความพยายาม ความตั้งใจ และความขยันของแต่ละคน
ถ้าคุณขยันจริง เก่งจริง คุณก็ทำได้เหมือนกัน
แล้วที่บอกว่าข้อสอบง่าย มันไม่ง่ายนะ อาจจะง่ายแค่เรื่องแรกๆ
แต่หลังๆนี่คือเราทำไม่ได้เลย ทั้งๆที่เรียนมาครึ่งปีแล้ว
ถ้าไม่ขยัน ไม่ท่อง ไม่จำ ไม่เรียน มันไม่มีใครทำได้หรอก
เรายังอยากกลับไปเรียนภาษาจีนเลย ง่ายกว่าเยอะในความคิดเรา
เราว่ามันขึ้นอยู่กับมุมมองคน ธรรมชาติของแต่ละภาษามันไม่เหมือนกัน ภาษาตะวันออกอย่างจีนกับญี่ปุ่นมันยากที่ตัวอักษร เข้าใจว่าใช้เวลาจำเป็นปีๆ แต่ถ้ารู้จักบาลีจริงๆแล้วถึงข้อสอบจะง่ายถ้าเทียบกับภาษาอื่น แต่เนื้อหาจริงๆที่ต้องรู้และต้องจำกว่าจะทำข้อสอบได้มันเยอะมาก เราก็ต้องนั่งท่องนามนามว่ามีเป็นเพศอะไร(มี3เพศ)เหมือนภาษาตะวันตกที่เหลือ เราต้องจำรากของกริยากับปัจจัยที่ใช้ เราต้องจำการผันวิภัตติของทั้งนามสรรพนามตัวเลขกริยา ข้อยกเว้น และอะไรอีกมากมายเพราะข้อสอบมันประยุกต์เอาหลายเรื่องมารวมกัน ถ้าพูดถึงความแฟร์ไม่แฟร์ในเวลาที่เตรียมตัวสอบ เราก็คงไม่แฟร์ที่เข้าโครงการสเปนมาเหมือนกันเพราะเราแค่มีต้นทุนเดิมเป็นเด็กแลกเปลี่ยน เตรียมตัวเข้าใช้เวลาน้อยกว่าบาลีด้วยซ้ำ อีกอย่างนึงลองปรับมุมมองไหมว่าการที่ใช้เวลากับภาษาที่สามอื่นมากๆก็เท่ากับว่ายิ่งได้ฝึกฝนตัวเองมองว่าดีต่ออนาคตไม่ใช่แค่มองว่าเรียนภาษาเป็นแค่ทางผ่านเพื่อเข้ามาเรียนในมหาลัย
ป.ล.บาลีเราเรียนและอ่านเกือบปี ไม่ได้ใช้เข้ามหาลัยแล้วตอนนี้ก็ยังสนใจแล้วก็ยังใช้อยู่เลยจ้า
1. ถึงระยะเวลาเรียนจะเป็นหลัก "เดือน" แต่ระยะเวลาที่เราทุ่มให้กับบาลีในแต่ละวันมันเยอะมากเลยนะคะ เปิดเทอมไปโรงเรียนเราก็อ่านแค่บาลี ทุกวิชาในโรงเรียนเราเทหมดเลย กลับบ้านมาก็บาลี ก่อนนอนก็บาลี ทั้งวันมีแค่บาลีอ่ะค่ะ แล้วก็ที่เธอบอกว่าภาษาอื่นไม่มีทางที่จะเรียนเป็นเดือนแล้วทำได้คะแนนเยอะเราบอกเลยว่ามีค่ะ เราเคยคุยกับพี่ที่ติดอักษร จุฬาไปสองคน เรียนสายวิทย์คณิตทั้งคู่ เพิ่งมาเรียนฝรั่งเศสตอนมอหกไม่กี่เดือนก่อนสอบ คะแนนเขาก็เยอะพอจนติดค่ะ เช่นคนนี้ ขออนุญาตพี่คนนั้นไว้ ณ ที่นี้เลยนะคะ ส่วนอีกคนนึงเราทำแชทหายค่ะหาไม่เจอ
http://www.mx7.com/view2/zk6kkgpRptlZBnpC
2. ยอมรับค่ะว่าเกือบทุกคนที่ยื่นบาลีเข้าไป เรียนเอกบาลีน้อยมาก ในความคิดของเราคงเป็นเพราะโอกาสในการทำงานน้อยกว่าสาขาอื่น เพราะภาษาบาลีเหมือนเป็นภาษาที่ตายแล้ว ไม่ค่อยมีคนใช้พูดคุยกันในปัจจุบัน ก็ไม่รู้จะทำงานอะไรได้ เลยเลือกเอกอื่นๆที่คิดว่าน่าจะมีงานรองรับมากกว่า บางคนขนาดเรียนเอกภาษาต่างประเทศอื่นๆ ก็ยังไม่ชัวร์เลยว่าตัวเองจบไปจะมีงานรองรับไหม ทั้งๆที่โอกาสในการทำงานก็มากกว่าเอกบาลีเยอะมาก จริงไหมคะ
3. เรื่องนี้เราไม่เห็นด้วยอย่างมากค่ะ โจทย์เป็นภาษาไทยก็จริง แต่ถ้าเธอมาอ่านโจทย์จะรู้เลยว่า "อ่านออก แต่ไม่เข้าใจ" เป็นยังไง ถึงจะอ่านโจทย์ออก แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็คือทำไม่ได้ ทำได้ ก็คือทำได้ ถูกไหมคะ อีกอย่าง เราไม่รู้นะคะว่าภาษาบาลีมีอักษรเป็นของตัวเอง แต่น่าจะไม่มีมั้งคะ เพราะถ้าเรียนที่อังกฤษ เขาก็ใช้อักษรเป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้น
4. เรื่องข้อสอบง่าย เราว่าก็อาจจะจริงค่ะ แต่ก็น้อยคนนักที่จะได้คะแนนเยอะ เพราะจากสถิติ คนที่ไปเดา มักจะเยอะกว่าคนที่ตั้งใจเข้าไปทำจริงๆ คนที่ตั้งใจเข้าไปทำนั้น เขาก็ตั้งใจเข้าไปทำจริงๆ ตั้งแต่ตอนตัดสินใจเริ่มเรียน ตอนเรียน พวกเราพยายาม ไม่ต่างกับคนอื่น
ข้อสุดท้าย
ชีวิตเราเสี่ยงมาก ตั้งแต่เลือกเรียนบาลี เพราะมันมีแค่ไม่กี่คณะเท่านั้น ที่รับคะแนนแพทบาลี ถ้าคะแนนดี แล้วเราติด คือชีวิตดี แต่ถ้าคะแนนแย่ เราก็ซวย เพราะไม่มีที่ไหนจะรองรับ อยากให้มองในแง่มุมนี้บ้าง แพทภาษาอื่นๆยื่นได้หลายมหาลัย และหลายคณะมาก ทั้งอักษร มนุษย์ ศิลปศาสตร์ นิเทศ นิติ รัฐศาสตร์ บลาๆ โอกาสที่คะแนนแพทบาลีเยอะก็มี แต่โอกาสในการยื่นคะแนนในหลายๆคณะ หลายๆมหาลัยนั้น แทบจะไม่มีเลยเช่นกัน
คนส่วนมากที่เลือกสอบบาลี จะเป็นเด็กสายวิทย์คณิต เราก็เช่นกัน ตอนที่เราเลือกสายตอนมอสี่ เราไม่รู้เลย ว่าวิทย์คณิตมันจะหนักหนา เราไม่รู้เลยว่ามันจะยากมากมายอะไรขนาดนี้ เราไม่รู้เลยว่ามันไม่เหมาะสมกับเรา เรารู้ตัวว่าเราเลือกทางเดินชีวิตผิด ก็ตอนเราอยู่มอหก มันเกือบจะสาย แต่มันมีหนทางสุดท้าย ที่จะทำให้เราถึงฝัน ได้เรียนในสิ่งที่เราอยากเรียน นั่นก็คือภาษาบาลี หลายคนอาจมองว่าภาษาบาลีเป็นสะพาน ใช่ มันคือสะพาน แต่มันเป็นสะพานที่พาเรามาถึงฝั่งฝันของชีวิต ชั่วชีวิตนี้เราคงไม่ลืมช่วงระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่เราผันตัวจากเด็กวิทย์คณิตมาเป็นเด็กสายศิลป์แบบสมบูรณ์ และเราจะไม่ลืมพระคุณของภาษาบาลีอย่างแน่นอน
อ่านแล้ว อยากแชร์ ปสก ตัวเองจัง เพราะก็คิดว่าน่าจะเรียนอยู่คณะเดียวกันแน่เลย แต่เราพึ่งจบรุ่น 80 นี้เอง
เราจบสายวิทย์มา เราอยากเรียนเอกภาษาที่สามภาษานึง ที่ไปเริ่มเรียนใหม่ที่นั้น เอกภาษาที่ไม่ค่อยเปิดสายศิลป์ใน รร ทั่ว ๆ ไป ^^
เราว่ารุ่นก่อน ๆ รุ่นตัวเองด้วยมั้ง แพทบาลียังไม่ค่อยบูม เราเครียดมากที่เลือกสอบบาลี แต่ไม่รู้จะไปขวนขวายหาหนังสือเพื่อสอบจากไหน 55555 แต่เราโชคดีที่รู้จักรุ่น 79 คนนึงโดยบังเอิญ เลยรู้แหล่งไปหนังสือมาอ่าน 555
---- เราไม่เถียงที่ว่าภาษาบาลีง่ายกว่าภาษาอื่นนะ มันอาจจะใช่ แต่มันก็ไม่ใช่เสมอไปนะ เราอ่านแทบตายอ่ะ เดือนกว่า ๆ ผลที่ออกมาคือ 210+ คือ เป็นที่น่าพอใจ แต่เราบอกเลยว่า มันไม่ใช่แค่ pat7 เท่านั้น ที่จะทำให้คุณได้ไปต่อ... แต่ ((สามวิชา)) ที่น้ำหนัก 25% เท่ากัน ก็ ((สำคัญ)) ไม่แพ้กัน ถึงแม้เราจะได้บาลี 210+ แต่สามวิชาเราขยันไม่พอ เราก็ไม่ติดเช่นกันจ้า สรุปเราหลุดรอบรับตรงไปหลักสิบคะแนนมั้ง
..... น่าเสียดายมาก ...... เราเคว้งมาก ...... เราร้องไห้หนักมาก ..... เราทุ่มมาก .....
แล้วเหลือ pat7 ให้เราสอบอีกครั้งเดียว แต่ใจเราเพลียแล้ว แอดมิดชั่นมีบาลีให้ยื่นน้อยมาก ..... เราเลยตัดสินใจไปมั่วฝรั่งเศส (แต่ก็นรกนั้นล่ะ เราอ่านไม่ทันแล้วล่ะ ถ้าจะเริ่มใหม่ ก็ตาย มั่วไปได้ 100 กว่าๆ) ... เรายังอิจฉาคนที่เรียนสายภาษามาตั้งแต่แรกเลยล่ะตอนนั้น ถ้าเราเรียนสายภาษาเราคงได้อะไรมากกว่านี้ ถ้าอยากมาสายภาษาจริง ๆ มากกว่าเรียนสายวิทย์ (อ้าว อาจไม่ได้ใช้ภาษาที่สามยื่นเข้าคณะในฝันติด แต่แล้วไง 3 ปี เราก็ได้ภาษาที่สามภาษาใดภาษานึง ที่พอจะสื่อสาร เข้าใจระดับนึงเลยนะ .... มันก็ดีไม่ใช่หรอ??!)
อ่าาา ... ตัดจบดีกว่า เดี๋ยวจะยาวไป
เราติดคณะที่น่าจะเป็นคณะเดียวกันกับเจ้าของกระทู้ ในรอบแอด แต่อีกสาขานะจ้าาที่ไม่ใช่ที่หวังตอนแรก เรียนไป suffer ไป เราว่าถ้าเราเรียนศิลป์ภาษาคงได้ pat7 ฝะ เยอ ญี่ จีน (ที่เปิดให้ยื่นแอดเยอะกว่าบาลีอีก) ซึ่งมันก็ยังเปิดโอกาสให้คนที่พลาดในรอบรับตรงกว่าบาลีอีกนะ
โถ ถ้า pat 7 ฝะ ได้ 210+ เท่าบาลี เราคงไปยื่นคณะอื่นๆ เช่น นิเทศฯ ฬ ไปแล้วสินะ (เราเพ้อเราขอโทษ)
เราว่านะ ไม่ว่าอย่างไร เราว่าคนที่จะติดคณะที่ตัวเองหวังได้ คือ คนไม่ได้ฉลาดแค่ในตำรา แต่เราว่ายังมีองค์ประกอบอีกหลาย ๆ อย่างอีกด้วย (เราหลุดประเด็นไปป่าวว่ะ)
เอาเป็นว่า 9 และ 21 ตุลานี้ มาถ่ายรูปกัน :D
ที่เลือกลง pat 7 บาลี ไม่ใช่เพราะง่ายหรือไรหรอก แต่เพราะไม่รู้ภาษาอื่นเลยค่ะ 55555 ทุกแพทเราว่ายากเหมือนกันหมด ขึ้นอยู่กับความสามารถและความพยายามของแต่ละคน
ซึ่งสำหรับเรา บาลี คือทางเลือกสุดท้ายของเราแล้วค่ะ ไม่ใช่เด็กวิทย์ แต่เป็นเด็กศิลป์คำณวน ที่ไม่เก่งคณิต T^T เรียกได้ว่า โง่ จริงๆ และประเด็นสุดท้ายที่เลือก เพราะคณะที่จะเข้าใช้แพท 7 ซึ่งอย่างที่บอกไว้ เราไม่มีพื้นฐานภาษาอื่นเลย จขกท.ยังดี ที่มีพื้นฐานภาษาแล้ว แต่เราต้องเริ่มนับ0 ใหม่
ดูรวมๆแล้วบางที คนที่เลือกบาลี อาจจะเสียเปรียบกว่าก็ได้นะคะ ถ้าลองอีกมุมนึง เด็กภาษาได้เรียนมาแล้ว3ปี ส่วนบาลีต้องเรียนภายในระยะเวลา แค่ไม่กี่เดือน ..
ตอนแรกเราก็คิดว่าบาลีง่าย (แค่คิด) แต่พอมาเรียนจริงๆก็ไม่ต่างอะไรกับการเรียนภาษาจีน ฝรั่งเศษ ญี่ปุ่น ฯลฯ ที่ต้องเรียนแกรมม่า ท่องศัพท์ แปลประโยค แล้วเรียนเวลาแค่ไม่กี่เดือน ลองคิดดูดีๆนะ ว่าคนที่เลือกสอบภาษาบาลีต้องอดทน และตั้งใจขนาดไหน กว่าจะได้คะแนนที่ใช้ยื่นได้อะ แล้วอีกอย่างเราคิดว่าคนที่เรียนศิลป์ภาษาอยู่แล้ว ได้เปรียบด้วยซ้ำ คุณได้ใช้มันในชีวิตจริงๆได้พูดได้คุยกับครูที่ รร. ทำให้เรียนรู้ได้ง่ายขึ้น แต่กับคนที่เรียนภาษาบาลีสิ (บาลีเป็นภาษาที่ตายแล้ว) จะไปพูดกับใครได้อะ ก็ได้แต่อ่านๆๆๆๆท่องๆๆๆๆๆๆ ดังนั้นอย่าคิดว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบเลย เพราะคนที่เลือกสอบทุกคนก็ต้องความพยายามกันทั้งนั้นปะ? ใช่ว่าเรียนจบคอสละจะได้ 200+ ทุกคนนิ เขาก็พยายามอะไรไม่ต่างจากคุณเลย
เข้าใจ จขกท นะครับ ผมก็เจอแบบ จขกท เหมือนกัน ตอนแรกก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกันว่า เห้ยยย ทำไม-เรียนแปปเดียวได้คะแนนเกือบเท่ากูเลยวะ 5555 (แต่ผมอยู่คนละคณะกับ จขกท นะครับ) อ่านจากหลาย ๆ คอมเม้นต์นะครับ ผมมองว่า 1. หลายคนบอกว่าบาลีต้องจำเยอะมาก (ซึ่งก็จริง เพื่อนผมก็ยื่นบาลีเข้ามา) แต่ว่า ภาษาอื่น ๆ ก็ต้องจำเยอะมากเช่นกัน อย่างผมยื่นจีนเข้ามา จริงอยู่ ภาษาจีนไม่มีผันอะไรเยอะแบบบาลี แต่ว่าก่อนสอบก็จำตัวจีนเยอะไม่ต่างกันครับ เพราะฉะนั้น ผมมองว่าไม่ว่าภาษาไหน ก็ต้องจำเยอะเหมือนกัน ไม่เฉพาะบาลี 2. สำหรับเด็กวิทย์ ทุกคณะที่เป็นสายศิลป์ เปิดโอกาสให้เด็กวิทย์เข้าได้หมด โดยใช้ PAT 1 เป็นพื้นฐานวิทย์ อย่างรับตรงจุฬาฯ หลาย ๆ คณะ ก็เปิดรับ PAT 1 (ได้ข่าวปีนี้รอบรับตรง อักษรก็เปิดรับ PAT 1 ด้วยนะครับ) ตรงนี้ผมจึงมองว่าบาลีจึงไม่ใช่แพทสำหรับเด็กวิทย์ที่จะเบนสาย (อย่างน้อยก็คงไม่ใช่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงที่มีการสอบบาลี) แต่สุดท้ายแล้ว PAT มันก็แค่ตัวที่ใช้ยื่นเข้ามาอะ มาวัดกันจริง ๆ ตอนเรียนในมหาลัยนี่ดีกว่า แต่ละเทอมนี่หนักกว่า PAT พันเท่า 55555 ตอนนี้ช่างมันละ ไม่คิดไรละ คิดว่าจะเอาตัวรอดไปได้ยังไงดีกว่า 5555555
เราก็คิดเหมือนเธอนะ เพราะเราเคยเรียนภาษาจีน อธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์ คนเรียนจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน เขาเรียนกัน 2-3 ปี จะให้เรียนแค่ 2-3 เดือนแล้วไปสอบ มันก็เอาเปรียบกัน พวกที่เข้าคณะตรงข้ามกับสายที่เรียน เรียน วิทย์ บอกอยากเข้าศิลป์ อยากเข้าจริงๆหรอ บอกชอบเรียนภาษาแต่ไม่เรียนภาษาที่ 3 รอ 2-3 เดือนก่อนสอบ ค่อยเรียน สรุปว่าอยากเรียนจริงหรือกลัวสอบอะไรไม่ได้ถึงเตรียมไว้ยื่นคะแนน
แล้วแต่จะคิดนะคะ ยังไงแพทบาลีก็ยากเหมือนเดิมไม่ได้ต่างจากภาษาอื่นๆ ถ้าคนเคยเรียนจะรู้ดีต่อให้อ่านโจทย์เข้าใจแต่หาคำตอบไม่ได้คะแนนก็ไม่ได้ดีหรอกค่ะ คะแนนมันบอกถึงความพยายามของเราได้น้อยหรือมากมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราแหละค่ะ
เราคิดนะว่าถ้าเป็นคณะที่จะเราอยากจะเข้าเราทำนะ อะไรที่เปอร์เซ็นเข้าได้มากเราทำ ถ้าสมมุติคุณเก่งจีนแต่ไม่เก่งเลขคุณจะเลือกสอบอะไรถ้าคณะนั้นยื่นได้ทั้งจีนหรือเลขก็ต้องจีนจริงเปล่า สถาบันไม่ฟิคสะหน่อยว่าต้องใช้pat7อะไร
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?