Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

"สโมสรปาตาปุม" ชมรมเล็กๆ ของ 2 ยุวกษัตริย์ ที่มีตู้เสื้อผ้าเป็นที่ประชุม อ่านแล้วอมยิ้มแน่นอน!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ก่อนอื่น เราขออนุญาตละราชาศัพท์ที่ถูกต้อง และสรุปในภาษาของเราเองนะคะ


รูปนี้ฝั่งขวาสุดเป็นพระะนางเน้อ ภาพตอนต้นๆ อ่านแบบไม่สังเกตเอง ขออภัยค่าา ><





จากหนังสือ "เจ้านายเล็กๆ - ยุวกษัตริย์" ที่สมเด็จพระพี่นางฯ เขียนนั้น เล่าถึง "สโมสรปาตาปุม" ไว้ว่า...






ตอนเด็กๆ ร.8 และร.9 ทรงตั้งสโมสรปาตาปุม (Club Patapoum) ขึ้นมา เข้าใจว่าเอาอย่างในหนังสือการ์ตูนที่มักมีเด็กๆ มาร่วมกลุ่มสร้างสโมสรทำกิจกรรมต่างๆ กัน สโมสรฯ นี้มีชื่อสมาชิกอยู่เยอะมาก แต่มีตัวตนจริงๆ แค่ 2 องค์ คือ ร.8 และ ร.9 นั่นแหละ











(ภาพ ก.) นายกสโมสร : อานันท รองนายกสโมสร : ภูมิพล...














ในรายชื่อสมาชิกสโมสรนั้น จะระบุชื่อและตำแหน่งต่างๆ (ภาพ ก.) ไว้ เช่น นายกสโมสรฯ รองนายก เหรัญญิก และประชาสัมพันธ์ เป็นต้น ชื่อที่มีก็เช่น ราอูล กงตรอง และเลอ กงเมลช์** โดยทั้งสองพระองค์ก็จะสลับกันเป็นตำแหน่งโน้นตำแหน่งนี้กันไป ส่วนวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งและดำเนินการสโมสรนี้ก็ไม่มีใครทราบ แต่ที่แน่ๆ ก็เพื่อหาผลประโยชน์เข้าสโมสร (ฮาาา)










สโมสรปาตาปุมมีการหารายได้ผ่านการจ่ายค่าบำรุงสมาชิก ซึ่งเงินค่าสมาชิกก็มาจากค่าขนมของ ร.8 และ ร.9 เอง แต่ ร.8 ซึ่งเป็นพี่ก็ต้องจ่ายค่าบำรุงมากกว่า เพราะได้ค่าขนมมากกว่า 555



















สองพระองค์กับ สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า











นอกจากค่าบำรุงสมาชิกแล้ว ถ้าใครได้ของขวัญเป็นเงิน ก็ต้องเสียภาษี และก็มีการนำของที่มีไปออกสลากขาย มีการแบ่งรายได้ไว้ทำบุญ 50% ด้วย (สมเด็จย่าฯ แม่ของทั้งสองพระองค์ ทำกล่องสำหรับใส่เงินทำบุญไว้ ใครอยากทำเท่าไหร่ก็นำเงินไปใส่กล่อง) แต่ช่วงที่มีรายได้เข้าสโมสรมากที่สุดนั้น คือ....เมื่อตอนกลับไปเมืองไทยปี 2481 ไปเฝ้าสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ที่วังสระปทุม (ย่าของทั้งสองพระองค์)


















การประชุมของสโมสรนั้น จัดขึ้นที่ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของสองพระองค์ (ตอนทรงพระเยาว์บรรทมห้องเดียวกัน) ส่วนหัวข้อการประชุม ก็เช่นเรื่องจะนำเงินสโมสรไปซื้ออะไรดี อย่างตอนที่หารือกันว่าจะซื้อรถไฟโบราณที่ใช้ไม่ได้ดี หรือจะซื้อรางรถไฟมาขยายรางเดิมเพิ่มดี พอปรึกษากันก็ได้มติว่าจะนำเงินสโมสรไปซื้อรางรถไฟเพิ่ม เป็นต้น





















เวลาสโมสรมีเงินมาก ก็จะนำไปฝากธนาคาร และนอกจากของเล่นก็ยังมีเหรียญทองสวิสที่ค่อยๆ ซื้อมาเก็บ และหนังสือด้วย ถ้าเป็นหนังสืออ่านเล่นก็จะซื้อกันเอง แต่ถ้าเป็นหนังสือความรู้ รัฐบาลจะเป็นผู้ซื้อสนับสนุน (รัฐบาล ก็คือแม่ หรือสมเด็จย่านั่นแหละ 555)






















  นอกจากหารือกันสร้างรายได้หรือซื้อของแล้ว บางครั้งสโมสรปาตาปุมก็ออกหนังสือในนามสโมสรด้วย ครั้งนึงสมเด็จพระพี่นางฯ เคยได้หนังสือจากสโมสร เป็นข้อความลายพระหัตถ์ของ ร.8 เขียนบทกลอนล้อเลียนบทกลอนของนักเขียนชื่อดังที่พระองค์คงกำลังเรียนอยู่ตอนนั้น โดยลายเซ็นเป็นชื่อกรรมการคนหนึ่งในสโมสรนั่นเอง (สังเกตชื่อที่ภาพ ก. ได้)










หนังสือและของที่ออกในนามสโมสรปาตาปุม ส่วนใหญ่ก็มักเป็นเชิงหยอกล้อเอาสนุก แต่ก็มีครั้งหนึ่งเหมือนกันที่สมเด็จพระพี่นางฯ ซึ่งป่วยอยู่ที่โรงเรียนประจำในขณะนั้น ได้รับจดหมายและกล่องจากสโมสรปาตาปุมนี้ พระพี่นางเล่าว่า "ออกจะไม่ไว้ใจนัก" แต่พอเปิดกล่องออกดู ก็พบว่าเป็นไก่ย่างตัวเล็กๆ และขนม พร้อมคำอวยพรให้หายไวๆ แถมลงท้ายกำกับไว้ว่า "นี่สโมสรออกเงินเอง ไม่ใช่แม่"









((กรี๊ด..... น่ารักกันเข้าไปอีกเนอะ))






















การเล่นของสองพระองค์ แสดงให้เห็นพระอัจฉริยภาพหลายๆ ด้านได้เลยนะคะ ที่เขาบอกว่า "การเล่นที่ดีคือพื้นฐานของผู้ใหญ่ที่ทำงานเก่ง" ก็แบบนี้นี่เองเนอะ สามารถอ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้จากหนังสือ "เจ้านายเล็กๆ - ยุวกษัตริย์" ฉบับรวมเล่ม (เล่มเล็ก ตีพิมพ์โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง) จะอยู่ราวๆ หน้า 394 เป็นต้นไป และอ่านเพิ่มเติมเรื่องนี้ได้จาก /อัลบัมใน fb เรื่องสโมสรปาตาปุมและขอดูหน่อย/















 

...จากวันนั้น จนถึงวันนี้ เชื่อได้ว่า "สโมสรปาตาปุม" คงได้เปิดดำเนินการอีกครั้ง...














------------------------------------



**เลอ กงเมลช์ 
ชื่อสมาชิกในสโมสรปาตาปุม



ถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้งในบทท้ายๆ ของหนังสือ ตามภาพด้านล่างนี้ค่ะ



เป็นข้อความที่ ร.8 เขียน



เลอ กงเมลช์  น่าจะเป็นชื่อที่ ร.9 ใช้ค่ะ สโมสรปาตาปุมคงอยู่ในใจของทั้งสองพระองค์มานานเช่นกันค่ะ เพราะปีที่ ร.8 เขียนจดหมายนี้ เป็นปีที่พระองค์สวรรคต....







 

แสดงความคิดเห็น

กระทู้นี้ถูกปิดการแสดงความคิดเห็น

13 ความคิดเห็น

#_sSoniM_# 21 ต.ค. 59 เวลา 23:15 น. 1

เป็นกระทู้ที่ดีมากๆเลยค่ะ 
ทั้ง2พระองค์น่ารักมากเลย

ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะคะ

1
tkaawow 21 ต.ค. 59 เวลา 23:26 น. 1-1

ขอบคุณมากๆ นะคะ
ยิ่งอ่าน ยิ่งรักในหลวงของเรามากๆ เลยล่ะค่ะ

0
Prrrrrw 22 ต.ค. 59 เวลา 08:34 น. 2

ท่านทั้งสองน่ารักมากค่ะ
ขอเก็บไว้อ่านเมื่อคิดถึงพวกท่าน

0
pookong 22 ต.ค. 59 เวลา 10:11 น. 3
 ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะ  ทั้งสองพระองค์เป็นเด็กที่น่ารักและฉลาด สมกับที่สมเด็จย่าท่านสั่งสอนมาได้ดีมาก  
0
white rabbit 22 ต.ค. 59 เวลา 14:22 น. 6

ทั้งสองพระองค์น่ารักมาก เรื่องนี้แสดงถึงความรักและความผูกพันระหว่างพี่กับน้องได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

0
ตั้ก 22 ต.ค. 59 เวลา 19:07 น. 7

อยากเกิดทัน สมัยรัชกาลที่8
ทั้งสองพระองค์ น่ารักมากเลยเพคะ

0
PPSaranrat 23 ต.ค. 59 เวลา 20:09 น. 9

อ่านแล้วยิ้มกว้างเลยค่ะ ช่วยให้ความเศร้าละลสายลงได้บ้าง ได้รู้ในหลายๆด้านของพระองค์มีสาระมาก น่าจะมีในบทเรียนนะคะมีประโยชน์มากๆ

0
รักครอบครัวมหิดล 24 ต.ค. 59 เวลา 10:34 น. 10

เราก็อ่านหนังสือเล่มนี้คร่าวๆแล้ว แต่เพิ่งมาเจอเรื่องสโมสรจากกระทู้นี้แหละ พอรู้ยิ่งตอกย้ำความรักของ2พระองค์เลย เสียดายมากๆมากถึงมากที่สุด ที่ร.8สวรรคตก่อน อดเห็นความผูกพันของ2พระองค์เลย พระพี่นางเคยบอกไว้ในรายการนึงที่สัมภาษณ์หนังสือเล่มนี้ บอกว่า2พระองค์ตัวติดกันตลอด อย่างกับร่างเดียวกัน เราเสียใจแทนร.9ที่มีคนหาว่าพระองค์ฆ่าพี่ชายตัวเอง โถ่นี่แค่โดนพรากอีกร่างนึงของตัวเอง ยังต้องเจออะไรแบบนี้อีก *ขออภัยเราไม่ได้ใช้คำราชาศัพท์

2
fieost 24 ต.ค. 59 เวลา 11:37 น. 10-1

เข้าใจเลยค่ะ
เราก็ไปตามอ่านค้นหาความจริงมาหลายที่ ทุกอย่างมีนัยยะหมดค่ะ เป็นไปได้หลายทาง และเป็นเรื่องลึกลึบซับซ้อนมาก ไม่อยากให้โยนความผิดให้พระองค์ท่านเพียงผู้เดียว เรื่องแบบนี้ต้องวิเคราะห์และนำสิ่งที่ได้รู้มาชั่งน้ำหนักดูค่ะ การสวรรคต ของร.8 ไม่มีใครเสียใจไปกว่าครอบครัวของพระองค์ท่านอีกแล้้วค่ะ

อย่าเชื่อเพราะฟังตามกันมา
อย่าเชื่อพระฟังคนอื่นพูดเนอะ

0
marikopop 25 ต.ค. 59 เวลา 20:37 น. 10-2

เพราะเรื่องการเมืองและขบวนการล้มเจ้าในสมัยนั้นลัทธินี้แพร่หลาย ดีนะที่พวกเขาทำไม่สำเร็จไม่อย่างนั้นประเทศเราคงไม่พระมหากษัตริย์ผู้เป็นมิ่งขวัญ

0
fieost 24 ต.ค. 59 เวลา 12:00 น. 11

ถ้ามีคนได้ศึกษาพระราชกรณียกิจของล้นเกล้ารัชกาลที่ 8 จะพบว่า ท่านเป็นห่วงความเป็นอยู่ของราษฎร และเสด็จไปเยี่ยมเยียนพูดคุยถึงชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรของท่าน โดยจะมีพระอนุชา (ร.9) เสด็จตามไปด้วยทุกที่ ในหนังสือพระพี่นางฯ ถึงกับเขียนบรรยายไว้ว่า 'ตากล้องที่ติดตามไปทุกที่ และฝึกอาชีพกษัตริย์ไปโดยไม่รู้ตัว'

มีความตอนหนึ่งว่า

'พระเชษฐาธิราชสวรรคตไปตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ตอนในหลวงร.9 ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากพระเชษฐา ได้มีพระราชปณิพานตั้งมั่นว่า จะทรงงานให้หนัก เพื่อทดแทนในส่วนของพระเชษฐาด้วย แล้วท่านก็ได้ดำรงค์วิถีชีวิตของพระองค์ตามที่ตั้งพระทัยไว้จริงๆ'

:)
2
white rabbit 25 ต.ค. 59 เวลา 10:18 น. 11-1

พระเชษฐาคือพี่ชายค่ะ ถ้าน้องชายใช้คำว่า พระอนุชาค่ะ

0
fieost 25 ต.ค. 59 เวลา 13:38 น. 11-2

โอ้วว พิมพ์ผิดค่ะ ลืมไป ขอบคุณมากๆ แก้แล้วนะคะ ^_^

0
กนกวรรณ 25 ต.ค. 59 เวลา 14:54 น. 12

อยากหาแบบเป็นเล่มสมบูรณ์อ่านมีไม้ค่ะ จะหาซื้อเก็บไว้เพื่อรำลึกถึงพระองค์ตลอดชั่วกัลปาวสานค่ะ หากมีช่วยบอกด้วยนะค่ะ

ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตลอดไปและจะปฏิบัติตามคำสอนของพ่อยิ่งๆขึ้นไป. เศร้าจัง

0
marikopop 25 ต.ค. 59 เวลา 20:33 น. 13

ทั้ง2พระองค์คือเจ้าชาย คือกษัตริย์ที่น่ารักและสง่างามที่สุด

0