Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แชร์ประสบการณ์มาเรียนโทที่ฝรั่งเศส จนได้ฝึกงานบริษัทเหล้าที่ใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก

ตั้งกระทู้ใหม่
 
สวัสดีค่า ขออนุญาติแนะนำตัวเองก่อนนะคะ ชื่อ แพลทริน ค่า 
ปัจจุบันแพรทอาศัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส กำลังอยู่ในช่วงฝึกงานหลังจบคอร์สเรียน แต่ก่อนจะเล่าชีวิตปัจจุบัน ขอย้อนกลับไปสักปีที่แล้วก่อนละกันคะว่าเด็กภาษาจีนมาลงเอยที่ฝรั่งเศสได้อย่างไร
 
ก่อนหน้าต่อโทที่ฝรั่งเศส ทำอะไร

ก่อนหน้ามาต่อโท แพลทจบตรีด้านภาษาจีนกลางและความรู้เกี่ยวกับประเทศจีนค่า จบปุปก็บินมาเลย
*สำหรับคนที่สนใจว่าแพรทหามหาลัย คอร์สเรียน สมัครขอทุน ยังไง ชีวิตการเป็นอยู่ที่ฝรั่งเศสหรือการเรียนเมืองนอกคนเดียว ถามมาหลังไมค์ได้นะคะ กระทู้นี้อยากเล่าเน้นเกี่ยวกับการได้มาเรียนและฝึกงานที่ประเทศฝรั่งเศสมากกว่า*
 
หลายคนคงสงสัยว่าเด็กจีน ทำไมไม่เรียนต่อโทที่จีน

จริงๆ อยากตอบเท่ๆ ว่าเพราะชอบความท้าทายนะ แต่จริงๆ แล้วคือรู้สึกหลงทางมากกว่า และรู้สึกว่าภาษาจีนอย่างเดียวไม่สามารถตอบโจทย์อาชีพที่อยากทำและชีวิตที่อยากใช้ในอนาคตได้ เลยตัดสินใจที่จะเรียนต่อ ที่จริงประเทศแรกที่พิจารณาก็ประเทศจีนนะ แต่ด้วยหลายๆปัจจัยไม่ว่าจะคอร์สเรียน เนื้อหา การเป็นอยู่และความฝัน บวกกับการที่เคยไปแลกเปลี่ยนและฝึกงานที่ประเทศจีนมาแล้ว รวมๆเลยทำให้ตัดจีนออกไปอย่างไม่ลังเล 
ตอนนั้นรู้สึกอยากออกไปเจอกับอะไรที่แปลกใหม่กว่าที่เคยเจอมา 
สรุปง่ายๆ ปีสี่ทั้งปีเสียเวลาไปกับการหาที่เรียนเกือบทุกประเทศในยุโรป จริงๆ อเมริกาก็หานะแต่ว่าขี้เกียจเสียเวลาสอบ GRE/GMAT บวกกับแพงเลยตัดออกไปเป็นอันดับต้นๆ ตอนนั้นคิดแค่อยากออกไปเปิดโลกหลังเรียนจบเร็วๆ และมีหลายที่ในยุโรปไม่จำเป็นต้องมีสอบเพิ่มอะไรมากมาย คัดไปคัดมาจนสุดท้ายก็มาลงเอยที่ประเทศฝรั่งเศสแหละค่ะ 

 
สรุปเลือกเรียนโทสายอะไร

อันนี้เป็นคำถามโลกแตกมากสำหรับเด็กภาษา คือส่วนตัวไม่เลือกเรียนสายธุรกิจตั้งแต่แรกเพราะมีความเชื่ออย่างหนักแน่นมาโดยตลอดว่า Capitalism is self-destructive ลึกๆแล้วก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดี แต่ในเมื่อเราต้องโตขึ้น ไม่สามารถอาศัยใต้ชายคาป๊าม้าได้ตลอดไป สังคมภายใต้ระบบทุนนิยมคือสิ่งที่เราต้องดำรงอยู่ 
ป๊าเลยแนะนำให้ลองเรียนการตลาดดู เพราะเข้ากับบุคลิกมากที่สุด และรู้ว่าลูกสาวไม่โอเคกับคณิต + หลักการและหลักเหตุผล (อยู่รอดมาบนความรู้สึกและอารมณ์ล้วน T.T)
ส่วนตัวตอนนั้นก็แอบสนใจด้าน สื่อและการสื่อสาร อยู่บ้างเลย ด้วยอุดมคติที่ว่าสื่อคือกระบอกเสียงสำคัญในการสร้างความตื่นตัวและปลูกฝังความคิดได้ (คือตอนนั้นมีความฝันอยากสร้างประโยชน์ให้ส่วนรวมมาก)
สุดท้ายเลยเก็บไว้ทั้งสองตัวเลือกและสมัครมหาลัยตามทั้งสองสาย

 
สมัครโทไปกี่มหาลัย

แพลทสมัครไปทั้งหมด 3 แห่ง 3 ประเทศเลยค่ะ
มีฝรั่งเศสและเดนมาก สายการตลาด ส่วนอังกฤษ สายสื่อและการสื่อสาร เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษทั้งหมด
ได้จดหมายตอบรับจากฝรั่งเศสและอังกฤษ ส่วนเดนมากโดนปฏิเสธเพราะไม่มีพื้นฐานด้านธุรกิจมาก่อน นกค่ะ
ตอนที่ได้จดหมายตอบรับจากอังกฤษคือใจแอบพังไปแล้ว อังกฤษที่สมัครไปก็พอจะรู้อยู่ว่าถึงได้ก็คงไม่ได้เรียนเพราะความฝันและความทะเยอทะยานสูงมาก เลือกหลักสูตรปริญญาควบ ปีแรกลอนดอน ปีที่สองแอลเอ มหาลัยมีชื่อเสียง และมีโอกาสเรียน อาศัยและเที่ยวหลายที่
แต่ ตื่นค่ะ! ชีวิตความเป็นจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เราวาดฝันได้ทั้งหมด
ความรู้สึกตอนนั้นพังมาก เข้าใจความรู้สึกเลยว่า Education is privilege มันเป็นยังไง แพงเกิน เห็นใจป๊าม้า
สุดท้ายจึงลงเอยกับฝรั่งเศส ประเทศที่ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเหยียบ จนตอนนี้กลายมาเป็นประเทศที่ทั้งรักและเกลียดในเวลาเดียวกัน อีกอย่างข้อดีของการเรียนที่นี่คือเค้ามีเวลาให้เราฝึกงานค่ะ มีประโยชน์มาก เทียบกับโปรแกรมที่อังกฤษแล้ว ระยะเวลาสองปีเหมือนกัน แต่ถ้าเลือกเรียนที่ฝรั่งเศสแล้วยังได้ประสบการณ์ฝึกงานเพิ่มมาประดับเรซูเม่สวยๆ อีกต่างหาก ในขณะที่ของอังกฤษเรียนหนักเต็มๆสองปีเลยค่า สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือประสบการณ์ทำงานอยู่ดีค่ะ 

 
ชีวิตเรียนและการเป็นอยู่ที่ฝรั่งเศสเป็นยังไง

ปริญญาโทสายการตลาดที่แพรทเรียนค่อนข้างเน้นการทำงานร่วมกันเป็นทีม เพื่อฝึกให้ทำงานร่วมกับคนอื่นที่มีพื่นภูมิที่ต่างกันภายใต้แรงกดดันให้ได้ และการบริหารคนในทีม เพราะฉะนั้นงานกลุ่มจึงเยอะมาก และเรื่องก็เยอะมากเช่นกัน 
คอร์สปริญญาโทสายธุรกิจหรือแม้กระทั้ง MBA ที่นี่ส่วนมากจะมีโครงสร้างคล้ายๆ กันคือ คอร์สเรียนปีหนี่งถึงปีครึ่ง และฝึกงาน+final project/thesis อีกครึ่งปีหรือปีนึง อาจจะมีความแตกต่างกันออกไปแล้วแต่มหาลัยแต่ส่วนมากจะประมาณนี้ 
*หากเพื่อนๆน้องๆ สนใจสายอื่นคงต้องถามผู้รู้ท่านอื่นนะคะ แพลทบอกได้แค่จากปสกตัวเอง
เอาเป็นว่าเป็น สิบเดือนของการเรียนที่อัดแน่น เข้มข้น และวุ่นวานใช้ได้เลยค่ะ เพราะเวลาเรียนในห้องเรียนจริงๆแค่สิบเดือน แต่ต้องเรียนทั้งหมดประมาณ 17 ตัวได้ ยังไงก็แล้วแต่เรื่องเรียนไม่หนักเท่าเรื่องทำงานร่วมกับเพื่อนชาวต่างชาติที่มาจากหลายต่อหลายประเทศ ความงงและแอบ culture shock กันเป็นระยะ
 
กิจกรรมในคลาสค่ะ


ฝากถึงคนที่คิดจะเรียนเมืองนอกด้วยนะคะ ว่าไม่ใช่พิจารณาแค่ชื่อประเทศ ชื่อมหาลัย หรือสายที่เรียน เพราะเราไม่ได้แค่ไปเรียนนะคะ เราต้องไปอยู่ด้วย ไม่ว่าจะภาษา วัฒนธรรม ขนาดเมือง ภูมิอากาศ อาหารการกิน การเดินทาง ความปลอดภัย ต่างๆนาๆ ว่าสุขภาพจิตเรารับได้ไหม 
เพราะตอนก่อนมาก็พอจะศึกษา ทำใจไว้บ้างว่าจะเจอกับอะไร แต่พอเจอจริงๆก็แอบหดหู่อยู่เหมือนกันนะคะ
เช่น ช่วงหน้าหนาวเวลากลางวันสั้นลง อยู่ไทยไม่ค่อยเห็นค่าของแสงพระอาทิตย์สักเท่าไหร่ แต่เดี่ยวนี้รักมาก อยากยืนกลางแดดตลอดเวลา หน้าหนาวเป็นช่วงเวลาที่หดหู่มาก ยิ่งบวกกับแรงกดดันตอนเรียนด้วยแล้ว ยิ่งเครียดยิ่งเศร้าค่ะ คนอยู่ไทยก็อย่าแซวเพื่อนที่เรียนตปท มากนะคะ ชีวิตเค้าไม่ได้ดีไปกว่าใครหรอกค่ะ เราแค่ทุกข์กันคนละเรื่อง 
มืดๆ หดหู่ๆ เขียนรายงานพร้อมไวน์ถูกๆค่าา


เรื่องสำคัญที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ ชื่อเสียงที่ค่อนข้างแย่ของระบบการจัดการของเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสค่ะ ขันชื่อมากๆ ว่า ช้า ซับซ้อน ยุ่งยาก และน่าปวดหัวเป็นที่สุด ไม่ว่าจะติดต่อด้านการทำ OFII (หน่วยงานที่ดีลเรื่องการอพยพของชาวต่างชาติในฝรั่งเศส) ธนาคาร ประกันสุขภาพ บลาๆ แต่ท่องไว้ค่ะ อดทน! เรามาอาศัยประเทศเค้า เราต้องเคารพกฏและธรรมเนียมของเค้าค่ะ 
การเดินทางส่วนมากไปไหนมาไหนสะดวกหมดนะคะ เพราะส่วนมากรถไฟฟ้าใต้ดิน บนดิน รถราง บัส มีถึงหมด ถ้าไม่ได้ไปไหนที่มันเล็กจริงๆ เพราะประเทศเค้าเจริญแล้ว 
ส่วนอาหารการกิน ถ้าอยู่เมืองใหญ่อย่างปารีส ลียง ก็ไม่ต้องห่วงนะคะ อาหารไทย เอเชียมีอยู่เยอะ แต่จะแท้จะเทียมก็ต้องไปหากันไป แพลทเป็นคนชอบกินมาก และไม่ติดอาหารไทยเลยไม่มีปัญหาเรื่องกินสักเท่าไหร่ อยู่ไหนก็อ้วนได้เหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ 
ส่วนเรื่องภาษาถ้าอยู่ปารีสหรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ไม่ได้ภาษาฝรั่งเศสก็อยู่รอดได้ค่ะ แต่แนะนำว่าเรียนไว้ให้รู้ยังไงก็เป็นผลประโยชน์ของเราเอง แพรทก่อนมาฝรั่งเศสก็เคยเรียนประมานสองเดือนได้ แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังพูดไม่ได้นะคะ แต่ยังดีที่อ่านออกได้อยู่และบวกกับสัญชาตญาณ ฮ่าๆ บอกใครก็แอบอายอยู่มาปีนึงภาษาไม่ไปไหนเลย 

 
หาที่ฝึกงานยังไง ยากไหม พูดฝรั่งเศสไม่ได้ จะหาได้เหรอ

แพลทบอกเลยว่าโหดมากแต่ไม่ได้แปลว่าจะหาไม่ได้นะคะ ถ้าไม่หยุดพยายามสมัครยังไงก็หาได้แน่นอนค่ะ เพราะตัวโปรแกรมออกแบบมาให้เรามีเวลาเยอะพอที่จะหาที่ฝึกงาน ฝึกงาน และเขียน final project/thesis ค่ะ 
แพลทยื่นใบสมัครไปเยอะมาก น่าจะราวๆ 30-40 ที่ได้ และทุกที่ที่ส่งแพลทเขียน tailored cover letter แทบทุกใบ ได้ reply ปฏิเสษบ้าง สนใจสัมภาษณ์บ้าง แต่ reply rate ค่อนข้างต่ำค่ะ โชคดีได้เรียกสัมภาษณ์ประมาน 6-7 ที่ได้ ตกลงรับทั้งหมด 3 ที่ แต่ทั้งหมดนี้ในระยะเวลาประมาน 6 เดือนนะคะ แพลทเริ่มหาตั้งแต่ต้นๆ เทอมสอง เรียนไปหาไป แต่ส่วนมากสมัครเร็วไปมักจะไม่ได้นะคะ เพราะเค้าต้องรอเรานานไป ระยะเวลาพอดีคือประมานเดือนถึงสามเดือนแล้วแต่บริษัท แต่แนะนำให้ศีกษาตลาดงานตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ศึกษาบริษัทและตำแหน่งงานเป็นแนวทาง แพลทมีส่งอีเมลสมัครตรงๆ โดยที่เค้าไม่ได้ประกาศเปิดรับ ก็มีนะคะ แบบนี้โอกาสตอบกลับค่อนข้างสูงกว่าสมัครผ่านเว็บบริษัทหรือตำแหน่งที่เปิดรับ ส่วนมากเค้าจะประทับใจและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม มีเคสนึงที่เค้าบอกว่าตอนนี้ยังไม่มี แต่ในอนาคตจะมีเปิดรับ แล้วประมานสามเดือนเค้าติดต่อกลับมาจริงๆค่ะ แต่เสียดายแพลทได้งานไปแล้ว 
แหล่งหางานที่แพลทใช้บ่อยๆ คือ เว็บหางานของโรงเรียน LinkedIn และเว็บไซท์บริษัทโดยตรงค่ะ LinkedIn เวิร์คมากๆ ในการศึกษาบริษัทและตำแหน่งงาน ทำให้เห็นเลยว่าแต่ละบริษัทมีแผนกอะไรบ้าง มีแผนกที่เราสนใจไหม
สุดท้ายแพลทได้ที่ฝึกจาก LinkedIn ค่ะ ส่วนมากบริษัทใหญ่ๆ จะโพสตำแหน่งที่เปิดรับในนั้น แล้วค่อยเข้าไปสมัครในเว็บริษัทโดยตรงอีกที แต่บริษัทใหญ่ๆ การดำเนินงานค่อนข้างช้าถ้าไม่ใช่ตำแหน่งที่ด่วนมาก แพลทลืมไปแล้วว่าสมัครที่นี่ไว้ จนประมานเกือบสามเดือนถึงได้โทรศัพท์จากฝ่ายบุคคล ส่วนระยะเวลาสัมภาษณ์และรอผลก็ประมานเดือนหน่อยๆได้ค่ะ เพราะสัมภาษณ์ทั้งหมดสามรอบ และในที่สุดก็ได้ ดีใจมากกกกก ตอนแรกนึกว่าจะต้องกลับประเทศไทยซะละ เพราะภาษาฝรั่งเศสแพลทไม่ได้ ไหนจะไม่มีประสบการณ์ด้านการตลาดอีก ได้ภาษาจีนก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ที่นี่ บริษัทส่วนมากเค้าจะไม่รับคนที่ไม่รู้ภาษานะคะ ถึงแม้จะบริษัทใหญ่ก็เถอะ การศึกษานโยบายบริษัทจึงสำคัญมากในการช่วยคาดเดาได้ว่าบริษัทไหนจะเปิดรับเรา พอดีกลุ่มบริษัทที่ทำค่อนข้างอินเตอร์มากค่ะ แม้จะเป็นสัญชาติฝรั่งเศสแต่มีสาขาอยู่หลายประเทศทั่วโลก เค้าเลยมีนโยบายเปิดรับชาวต่างชาติมากขึ้นเพื้อส่งเสริม Diversity in workplace แต่ก็น่าจะเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน เพราะแพลทคือเอเชียคนเดียวเลยจากทั้งบริษัท 
สรุปง่ายๆ สั้นๆคือ ต้องอดทนค่ะ รู้สึกท้อหรือเหนื่อยได้ แต่ถ้าเราไม่ล้มเลิกความตั้งใจยังไงโอกาสก็เข้ามาเองค่ะ

*ทริคการหางาน เขียนCV/cover letter ถามเพิ่มเติมหลังไมค์ได้นะคะ ไม่จำเป็นว่าที่ฝรั่งเศสก็ได้ ไม่ว่าประเทศไหนก็เหมือนกันค่า
 
บริษัทเป็นอย่างไร ฝึกงานดีไหม

ชอบมากๆ ค่ะ อาจจะเพราะกลุ่มบริษัทที่ทำขายน้ำมึนเมามั้งคะ ฮ่าๆ Brand Portfolio ใหญ่มากขายตั้งแต่ Vodka Whisky Wine Champagne Cognac Rum Absinthe Pastis Gin บลาๆ 
แพลทโชคดีที่ได้ทำแบรนด์พวก แชมเปญ เพราะอย่างน้อยยังเป็นแอลกอฮอลประเภทที่เราดื่มได้ ถ้ามา Absinthe หรือประเภทแอลกอฮอลเข้มๆ แรงๆ แพลทก็คงไม่อินกับตัวสินค้าและแบรนเท่าไหร่ ปสกที่ได้รับดีมากๆค่ะ เราได้ทำงานจริงๆ เรามีความเท่าเทียมเหมือนพนักงานปกติจะขาดแค่อำนาจในการตัดสินใจเท่านั้นเอง และเราสามารถเสนอและพูดความคิดเห็นของเราได้แบบเสรี คือเหมือนการทำงานจริงเลยค่ะ
ทำงานจริงๆนะคะ 
 

งาน -tail Workshop ก็มาค่ะ
 
กระทู้นี้ขอคร่าวๆเกี่ยวกับชีวิตการเรียนและการฝึกงานที่ฝรั่งเศสแค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะ กลัวจะยาวไป คนขี้เกียจอ่านกัน
หากใครคนไหนสนใจสามารถติดตามและสอบถามเพิ่มเติมได้ตามเฟสบ็คเพจและไอจีของแพลทได้ตามนี้ค่าา 
แพลทจะพยายามอัพเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆในปารีสและฝรั่งเศส ชีวิตการเป็นอยู่ที่นี่ การทำงานที่นี้ อาหารการกิน หรือถ้าใครสนใจอยากทราบเรื่องอะไรเป็นพิเศษก็รีเควสมาได้เลยนะคะ

https://www.facebook.com/plathrin
https://www.instagram.com/plathrin

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น