Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

หนูอายุ16แต่ใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่เต็มตัวแถมมีหนี้6ล้าน(กระทู้ระบายค่ะ)#ดราม่า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
หนูสร้างกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อระบายชีวิตของหนูอย่างเดียวเลยค่ะ
ยาวมากนะคะ หนูอึดอัดเหลือเกิน

ตั้งแต่หนูเกิดมาครอบครัวหนูไม่ได้รํ่ารวยค่ะ
แต่ก็นับว่ามีกินมีใช้ไม่ขัดสน เหลือเก็บบ้าง
เพราะไม่ได้สิ้นเปลืองอะไรมากมาย
จนกระทั่งหนูอยู่ม.3 (อายุ14)
พ่อแม่ตัดสินใจซื้อบ้านในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ราคารวมดอกเบี้ยแล้วราวๆ6ล้านบาท ผ่อน25ปี
ครั้งแรกที่หนูรู้ว่าเราต้องใช้หนี้25ปีเดือนละ20,000บาท
หนูก็ค่อนข้างตกใจนะคะ
เพราะมันเยอะมากสำหรับหนู
แต่แม่ก็ยืนยันว่าส่งไหวแน่นอน
เพราะงั้นช่วงแรกๆก็สุขสบายดี ทั้งหนูทั้งน้องต่างก็ดีใจที่จะได้มีบ้านอยู่
ทว่าหลังอยู่ไปได้ไม่นาน พ่อกับแม่ก็เริ่มทะเลาะกันเรื่องเงินเพราะช่วงหลังๆมานั้นธุรกิจค้าขายอันเป็นรายได้เพียงหนึ่งเดียวเริ่มรายได้ลดลง
ซึ่งในขณะนั้นหนูอยู่เทอมสองแล้ว
กำลังเรียนพิเศษเพื่อจะไปต่อม.4ที่โรงเรียนรัฐบาลห้องพิเศษที่ค่าเทอมค่อนข้างแพง
หนูมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีมาโดยตลอด พยายามรักษาระดับไม่ให้ตํ่ากว่า3
หนูค่อนข้างตั้งความหวังไว้สูง

แต่แล้วจู่ๆเหมือนชีวิตก็พังทะลายเมื่อพ่อกับแม่เลิกกัน ในวันเกิดครบรอบ15ปีของหนู
เมื่อขาดเสาหลักไป หนูที่กำลังเรียนอยู่ก็ต้องทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย
แต่สถานะการณ์ที่บ้านก็ไม่ดีขึ้น
พ่อหายไปแบบมาติดต่อกลับมาอีกเลย
แม่ต้องเป็นคนรับผิดชอบหนี้แต่เพียงผู้เดียว
เพราะพ่อกับแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
และตอนยื่นกู้ก็ใช้แค่ชื่อแม่ เพราะยังไงๆพ่อกับแม่ก็ช่วยกันหาเงินอยู่แล้ว
ในเมื่อทุกอย่างยิ่งเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ
เมื่อหนูกำลังจะจบม.3ในอีก1เดือนข้างหน้า
แม่จึงขอให้หนูเลือกเรียนปวช.ภาคพิเศษ
ซึ่งเรียนแค่วันอาทิตย์วันเดียว ส่วนจันทร์-เสาร์จะให้ทำงานประจำช่วยหารายได้อีกแรง

ความรู้สึกในตอนที่หนูได้ฟังนั้นเหมือนโลกถล่มตรงหน้า
ความฝันที่หนูจะต่อม.4ในห้องที่แผนการเรียนดีที่สุดในรร.
ความฝันที่จะได้สอบเข้าคณะที่ใฝ่ฝัน
ความฝันที่อยากทำอาชีพที่ชื่นชอบ...
ในที่สุดมันก็พัง
ความพยายามในการรักษาระดับผลการเรียน
ความพยายามเรียนพิเศษเพิ่ม
ความพยายามที่จะต่อม.4...ในที่สุดมันก็สูญเปล่า

หนูเสียใจมาก สุดท้ายหนูก็เลือกช่วยที่บ้านด้วยการทำตามที่แม่ขอ
ตอนกรอกใบสมัครปวช.หนูนํ้าตาไหลออกมาแบบห้ามไม่อยู่ กลับบ้านไปร้องไห้ใจสลาย
หนูจึงไประบายทุกข์กับน้าข้างที่หนูสนิทด้วย
น้าเขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนักที่หนูจะเรียนแค่วันอาทิตย์วัยเดียว เพราะน้าก็เรียนป.ตรีวันอาทิตย์อยู่ น้าเขาบอกว่าการเรียนมันค่อนข้างหนักเรียนตั้งแต่เช้ายันมืด
หนูอายุยังน้อย เลยลองบอกให้หนูขอแม่เรียนปวช.ภาคปกติจ.-ศ. แล้วทำงานวันหยุดเอา
หนูลองบอกแม่ และได้ข้อสรุปว่า
ถ้าที่บ้านยังไม่ดีขึ้น เทอม2หนูต้องกลับมาเรียนภาควันอาทิย์
ตลอดเวลาที่เรียนภาคเช้า
หนูก้ทะเลาะกับแม่บ่อยครั้ง
เพระหนูก็เหนื่อยเหมือนกัน หนูเรียนบัญชี
แถมต้องทำงานพาร์ทไทม์เสาร์-อาทิตย์อีก
แถมบัญชีมันไม่ใช่สิ่งที่หนูถนัดเลยสักนิด
การเรียนจึงต้องพยายามมาก
และความพยายามของหนูก็ไม่สูญเปล่า
หนูได้เกรดเฉลี่ย3.95 ซึ่งสูงมากสำหรับหนู
แต่แล้วที่บ้านก็ไม่ดีขึ้นจริงๆ หนูจึงต้องทำตามสัญญาด้วยการเรียนวันอาทิตย์
ในตอนนั้นหนูนึกถึงน้าข้างบ้านขึ้นมา
แต่น้าเขาไม่อยู่บ้านเลย ช่วงนั้นเหมือนหนูขาดที่พึ่งไป ทุกอย่างเลวร้ายมาก
หนูรับไม่ได้ที่ชีวิตเป็นแบบนั้น
ทะเลาะกับแม่ทุกวัน ประชดด้วยการไม่ไปทำงาน ไม่ไปเรียน
หนูแค่อยากให้แม่ทำตามสิ่งที่หนูต้องการ
คือการขายบ้านซะ แต่แม่ก็เลือกที่จะเก็บมันไว้ เหมือนกับว่าแม่ไม่เห็นค่าความพยายามของหนูหรือความฝันของหนูแม้แต่น้อย
หนูสูญเสียทุกอย่างไปเพราะบ้านหลังนี้
จนกระทั่งหนูตัดสินใจโง่ๆ ด้วยการกินยาฆ่าตัวตาย ในแวบนั้นหนูนึกถึงน้าคนนั้น
น้าเขาคงเสียใจมากที่หนูทำแบบนั้น เขารักหนูเหมือนลูกหลานแท้ๆ หนูก็รักเขาเหมือนน้าแท้ๆ แล้วในตอนนั้นน้าเขาส่งข้อความมาหาว่าจะพาไปกินข้าวตอนเย็นด้วย หนูยิ่งรู้สึกผิดรีบคายยาออกจากปากทิ้งทันทีเก็บหลักฐานทิ้งก่อนที่แม่จะเห็น
และหนูก็ตัดสินใจลองดูสักครั้ง
แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้สวยงาม
การย้ายมาอยู่ภาควันอาทิตย์มันปรับตัวยากมากเพราะหนูเรียนไม่ทัน
สอบเก็บคะแนนได้0คะแนน
ตอนเห็นข้อสอบถึงกับนํ้าตาตกใน
เขียนตำตอบไปสองสามข้อทั้งๆที่รู้ว่าที่เขียนไปมันผิดหนูก็ดันทุรังเขียนไป
จนในที่สุดก็วางปากกาเดินออกมาจากห้องสอบ โทรไปร้องไห้กับเพื่อนที่รร.เก่า เหตุการณ์นั้นหนูจำจนตายเลยค่ะ

ทำงานก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิดไว้ มันลำบาก
มันเหนื่อย จนหนูท้อมาก
น้อยใจโชคชะตาตัวเองเหลือเกิน
ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ทำไมมันถึงตํ่าได้ขนาดนี้ หนูผิดอะไร หนูทำบาปกับแม่ไว้มากใช่มั้ย
หนูทำแม่เสียใจ หนูทำแม่ร้องไห้ แย่กว่านี้มีอีกมั้ย หนูเครียดมาก
หนูทำงานผิดพลาดตลอดจนโดนด่าโดนว่า
หนูเลยเครียดกลับมาทะเลาะกับแม่ว่าหนูจะลาออก แต่แม่ก็ไม่ให้ออก
หนูก็ให้แม่ขายบ้านแต่แม่ก็ไม่ขาย และหนูก็ได้รู้ความจริงจากปากแม่ว่า เราจะขายบ้านไม่ได้จนกว่าจะอยู่ครบสามปีถึงจะโอนกรรมสิทธิ์ได้
หนูช็อก ยืนอึ้งไป ยิ่งน้อยใจชีวิตตัวเอง หนูต้องทนจนกว่าจะครบสามปีหรอ? นี่หนูทนมาหนึ่งปีแล้วนะ ยังไม่พอเหรอ?
หนูทำงานจ.-ส. เรียนวันอาทิตย์ ในหนึ่งสัปดาห์ไม่มีวันไหนได้นอนเต็มที่เลย
วันหยุดราชการ นักขัตฤกษ์ อย่าหวังจะได้หยุด
หนูเหนื่อยมาก ท้อมาก อยากร้องไห้ระบายแบบเต็มที่แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่มมีใครฟังหนูเลย มีแต่คนว่าหนูเห็นแก่ตัว เหนื่อยแค่นี้ก็ทนไม่ไหว ท้อแท้ สิ้นหวัง

บางครั้ง...หนูก็เคยคิดเข้าข้างตัวเองอย่างเห็นแก่ตัว
ว่าหนูอายุแค่นี้ ต้องทนรับเรื่องต่างๆมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?
หนูยังเด็กอยู่ ไม่ควรเจอเรื่องแบบนี้เลย
หนูควรจะได้ใช้ชีวิตสบายๆเหมือนเพื่อนๆ
ไปเรียนวันธรรมดา
กลับบ้านมามีเวลาว่าง
เสาร์-อาทิตย์ตื่นสายได้เต็มที่
ไปเที่ยวบ้าง ทำโน่นทำนี่ตามใจตัวเอง
แต่นี้อะไร แค่ค่าเทอมก็ไม่มีจ่าย ไม่มีเงินซื้อรองเท้าใหม่ ไม่มีของใหม่ๆ
หนูต้องการอยู่สบายๆเหมือนเด็กคนอื่นๆ
ทำไมแม่ไม่เข้าใจหนูเลย
จนถึงทุกวันนี้แม่ยังไม่รู้ด้วยซํ้าว่าหนูเคยจะฆ่าตัวตาย
หนูน้อยใจมาก โกรธมาก แต่หนูก็ต้องทน ทั้งๆที่หนูทนไม่ไหวแล้ว
จากนี้หนูก็ไม่รู้จะต้องทนอีกนานแค่ไหน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

แสดงความคิดเห็น

>

100 ความคิดเห็น

เจสสิก้า 8 ม.ค. 60 เวลา 14:56 น. 1

ความลำบากจะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเรา อยากให้หนูคิดซะว่า อย่างน้อยหนูก็มีร่างกายครบ32ประการเพื่อทำมาหากิน ลองปล่อยวางและพยายามมีความสุขกับความจริง ทุกสิ่งที่เกิดมี2ด้าน ถ้ามีทุกข์ต้องมีสุข หาให้เจอ

0
Valeri 8 ม.ค. 60 เวลา 20:06 น. 2

อายุเท่ากันเลย เรามาอ่านแล้ว น้ำตาซึมเลยอ่ะ บอกก่อนเลยนะคะ อย่าคิดฆ่าตัวตายอีก ต้องคิดเอาไว้ว่า เรายังมีแม่ มีน้อง อย่าคิดอะไรโง่ๆแบบนั้นเลยค่ะ เหมือนที่ คห.แรกบอก ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมี 2 ด้านเสมอ เราเชื่อว่าเธอจะได้สบายอยู่นะ สู้ๆนะคะ และห้ามคิดฆ่าตัวตายอีก อันนี้ขอย้ำนะคะ!!

0
[ PaY ~ เป้ ] Columnist 8 ม.ค. 60 เวลา 21:23 น. 3

เป็นกำลังใจให้นะคะ เวลามันผ่านไปไวมากๆ พ้นสามปีไป ส่วนตัวมองว่า ให้คุณแม่ลองขายบ้านอะไรแบบนี้พอจะได้มั้ยคะแล้วย้ายไปอยู่หลังอื่นหรือมองหาบ้านเช่าอาจจะดีกว่า หกล้านมันแพงมากไปจริงๆค่ะ

1
big hug 10 ม.ค. 60 เวลา 10:05 น. 3-1

ชีวิตมันมีหลายๆด้าน และไม่แน่นอนจริงๆนะคะ พี่เชื่อว่ารอบครัวทุกคนย่อมมีปัญหา พี่ก็มี ใครๆก็มี เพียงแต่เลือกที่จะไม่แสดงออกมา เพราะมันไม่น่าดูเลย สิ่งที่น้องกำลังเอาไปเปรียบเทียบมันคือเอาด้านติดลบที่เราเจอ ไปเทียบกับด้านบวกที่เขามี ซึ่งคำตอบมันเห็นชัดเลย ว่ายังงัยเราก็แย่กว่า ทุกข์กว่า ไม่มีอะไรดีเลย เพราะฉะนั้นพี่อยากให้ลองมองคนที่ไม่มีอะไรเลยยิ่งกว่าเรา คนทุพพลภาพ คนตาบอด ที่เค้าต้องทำมาหาเช้ากินคำ่ คนขอทาน หรือเด็กที่โดนพ่อแม่ทิ้งตั้งแต่เกิด พอนึกตามแล้วมันคิดบวกขึ้นนะ เออดีเรายังมีขามีแขนเอาไว้สู้ต่อ เออดีเรายังมีแม่มีน้องให้เราดูแล ให้เราตอบแทนคุณ สุดท้ายเรายังมีลมหายใจที่ทำให้เดินหน้าต่อ ต้องสู้ต่อ... คนมีตังบางคน ล้มละลายต้องขายบ้านไม่มีบ้านให้นอน ต้องนอนตามสะพานลอย เพราะฉะนั้นในเมื่อเรารู้แล้วว่าเรายังมีโอกาสมากกว่าหลายๆชีวิตในตอนนี้ พยายามใช้โอกาสของเราให้คุ้มค้า นึกสะว่าเหนื่อยวันนี้เราจะได้สบายในวันหน้า เงินไม่มีก็ต้องขยันหาเงิน ยิ่งเรารู้ว่าเงินหามายากเท่าไหร่ เรายิ่งใช้มันอย่างคุ้มค่า เด็กบางคนอายุเท่าน้อง ยังไม่มีโอกาสคิดได้แบบน้องนะ เห็นเงินมันได้มาง่ายๆ ได้มาสบายๆ ...เมื่อคิดบวกได้แล้ว ให้เราสู้ต่อนะ ชีวิตยังมีอะไรดีดีอีกเยอะให้เราเจอ เพียงแค่ให้เรามองหาด้านดีๆ ส่วนด้านแย่ๆมองแล้วก็ปลง มันเป็นไปแล้ว เราต้องหาทางแก้ให้ดีขึ้น หลังจากนี้ให้วางแผนการใช้เงิน การเก็บเงิน เรามีไม่เท่าเดิม ทำยังไงให้ใช้ได้ทั้งเดืแน ให้อยู่รอด อาจจะต้องประหยัด ซื้อของถูกลง เผื่อให้เหลือเก็บด้วย รอวันนี้ที่เราเก็บเงินได้มากพอ... ชีวิตเราจะค่อยๆดีขึ้น ซื้ออะไรที่อยากได้ ทำอะไรที่อยากทำ ถึงตอนนั้นน้องคงรุ้แล้วว่าบทเรียนชีวิตสอนอะไรหนูมาเยอะจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องความอดทนและพยายาม อีกเรื่องที่อยากพูดให้น้องฟังคือเรื่องคุณแม่ บางทีเราเผลอพูดอะไรไปแล้วมันเอากลับคืนมาไม่ได้ มันเสียใจทั้งเรา เสียใจทั้งแม่..แต่พอเรารุ้ตัวแล้วเราระวังได้ หลังจากนี้ถ้าแม่เกิดอารมขึ้นด่าว่าเรา เราต้องเย็น นิ่งไปก่อนคิดว่าเค้าพูดด้วยอารม รอเค้าเอารมเย้นแล้วค่อยคุยกันด้วยเหตุผลจะดีกว่า กอดเค้าบ่อยๆ ให้เค้ารุ้ว่าไม่ได้เหนื่อยคนเดียวนะ มีเราเหนื่อยอยู่ข้างๆกัน ความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญนะคะ แล้ววันนึงน้องจะเข้าใจที่พี่พูด.........สุดท้ายแล้วขอให้กำลังใจน้องนะคะ จากพี่ที่ก็ยังพยายามทำให้ชีวิตดีขึ้นอยุ่ กอดด

0
dolcezhen 8 ม.ค. 60 เวลา 21:42 น. 4

โห้ สู้ๆนะน้อง มันเหนื่อยมันลำบาก แต่ความพยายามมันไม่ทรยศเราหรอกต้องมีวันที่เป็นของน้องสักวันหนึ่งแหละ แล้วอยู่กับตัวเองไม่ต้องไปเทียบกับคนอื่น ขอให้น้องเจอทางที่จะทำให้น้องผ่านปัญหาครั้งนี้ไปให้ได้นะ อ่อนแอ ท้อแท้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าผ่านมันไปได้ต่อไปเจอปัญหาที่หนักหนากว่านี้น้องก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว เข้มแข็งไว้นะ

0
2537 8 ม.ค. 60 เวลา 22:02 น. 5

อย่าท้อนะคะ สู้ๆนะ บางทีคนเราเกิดมาก็ไม่ได้มีทางเลือกมากมายหรอก แต่เรื่องนี้มันจะทำให้เราใช้ชีวิตได้แกร่งขึ้นนะ เพื่อนนี่เคยเล่าให้ฟัง ว่าตัวเองต้องปลดหนี้ให้ครอบครัวเปนสิบๆล้านตั้งแต่ยังอยุม.ต้น ทำงานทุกอย่างเหมือนกัน ปากกัดตีนถีบ ส่งตัวเองเรียนด้วยใช้หนี้ด้วย ทำทุกอย่างเพื่อปลดหนี้ หนี้เป็นหนี้สูญด้วยนะคะ ใช้ไปแล้วก้ไม่ได้อะไร ถ้าน้องอดทน พี่เชื่อว่าสักวัน ความพยายามของเราไม่มีทางสูญเปล่าแน่นอน อาจจะต้องใช้เวลานาน แต่มันคือบทพิสูทธิ แล้ววันนั้นน้องจะภูมิใจค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ

0
just walk by 8 ม.ค. 60 เวลา 22:26 น. 7

สู้ ๆ นะคะ คงบอกอะไรไม่ได้มากกว่านี้
นอกจากบอกให้น้องสู้ ๆ

ชีวิตพี่ก็เจอเรื่องยากลำบากจากปัญหาภายในครอบครัวเหมือนกัน
แต่พออ่านเรื่องของน้องแล้ว พี่ก็รู้สึกได้ว่ายังมีคนที่เจอหนักกว่าพี่อีก
อันนี้ไม่ได้ซ้ำเติมนะคะ แค่อยากบอกว่าเรื่องราวของน้องก็เป็นกำลังใจให้พี่เหมือนกัน

ยังไงก็อยากส่งกำลังใจให้น้องสู้ต่อไปนะคะ หนทางมันอาจจะดูยาวไกล
แต่พี่เชื่อเสมอว่ามันจะต้องมีซักวันที่เป็นของเรา
เวลาพี่เจอปัญหาพี่ชอบนึกประโยคนึงที่ว่า This too shall pass...แล้วมันจะผ่านพ้นไป

วันนี้เราอาจเจอเรื่องแย่ แต่วันหน้าเราจะได้เจอเรื่องดีค่ะ

เข้าใจนะว่าปัญหาในชีวิตน้องอาจจะเยอะมาก
แต่อยากให้ลองมองหาความสุขเล็ก ๆ รอบตัวดู
อย่างพี่เป็นคนชอบฟังเพลง เวลาพี่รู้สึกแย่ พี่ก็จะเปิดเพลงโปรดฟัง
ก็ไม่รู้ว่ามันช่วยให้ดีขึ้นเพราะพี่คิดไปเองรึเปล่า แต่มันก็ดีขึ้นจริง ๆ นะ :)

คำแนะนำของพี่อาจไม่ช่วยอะไร เพราะพี่ก็บอกตรง ๆ ว่าพี่ไม่ได้เจอสถานการณ์เดียวกับน้อง
ไม่ได้รับความรู้สึกเดียวกับน้อง แต่ก็อยากให้น้องรู้ไว้ มีคนเป็นกำลังใจให้อยู่นะคะ :)

0
lettercake 8 ม.ค. 60 เวลา 22:29 น. 8

อ่านแล้วน้ำตาพี่ตกเลยทีเดียว ทางบ้านก็มีปัญหาเหมือนกันค่ะแต่พยายามดิ้นรนกัน สู้ๆนะคะน้องอย่าเพิ่งท้อนะ มีอะไรก็ระบายกับคนรู้จักบ่อยๆดีกว่าเก็บไว้อยู่คนเดียว เครียดกับปัญหาทางบ้านแล้วอย่าเครียดกับตัวเองมันจะทำให้เสียสุขภาพจิต ดูแลตัวเองดีๆด้วยน้าพยายามรักษาสุขภาพตัวเอง พี่เป็นกำลังใจให้พยายามผ่านช่วงตกต่ำไปให้ได้นะ

0
สตาร์ดัสท์ 8 ม.ค. 60 เวลา 22:32 น. 9

ไม่มีใครรับรองได้ว่า หนูต่อ ม. 4 ตามที่ตั้งใจแล้วชีวิตจะดีนะคะ ความฝันที่เป็นจริงสำหรับบางคนก็เป็นฝันร้าย ที่เคยอยากเรียนต่อนั้นเป็นสาขาอะไรคะ

การเรียนบัญชี แม่บังคับให้เรียนไหม บางทีหนูอาจไม่เหมาะกับบัญชีก็ได้ ลองปรึกษาอาจารย์นะคะ อาจจะเรียนการตลาด การโรงแรม ค่อยๆ คุยกับแม่ เวลาที่แม่อารมณ์ดี

หนูได้อดทนมาถึงหนึ่งปีแล้ว ถ้าล้มเลิก หนึ่งปีที่ผ่านมาก็เสียเปล่านะคะ ลองปรับตัวดู แม่ขายของแบบไหนคะ ขายในไอจี ออนไลน์ได้บ้างหรือเปล่า ลองช่วยกันทำเพจทำอะไรขึ้นมาเป็นอีกช่องทางหนึ่งนะคะ

บ้านเป็นทรัพย์สินค่ะ แม่คงมองว่าส่งมาขนาดนี้แล้ว ถ้าทำไหวก็จะได้มีบ้านเป็นสมบัติต่อไปค่ะ

การเรียนปวช หนูต่อ ปวส และเข้ามหาวิทยาลัยจบปริญญาตรีก็ได้ค่ะ ชีวิตยังไม่จบสิ้นแค่นี้หรอกค่ะ ความทุกข์อย่าเก็บไว้ เช่น ทำงานผิด ขอโทษหัวหน้า พยายามตั้งสติไม่ทำผิดอีก แล้วจบตรงนั้นค่ะ อภัยให้ตัวเองด้วย อย่าเก็บเรื่องอื่นๆ มาคิด เช่น เข้างาน คิดแต่เรื่องงาน เรื่องอื่นคิดไปไม่มีประโยชน์อะไรนะคะ ความคิดต่อต้านทำให้เครียด เหนื่อย พอเครียด อย่างอื่นยิ่งรวนไปหมด

เรื่องเรียน อาจจะย้ายสายแบบโอนหน่วยเดิมที่เรียนมาหนึ่งปี ไปต่อการโรงแรม ทำงานพิเศษพวกเสิร์ฟตามงานเลี้ยง จากน้ันต่อ ปวส ปริญญาตรี หรือ เปลี่ยนไป กศน ทำงานเต็มที่ รอวุฒิม.หก แล้วก็ค่อยเรียนรามหรือสุโขทัย

หวังว่าจะปรับตัวได้เร็วๆ ค่ะ

1
Miochess 8 ม.ค. 60 เวลา 23:27 น. 9-1

จริงค่ะเห็นด้วยกับความเห็นนี้มากๆ คือพี่ก็เข้าใจนะคะว่าหนูเครียด หนูน้อยใจ แต่หนูอย่าลืมว่าความทุกข์พวกนี้ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องเก็บมันมาใส่ใจค่ะ ทุกคนล้มเป็น อีกอย่าง การที่หนูบอกว่าอยากสบายเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง พี่ว่าน้องหยุดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นดีไหมคะ มีนไม่ได้ช่วยทำใจอะไรดีขึ้น หนูไม่ผิดที่หนูอยากสบายเหมือนคนอื่น แต่หนูผิดตรงที่หนูไม่ยอมให้กำลังใจตัวเองและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วค่ะ พี่อยากให้หนูจำเป็นบทเรียน เมื่อหนูโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ก็อย่าทำแบบนี้ค่ะ พี่ว่าคุณแม่ก็คงเสียใจเหมือนกัน เพียงแต่การแสดงออกของคนเราต่างกันค่ะ สู้ๆนะคะ รักตัวเองให้มากๆ จงขอบคุณที่ทุกวันนี้ตัวเองมีลมหายใจอยู่

0
Papich 8 ม.ค. 60 เวลา 22:39 น. 10

เราขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ เราเชื่อว่าเราของกระทู้จะสามารถผ่านพ้นเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ สู้ๆนะ

0
2239 8 ม.ค. 60 เวลา 22:40 น. 11

สู้ๆนะคะน้อง ความลำบากจะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับน้องเอง ถ้าน้องผ่านมันมาได้น้องจะเข้มแข็งและแกร่งมากขึ้นนะ ท้อได้ เหนื่อยได้ แต่อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะคะ ถ้าน้องเป็นอะไรไป แม่ของน้องต้องเสียใจมากแน่ค่ะ พี่ชื่นชมน้องมากเลยนะ ที่สามารถทำงานและเรียนได้ขนาดนี้ น้องต้องมีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้าแน่นอน อย่าละความพยายามนะคะ พี่เป็นกำลังใจให้นะ

0
Waterlilly 8 ม.ค. 60 เวลา 22:40 น. 12

สู้ๆนะคะ อายุเท่ากัน แต่เป็นเราทำแบบจขกท.ไม่ได้แน่ จขกท.สตรองมากก เก่งมากก เป็นกำลังใจให้นะคะ ทนอีกหน่อย เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

0
เหมียว.... 8 ม.ค. 60 เวลา 22:40 น. 13

อยากจะเข้ามาบอกอย่างนึงคือ การเรียนในสายอาชีพมันไม่ได้แย่หรอกครับแต่สาขาบัญชีภาคปกติตกงานเยอะมากๆอันดับหนึ่งเลยมั้ง ทำไมไม่เลือกเรียนที่เกี่ยวกับงานในโรงงานล่ะครับ สู้ๆนะครับ ผมผ่านแบบนั้นมาแล้ว แต่ผมไม่ขนาดนั้น คงแย่มากๆ ประสบการณ์ราคาแพงจะทำให้เราแกร่งขึ้น ปัญหามีทางออกเสมอนะครับ ลองตัดสินใจดีๆนะครับ ผมว่าน้องคงจะเรียนรอดแน่ๆในเมื่อน้องบอกว่าเกรดสูงแต่เกรดไม่ใช่ความรู้นะครับ. คนมีความรู้มั่นใจในตัวเองไม่อดตายแน่ๆครับ ช่วงนึงเคยทำงานแบบนี้แหละครับเรียนภาคปกติเลิกเรียนไปทำงาน5โมง เสาร์อาทิตย์ทำเยอะหน่อยได้เดือนละเกือบหมื่นครับ ตอนนั้นอยู่ม4-5นี่แหละครับพอขึ้นม.6บ้านก็ฟื้นมาเป็นปรกติ เหตุการณ์ตรงนั้นมันเปิดโลกทัศน์ของเราไปไกลกว่าเพื่อนที่หมกอยู่แต่ในห้องมากๆ ประสบการณ์ชีวิตสำคัญกว่าทฤษฏีและตัวเลข สู้ๆครับโกรธแล้วนะ

0
กำลังใจ 8 ม.ค. 60 เวลา 22:44 น. 15

ลำบากในวันนี้ สุขสบายในวันหน้า ท่องคำนี้ไว้
เราเข้าใจเธอนะ ความรู้สึกเดียวกันเลย
เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป...แค่เปิดใจยอมรับและปรับตัวให้เข้า กับมัน เดี๋ยว มันก็จะดีเองและจะได้พบกับสิ่งใหม่ๆด้วย ..ถ้าเธอ ผ่านเหตุการณ์ นี้ ไปได้ใน อนาคต เธอจะไม่กลัวอะไรเลย เพราะ เธอผ่านสิ่ง ที่ แย่มาแล้ว...สู้ๆนะ

0
Pond 8 ม.ค. 60 เวลา 22:45 น. 16

สู้ๆนะคะ เรารู้ว่าปัญหาแบบนี้มันยากเกินกว่าเด็กอายุเท่านี่จะรับไว้ แต่ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามหรอกค่ะ ขอแค่อดทน ฟ้าหลังฝนย่อมสวยเสมอนะคะ ถึงแม้มันจะลำบากขนาดไหนแต่ถ้าครอบครัวจับมือแล้วฝ่าฝันอุปสรรคไปด้วยกันเราเชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ

0
น.ส.สวยวันสวยคืน 8 ม.ค. 60 เวลา 22:53 น. 18

ชีวิตหนูต้องสู้และสตรองค่ะลูก ถ้าหนูเป็นอะไรไปแล้วแม่หนูล่ะ แม่หนูคงไม่เสียใจแย่หรอ??
ยังมีหลายคนหลายชีวิต ที่แย่ลำบากกว่าหนูอีกนะ คิดดีๆ

ความทุกข์ ความท้อแท้ ความคิดสิ่งร้ายๆจะกัดกินชีวิตหนูเรื่อยๆ
แต่ถ้าหนูสู้มัน ไม่ยอมมัน คิดบวกเสมอ สิ่งเหล่านี้จะผลักดันให้หนูเป็นผู้ชนะ

ความเหนื่อยใจ ความท้อท้อแท้ มันหายยาก
แต่ถ้าเหนื่อยกายเฉยๆ นอนตื่นวันใหม่ก็มีแรงสู้แล้วค่ะ

ความสุข ความอบอุ่น ความรัก หนูหาได้ตลอดอยู่แล้ว
ไม่ใช่เฉพาะพ่อแม่ แต่เป็นเพื่อน พี่ๆน้องๆ หมาแมวข้างทาง คนที่เข้าใจเรามันก็มากพอแล้วล่ะ

ดังนั้นพี่ขอให้หนูเข้มแข็งทั้งกายและใจไว้มากๆค่ะ แล้วซักวันหนูจะต้องผ่านสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน หนูจะต้องเป็นผู้ชนะได้แน่ๆค่ะ อย่าแพ้ชีวิตตัวเอง
พี่เชื่อค่ะ พี่ก็ลำบากเหมือนกัน อาจจะไม่เรื่องเงิน แต่เป็นจิตใจ มันล้วนต้องผ่านไปให้ได้ค่ะ
เยี่ยม

0
Norae 8 ม.ค. 60 เวลา 22:57 น. 19

เราอายุเท่ากันเลยยยย เอาตรงๆคือ เราไม่สามารถรับรู้ได้เท่าเธอจริงๆว่ามันแย่ขนาดไหน รู้แค่ว่ามันแย่มากๆ แต่ว่า! เราอยากให้เธอคิดไว้เสมอว่า ทุกอุปสรรคหรือทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามามันสร้างเรา สร้างให้เรารู้จักที่จะต่อสู้ด้วยตัวเอง ยืนได้ด้วยตัวเอง สร้างให้เราเข้าใจว่าโลกนี้มันไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิดเสมอไป สร้างให้เรามีภูมิคุ้มกัน สร้างให้เราเข้มแข็ง และสุดท้ายคือมันทำให้ตัวเราเองเห็นว่าเราเก่งแค่ไหนที่ผ่านแต่ละวันมาได้ เราจะคอยให้กำลังใจเยอะๆเลยยย ในอนาคตเธอต้องเป็นผู้หญิงที่เก่งมากแน่ๆ สู้ๆนะ!

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ยิ้มเข้าไว้ 8 ม.ค. 60 เวลา 23:01 น. 21

พี่แก่กว่าน้องไม่กี่ปี นับถือใจน้องมาเลยนะที่ต้องสู้ชีวิตด้วยอายุเท่านี้ แต่มันจะทำให้น้องเป็นคนอดทนนะ ถ้ามีอุปสรรคปัญหาอะไรเข้ามา น้องจะเเกร่งพอรับมือมันได้แน่ๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ #ยิ้มไว้นะ ส่วนเรื่องการงานในอนาคต ถ้าเราเป็นคนไม่หยุดนิ่ง อะไรที่ได้เงินดี อะไรที่มั่นคง เอาตัวรอดได้อยู่แล้วค่ะ สู้ๆนะคะ ฮึบ

0
Icerrrrrr 8 ม.ค. 60 เวลา 23:03 น. 22

อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย ขอให้น้องสู้ๆนะคะ อย่าคิดฆ่าตัวตายเลยนะ ถ้าแม่ขาดหนูไปท่านคงเสียใจ ท่านอาจจะไม่เคยเข้าใจหนู แต่ไม่ใช่ว่าท่านไม่รักหนูนะคะ สู้ๆนะคะ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เอาให้มันเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์ให้เราแข็งแกร่งขึ้น สู้ๆนะ

0
Bxsh 8 ม.ค. 60 เวลา 23:03 น. 23

หาคนมาเช่าบ้านได้มั้ยอ่ะ ถ้าเขาให้เงินก็แบ่งเงินเป็นค่าบ้านกับที่พักราคาถูกชั่วคราว พร้อมเอาเงินที่ได้จากการทำงานมาทบส่งบ้านด้วยอ่ะ (งงมั้ย555) พอรายได้อะไรอยู่ตัวค่อยปรับให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ แต่นี่คิดเฉยๆนะเพราะไม่รู้ว่าเงินอะไรยัง หรือถ้าขายเลยแต่ทำสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ตอนครบกำหนดได้หรือป่าว หาพยานหาอะไรที่มาช่วยรับรองให้น่าเชื่อถืออะ. แล้วก็เอาเงินจากที่ขายมาส่งบ้านจนครบ นี่ไม่รู้เหมือนกัน แต่สู้ๆนะ เรียนไม่สายหรอกสำหรับสิ่งที่ฝัน คนเราศึกษาเองได้ มีครอบดรอบเรียนหรือหยุดเรียนเพื่อค้นหาตัวเองตั้งเยอะแยะ แต่อาจจะช้าหน่อย fight to everything for success na. ️

0
P'Parn∆ 8 ม.ค. 60 เวลา 23:06 น. 24

สู้ๆนะ พี่ก็เคยทำงานพาร์ทไทม์เหมือนกันเหนื่อยมากพี่เข้าใจ วันนี่หนูอาจเหนื่อยท้อแต่หนูจำไว้ว่าเหตุการณ์นี้มันจะทำให้หนูเข้มแข็งกว่าเด็กคนอื่นๆนะ อย่าท้อถ้อยต่อโชคชะตา มีเด็กมากมายที่อยากเรียนแต่ไม่มีโอกาสได้เรียน บางคนไม่ได้เรียนเพราะพิการก็มี พี่ก็อยากให้หนูเชื่อมั่นในตัวเอง การฆ่าตัวตายไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีแต่มันคือการหนีปัญห ไม่มีอะไรที่มนุษย์จะทำไม่ได้ สู้ๆนะจ๊ะ อย่าคิดฆ่าตัวตายอีกนะ อีกอย่างนึงถึงจะโกรธคุณแม่ยังไงก็แม่เราคุยกับท่านดีๆ คุณแม่ก็เครียดไม่น้อยกว่าหนูหรอกนะ สู้ๆนะ พี่เป็นกำลังใจให้

0
White Frangipani 8 ม.ค. 60 เวลา 23:13 น. 25
สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้

หนูอายุ16แต่ใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่เต็มตัวแถมมีหนี้6ล้าน(กระทู้ระบายค่ะ)



บังเอิญผ่านมาค่ะ   อ่านๆตามที่คุณเล่ามานี้...เข้าใจความรู้สึกของคุณค่ะ

และอยากจะเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจนะคะ

แท้จริงนั้นการที่เป็นหนี้ในครั้งนี้...คุณไม่ใช่สาเหตุ...คือไม่ใช่ความผิดของคุณแต่อย่่างใดนะคะ  คุณต้องไม่รู้สึกว่า...ผิด...ไปนะคะ

และ อยากจะบอกคุณว่า คุณอายุ 16 แล้วนะคะ คือคุณโตพอสมควรแล้วค่ะ คุณอย่าคิดว่าคุณยังเป็นเด็กสิคะ คนอายุ16 นั้นแท้จริงโตมากทั้งร่างกายและความรู้สึกนึกคิดแล้วนะคะ คืออยากจะบอกคุณว่า...คุณต้องเข้มแข็งเข้าไว้...และพยายามหาทางแก้ปัญหาด้วยความคิด...ที่ถี่ละเอียดดูนะคะ

เข้าใจว่า..เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะไม่ง่ายสำหรับคุณในตอนนี้ นั้นเข้าใจค่ะ

จึงอยากแนะนำว่าในขั้นแรกนะคะ ขอให้คุณทำใจให้เข้าใจปัญหาก่อน...หรือพยายามสยบความรู้สึกสับสน ท้อ และเหนื่อยหน่ายซึ่งเกิดขึ้นในความรู้สึกของคุณตอนนี้ให้ได้ก่อนเพื่อเป็นการแก้ปัญหาในขั้นแรกนะคะ

เมื่อคุณสามารถสงบอาการดังกล่าวนี้ได้แล้ว...คุณจะสามารที่จะสร้างพลังต่อต้าน...และคุณจะสามารถมีความสว่างที่จะเห็น...ทาง...แก้ไขปัญหา ความที่คุณสงบ ความที่ไม่สับสนได้นั้นสมองของคุณอาจจะมีไอเดียที่จะเห็นหนทาง...ที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ต่อไปได้ค่ะ

ที่ต้องแนะนำแบบนั้นในขั้นพื้นฐานเพราะ...หากตราบใดที่คุณสับสน เหนื่อยหน่าย ท้อ คุณจะอ่อนแอ และห่อเหี่ยว...ในที่สุดปัญหา...จะรุมเล้า..กัดกิน หรือกลืน ทำให้คุณมืดมนและหมดแรงได้ในที่สุด...แบบนั้นคือคุณจะพ่ายแพ้ต่อปัญหา  อันตรายนะคะ

คือ...อยากจะแนะนำคุณว่า...ด้วยพื้นฐานแล้ว...คนที่มีสติ...และแกร่ง...สติปัญาจะพาคุณรอดพ้นจากปัญหาต่างๆนานาได้นั้นเอง...ในช่วงอายุ...16 ของคุณนี้...หรือ...คุณก็สามารถที่จะสามารถมีศักยภาพที่จะทำหรือเป็นได้ค่ะ  คือนี้ปัญหาเปราะแรกที่คุณต้องแก้...คือคุณต้องควบคุมตัวของคุณเองก่อนค่ะ

เจ้าของเม้นต์เข้าใจด้วยค่ะว่า...ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคุณในตอนนี้...แต่ไม่มีทางอื่นจริงนะคะ

แต่คงมีทางเดียวจริงๆค่ะ


โอเค....เรามาลองๆ....หาวิธีแก้ปัญหา...ซึ่งเป็นปัญหาเมนของเหตุที่คุณตกอยู่นั้นะคะ

เรื่องของคุณพ่อ...ตามที่คุณเล่ามานั้น...ลืมไปเลยนะคะ...หากคุณพ่อทำกับคุณแม่และกับคุณได้เช่นที่คุณเล่ามานี้...ตอนนี้จะให้ดีลืมท่านไปก่อนค่ะ (ปัญหาที่คุณผจญนี้ใหญ่มากพออยู่แล้วค่ะ)

เรื่องของคุณแม่...เจ้าของเม้นต์ก็หวังอย่างยิ่งว่าคุณแม่ของคุณจะเป็นคนที่มีเหตุผลและแกร่ง...พอที่จะยืนหยัด...ด้วยขาของท่านเอง...เมื่อภัยมา...หากท่านเป็นได้เช่นนี้คุณก็นับว่าโชคดี...อยู่นะคะ

นั้นคือคุณมีเพื่อนชีวิตนั้นเองค่ะ คืออย่างน้อยคุณก็มีคุณแม่...เป็นผู้นำในการที่จะสู้ปัญหา...ที่คุณพบเจออยู่นี้ค่ะ

คราวนี้เรื่องเรียนของคุณ...อยากแนะนำว่าคุณต้องแยกแยะ...ให้ได้ค่ะ...คือคุณต้องแยกแยะ...ให้ได้ว่าเรื่องเรียนต้องไม่ให้กระทบกระเทือน เกี่ยวกับเกรดด้วยนั้นสำคัญมากค่ะ...เกรดต้องไม่ตก ต้องไม่เสีย นั้นคือ เมื่อไปโรงเรียน...คุณต้องจดจ่อ...ที่จะตั้งใจเรียนค่ะ

เรื่องเรียนกับปัญหาที่คุณพบอยู่นี้แท้จริงคนละเรื่องนะคะ....ซึ่งไม่ง่ายที่คุณจะแยกแยะในขณะนี้...เข้าใจคุณค่ะ แต่...คุณต้องทำให้ได้เท่านั้นค่ะ

และคราวนี้...มาดูปัญหาที่ว่า...ดูจะใหญ่มากๆๆๆ กับหนี้สิน 6 ล้าน ดูมันเยอะนะคะ

การที่จะล้างหนี้...คราวนี้มีสองวิธี(คือเจ้าของเม้นต์ลองๆช่วยๆคิดๆหาทางออกก่อนเข้ามาเม้นต์ค่ะ)

วิธีที่.1 นะคะ หนี้ 6ล้าน (แท้จริงไม่มากเลยนะคะ คือลองคิดดูให้ละเอียดอีกทีค่ะ) ที่ว่าไม่มากคือ...

พ่อแม่ตัดสินใจซื้อบ้านในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ราคารวมดอกเบี้ยแล้วราวๆ6ล้านบาท ผ่อน25ปี
ครั้งแรกที่หนูรู้ว่าเราต้องใช้หนี้25ปีเดือนละ20,000บาท"



คือ ต้องจ่ายเดือนละเพียง 20.000 นะคะ ยังพอมีทางออกค่ะ...คือบ้านหลังนี้...ราคาเท่านั้น...บ้านน่าจะใหญ่พอประมาณหล่ะ...

จะเป็นไปได้ไหม?ที่คุณและคุณแม่จะแบ่งเช่า...ไปส่วนหนึ่ง...เช่น หากบ้านสองชั้นคุณอาจจะให้เช่าไปชั้นหนึ่ง...คุณสามารถแบ่งเช่าเป็นสามห้องนอน...แต่มีห้องนํ้ารวม ห้องครัวรวม และห้องนั่งเล่นรวม...และการให้เช่าแบบนี้นะคะ คุณสามารถให้เช่าในราคา...3.000 หรือ 3.500 หรือ3.800 บาท(คิดว่าไม่ใช่ราคาที่แพงนะคะอาจจะถูกมากๆด้วยซํ้าไป จะเป็นการง่ายในการปล่อยเช่าด้วยค่ะ)

ห้องทำให้เช่า หรือปล่อยเช่าลักษณะนี้...ทุกวันนี้ เป็นสากลมากๆค่ะ คือที่ไหนๆเขาก็ทำให้เช่าแบบนั้นค่ะ หากเขามีเนื้อที่ ที่มากไปนะคะ

และห้องเช่าแบบนี้ที่เป็นแฟชั่นซึ่งฮิตมากๆในกลุ่มนักศึกษาอีกด้วย(หรือกลุ่มผู้คนซึ่งต้องทำงานในต่างเขตในบางโอกาสเขาจะเช่าทิ้งไว้ โดยบริษัทจ่ายบางครั้งเป็นเดือนก็ไม่มาพัก แต่คุณได้ค่าเช่าค่ะ)

และสำหรับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยนั้นจะฮิตห้องเช่าลักษณะนี้มากๆค่ะ เพราะเขาได้อยู่ร่วมกันกับเพื่อนๆ แต่ก็มีห้องนอนเป็นสัดส่วน และเป็นส่วนตัวในขณะเดียวกัน...คือบ้านเดี่ยวส่วนบุุคคล..มีอาณาเขต หรือบริเวณซึ่งเป็นส่วนตัว กว่าการไปอยู่หอ...รวม...(และค่านํ้าค่าไฟ เขาทั้งหลายต้องจ่ายเองด้วยนะคะ อย่าลืมทำสัญญานั้นขึ้นมาด้วย เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาทั้งหลายต้องจ่ายค่ะ)

สำหรับคุณและคุณแม่จะอยู่ชั้นหนึ่ง นั้นก็น่าจะมีเนื้อที่เหลือเฟือมากมาย อยู่ได้แบบสบายๆค่ะ

เอาหล่ะได้มาแล้ว...10.000บาท หรือ10.000กว่าๆ ก็เป็นได้ ที่เหลือ...ที่ต้องจ่ายคือ 10.000 หรืออาจจะน้อยกว่านั้น...ด้วยซํ้า ตรงนี้...เงินจำนวนนี้...คุณแม่น่าจะรับภาระต่อไปไหวค่ะ  หรือเงินเดือนคุณแม่อาจจะเหลืออีกด้วยหลังจากจ่ายรายเดือนอีกด้วยค่ะ (แท้จริงที่เมืองไทยรายได้ก็ไม่แย่นะคะ และหากรู้จักประหยัดนะ)

และหากคุณจะทำงานพาสไทม์บ้าง ในช่วงเย็นไม่กี่ชั่วโมง หรืออย่างน้อย...อาทิตย์ละวัน เพื่อเป็นรายได้ เป็นเงินส่วนที่คุณจะได้ใช้เป็นส่วนตัวค่ะ คุณได้ช่วยคุณแม่แบ่งเบาภาระท่านด้วย เท่านั้นคุณก็ช่วยท่านได้มากมายแล้วค่ะ

และคุณเองก็ต้องตั้งๆใจเรียนด้วยนะคะ...คุณจะเรียนอีกห้า หรือ หกปี คุณอาจจะจบ..ป.โทออกมา...คุณได้เงินเดือน..มาช่วยคุณแม่เป็นกอบเป็นกำ...บ้าน คุณก็ไม่ต้องให้เช่าแล้ว คุณอาจจะปรับปรุงใหม่ ไฉไลกว่าเดิมด้วยค่ะ บ้านหลังนั้น...จะถูกไถ่ออกมาก่อน 25ปี ด้วยซํ้าค่ะ (แค่นี้ก็สำเร็จค่ะ)

...กาลเวลาต่อๆไปในอนาคตจากวันเวลาที่ผ่านมา...ที่คุณต่อสู้เพื่อรักษาบ้านนั้นไว้...จะเป็นผลพลอยได้...ที่ดียิ่งด้วยนะคะ...นั้นคือราคาบ้านในวันนี้...วันที่คุณทำสำเร็จ...ราคาบ้านอาจจะตกอยู่ที่สิบกว่าล้านก็เป็นได้ค่ะ (ราคาบ้านและที่ดิน...นะคะ มันมีแต่ขึ้นๆๆๆค่ะ )

และ วิธีที่.2 นะคะ หากคุณไม่อยากที่จะสู้...ตามวิธีที่1 ตามที่แนะนำมาข้างบนนั้น...หลังจากได้กรรมสิทธื์มาหลังสามปี...คุณก็ปล่อยให้คุณแม่ขายไปเลยค่ะ เพราะหากคุณ(คุณแม่)มีหนี้6ล้านจากที่กู้...แน่นอนว่าอย่างน้อยราคาของบ้านก็น่าจะสูงกว่านั้น คือคุณน่าจะได้ราคาที่สูงกว่า...อย่างแน่นอน(เพราะธนาคารจะไม่มีวันปล่อยหนี้ร้อยเปรอร์ของราคาบ้านค่ะ เป็นกฎกู้ยืมซึ่งเป็นสากลในวันนี้นะคะ)

และเมื่อขายบ้านได้...ส่วนที่เป็นหนี้ คุณแม่จ่ายไปให้หมด และส่วนที่เหลือ..คุณและคุณแม่...ก็ไปหาที่อยู่ที่ถูกกว่า แต่อาจจะห่างไกล...ออกไปจากที่เคยอาศัยอยู่...จะทำให้ได้บ้านในราคาที่ถูก แต่คุณต้องสู้กับการที่ต้องเดินทางนะคะ  (คิดๆนะคะนั้นว่าคุ้มที่จะสู้...ที่เอาบ้านไว้หรือไม่)

คือทุกอย่างคุณต้องคิดให้ถี่ถ้วนและรอบคอบด้วยนะคะ...

อยากแนะนำเจ้าของกระทู้...ด้วยว่า...เมื่อปัญหาประดังเข้ามาต้องฝึกที่จะแก้ปัญหานะคะ คุณต้องไม่งอแง หรือไม่อ่อนแอสิคะ เช่นการที่คุณทะเลาะกับคุณแม่บ่อยๆ หรืองอแงกับท่าน นั้นจะเป็นการสร้างหรือเพิ่มปัญหาบนปัญหา...จะทำให้ทุกอย่างยํ่าแย่ค่ะ

คุณโตพอสมควรแล้วนะคะ คุณต้องพยายามเข้มแข็งนะคะ

ในทางกลับกัน...คุณต้องเข้มแข็งที่จะเอาใจใส่ท่าน เป็นกำลังใจให้ท่าน หรือร่วมด้วยช่วยหาทางคิด ทางออก ช่วยเป็นกำลังใจให้ท่านค่ะ

เมื่อปัญหามา...ต้องตั้งสติเพื่อตั้งป้อมเป็นเกราะ เป็นภูมิต้านทาน หรือตั้งเป้า...หรือเตรียมพร้อมที่จะแก้ไขนะคะ...ไม่ใช่...การที่จะคิดฆ่าตัวตายหนีปัญหา หนีคุณแม่ปล่อยให้ท่านสู้อยู่เพียงผู้เดียวนั้นเป็นความคิดที่ติดลบค่ะ 


โอยย..... เม้นต์นี้...ยาวจริงจังค่ะ สาเหตุเพราะ...มีโอกาส...เห็น อ่าน พบเจอ...ปัญหาเช่นที่คุณเจอนี้มามากค่ะ สงสาร อยากเป็นกำลังใจค่ะ

คุณกำลังเครียดๆอยู่ด้วยจะอ่านได้หรือไม่นะ....หากยังไม่สามารถอ่านเม้นต์ยาวๆนี้ได้...คุณทิ้งไว้ก่อนนะคะ  รู้สึกดีๆเมื่อไรแล้วเข้ามาอ่านก็ได้ค่ะ


เป็นกำลังใจ  สู้สู้นะคะเจ้าของกระทู้


0
Blacky eyes 8 ม.ค. 60 เวลา 23:29 น. 26

เก่งมากเลยค่ะ ที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย และยังอดทนมาได้มากขนาดนี้ เวลาแค่ไม่กี่ปีเดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้วเนอะ บางสิ่งบางอย่างต้องใช้เวลาเป็นเครื่องช่วยคลายปมปัญหา น้องต้องภาคภูมิใจในตัวเองนะที่ทำมาได้ขนาดนี้
เหนื่ิยน่ะมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่อย่าลืมหา 'ความสุขเล็กๆ น้อยๆ' ให้ตัวเองด้วยนะคะ 

[เราเคยผ่านมันมาได้ เราก็ต้องผ่านมันไปได้!!!!]

ขอกอดน้องแน่นๆ หนึ่งทีค่ะ
สู้!!!

0
Apple_R 9 ม.ค. 60 เวลา 00:22 น. 28

ก่อนอื่นขอบอกเลยว่าจขกท.เป็นคนแกร่งมากๆ แกร่งและเข้มแข็งกว่าคนทั่วๆไปในวัยเดียวกัน
เราก็ไม่รู้จะปลอบยังไงนอกจากช่วยให้กำลังใจ  จขกท.อาจจะเหนื่อยแต่เราเชื่อว่ามีสิ่งดีๆรออยู่แน่นอน จขกท.เป็นคนที่สู้กับอุปสรรคมากในวันต่อๆไปในอนาคตอุปสรรคอื่นๆจะผ่านมันไปได้อย่างง่ายดายแน่นอนค่ะ ลำบากวันนี้ สบายวันหน้านะคะสู้ๆ!


0
tapnrae 9 ม.ค. 60 เวลา 00:42 น. 29

สู้ๆนะคะ ซักวันนึงความพยายามของน้องจะเกิดผลที่ดีแน่นอน พี่มั่นใจ ขอให้ในอนาคตน้องประสบความสำเร็จ ทำอาชีพที่หวัง มหาวิทยาลัยค่อยเริ่มเรียนตอนที่น้องพร้อมก็ได้เนอะ :) การเรียนมันไม่สายไปหรอก อย่าคิดฆ่าตัวตายอีกนะคะ แม่เค้าคงลำบากไม่ต่างจากเรา ลองคิดดูนะแม่น้องเข้มแข็งขนาดไหนต้องส่งลูกเรียนต้องผ่อนบ้าน น้องยังไม่ได้มองมุมมองของแม่น้องเลย ถ้าน้องได้เห็นน้องอาจจะเปลี่ยนความคิดใหม่เลยก็ได้นะ พี่เป็นกำลังใจให้

0
ernarlsr_ 9 ม.ค. 60 เวลา 01:27 น. 30

จขกท.อายุเท่าเราเลย
สู้ๆนะคะ ถึงตอนนี้จะลำบาก แต่ความอดทน
และความพยายามที่จะผ่านจุดนี้ไปได้
จะไม่สูญเปล่าแน่นอน ในอนาคตตัวเอง
อาจจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดก็ได้
เรียนจบแล้วอาจจะได้งานดีๆ เงินเดือนดีๆ
พบเจอผู้คนดีๆ ต่อจากนี้ยังมีอะไรดีๆอีก
มากมายนะ ถ้าเราแก้ไขตรงอื่นไม่ได้
ก็ลองปรับที่ใจเราเองนี่แหละ คิดแต่สิ่งดีๆ
แล้วเรื่องดีๆก็จะตามมาเอง ขอแค่เชื่อมั่น
ในตัวเองว่า 'เราทำได้!' เป็นคนเก่งแบบนี้
ต่อไปโอกาสดีๆก็คงเข้ามาเยอะเลย
เชื่อสิว่าสักวันจะต้องขอบคุณตัวเองที่อดทน
มาตลอด ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ นะ
ปล. ดูแลคุณแม่ดีๆนะคะ ท่านคงเครียด
กว่าเราเยอะเลย อย่าให้ท่านหนักใจน้า
จะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ

0
CallmeEllenuna 9 ม.ค. 60 เวลา 01:32 น. 31

เข้มแข็งไว้นะคะคนเก่ง พี่เชื่อว่าหนูต้องทำได้ ขอให้หนูผ่านพ้นเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยนะคะ เป็นกำลังใจและเอาใจช่วยหนูนะ.

0
Little guy 9 ม.ค. 60 เวลา 02:03 น. 32

สวัสดีค่ะ จขกท. เราที่อายุไล่เลี่ยกันก็อยากมาให้กำลังใจค่ะ ถ้ามีโอกาสได้เจอจขกท.ก็ยินดีค่ะ พ่อแม่เราเลิกกันตั้งแต่เรายังจำความไม่ได้แต่อยู่ด้วยกันจนถึงเราป.1 แต่พ่อเราจะไม่ค่อยอยู่บ้านจะออกไปทำงานแล้วให้แม่และเรา ครอบครัวในตอนนั้นฐานะเรียกได้ว่าเกือบรวยมากๆ ต้องเห็นแบงค์พันที่พ่อให้แม่ไว้ทุกวันบนหัวนอนค่ะ พ่อแม่เราเจ้าชู้ทั้งคู่ค่ะ แล้วไม่รู้จักพอ ก่อนที่จะมาเจอพ่อเลี้ยงคนแรกของเราเนี่ยแม่เรามีแฟนมาแล้ว2คนค่ะ ซึ่งแม่เนี่ยจะสอนให้เราโกหกว่าไม่ให้บอกใคร จนป.2เราย้ายมาอยู่กับพ่อเลี้ยงค่ะ เป็นคนที่เข้ากับเราได้มากๆเรียกได้ว่าเรานับถือว่าเขาเป็นพ่อจริงๆในระหว่างนั้นเราก็ย้ายจากบ้านดีๆมาอยู่แมนชั่น3ห้องที่ภายนอกไม่น่าอยู่เลย แต่ก็มีเงินใช้ไม่ขาดสนอะไรค่ะ เราก็ได้เรียนร.ร.ประถมเอกชนที่ระดับปานกลางไม่ได้รู้สึกขาดอะไรไป พ่อแท้ๆก็มีติดต่อมาบ้างแต่เราต้องแอบพ่อเลี้ยงคุยค่ะเพราะแม่บอกกับเราว่าไม่ได้ติดต่อกับเขาแล้ว จนตอนม.1เราสิบเข้าร.ร.รัฐที่ค่อนข้างมีชื่อแถวบ้าน เราสอบติดได้ดีใจมากระหว่างนั่นแม่ก็ได้รับเลี้ยงลูกของลูกป้าที่ท้องไม่พร้อมมาเลี้ยงไว้ เป็นเด็กผญ.หน้าตาคล้ายกับเรา เรารักน้องนะคะเราอยากมีน้องสาว ในตอนนั้นเรารู้สึกมีความสุขมากค่ะที่มีในสิ่งที่เราขาดเรามีพ่อมีแม่มีน้องสาวที่เรารัก อยู่ที่บ้านเหมือนกับHomeจนถึงตอนเราอยู่ม.2พ่อเลี้ยงและแม่เราทะเลาะกันจากHomeก็เปลี่ยนเป็นHouse มันมีหลายเรื่องมากที่เขาทะเลาะกันเงิน ชู้ที่แม่แอบคุย เเละเรื่องที่แม่เราเมคขึ้นมาโกหกพ่อเลี้ยง บางเรื่องที่ฟังจากปากพ่อเลี้ยงก็ทำให้อึ้งได้หลายครั้งจนมาถึงเรื่องนี้เราชาทั้งตัวน้ำตานี่ไหลไม่รู้ตัว "แม่บอกว่าเราคือเด็กที่เก็บมาเลี้ยง"ทั้งที่ใบสูติบัตรก็เป็นชื่อพ่อและแม่เรา เราตอนนั้นเสียใจมากค่ะว่าทำไม"แม่อายเหรอที่มีเรา??" ทุกวันนี้ก็ยังไม่บอกแม่นะคะ ปัจจุบันเราก็อยู่กับแม่สองคนแม่ต้องทำงานเราก็ต้องเรียนน้องก็ต้องไปให้ญาติคนอื่นเลี้ยง เราเสียใจที่รักษาพ่อและแม่ให้น้องไม่ได้ น้องน่าจะได้เรียนหนังสือดีๆ ทุกวันช่วงนั้นเหมือนเป็นโรคซึมเศร้ามากค่ะนอนไม่หลับร้องไห้คนเดียวทุกวันปกติแล้วเราปรึกษาใครไม่ได้เลยค่ะ ตอนนี้คือ100กินข้าวถึงเย็นเลยไม่มีไปเที่ยวกับแม่เลยค่ะแม่กลับจากทำงานก็นอนคุยกับแฟนใหม่ซึ่งเราเคยดูจากไลน์มันมากกว่า3คนที่้คยเห็นหน้า1คน ไปโกหกเขาอีกหลายอย่างเหมือนที่ทำกับพ่อเลี้ยงเราเลยค่ะ อยู่ตอนนี้เหมือนอยู่คนเดียว นี่เป็นเพียงแค่0.5ส่วน10ของเรื่องรางความเจ็บปวดของเราค่ะ เราไม่ค่อยรู้จักคนหายากจะเจอคนที่ผ่านความยากลำบากมา
เพื่อนในห้องยังจำเราไม่ได้เลยค่ะ ไม่มีใครมาจีบเลย
กลับบ้านอย่างเดียว เพื่อนก็มีค่ะแต่เราสร้างระยะห่างไว้บางครั้งเราสนิทกายแต่ไม่สนิทใจจริงๆ
สุดท้าย(คือยาวกว่าที่จขกท.เขียนอีกมั้งเนี่ย)เราอยากจะมาให้คำแนะนำนะคะ
เราเคยน้อยใจนะคะที่ทำไมอายุเท่านี้ทำไมต้องเจอเรื่องอย่างงี้นะ
เราอยากให้จขกท.เข้าใจและยอมรับสภาะของตนเอง
คนเราก็มักจะมองคนที่มีโอกาสกว่าแต่เราอยากให้ทุกคนมองคนที่มีโอกาสน้อยกว่า
เรารู้โลกนี้มันไม่ง่ายที่จะมองในแง่ดี
แต่ขอให้มองโลกในสิ่งที่มันควรเป็นไม่ใช่สิ่งที่มันเป็นตอนนี้
เรื่องความฝันเราอยากให้มองว่า สถาบันการศึกษาเป็นเพียงแค่ตัวขัดเกลาให้เราสั่งสมความรู้แล้วไปใช้ในชีวิตภายนอกไม่ใช่เครื่องมือในการสมัครงาน โปรไฟล์ดีแล้วไงทำงานเป็นแล้วค่อยว่ากัน เคยเจอวิศวะที่ลุงข้างบ้านบอกว่าเงินเดือน200,000แต่ส่งแฟกซ์ไม่เป็น ต้องให้นี่สอน
เราไม่ใช่คนที่มองโลกในแง่ดีหรือร้ายนะคะ เรามองเห็นแบบที่มันเป็นอยู่และเลือกทำในแบบที่มันควรจะเป็น
เราคิดว่าเราโชคดีนะคะที่ได้ผ่านเรื่องราวแบบนี้ เป็นประสบการณ์ที่ใครก็หาไม่ได้จริงๆ
ตอนนี้ก็ขอให้อดทนนะคะ อดทนไปด้วยกัน สภาพเราตอนนี้ก็ใช้นางสาวไม่กี่ปีก็ขึ้นศาลให้แม่คดีล้มละลายค่ะ55555
ทุกคนคิดว่าเราต้องมีความสุขและไม่มีทุกข์ตลอดเวลา
แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
เวลาที่ทุกข์เราจะคิดว่าคนเราไม่จำเป็นที่จะต้องมีความสุขตลอดเวลาทุกข์บ้างร้องไห้บ้างก็ได้เราเป็นมนุษย์มีความรู้สึกนึกคิดได้ตราบได้ที่มีอวัยวะเท่ากันนี้ก็ไม่ลำบากหรอกค่ะ
เราอยากรู้ว่าความฝันจริงๆของจกขท.คืออะไร ที่ไม่ใช่คณะที่อยากเข้า งานที่อยากทำ ทุกวันนี้เราก็ยังคงหาคำตอบของการมีชีวิตอยู่ของเรา ตอนนี้ก็อยากจะเขียนหนังสือของจัวเองสักเล่มไว้ก่อนจะตายนะคะ
ส่งท้ายแบบจริงๆแล้วนะ5555
เราตอนนี้กำลังถูกวินิจฉัยเรื่องโลกหัวใจค่ะ มือเท้าเปียกตลอดเวลาต้องไปหาหมอแล้ว เพราะตอนเกิดหัวใจไม่เต้นหรืออะไรสักอย่างจนต้องส่งศิริราช ว่าจะไปอาทิตย์หน้านี้
เราว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะแต่น่าจะเคยเป็น ตอนช่วงที่ผ่านเวลานั้นคุยกับเพื่อนปกตินะคะแต่กลับบ้านร้องไห้นอนไม่หลับกินไม่มากก็น้อยไป เคยคิดฆ่าตัวตายค่ะเพราะรู้สึกอยู่ไปทำไมกันนะตายไปคงไม่มีใครเสียใจหรอก
ตอนนี้ก็โดนญาติเกี่ยงกันค่ะว่าจะเลี้ยงเรามั๊ย คือแม่เราน่าจะหาพ่อใหม่ให้เราโดยผ่านมาได้ปีว่าเอง เร็วเนอะ เรากับญาติก็ไม่ค่อยไว้ใจกันไม่อยากให้เราอยู่กับแม่ แต่ก็ไม่อยากให้อยู่กับตัวเองอีก55555ตลกดีเนอะ
เราอยากเป็นจิตรกรค่ะ อยากเล่นดนตรีเป็นงานอดิเรกอยากเขียนหนังสือด้วยเพราะเราชอบอ่าน
จขกท.ลองไปหาสิ่งที่ตัวเองอยากทำนะคะคนเราเกิดมาไม่รู้ชาตินี้มีชาติเดียวมั๊ยชาติหน้าอาจแย่กว่านั้น เรามีภูมิคุ้มกันเราทนได้ดีกว่า ตกจากที่สูงนะคะเพราะมันจะเจ็บมากไม่ก็ถึงตาย ไม่จำเป็นไม่ต้องเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครพรำ่เพรื่อนะคะแบบที่เขารู้ว่าเราคือใครอ่ะ เราเคยไปเล่าให้คนอื่นฟังบ้างแต่ก็ไม่เยอะแบบ0.025แล้วรู้สึกว่าเล่าทำไมอ่ะไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะเนี่ยแถมมาโดนล้อแบบว่าแม่เรา คือรู้สึกเล่าผิดคนมากไปเล่าให้คนไม่รู้จักกาลเทศะฟัง คือมีหน้าที่ให้ฟังไม่ได้ให้มาทำตัวแบบนี้ เลยผิดหวัง555

อย่าน้อยใจที่เราเป็นเรา
ภูมิใจที่เราสร้างเองไม่ต้องพึ่งใคร
รักตัวเองบ้าง ให้คนอื่นบ้าง
ทำในสิ่งที่คิดว่าควร
มองในสิ่งที่ควรมอง
พูดในสิ่งที่ควรจะพูด
ทำในสิ่งที่เราสบายใจแล้วไม่เดือดร้อนเราและคนอื่นก็พอค่ะ
หาความฝันจริงๆในโลกภายนอกนี้นะคะ

ตอนนี้เราอายุ15นะคะ ปีนี้16แล้ว อยากให้รู้จักกับนาฬิกานะคะ ชีวิตตอนนี้เข็มยังอยู่แค่เวลาเช้าอยู่ อะไรก็ไม่แน่นอนนาฬิกาเราอาจจะหยุดเดินกลางคันก็ได้ คนใกล้ตัวเราที่เคยเห็นผ่านบ่อยเขาตายตอนอายุเท่าเราค่ะ ยิ่งทำให้เราตระหนักว่าอะไรก็เป็นไปได้ เจ.เค.โรว์ริ่งนี่ก็ไอดอลนะคะ คนเขียนแฮรี่พอร์ตเตอร์ เลิกกับสามีตอนอายุ28มีลูกติดใช้ชีวิตด้วยเช็คของรัฐที่ให้ปชช ทุ่มเวลาให้กับความฝันรีเซ็ตตัวเองต้องพิมพ์ดีดเองเพราะไม่มีค่าน้ำหมึกโรงพิมพ์ ตอยนี้ก็รวยเลยค่ะ เวลานี้เราอาจจะไม่ใช่เวลาของเรา เราอาจจะได้มีบั้นปลายที่ดีก็ได้ให้นึกภาพดาราที่ได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ดีเด่นกับนักแสดงดีเด่น คุณจะเลือกรางวัลไหนนั่นแหละค่ะ ตัดเรื่องเงินออกจากหัวบ้างทำตามความฝันเงินเป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้นและไม่ใช่ทุกสิ่ง
พิมพ์ยาวมากใครขก.อ่านข้ามไปค่ะ555555

0
พี่คนนี้ 9 ม.ค. 60 เวลา 02:28 น. 33

เข้ามาให้กำลังใจ
อยากเล่าเรื่องของพี่ให้ฟังเผื่อจะช่วยน้องได้อย่างน้อยน้องก็ไม่เคยอยู่คนเดียว
ตอนนี้พี่อายุ21ปี
พี่เป็นคนนึงที่เรียนค่อนข้างดี ตอนป.1-ป.6ได้ที่1แถบตลอดเวลา
ตอนขึ้นมัธยมสอบได้เกรดดีตลอดไม่ต่ำกว่า3.5 เรียนสายวิทย์คณิต โรงเรียนชื่อดังต่างจังหวัดทั้งๆที่อาจารย์โคตรกดเกรดเพราะจะให้เด็กไปเรียนพิเศษ

ตอนมอปลาย มีความฝันอยากเป็นผู้บริหาร ซีอีโอ นักเล่นหุ้น เจ้าของธุรกิจร้อยล้าน555

แต่เวลาดับฝันก็มาถึง แม่พี่ให้พี่เรียนหมอ ยังไงก็ต้องหมอ
พี่ทะเลาะกับแม่ทุกวัน แม่ด่าพี่สารพัด ความฝันพี่มันเหมือนพังทลาย แต่ก็นะ คิดหรือพี่จะยอม ไม่ยอมค่ะ
แม่เลยต่อรองให้เรียนสายการแพทย์
พี่ก็ไม่เอาค่ะ ดีที่สุดที่ให้ได้คือไปเรียนวิศวะ และคิดแค่เดี๋ยวป.โทค่อยไปเรียนMBAเอา

แต่ไม่เป็นอย่างที่คิดค่ะ แม่บังคับให้พี่ลาออกจากวิศวะทุกวันๆ โทรมาด่าทุกวัน หนักสุดคือมาหาที่มหาลัยและจะลากตัวกลับค่ะ คือจะให้ไปสอบหมอ

พี่เครียดมาก สรุปพี่เป็นซึมเศร้าค่ะ พยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ก็รอดมา
พี่เรียนต่อวิศวะไม่ไหวค่ะสุขภาพแย่มาก ถึงขนาดพูดไม่รู้เรื่องเพราะความเครียด พี่เลย ลาออก มาตั้งหลัก

พี่เสียไป1ปี

ปีต่อมาแม่ยื่นคำขาด ว่าให้ไปสอบหมอ ไม่งั้นไม่ส่งตังค์ให้ค่ะ และแม่ก็ทำจริงๆค่ะ
แต่ในปีนั้นแทนที่จะสนับสนุนให้เราอ่านหนังสือ
ไม่ค่ะ มาด่าเรา ว่าเสียเวลา ถ้าไปสอบตั้งแต่ปีแรกก็ดีแล้ว
และเอาเราไปเทียบคนอื่นค่ะ
ปีนี้แม่เอาญาติๆมาด่ามากดดันค่ะ
สรุปไม่ติดค่ะ โรคที่เป็นอยู่หนักกว่าเดิม

เสียไปอีก1ปี

ปีที่3แม่ก็ด่าเหมือนเดิมค่ะแต่เราเลือกไม่ฟัง สุดท้ายเราติดเภสัชค่ะ เราเลยจะเรียนแต่แม่ไม่ให้เรียนค่ะ
ให้ไปสอบหมอ วันที่สอบหมอเราไม่สบายค่ะ และแม่ไปใส่ร้ายเรากับพ่อ อาการเราเลยแย่มาก ใจไม่พร้อมหนักมาก
ร้องไห้ในห้องสอบ เราไม่ติดหมอค่ะ และแม่ไม่ให้เรียนเภสัชด้วย แม่ให้ไปสอบปีหน้าอีกกกกกก

เราไม่สอบแล้วค่ะ ออกมาทำงานและเรียนมสธเอา
เงินเรียนหาเองค่ะ เทอมละ3000กว่าบาท
ทำไปๆขอตังค์พ่อมาลงทุนทำร้านอาหาร150000บาท
ร้านไปได้ดี ค่ะ ได้เดือนละ100000+++
ไปไหนมาไหนคนชื่นชมค่ะ นับถือทั้งๆที่พี่อายุ21ปี
พี่มีลูกน้อง มีเงิน เลี้ยงตัวเองได้

แต่ความสุขอยู่ไม่นานค่ะ แม่มาอาละวาด เอาร้านพี่ไปค่ะ
แม่บอกว่าได้เดือนละ100000มันมากไปค่ะสำหรับเด็กต้องให้แม่มาจัดการเงิน พี่ไปบอกพ่อให้ช่วยแต่พ่อตามใจแม่
เพราะแม่บอกพ่อว่าพี่จะไม่ยอมแบ่งเงิน ให้น้องสาวค่ะ น้องสาวพี่ต้องลำบาก ในขณะที่พี่อยู่อย่างสบาย

ตอนแรกพี่จะไม่ให้และยื้อสุดๆเพราะพี่เป็นคนสร้าง
แต่ด้วยสุขภาพพี่ที่มันไม่ดีอยู่แล้ว วันนึงพี่ก็ล้มค่ะ
แม่มาจัดการร้านแทนและขโมยไปอย่างเต็มรูปแบบ

พี่เสียใจมากค่ะ
ภายหลัง แม่เอาตังค์ของพี่ไปดาวน์บ้าน ดาวน์รถให้ญาติพี่น้องค่ะ และให้น้องสาว

หลังจากนั้นพี่ไม่มีอะไร เงินกินก็ไม่มี ค่าเทอมก็ไม่มี
เพราะแม่อ้างว่าต้องเอาเงินไปผ่อนค่าบ้าน ค่ารถให้น้องสาว และน้องชายแม่
แม่ไม่ให้อะไรพี่เลยค่ะ
จนวันนึง ร้านเจ๊ง 555555 แม่พี่บริหารดีเกิน

แม่กลับมาหาพี่ บอกจะให้ค่าเทอมพี่3000บาท แต่พี่ต้องไปทำงานที่ร้านให้มันได้เดือนละหนึ่งแสนเช่นเดิม

พี่ไม่เอาค่ะ แม่แทงหัวใจพี่จนเยินหมดแล้ว พี่ไม่มีวันกลับไป
ตอนนี้พี่ทำงานเป็นนักเขียนอิสระ เขียนนิยาย
มันก็สุขดี

พี่เขียนมายาวมาก แค่อยากให้กำลังใจต่อสู้ต่อไปในอนาคต
ชะตาเรา เรากุมเอง ลิขิตเอง
พี่ขออวยพรให้น้องชนะอุปสรรคทุกอย่างในชีวิต
เราอ่อนแอ ด้วยชะตา และเวลา แต่เข้มแข็งด้วยจิตวิญญาณ อดทน ดิ้นรน ไม่ยอมแพ้

จาก พี่(เพื่อนมนุษย์)





0
นิ้ง 9 ม.ค. 60 เวลา 03:04 น. 34

'ทำไมแม่ไม่เข้าใจหนูเลย
จนถึงทุกวันนี้แม่ยังไม่รู้ด้วยซํ้าว่าหนูเคยจะฆ่าตัวตาย'

อย่าคิดว่าเขาไม่เข้าใจเลยค่ะ
เขาเป็นผู้ปกครองของเรา แล้วน้องเข้าใจคุณแม่บ้างมั้ยคะ
ในตอนแรกเขาต้องการให้หนูเรียนสูงๆ ทั้งยังเช่าบ้านให้อยู่
แต่เพราะเศรษกิจไม่ดีนัก และเพราะคุณพ่อที่เลือกทิ้งหนูไป
การเงินที่ว่าไม่ค่อยดี ยิ่งแย่ลงไปอีกไม่ใช่หรอคะ
เพราะยิ่งแย่เลยต้องช่วยกัน
เหนื่อยหลายคนแต่ปัญหาเบาขึ้น
หรือหนูจะให้แม่เหนื่อยคนเดียว แบกรับทุกอย่างหรอคะ
ทั้งค่าใช้จ่ายของน้องทั้งค่าใช้จ่ายตัวแม่ ทั้งยังค่าเช่าบ้าน ค่าเรียนอีก

ในตอนนี้ อยู่ในจุดที่แย่น้องไม่มีทางเลือก
จะเอาแต่คิดว่า อยากสบาย ฉันไม่ไหวแล้ว ทำไมถึงเป็นแบบคนอื่นไม่ได้
ประชดด้วยการไม่ทำงาน ไม่เรียน ไม่ทำอะไร
มันมีอะไรดีขึ้นหรอ?
มีแต่ทำให้คนอื่นต้องมากังวลเพิ่มนะคะ

ยังไงก็อย่ากดดันตัวเองให้มากนักนะคะ พี่อยากให้น้องทำใจ และเป็นเด็กดีนะ : )

0
Goldden 9 ม.ค. 60 เวลา 03:20 น. 35

มาให้กำลังใจ..นะ
ความขยัน และอดทนในวันนี้จะทำให้ สำเร็จในวันหน้า เราจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี
น้าเป็นคนหนึ่งที่เรียนจบปวช สามีก็เรียบจบปวช แล้วก็ต่อป.ตรี จบบัญชีค่ะ
สมัยเรียนเจอปัญหาก็คิดฆ่าตัวตายแบบเด็กๆ เหมือนกัน แต่เรามีเพื่อน มีพี่ มีน้าที่ดีคอยให้คำปรึกษา เวลาผ่านไปก็จะดีขึ้น
น้าทำงานเก็บเงิน สร้างตัวขึ้นมาได้ ก็ต้องผ่านปัญหามาเยอะค่ะ จะเรียนอะไรไม่สำคัญ อยู่ที่เราทำตัวอย่างไรมากกว่า ถ้าเราสู้ เราจะชนะ ถ้าเราท้อ เราก็พักแล้วก็สู้ต่อนะ มีคนอื่นที่ลำบากกว่าเรา มองโลกในแง่ดี ร่วมกันแก้ปัญหากับคุณแม่ ค่อยๆคิด ทุกอย่างจะดีขึ้นนะ
ปัจจุบันน้าทำงานมา22 ปี เริ่มจากเงินเดือน8000 บาท
จนมีกิจการเป็นของตัวเอง แล้วก็ลงทุนสร้างอพารทเม้นท์ไว้เก็บค่าเช่ายามแก่ตัวอีก40กว่าห้อง
โดยมีหนี้มาตลอดเหมือนกัน สู้ ๆ นะ
ตั้งใจทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ขยันทำงาน วันว่างก็ขายของทางเน็ท มือ1มือ2ได้นะเห็นวัยรุ่นขายกระเป๋า รองเท้า เพื่อเพิ่มรายได้ แล้วเป็นประสบการณ์ใหม่ๆที่ดีให้กับน้องได้นะ
ลูกสาวน้าก็อยู่มัธยม เขาก็ช่วยพ่อแม่ทำงานตั้งแต่เล็กเหมือนกัน เคยบ่นทำงานเหนื่อยมาก..5555 สู้ สู้นะ

0
มาแล้วลอยผ่านไป 9 ม.ค. 60 เวลา 03:50 น. 36

เราไม่เข้าใจความรู้สึกเธอทั้งหมดหรอก เพราะเราไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แต่เราคิดว่าสิ่งที่เธอต้องการตอนนี้คือคนที่จะมารับฟัง และรู้สึกคล้อยตามไปกับเธอมากกว่า เราจะไม่บอกให้เธอปรับอะไรทั้งนั้น เพราะแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ในจุดนั้น แต่เราก็คิดว่า ถ้ามันปรับได้ง่ายขนาดนั้นเธอก็คงปรับไปแล้ว เราว่าเธอรู้ว่าความจริงแล้วตัวเองต้องการอะไรและต้องทำยังไง แค่ว่าเธอยังไม่อยากทำหรือทำไม่ได้ก็เท่านั้น เราคิดว่าเธอไม่ต้องการคำแนะนำอะไรหรอก แค่ต้องการคนเข้าใจก็เท่านั้นเอง เราอยากให้เธอสู้ๆนะ แล้วซักวันมันจะเป็นวันของเธอ

ปอลิง. ถ้าเราพิมพ์อะไรแย่ไปผิดไปก็ขอโทษด้วยนะ

0
PongPongPM 9 ม.ค. 60 เวลา 06:09 น. 37

สู้ต่อไปครับ พี่ก็ทำงานหาเงินตั้งแต่7ขวบ
เพราะที่บ้านพี่เขาเคร่งเรื่องอยากได้อะไรต้องหาเอง
กินขนมพี่ยังต้องช่วยแม่เดินส่งของเพื่อแลกกับค่าขนมตั้งแต่เด็ก
พอประมาณอายุ12พี่ก็เริ่มไปเป็นมัคกุเทศน์ที่วัด จนพอช่วง ม.3 ขึ้น ม.4
พี่ก็มีเงินเก็บอยู่บ้างเลยลงทุนซื้อเตาอบ กับเครื่องตีเค้กมาลองทำ สูตรก็หาจากเน็ต
ไม่อร่อยก็แก้ไขจนมันอร่อย ที่พี่เลือกทำเค้กเพราะต้นทุนมันต่ำกำไลมันสูง
ขนาดพี่ขายชิ้นละ20 กำไลยังได้ปอนด์ละ100เลย ถ้าเส้นทางชีวิตมันบังคับมาแบบนี้
พี่แนะนำได้แค่ น้องต้องปรับตัวเข้ากับมัน ลองดูว่าเราถนัดอะไร อะไรที่เราพอจะทำได้บ้าง
พี่เองก่อนจะลงทุน พี่ก็ทำหมดอ่ะ เด็กเสิร์ฟ พาร์ทไทม์ห้าง ทำทุกอย่างแต่เชื่อเถอะ สิ่งที่เราทำผ่านมา
มันจะมาเสริมทักษะขีวิตเราเอง อย่าอิจฉาเพื่อนที่เขาสบาย เรายอมเหนื่อยไปก่อน อดทนไปก่อน
เดี๋ยวจะเจอสิ่งที่มันเป็นวันของเราเอง อย่าพึ่งท้อ การศึกษามันไม่หนีไปไหนหรอกครับ
อายุไม่ใช่ปัญหา หน้าด้านเข้าสู้ พี่เชื่อว่าซักวันมันต้องมีวันของน้อง สู้ต่อไปครับ ล้มก็ลุกขึ้นมาใหม่
ระหว่างที่ลำบาก ก็พยายามค้นหาตัวเองให้เยอะๆครับ ว่าตัวเราถนัดอะไรที่สุด ละลุยเลยครับ
เดี๋ยวนี้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คเปิดกว้าง เพจขายของออนไลน์ ขายของส่งเยอะแยะ ลองดูๆเอาครับ
พี่เองทำอะไรไม่เป็น ก็เปิดyoutube ศึกษาเอา มีทุกอย่างจริงๆ พี่มาเรียนมหาลัยอยู่หอทำเค้กไม่ได้
พี่ก็มานั่งศึกษาวิธีทำบล็อกสกีนเสื้อ วิธีสกีนเสื้อ หนทางหาเงินมันมีเยอะครับ ยุคนี้หาเงินง่ายเพราะ!!
แค่เราฉีกกรอบที่มันมีอยู่ ทำอะไรที่มันน่าสนใจ อย่างพี่พี่ก็ดูการตลาดตามเพจ รีบสกีนเสื้อ
หรือเสื้อแฟชั่นนี่แหละครับ ว่าคนชอบใส่ลายแบบไหน ยิ่งถ้าสมมุติว่าน้องทำพาร์ทไทม์เกี่ยวกับ
งานบริการ น้องจะเจอคนหลายรูปแบบมาก ลองจำลักษณะนิสัย แต่ละคนมาประยุกต์กับสิ่งที่ตัวเองถนัด
เชื่อพี่เถอะ เดี๋ยวอะไรอะไรมันก็ดีขึ้นเอง พี่เหนื่อยตั้งแต่เด็กด้วยมั้ง พี่เลยคิดว่าอย่างน้องยังไม่แย่เท่าพี่
ถ้าเหนื่อยถ้าท้อ ให้ท่องเอาไว้ครับว่า ยังมีคนที่แย่กว่า สู้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอวันของเรา

0
ping 9 ม.ค. 60 เวลา 07:08 น. 38

ความลำบากนี่แหละค่ะ จะเป็นแรงผลักดันทำให้เราเข้มแข็ง เหรียญมี 2 ด้าน คนก็มี 2 ด้าน มีทุกข์ก็มีสุข การคิดฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่ในชีวิตนี้ไม่ควรคิดเลยนะคะ เรายังมีแม่ แม่ท่านก็มีเหตุผลของท่าน
เรายังอายุไม่เยอะ ยังมีหนทางในชีวิตอีกมาก ยังไงก็สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
เต้าหู้ 9 ม.ค. 60 เวลา 07:12 น. 39

น้องคะ ทุกปัญหามันมีทางออกเสมอค่ะ ณ จุดนี้การที่น้องไท่ำด้สบายหรือมีของใหม่เหมือนเพื่อนนั้นหนูต้องยอมรับนะคะ เพราะสภาพมันต่างกัน สิ่งที่หนูควรทำคือไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อนและยอมรับสภาพของตัวเองตอนนี้ ตอนนี้หนูอาจจะเหนื่อยหนูอาจจะทุกข์แต่วันนึงเมื่อหนูโตขึ้นแล้วหนูมองย้อนกลับมาหนูจะภูมิใจมากที่หนูไม่ปล่อยให้แม่เผชิญปัญหาอย่างเดียวดาย และหนูจะภูมิใจมากที่ครั้งนึงหนูเคยช่วยแม่แก้ไขปัญหาใหญ่ขนาดนี้ได้ ตอนพี่อายุเท่าหนูครอบครัวพี่ก็เคยมีปัญหา แต่พี่ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลย แต่พอเวลาผ่านไปทุกอย่างมันก็คลี่คลายลง เรื่องงานเรต้องเรียนรู้กันไปนะคะเรื่องโดนติอะไรแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา เราก็ต้องพัฒนากันไป อย่างที่คห.บนบอกค่ะแม่นอดก็คงเสียใจแต่การแสดงออกของคนเรามันไมาเหมือนกัน พี่อาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากนะคะ แต่มีอยากให้น้องมีสติ พี่เป็นกำลังใจให้น้องนะคะ

0
Lazy>_<Girl 9 ม.ค. 60 เวลา 07:18 น. 40

เรื่องของพี่กับน้องคล้ายๆกันแต่ดีกว่าตรงที่พี่กู้ กยศตั้งแต่มปลายถึงมหาวิทยาลัยพี่เลยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเทอม ส่วนค่าใช้จ่ายกินอยู่พี่ทำงานพิเศษทุกวันหลังเลิกเรียนเลิกงานประมาณเที่ยงคืนตีหนึ่ง ปิดเทอมก็ทำงานทุกวันพออายุครบ 20 พี่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านเหล้าตอนกลางคืนเพราะเงินดีกว่าเลิกงานเก็บร้านเสร็จก็ตีสามตีสี่ ส่วนเรื่องเรียนพี่คิดว่าในเมื่อต้นทุนเราน้อยกว่าคนอื่นเราต้องพยายามให้มากกว่าเขา พี่ก็เคยเครียดเกือบจะฆ่าตัวตายเหมือนกันแต่พี่ก็ผ่านจุดนั้นมาได้ พี่เชื่อว่าน้องก็จะเข้มแข็งขึ้นเช่นกัน อย่าคิดว่าทำไมเราถึงต้องมีชีวิตแบบนี้เพราะมันบั่นทอนกำลังใจตัวเอง ให้น้องคิดว่าเมื่อเรามีชีวิตแบบนี้ทำยังไงเราถึงจะมีอนาคตที่ดีกว่าเดิมได้ เรียนสายอาชีพไม่ใช่เรื่องแย่เพราะคนที่จบจากสายงานนี้ทักษะด้านการปฎิบัติงานเก่งมาก ถ้าน้องอยากจบ ป.ตรี น้องเรียนจนจบ ปวส. แล้วทำงานส่งตัวเองเรียนต่อ ป.ตรีตอนหลังก็ได้ ไม่มีอะไรสายเกินไป

0