[สงสัย] คนอ่านแฟนตาซีชอบอารัมภบทยาวๆ ประวัติศาสตร์ตำนานเยอะๆ ในบทแรกหรือเปล่าครับ
ตั้งกระทู้ใหม่
แต่ช่วงนี้ได้อ่านหลายๆเรื่อง และเห็นคอมเม้นต์ในบางเรื่องที่ขึ้นต้นด้วยการร่ายประวัติศาสตร์พูดทำนองว่า "ชอบจัง มีประวัติศาสตร์มีข้อมูลเยอะแยะเลย"
ก็เลยเกิดสงสัยขึ้นมาครับ ว่าสรุปคนอ่านชอบการเกริ่นนำด้วยข้อมูล หรือว่าไม่ชอบกันแน่ ความเห็นที่ผมเห็นเป็นความเห็นของคนส่วนน้อย หรือว่าคนอ่านส่วนใหญ่ชอบแบบนี้กัน
เพราะเรื่องปัจจุบันกำลังจะจบ (และอาจจะรีไรท์เล็กๆน้อยๆ) และกำลังจะเริ่มเรื่องใหม่ซึ่งเป็นแนวแฟนตาซีเหมือนกัน เลยอยากทราบความเห็นของคนอื่นๆดูครับ
28 ความคิดเห็น
ส่วนตัวแล้วแต่คนชอบมากกว่าค่ะ แต่ถ้ามีเรื่องประวัติศาสตร์มาแต่งในนิยายด้วยมันดูรู้สึกอินมากขึ้นนะคะ คหสต.นะ
ความเห็นส่วนตัวของผมครับ
เริ่มแบบไหนก็ได้แต่ขอให้อยากติดตามต่อ ถ้าเป็นนักเขียนด้วยกันหรือคนที่พอจะมีทักษะในการวางโครงเล็กน้อยอาจจะตอบว่าต้องเริ่มด้วยเนื้อเรื่องสิสนุกกว่า แต่ในฐานะที่ผมเคยเป็นนักอ่านที่ไม่มีทักษะในการวางโครงเรื่องมาก่อน ตอนที่อ่านตอนนั้นจะอ่านอะไรก็สนุกครับถ้าคนเขียนทำให้น่าสนใจ
สุดท้ายความเห็นส่วนตัวอีกครั้งครับ
ผมคิดว่าส่วนที่ยากที่สุดในการเขียนนิยายคือคำโปรย และส่วนที่ผมใช้ในการเริ่มเปิดเรื่องจะอิงมาจากคำโปรย เพราะคำโปรยเป็นทั้งส่วนโฆษณานิยาย พล็อตแกนเรื่องและจุดเด่นแบบย่อของเรื่องในเวลาเดียวกัน การเริ่มด้วยประวัติศาสตร์สามารถทำได้แต่ถ้ารวมเป็นเนื้อเดียวกับเนื้อเรื่อง(อิงจากคำโปรย)ก็จะสมบูรณ์มากขึ้นตามความเหมาะสมเท่าที่จำเป็น
คงต้องถามตัวเองล่ะครับว่ามันจำเป็นไหมสำหรับบทแรกเปิดเรื่อง และคงเหมือนเป็นคำถามที่ถามตัวเองจนชินว่าฉากนี้ซีนนี้จำเป็ฯไหมสำหรับตอนนี้บทนี้
ชอบแบบเปิดเผยระหว่างตอนมากกว่าครับ
เพราะมันทำให้เราอยากติดตาม มีเวลาให้จำและรู้สึกไม่อยากข้ามรายละเอียด
ขณะที่ถ้าจับมากองไว้ในบทนำ มันเหมือนผู้เขียนยัดเยียดให้เรามากกว่า
ยิ่งถ้ารายละเอียดเยอะมาก เป็นมหากาพย์ บอกเลยว่าจำไม่ไหวหรอกครับ
แต่สุดท้าย ก็ขึ้นอยู่กับการจ่ายข้อมูลของผู้เขียนแล้วว่าทำได้ลื่นไหลไหม จำง่ายหรือเปล่า ถ้าทำได้ดี ผมก็ชอบอยู่นะครับ (กรณีที่ยัดไว้ในบทนำ)
ส่วนตัวไม่ชอบการเปิดแบบนั้น (เวิ่นประวัติศาสตร์ยาวเหยียด) ชอบการแทรกมาระหว่างเรื่องแบบพอดี ๆ มากกว่า เราไม่ชอบการยัดข้อมูลทีเดียว เพราะมันจำไม่ได้ 555+
ส่วนตัวชอบแบบสอดแทรก(ในเนื้อเรื่อง)มากกว่ายัดเยียด(ตอนต้นเรื่อง)
ในความรู้สึกคือ เราตั้งใจมาอ่านนิยายไม่ใช่อ่านหนังสือประวัติศาสตร์ แต่การยัดประวัติศาสตร์เป็นบทนำของเรื่องอาจจะทำให้เรื่องไม่ดึงดูดใจ ถ้าเป็นบทนำสั้นๆยังคงพอใช้ได้ แต่ถ้าเกริ่นประวัติศาสตร์ในบทนำยาวๆคงต้องมีคิ้วกระตุกคิดว่า
"นี่ฉันกำลังอ่านอะไรอยู่เนี่ย"
"เมื่อไรส่วนนี้จะจบ/เลื่อนผ่านอย่างรวดเร็ว"
"เมื่อไรจะเข้าส่วนต้นเรื่องเสียที"
"ตัวละครล่ะ อยู่ไหน"
ความเห็นส่วนตัวนะคะ
ไม่ชอบอย่างแรงค่ะ พอเจอทีไรถึงจะตั้งใจอ่านขนาดไหนก็ข้ามหรือไม่อาานไม่ก็ไม่เข้าหัวทุกที จะข้ามไปอ่านบทแรกเลยค่ะ ถึงจะไม่รู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาเพราะว่าไม่ได้อ่านบทนำที่บรรยายขนาดนั้นก็ไม่คิดกลับไปอ่านค่ะ
เรื่องนักอ่านสมัยนี้ชอบหรือไม่ชอบ ผมก็ไม่ทราบนะครับ
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมยังไงก็ได้ ขึ้นกับฝีมือคนเขียนอ่ะ
นิยายที่ผมเขียนไม่ใช่แฟนตาซีนะ แต่ก็คิดว่าอดีตที่มาที่ไปของเรื่องไม่จำเป็นต้องมาเริ่ม
แต่แรก หรือมีแค่สั้นๆ ไม่ใช่ทั้งหมด พอเรื่องดำเนินไปถึงจุดที่เกี่ยวข้องค่อยเผยออกมา
ทีละน้อย มันน่าจะน่าสนใจกว่ามาทีเดียวเยอะๆ แล้วพอนานๆ ก็อาจจะลืมต้องย้อนกลับไป
อ่านตอนต้นอยู่ดี
เป็นแบบบทนำเรื่องสั้นๆ มีไม่กี่หน้าน่าจะพอไหว แต่ถ้ายาวเท่ากับตอนอื่นๆ คงจะมากเกินไป
จากประสบการณ์การอ่านแฟนตาซีอันจำกัด
เปิดด้วยประวัติ : ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง สารภาพเลยว่า ง่วงมากมาย นี่ถ้าไม่เห็นว่าหนังมันสนุกมาก คือเลิกอ่านจริง ๆ นะ กว่าจะอ่านผ่านมาถึงช่วงสนุกนี่คือ ต้องอดทนมาก
เปิดด้วยเนื้อเรื่อง : ฮังเกอร์เกม ไดเวอร์เจนท์ แฮรี่ ซุ่งความรู้สึกแต่ละเรื่อง ก็ต่างกันไป
ฮังเกอร์เกม : รู้สึกเหวอ ๆ คือแบบอะไรคือพาเนม อะไรคือพิธีบูชายัญ
แฮรี่ : นี่ถ้าไม่ได้ชื่อว่านิยายขายดีสุดในโลก ก็คงไม่อดทนผ่านเล่มแรกมาหรอก เบื่อช่วงลุงกับป้า ซื้อหนังสือ ซื้อคทามาก มาสนุกอีกทีตอนหาผู้ร้ายนู้น...
ไดเวอร์เจนท์ : อันนี้กลมกล่อมสุดละ ปูนิดเดียว แล้วเลือกเผ่าเลย
สรุปว่า ถ้ามือยังไม่นิ่ง ชื่อเสียงยังไม่พอ ก็อย่าปูยาวเลย
ตอนทำกับข้าวก็ไม่มีใครเทวัตถุดิบทั้งหมดลงหม้อพรวดเดียว
ผมเคยพบบางเรื่องที่เปิดตัวด้วยประวัติศาสตร์ระดับมหากาพย์ อ่านสนุกแถมพกพาความอลังการ
แต่นับนิ้วมือได้เลยที่จะมีคนทำได้ดี ส่วนใหญ่เป็นการยัดเยียดข้อมูล
ขึ้นกับฝีมือนักเขียนนั่นแหละครับ
เลือกเปิดด้วยประวัติศาสตร์ หากเอานักอ่านไม่อยู่ จะกลายเป็น "เล่าเพื่ออะไร"
เรื่องแรกเรายังไม่ค่อยสันทัดอะไร เห็นเขาทำมาก็ทำตามเหมือนกันค่ะ คือยัดข้อมูลโครมเดียวในบทนำ
หลังๆ มา ไปอ่านของคนอื่นที่เปิดบทนำด้วยประวัติแบบนี้แล้วมันน่าเบื่อ เลยเพิ่งรู้ตัว
จะรีไรต์ก็ขี้เกียจ ปล่อยไว้งั้นแหละ 555555
ส่วนเรื่องหลังมาก็พยายามปรับใส่ในเนื้อเรื่องทีละนิดค่ะ
ผมคิดว่า อาจเป็นแนวใหม่ที่กำลังเริ่มฮิตก็ได้ อย่างเมื่อก่อน นิยายเล่าเยือดเยื้อ แต่สมัยนี้ นิยายเล่าฉับไว
ก็ไม่รู้สินะ...
แต่นิยายเราเปิดบทนำมาก็ร่ายยาวตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักรยันเข้ายึดอำนาจเลย 555
ก็อยากจะเอาบทนำแบบอื่นนะ แต่ถ้าร่ายมาแบบนี้จะเข้าใจบรรยากาศของเรื่องแบบสุดๆ อ่ะ ตอนนี้รีไรท์อยู่เหมือนกันแต่ยังคิดบทนำแบบอื่นไม่ออกเลย แต่ส่วนตัวเราว่าเอาแบบที่นักเขียนชอบน่ะค่ะ คนอ่านที่ชอบแบบเดียวกับเรายังไงก็ต้องมีแหละ
แล้วแต่รสนิยมคนนะครับ
สำหรับผมชอบแบบเริ่มรวดเร็วแต่แทรกข้อมูลครบในระหว่างอ่านครับ
โดยส่วนตัวไม่ชอบครับ
ชอบให้เข้าเนื้อเรื่องให้เร็วที่สุด แม้มันจะข้ามอะไรหลายๆ อย่างไป แต่การที่ต้องมานั่งอ่านประวัตินู้นประวัตินี้ราวกับหนังสือเรียน เป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก ผมจะข้ามถ้าทำได้ และถ้ายังเจอการอธิบายแบบยืดเยื้ออีก รออ่านสปอยเลยดีกว่า สนุกกว่าเยอะ อิอิ
อย่าเปลี่ยนนิยายเป็นบทเรียนประวัติศาสตร์จินตภาพเลยครับ
ผมชอบแบบเดินเรื่องฉับไวเข้าเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงแรก แล้วค่อยแทรกประวัติศาสตร์ภายในเรื่องไม่ให้กระจุกอยู่ที่เดียว ทั้งแบบอ่านและเขียนครับ
ส่วนตัวไม่ชอบเหมือนกันครับ ชอบแบบเปิดมาเป็นเนื้อเรื่องเลย แล้วค่อยๆ เท้าความถึงประวัติศาสตร์อะไรก็ว่ากันไปเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องครับ
ของผมก็เปิดมาเป็นเนื้อเรื่องก่อนเลยครับ(หรืออาจจะไม่เชิงเนื้อเรื่อง?)
ส่วนเรื่องประวัติศาสตร์จะใส่ซ่อนๆเอาไว้ในแต่ละบท โดยผมใส่เอาไว้ในคำพูดของตัวละคร แต่ในอนาคตอาจมีการย้อนกลับไปเปิดประวัติศาสตร์เบื้องหลังอีกที
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?