Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ไม่ง่ายเลยที่จะเรียนหมอด้วยภาษาจีน จากอักษรฯจุฬาสู่แพทย์ม.ปักกิ่ง (ภาค2 ว่าด้วยวิชาAnatomy)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
มาแล้วๆๆ กลับมาแล้วค่ะ หลังจากหายไปนานครึ่งปี ในนิวฟีดส์เห็นเพื่อนๆที่ไทยสอบใบประกอบขั้นสุดท้ายผ่านกันเต็มไปหมดเลยย พวกนายกำลังจะได้เป็นแพทย์เต็มตัวแล้วสินะ ยินดีไว้ตรงนี้ด้วยเด้ออเพื่อนๆ
ส่วนเราตอนนี้เพิ่งจบปี2 เทอม1ไปหมาดๆแล้ว ฮ่าๆๆๆโถ ชีวิต 
เทอมที่ผ่านมามันโหดร้ายมากกกกก มากกกๆเลย มากๆ โคตรๆ ตอนแรกคิดว่าจบปีหนึ่งจะเลิกร้องไห้แล้วนะ TT

มันโหดร้ายยังไงหรอ สงสัยกันล่ะสิ ก็ปกติที่เป่ยต้าก็ตัดเกรดมหาโหดอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าเราต้องคอยลุ้นทุกเทอมเลยว่าจะผ่านมั้ย
(ที่เคยกล่าวไว้ภาคก่อน ตามอ่านย้อนหลังได้ที่นี่ https://www.dek-d.com
/board/view/3667806/ )



เทอมที่ผ่านมาได้เวลาเจอวิชาที่เกี่ยวกับแพทย์จริงๆแล้วสัก
ที ได้แก่ Basic Anatomy , Histology , Biochem ,
Medical Ter
minology , Biochem Lab  อ้าวว แล้วมันโหดยังไงล่ะะ ไม่เห็นบอกเลย- -"

ใจเย็นๆค่ะ เดี่ยวจะค่อยๆแจกแจงรายละเอียดให้ฟังนะคะทุกคนน คือมันอัดอั้นจนไม่รู้จะเขียนบรรยายยังไงให้มันอ่านรู้เรื่อง เพราะเรื่องราวเทอมที่ผ่านมามันพันกันยุ่งเหยิงเต็มหัวไปหมดดน่ะสิ เอาล่ะ มาเริ่มกันที่วิชาแรกเลย

Basic Anatomy ทำไมถึงเป็น เบสิค อะนาโตมี่ ก็เพราะว่า เรียนวิชานี้จบแล้ว ตอนปีสามมันยังมีอีกAnatomyนึงให้เรียนน่ะสิค้าา อันนั้นเรียนเป็นส่วนๆ ได้ผ่าเองตอนนั้น แต่...เบสิคที่เรียนกันตอนปี2เนี่ย เรียกอีกชื่อว่า Systemic Anatomy นั่นเอง คือเรียนตามระบบต่างๆ เช่น ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ระบบน้ำเหลือง ระบบประสาท เป็นต้น เราก็จะได้ดูชิ้นส่วนเยอะแยะมากมาย ได้จับ ได้คลำ ได้รู้ว่าแต่ละส่วนคืออะไร เรียกว่าอะไร จุดเกาะต้น จุดเกาะปลาย ถ้าเกิดตรงนี้ได้รับบาดเจ็บจะมีผลต่อเส้นเลือดเส้นประสาทอะไร ดูสนุกใช่มั้ยล่ะ 55555555555

วิชานี้แหละ หึหึ เพราะสำหรับที่นี่แล้ว ขึ้นฮิตติดหนึ่งในวิชานักฆ่าแห่งเป่ยอีเลยทีเดียว (เป่ยอี คือชื่อเล่นของคณะแพทย์เป่ยต้า และเป่ยต้า คือ Peking University คล้ายๆเวลาเรียก รามา ศิริราช ไรแบบเนี้ยล่ะ คือเราไม่เรียกว่า หมอมหิดล แต่เรียกว่า รามาไปเลย ที่นี่ก็เหมือนกัน เรียกรวมๆเล่นๆว่า "เป่ยอี" )  แล้วมันเป็นนักฆ่าแห่งเป่ยอียังไงน่ะหรอ ก็ปีที่แล้วมีข่าวลือว่าในนักเรียนต่างชาติมีคนผ่านวิชานี้แค่ 4 คนน่ะสิคะ ต่างชาติที่ว่ารวมพวกไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊าด้วยนะ ย้ำอีกครั้ง คนผ่านสี่คนเท่านั้น และนอกจากนี้ก็ยังมีพวกคนจีนที่ตกกันอีกมากมายก่ายกอง 5555  พอได้ยินแบบนี้แล้ว ปีเราทุกคนกลัวกันหมดเลยจ้า ตั้งแต่เด็กเนิร์ดยันไม่เนิร์ด เราก็กลัวนะ แต่กลัวไปก็เท่านั้นแหละ ถ้าอาจารย์เค้าจะอินดี้ออกข้อสอบโหดๆ เราก็คง ทำได้เท่าที่อ่านนั่นแหละ...
มันเครียดเพราะว่ามีสอบไฟนอลรอบเดียวด้วย ได้ยินว่าที่ไทยจะสอบเป็นระบบ เรียนจบระบบนึงปุ๊บสอบปั๊บ ข้อเสียคือ จะได้อ่านหนังสือไปเรื่อยๆไม่ได้พัก 555 ส่วนของเราชิวๆเรื่อยๆ สอบไฟนอลทีเดียวทุกระบบ แล้วก็ตายทีเดียวตรงนั้น 5555555555555555555 (ขำแรงไปป้ะ) ระหว่างที่เครียดไปเรื่อยๆตลอดเทอม ไปฟังเลคเชอร์ไม่ทันบ้าง เข้าแลปสายบ้างตามสไตล์ (แบบนี้ไม่ดีนะอย่าทำตาม) คือเราโชคดีอย่าง คือตอนแรกที่แบ่งห้องแลปอะ เราได้ย้ายมาเรียนห้องเดียวกะคนจีน เพราะห้องต่างชาติมีห้องเดียวและคนเยอะเกิน อาจารย์เลยให้สิบคนสุดท้ายย้ายไปเรียนกะพวกคนจีน ตอนแรกก็รู้สึกโชคดีที่ได้มาอยู่กะพวกคนจีน ตอนกลางรู้สึกว่าโชคร้ายเพราะว่าพวกนี้เก่งกันอยู่แล้ว อาจารย์จะไปเร็วมาก เราฟังไม่ทันไง TT แต่ตอนหลังก็รู้สึกว่าโชคดีอีกครั้ง เพราะพวกนี้มันเก่งมาก ขยันมากด้วย พอเราไม่เข้าใจพวกนางพร้อมจะอธิบายเสมอ ความรู้พวกนางแน่นตั้งแต่คาบแรกเลยแหละ ไม่รู้ไปอ่านล่วงหน้ามานานแค่ไหน กระดงกระดูก กล้ามเนื้อไหน อาจารย์ถามทีไรพวกนางก็ตอบได้หมด ส่วนเรานั่งเปิดดิก....มันอ่านว่าไรว้าาา TT คือชื่อกระดูก กล้ามเนื้อ เป็นภาษาจีนหมดเลยค่ะ ไม่ได้ทับศัพท์เหมือนที่ไทย แต่ภาษาอังกฤษก็ต้องรู้นะคะ เพราะว่าเวลาอาจารย์ออกข้อสอบ เค้าจะอินดี้มาก อย่างบางข้อท่านอยากใช้ศัพท์ไหนเป็นอังกฤษก็ใช้เลย เพราะฉะนั้นต้องท่องให้รู้ทั้งสองชื่อจะปลอดภัยสุดค่ะ เราว่าที่คนตกกันเยอะๆเพราะไม่รู้ศัพท์ด้วยส่วนนึง ด้วยความที่เนื้อหามันเยอะมาก จำไม่หมดหรอกเชื่อดิ  เสี่ยงดวงเอาว่าอ่านมาตรงมั้ย แค่นั้น เช่น Sternocleidomastoid ชื่อจีนก็จะเป็น 胸锁乳突肌 อ่าาาา ท่องไปเถอะจ้าา กะโหลกบานเลยทีเดียว

ข้อสอบอะนาโตมี่ ปีเราแบ่งเป็น แลปกริ๊ง 30% คะแนน ไฟนอล 70%
1.แลปกริ๊ง ก็ เดินวนตามสถานีต่างๆ ดูแล้วตอบว่ามันคือชิ้นส่วนไหน ข้อละนาที 
2.ส่วนทฤษฎี 100 คะแนน แบ่งเป็น 
-ช้อยส์ 10 ข้อ ข้อละคะแนน 
-เติมคำ 30 คะแนน ช่องละคะแนน
-ข้อใหญ่  24 คะแนน เลือกตอบ 3 ข้อใหญ่
-วิเคราะห์ผู้ป่วย 36 คะแนน
ส่วนใหญ่มักจะทิ้งช้อยส์กัน เพราะคะแนนน้อยแล้วเสี่ยงที่จะตอบไปแล้วผิดสูงมาก นอกจากในตัวเลือกจะมี 5 ช้อยส์แล้ว มันมีข้อถูกมากกว่า1 ตัวเลือกด้วย ก็ต้องแม่นจริงๆถึงจะได้คะแนน (เราก็ทิ้งส่วนนี้) แล้วจะไปเก็บคะแนนจากตรงไหนล่ะทีนี้。。。

เราเลือกเก็บคะแนนตรงเติมคำ เพราะว่า มันค่อนข้างเป๊ะ ถ้าจำได้หมดทั้งเล่ม5555 จำๆไปเถอะ ดีกว่าสมองโล่ง 
ตัวอย่างเช่น  》》ท่อปัสสาวะผู้ชายมีช่องแคบ ___ ส่วน ได้แก่ ___ ,___, ___ เปิดผ่าน ___ , ___ (อาจจะแปลพลาดบ้างนะ)
คือถ้าตอบไม่ได้ ก็ไปหมดเลยย 6 คะแนนต่อ 1ข้อ TT แต่คนส่วนใหญ่ก็เลือกจำเติมคำอยู่ดี เพราะอย่างอื่นมันเตรียมไม่ได้ไง ก็นั่งกินหนังสือเข้าไป พึ่งดวง อธิษฐานกับพระเจ้าขอให้ออกตรงที่อ่าน ขอให้จำได้ตรงที่มันจะออก อันไหนไม่ออกไม่ต้องให้หนูจำได้ 55555555

ข้อใหญ่นี่ก็เสี่ยงดวงอีกเช่นกัน เพราะไม่รู้จะเอาตรงไหนมาออก เราก็ท่องทางเดินของน้ำดีไป โชคดีดันออก
แล้วก็พวก ฉีดยาที่มือขวาให้ยาไปถึงไส้ติ่ง ตัวยาจะมีเส้นทางยังไง ผ่านเส้นเลือดดำอะไรบ้าง ตรงนี้ถ้าพอนึกภาพออกก็น่าจะพอเขียนได้ แต่ก็ยากอยู่ดีอะ

วิเคราะห์ผู้ป่วยนี่คือให้อาการมาเลยย สิบบรรทัด แล้วถามว่า อาการแบบนี้วินิจฉัยยังไง เกิดจากอะไรเสียหายหรือผิดปกติ อันนี้เราโชคร้าย คือมันมีข้อที่เราเตรียมมาอย่างดีก่อนสอบ แต่ด้วยความที่เนื้อหาที่ต้องเตรียมมันเยอะเราเลยตัดข้อนั้นทิ้งไปเพราะคิดว่าคงไม่ออก ซึ่งข้อที่เราตัดทิ้งดันเป็น1ในข้อ 36 คะแนนปีนี้ ข้อเดียวกันเลยเป๊ะๆๆ สรุปว่าด้วยความขี้เกียจท่องเพิ่ม เราหายไปเลยเกือบ 15 คะแนนTT แต่ก็เขียนไปนะ เขียนเท่าที่ตัวเองมีความรู้แหละ ไม่ยอมปล่อยให้กระดาษโล่งเด็ดขาด 55555

ตอนสอบแทบร้องไห้ เพราะว่าอ่านมาไม่ตรงเท่าไหร่ แต่ก็เขียนๆไปเท่าที่ความรู้เราพอจะมี คิดว่าถ้าอาจารย์ใจดี เขียนแล้วให้คะแนนบ้าง น่าจะผ่านที่ 60 คะแนนเป๊ะๆ (ตัดเกรดผ่านที่ 60ไง) เราขอแค่ผ่านก็พออะ ไม่อยากสอบใหม่ มันทรมานมากๆ พอสอบเสร็จเพื่อนเราหลายคนโอดครวญกันใหญ่ พวกที่ได้ท็อปแต่ละห้อง มันยังพูดว่า นี่คงจะเป็นวิชาแรกที่มันจะต้องสอบใหม่..... เห้ยยย แล้วถ้าพวกแกตก ชั้นคงไม่เหลืออะ แต่ท็อปห้องเราคนนี้เชื่อถือได้ มันทำได้มันก็บอกว่าทำได้ ไม่ตอแหลบอกว่าทำไม่ได้ บางวิชาที่เรารู้สึกว่ายาก มันยังบอกเลยว่า ง่ายย อ่านมาก็ทำได้แล้ว 5555 จริงใจดี เพราะฉะนั้นการที่มันบอกว่า มันน่าจะตกเนี่ย เชื่อถือได้ระดับนึงเลยทีเดียว พอสอบเสร็จเราเห็นพวกคนไต้หวันไปยืนมุงดูตารางสอบซ่อมกันใหญ่เลย ฮ่าๆๆๆ วิชานี้เป็นวิชาที่คนที่ไม่ผ่านจากปีก่อนๆมาสอบใหม่พร้อมเราเยอะมาก สอบทีก็แทบจะปิดตึกสอบ อืมมม เท่านี้แหละกับอะนาโตมี่พื้นฐาน รอลุ้นผลสอบต่อไป

เออใช่ เราไม่เคยอ่านหนังสือแล้วเลือดกำเดาไหลมาก่อนในชีวิตเลยนะ วิชานี้เป็นวิชาแรกที่ทำให้เรานั่งอ่านไปเลือดกำเดาไหลไป 5555 ตอนแรกคิดว่าน้ำมูก พอเอามือไปแหย่ อ้าววเห้ยย สีแดงสดเลยย....หยิบทิชชู่มาอุดแล้วอ่านต่อไปค่ะทุกคน - -" แถมสอบวิชานี้เสร็จตอนสามทุ่ม พรุ่งนี้เช้า 8โมง มีสอบต่ออีกวิชา เป็นช่วงที่ทำเราปวดหัวไปสองสามวัน นอนยังไงก็ไม่หายปวดหัวอะ เรื่องจริงเลยย ทุกวันนี้เวลานึกภาพตัวเองตอนนั้นยังน้ำตาจะไหล ความรู้สึกตอนนั้นมันฝังใจมากจริงๆ TT จากนั้นก็ต้องอ่านวิชาต่อๆไป ไม่ได้หยุดอยู่ดี Biochem , Histology พร้อม! พร้อมแถจ้าา

และแล้วระหว่างนั่งอ่านเตรียมสอบ วิชาสุดท้ายคือ Histology  คะแนนอะนาโตมี่ก็ออกจ้าาาา อิอิ
ในกลุ่มเราไม่มีใครกล้าดูผลคะแนนเลย จนเราเปิดประเดิมคนแรกเข้าไปดู มืออย่างสั่นยิ่งกว่าตอนประกาศผลแอดมิดชั่นอีก จริงๆนะ ใจเต้นรัวๆ เรานี่วางมือถือวิ่งไปอธิษฐานก่อนเลย แล้วค่อยๆเอามือเลื่อนออก มันจะเห็นเกรดวิชานั้นก่อน....2...จุด...เก้า  เห้ยยย ขึ้นต้นด้วยสองง ผ่านนี่หว่าาา ไหนๆๆคะแนนล่ะ เลื่อนมือออกอีกนิดก็เห็น.... 76!
กรี๊ดดดดดดดด โอ๊ยย วินาทีนั้นแทบจะวิ่งไปหาทุกคนที่เดินผ่านว่า กรูผ่านแล้ววววว ดีใจเกินเหตุมากๆๆ ดีใจจนคิดว่าวิชาสุดท้ายไม่ต้องอ่านมันละมั้งง (ไม่ได้ไง มันคนละวิชากัน - -" ) ขอบคุณพระเจ้ามากๆค่ะ มากๆๆ จริงๆ 
ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในการเรียนที่นี่ของเรา วิชานี้ผ่านวิชาเดียวความรู้สึกมันเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก

เรานั่งอ่านHistology ด้วยความสบายใจมากก เพราะฮิสโตเราได้คะแนนแลปกริ๊งเต็มสองรอบเลยไง คิดว่าปลายภาคน่าจะรอด แต่คิดผิดค่ะทุกคน ด้วยความประมาท พอถึงเวลาสอบฮิสโต เอามือกุมหัวเลยย แบบว่าอ่านมาไม่ตรงเลยจ้าาาา จะร้องไห้ TT คือต่อให้คะแนนแลปดี แต่ถ้าไฟนอลทำได้ไม่ถึง 40% มันก็ตกอยู่ดีไงง  โอ๊ยยย คือ โหดไปอะ ตอนอยู่ไทยคะแนนเก็บเต็ม ไฟนอลเราก็ชิวๆแล้วป้ะล่ะ อันนี้ทุกคะแนนมีค่าหมดเลย แต่เอาเถอะ ผ่านอะนาโตมี่แล้ว วิชาอื่นสอบใหม่เรายอม 5555555  เราวาดรูปให้อาจารย์ดูเพียบเลยในวิชาสุดท้ายฮิสโต ก็โจทย์ถามว่าอวัยวะเนื้อเยื่อนั้นๆส่องอันนี้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะมีโครงสร้างเป็นยังไง หน้าที่คืออะไร ส่วนประกอบมีอะไร คือเรานึกได้แต่ภาพ เขียนคำอธิบายไม่ได้ แล้วดันข้อละ 10 คะแนนด้วย สุดท้ายนั่งวาดรูปที่เห็นตอนส่องกล้องให้อาจารย์เลย วาดไปนั่งขำไป จนอาจารย์เดินมาจ้องคิดว่าเราโกง 55555 เราเลยเรียกอาจารย์มาดูที่เราวาด อาจารย์ก็ขำตาม คือนังเด็กนี่ตอบไม่ตรงคำถามแถมวาดรูป hyaline cartilage (透明软骨) ได้อุบาทว์อีก พอจะไปเก็บคะแนนตรงช้อยส์ พลิกไปเจอโจทย์ ก็。。。。ทำไม่ได้ 5555 มั่วๆตามความรู้ที่มีไป ได้แต่ภาวนาว่ามันจะผ่านอีกแล้วว คือเรานั่งลุ้นทุกวิชาเลยเทอมนี้ มีแค่Medical Terminology ที่คิดว่าผ่านแน่ๆ แต่ไม่รู้คะแนนจะดีแค่ไหน

สุดท้ายขอบคุณพระเจ้าจริงๆ เพราะไม่เคยเชื่อพระเจ้าสุดใจเท่านี้มาก่อนในชีวิตเลย
(เพราะนอกจากจะผ่านแล้วเรายังได้คะแนนวิชาอะนาโตมี่สูงสุดในห้องอีกด้วย เยย้ แล้วประเด็นคือคนจีนก็ตกกันพอสมควร ต่างชาติปีเราตก 24 คน เราไม่ขอบคุณพระเจ้าไม่ได้จริงๆ เพราะรู้เลยว่าไม่ใช่ความสามารถเราทั้งหมด TT )

ขอบคุณทุกๆคนที่เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณทุกสิ่งเลยที่ทำให้เรามาถึงวันนี้ได้ 
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ อยากให้เขียนเกี่ยวกับอะไรแนะนำได้ค่ะ ถ้ามีเวลาจะมานั่งเขียนให้ได้อ่านกันนะ

ปิดท้ายด้วยภาพละกันเนาะ :)
คราวหน้าจะมารีวิวหนังสือเรียนแบบจัดเต็ม บอกไว้ก่อนว่าเราชอบแบบเรียนและระบบการศึกษาของที่นี่มากๆ
ไม่ได้ชอบที่สุดนะ แต่ว่าชอบมากๆเลย เดี๋ยวมารีวิวต่อจ้า


 

แสดงความคิดเห็น

>

20 ความคิดเห็น

mister_pp 26 ม.ค. 60 เวลา 17:01 น. 3

อยากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมครับพี่พอดีผมสนใจเรียนแพทย์ที่จีน ไม่ทราบว่าจะสอบถามได้ทางไหนครับ

1
aomoxy 3 ก.พ. 60 เวลา 14:19 น. 3-1

เฟสบุ๊คได้ค่ะ หาได้ในpart1 ที่เขียนไว้นะคะ

0
chompoo_1999 26 ม.ค. 60 เวลา 18:38 น. 4

พี่เก่งมากกกกเลยค่ะนับถือมากจริงๆหนูก็กำลังสนใจจะไปเรียนที่จีนอยู่ค่ะแต่เป็นแพทย์แผนจีนพี่พอจะแนะนำอะไรได้บ้างมั๊ยคะคือหนูไม่มีพื้นฐานทางภาษาจีนเลยอ่าาค่ะพี่

1
aomoxy 3 ก.พ. 60 เวลา 14:18 น. 4-1

แผนจีนหาทุนง่ายมากค่ะ ส่วนถ้าไม่มีพื้นฐานแอบลำบาก แต่ว่าถ้าอยากเรียนจริงๆคิดว่าทำได้แน่นอนค่ะ

0
joojubjub 26 ม.ค. 60 เวลา 21:15 น. 5

นี่มีความสุขใช่มั้ย
เป็นห่วงอ่ะ เห็นเครียดมากเลย
เป็นกำลังใจให้น้าาาาาาาาาา ^^

1
aomoxy 3 ก.พ. 60 เวลา 14:12 น. 5-1

5555 เครียดแต่ก็ได้เรื่อยๆค่ะ ขอบคุณค่ะ

0
LoveSimulate 27 ม.ค. 60 เวลา 12:40 น. 6

พี่เก่งมากๆเลยค่ะ ตอนนี้หนูเรียนศิลป์จีนอยู่ ถึงไวยากรณ์มันจะไม่ค่อยยาก แต่ตัวจีนนี่สุดๆค่ะ จีนก็ว่ายากแล้ว นี่เรียนหมอด้วยภาษาจีนอีก เก่งมากๆเลยค่ะ สู้ๆนะคะ

0
wwww 27 ม.ค. 60 เวลา 19:31 น. 7

พี่ค่ะคือเราจะไปต่อแพทย์ที่จีนเนี่ยจบอักษรแล้วไปต่อได้เลยหรอค่ะจะปรึกษาได้ที่ไหนตกใจ

0
war-sky 2 ก.พ. 60 เวลา 14:06 น. 10

อยากให้พี่เขียนวิธีการเข้าไปเรียนด้วยอ่า ว่าต้องมีคะแนนอะไรบ้าง เล็กๆน้อยๆอย่างเค้ารับสมัครกันช่วงไหน ค่าเทอมเท่าไหร่ มีทุนมั้ยอะไรแบบนี้ ฝากพิจารณาด้วยนะคะ ถ้าว่างๆ 

0
หัวใจสองสี 6 ก.พ. 60 เวลา 17:36 น. 11
พี่เก่งมากเลยค่ะ ตามมาตั้งแต่กระทู้ก่อน เก่งตั้งแต่ติดเป่ยต้าแล้ว

สู้ๆ นะคะ เราก็จะพยายามเหมือนกันค่ะ อยากไปจีนเหมือนกัน สนใจด้านสื่อของจีน อิอิ
1
Aline 6 ก.พ. 60 เวลา 18:14 น. 12

เรียนยากมากกกก เราก็เรียนแต่ไม่ลงลึกขนาดนั้นเพราะไม่เอาไปใช้ แล้วจะเรียนทำไม แต่ที่นั่นดีจังถ่ายรูปได้ด้วย ของเราที่เรียนห้ามถ่ายรูปเด็ดขาดดดแม้แต่กระดูกก็ไม่ได้ ถ้าอยากดูคือต้องหาเวลาว่างมาดูเอง

1
aomoxy 9 ก.พ. 60 เวลา 01:13 น. 12-1

จริงๆอาจารย์ไม่ได้ห้าม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกับการถ่ายรูป เพราะหลายคนอัดคลิปเอาไว้ทบทวนตอนสอบค่ะ

0
Pannnnnn 6 ก.พ. 60 เวลา 19:52 น. 13

ถ่ายรูปชิ้นส่วนอาจารย์ใหญ่ชัดเจนขนาดนี้ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์เหรอคะ ถ้าเป็นที่ไทย แม้แต่ผ้าคลุมอาจารย์ใหญ่ก็ไม่ให้ถ่ายเลยนะคะ คิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นหลักสากลที่ปฎิบัติกันทั่วโลกนะคะ

1
aomoxy 9 ก.พ. 60 เวลา 01:12 น. 13-1

ตอนจะลงจริงๆก็แอบคิดเหมือนกันว่ามันจะดีหรอ แต่เพื่อนที่นั่นเค้าเฉยๆกับอาจารย์ใหญ่อะค่ะ คือมองว่าเป็นครูเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำพิธีไหว้ หรือบูชาอะไรแบบในไทยค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่หวังดี :)

0
sarink 6 ก.พ. 60 เวลา 21:16 น. 14

ตอนนี้เราเรียนม.ปลายอยู่ไต้หวัน มีห้องคนต่างชาติกับคนไต้หวัน และเราเลือกห้องคนไต้หวันค่ะ เกณฑ์การผ่าน 60 คะแนนเหมือนกันเลย แล้วข้อสอบหินมากกกก และทุกคนพื้นฐานแน่นมากกก กลายเป็นว่าเรานี่รั้งท้ายไปเลย ข้อปรนัยนับคะแนนน้อยเหมือนกัน ส่วนมากจะเน้นที่ข้อเลือกคำตอบมากกว่าหนึ่ง กับเติมในช่องว่าง อ่านหนังสือแต่เวลาครูออกก็ไม่ค่อยตรง ออกกว้างมาก ;-; แต่พี่เก่งมากๆอะ เรียนการแพทย์ด้วยภาษาจีน สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ 

0
กำลังฮีมาโต 6 ก.พ. 60 เวลา 23:48 น. 15

เราก็พึ่งเรียนจบบล๊อคนิวโรไปเห็นรูป open medulla แล้วสยองเลย
ยังไงเธอก็สู้ๆนะดูโหดมากเลยต้องจำชื่อทั้งไทยจีน ที่นั่นคนดูใจดีเนอะ สู้ๆจ้าา

1
aomoxy 9 ก.พ. 60 เวลา 01:10 น. 15-1

ขอบคุณมากจ้า คนที่นั่นใจดีน้า แต่เราชอบคนไทยมากกว่า ชอบระบบพี่รหัสน้องรหัส เพื่อนๆ อาจารย์ที่ไทยก็ช่วยติวกันดีมากกว่า

0
Lemon Sherbet 7 ก.พ. 60 เวลา 12:52 น. 16

ดีใจที่น้องตั้งใจเรียนนะคะ เรียนรู้เยอะๆไว้ เพราะเท่าที่สัมผัสน้อง intern ที่จบต่างประเทศ (จีน ฟิลิปปินส์ etc.) ที่มาฝึกงานเพื่อเตรียมสอบใบประกอบวิชาชีพที่ รพ ที่พี่ทำงานอยู่ ความรู้ของน้องๆหลายคนมันไม่ค่อยตรงจุดกับการทำงานในไทยเท่าไหร่จนพี่เป็นห่วงว่าหนูๆจะสอบใบประกอบฯ กันผ่านมั้ย แล้วหนูๆเวลาไปทำงาน คนไข้จะเป็นยังไง (และแอบห่วงอนาคตตัวเองด้วยว่าพอแก่ไป จะต้องฝากชีวิตไว้ในกำมือพวกนี้เหรอ...)

ปล พี่ไม่ได้จะว่าอะไรน้อง จขกท นะคะ แต่มาโพสเพราะเห็นน้องหลายคนเริ่มสนใจการเรียนหมอในต่างประเทศ (ที่ไม่ใช่ อเมริกา หรือยุโรป) ซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่รู้ว่าจบแล้วน้องต้องเจออะไรบ้าง น้องจะสามารถมาทำงานดูแลคนไข้ได้ดีอย่างที่น้องอยากเป็นมั้ย

นี่คือความในใจ และความเป็นห่วง จากรุ่นพี่คนนึง

1
aomoxy 9 ก.พ. 60 เวลา 01:09 น. 16-1

คิดว่าที่พี่หมายถึงน่าจะเป็นหลักสูตรอินเตอร์ที่คนนิยมไปเรียนกันอะค่ะ เพราะหลักสูตรภาษาจีนที่หนูเรียนอยู่มีรุ่นพี่จบไปแค่สองคนเอง ซึ่งคนนึงทำงานอยู่ที่จีน อีกคนอยู่โรงพยาบาลกรุงเทพค่ะ คนอื่นๆปีสูงสุดก็ยังเรียนปี3เองค่ะ แต่การเรียนของสองแบบนี้ไม่เหมือนกันจริงๆค่ะ ก็เหมือนอินเตอร์ในไทยกับภาคปกติ แค่สอบเข้าก็ต่างกันแล้วค่ะ อยากเล่าให้ฟังแต่คงต้องหลังไมค์เอา ถ้าเขียนในนี้มันจะกระทบคนหลายคนเลยค่ะ55555 อีกเรื่องคือหนูไม่อยากให้พี่เหมารวมทั้งประเทศเช่น หมอจีน หมอฟิลิปปินส์ โซนยุโรป อะไรแบบนี้อะค่ะ เพราะเอาจริงๆในยุโรปก็มีหลายที่ที่มาตรฐานเดียวกับจีน ฟิลิปินส์(เฉพาะหลักสูตรอินเตอร์นะคะ) เช่น โปแลนด์ โรมาเนีย ตอนแรกหนูก็สนใจพวกโปแลนด์ค่ะ แต่พอเห็นว่าที่มอปักกิ่งเป็นหลักสูตรภาษาจีน(หลักสูตรที่คนในประเทศเรียน) จึงตัดสินใจเลือกที่นี่ค่ะ ประกอบกับตอนปอตรีจบเอกจีนมาด้วยค่ะ จริงๆที่หนูพูดมายาวขนาดนี้ คือไม่อยากให้เหมารวมว่าจีนไม่ดี หรือฟิลิปปินส์ไม่ดี เพราะคนที่จบแล้วมีคุณภาพก็มีค่ะ เพียงแต่พี่อาจจะยังไม่เจอในไทยเท่านั้นเอง หรือพูดง่ายๆว่าสเกลคนมาเรียนอินเตอร์ที่นี่เยอะจริงๆค่ะ ทำให้คนคุณภาพต่ำเห็นได้ง่ายกว่า ซึ่งในมุมนั้นหนูเห็นด้วยกับพี่เลยค่ะ คนรู้จักที่เรียนอินเตอร์อยู่ก็บ่นให้ฟังอยู่ค่ะว่าความรู้ไม่ค่อยแน่น (แต่จริงๆจบในไทยคุณภาพต่ำก็มีเยอะแยะนะคะ เพื่อนและคนรู้จักหนูเองนี่แหละ5555)

แต่ยังไงตัวหนูเองก็กังวลเหมือนกันเพราะว่าตอนนี้จำได้แต่ชื่อภาษาจีน แล้วก็รู้สึกว่าความรู้ตัวเองยังไม่มากพอ
ตอนกลับไปสอบNL คงต้องรื้ออังกฤษหนักๆด้วย5555
ยังไงก็ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำนะคะ :) ถ้าเป็นไปได้ฝากอ่านกระทู้ภาค1 ด้วยค่าา อิอิ

0
nana 7 ก.พ. 60 เวลา 22:46 น. 17

เราชอบภาษาจีนมากค่ะ สร้างเพจเหอะ อยากติดตาม ฮิฮิ ปกติไม่คอมเมนท์กระทู้เด็กดีง่ายๆนะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สร้างเพจ นะ เราจะเป็นเอฟซีเตงเอง อุอิ

1
aomoxy 9 ก.พ. 60 เวลา 01:21 น. 17-1

โอ้โหห ขอบคุณมากๆนะคะ ปลื้มเลยค่ะ แต่ทำเพจถ้าไม่มีคนตามอยู่แล้วมันแอบไม่อยากเขียน เพราะไม่มีคนอ่านอะค่ะ 5555

0
skyz 8 ก.พ. 60 เวลา 02:25 น. 18

น้องคะ คือถ้าเป็นที่เมืองไทย รูปกระดูกหรืออวัยวะของอาจารย์ใหญ่เราห้ามเผยแพร่นะคะ พี่เข้าใจว่าน้องเจตนาดี อยากแบ่งปันความรู้และประสบการณ์จากการเรียนแพทย์ที่จีน แต่ที่เมืองไทยเราถือว่าท่านเป็นครูบาอาจารย์ ไม่ควรเผยแพร่รูป มันเป็นการละเมิดสิทธิ์นะคะ คือจะเห็นว่าในเมืองไทยไม่มีใครโพสรูปอาจารย์ใหญ่ลงสื่อโซเชียลเลย พี่ว่าเรื่องแบ่งปันประสบการณ์เป็นเรื่องที่ดีค่ะ น้องได้โพสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้รุ่นน้องๆที่สนใจได้อ่านก็เป็นเรื่องที่ดี สร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆคนค่ะ แต่อย่าโพสรูปกระดูกอาจารย์ใหญ่เลยนะคะ พี่ว่ามันไม่เหมาะสม

1
aomoxy 9 ก.พ. 60 เวลา 01:20 น. 18-1

ตอนจะลงรูปจริงๆก็แอบคิดเหมือนกันว่ามันจะดีหรอ เพราะเราคนไทยรู้ว่าในไทยมีวัฒนธรรมยังไง แต่เพื่อนที่นั่นเค้าเฉยๆกับอาจารย์ใหญ่อะค่ะ คือมองว่าเป็นครูเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำพิธีไหว้ หรือบูชาอะไรแบบในไทยค่ะ ส่วนเรื่องถ่ายรูปได้ถ่ายปกติ เพราะบางคนก็อัดคลิปเพื่อทบทวนตอนสอบได้ด้วยค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่หวังดี ครั้งหน้าถ้าได้เขียนอีกจะระวังกว่านี้ค่ะ :)

0
aomoxy 18 ต.ค. 60 เวลา 10:01 น. 19-1

ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้เรียนหนักไม่มีเวลาเขียนต่อเลย ยังไงขอบคุณมากๆค่าที่ติดตาม :)

0