Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

นิยายและความสมเหตุสมผล(รอบปิดคดี)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

     เพราะได้ไปส่องดูกระทู้มามากมาย ผสมกับกระทู้เก่าๆที่มีคอมเมนต์หลากหลายความคิดเห็น ดังนั้นผมจึงได้พยายามรับข้อมูลความคิดเห็นจากนักเขียนนักอ่านทั้งสองฝ่ายให้มากที่สุด จนนำมาสู่บทสุดท้ายของคำว่า "ความสมเหตุสมผล"

     หลายๆคนได้ยินคำนี้แล้วก็เริ่มแหยงๆ แต่เดี๋ยวก่อนๆ เรามาทำความรู้จักไปด้วยกันแบบใกล้ๆเลยดีกว่า
     ปัจจุบันนี้พอเราเอาคำว่า "นิยายแฟนตาซีมันควรสมเหตุสมผลมั้ย" ไปกล่าวกับใครสักคนหรือเพื่อนที่นั่งข้างๆ พวกเขาก็จะตอบกลับมาหลายๆแบบ
     แต่ที่น่าฟังและอาจไม่น่าสนในเวลาเดียวกันก็คือ
     "แฟนตาซีมันไม่สมเหตุสมผลของตัวมันเองอยู่แล้ว" 

     ถ้าใครยังพยายามจะเอาคำนี้มาแปะๆในกระทู้ ผมก็ขอบอก ณ จุดๆนี้ก่อนเลยครับว่าผิด
     เพราะเรารู้อย่างหนึ่งแล้วล่ะครับว่า นิยายควรมีความสมเหตุสมผลในระดับหนึ่ง ขอย้ำอีกรอบนะครับว่าในระดับหนึ่ง
     ซึ่งผมก็จะขอยืมคำพูดของคนคนหนึ่งที่เคยตอบในกระทู้ผมเอามาลงนะ โดยเขาบอกประมาณว่า
     "ความสมเหตุสมผล กับ ความสมจริงมันต่างกัน"

     ซึ่งทุกคนที่พยายามจะใช้คำที่ผมว่ามานี้ อาจมองนิยายแฟนตาซีว่ามันไม่สมเหตุสมผล เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในนิยายไม่ใช่ความเป็นจริง แต่ที่จริงแล้วเราควรจะใช้คำว่า
     "นิยายแฟนตาซีไม่จำเป็นต้องสมจริง"
     มากกว่าจะใช้คำว่า
     "นิยายแฟนตาซีไม่จำเป็นต้องสมเหตุสมผล"

     เพราะผมคิดว่าการเขียนนิยายเรื่องหนึ่งให้สมเหตุสมผลมันเป็นเรื่องที่ง่าย บางทีเขียนๆไปก็สมเหตุสมผลโดยที่ตัวคนเขียนไม่รู้ตัวเลยก็มี
     ดังนั้นการบอกว่านิยายสักเรื่องหนึ่งให้อ่านคลายเครียดไม่ต้องสมเหตุสมผลเนี่ย
     ผมมองว่าเหมือนเรากำลังประเมินศักยภาพของนักเขียนหน้าใหม่ต่ำเกินไปหรือปล่า? เพราะผมคิดว่าพวกเขาก็ทำได้ง่ายๆนะ

     ใช่พวกเขาทำได้ แต่เขาจะทำในระดับเบสิค เขาจะไม่ทำความสมเหตุสมผลในระดับสูง เพราะเรารู้ดีว่ามันจะส่งผลยังไงกับตัวคนเขียน(ปวดหัวคือสิ่งแรกที่พวกเขาจะเจอ)

     และผมก็ได้ล้มล้างทฤษฏีทั้งหมดที่เคยเขียนในกระทู้เก่า เพื่อเอามาทำให้กระทู้นี้ตอบโจทย์พวกเราให้มากที่สุด
     โดยผมได้แยกความสมเหตุสมผลออกเป็นสามแบบ ซึ่งสามแบบนี้ผมคิดขึ้นมาเองและไม่มีใครรองรับแนวคิดของผมได้ ดังนั้นให้เราถือซะว่า นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมละกัน

     แบบที่ 1 สมเหตุสมผลกับตัวละคร
     อันนี้ขอให้ทุกคนนึกภาพเป็นมนุษย์ก้าง ที่มีกรอบแห่งความสมเหตุสมผลหุ้มตัวเขาอยู่ หากมนุษย์ก้างคิดจะเดินหรือคิดจะทำอะไรก็ตาม ที่มันสมเหตุสมผลพอที่กรอบรอบตัวมนุษย์ก้างจะรองรับ เจ้ากรอบแห่งความสมเหตุสมผลก็จะขยับเดินไปตามจังหวะของมนุษย์ก้าง
     ซึ่งขณะนั้นมนุษย์ก้างก็ยังเดินต่อไปในโลกแห่งจินตนาการอันกว้างใหญ่

     พอพูดกันแบบนี้เราจะเห็นว่าความสมเหตุสมผลมันไม่ได้หนักหนาสาหัสมากมาย จะเป็นตัวละครจุติมาต่างโลกหรือเกิดใหม่ พวกเขาต้องมีความสมเหตุสมผลของตัวพวกเขาเอง
    เช่นทำไมถึงอยากทำเรื่องนี้ มาที่นี่รู้สึกยังไง เกิดเรื่องร้ายแรงแล้วจะทำยังไงต่อ
     การสมเหตุสมผลในตัวละครถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก และถ้าเราคิดว่าตัวละครไม่จำเป็นต้องมีความสมเหตุสมผล อันนี้ผมก็ขอให้นึกถึงตัวละครสักตัวหนึ่ง ที่น่าจะห่วยแตกกว่าซุปเปอร์มาริโอ้8bit  เพราะขนาดในเกมมาริโอ้มันยังมีเหตุผลมากพอที่จะทำให้เราวิ่งออกไปเหยียบหัวมังกรเพื่อช่วยเจ้าหญิงพีซ


     แบบที่ 2 สมเหตุสมผลกับฉาก/สถานการณ์
     อันนี้สำหรับนักเขียนมือใหม่จะยากขึ้นมานิดหนึ่ง เพราะกรอบแห่งความสมเหตุสมผลไม่ได้มีแค่ตัวละครเราตัวเดียว แต่มันจะมีหลายๆตัวที่ตกอยู่ในกรอบ
     ซึ่งในขณะนั้นเอง มันก็จะมีกรอบแห่งความสมเหตุสมผลคอยครอบคลุมพื้นตามฉากเป็นบริเวณกว้างอีกชั้นหนึ่ง

     ข้อสองนี้เราต้องเอาข้อแรกมาผนวกเข้ากัน นิยายของเราก็จะมีความrealมากยิ่งขึ้น ตัวละครเราบ่นว่าร้อนขณะอยู่กลางแสงแดด ตัวละครอยากได้อะไรและต้องทำยังไงให้ได้มาในสถานการณ์อันคับขัน
     เรียกได้ว่าฉากจะช่วยเสริมให้ตัวละครเรามันดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ข้อนี้รวมไปถึงตัวละครอื่นๆเช่นสาวๆในฮาเร็ม ซึ่งจุดนี้เราก็ต้องทำให้การเอาพวกเธอเข้ามาเป็นฮาเร็มนั้นสมเหตุสมผลตามไปด้วย
     เช่นสร้างความประทับใจให้กับผู้หญิง การช่วยภารกิจยากๆให้เธอ การมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้เธอ การช่วยชีวิตเธอ รวมถึงหลายๆอย่างที่ตัวละครไม่คิดว่าพฤติกรรมอันเป็นปกติของตัวเขา มันจะไปโดนใจผู้หญิงอย่างแรง!
     หากใครอยากรู้ว่าจะทำฮาเร็มเจ๋งๆได้ยังไง สามารถไปหาอ่านการ์ตูนเรื่อง cage of eden หนีตายเกาะนรกล้านปี เพื่อศึกษาวิธีการครับผม(เรื่องนี้สุดๆแล้วจริง)


     แบบที่ 3 สมเหตุสมผลทั้งโลก
     จากที่มีกรอบแค่ฉากกับตัวละคร กลายเป็นว่าโลกแห่งจินตนาการทั้งใบก็โดนกรอบแห่งความสมเหตุสมผลห่อหุ้มไปด้วย
     และนักอ่านส่วนใหญ่ที่บอกว่านิยายไม่ต้องสมเหตุสมผล ก็เพราะว่าพวกเขาคิดในแบบข้อที่สาม ซึ่งมันยากเกินกว่านักเขียนมือใหม่จะทำไหว หรือต่อให้เป็นนักเขียนที่พอมีประสบการณ์ยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้ดีหรือไม่(ถ้าเขียนได้เซียนๆเทพๆ มันก็คงไม่คณามือพวกเขา)

     สำหรับข้อสามนี้ เราต้องทำให้ทุกอย่างมันมีความหมายหมด ทุกสิ่งที่เข้าฉากไม่ได้เข้ามามั่วๆ มันต้องมีความหมายและต้องมีเหตุผลพอที่จะมามีจุดยืนในฉาก
     ทุกตัวละครมีความสำคัญ ทุกสิ่งที่คิดว่าอาจเล็กน้อยแต่ก็สำคัญไม่แพ้เรื่องใหญ่ ตลอดจนข้อมูลยิบย่อยที่ยากเกินกว่านักเขียนธรรมดาๆจะทำได้
     เช่นชนเผ่า ภาษาเผ่า ถิ่นฐาน ประวัติของแต่ละเผ่า และอีกมากมาย
     ผลงานที่ใช้ความสมเหตุสมผลแบบทั้งโลก ผมคิดว่าเรื่องthe lord of the ring น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น

     เห็นมั้ยครับว่าข้อสามยากมาก และหลายคนที่คิดว่านิยายไม่ต้องสมเหตุสมผล ก็เพราะว่าพวกเขาเอาข้อสามมาเป็นประเด็น โดยไม่ได้นึกถึงข้อง่ายๆอย่าง1และ2


     เอาล่ะเท่านี้อาจไม่เห็นภาพ
     งั้นเราจะมาดูกันสิว่า ถ้านิยายสักเรื่องหนึ่งมันมีแต่จินตนาการ และไม่มีความสมเหตุสมผลแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวเนี่ย มันจะเป็นยังไง?
     ขอบอกก่อนเลยครับ ว่านิยายเรื่องนั้นจะกลายเป็น WTFโมเมนต์ ที่ชวนเราปวดหัวไปตามๆกันแน่นอน(เปลี่ยนแปลคำนิดนึง)

     - เรามาที่ต่างโลกพร้อมพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่...งั้นก่อนอื่นไปหาฮาเร็มก่อนดีกว่า #WTFครั้งที่1
     - โลกนี้เหมือนสวนหลังบ้านของเราเลย อื้มคนในเมืองก็กากๆ ไปหาตบเกรียนชาวบ้านเพื่อแสดงอำนาจดีกว่า #WTFครั้งที่2
     - เห็นคนคุยกันเยอะว่าพระเจ้าเก่งอย่างนู้นอย่างนี้ งั้นไปกระทืบมันเล่นดีกว่า ถือว่าเป็นการแก้ว่างหลังจากมาโลกใหม่ได้สามวัน #WTFครั้งที่3
     - ที่นี่มีจอมมารนั่งล่นเฉยๆไม่ทำอะไรด้วยนี่นา? งั้นไปกระทืบมันด้วยดีกว่า พอดีมันอยู่ในเส้นทางที่จะพาเราไปกระทืบพระเจ้า #WTFครั้งที่4
     - อา...โลกใบนี้น่าเบื่อจัง ระเบิดมันทิ้งแล้วสร้างใหม่ดีกว่า #...พอเถอะครับ อย่าให้ต้องกราบเลย

     ใช่!
     ถ้านิยายมันไม่มีความสมเหตุสมผล มันก็จะกลายเป็นWTFโมเมนต์อย่างงี้แหละ!
     และผมดีใจมากที่ไม่เคยเห็นเรื่องไหนเป็นเช่นนี้มาก่อน เพราะว่าทุกคนมีความสมเหตุสมผลในระดับตัวละคร แม้ว่าพวกเขาจะทำมันเพียงแค่น้อยนิด แต่นั่นก็ถือว่าพวกเขาได้ทำมันออกมาเพื่อรองรับการกระทำของตัวละคร

     ที่นี้ผมว่าเราน่าจะได้ข้อสรุปแล้วล่ะ
     ว่านิยายควรสมเหตุสมผล(ในระดับหนึ่ง) หรือถ้าคุณคิดว่ามันไม่ต้องสมเหตุสมผล(ในระดับหนึ่ง) ก็สามารถย้อนกลับไปดูพล็อตนิยายที่ไม่มีความสมเหตุสมผล(ในระดับหนึ่ง) มารองรับอย่างข้างต้นได้เลยครับ

     ผมว่ามือใหม่ทุกคนน่าจะรู้แล้ว ว่าพวกเขาควรเริ่มต้นจาก1 ไล่ไป2 อย่างที่มีท่านคนหนึ่งเคยมาบอกผมในกระทู้เก่าจริงๆ อันนั้นเขาช่วยจุดประกายความคิดของผมในการเขียนกระทู้นี้
     ต้องขอบคุณเขามากๆครับ

     ไว้ผมมีเรื่องราวใหม่ๆ หรืออาจมีกระทู้ที่เป็นประโยชน์ต่อนักเขียน เราก็จะมาพบเจอกันใหม่
     แต่สำหรับวันนี้เท่านั้น...สวัสดีครับผม


 

แสดงความคิดเห็น

>

12 ความคิดเห็น

สุกิต 2 มี.ค. 60 เวลา 08:03 น. 1

น้ายืนยันได้นะว่า ทุก ๆ อย่างต้องมีกรอบของมัน


คนเราต้องมีกรอบการใช้ชีวิต ถ้าจะออกนอกกรอบ


ของตัวเอง ก็ต้องไม่ไปกระทบกับกรอบของคนอื่น


เรียกว่า หลายคนใช้คำว่านอกกรอบแบบไม่พอดี


ก็ละเมิดสิทธิ์ของคนอื่นได้



นิยาย การ์ตูน ก็เหมือนกัน เรื่องไหนที่ไม่มีกฏอะไรเลย


ตามใจคนเขียนอย่างเดียว ไม่สร้างความลำบากใจ


ให้คนเขียน กับคนอ่านบ้างเลย คนอ่านก็ไม่ติดตาม


เพราะไม่ต้องอ่านจบก็รู้ ความต้องการคนเขียนแล้ว



น้าชอบนะ การ์ตูน ที่บีบบังคับตัวเอกให้ต้องลำบากบ้าง


แล้วก็พยายามไปให้ถึงจุดที่จะประสบความสำเร็จ


อาจแพ้ในครั้งแรก ๆ ไม่ใช่ชนะทุกคนที่ขวางหน้าได้ทุกครั้ง


มันน่าเบื่อ แล้วไม่ให้คนอ่านได้ลุ้นด้วย



แต่นั่นล่ะ ก็อย่าถึงกับบีบให้คนอ่านทุกข์ใจไปกับตัวเอก


นานเกินไป ระยะเวลาเป็นสิ่งสำคัญน่ะ ทุกปัญหา


อย่าแก้ให้เสร็จได้เร็วไป แต่ก็อย่าช้าไปจนคนอ่านจิตตก



คนเขียนนิยาย ให้ตัวเอกเก่งเวอร์ น้าว่าคือคน


ที่ไม่มีไอเดีย สร้างให้คนอ่านติดตาม น้าบอกแบบนี้เลย


เพราะตัวเอกต้องมีจุดอ่อน ให้ตัวร้ายใช้เบรก หรือทำความ


ลำบากใจให้ตัวเอกได้ หรือกระทั่งทำให้ตัวเอกทุกข์ใจ


จนถึงจุดหนึ่งได้ มันจะกระตุ้นคนอ่านให้เห็นใจ


แล้วอยากให้ตัวเอกชนะคนร้ายให้ได้ มากยิ่งขึ้น



สร้างเรื่องให้น่าติดตาม ก็คือ ต้องให้ตัวเอกชนะ


เมื่อถึงจุดที่ควรชนะเท่านั้น อันนี้ถูกต้องที่สุด


การ์ตูนบางเรื่องยอมให้ พวกของตัวเอกบางคน


ที่บทเกือบจะเท่าตัวเอกอยู่แล้ว เสียชีวิตเลยด้วยซ้ำ


เพื่อความสมจริง ไม่ทำให้ตัวร้าย อ่อนเกินไป


และให้โอกาสตัวร้ายได้ร้ายจริง ๆ การสร้างความ


เกลียดชังกับตัวร้าย คือหน้าที่ของคนเขียนเลยนะ



ต้องคิดว่า จะเขียนอ่านคนเดียว หรือเขียน


ให้คนอื่นอ่านด้วย มันก็ได้คำตอบแล้วล่ะ

1
หลับปุ๋ย` 2 มี.ค. 60 เวลา 08:54 น. 2

นิยายที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนี่ อาจหลอกผู้อ่านหน้าใหม่ หรือเด็กๆ ได้ แต่หลอกผู้อ่านระดับกลางไปจนถึงสูงไม่ได้จริงๆ แหล่ะครับ เพราะเมื่อไหร่ที่เราได้อ่านนิยายกลวงไร้เหตุผลสนับสนุน ไร้ที่มาที่ไป ไร้แรงจูงใจ มันมักจะรู้สึกต่อต้านครับ อ่านไปหงุดหงิดไป เหมือนเราจับทางได้ว่าผู้แต่งเซตอัพหลายๆ อย่างได้หลวมและลวกเกินไป


ก็อย่างที่เจ้าของกระทู้เคยยกคำพูดของ ทอม แคลนซี่ มาในกระทู้ก่อนๆ อะครับ


ถ้าทำให้ผู้อ่านเห็นด้วย คล้อยตาม หรือเชื่อในเรื่องที่เราเล่าไม่ได้ นิยายเรื่องนั้นก็จะเกิด "บัดซบโมเม้นท์" ขึ้นจริงๆ นั่นล่ะครับ


1
SilverPlus 2 มี.ค. 60 เวลา 09:37 น. 3

ความสมเหตุสมผล


สำหรับตัวผมเองแล้ว มันคือขีดจำกัดของนิยายครับ


ผมมองว่ามันคือกรอบ


ทำไมตัวเอกจะตบพระเจ้าไม่ได้ล่ะ หาพลังอะไรเวอร์ๆ ให้สักอย่างสิ แล้วก็ไปตบพระเจ้า ระเบิดภูเขาสักหลายๆ ลูก คนอ่านจะได้ชอบ


ส่วนเรื่องตัวละครไม่สมเหตุสมผล ผลว่าคนเขียนเขาลืมใส่เป้าหมายของตัวละคร หรือไม่ก็ลืมเป้าหมายเดิมในตอนแรกไปเสียมากกว่า ทำให้การกระทำของตัวละครดูออกนอกลู่นอกทาง จนนำไปสู่ความไม่สมเหตุสมผล วิธีแก้ก็ง่ายๆ คือกำหนดเป้าหมายตัวละครซะ


แต่ก็อย่างที่บอก พอมีเป้าหมาย มันก็เหมือนตัวละครถูกบังคับให้เดินทางเดียว ทำนั้นไม่ได้ ทำนี้ไม่ได้ ไม่สอดคล้องกับนิสัยและเป้าหมาย ตัวละครที่มีเป้าหมาย มักไม่ค่อยไปตื้บใครเล่น... นิยายที่ซัดกันนัว แนะนำให้ตัวเอกยึดเป้าหมายแบบจางๆ จะดีที่สุด เพื่อทำให้เกิดฉากต่อสู้ให้มากที่สุด


น่าสนใจตรงที่ บางครั้ง "บัดซบโมเมนต์" ก็ทำให้มีอ่านเยอะเหมือนกันนะ




2
Twenty SIX 2 มี.ค. 60 เวลา 09:57 น. 3-1

ถ้าหาพลังมากพอที่จะไปตบพระเจ้าเล่น และมีเหตุผลที่จะไปตบ อันนี้ก็ถือว่าเรื่องนั้นยังมีความสมเหตุสมผลในแบบข้อแรกครับ


แต่ที่พวกเขายังไม่ได้เข้าสู่ข้อสอง ก็ไม่ได้หมายความว่านิยายจะไม่สมเหตุสมผล เพราะยังพอมีข้อหนึ่งมารองรับตัวละคร


ขอบคุณที่เรามาแชร์ความคิดเห็นด้วยกันนะครับ ^_^

0
Twenty SIX 2 มี.ค. 60 เวลา 10:00 น. 3-2

ปล. บัดซบโมเมนต์คือไม่มี1-2-3


ซึ่งขนาดนิทานเด็กน้อย อย่างผู้กล้าไปปราบมังกรเพื่อช่วยเจ้าหญิง ก็ยังมีข้อ1มารองรับ



0
Twenty SIX 2 มี.ค. 60 เวลา 10:25 น. 4-1

แสดงว่าเรายังไม่รู้จักสินะครับว่าความสมเหตุสมผลมันคืออะไร


ถ้ามองในสายตาของคนอ่านคงมองไม่เห็นอะไรนอกจากตัวละครเดินไปเดินมา แต่คุณไม่ได้มองในสายตาคนเขียน คุณเลยไม่รู้มันก็เท่านั้น


ไม่ต้องอะไรมาก แค่ตัวละครลุกขึ้นยืนเพราะมันไม่อยากนอนรอความตาย แค่นี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว(ไม่จริงเถียงกลับมาได้ครับ ผมไม่สนับสนุนความคิดที่พยายามกดหัวนักเขียนไม่ให้พัฒนาความสามารถสักนิด)

0
อัจฉราโสภิต 2 มี.ค. 60 เวลา 10:45 น. 5

มี "สมเหตุสมผลระหว่างโลก" ด้วยครับ


กระทู้เมื่อไม่กี่วัน และหลายๆวันก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับเรื่องนิยายต่างโลกแนวรัก จะเห็นบางคนพูดทำนองว่าทำไมทุกคนถึงได้รับพรจากพระเจ้าไปเกิดเป็นคนหน้าตาดี (หรือนางร้ายแบบสถานะดีๆ) ตลอด หรือแม้แต่แฟนตาซีธรรมดาหลายๆเรื่อง ก็มีคนบ่นว่าทำไมตัวเอกต้องเป็นคนธรรมดาโง่ๆ ทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่เป็นผู้ถูกเลือกตลอด


ถามว่าการได้รับพรจากพระเจ้าไปเกิดใหม่ หรือเป็น "ผู้ถูกเลือก" นี่เป็น "ความไม่สมจริง" หรือ "ความไม่สมเหตุสมผล" มันคือ "ความไม่สมจริง" ครับ ซึ่ง เขียนได้ ไม่ผิด เพราะมันคือแฟนตาซี อะไรก็เกิดขึ้นได้ในกรอบที่สร้างขึ้นมาเอง


แต่มันจะเริ่มดูไม่สมจริง เมื่อมันเกิดฉากแบบนี้ขึ้นในนิยายหลายๆเรื่อง


นักเขียนเองอาจจะบอกว่าเยอะตรงไหน ก็มีแค่ตัวเอกตัวเดียวเท่านั้นที่ได้รับพรหรือถูกเลือกแบบนี้ ไม่ได้เป็นกับตัวอื่นสักหน่อย แล้วตัวเอกของนิยายเรื่องอื่นๆก็ไม่ได้เกี่ยวกับนิยายฉันสักหน่อย


แต่อย่าลืมว่าคนอ่านเป็นคนกลุ่มเดียวกัน หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกันครับ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นนิยายที่มีเรื่องแบบนี้เยอะๆ เขาก็จะเกิดความรู้สึก "แบบนี้อีกแล้ว" "ทำไมมันได้แบบนี้กันทุกคนเลย" "ไม่เห็นจะสมเหตุสมผลตรงไหน" แม้นิยายทั้งสองเรื่องไม่ได้เดินอยู่ในโลกเดียวกันครับ


ดังนั้นต้องระวังในจุดนี้ด้วย อะไรที่เว่อร์ คุณเขียนได้ ถ้ามันอยู่ในกรอบที่คุณสร้างไว้และประกาศมันชัดเจน และถ้าคุณเขียนมันเป็นคนแรก แต่ถ้าเขาเว่อร์วังอลังการในเรื่องใดเรื่องหนึ่งกันมาเยอะๆแล้ว หลีกเลี่ยงน่าจะดีกว่าครับ


สำหรับคำพูดที่ว่า "นิยายไม่จำเป็นต้องสมจริง เพราะมันคือนิยาย" ผมกลับเห็นตรงกันข้าม ผมคิดว่านิยายนั่นแหละที่จะต้องสมจริงกว่าชีวิตจริง เพราะนิยาย ผู้เขียนต้องนำผู้อ่านไปตามเส้นเรื่อง ไปยังจุดจบที่วางไว้ ดังนั้นถ้ามันไม่สมจริง คนอ่านบางคนอาจจะโอเค แต่คนอ่านบางคนจะงง ไม่เข้าใจ ตามไม่ทัน และนั่นแปลว่าไม่ประสบความสำเร็จในการพาเขาไปตามเส้นเรื่องแล้ว


ในขณะที่ชีวิตจริง คุณไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อนำใครบางคนไปตามชีวิตคุณครับ หรือเอาจริงๆ ลองคิดเป็นรายการเรียลลิตี้โชว์แล้วมีผู้ร่วมรายการบางคนทำอะไรแปลกๆ ไม่สมเหตุสมผลขึ้นมาสิครับ คนดูก็ด่าเหมือนกันนั่นแหละ

1
Twenty SIX 2 มี.ค. 60 เวลา 12:03 น. 5-1

ผมลืมนึกถึงหลายๆจุดพอดีเลย ขอบคุณมากๆครับผม^^

0
knight night 2 มี.ค. 60 เวลา 14:45 น. 6

การขาดความสมเหตุสมผล เท่าที่เห็น ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะเผลอเดินออกนอกกรอบที่ตัวเองวางไว้โดยขาดเหตุผลมารองรับ ประมาณว่าจินตนาการมันฟุ้งซ่านเกินไปจนขัดแย้งกันเอง เช่น


กำหนดลักษณะนิสัยของพระเอกให้เป็นคนฉลาดหลักแหลม แต่พอเจอปัญหากลับใช้แต่กำลังแก้ไข


กำหนดให้มนุษย์ทั่วไปในเรื่องสามารถตายได้ด้วยการกระโดดลงมาจากเสาไฟฟ้า แต่พอตัวเอกที่ตั้งคุณสมบัติเป็นมนุษย์ทั่วไปเหมือนกันทั้ง ๆ ที่ถูกซัดปลิวทะลุไป 10 กว่าตึกกลับยังฟิตปั๋งลุกขึ้นมาสู้ได้อีกยกด้วยพลังใจ โครงสร้างตึกพวกนั้นทำจากฟางสินะ โอเค งั้นเตรียมฟ้องร้องพวกบริษัทรับเหมาก่อสร้างได้เลย


คิด ๆ ดูแล้ว ที่นิยายขาดความสมเหตุสมผล อาจจะแค่คนเขียนใส่แต่ผล แล้วลืมใส่เหตุลงไปก็ได้


ขอก็อปปี้ข้อความมาเป็นการยกตัวอย่างนะครับ

- เรามาที่ต่างโลกพร้อมพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่...งั้นก่อนอื่นไปหาฮาเร็มก่อนดีกว่า

อาจลืมใส่เหตุประมาณว่า เมื่อตอนอยู่โลกเดิมตัวละครตัวนี้หื่นจัดจนเกิดเป็นอาการผิดปกติทางจิต แต่เพราะเป็นคนธรรมดาอยู่ใต้กฎหมายซึ่งไม่มีอำนาจจะทำได้อย่างใจคิดเลยเก็บกดมานาน และพอมีพลังอำนาจขึ้นมา แถมยังอยู่ในฐานะว่าที่ผู้กอบกู้โลกด้วย ก็เลยเกิดความคึกจนหน้ามืดตามัวระเบิดความหื่นที่อัดอั้นไว้ออกมาหมด


- โลกนี้เหมือนสวนหลังบ้านของเราเลย อื้มคนในเมืองก็กากๆ ไปหาตบเกรียนชาวบ้านเพื่อแสดงอำนาจดีกว่า

อาจลืมใส่เหตุประมาณว่า ที่แล้วมาตัวละครตัวนี้ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจในบ้านที่มีฐานะทางสังคมสูง ขนาดที่มีพื้นที่ป่าสงวนเป็นสวนหลังบ้าน และการทำร้ายคนอื่นเพื่อแสดงอำนาจมันฝังลึกถึงกมลสันดานของเขาแล้ว


- เห็นคนคุยกันเยอะว่าพระเจ้าเก่งอย่างนู้นอย่างนี้ งั้นไปกระทืบมันเล่นดีกว่า ถือว่าเป็นการแก้ว่างหลังจากมาโลกใหม่ได้สามวัน

อาจลืมใส่เหตุประมาณว่า เวลาในต่างโลกเดินช้ามากโดยที่ 1 วันสามารถใช้ชีวิตได้พอ ๆ กับ 10 ปีของโลกเดิม และพอดีว่าตัวละครตัวนี้มีความมักใหญ่ใฝ่สูง ทั้งยังบ้าในพลังอำนาจของตนเป็นที่หนึ่ง เลยวางแผนไว้ว่าจะไปลองของหลังพบว่าตัวเองไร้ซึ่งคู่ปรับแล้ว


แค่นี้ละกัน สรุปคือ การขาดความสมเหตุสมผล ในมุมมองของผมคือ ความขัดแย้งระหว่างข้อจำกัดกับผลที่เกิด แล้วก็ ผลที่ขาดเหตุหรือที่มา ครับ


*หากตั้งใจจะไม่มีเหตุผล แล้วถือว่าเป็นแนวตลกหาสาระลำบาก อันนี้ผมโอเคครับ

2
White Frangipani 2 มี.ค. 60 เวลา 16:19 น. 6-1

สวัสดีค่ะ


ชอบเม้นต์ที่6นี้มากเลย ^____^


เม้นต์นี้มีเหตุผลจริงด้วยสิ คุณบรรยายได้ดีมาก...ทุกอย่างมีที่ไป... และมีที่มา...มีเหตุการณ์รองรับ...มีเหตุเป็นปัจจัยที่ทำให้...บังเกิด...


เห็น...ชัดเจนมากค่ะ...นักเรียนหัดเขียนเก็บไว้เป็นประสบการณ์เพื่อการเขียนต่อไป...


ขอบคุณสำหรับเม้นต์ดีๆค่ะ



0
Twenty SIX 2 มี.ค. 60 เวลา 19:27 น. 6-2

เป็นเม้นที่ผมชอบมากมาย มีเหตุผลมากครับผม^^

0
White Frangipani 2 มี.ค. 60 เวลา 18:16 น. 8

สวัสดีวันใหม่..เจ้าของกระทู้ และทุกๆคนค่ะ



นิยายและความสมเหตุสมผล(รอบปิดคดี)


มากระทู้นี้...อ่านหัวข้อเแล้ว...นะคะ มีความรู้สึกว่าน่ากลัว...กับวงเล็บท้ายประโยคค่ะ (รอบปิดคดี) ...ฮื้ออ คุณไปมีคดีความที่ไหน...กับใคร?...เมื่อไร...กันคะนี่...ดูคุณก็เป็นคนที่ดูจะมีเหตุผล...และเป็นคนอารมณ์ดี คือคุณเป็นคนที่ง่ายๆสบายๆ...นี่นะ แต่คุณไปมีคดีความกับใครที่ไหนกัน...นี่


แต่...สาระที่คุณเขียนย่อยนั้นกลับเป็นอะไรที่...เยี่มมมากค่ะ


อยากบอกคุณว่าชอบสาระที่คุณนำมาลงนี้ค่ะ


โอเคนะ...จะช่วยเม้นต์ตอบกลับ พูดคุย แลกเปลี่ยน...ข้อความ สาระที่คุณส่งเข้ามานี้นะคะ


ก่อนอื่น ก่อนคุณอ่านเม้นต์ต่อไปนี้อยากบอกคุณว่า...เม้นต์นี้คุณต้องไม่ลืมนะคะว่า...เจ้าของเม้นต์เป็นนักเรียนหัดเขียน...เพื่อคุณได้รู้ตัวว่าคุณคุยอยู่กับใครภายใต้เม้นต์นี้ค่ะ คือนักเรียนหัดเขียน...นั้นแท้จริงเป็นอะไรที่คุณต้องแบกหาม...หล่ะค่ะเกี่ยวกับการเขียน...นะ


คือนักเรียนหัดเขียนก็คือนักเรียนหัดเขียน...นะคะ คือไม่มีประสบการณ์ค่ะ ไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นงาน...นั้นเป็นธรรมชาติ...ของนักเรียนหัดเขียนค่ะ เหตุผลที่บอกนี้เพื่อคุณได้เหนื่อยน้อยลงค่ะ5555 (คืออยากให้คุณทำใจค่ะ ^____^)



โอเค...เม้นต์ๆๆๆ เข้าประเด็นนะคะ...


มากระทู้นี้...คุณตั้งเอาความ...ความสมเหตุสมผล...ที่ต้องมี...ในนิยายมาสนทนา มาแนะนำซึ่งเป็นสาระที่ดีมากค่ะ เพราะแท้จริง...ความมีเหตุผล...ในโลกนี้...หรือในความรู้สึกนึกคิดของคนนะคะ...แท้จริงแทบจะหามิได้แล้ว....ค่ะ


เพราะจากที่เห็นๆ...อ่านๆ ได้ยิน ได้เห็น มามากมายในวันนี้นะคะ หลายครั้ง หลายเรื่องราว...ซึ่งเกิดเป็นเหตุเลวร้ายแบบสุดๆขึ้น...ในสังคมมนุษยชาติ...นั้นแท้จริง...เหตุที่เป็นปัจจัยคือ...การขาดซึ่งเหตุผล หรือขาดซึ่งความสมเหตุสมผล...นั้นเป็นเหตุค่ะ


เมื่อเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น...ผู้กระทำผิดถูกจับได้...มีหลักฐาน...มัดตัว...และเขาถูกสอบสวน...วาระสุดท้ายดิ้นไม่หลุด...


และแน่หล่ะหลายๆคนถามเขาว่า...ทำไปทำไม ทำเพราะอะไร ทำให้เกิดเป็นเหตุเลวร้ายทั้งตนเองและผู้คนรอบตัวต้องเดือดร้อน...และบ่อยๆมากๆ...กับคำตอบที่เราได้ยิน...คือ...พอใจจะทำ...จะทำไม...ไม่มีเหตุผลที่ต้องอธิบาย...นี้คือบ่อยมากที่ได้ยินเป็นคำตอบค่ะ (คุณเคยประสบเหตุการณ์ดังที่ยกตัวอย่างนี้มาบ้างหรือไม่คะ????)


สาเหตุที่เป็นเช่นนี้...แท้จริงมีเหตุเป็นปัจจัยนะคะเจ้าของกระทู้


ความสมเหตุสมผลนั้น...ผู้ที่จะรู้ถึงอาการของมัน...ผู้ที่จะปฎิบัติ หรือศรัทธาในมันนั้นต้องมีจิตสำนึกที่จะต้องรู้จักคุณค่า รู้จักความหมาย รู้จักผลของมันเป็นอย่างดีนะคะ คือที่มาค่ะ นี้ที่เป็นความจริงที่คุณจะมองข้ามมิได้ค่ะ


การที่จะเขียนได้...ให้สมเหตุสมผล...นั้นแน่นอนนักเขียน...ต้องมีศักยภาพ มีคุณภาพที่จะมีความสมเหตุ..ด้วยตัวตน ด้วยหัวใจ ด้วยจิตสำนึก ด้วยจิตวิญญาณของนักเขียนเองนั้นเป็นความจริงนะคะเจ้าของกระทู้


เพราะแท้จริง...สิ่งนี้คือ...วัตถุดิบ...ที่แท้จริงที่เขาต้องนำเข้ามาเป็นตัวแปร...เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใช้ปูเป็นพื้นฐาน...เพื่อวางพล็อต(ดีๆ)ค่ะ


หรือที่เราเรียก...การเขียนด้วยประโยคที่ไพเราะมีความหมายอีกประโยคคือ...หนังสือ..นั้นแท้จริง...คือผลงานของการถ่ายทอดของนักเขียน...หรือ... เนื้อหาสาระจากหนังสือ...นั้นคือ...สิ่งที่นักเขียนมีอยู่ หรือรู้ เห็น และเข้าใจในส่วนบุคลล และเขาต้องการส่งเข้าสู่สังคมค่ะ


มาถึงตรงนี้...ก็คงต้องขึ้นอยู่ที่นักเขียนแล้วนะคะ...ไม่มีนักเขียน ก็ไม่มีหนังสือ...ค่ะ หนังสือจะมีความสมเหตุสมผลหรือไม่นั้น...ก็แน่หล่ะต้องขึ้นอยู่ที่นักเขียนค่ะ


และแน่นอนอีกหล่ะว่า...นักเขียนท่านนี้ คนนี้เป็นใคร...เขาเจ้าของหนังสืออาจจะเป็นนักเรียนหัดเขียนอ่อนหัดก็เป็นได้ค่ะ555555555 (แต่...เอ๊ะ...ลืมไปหล่ะ แท้จริงกระทู้นี้คุณก็ตั้งตรงประเด็นตรงที่ว่า...กระทู้นี้...คุณใส่ใจนักเขียนใหม่...แบบนั้นนะคะ ^_____^)



แน่หล่ะ...เมื่อเขานักเรียนหัดเขียน...เขาทั้งหลายไม่มีสิ่งเหล่านี้...นั้นก็คงเป็นเรื่องธรรมดา...ที่งานเขียนของเขา...ไม่มีเหตุผลรองรับ และนิยายเหล่านี้แน่นอน เป็นอะไรที่นักเขียนเองเขาก็อาจจะไม่รู้ด้วยว่าหนังสือเหล่านี้...จะเป็นตัวนำพา...เป็นการจรรโลงที่ผิดๆ เพราะผู้ที่อ่านก็เชื่อตามนั้น...และผลที่ได้สังคมของเรา...ก็จะเกิด และกลายเป็น...สังคมที่ขาด หรือไร้ซึ่งเหตุผล


และในที่สุดหลายๆคนก็มีวัฒนธรรม มีวิธีคิด วิธีทำ ตามแบบหนังสือ นี่คือผลร้าย...


ในจุดนี้...คุณเข้าใจด้วยหรือไม่คะว่าแท้จริงนิยายที่ไร้ซึ่งความสมเหตุสมผลนั้น...แท้จริงไม่ใช่เป็นเพียงนิยายห่วยๆนะคะ แต่ เป็นอะไรที่อันตรายมากมายนัก


เช่น...ในวันนี้ในบางเรื่องตัวละครบางตัว..มีบทคล้ายกับว่า...เขาที่จะต้องตีหัวสุนัข ด่าแม่เจ็กๆ เป็นอันธพาลไปวันๆ ไร้สาระ หาแก่นสารไม่ได้...ตัวละครลักษณะนี้ก็เช่นกัน ซึ่งหากนักเขียนไม่ใส่ความสมเหตุสมผลเข้าไป...ไม่ชี้บอกถึงสาเหตุ...ซึ่งเป็นที่มา ไม่มีที่ไป ไม่มีที่มา...ผู้อ่านจะไม่รู้เลยว่า...เพราะอะไร...ตัวละครเหล่านี้จึงเป็นได้เลวร้าย ตกตํ่าได้เช่นนั้น...


และนักอ่านเช่นเด็กๆวันนี้...เขาเกิดมาใหม่...เขาอ่าน เขาดู เขาเห็น...โดยที่เขาทั้งหลายไม่เคยรับรู้เลยว่าแท้จริงเหตุที่ตัวละครตกอยู่นั้น...มีที่มานะ และที่ตัวละครต้องเป็นแบบนั้น...เพราะอะไร???? (ไม่มีบอก)


เด็กๆรุ่นใหม่...ซึ่งมีความเคยชินตรงที่ว่าอะไรๆก็เอาแบบง่ายๆ เขาก็เพียงดูๆ อ่านๆ และในที่สุดเขาก็จะยอมรับ อาการ เหตุการณ์...ของตัวละคร...ที่เขาเห็นว่านั้นนะเขาอาจจะเข้าใจว่าเป็นธรรมชาติ...คนที่เป็นเช่นนั้นก็เกิดขึ้นได้เป็นธรรมชาติ...และเขาก็ยอมรับได้ง่ายๆ (เช่นนี้ ทำให้ สอนให้ คนรุ่นใหม่เรียนรู้ ยอมรับ การที่ยอมตกตํ่าง่ายๆไงคะ)และนี้คือผลร้ายที่เกิดจาก...ผลงานดังกล่าวเหล่านี้


ซึ่งในความเป็นจริง...แท้จริงแล้ว...คนเราสามารถหลบเลี่ยงอาการที่จะตกตํ่า หรือมืดมน หรือล้มเหลวนั้นได้ด้วย...การมีหรือการใช้...สติ ปัญญา สมาธิ และความเพียร นั้นสามารถเกิดขึ้นได้


ซึ่งแท้จริงนี้เป็นอันตรายมากมายต่อสังคม เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับวัฒนธรรมการสร้างวรรณกรรมของไทยนะคะ งานเขียน งานสร้างในรูปแบบความบันเทิงต่างๆล้วนให้ความสำคัญในตรงนี้มาช้านานค่ะ


วิธี วัฒนธรรมการเขียนของไทยนั้น...การมีเหตุผลรองรับ หรือมีที่ไป...ที่มานั้น เป็นสำคัญยิ่งในการแต่งเรื่องราว...แม้นิทานก่อนนอนทุกเรื่องสำหรับเด็กๆก็ต้องแฝงไว้ด้วยเหตุ...และ... ผล ต้องชี้ให้เห็นคุณและโทษคือแกนหลัก นักเรียนหัดเขียนยึดถือวัฒนธรรมดังกล่าวนี้ไว้เหนือหัวค่ะ เพราะเข้าใจว่า...ทั้งหมดนี้คือคุณค่าของเรื่องราวในหนังสือ...ที่นักเขียนต้องมอบให้แก่สังคมค่ะ (นี้คือคติพจน์ส่วนบุคคลค่ะ)


หากสิ่งผลิตซึ่งเป็นสื่อ ที่ไม่เหตุผล ไม่มีความสมเหตุผล ไม่มีที่ไป ไม่มีที่มา และจากรุ่นสู่รุ่นเหตุร้ายดังกล่าวนี้...ก็บังเกิดขึ้น ถูกนำมาปรับใช้ นำมาปฎิบัติดกับตนเองและคนรอบตัวของเขา จนเกิดเป็นวัฒนธรรม


เหตุเช่นนี้เกิดขึ้นจริง...ในหลายสังคมค่ะ...เจ้าของเม้นต์นี้ได้พยายามค้นๆและเก็บข้อมูลเก่าๆมากมาย มีเหตุที่เกิดขึ้นจริง...สังคมหลายสังคมตกตํ่า เพราะเหตุนี้..แน่หล่ะสังคมถูกสร้างด้วยคน...เมื่อคนไม่มีจิตสำนึก...ไม่สามารถสัมผัสได้ หรือไม่รู้จัก หรือยอมรับกับความไม่มีเหตุผล ไม่สมเหตุสมผลอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดสังคมก็ตกตํ่า เป็นธรรมดาค่ะ


(มีๆค้นๆข้อมูลย้อนกลับไปหลายสมัยไว้เพื่อเป็นวัตถุเพื่อการเขียนค่ะ อยากจะบอกคุณว่า...เหตุเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริงค่ะ และอันตรายมากมายเลยนะ)


เพราะฉนั้นเห็นด้วยกับกระทู้นี้เป็นอย่างยิ่งค่ะว่า...การเขียน....หนังสือที่ดี...เรื่องราวที่จะสร้างให้เป็นพล็อตที่ดีนั้น...ต้องสมเหตุสมผล...ค่ะ


ความสมเหตุสมผลในข้อ1 และ 2 นั้นมาวันนี้นักเรียนหัดเขียนพอที่จะเข้าใจ...วิธีการเขียนหรือการวางงาน หรือการใช้คำต่างๆเพื่อการสื่อ...ให้เห็นเป็นเรื่องราวที่สมเหตุสมผล...ค่ะ


แต่สำหรับ...สมเหตุสมผล..ข้อ3นี้นะคะ...


แบบที่ 3 สมเหตุสมผลทั้งโลก

จากที่มีกรอบแค่ฉากกับตัวละคร กลายเป็นว่าโลกแห่งจินตนาการทั้งใบก็โดนกรอบแห่งความสมเหตุสมผลห่อหุ้มไปด้วย


...ถอนหายใจหล่ะ ...เพราะตามที่คุณขยายความมานี้เป็นอะไรที่เป็นความจริงและถูกต้องมากมายเกี่ยวกับข้อ3ค่ะ


เจ้าของเม้นต์นี้เข้าใจว่า...การที่จะเขียนให้ความสมเหตุสมผลได้ตามข้อ3เป๊ะๆๆๆนี้แทบจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยกับคนธรรมดา...แบบนั้นค่ะ


ความสามารถ...ศิลปะ...วัตถุดิบที่พึงต้องมี...ที่จะต้องมีในข้อสามนี้...ดูจะมีองค์ประกอบมากมายค่ะ


คงจะต้องเป็นคนที่มีทัศนะคติที่เปิดกว้าง ต้องมีคนที่โชคดี มีโอกาสมากมายในชีวิต...ที่จะสามารถครอบคลุมกว้างไกล...ได้


สามารถสัมผัสได้ซึ้งถึงสัจธรรม หรือแก่นแท้บนโลก ทั้งโลกนี้ได้(สัจธรรม เหตุ-สิ่งที่มีอยู่จริงและไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้) ทั้งสิ่งที่จับต้องได้ และไม่ได้(สิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา)


...แบบนี้แล้วราวกับว่า...การที่จะเขียนนิยายดีๆตามข้อ3นี้...นั้นคงมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก หรืออาจจะไม่มีเลย...


หรือหากจะมีได้...คงจะต้องตรัสรู้ และระลึกชาติได้ในหลายๆชาติละมัง...เพื่อที่จะเข้าใจ หรือจะพึงมีหลักฐาน...ในการนำมาเป็นเนื้อหา-สาระที่จะสามารถชี้บอกถึงเหตุที่เคยเกิดขึ้นได้จริง หรือไม่...บนโลกนี้


อ่านข้อ3 แล้วนะท้อเลยค่ะ (คงหมดโอกาสหล่ะชาตินี้เราฮื้ออออออออออ)



และสุดท้าย...นะคะ


เอาล่ะเท่านี้อาจไม่เห็นภาพ

งั้นเราจะมาดูกันสิว่า ถ้านิยายสักเรื่องหนึ่งมันมีแต่จินตนาการ และไม่มีความสมเหตุสมผลแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวเนี่ย มันจะเป็นยังไง?


... ขอบอกก่อนเลยครับ ว่านิยายเรื่องนั้นจะกลายเป็น บัดซบโมเมนต์ ที่ชวนเราปวดหัวไปตามๆกันแน่นอน(ขออภัยที่หยาบครับ)



555555 คุณปล่อยคำหยาบตัวโตๆๆๆออกมาเลยนะคะนี่ ดูคุณจะมีอารมณ์นะคะ...มีอารมณ์อ่อนไหวคล้อยตามสิ่งที่คุณเขียนค่ะ คือคุณล่องลอยไปกับ...คำ...ที่คุณเขียนค่ะ เวลาที่คุณเขียนๆอะไรนะคะคุณอย่าปล่อยอารมณ์ให้มันล่องลอยตามๆๆคำ ออกไปง่ายๆสิคะ ...คุณต้องเข้มแข็ง และนิ่งๆเข้าไว้ค่ะ



นิยายที่ไม่สมเหตุสมผล...เราอาจจะใช้คำว่า...นิยายของคนมือไม่ถึง ไม่มีข้อมูลที่ดีพอ ไม่มีความสามารถ หรือ นิยายของเด็กนักเรียนหัดเขียนก็ได้ค่ะ แบบนี้... สมเหตุผลตามคำบอกเล่าดีกว่าเนอะ เพราะอาการของนิยายดังกล่าวน่าจะมีสาเหตุมาจากเหตุผล...ด้วยประการที่กล่าวมานี้ค่ะ


แบบนี้ดีกว่า... เพราะกว่า... มีเหตุผลกว่า...หรือเปล่าเอ่ย


คำว่า...บัดซบ...นะคะไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวกับ...นิยายที่ไม่มีเหตุผล หรือไม่สมเหตุผลค่ะ คนละเรื่องกันแล้วนะคะ คือเราต้องใช้ภาษาให้ถูก...แบบนั้นใช่ไหมคะ หรือคุณว่าไงคะ


บัดซบแปลว่าอะไรน๊าาาา????...เดี๊ยวเสร็จเม้นต์กระทู้นี้แล้วจะแวะไปเช็คที่พจนานุกรม...ให้คุณค่ะ


โอเคนะคะ...ยาวๆๆๆได้แบบนี้อีกหล่ะในวันนี้ ยาวมากๆ(ขออภัยค่ะ) และหากคุณเห็นต่าง หรือผิด ถูก หรือไม่ อย่างไร กรุณาแนะนำมานะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ


เป็นกระทู้ดีๆ ขอบคุณค่ะ ^_____^




1
Twenty SIX 2 มี.ค. 60 เวลา 19:25 น. 8-1

55ขอบคุณครับผม

ความจริงผมก็ยังอารมณ์ดีเสมอนะ เพียงแค่ผมลืมใส่อีโมลงไปน่ะ555^_^


ในส่วนของคำหยาบ อันนี้ผมพยายามหาคำที่มันเข้าใจง่ายและโอเค แต่ผมไม่ค่อยรู้คำสวยๆเท่าไหร่ ผมก็เลยต้องใช้แบบภาษาคนกันเอง(สำหรับผม) ไปซะอย่างั้น


ปล.คำหยายไม่ดีจริงๆนะขอบอก^^

0
Megan Ignacia 3 มี.ค. 60 เวลา 21:22 น. 9

อธิบายได้ละเอียดและสมเหตุสมผลมากๆ ค่ะ ชอบเลย คือหลายคนไม่เข้าใจเลยว่า ต่อให้เป็นโลกแฟนตาซี แต่คนก็ยังคงเป็น "คน" ซึ่งหลักการคิดและการกระทำต่างๆ มันก็ต้อง base on ชีวิตจริงอยู่แล้ว

1
ชนุ่น 4 มี.ค. 60 เวลา 08:41 น. 10

นิยายทุกเรื่องยังไงๆ ก็ย่อมมีความสมเหตุสมผลอยู่แล้ว ตัดเรื่องพวกนิยายรักออก (เพราะนั่นคงไม่ใช่แนวที่เราจะพูดกัน ณ ที่นี้) ก็นิยายแฟนตาซีกับนิยายสืบสวนนี่แหละที่บางทีผมอ่านไปอ่านมาก็หัวเสียพอสมควร


อันนี้ขอพูดในฐานะคนที่อ่านนิยายสืบสวนมากกว่าแฟนตาซีนะครับ --- คือบางครั้งแรงจูงใจของตัวละคร กลอุบาย การตบตา การหักมุมที่ถึงแม้บางทีคนเขียนอาจเขียนบรรยายให้เราอินไม่สุด แต่ถ้ามันเวิร์ค มันเอาไปใช้ได้จริง ผมก็ถือว่ามันสมเหตุสมผลในระดับหนึ่ง หรือถ้าเป็นแนวชีวิต (สายอ่านแนวชีวิตด้วยครับ) หากจะใส่ความเกินจริงบางประเภท เช่น โรคบางโรค กิริยาที่โอเวอร์เกินจริง หรือการเล่าอะไรที่สาดสีให้สดกว่าปกติก็ถือว่า "สมเหตุสมผลในโลกของมัน" อยู่


ซึ่งการ "สมหตุสมผลในโลกของมัน" ผมก็ถือเป็นการสมเหตุสมผลนะครับ (ข้อเดียวกับสมเหตุสมผลทั้งโลกของคุณ จขกท แหละครับ ความหมายเดียวกันเลย) เพราะมันถูกรองรับโดยโลกของมันเอง อันนี้จะเวิร์คในนิยายแฟนตาซี ที่บางทีมันก็ไม่ยึดกฎทางวิทยาศาสตร์ (ยกเว้นแฟนตาซีไซไฟซึ่งมันต้องยึด) แต่หากมีกฎอะไรยึดในนั้นก็ถือว่าใช้ได้ ไม่ใช่อยู่ๆ ก็จะใส่ อยู่ๆ ก็จะโผล่ อ่านไปตอนแรกพระเอกเหาะไม่ได้เพราะพลังบ่แก่กล้า พอผ่านไปผ่านมายังบ่ทันแก่กล้าก็เหาะได้ดื้อๆ และยิ่งกว้่านั้นเกิดนักเขียนจะแถข้างๆ คูๆ ไปอีกผมคงปาหนังสือนั้นทิ้งแล้วล่ะ 555


สำหรับนักเขียนมือใหม่ (รวมทั้งผมด้วย) การจะแต่งนิยายให้ "สมเหตุสมผล" ผมของแยกประเด็นเป็นปัจจัยต่างๆ ดังนี้ละกันครับ จะได้ย่อยง่ายหน่อย

- ตรรกะ/เหตุผล เราลองอ่านและคิดตามว่า ถ้าเกิดแบบนี้ แล้วมันจะให้ผลแบบไหน หรือจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ต่อเมื่อเกิดอะไรขึ้น ซึ่งควรคิดในหลายๆ กรณ๊ ยิ่งเป็นนิยายที่ต้องใช้สภาพความเป็นจริงมากควรจะต้องหาความรู้เพิ่มเติมก่อน ในกรณีเป็นนิยายแฟนตาซีก็ต้องเซ็ต ...... ก่อน (ดูในปัจจัยต่อไปครับ)

- กฎเกณฑ์/ทฤษฎี อันนี้ในกรณีที่เป็นนิยายแฟนตาซี เราต้องตั้งกฎเกณฑ์ก่อนว่าอะไรเป็นมาอย่างไร แล้วเราจะได้หยิบยกเอามาใช้ได้ อย่างนิยายไปเกิดต่างโลกที่ฮิตๆ กันอยู่ ณ ตอนนี้ (เอ๊ะ รึตอนนั้น) เราก็ต้องอธิบายได้ว่าทำไมพระเอกถึงมาเกิดที่ต่างโลกได้ เวทย์มนตร์มช้ได้อย่างไร ต้องใช้อย่างไร เสริมอย่างไร ข้อจำกัดคืออะไร ถ้าอธิบายได้แสดงว่ามีกฎรองรับ และต้องใช้กฎนั้นให้ตลอด หากจะมีข้อแม้ก็ต้องหาจุดที่สมเหตุสมผลก่อนใส่ด้วย

- พื้นฐาน/พื้นหลัง/ที่มา อันนี้จะคล้ายๆ กับข้อก่อนหน้า แต่พื้นฐานนี้คือภูมิหลังของตัวละคร ฉาก สถานที่ และสิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อเนื้อเรื่อง ซึ่งอันนี้จะสอดคล้องกับแนวคิดของตัวละครในการกระทำสิ่งต่างๆ ซึ่งหากมีภูมิหลังนี้จะทำให้เรื่องเป็นเหตุเป็นผลกัน เช่นว่าพระเอกช่วยตัวร้ายที่เคยเป็นเพื่อนแทนที่จะฆ่าเพราะเขาเคยทำดีกับพระเอกมาก่อน นี่ถือว่าเป็นเหตุเป็นผลในพื้นฐานของพระเอก

- การดำเนินเรื่อง/ไทม์ไลน์ สำหรับผมผมถือว่า การดำเนินเรื่องที่ต่อกันไปเรื่อยๆ จะส่งให้เหตุและผลเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไป สมมุติว่าตอนที่แล้วยกประเด็นทษฎีสัมพันธภาพที่อ่านแล้วดูๆ จะเป็นแกนหลักของเรื่อง แล้วจู่ๆ ตอนต่อไปกลับพูดถึงเรื่องอื่นๆ ถ้ามีจุดที่เฉลยหรือขยายปมในตอนอื่นๆ ต่อไปอาจจะไม่ถือ แต่เกิดไม่เฉลยอะไรแล้วจบโดยเอาประเด็นอื่นมาพูด นอกจากจะไม่สมเหตุสมผลแล้ว ก็ดูเหมือนจะเป็นการเผา และเจอ plot hole ลูกบ๊ะเอ้บเลยทีเดียว


ถือว่าเป็นการแชร์ความคิดกันนะครับ ผิดพลาดประการใดสามารถแย้งได้ และก็ถือว่า "ทำดีแล้ว" ที่พูดเรื่องนี้ให้เหล่านักเขียน โดยเฉพาะนักเขียนมือใหม่ได้รับทราบ เพราะนิยายถึงแม้จะเป็นเรื่องจากจินตนาการ แต่ถึงอย่างไรเราก็มีตรรกะ เหตุผลหลักๆ อยู่แล้วนั่นคือ "คนมีพฤติกรรมปรกติเป็นอย่างไร" (ใช่ ทุกเรื่องนั่นแหละ) ซึ่งหากขาดความสมเหตุสมผลที่สนับสนุนความเป็นมนุษย์ที่จับต้องและเข้าถึงได้ ก็ทำให้นิยายนั้นหมดเสน่ห์ไปได้เช่นกันครับ

สวัสดีครับ

1
Twenty SIX 4 มี.ค. 60 เวลา 12:57 น. 10-1

ถูกต้องที่สุดครับผม^^ มาแชร์ข้อมูลต่อๆกันนะครับ

0
AnAn10 4 มี.ค. 60 เวลา 20:38 น. 11

'ความสมเหตุสมผล'


นิยายแฟนตาซีต่างโลกสำหรับผมแล้ว คงทำได้แค่ระดับ


เหตุการณ์

ตัวละคร

ความคิด

การกระทำ

และการตัดสินใจ

อาจเพิ่มวัฒนธรรมระหว่างพื้นที่หรือสิ่งแวดล้อมเข้าไป


ผมเป็นคนหนึ่งที่หมกมุ่นสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา (แนวแฟนตาซีอีกโลกที่ไม่ใช่แนวข้ามโลก)


แต่มันยาก


มันยากจริงๆ


แน่นอน เราอยากใส่สิ่งที่มีอยู่ในโลกของเราเข้าไป และสร้างพื้นฐานสำหรับโลกใบนั้นขึ้นมา


แต่มันไม่มีทางเลยที่เราจะทำให้โลกของเราสมจริงจนไร้ที่ติ เพราะคนรอติมันก็มีอยู่แล้ว


เหตุผลน่ะใส่ไปเถอะ แต่คนที่จะตัดสินมันยังไงก็คือผู้อ่านอยู่ดี

1