Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ExchangeสุดTeenที่Italy #2 (ต่างเมืองหรือต่างโลก)

ตั้งกระทู้ใหม่

ช่วงปรับตัว

11 กันยายน (วันที่ 3 ใน Matera – Italy)

กล่าวทักทายกันอีกรอบนะครับน้องๆนี่ก็เป็นกระทู้ที่2ของพี่บอสแล้วนะ # เฮ

หลายคนอาจสงสัยว่าหัวข้อกระทู้นี้ มันดูเวอร์เกินไปหรือเปล่า แต่พี่อยากจะบอกว่า การที่น้องต้องมาอยู่ในสถานที่ใหม่ ที่ไม่ใช่บ้านแสนสุขของเรา ก็อาจทำให้เรารู้สึกจิตตกเหมือนหลุดเข้าไปบรรยากาศแบบนี้

โลกใหม่ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เราคุ้นชิน สิ่งที่เราเคยทำจนติดเป็นนิสัย และ เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันผิดอะไร แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่เราทำนั้น มันไม่ถูกที่ ถูกทาง ถูกกาละเทศะ ไม่กล้าพูด วางตัวไม่ถูก กลัวทำผิดแล้วจะอายเขา หรือ อาจจะทำให้โฮสไม่พอใจ บลาๆๆ   ซึ่งอาการเหวออันนี้มันเรียกว่า Culture shock  ไงล่ะ  

ซึ่งบางคนก็ชิวมาก อาจปรับตัวได้สบาย ๆ สงสัยจะเป็นจิ้งจกกลับชาติมาเกิด 555 แต่สำหรับบางคน ก็อาจนอยด์จนมีอาการ home sick  เพราะรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใด  จนรู้สึกอยากจะกลับบ้าน เขาถึงเรียกโครงการนี้ว่า โครงการแลกเปลี่ยนไงครับ เพราะน้องไม่ได้แค่จะมาเรียนภาษาเขาเพียงอย่างเดียวแต่น้องต้องมารับวัฒนธรรม สังคมและการดำรงชีวิตของเขาด้วย ซึ่งพี่ก็หวังใจว่ากระทู้ที่ 2 นี้จะมีประโยชน์กับน้องๆบ้างอะนะ ...  เชื่อพี่เหอะ พี่ผ่านมาแว้วววว

พร้อมยัง...ถึงไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแหละ เพราะน้องหลงอ่านมา 11 กว่าบรรทัดแล้ว อ่านอีกหน่อยจะเป็นไรไป...... พี่รู้ว่าน้องย้อนกลับขึ้นไปนับ #หลบตีนแป้ป


อ่ะมาต่อๆ หลังจากเมื่อวานที่ซัดพิซซ่าเข้าไปตอนเที่ยงคืน พี่ก็ตื่นขึ้นมาอีกทีในสภาพงัวเงีย หยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาเปิดนาฬิกาดู 8โมง....โอเค ลุกก็ลุกวะ จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย พี่ก็เดินออกไปทักทายโฮสที่ทำอาหารอยู่ในครัว ก่อนจะขอตัวเข้ามาจัดกระเป๋าอะไรให้เรียบร้อย จัดเพลินจนใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงกว่า  หลังจากจัดทุกอย่างให้เข้าที่แล้ว โฮสก็เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เรียบร้อยและคงรอพี่ออกมาทานด้วยกันแหละ พอพวกเขาเห็นพี่มาทุกคนก็มานั่งรวมที่โต๊ะกินข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา (บทเรียนที่ 1) ไม่ควรไปจัดกระเป๋าในทันที เพราะทุกคนรอเราทานอาหาร (ไม่ดีๆ)  .... อาหารมื้อเช้าของอิตาลีก็ไม่มีอะไรมาก ขนมปัง นมอุ่น หรือ กาแฟ คนละ1 แก้วใหญ่แค่นั้นเองเพราะที่นี้จะทานมื้อเช้าแบบเบาๆ  แล้วมาเน้นหนักในมื้อเที่ยงแทน  ก็จะต่างจากบ้านเรานะครับ ที่ผู้ใหญ่จะสอนในทานมื้อเช้าให้หนัก ๆ จะได้มีพลังไปเรียนหนังสือ  เวลาทานอาหารที่อิตาลีจะเป็นแบบนี้เลย 



·       เช้าตามที่บอกไปบรรทัดบน

·       อาหารเที่ยงตอนบ่าย 2  ซึ่งเป็นธรรมเนียมของชาวอิตาลี ที่สมาชิกในครอบครัวจะต้องกลับมารับประทานอาหารเที่ยงแบบพร้อมหน้าพร้อมตา  ซึ่ งอาหารส่วนใหญ่ จะเป็นอาหารจานเดียวประเภท พาสต้า (แต่เปลี่ยนน้ำซอสไปหลาย ๆ ประเภท) กับจานหลักเป็นพวกจานเนื้อ

·       และอาหารค่ำตอน 2-3 ทุ่ม อันนี้แล้วแต่ครอบครัวว่าเขาจะทานแบบไหน อย่างภาคเหนือจะกินหนักมื้อเย็น(ถามจากเพื่อน) ส่วนภาคใต้จะกินหนักมื้อเที่ยง(อันนี้เจอเอง) ซึ่งก็ต่างจากบ้านเราอีกแล้วที่จะสอนให้ทานมื้อเย็นเบาๆ เพื่อให้กระเพาะไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ซึ่งจะมีผลกับคนที่ควบคุมน้ำหนักแบบสุดๆ -.-  ตรูโดนเต็มๆ

อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าน้องเลือกไปประเทศแถบไหนด้วยนะครับเพราะวัฒนธรมการกินและเวลาอาหารนั้น  อาจแตกต่างกันได้ เพราะงั้นก่อนไปพี่แนะนำให้หาข้อมูลไว้บ้างก็ดี

  โฮสหย่อนลงที่Center

หลังจากนั้นโฮสก็พาเดินดูรอบๆบ้านว่าใช้อะไรตรงไหนได้บ้าง ก่อนจะพาไปส่งที่     “Matera center”  ที่เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางที่เป็นทั้งมรดกโลกอันสวยงาม และเป็นศูนย์กลางของผู้คนที่นี่อีกด้วย วัยรุ่นจะแห่กันมาเดินที่นี่ทั้งกลางวันและกลางคืน อารมณ์ประมาณสยามบ้านเรานี่แหละนะ  ร้านค้าต่าง ๆ ก็จะรวมกันอยู่ในนี้แหละครับ  แต่อย่าคิดจะมองหา  Starbuck  หรือ McDonald นะจ๊ะ เพราะคนที่นี่ค่อนข้างชาตินิยมมากกก จึงไม่ค่อยมีร้านอาหารต่างชาติเข้ามาในเมืองเล็กๆ นี้เลยครับ  จะมีก็เพียงร้านญี่ปุ่นเล็ก ๆ ที่ขายอาหารจีนด้วย ซึ่งพี่ก็เพิ่งจะค้นพบหลังจากอยู่มา 6 เดือน #พลาดสุดๆ =_=


แวะโซ้ยไอติมแพร้พ...

โฮสขับรถมาจอดให้พี่กับน้องชายลง แล้วบอกว่าให้พี่ไปเจอเพื่อนเดี๋ยวพวกเขาไปรอที่บ้าน -พี่ก็งงแต่ก็ เดินตามหลังน้องชายไป เขาเดินนำพี่ไปเจอกับเพื่อนกลุ่มเดิมที่มารับพี่ที่สถานีเมื่อคืน  หลังทักทายกันเรียบร้อย พวกเขาก็พาพี่เดินวนรอบๆ แล้วแวะกิน ไอศครีมที่เป็นที่นิยมมากที่อิตาลีคือ Gelato ที่บาร์.........อะแนะ... ไม่ใช่อย่างที่คิดนะจ๊ะ ว่าพวกพี่แอบเปรี้ยวเข้าบาร์นั่งดริ้ง มีสาวอึ๋มๆมาเชียร์เบียร์  เพราะบาร์ในอิตาลี คือ ร้านสำหรับนั่งดื่มกาแฟ ทานขนมปัง คุกกี้  ไอศครีมต่างๆ  ไอศครีมของเขาจะเป็นช่องๆให้เราเลือกคล้ายๆกับแบบของเรานี่แหละครับ น้องโฮสช่วยแนะนำว่าอันไหนอร่อย พี่ก็ลองซื้อมาทานดู ใช้เวลาละเลียด Gelato ไปเกือบ10นาที  เพื่อน ๆ ก็นั่งคุยเม้าท์มอยระหว่างรอพี่จัดการกับ Gelato หลังจากนั้นก็เคลื่อนทัพต่อ  พี่ก็เดินดูโน่นนี่ไปเรื่อยๆ จนพระอาทิตย์ขึ้นมาอยู่กลางหัว พวกเราเลยแยกย้ายกันกลับบ้าน  เพื่อไปกินมื้อเที่ยงกันที่บ้าน อืม.รู้สึกอบอุ่นไปอีกแบบ 
  Sassi di Matera

หลังจากทานข้าวเสร็จ โฮสพ่อก็ไปนอนกลางวัน โฮสแม่ก็ทำความสะอาดจานชาม  พี่จึงขอตัวมานั่งพิมพ์งานอยู่ในห้องนอน  (ขอแอบมีสาระหน่อยนะครับ  ประเทศส่วนใหญ่ในโซนยุโรป จะนิยมนอนพักกลางวันกัน ซึ่งส่วนใหญ่ ร้านค้าต่าง ๆ ก็จะปิดหลังอาหารเที่ยง เพื่อให้สมาชิกได้งีบพักผ่อนกันประมาณ 1-2 ชม. หลังจากนั้นพวกเขาจะก็จะออกไปทำงานกันใหม่ในช่วงบ่ายแก่ๆ ครับ   โรงเรียนต่างๆ ก็จะเริ่มเรียนเวลา 08.00-14.00 น. ในวันจันทร์-เสาร์ (บางเมืองก็อาจจะแค่ จันทร์-ศุกร์) ครับ  เพื่อให้นักเรียน ได้กลับมาทานอาหารเที่ยงพร้อมครอบครัวไงครับ)  จะเห็นได้ว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวมาก ๆ

หลังจากนั้นในช่วงเย็น  โฮสก็พาพี่กลับไปยังซาซี่อีกแล้วครับท่าน แต่ตอนนี้ได้ อีกบรรยากาศหนึ่ง (แอบโรแมนติก) ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ฟ้ามืดสนิด โฮสบอกเป็นภาษาอังกฤษว่ามีเพื่อนๆในห้องเรียนอยากให้พี่ไปเจอ  อุ้ย.. ดีใจอ่ะ ตื่นเต้นที่จะเจอเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นแล้ว จอดรถเสร็จโฮสก็พาพี่เดินไปที่จัตุรัส เห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนมองมาที่พี่เป็นตาเดียวกัน พี่เดินเข้าไปเช็คแฮนด์ ยิ้มทักทาย แนะนำตัวแบบเป็นกันเอง ส่วนโฮสก็ปล่อยให้พี่อยู่กับเพื่อนตามลำพัง(อีกแล้ว) คงอยากให้พี่สนิทกับเพื่อนในห้องไวๆมั้งครับ   เพื่อนๆก็ลากพี่เข้าร้านพิซซ่า จับพี่นั่งหัวโต๊ะ แล้วก็สั่งพิซซ่ามาคนล่ะถาด ย้ำว่าคนล่ะถาดนะครับ

ส่วนพ่อแม่ท่านไหนที่พร่ำสอนว่า ต้องรับประทานแบบสุภาพนะลูก ลืมไปได้เลย อันนี้เรื่องจริง พี่ใช้ซ่อมจิ้มกินตามแบบฉบับคนสุภาพที่ควรกระทำ  แต่เพื่อนผู้หญิงข้างๆนางชื่อ Francesca สะกิดพี่แล้วบอกว่า  use your hand” แล้วทำให้พี่ดู หั่นพิซซ่าเป็น4แฉกแล้วหยิบขึ้นมาพับครึ่ง แล้วกินเลยครับ ภาษาบ้านเราก็จกดีๆนี่แหละครับ ._.   พี่ทานไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็แทบจะอ้วกแล้วครับ แต่เหล่าเพื่อนสาวที่นั่งรอบๆตัวพี่นี่ดิ กินหมดถาดแล้วทั้งๆที่พี่พึ่งกินไปได้แค่ครึ่งเดียว  โฮ.. หุ่นนางแต่ละคน ก็ผอมเพรียวกันเหลือเกิน กินไปแล้ว เอาไปเก็บไว้ไหนกันเนี่ย  ระบบเผาผลาญดีจริง ๆ   อาจเป็นเพราะพวกเขาเคยชินกับการทานอาหารประเภทนี้ตั้งแต่เด็กจึงไม่อ้วน  ส่วนพี่นี่สิ โดน Culture shock จากอาหารอิตาเลียนแบบเต็ม ๆ ทำให้น้ำหนักพี่พุ่งพรวดขึ้น 10 กก. ในเวลา 6เดือน(อืม.. ไม่อยากจะบอกเลยว่า พี่เนี่ยเป็นคนที่น้ำหนักขึ้นมากที่สุดในกลุ่มอิตาลีเลยนะ 555) ....  น้องๆ เตรียมตัวเลยนะครับ เพราะพี่ๆ หลายรุ่นได้บอกไว้ว่า สิ่งที่น้องแลกเปลี่ยนทุกคนจะได้ติดตัวกลับมาแน่นอน คือ น้ำหนักขึ้นประมาณ 7-10 กก.... ซึ่งพี่ก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังจริง ๆ  555

**สำคัญ**

วันที่ 12 กันยายน  

วันนี้ช่วงเช้ากิจกรรมก็เหมือนเดิม  พรุ่งนี้โรงเรียนก็จะเปิดเทอมแล้ว  โฮสจึงรีบพาพี่ไปจ่ายค่า  Visitor visa กับหน่วยงานท้องถิ่นของรัฐ เพื่อแสดงตัวว่าเรามาอยู่ที่นี่เกือบ1 ปี  หลังจากนั้นก็พาพี่เดินไปเปิดเบอร์มือถือสำหรับใช้ในประเทศ แนะนำให้ใช้เครือข่าย Vodafone นะครับเพราะเป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศเขา   อารมณ์ประมาณAIS บ้านเรานี่แหละ ซื้อมาใช้ครั้งแรกเขาจะคิดค่าเปิดบริการ30ยูโร หลังจากนั้นก็ 10ยูโร/เดือน

 

“พี่ขอแนะนำให้เตรียมเงินสดไปประมาณหนึ่ง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในช่วง 2-3 เดือนแรก  ซึ่งเราจำเป็นจะต้องจ่ายค่า Visitor visa เอง ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ สามารถส่งคำร้องพร้อมเอกสารผ่านผู้ปกครองของเรา กับ AFS ที่ประเทศไทย  แล้วเขาก็จะจ่ายเงินคืนเข้าบัญชีให้ผู้ปกครองของเราครับ   ทั้งนี้ค่าธรรมเนียม Visitor visa  ก็จะขึ้นอยู่กับประเทศและเมืองที่เราไปด้วยนะครับ  ให้เก็บใบเสร็จให้ดี ๆ  อย่างของพี่เนี่ยจ่ายไป 60 กว่ายูโรบวกกับค่าเบอร์โทรศัพท์"

 

นอกจากนี้ คุณแม่พี่ก็ได้เตรียม ทั้งบัตรเครดิต และบัตรเดบิตซึ่งสามารถกดเงินสด แบบ ATM ให้พี่เผื่อไว้ด้วยอย่างละใบครับ  น้องๆสามารถติดต่อ ธนาคารพาณิชย์หลัก ๆ ของไทยได้เลยครับ


·       ประเภทบัตรเครดิต แนะนำให้ทำเป็นบัตรเสริมในบัญชีคุณพ่อ หรือ คุณแม่ ซึ่งหน้าบัตรจะเป็นชื่อของเราเลย เวลาไปรูดสินค้า แล้วเซ็นต์ชื่อ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการเป็นเจ้าของบัตร อาจจะจำกัดวงเงินให้น้อย ๆ เผื่อถูกขโมย หรือสูญหาย จะได้ไม่เกิดความเสียหายมากนัก

    ·       ส่วนบัตรเดบิต (หรือบัตรกดเงินสด) พี่แนะนำให้ทำเป็นชื่อ คุณพ่อ คุณแม่ จะดีกว่า ถ้าเกิดบัตรหาย ก็สามารถออกบัตรใหม่ในไทย แล้วส่งมาให้เราได้ครับ  

 

เอากลับมาว่ากันต่อครับ  หลังจากกลับมาที่บ้าน  ก็เพิ่งนึกได้ว่า ยังไม่ได้ให้ของฝากโฮสเลย  พี่จึงรีบขอตัวไปหยิบของที่เตรียมให้ครอบครัวโฮส ดังนี้  ของโฮสพ่อเป็นที่วางปากกาลายช้างเกร๋ๆ โฮสแม่เป็นผ้าพันคอไหมผืนใหญ่   ส่วนของโฮสน้องก็เป็นเสื้อพิมพ์ลายไทย ๆ  ค่อยโล่งใจที่พวกเขาชอบของฝากเรานะ.....   อยากขอแนะนำเพิ่มเติมว่า หลังจากน้องๆ ได้ข้อมูลของครอบครัวโฮสแล้ว ซึ่งจะมีระบุวันเกิดของสมาชิกแต่ละคนไว้  อยากจะให้น้อง ๆ ได้เตรียมของขวัญเล็กๆ น้อย  ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีราคาแพงมาก ให้ครบตามวาระสำคัญต่าง ๆ เช่น วันพบกันครั้งแรก  วันเกิด วันคริสตมาส และของที่ระลึกให้เพื่อน ๆ  และครูที่โรงเรียน  รวมถึงVolunteer  ที่ดูแลเราด้วย ซึ่งพี่เห็นว่าเป็นการแสดงน้ำใจเล็กๆ น้อย ๆ นะครับ  ซึ่งส่วนใหญ่พวกเขาก็จะตื่นเต้นมากที่ได้รับของฝากน่ารักๆจากประเทศไทย  ลองจัดเตรียมดูนะครับ  สามารถหาซื้อได้ที่จตุจักร หรือ สำเพ็ง เช่น ผ้าพันคอ กระเป๋า เสื้อพิมพ์ กางเกงแม้ว ฯลฯ

 

แต่ขอแอบบอกว่า  ของที่พวกเขาจะปลื้มมากเป็นพิเศษ และไม่มีขายในประเทศเค้า คือ ยาดมครับ  โป้ยเซียนแบบ 2 หัวของเรานี่แหละ เป็นอะไรที่พวกเขา Amazing จิงกะเบลมาก  ขอบอกว่ายาดมของพี่หลอดเดียว วนกันดมทั้งบ้านครับ 5555  นี่ก็ว่าจะให้คุณแม่พี่ส่งมาให้อีกครับ จะได้แจกได้ทั่วๆ    ตอนนี้พี่ขอตัวไปจัดกระเป๋าเตรียมไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้ก่อนนะ .....ตื่นเต้นโว้ยยยย  จะได้ไปโรงเรียนแล้ว  ไฟแรงเวอร์  ..... Pause  

 

อย่าลืมติดตามให้กำลังใจกันด้วยนะครับ  หรือ น้องๆ คนไหน ที่อยากถามอะไร แอดเฟสมาถามพี่ได้เลยที่  FB: Ciro Boss  หลังแอดพี่ถ้าพี่ไม่รับ รบกวนน้องส่งข้อความมาทางเฟสบุ๊คได้เลยนะครับ พี่ยินดีให้คำปรึกษา และให้ข้อมูลต่างๆ ครับ  .... แล้ว เจอกัน

 

อ้างอิง:  ExchangeสุดTeenทีItaly#1   https://www.dek-d.com/board/view/3735022/

 

 

 

 

แสดงความคิดเห็น

>