All about การอ่านหนังสือ :)
ตั้งกระทู้ใหม่
ก่อนที่จะอ่านเราต้องถามตัวเองว่า...
"เราชอบการเรียนรู้แบบไหน?"
เพราะว่าทุกคนมีประสิทธิภาพการเรียนรู้ไม่เท่ากัน และแน่นอนว่าบางคนไม่ชอบอ่านหนังสือ เชื่อหรือไม่ว่าบางคนไม่อ่านหนังสือเลยแต่สอบติดได้ ?
สิ่งที่ทุกคนทำกันทั้งหมดเรียกว่า "การรับข้อมูล" ซึ่งถ้าการรับเราก็ต้องมีผู้ให้ใช่ไหม ? แล้วใครเป็นผู้ให้ ? แยกเป็น2อย่างง่ายๆคือ การที่เรารอให้คนป้อนให้ หรือการที่เราป้อนตัวเอง (กินเองนั้นเอง) การป้อนให้ก็ได้แก่ การกวดวิชา การรออาจารย์สอน บลาๆ แต่การป้อนตัวเองคือ การอ่านหนังสือนั้นเอง แล้วเขาป้อนอะไรให้เรา ? เป็นการส่งข้อมูลผ่านสื่อการเรียนรู้ต่างๆ หนังสือ วีดีโอติว ก็นับว่าเป็นสื่อ หรือแม้กระทั่งคำพูดก็นับว่าเป็นการสื่อสารนั้นเอง
แล้วการเรียนรู้แบบไหนที่มีประสิทธิภาพที่สุด พี่คงตอบไม่ได้ว่าแบบไหน เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน พี่จะแนะนำวิธีเวลาที่เราเจอเหตุการณ์เหล่านี้ละกัน
1. ขี้เกียจ
สำหรับบุคคลประเภทเหล่านี้ อยากให้ถามว่าทำไมเราไม่ลงมือทำ ? อะไรที่เป็นอุปสรรค? ร้อยทั้งร้อยที่ไม่ทำเพราะไม่มีแรงจูงใจหรือไฟในการอ่านหนังสือ เราต้องหาอะไรบางอย่างที่มากระตุ้นตัวเอง เช่น การเข้าไปส่องStudygramชาวบ้าน หรือการที่เราเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม หาสถานที่เงียบๆ หรือร้านกาแฟในการอ่านหนังสือ ถ้ารู้ตัวว่าเป็นประเภทนี้ จงหาสาเหตุและแก้ไขมันซะ การแก้ไขมีหลายรูปแบบแต่แนะนำให้หาวิธีที่เหมาะสมและพยายามเปิดใจรับมัน มองอีกมุมว่าการอ่านหนังสือช่วยอะไรเรา
2.อ่านกับเพื่อนเวิร์คไหม
การแลกเปลี่ยนข้อมูลทำให้เราได้ความคิดใหม่ๆเข้ามา ซึ่งการอ่านกับเพื่อนก็เป็นตัวช่วยเช่นกัน แต่กลุ่มเพื่อนต้องเป็นประเภทพวกเรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น รู้จักเวลา แน่นอนว่าการอ่านกับเพื่อนดีกว่าอ่านคนเดียว แต่สำหรับมนุษย์ประเภทไม่เข้าสังคมอาจไม่เหมาะหน่อย ในการอ่านกับเพื่อนเราลองคุยกันว่าวันนี้เราจะอ่านวิชาอะไร มาช่วยกันทำโจทย์ หรืออาจอ่านใครมันแล้วพอไม่เข้าใจค่อยถามเพื่อนคนนั้น หรือช่วยวิชาที่เราถนัดติวให้เพื่อน การอ่านกับเพื่อนจะอ่านได้นานกว่าอ่านคนเดียวนิดนึง ซึ่งถือเป็นการสร้างสิ่งแวดล้่อมกระตุ้นให้เราแอคทีฟมากขึ้น คล้ายๆสังคมกวดวิชานั้นเอง
3.อ่านนานแค่ไหน?
อันนี้แล้วแต่ความอดทนแต่ละคน แต่การอ่านนานกับไม่นาน ไม่สามารถวัดกันได้ บางคนอ่านนานแต่เก็บได้ไม่กี่บท หรืออ่านเท่ากับคนอ่านไม่นาน เพราะฉะนั้นอย่าไปตั้งเวลาว่าวันนี้จะอ่านนานได้แค่ไหนอะไรยังไงในช่วงแรกๆ พยายามกำหนดเป้าหมายว่าวันนี้เราจะอ่านเรื่องอะไรนั้นเอง เช่น วันนี้พี่มีเวลาหลังเลิกเรียน1-2ชม. พี่ตั้งใจจะทำข้อสอบCU-TEPพาร์ทErrorซัก2ชุด พี่ก็ต้องทำตามกำหนดเป้าหมายให้เสร็จ ซึ่งในการกำหนดเป้าหมายเราสามารถทำ "Studyplanner"ได้นั้นเอง หรือแพลนเนอร์ที่เรียกๆกัน จะเป็นการอ่านที่มีเป้าหมายมากขึ้น ดีกว่าอ่านไปเรื่อยๆ
4.หนังสือเล่มไหนดีที่สุด
ในการเลือกหนังสือสิ่งเหล่านี้ต้องพึ่งรีวิวจากทางอินเตอร์เน็ต ยิ่งเวลาSATแนะนำให้หารีวิวฝรั่งเว็บดังๆก็มีพวกMagoosh Prepscholar เป็นต้น หรือChannelในยูทูป จะมีรีวิวหนังสือไว้อยู่ อย่างไรก็ตามก่อนซื้อแนะนำให้แกะออ่านคร่าวๆก่อนว่าเราเข้าใจเนื้อหาเล่มนี้ไหม ไม่ใช่ซื้อมาแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง หนังสือทุกเล่มไม่ได้เขียนให้ทุกคนรู้เรื่องเสมอไป บางคนเคมีไม่เข้าเล่มนี้ก็เสียเวลาอีก ยังไงลองอ่านคร่าวๆก่อนซื้อนะ
5.วิธีอ่านหนังสือ
อันนี้แล้วแต่เราเลยว่าชอบแบบไหน แต่ร้อยละ80 ทุกคนอ่านมากกว่า2รอบในเล่มเดียว เพราะการที่เราจะจำเนื้อหาและเข้าใจคือการย้ำทำ ลองนึกถึงนักร้องทำไมเขาจึงจำเนื้อร้องได้ เพราะเขาย้ำทำ ไม่ใช่การท่องจำนะ แต่การเป็นทำเป็นประจำหรือการฝึกฝนนั้นเอง ซึ่งในการฝึกฝนหรืออ่านหนังสือ แล้วแต่เลยว่าถนัดแบบไหน บางคนจะทำมายแมป บางคนจะช็อตโน้ตหรืออะไรก็ว่าไป แต่วิชาเดียวที่ยกเว้นคือเลข วิชานี้ต้องฝึกทำโจทย์มากกว่าการทำหรือนั่งท่องทฤษฎีนั้นเอง
6.แก้ง่วง
อาการง่วงเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือสมองล้า ง่ายๆก็คือสมองเราไม่เปิดรับเนื้อหาเหล่านี้ ช่วงแรกๆถ้าใครโหมมีง่วงนอนแน่ๆ เพราะว่าฝืนสมองมากเกินไป อยากให้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่แนะนำให้ดื่มกาแฟ เพราะมีคาเฟอีนสูง แต่แนะนำให้ดื่มโอวััลติน ช้อคโกแลต โกโก้ มีคาเฟอีนนะพวกนี้แต่จะออกฤทธิ์ช้าๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือการทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ5หมู่ในแต่ละวัน อย่าลืมออกกำลังกายล่ะ เพราะจะไปช่วยในการทำงานร่างกายเรา ใครที่ยังไม่ดูแลสุขภาพหันมาดูแลได้แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อการอ่านหนังสือ
7.การจัดตาราง
พี่ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนนั้นเอง แต่จะขอพูดคร่าวๆว่าหาวันเวลาที่แน่นอนหรือประมาณในการสอบคณะที่เราต้องการมา มาเรียงดูว่ามีกี่วิชา ทำตารางเลยว่าเดือนนี้จะเอาวิชาไหน วันไหนอ่านอะไรหรือสลับกัน เน้นอะไรตรงไหนก่อน
ขั้นตอนพี่ไม่ซับซ้อนมาก แต่อยากให้น้องๆเริ่มสำรวจตามสเต็ปดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เช็คเวลาว่าง
ก่อนที่น้องจะลงมือวางแผนตารางอ่านหนังสือพี่ือยากให้น้องสำรวจว่าเราว่างวันไหนคร่าวๆ มีเวลากี่ชั่วโมง เพราะว่าการอ่านหนังสือในช่วงเวลาเปิดเทอมค่อนข้างจำกัดเวลาไม่ได้ฟรีเหมือนเปิดเทอม นอกจากเสาร์อาทิตย์ ถ้าให้น้องอ่านทั้งวันเบื่อแน่ๆ
ขั้นตอนที่ 2 เช็คว่าต้องอ่านวิชาไหนบ้างและต้องสอบอะไร
สำหรับน้องๆภาคไทยแต่ละคนค่อนข้างแตกต่างกันโดยเฉพาะสายศิลป์และสายวิทย์ ไหนจะคณะเฉพาะทางอีก แต่สำหรับฝั่งอินเตอร์ น้องๆจะสอบ2วิชาหลักคือ วิชาเฉพาะความถนัดภาษาอังกฤษกับวิชาSAT หรือบางคณะมีข้อเขียนนั้นเอง ให้น้องมองภาพรวมก่อน เช่นอินเตอร์ทั่วๆไปใช้แค่วิชาเลขกับภาษาอังกฤษ น้องก็ต้องมองเข้าไปรายละเอียดเฉพาะว่าภาษาอังกฤษแยกเป็น TU-GET or CU-TEP or IELTS , SAT or CU-AAT และ ข้อสอบคณะข้อเขียน (optional) จะแยกเป็นหลักๆ ให้น้องสำรวจว่าอันไหนสอบวันไหน อันไหนต้องใช้ก่อน ภาคไทยก็เช่นกัน ให้น้องตรวจสอบวันสอบที่แน่นอน
ขั้นตอนที่ 3 วางตารางวิูชา
ในแต่ละวิชาการอ่านและการฝึกฝนค่อนข้างแตกต่างกัน เช่น วิชาเลขอาศัยการทำโจทย์เป็นหลัก เพราะสะสมไปเรื่อยๆ วิชาอังกฤษคือการจับหลักการและนำไปใช้ในโจทย์ ทุกวิชาล้วนมีหลักการของมัน แต่ที่แตกต่างคือข้อสอบ ภาษาอังกฤษของCU-TEPกับSATค่อนข้างแตกต่างกันมากพอสมควร ทั้งเนื้อหาและสิ่งที่ต้องการวัด ระดับความยากเช่นกัน ไม่ว่าน้องจะจัดวิชาไหนก่อน อยากให้มองว่าเราไม่ถนัดวิชาไหน ควรอุดจุดบอดก่อนนั้นเอง สมมติพี่จะสอบBBA สิ่งที่พี่ต้องใช้คือSAT กับ IELTS หรือวัดระดับภาษาอังกฤษอื่นๆ พี่ก็ไปดูเนื้อหาว่าการสอบมีไรบ้างซึ่งSATแยกย่อยเป็น2วิชา และอีก3พาร์ท พี่เป็นคนไม่ถนัดเลข พี่จึงเลือกทำเลขก่อน แล้วค่อยตามด้วยวิชาที่เหลือ พี่ไม่ได้บอกให้เน้นวิชาเดียว ให้ทำควบคู่แต่ให้เน้นว่าอันไหนสำคัญมากกว่ากันนั้นเอง พี่ก็จัดตารางทำเลขเป็นหลักแล้วสลับอังกฤษ พอพี่รู้สึกว่าเลขโอเคพี่จึงค่อยมาเน้นทำอังกฤษนั้นเอง
สำหรับภาคไทย น้องๆสายวิทย์จะมีวิชาค่อนข้างหนักพอสมควีรหรือสายอินเตอร์วิศวะเช่นกัน พี่อยากให้น้องแยกวิชาไหนที่น้องรู้สึกว่าหนักกับเบาเป็น2ฝั่ง แล้วทำตารางแบ่งวิชาสลับกัน เช่น พี่จะสอบวิศวะ พี่รู้สึกว่าฟิสิกส์หนักสำหรับพี่ เลขค่อนข้างเบา และอังกฤษพี่ถนัด พี่ก็จะเอาฟิสิกส์กับอังกฤษไว้วันที่1 และเลขไว้วันที่2 เป็นต้น เดี่ยวจะอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดตารางเวลา
ขั้นตอนที่ 3 เขียนตารางภาพรวม
เมื่อน้องมีข้อมูลในมือแล้วว่าวิชาไหนเป็นอย่างไร สอบวันไหน ให้น้องเริ่มวางแผนรายเดือนว่าเดือนนี้น้องควรจะเน้นวิชาไหน หรือทำวิชาไหนให้ทันก่อนวันสอบที่จะถึง ในการจัดตารางสอบของแต่ละภาคไทยหรือภาคอินเตอร์นั้นเน้นจุดสำคัญที่น้องต้องดูวันและเวลาสอบ รวมถึงเนื้อหาที่จะอ่าน สำหรับวิชาที่พี่แนะนำให้น้องทำสม่ำเสมอคือพาร์ทที่ต้องใช้คำนวณเป็นหลัก เช่น พี่ลงสอบSATเดือนตุลาคม และCU-TEPไว้เดือนกันยายน ตอนนี้พี่จะเปิดเทอม พี่จะวางไว้ว่าพี่ต้องสอบCU-TEPก่อน แต่SATยากกว่าCU-TEPพี่ก็เลยจะวางตารางในช่วงพ.ค.ถึงก.ค.ว่าพี่ต้องอ่านSATจบเพื่อจะได้มีเวลาไปเตรียมCU-TEP หรือพี่จะรีบเตรียมCU-TEPให้เสร็จแล้วจะได้ไปเตรียมSAT ในขณะที่พี่เตรียมเสร็จในพาร์ทนั้นๆพี่ก็จะไม่ลืมที่จะนำวิชาที่เหลือมาทวนทำโจทย์แต่พี่จะให้ความสำคัญกับวิชาดังกล่าวน้อยลงหน่อย
ขั้นตอนที่ 3 วางตารางเวลาในแต่ละวัน
น้องวางภาพรวมใหญ่ๆได้แล้ว นั้นหมายความว่าเราจะมาดูแต่ละวันว่าเรามีเวลาเท่าไหร่ เปิดเทอมจะมีงานยุ่งไหม ไหนจะการบ้านอีก ให้มากสุด2ช.ม. และน้องไม่ควรนอนดึกเกิน5ทุ่ม เพื่อสุขภาพของน้องเอง 1อาทิตย์มี5วัน ให้น้องอ่านวันละวิชา อย่าฝืนวันละ3-4วิชา อย่างมาก2วิชาและควรเป็นวิชาเบาและหนักคู่กัน อย่าจัดตารางเป็นวิชาหนักคู่กันเพราะสมองคนเราจะรับไม่ไหวและล้าในที่สุด หากใครเรียนพิเศษในวันนั้น พี่ไม่แนะนำให้น้องอ่านวิชาอื่นแต่ให้เอาที่เรียนพิเศษมาทวนและทำโจทย์หรือช้อตโน้ตอะไรก็ว่าไป หากใครขี้เกียจไม่อยากอ่านทุกวัน ก็ขึ้นอยู่กับความสบายใจของน้อง น้องอาจอ่านวันเว้นวัน แล้วไปหนักเสาร์อาทิตย์ก็ได้ ส่วนเสาร์-อาทิตย์หรือวันไหนที่ว่าง พี่ไม่อยากให้น้องโหมหนักมาก อาจจัดเป็น 2-3-2 2ตอนเช้า 3ตอนบ่าย 2ตอนค่ำ ระหว่างอ่านน้องควรพักทุกๆ1ชม.เพราะสมองคนเรารับข้อมูลได้แค่นั้น เวลาพักน้องจะทำอะไรก็ได้ ที่ไม่คิดมากและพักสมอง ประมาณ10-15นาที หรือใครจะงีบก็ได้ไม่ว่ากัน แต่อย่าหลับยาว การจัดตารางก็ควรเอาวิชาเบาหนักสลับกันเพื่อให้สมองผ่อนคลายนั้นเอง อย่าโหมมากเกินไป
ขั้นตอนที่ 4 การหาหนังสือ
ในการหาหนังสือพี่เคยพูดไปแล้วว่าให้ดูรีวิวในเน็ตจากรุ่นพี่หรือเว็บที่น่าเชื่อถือ แต่สิ่งสำคัญคือการอ่านก่อนซื้อว่าถูกชะตาหรือเปล่านั้นเอง วิธีการอ่านหนังสือแต่ละวิชาไม่เหมือนกัน แต่คราวหน้าพี่จะมาแนะแนวการอ่านหนังสือว่าควรเริ่มอะไรยังไง น้องไม่ควรซื้อมาทีเดียวแต่ควรซื้อเล่มที่น้องจะอ่านในเดือนนั้นๆพอ หรือถ้าเล่มไหนนิยมมาก ซื้อมาไว้ก่อนก็ไม่เสียหายนั้นเอง
ขั้นตอนที่ 5 กำหนดเป้าหมายในแต่ละวัน !
เมื่อเราจัดตารางเวลาไปแล้วเราก็จะรู้ว่าวันนี้เราควรอ่านอะไรคร่าวๆ เช่นวันนี้พี่จัดตารางว่าอ่านCU-TEP พี่ก็จะดูว่ามีจุดไหนทีพี่บกพร่องหรือไม่ พี่ไม่เก่งแกรมม่าพี่ก็จะทำแอเร่อประมาณ2-3ชุดในเวลา1-2ชม.นั้นเอง น้องควรกำหนดเป้าหมายดีกว่าการอ่านไปเรื่อยๆ เพราะจะมีประสิทธิภาพที่ชัดเจนมากกว่านั้นเอง หรือน้องจะตั้งเป้าหมายรายสัปดาห์ก็ได้ไม่ว่ากัน
จบไปแล้วนะสำหรับการจัดตารางอ่านหนังสือ ส่วนตัวพี่เองก็อยากบอกว่าการจัดตารางค่อนข้างสำคัญเพราะเป็นก้าวแรกของการอ่านหนังสือ ยังฝึกการจัดระบบและระเบียบของเราได้อีกด้วย
การอ่านหนังสือพี่ขอแบ่งเป็
1. การอ่านเนื้อหา
ในการอ่านเนื้อหาในแต่ละวิช
การอ่านเนื้อหานั้นจะง่ายกว
การกำหนดเป้าหมาย
การกำหนดเป้าหมายนั้น เป็นเรื่องของการกำหนดว่าบท
1.1 ดูหัวข้อใหญ่แล้วดูหัวข้อย่
ให้ดูหัวข้อใหญ่ก่อนว่าเรื่
1.2 อ่านแบบละเอียดรอบแรก
ในการอ่านรอบนี้ อยากให้น้องๆทำเหมือนน้องกำ
1.3 ทำความเข้าใจ
เมื่อจบแต่ละหัวข้อย่อยแล้ว
1.4 อ่านรอบที่ 2
คราวนี้การอ่านรอบต่อไปคือก
1.5 ช็อตโน้ต
ในการช็อตโน้ตนั้น น้องสามารถเปิดหนังสือไปด้ว
พี่ไม่บังคับว่าน้องจะต้องช
ในการอ่านเนื้อหา น้องๆควรเอามาทวนทุกครั้งที
2.การทำโจทย์
ในการทำโจทย์นั้นค่อนข้างอา
2.1 การทำโจทย์โดยอาศัยความเข้า
ในการจำโจทย์ขั้นตอนนี้จะอ
2.2 การทำโจทย์แบบจับเวลา
ในการทำโจทย์แบบจับเวลาเปรี
นอกจากว่าจะแบ่งประเภทของกา
1.ระหว่างการทำโจทย์
ในการทำโจทย์พี่อยากให้น้อง
2.หลังทำโจทย์
หลังจากที่น้องตรวจสอบข้อผิ
ในการทำโจทย์ที่มีประสิทธิภ
ไม่ว่าจะอ่านเนื้อหาหรือการ
ยาวหน่อยนะสุดท้ายใครอ่านจบพี่ขอฝากเพจ (ธรรมเนียมเดิม) เกี่ยวกับเทคนิคเหล่านี้แหละ พี่คือแอด... ไม่บอกว่ะ ไปหากันเอาเองอิอิ จิ้มเลย ! >> https://www.facebook.com/LearningCafebydom9914
อัพเกรดมีรูปเพิ่ม อิอิ
ไลค์กันด้วย !! โฮ๊ะๆๆๆ สงสัยอะไรสอบถามคอมเม้นได้จ้า ขออภัยถ้าอะไรที่ไม่ครบถ้วน
8 ความคิดเห็น
ขอบคุณครับพี่ ทำกระทู้แบบนี้ออกมาบ่อยๆนะครับ
จะพยายามเอาจากประสบการณ์มานะคะ555555+ นี่ก็คร่าวๆก่อนอยากได้พาร์ทไหนเฉพาะบอกได้น้า
ขอบคุณค่ะ นี่ก็นัดกับเพื่อนไว้ว่าจะอ่านหนังสือด้วยกัน คิดว่ามันคงมีแรงกระตุ้นมากกว่าอ่านคนเดียวแน่ๆ
อ่านกับเพื่อนช่วยได้จริงค่ะแต่ต้อวควบคุมตัวเองพอสมควรและเพื่อนควรทำเหมือนครูคือเตรียมการสอยมา ถ้ามาด้นสดก็ต้องทำโจทย์ไปด้วยกันเลยอันนี้จะเวิร์คกว่าพาร์ทเนื้อหามาก อ่านกับเพื่อนแนะนำอย่าร้านกาแฟค่ะสิ่งเร้ารบกวนพอสมควร พยายามอ่านที่เวียบๆน้า ไม่ก็Co-working spaceไรงี้
ขอบคุณนะคะ
ด้วยความยินดีจ้า
ว้าวว ขอบคุณครับพี่ สุดยอดครับ ทำมาเรื่อยๆน่ะครับ
จะพยายามปั่นมาเรื่อยๆค่ะ555+ ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณค่ะ เป็นบทความที่ดีมากๆ เลยย กำลังจะขึ้นม.4 พอดี แบบนี้น่าจะช่วยได้เยอะค่ะ
วิธีนี้นำไปใช้ได้ทุกวัยค่ะ ถ้ามหาลัยอาจช่วยได้นิดหน่อยแต่ขึ้นม.4 อันนี้มห้สำหรับมอปลายโดยเฉพาะเยยสู้ๆนะคะ
คัมซามากๆคาบบ
เควนชันนาโยครัชชชช
กำลังตามหากระทู้ดีๆแบบนี้อยู่พอดีเลย ขอบคุณนะคร้าบบบ
ขอบคุณนะคะ สู้ๆเด้อ ><
ขอบคุณสำหรับเทคนิคดีๆนะคะ
ด้วยความยินดีจ้า ^-^
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?