Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Magical Darren นิยายสะท้อนสังคมภายใต้ธีมสาวน้อยเวทย์มนตร์ฟรุ้งฟริ้ง! (รีวิวนิดๆวิจารณ์หน่อยๆ)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
Magical Darren ตำนานหนุ่มน้อยเวทย์มนตร์

Hestia เขียน

 

เคยได้ยินประโยคนี้กันรึเปล่าคะ?

‘Don’t judge the book by its cover’

นี่คือประโยคแรกที่เราคิดถึงเมื่อนึกถึงนิยายเรื่องนี้ค่ะ J

 

แนะนำเรื่อง

             Magical Darren เป็นเรื่องราวของ ‘ดาร์เรน ฟรอสต์’  เด็กหนุ่มวัยรุ่นธรรมดาๆที่ดันมีพ่อเป็นเรนเจอร์และแม่เป็นสาวน้อยเวทย์มนตร์(ยังเรียกว่าธรรมดาอยู่ไหมนะ…ฮา) เรื่องนี้เปิดตัวด้วยมุมมองของดาร์เรนในฉากที่พ่อกับแม่ของเขากำลังเป้ายิงฉุบเพื่อตัดสินว่าเจ้าตัวควรจะสืบทอดตำแหน่งเรนเจอร์หรือสาวน้อยเวทย์มนตร์ดี สุดท้ายคุณแม่ก็เป็นฝ่ายชนะ ดาร์เรนจึงได้สืบทอดตำแหน่งสาวน้อยเวทย์มนตร์ต่อจากคุณแม่ ดาร์เรนถูกจับให้เรียนใน ‘โรงเรียนสาวน้อยเวทย์มนตร์’ ที่ทุกอย่างแทบจะเป็นสีชมพู (ขอให้ทุกคนคิดถึงปราสาทวิ้งๆใน

จินตนาการตอนเด็กๆเอาไว้ค่ะ น้ำพุสายรุ้ง ยูนิคอร์น และชุดเครื่องแบบสาวน้อยเวทย์มนตร์สีชมพูฟรุ้งฟริ้งฟูฟ่องประหนึ่งเป็นชุดของเจ้าหญิง) แต่ด้วยความที่ตัวเอกของเราเป็นผู้ชาย การเข้าไปในโรงเรียนนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับการถูกจับให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบมากที่สุด เพราะฉะนั้นเมื่อมองผ่านมุมมองของดาร์เรน แล้วมันจึงเป็นการประชดประชันที่ค่อนข้างตลกมากๆทีเดียว

                  ถูกต้องค่ะ เรื่องนี้เปิดตัวมาด้วยแนว ‘Comedy’ ที่แฝงด้วยกลิ่นอายของความ Fantasy เข้าไปด้วย หนุ่มน้อยที่ถูกบังคับให้เป็นสาวน้อยเวทย์มนตร์โดยไม่เต็มใจ ถูกส่งเข้าไปเรียนในโรงเรียนเวทย์มนตร์ ดูยังไงๆก็ไม่น่ามีประเด็นอะไรแฝงไว้ได้เลย แต่เรากลับเจอประเด็นที่แทรกอยู่ในเนื้อเรื่องเยอะมากพอสมควรจนบางทีเราแอบคิดว่าดาร์เรนจัดอยู่ในหมวดสะท้อนสังคมค่ะ…

 

----ต่อจากนี้เนื้อหามีการสปอย-----

 

ประเด็นที่แฝงอยู่ในเนื้อเรื่องของดาร์เรน

 

                  ย้อนความสักนิดว่านิยายเรื่องนี้เป็นหมวด Yaoi หรือก็คือชายรักชาย เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เราจับได้คือ ‘ความไม่เท่าเทียมทางเพศ’ ค่ะ  จริงๆเรื่องนี้เราคิดว่ามันชัดมาก ปมในเรื่อง ทุกสิ่งที่ทำให้เรื่องพังพินาศแบบไม่เหลือชิ้นดี คือคำว่า ‘การไม่ให้เกียรติทางเพศ’ค่ะ

                  แกรี่ แฟนของดาร์เรน เจ้าตัวค่อนข้างพิเศษนิดหน่อยเนื่องจากมีห้าบุคลิกในคนเดียว ฉากแรกๆหลังจากที่ดาร์เรนคบกับแกรี่คือฉากที่ดาร์เรนโดนเหยียด เพื่อนรังแก รุ่นพี่ที่ทำงานไม่ชอบหน้า ถึงดาร์เรนจะทำใจเป็นไม่สน ไม่แคร์ยังไง เจ้าตัวก็ยังเจอเรื่องพวกนี้อยู่ดี ตรงนี้สะท้อนให้เห็นว่ายังมีคนบางกลุ่มที่ไม่ให้การยอมรับ เพศทางเลือก ทั้งๆที่จริงๆแล้ว คนกลุ่มนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากปกติเลยแม้แต่นิดเดียว พวกเขาก็แค่มีความชอบที่แตกต่าง และเราคิดว่า มนุษย์ทุกคนควรเคารพซึ่งความชอบของกันและกันค่ะ


              ดีรอส ตัวละครตัวนี้เติบโตมาในสังคมที่มีการเหยียดเพศชายอย่างรุนแรง ประกอบกับการที่คนเป็นแม่รักลูกไม่เท่ากัน  สังคมรวมถึงครอบครัวยกย่องพี่สาวมากกว่าเจ้าตัว ทำให้ดีรอสกลายเป็นเด็กเก็บกดอย่างรุนแรง เด็กเก็บกดคนนั้นเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ร้ายกาจ เหยียดเพศหญิง ฆ่าคน ทำลายโลก แช่แข็งมิติ และอีกหลายโศกนาฏกรรม

 

                  ประเด็นต่อไปที่จะนำเสนอคือเรื่องของ ‘การเลี้ยงลูก’ ค่ะ

 

                  ‘ดาร์เรน แม่อยากให้ลูกเป็นสาวน้อยเวทย์มนตร์นะ’

                  ‘ดาร์เรน พ่ออยากให้ลูกเป็นเรนเจอร์’

                  ‘เมื่อไหร่แกจะทำตัวดีๆเหมือนพี่สาวของแกบ้าง!’

                  ‘แกมันก็แค่ฝุ่นถ้าเทียบกับท่านเรนารีน’

 

                  คำพูดเหล่านี้คือสิ่งที่ดาร์เรนและดีรอสเจอค่ะ การที่เด็กคนนึงจะโตขึ้นมาเป็นคนคนนึงได้นั้น นอกจากนิสัยพื้นฐานที่ติดตัวมาโดยกำเนิดแล้ว สิ่งที่เอฟเฟคมากๆอีกอย่างก็คือ ‘สภาพแวดล้อมที่เด็กคนนั้นเติบโตขึ้นมา’ รวมถึง คนในครอบครัว สังคม เพื่อน วิธีการเลี้ยงดูและอีกหลายปัจจัย

 

                  ดีรอสถูกเลี้ยงมาแบบเปรียบเทียบค่ะ ไม่ว่าเจ้าตัวจะทำอะไรจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่สาว(เรนารีน)อยู่เสมอ ประกอบกับการที่สังคมเหยียดเพศชายมากๆ แม่ก็รักพี่สาวมากกว่า ทำให้ดีรอสต้องพยายามขวนขวายหาพลังเพื่อหวังว่าทุกคนจะหันมายอมรับเขาบ้าง เรื่องนี้ผู้ใหญ่หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆนะคะ ใครๆก็ต้องเคยเจอ แต่ลองนึกย้อนไปดีๆว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับมัน ลองคิดว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไร พยายามแค่ไหน ก็เจอแต่คำพูดที่ว่า ‘เมื่อไหร่ลูกจะทำได้ดีอย่างน้อยครึ่งนึงของพี่เขา?’ หมดกำลังใจใช่มั้ยล่ะคะ? นั่นคือสิ่งที่ดีรอสเจอมาตลอดทั้งชีวิตค่ะ คนอื่นอาจจะมองว่าตัวละครตัวนี้เลว ชั่วร้าย ทำร้ายตัวเอก แต่เรากลับมองว่าเขาน่าสงสารมากกว่า ถ้าแม่ พี่สาว และสังคมเลี้ยงดีรอสแบบปกติ โศกนาฏกรรมทั้งหมดอาจจะไม่เกิดขึ้นเลย รวมถึงโลกอาจจะได้เด็กหนุ่มอัจฉริยะเพิ่มมาอีกหนึ่งคน

 

                  ดาร์เรนมีครอบครัวที่อบอุ่นค่ะ แต่เจ้าตัวถูกพ่อกับแม่บังคับให้เรียนในสิ่งที่เกลียด ตามเนื้อเรื่องจะเห็นว่าดาร์เรนไม่ได้ อยากเป็นสาวน้อยเวทย์มนตร์หรือเรนเจอร์เลยแม้แต่น้อย และการได้อ่านเรื่องราวผ่านมุมมองของดาร์เรนทำให้เราสัมผัสได้ว่า เจ้าตัวไม่ได้มีความสุขกับการเรียนเท่าไหร่เลย จะดีกว่ารึเปล่า ถ้าพ่อแม่ของดาร์เรนถามลูกตัวเอง ฟังความคิดเห็นของลูกตัวเองมากกว่านี้ อย่าลืมว่าสุดท้ายแล้วเด็กๆอย่างเราคือคนที่จะอยู่กับสายอาชีพไปตลอดชีวิตนะคะ

                 

                  ประเด็นสุดท้ายที่สำคัญมากคือการ ‘เปิดใจค่ะ

                 

                  ดาร์เรนเป็นตัวเอกที่ใจกว้างมากกกกกกก เป็นคนที่เปิดใจและคิดบวกสุดๆ หลังจากเข้าไปในโรงเรียนเวทย์มนตร์ ดาร์เรนเริ่มพยายามปลอบใจตัวเอง เปิดใจ หาเหตุผลที่ทำให้ตัวเองชอบเรื่องนี้ เช่น เพื่อนๆน่ารักดีนะ หรือเรื่องของแกรี่ เราคิดว่ามันไม่ง่ายเลยนะคะที่คุณจะรักใครสักคนที่มีถึงห้าบุคลิกในคนเดียว แต่ดาร์เรนเปิดใจค่ะ ดาร์เรนเลือกที่จะมองว่า บุคลิกทั้งหมดคือ ‘แกรี่’ เป็นแฟนของเขาแค่มีหลายๆด้านเท่านั้นเองแต่ทั้งหมดคือคนคนเดียว ตัวอย่างอีกข้อที่เราชอบมากคือ คุณแม่ของดาร์เรน จริงๆแล้วเป็น ‘ผู้ชาย’ ค่ะ… คุณพ่อก็เช่นกัน ดาร์เรนถูกทำให้เข้าใจผิดว่าแม่เป็นผู้หญิงอยู่สิบกว่าปีของชีวิตเขา แต่ในตอนสุดท้าย เจ้าตัวก็เลือกที่จะมองข้ามเพศ รักและเคารพแม่เหมือนเดิม

                 

                  สามข้อนี้เป็นเพียงประเด็นบางส่วนที่เรายกมาเท่านั้น ถ้านักอ่านคนไหนมีความคิดที่แตกต่าง มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ ^__^

                  ย้อนกลับไปที่ Quote ที่เราเปิดไว้ตอนแรก สำหรับเรา หนังสือเรื่องนี้เหมือน ‘ภาพลวงตา’ ค่ะ หลอกล่อเราด้วยความคอมเมดี้และธีมเรื่องที่ดูใสๆ แต่ภายในแฝงไปด้วยข้อคิดสะท้อนสังคมมากมาย รวมถึงมุมดาร์คๆพีคๆของพลอตอีกด้วย
                 
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ Hestia ที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมานะคะ ถ้านักอ่านท่านไหนที่อ่านจนถึงตรงนี้แล้วอยากติดตามผลงานฉบับเต็มๆ จิ้มที่รูปดาร์เรนกับแกรี่ข้างล่างเลยค่ะ ^_^

-รูปภาพและเนื้อหาทั้งหมดได้รับออนุญาตจากคนเขียนแล้วค่ะ
-ผู้วาดรูปทั้งหมดในกระทู้ : คุณ Renku                 

แสดงความคิดเห็น

>