Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ขอแชร์ ปสก ถูกคนที่ชอบหลอกให้ชอบ(แบบไม่เปิดเผย) และหลอกใช้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เราจะขอแชร์ประสบการณ์ถูกหลอก
แสดงออกเหมือนจะชอบเราแต่ไม่เปิดเผยให้จับต้องเป็นหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันได้นะ เวลาเราเข้าไปคุยต่อหน้าคนอื่นเค้าจะหนี พอลับหลังก็หลอกให้เราทำนู่นทำนี่ให้ ให้เราทำทุกอย่างให้เค้า ให้เราทำให้เอาใจเค้าตามคำสั่ง แต่ทุกอย่างที่ให้เราทำเหมือนฟรี แบบมีข้อแม้ว่าต้องปฏิบัติตามที่เค้าบอกเท่านั้น ห้ามเปิดเผยเรื่องเราให้ใครรู้ แรกๆเราก็รู้สึกดีนะเหมือนมีคนมาเอาใจใส่ แต่ตลอดเวลาเค้าก็ไม่เปิดเผยเรื่องของเราอยู่ดี แล้วคือเรารู้สึกเหมือนถูกหลอกครอบงำปั่นหัวให้คิดว่าเค้าชอบเรามาก ท่าทีเหมือนมีใจ ให้ชอบเค้ามากกว่าที่เค้าจะสนใจในตัวเรา (ที่จริงคือเค้าไม่ได้สนใจอยากจะพูดคุยกับเรา ถามคำตอบคำ) แต่เต้าพอใจมากเวลาเราสนใจเอาใจเค้ามากๆ แล้วยังหลอกใช้ให้ทำนู่นนี่ให้เหนื่อยฟรี หลอกกินแรงเราอยู่ตลอดเวลา เราเสียไม่ว่าเค้าเสียเราโดน ถูกเอาเปรียบทุกเม็ด ไม่มีให้อะไรเลย ไม่มีการเสียสละ

ทีนี้มาถึงจุดพีคค่ะ พอเราขอให้เค้าช่วยงานเราบ้าง ซึ่งเป็นงานที่ตรงกับที่เค้าเรียนมาและรู้เรื่องดีมาก เค้ากลับไม่ตอบรับ แล้วยังเงียบหาย ไม่มาคุยกับเราอีกเลย แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เงียบฉี่เหมือนคนโดนทวงหนี้ หายเงียบกริบเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

สรุปคือหลังจากนั้นเหมือนเราโดนทิ้งให้จมอยู่กับคำขอให้ช่วยที่เราพ่นออกไปอย่างไร้เสียงสะท้อนใดๆกลับมา และเค้าก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและคำบอกลาและคำทักทายใดๆอีกหลังจากนั้น จนเรางงว่าเรื่องแค่นี้ทำเค้าหายสาบสูญไปเลยหรอ หรือว่าเค้าไม่ชอบเรา .. ยังแอบสงสัยว่าที่ผ่านมาเค้าเคยชอบเราบ้างรึป่าว .. หรือว่าเห็นเราเป็นตัวอะไร มีเลือดให้ดูด มีหลังให้เกาะ เลยเกาะไว้สูบอย่างเดียว สูบได้ก็สูบให้หมดเลยหรอ ดีนะเรายังพอมีสติดึงตัวเอาไว้ทัน ไม่ยังงั้นโดนสูบหมดตัวแถมถีบทิ้งเป็นขยะตอนท้ายแน่ๆ นี่เราก็ไม่รู้ใครจะเป็นรายต่อไป แต่คือ สงสารตัวเองหนักมาก สงสารคนอื่นๆที่จะมาเจอแบบเราด้วย

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

White Frangipani 17 ก.ค. 60 เวลา 11:27 น. 1

สวัสดี่ค่ะเจ้าของกระทู้



ขอแชร์ ปสก ถูกคนที่ชอบหลอกให้ชอบ(แบบไม่เปิดเผย) และหลอกใช้




อ่านๆจากคำบอกเล่าของคุณแล้วรู้สึกว่าคุณอาจจะกำลังเครียด หรือว่าคุณอาจจะคิดมาก...เกินไปจนเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อตํ่าใจในตัวคุณเอง และกับคนที่คุณรักเขานะคะ


ที่บอกได้...แบบนี้เพราะเคยเห็นเหตุการณ์ตามคำบอกเล่าของคุณนี้เกิดขึ้นลักษณะนี้กับหลายๆคน และหลายๆคู่ด้วยค่ะ


เคยมีโอกาสเห็นและยิืนดู...มาหลายๆคู่จริงนะคะ


มีคู่ที่ตนรู้จักคุ้นเคย เห็นๆได้แบบใกล้ชิด...ได้ยินกับหู รู้กับตา...


ขออนุญาตยกตัวอย่างนะคะ


ในหนึ่งคู่ที่มีโอกาสพบเห็น...คู่รักคู่นี้เขาทั้งสองรักกันมากมายปานจะกลืนกิน....ในครั้งแรกเมื่อความรักได้ก่อตัวเขาทั้งสองมีเคมีตัวเดียวกัน มีมุมมองหลายๆอย่างในจุดเดียวกัน เห็นด้วยช่วยกันในทุกเรื่อง เป็นสุขหรือบางครั้งอาจจะทุกข์เขาทั้งคู่ก็แบกหาม...ข้ามพ้นปัญหามากมายผ่านมาด้วยดี...


แต่...ต่อมา...เวลาได้ผ่านไป...ฝ่ายหญิงคือฝ่ายภรรยานะคะ กลับเกิดเป็นความรู้สึกที่ทุกข์ทรมานเพราะเธอรู้สึกว่าสามีไม่รัก ไม่ดูแล ไม่เอาใจใส่ ไม่ใกล้ชิดห่วงใยหรือไม่ปะเล้าปะโลมดังที่ผ่านๆมา(เช่นที่เกิดความรักกันใหม่ๆ) เธอเหงา เธอขาดความอบอุ่น


ความทุกข์ทรมานบังเกิดขึ้นที่จิตใจเธอ...นับวันก็จะหนักขึ้น หนักขึ้น...ในที่สุดเธอก็รู้สึกว่า...สามีของเธอซึ่งที่เคยเป็นคนดีมากมายสำหรับเธอซึ่งไม่มีใครเหมือน...คนนี้ได้กลายเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกทุกข์ทรมาน...หรือเป็นเช่นซาตาน เป็นคนที่เธอรังเกียจที่สุดจนติดจะขยะขะแยง...(ที่เล่ามานี้เป็นความจริงนะคะ เธอระบายให้ฟัง แต่มิได้กล่าวชื่อ...ขออนุญาตนำมาเป็นวิทยาทานนะคะ)


ส่วนตัวเจ้าของเม้นต์หรือก็เป็นคนนอก...ทำอะไรไม่ได้มากกว่าการให้ได้เพียงกำลังใจนะ


และสิ่งที่เจ้าของเม้นต์เห็นคือความจริง...เขาสามีของเธอ(เราหรือก็สนิทกันฉันท์เพื่อน)สิิ่งที่เราเห็นนะไม่ใช่...หรือไม่เป็นเช่นที่ฝ่ายหญิงบอกเล่าแต่ประการใดค่ะ คือพยายามที่จะมองด้วยตาที่เป็นธรรมทั้งนี้ก็เพื่อครอบครัวของเขาทั้งสองนะ)


ในความเป็นจริง...คือฝ่ายชายเขาโตขึ้น เขามีความรับผิดชอบมากขึ้น เขาทำงานหามรุ่งหามคํ่าไม่มีเวลาแม้จะพักผ่อนก็เพื่อภรรยา ก็เพื่อครอบครัวและเพื่อลูกของเขานั้นเองค่ะ


ฝ่ายชายเป็นคนที่ไม่พูดมากแต่เป็นคนที่ทำจริง...คือเขารับภาระมากขึ้น แบกหามหนักขึ้น...ทั้งหมดนี้แท้จริงคือความรักต่อครอบครัวและภรรยา ทั้งหนักและเหนื่อย แต่ที่แปลกตรงที่ภรรยาของเขานะไม่เห็นได้ แปลกมากเลยด้วย


เสาร์-อาทิตย์นะคนอื่นๆมีเวลา...พักผ่อน...สำหรับเขานะ...ต้องทำโอที เพื่อรายได้ที่ต้องเพิ่มเพราะภาระมีเพิ่มเข้ามา เพราะเขามีลูกคนที่สอง...


และที่แย่ๆ...ภรรยาเขามิได้ทำอะไรเลย(รายได้ของครอบครัวขาดไปจากจุดนี้) คือไม่ทำงานนอกบ้านสาเหตุเพราะตัวสามีเองที่รักภรรายารักลูกมากอยากให้ลูกและเมียมีความสุขด้วยวิธีง่ายๆคือให้ภรรยาของตนอยู่บ้านเลี้ยงลูกๆ ลูกของเขาได้มีความอบอุ่นก่อนเข้าโรงเรียน เขาที่ต้องเป็นผู่ที่ฟัด...ที่ต้องสู้และหนักเหนื่อยเพิ่มขึ้น


แต่สิ่งที่เขาได้...คือภรรยาของเขาเข้าใจว่า...เขาไม่รักเธอไม่มีเวลาให้ ไม่อบอุ่นละมุนละไม กลับจากงานนอนหงายเหงือกหลับเป็นตาย(ก็เพราะเขาเหนื่อยนี่นะ) ทิ้งให้เธอเหงา และเหนื่อยกับงานบ้านและลูกๆ เธอเข้าใจว่าทั้งหมดนั้นคือความผิดของเขานั้นเอง


ในที่สุดเธอก็แอนตี้...และต่อต้านด้วยการทิ้งลูกๆ(ทิ้งให้เด็กๆเหงาหงอย อดอาหาร) ด้วยการออกเที่ยวเตร่กับเพื่อนๆข้าวปลา อาหาร เสื้อผ้า ของลูก ของสามีไม่ใส่ใจ บ้านเรือนสกปรกเลอะเทอะ เธอไม่มีกะใจที่จะหยิบจับหรือจัดทำความสะอาดให้เป็นระเบียบ


วันๆเวลาส่วนใหญ่เธอนำมานั่งจ้องจอคอมปล่อยจิตสำนึกล่องลอย และหลงระเริงผ่านจอคอม...และสื่อสารผ่านเน็ตนัดพบ นัดเจอ...ผู้คนที่เธอเข้าใจว่าเป็นเพื่อน...ที่ทำให้เธอรู้สึกดีได้ ทั้งหญิงและชาย...ในที่สุดเธอก็ละทิ้งทุกอย่างออกเที่ยวเตร่ตามที่นัดหมายจากการติดต่อผ่านเน็ตต่างๆ


เธอแต่งตัวออกจากบ้านทุกๆวัน ละทิ้งความรับผิดชอบ เกิดเป็นควมขมขื่นในกับครอบครัว ให้กับลูกๆ ให้กับสามีผู้ที่มีจิตใจที่สูงส่ง


สาเหตุเพราะ....จิตใจ จิตสำนึกของเธอนั้นได้หลงไป จนตกตํ่า ทำให้แม้แต่ตาเนื้อ(คือดวงตาของเธอเอง)ก็ไม่สามารถมองเห็นความเป็นจริงต่อไปได้...ในที่สุด


ความจริง ความดี ความสุข ความถูกต้อง ความรัก ที่สามีทำทุกอย่างเพื่อเธอ เธอไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาที่เปิดอยู่อีกต่อไป และจิตของเธอก็ไม่สามารถสัมผัสได้เพราะมันตกตํ่าลงไปลึกเสียแล้ว...นั้นเอง


ทำคุณ บูชาโทษซึ่งเกิดจากความดีของสามี....เรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นมาจริงๆนะคะในวันนี้ และเกิดขึ้นมามากมายด้วยเป็นเรื่องจริง นี้ไม่ใช่ละครหรือไม่ใช่นิยายนะคะ ที่เล่ามาเป็นความจริง...และสาเหตุที่เกิดเพราะขาดสติ....นั้นเองค่ะ


น่าสงสารผู้ที่เป็นสามีและลูกๆ...ของเธอนะคะ


เหตุการณ์ดังกล่าวนี้...เป็นเหตุการณ์จริง...ซึ่งในที่สุดเป็นเหตุที่เกิดมรสุมครอบครัวขึ้นในเวลาต่อมา เกิดการทะเลาะวิวาทไม่เว้นแต่ละวันนำความทุกข์ทรมานมาสู่ทุกๆคน โดยเฉพาะเด็กๆผู้ที่ไม่รู้อะไรเลย


หลายปีต่อมา...เขาทั้งคู่ก็สามารถผ่านมาได้...ทุกวันนี้ครอบครัวดังกล่าวนี้ยังคงอยู่รวมกันได้...แต่รอย...ที่แตกร้าวในจิตใจในครั้งนั้น...เจ้าของเม้นต์คิดว่าไม่่มีวันที่ลบเลือนได้อย่างแน่นอน(เป็นความทรงจำที่ไม่น่าจะดีนะ โดยเฉพาะกับเด็กๆ เพราะฉนั้นเหตุดังกล่าวนี้ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้เกิด หดหู่มากนะ)


ข้างบนยาวๆนั้นเป็นเพียงตัวอย่าง...ดังที่ว่าการที่ปล่อยให้อารมณ์...เป็นชนวนนำความคิด...ขาดซึ่งเหตุผล ติดอคติ หรือเราจะเรียกว่า...เป็นอาการที่จิตออ่นแอ หรืออาการขาดสติ...ของคู่รัก...ซึ่งนำเหตุร้ายๆมาสู่คู่รัก หรือคู่ชีวิตได้...จริงนะคะ


~~~~~~~~~~




กลับเข้าเรื่องของคุณนะคะ




"ดีนะเรายังพอมีสติดึงตัวเอาไว้ทัน"



คุณบอกมาด้วยว่า....ดีนะที่คุณมีสติ...หากคุณมีสตินะคะอย่าปล่อยให้ตัวคุณทุกข์ทรมานเพราะคุณเองอาจจะคิดมากไปเกี่ยวกับตัว...หรือการกระทำของเขา...คุณลองเพ่ง...ดูด้วยตาที่เป็นธรรม และด้วยจิต...ที่ผ่องแผ่ว...อีกทีจะดีกว่านะคะ


เพราะหากคุณเห็น หรือมองเขาด้วยสติที่ดีจริง และมีความเป็นธรรม มีความผ่องแผ่ว...หากเขาเป็นคนที่เลวจริง...ตามที่คุณบอกเล่ามานี้นะคะ...คุณจะไม่ยี่หร่ะที่จะตัดเขาทิ้งไป...อย่างง่ายดายค่ะ


เพราะจิตสำนึกที่มีสติมันจะรู้ได้ค่ะ ว่าอะไรคือถูก ผิด ชอบ ชั่ว หรือดี และอะไรคือความจริงมันมีศักยภาพที่มหัศจรรย์มากๆมัันจะติดสินด้วยตัวของมันเองค่ะ คือ อยากจะบอกคุณว่าหากสติของคุณดี และมีอยู่จริง...คุณจะไม่รอเสียใจให้มากมายและเนิ่นนานแต่ประการใดค่ะ


สติมันจะนำพาความรู้สึกของคุณทิ้งเขา...(คนที่คุณชอบ)แบบไม่เสียใจอะหรือไม่ผิดหวังอะไรเลย...ตราบใดที่สติของคุณรู้ว่าคุณปฎิบัติต่อเขาด้วยความรัก ด้วยความบริสุทธิ์ใจตลอดมา...ทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาติของจิตสำนึกที่มีสติ...ซึงสามารถเกิดขึ้นได้จริงนะคะ


คืออยากจะเป็นกำลังใจให้คุณว่า...เป็นความจริงหรือ??? หรือคุณคิดไปเอง???...ต่อคนที่คุณรักชอบเขาคนนี้ค่ะ


คุณลองใช้วิจารณญาณมองเขาใหม่ด้วยสติอีกครั้ง....มองๆย้อนกลับไปดูจากการกระทำของเขาด้วยนะคะ เพื่อคุณเองได้ไม่เสียใจภายหลังด้วยค่ะ (หากคุณเองที่มองเขาผิดเพราะอารมณ์...)


และหากคุณมีสติที่จะเห็นจริงได้ด้วยว่า...เขานะคะยํ่าแย่เช่นที่คุณเล่ามานี้...อีกไม่นานเขาจะถูกชีวิตของเขาเองลงโทษอย่างแน่นอนค่ะ คุณอย่าห่วงเลย ทิ้งให้เขาไปตามทางของเขา...คุณอย่าได้คิดมากไปปลดปล่อยให้คุณเองมีความสุขจะดีกว่านะคะ


มากระทู้นี้...เป็นอะไรที่อยากช่วยอธิบายให้เห็นความแตกต่าง...จากมุมมที่คนเราอาจจะมองอาการความรู้สึก...ที่เราเรียกว่า...การใช้อารมณ์...นั้นไม่ดีต่อตนเองและคนที่เรารัก...นั้นไม่ดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ (โดยการนำประสบการณ์ที่พบเห็นจริงมาเปรียบเทียบค่ะ)


อยากจะบอกคุณว่า...คนเรารักกันนะคะต้องพยายามที่จะเปิดใจให้กว้างๆ...เข้าไว้ค่ะ เพราะการที่คิดไม่ดีต่อคนที่เรารักนั้นตัวเราเองก็ทุกข์ทรมานไปด้วยนะคะ(หากความเป็นจริงเขาไม่เป็นเช่นที่เราคิด...เหตุเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงนะคะ)


คุณลองพยายามใจเย็นๆเข้าไว้นะคะ ตั้งสติให้ได้ตลอดเวลา และต้องมีเหตุผลเป็นที่ยึดเหนี่ยวเข้าไว้นะคะ


สู้สู้นะคะ เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ





1
ความลับของคนชั่ว 17 ก.ค. 60 เวลา 18:56 น. 1-1

ที่คุณพูดมาก็มีเหตุผลนะคะ ทำให้เราได้รับรู้มุมมองที่ต่างออกไป ซึ่งแตกต่างจากที่เราเจอมา ที่เราเจอมาเป็นเรื่องจริงอีกเรื่องนึง และถ้าเค้าดีอย่างในตัวอย่างเรื่องตัวอย่างที่เล่ามาเราคงจะตัดใจยากขึ้นอย่างที่คุณบอก แต่พอเราได้รู้มันก็ช่วยให้เราเลิกเสียใจไปเลยค่ะ แต่เปลี่ยนเป็นแค้นใจมากกว่า ถ้าจะผิดหวังก็คงเพราะไม่คิดว่าเค้าจะเป็นคนแบบนี้ ไม่คิดว่าจะเจอคนเลวๆแบบนี้เข้ามาในชีวิต เพราะเราถือศีลกินเจมาตลอด (จริงๆเราไม่ชอบด่าใครว่าเลว) คือเราเป็นคนดีค่ะ ไม่น่าจะมีมิจฉาชีพเข้ามายุ่ง แต่โชคดีคือยุ่งกับเราไม่ได้นาน ฮ่าๆๆ (หัวเราะสะใจ) เราถือคติค่ะว่า .. คนดีเราดีตอบ คนชั่วเราไม่เว้น อย่าได้มาแหยมกับเราอีก

ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นนะคะ จะได้เอาไว้ใช้กับคนดีที่เหมาะสม ขอบคุณนะคะ :)

0
mydiaryy 17 ก.ค. 60 เวลา 11:34 น. 2

ดีแล้วล่ะที่รู้ตัวก่อน ก่อนจะถลำลึกไปกว่านี้

ที่ผ่านมาถือว่าให้ทาน

จขกทอย่าลืมไปทำบุญให้เค้าด้วยนะ จะได้พ้นๆจากชีวิตไป

1
warayooparthan 20 ก.ค. 60 เวลา 20:37 น. 6

เจ็บเนอะที่เห็นเขาอยู่ด้วยกัน มาหลอกให้รักและจากไป

อิจฉานะ ทรมานด้วย แต่ลึกๆก็ดีใจที่เขามีความสุข

0
คนในความลับ 21 ก.ค. 60 เวลา 17:38 น. 7

สุดท้ายนี้เราขอแบ่งปันบทความที่กล่าวถึงลักษณะและพฤติกรรมของคนแบบนี้ที่เราไปอ่านเจอมา ซึ่งน่าจะมีประโยชน์กับเราเองและผู้หญิงและผู้ชายที่คิดอยากจะมีความรัก อยากมีครอบครัว

อย่างที่ต้องการ ก็ขอให้เรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีน้ำใจ รู้จักเสียสละ มีความรับผิดชอบ ปฏิบัติกับคนรอบข้างในปัจจุบันให้ดี ก็น่าจะมีคนดีๆเข้ามาหาอีกแล้วไม่หนีตะเหลิดกระเจิดกระเจิงไปไหน ส่วนตัวเรา ทันเจอพอดี (และเข็ดมาก) ก็ขอพอแค่นี้แล้วกันเนาะ ฮือๆ ไปอ่านบทความนี้กัน

บทความสุขภาพจิต : อย่าเลือกคนใจเป็นโรค

http://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=989




0