Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ชีวิตนักเรียนไทยในต่างแดน - ประสบการณ์นักเรียนแลกเปลี่ยน U.S.A. -

ตั้งกระทู้ใหม่

ทุกคนมักคิดว่าการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหรือนัดเรียนนอกจะเป็นทางที่โรยเอาไว้ด้วยกลีบกุหลาบ แต่เปล่าเลยมันเป็นทางที่โรยไว้ด้วยกุหลาบทั้งสวน ซึ่งมาพร้อมก้านและหนาม เราต้องใช้เวลา ให้คุ้มค่าที่สุดโดยต้องผ่านทุกอุปสรรคที่ขวางหน้า และปลายทาง เนี่ยแหละคือสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดกับทางที่เลือกเดิน


สวัสดีครับ ผมชื่อ "ฉาย" เด็กกิจกรรม ผู้ไม่สนโลก และไม่เคยคิดที่จะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แต่ไม่รู้มีอะไรดลใจ ทำให้ผมผันตัวมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน
ถึงผมจะพูดอังกฤษได้ แต่เรื่องGrammar และ  vocabulary ผมกากมากๆ ยิ่ง คณิต กับ วิทย์ไม่ต้องพูดถึง ตกเป็นว่าเล่น และที่สำคัญ ผมแทบไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองซักอย่าง
และนี่แหละครับเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนของผม


ตอนที่1:จุดเริ่มต้นของเรื่องราว
        ผมฉายเอง เป็นเด็กต่างจังหวัดธรรมดานี่แหละครับ หน้าตาผมก็พอใช้ได้ครับ แต่หุ่นนี่สิ...หมูคุโรบุตะดีๆนี่เอง ถ้าใครนึกสภาพผมไม่ออกให้นึกถึง ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม(ก่อนศัลยกรรม) ในสารร่างของเทเลทับบี้อะครับ แต่ถ้ายัง นึกไม่ออกนึกถึงแป๊ะยิ้ม หรือโดเรม่อนก็ได้ครับ555 ผมเป็นคนจังหวัดสิงห์บุรี (ผมขอบอกก่อนเลยนะครับว่าช่วงประถมนี่ ผมง่อยภาษาอังกฤษมาก พึ่งมาได้จริงๆตอน ม.1)ตอน ม.ต้น ผมเรียนอยู่ โครงการ Bilingual (สองภาษา) ที่ โรงเรียนวินิตศึกษาในพระราชูถัมภ์ ส่วนตอนนี้ ผมเรียนอยู่ ม.ปลาย สายศิลป์ฝรั่งเศส ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดลพบุรีครับ ถึงก่อนหน้านี้ผมจะเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะสั้น(ประมาณ1สัปดาห์)ที่ประเทศสิงคโปร์แล้ว และผมก็ชอบมากๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมอยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระยะยาวเลย...ผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกันนึกอะไรถึงอยากไปขึ้นมา 555
ที่โรงเรียนผมจะเป็นศูนย์ AFS ครับ และ ผมก็รู้จักกับโครงการที่ผมไปแลกเปลี่ยนที่นี่แหละครับ
 

มีรูปประกอบครับ ไม่รู้ว่าบรรยายสภาพหน้าตัวเองดูดีไปมั้ย 5555

วันนั้นผมเดินเข้าไปในห้องAFS แล้วเข้าไปถามอย่างมั่นใจ"อาจารย์ครับ มีโครงการไหนไปแลกเปลี่ยนประเทศฝรั่งเศสบ้างครับ" อาจารย์ก็แนะนำโครงการมาครับ ซึ่งอาจารย์หยิบใบสมัครมา2ใบ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ MPLC โครงการที่ผมไปครับ ในใบสมัครก็จะมีให้เลือกประเทศ 3 อันดับครับ และผมก็เลือกอย่างมั่นใจครับ อันดับ1 ฝรั่งเศส อันดับ2อเมริกา และไม่เขียนอันดับที่3ครับ แต่สรุปแล้วผมก็เลือกที่จะไปอเมริกาครับ

.
.
ขอข้ามไปตอนขึ้นเครื่องเลยนะครับ เรื่องมันยาว (โครงการMPLCมีจัดการเรียนพิเศษช่วงปิดเทอม ปรับพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ ประวัติศาสตร์อเมริกา เรียนเต้นรำ ทำอาหาร และวิชากระชากความอายด้วยครับ ถ้าอยากฟังกันยังไง เดี๋ยวเอาไว้มาเล่านะครับ)


เอาตัวอย่างไปดูก่อนรูปนึงเนออะ 
.
.
ผมบินวันที่26กันยายน ตอน 10.00 น.ครับ ผมนัดกับเพื่อนไว้14คน จะไปส่งผมที่สนามบิน แต่เพราะผมบินหลังกีฬาสีพอดี เพื่อนๆซึ่งเหนื่อยจากการเล่นกีฬามาทั้งสัปดาห์(กีฬาสีโรงเรียนผมจัดทั้งสัปดาห์ครับ ปีที่แล้วจัด5วันว่าเจ๋งแล้ว ปีนี้มีแข่งเสาร์อาทิตย์ด้วย พีคไปอีก)แล้ววันที่25ก็เป็นวันที่แข่งขบวนพาเลด สรุปจาก14คน ไป4 คน แต่ก็นั่นแหละ มันติดกีฬาสี เพลียกันเป็นธรรมดา

พอถึงสนามบินก็ถ่ายรูปล่ำลาเรียบร้อยแล้วก็ไปเช็คอินครับ เป็นคนแรกเลย แล้วก็ไปรอน้องที่บินไปด้วยกันครับ พอขึ้นไปถึงตรงที่สแกน ก็แยกโน๊ตบุ๊ค แยกกล้อง ออกจากกระเป๋า ถอดรองเท้า ไป สแกนไป แล้วผมก็เดินไปสแกนตัว แน่นอนครับว่าต้องดัง เพราะ เสื้อยีนส์ด้านนอกติดเข็มกลัดไว้ แต่มันไม่ใช่แค่นั้น พอขอเอาที่ตรวจแบบมือถือมาตรวจก็ดังอีก อ๋อออออ...ลืมเอากระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ออก เฮอออ...นึกว่าอะไร แล้วเขาก็บอกว่า ขออนุญาตสแกนนะครับ สิ่งที่คิดก็คือ จะใส่สแกนแล้วก็ค้นตัวเรา เลยเดินตามไป สรุปป่าววว สแกนกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ โอเค!!! เปิ่นอีกแล้ว หลังจากนั้นเราก็เก็บของแล้วรีบไปต่อครับ ผ่านpassport control ไปแบบชิวๆ แล้วผมกับน้องที่บินด้วยกันก็ไปที่เกทครับ ตอนนั้นอยู่เกทเกือบสุดท้าย ก็รอประมาณ1ชั่วโมง เกทถึงเปิดเพราะไปเร็วมาก พอเกทเปิดก็ขึ้นไปบนเครื่องบิน แอร์บนเครื่องเป็นกันเองมากครับ แล้วก็ใจดีมาก ยิ่งรู้ว่าเราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนต้องไปต่อเครื่องก็มาเทคแคร์ครับ แอร์สำเนียงน่ารักดีครับ แต่ฟังกัปตันไม่รู้เรื่องเลย(ตอนที่บินจะมีแอร์คนไทยกับเกาหลีครับ) แล้วก็บินไปจนถึงอินชอนครับ ซึ่งเวลาต่อเครื่องน้อยมาก ไม่ถึง1ชั่วโมง แล้วเครื่องที่บินมาลงจอดช้าอีก ทำไงละครับ วิ่งดิรอไร วิ่งๆไป จนไปถึงจุดแสกนต่อเครื่อง ก็แยกของออกมาสแกน แล้วรีบไง เลยรีบเดินผ่านเครื่องสแกนไป เขาเลยบอกวว่าให้กลับมา ตกใจดิ 5555 พอผ่านตรงนี้ไปได้ถึงกับต้องร้อง จ๊ากกกกก โอ๊มายก๊อดดดดดดดดดด ด้วยเสียงสูงทางไปเกทไหลมาก วิ่งต่อไปพร้อมกับกระเป๋าโคตรหนัก วิ่งสุดฤษธิ์สุดใจขาดดิ้น ไปถึงก่อนเวลานิดนึงพอดีครับ พอไปถึงคือเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าเครื่องจะออก คิดในใจ กูรีบวิ่งมาทำไมว่ะ พอเครื่องขึ้นก็ชิวๆไป จนถึง1/4 ของทาง ผมนี่รู้สึกเลยครับ เมื่ยตูด ปวดหลัง ถถถถ แค่นี้ปวดเมื่อย เหลืออีกตั้งไกล

.
.

วาร์ปไปตอนถึง ซีเอทเทิล อเมริกา
.
.
ลงจากเตรื่องมาเดินมาซักพักก็เห็นแถวคนเยอะมากกกกก เขียนว่า passport control ก็นึกว่าขาออก เดินไปเรื่อยๆจนวนเข้าแถวนั้นและได้ยินเสียงประกาศ วีซ่าชิดซ้าย โหหห รู้เรื่องขาเข้าประเทศนี่หว่า ต่อแถวไปเรื่อยๆจนถึง custom พีคกว่าแถวยาวโคตรรรรรรร จนได้สำนวนใหม่ "เข้าแถววันนี้ เสร็จพรุ่งนี้" ในนั้นเจอนักเรียนแลกเแลี่ยนอีก2คนครับ แต่ไม่ได้คุยกัน พอไปจนถึงคิว ผมก็เดินไปอย่างมั่นใจ เขาถามว่า มาทำอะไร มาเรียนหรอ เป็นนักเรียนใช่มั้ย ก็ตอบไปว่า มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เขาถามว่ามีคนในครอบครัวมามั้ย ก็ตอบไปว่าไม่มี ข้างหลังนั่นเพื่อนใช่มั้ย ใช่นั่นเพื่อนผม จะมาเรียนนานแค่ไหน ผมก็บอกไปว่า1ปีการศึกษา เขาถามต่อว่า มีของต้องห้ามมามั่ย พวกอาหาร พืช แน่นอนว่ามี ใจตุ้มๆต่อมๆ แต่ตอบไปว่าไม่มี แล้วเขาเหลือบเห็นอีกใบนึงที่เขียนไว้เขาก็ถามว่า นั่นอะไร ตกใจดิครับ บอกไปว่า อ๋ออันนี้เขียนผิด จริงๆก็เขียนผิดนะแหละ แล้วก็ชี้ให้เขาดู เขาก็อ๋อเขียนผิด ตรงนี้ใช่มั่ย เขาบอกเอามานี่ ก็ยื่นไป แล้วก็คืนมา2ใบ แล้วก็ให้ผ่านไป นึกในใจนะ แล้วจะเอาไปทำไม2ใบ แล้วก็ไปเอากระเป๋า ผ่านตรงตรวจคนเข้าเมืองอีกครั้ง ตรวจcustom อีกครั้งนึง แล้วเขาก็บอกว่ากลับไปๆ ไปทางนั้น งงดิครับ อยู่ๆก็บอกให้ไป เขาชี้ไปทางทางเดิน ผมก็เลยเดินไปทางนั้น เดินไปก็เจอเครื่งแสกนอันใหญ่ เขาถามว่าเอาพืชผักผลไม้ เมล็ดพืช อาหาร มามั้ย ใจไปอยู่ตะตุ่มแล้ว แต่ต้องพยายามมั่นหน้าตอบไปว่า ไม่มี แล้วเขาก็เอากระเป๋าไปสแกน โอ๊ยยยยยย ใจล่วงไปแล้ว ผ่านมาแล้วเขาก็ไม่พูดอะไร เลยถามเขาว่า เอากระเป๋าไปได้เลยมั้ย เขาก็บอกว่าเอาไปเลย เดินๆต่อไปเจอคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าให้เอากระเป๋าไว้นี่แล้วก็เอากระเป๋าเป้ไป เราก็วางไว้แบบงงๆ แล้วก็เดินไปแบบไร้จุดหมาย ไปเจอรถราง(รถไฟฟ้า) ก็กำลังจะขึ้นไป ในใจก็คิดว่ากระเป๋าจะเป็นไง จะเจอโฮสมั่ยว่ะ เลยตัดสินใจเดินย้อนไปถามเจ้าหน้าที่ บอกว่าให้อธิบายหน่อยได้มัยว่ากระเป๋าไปไหน แล้วเราต้องทำไง เขาก็บอกว่าให้ขึ้นรถไฟไปแล้วไปเอากระเป๋าที่สายพราน1 โอเค ขอบคุณ แล้วก็ขึ้นไปแบบอโลน พอไปถึงอาคารก็เดินไปเรือยๆแบบไร้จุดหมายเหมือนเดิม จนขึ้นลันไดเลื่อนไป ได้ยินเสียงคนเรียก "ชายน์ !!!" หันไป เฮ้ยโฮสแด๊ด ณ จุดนั้นคือโคตรดีใจ...

แต่จะเป็นยังไงต่อต้องติดตามตอนต่อๆไปนะครับ

 

FB:Shinny Shinnyny
IG:shinnyatta

แสดงความคิดเห็น

5 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น