กีฬาสีสมัยนี้ทำไมต้องอลังการขนาดนี้ด้วย
ตั้งกระทู้ใหม่
ก็มาเก็บเงินเรี่ยไรเงินภาคบังคับคนละ 350 บาทในระดับชั้นม.4 และ 500บาท ในระดับชั้นม.5 คือเราก็ไม่ได้มีปัญหาในการออกตังนะ แต่จะเอาไปทำอะไรเยอะแยะ บางคนก็มีครอบครัวที่ค่อนข้างไม่พร้อมด้านฐานะทางเศรษฐกิจ เขาก็หนักใจนะ 500 บาท นี่กินข้าวแถวบ้านได้ 7 วันทั้งครอบครัวเชียวนะ(จากปากเพื่อนคนหนึ่ง) ซึ่งสีนึงมีประมาณกี่คน อย่างน้อยๆก็ร้อยคนขึ้นไปที่จ่ายเงินจำนวนที่กล่าวมา ลองรวมๆสิคะว่ากี่บาท งบนี้เอาไปทำอะไรมากมาย
แล้วช่วงไกล้กีฬาสี คือต่างสีจะไม่คุยกันเลย จะมาแอบดูผลงานบ้างอะไรบ้าง เพื่อให้ตัวเองทำให้ยิ่งใหญ่และน่าสนใจกว่า เพื่อที่จะได้ชนะงานกีฬาสี ทั้งๆที่จัดเพียงแค่ 1-2 วัน พอจบกิจกรรมก็ทิ้งอุปกรณ์เป็นขยะ สร้างความเดือดร้อนให้ภารโรงแม่บ้าน รวมถึงพื้นกระเบื่องทางเดินโรงเรียนที่เปอะเปื้อนไปด้วยสีที่ละเลงโดยไม่ใส่ใจความสะอาด แล้วปีหน้าก็ลงทุนใหม่หมด
รวมถึงขบวนพาเหรดที่เดินแค่ไม่กี่นาที และสแตนเชียร์ที่ต้องมีอุปกรณ์ตกแต่งสแตนครบครันและอลังการให้มากกว่าสีอื่นๆ แล้วมานั่งทะเลาะกันในสีตัวเอง ว่าทำไมอย่างนั้นทำไมอย่างนี้ ไม่ช่วยทำงานหรอ แล้วก็ทะเลาะกันข้ามสี เช่น เรื่องผลงานคล้ายกัน ให้เปลี่ยนเดี๋ยวนี้ เราเป็นคนคิดขึ้นมาก่อน พอหันมาดูที่กีฬาจริงๆ น่าจะ 15%ของงงบทั้งหมดไปซื้อของให้นักกีฬากิน
ก็ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ของกีฬาสี ว่าสร้างความสามัคคี หรือสร้างความร้าวฉาน สร้างความเห็นแก่ตัวคิดจะเอาชนะ และสร้างความสิ้นเปลืองงบประมาณโดยค่อนข้างไร้ประโยชน์
สุดท้ายนี้กีฬาสีที่เราอธิบายมาไม่ได้ไม่มีข้อดีนะ ข้อดีก็มี ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบลวดลายและชิ้นงานต่างๆ
31 ความคิดเห็น
สั้นๆนะครับ พวกไม่มีปัญญาหาเงินเองก็ใช้เงินเหมือนมันงอกออกมาจากพื้นได้เองแบบนี้ละครับ ถ้าไม่เต็มใจจะจ่ายก็ไม่ต้องจ่าย ก็แค่นั้นละ ถ้าวุ่นวายมากก็แจ้งความขู่กรรโชกทรัพย์ จบ
ใชีเลยมันงี่เง่ามากๆ บางโรงเรียนงบเป็นล้าน ไม่รู้จะเวอร์ไปเพื่ออะไร
ปัญหาโลกแตกกกกกกกกก
เรามองว่า อย่างน้อยก็ช่วยวัดเรื่องการทำงานเป็นทีมได้ นะ
การแบ่งงาน การบริหารจัดการ ทักษะแบบนี้ไม่ได้มีแค่ในห้องเรียน
ทักษะอ่ะถูก แต่เรื่องเงินนี่ไม่ใช่ไง วินัยการใช้เงินต่ำ ใช้เงินเกินตัว สืบทอดสู่ตอนโตกลายเป็นปัญหาหนี้สินต่างๆ
ถ้าผ่อนได้จะดีมากกกกกกกก
นี่ก้สงสัยเหมือนกัน อยากรู้ด้วย
นี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ แต่ตอนตัวเองทำก็จัดเต็มเบอร์แรงเหมือนกัน พอคิดถึงเงินที่เสียไปแล้วน้ำตาตกเลยค่ะ แง
อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นให้นักเรียนเข้าใจสังคมในอนาคตที่ต้องไปเผชิญก็ได้นะ
สังคมที่ใช้เงินเกินตัวจนหนี้ท่วมหัวทั้งบัตรเครดิต ทั้งนอกระบบ กยศ.ก็ยังไม่จ่ายน่ะเหรอ - -
อาจจะมี2ด้าน หลากหลายมุมก็ได้ค่ะ
จ๊ะ...
ปัญหามันมีครับ
ถามว่างานของใคร งานของโรงเรียน ถามว่าใครจัด นักเรียนเป็นคนจัด
สรุปใครได้รู้ปัญหา คำตอบคือ นักเรียน
เอาคำถามนี้ไปถามรุ่นพี่ที่จบไปแล้วดูนะครับ ว่าเจอปัญหาแบบนี้มั้ย (น่าจะคุยง่ายเพราะจบแล้ว)
แล้วรุ่นพี่ได้รายงานปัญหาให้ทางโรงเรียนทราบหรือไม่
โรงเรียนจะไม่มีวันเปลี่ยนไปถ้าโรงเรียนยังไม่รู้ถึงปัญหา ซึ่งไม่ได้พบเจอด้วยตัวเอง
ถ้ารุ่นพี่ยังไม่เริ่ม ก็ให้เริ่มต้นที่รุ่นนี้ ถ้านักเรียนไม่เปลี่ยนแปลงแล้วโรงเรียนจะเปลี่ยนแปลงได้ไง
มัวแต่อดทนกับปัญหาพวกนั้นได้ แต่ไม่กล้าหรือไม่สนใจจะคุยกับโรงเรียน ..อาจจะคิดแค่ว่าเดี๋ยวก็ผ่านไป
แต่ถ้ามีการรายงานซ้ำๆ แล้วยังไม่เปลี่ยนแปลงก็ หาทางตีแผ่ปัญหาทาโซเชียลไปเลย
มีแฟนเพจดังๆ ช่วยกระจายข่าวสารมากมายตอนนี้ เพื่อบังคับให้โรงเรียนเคลื่อนไหว
เอาจริงๆ คือ ใครจะมาทำหน้าที่นี้ล่ะ?
โรงเรียนไม่ออกหน้าอยู่แล้ว ยิ่งงานกีฬาสียิ่งใหญ่ผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็คือโรงเรียน
เอาดาร์คๆ จุดประสงค์ ก็คือ ความสวยงามของโรงรียนเพื่อคนนอกได้เห็น (พาเหรด)
แต่ก็มีดีๆ เหมือนกันนะครับ นั่นคือ ความภูมิใจในการแข่งขันของรายการต่างๆ
ความภูมิใจของนักเรียนที่ร่วมใจกันสร้างบางอย่างขึ้นมาโดยไม่เกี่ยวกับข้องกับการเรียน
ถึงบางคนไม่ชอบทำแต่ก็ต้องทำ ได้เรียนรู้ว่าสังคมต้องมีการคล้อยตาม
ต้องทำตามแม้ในเรื่องที่ไม่ชอบแต่ยอมรับได้
ดีๆ มันก็มี ร้ายๆ มันก็มีนั่นแหละ
จำไว้ว่าทุกสิทธิ์ทุกเสียงของเรามีค่า ใช้มันให้คุ้ม สนใจสิ่งรอบตัวบ้าง(เลือกตั้งประธานสี)
เพราะไม่งั้นสิ่งรอบตัวก็จะไม่สนใจคุณ
แต่บางอย่างก็ต้องยอมรับ ..ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวโยงการเมือง
นั่นเป็นเพราะลัทธิมารมีอิทธิพลอยู่เหนือยุทธภพ เหล่าชาวยุทธถ้วนหน้าต่างได้รับความลำบากจากงานประลองนี้มานานชั่วอายุคน หากท่านอยากจะเเก้ไข ก็จงมาเข้าร่วมกับพันธมิตรต่อต้านอสูรกับข้าเถิด
กิจกรรมไร้สาระที่มีแต่ "ปลอม" กับ "เปลือก"
ถ้าจะเน้นเฉพาะพวกเชียร์ลีดเดอร์ กองเชียร์ และขบวนพาเหรดมากขนาดนี้
น่าจะเปลี่ยนชื่อกิจกรรมไปเลยนะคะว่า
"กิจกรรมเชียร์ลีดเดอร์สี" "กิจกรรมพาเหรดสี" "กิจกรรมกองเชียร์สี"
สงสารนักกีฬาที่อุตส่าห์แบ่งเวลาเรียนกับเวลาฝึกซ้อม แต่ไม่มีใครเหลียวแล
ตอนเรียนอนุบาล ประถม และมัธยมต้น เราสนุกกับกิจกรรมกีฬาสีมาก
จัดแบบเรียบง่าย
โรงเรียนที่เคยเรียนตอนอนุบาล 3-ป.3
-จัดวันเดียวจบ
ติดดิน นั่งร้องเพลงเชียร์ นั่งตะโกนเชียร์นักกีฬากันบนพื้นนี่แหละ
เก้าอี้ไม่ต้อง ใครอยู่สีไหนก็เอาเสื้อสีนั้นที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้ามาใส่
หน้าที่ของเรา คือ กองเชียร์ แต่เคยลงแข่งครั้งเดียวตอนป.3
โรงเรียนที่เคยเรียนตอนป.4-ป.6
-จัดวันเดียวจบ
สแตนด์เชียร์ก็ไม่ต้องจัด แบ่งแยกโซนว่าสีไหนอยู่ตรงไหน
หน้าที่ของเรา คือ กองเชียร์
โรงเรียนที่เคยเรียนตอนม.1-ม.3
-จัด 3 วัน
มีทั้งนั่งพื้นและนั่งเก้าอี้ แบ่งแยกโซนว่าสีไหนอยู่ตรงไหน
หน้าที่ของเรา คือ กองเชียร์
ส่วนเชียร์ลีดเดอร์ มีพื้นฐานการเต้นอยู่แล้ว ซ้อมกันเองในวันเสาร์-อาทิตย์
เอาวัสดุเหลือใช้อย่างเสื้อผ้าเก่าๆที่ไม่ได้ใช้แล้วกับชุดที่ใส่ในบ้านมาทำเป็นชุด
พอตัดภาพมาที่โรงเรียนที่เราเรียนตอนม.4-ม.6 ตรงกันข้ามเลย
จัดเป็นเดือน วันสุดท้ายถึงจะมีเดินขบวนพาเหรด เสียเวลาเรียนหมด
พอเราจะกลับบ้านกลับถูกกักบริเวณให้อยู่ในโรงเรียนจนถึง 16.00 น.
แทนที่จะให้คนที่ไม่มีหน้าที่กลับบ้านก่อนและให้พวกเขามาร่วมงานทีเดียวในวันสุดท้าย
โดนอาจารย์บางท่านหาว่าเราเป็นพวกเห็นแก่ตัว
เราเลยต้องสิงสถิตอยู่ในห้องสมุด บางทีต้องจำใจช่วยเพื่อนที่ทำหน้าที่แถวสแตนด์เชียร์
คือจริงๆโรงเรียนก็ไม่ได้กำหนดอะไรมากอยู่แล้ว รายจ่ายที่มากมันก็เพราะตัวนักเรียนเองแหละ คงเป็นเพราะ
1.หลีดไปจ้างคนมาสอนเต้น+จัดงาน แล้วคนพวกนั้นพูดโน้มน้าวเก่ง ทำให้หลีดเกิดความจริงจัง จากนั้นหลีดก็มาดูดเงินจากน้องๆไปซื้อของที่คนพวกนั้นแนะนำ(ซึ่งอาจได้%ค่าขายด้วย)
2.เกิดcorruptionในสี เช่น แจ้งราคาของเกินกว่าความจริง ใบเสร็จมันยืนยันอะไรไม่ค่อยได้
อันนี้จริงค่ะ เราเห็นด้วย
จริงค่ะ โรงเรียนไม่ค่อยมีส่วนสักเท่าไหร่ อย่างโรงเรียนเรามีกฎห้ามเก็บตังเพิ่ม ก็ยังมีบางสีเก็บเพิ่มเพื่อที่จะทำออกมาได้อลังการไว้ข่มสีอื่น
ขึ้นมหาลัยก็จะเจออีกค่ะ
มีปัญหาจริงๆ กีฬาสีอะ เจอตั้งแต่ประถมยันมหาลัยก็ปัญหาเดิมๆ เสียเงิน กับสร้างความแตกแยก ถ้าจะบอกว่ามันช่วยสร้างการทำงานเป็นทีม นี้คงแบบแสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ไม่มีการเรียนรู้อะ 555 จัดกี่ทีก็ทะเลาะกันตลอด
รร.เรานักวิ่งคบเพลิง ต้องบินพารามอเตอร์ลงมา แล้วค่อยวิ่งอ่ะ เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์มาก5555
เป็นปัญหาโลกแตกมากกีฬาสี แต่ก็ผ่านมาได้นะครับ ตอนนี้อยู่ ม.6 กีฬาสี รร. ผมจัดขึ้นตอน ม.5 วางแผนกีฬาสอย่างดีเลยในห้อง ออกนโยบาย เลยค่อยๆเจรจา ไม่ทะเลาะ เงินห้องใช้สปอนเซอ อย่าผลาญเงินพ่อแม่ไปกับกีฬาสีมากเกินไป แต่ก็อะนะ.... แต่ตามจริงก็เก็บห้องอะแหละ ได้คืนหลังจบงาน คนละ 800 บาท ที่เหลือหมดเงินไปกับสปอนเซอร์ทั้งใน รร. และผู้ใหญ่บ้าน ถือว่าหมดไม่เยอะ แต่มันคุ้มมากคือ ลงทุนไม่มากแต่ชนะเลิศกีฬาสีปีนั้น เพราะนักกีฬาในสีทำผลงานชนะเลิศตลอด เน้นฝึกเด็กและซับพอตให้มีกำลังใจ แสตนก็ไม่ได้สวยเลยตอนขึ้นป้าย แต่ไปเน้นการโชว์พาวเวอร์เด็กในแสตนให้อลังการโดยไม่พึ่งเงิน ขบวนอย่าให้พูด55 กระดาษลัง ท่อยูพีซี คอนเซปพอเพียง ได้ที่สองเดินขบวน แต่ก็ดีใจนะ ไม้เปลืองเงินมากเหมือนสีอื่น แต่คอนเซปดี55.. สีอื่นนี้มีพร๊อบพร้อมมาก เงินหมดไปเยอะ แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย...
ก็ลองเสนอเป็นแนวทางคนอื่นๆนะครับ เผื่อเป็นแนวทางการจักกีฬาสีได้ ตามจริงก็มีทะเลาะกันบ้างแหละ แต่ก็พยายามปรับความเข้าใจกัน ถ้าปรับไม่ได้ก็ลองคุยกับที่ปรึกษาดูครับ เงินห้องก็เก็บให้รอบคอบ แต่ก็ไม่ได้ทุ่มไปกับการเปลืองเงินมาก ทำให้โอเค สร้างกำลังใจให้คนในสีและนักกีฬา เดี๋ยวรางวัลความภูมิใจก็จะกลับมาเอง กีฬาสีมีทั้งดีและไม่ดีครับ ส่วนตัว ผมได้ข้อดีคือ เรียนรู้การเป็นผู้นำครับ นำแสตนเชียร
โรงเรียนเราเมื่อ3ปีก่อนก็จัดเว่อวังนะ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มดรอปลงมาบ้างแล้วเช่นขบวนพาเหรดไม่ให้ยาวเกิน เสลี่ยงไม่เกิน2อันงี้ งบแต่ละสีจะได้จากสมาคมผู้ปกครอง สมาคมศิษย์เก่าและงบโรงเรียน เราม.6เราเป็นคนจัดการเรื่องงบ(เราเป็นเหรัญญิกสี) จริงๆมันก็ไม่ได้สิ้นเปลืองมากนะถ้าบริหารเงินและจัดการกันดีๆ สีเราก็ขอสปอร์นเซอร์ด้วย+เก็บเงินม.6ในสีคนละ150 กีฬาสีเราจัดตอนเทอม1ตอนนี้เทอม2แล้วงบกีฬาสีเรายังเหลือเป็นหมื่นเลยค่ะ ยังไม่ได้ไปเบิกจากครูที่เป็นเหรัญญิกสีเลยด้วยซ้ำ ถ้าอยากจัดให้อลัง แค่จัดการบริหารเงินและของทุกอย่างได้ดีก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ
เราม.6 เป็นพี่ใหญ่ในสี ทางโรงเรียนให้งบครึ่งแสนต่อสี ยังไม่พอเลยค่ะ ต้องมาเก็บเงินในสี แล้วไม่ได้เก็บน้อยๆนะคะบาง800+ ทุกสีค่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่ออะไ
ในงานกีฬามหาลัย คณะผมใส่ชุดลำลองไปแข่งเด้อ
(เฉพาะประเภทกีฬาเดียวเท่านั้น) (และเป็นประเภทที่ผมลงแข่ง)
อย่างโรงเรียนเรางบสีละประมาณ7*** ห้ามเก็บเงินจากพี่เพื่อนน้องหรือคุณครูในโรงเรียนเพิ่ม แต่เป็นการหารายได้จากการขายของอย่างเสื้อสี เก็บขวดขาย ขายกระดาษซะส่วนใหญ่ หลีดก็ให้น้องที่เป็นออกเงินกันเองเพราะไม่ได้มีงบประมาณสำหรับการแต่งตัว หลายๆปีที่ผ่านมาเลยเป็นเอาพี่สต๊าพมาพาน้องร้องเล่นเต้นหน้าสแตนเฉยๆ (ถึงบางสีจะมีหลีดก็เถอะ555) เพราะคะแนนที่ได้มาจากความพร้อมเพรียงและความคิดสร้างสรรค์ในการจัดตรีมงาน แต่ก็ยังมีการข่มระหว่างสีเรื่องความอลังการอยู่เหมือนเดิม แล้วแต่ว่าสีไหนจะแคร์หรือไม่แคร์ เพราะคะแนนมันอยู่ที่ความร่วมมือกันของพี่เพื่อนน้องและคุณครูในคณะสี ไม่ใช่ความเวอร์วังแบบไร้สติ
คุณดูไม่ออกหรือครับ กีฬาสีมันสร้างทุกอย่างแหละครับ ทั้งสร้างความสามัคคีในคณะ หรืออาจจะเกิดความขัดแย้งกันทั้งในคณะ และนอกคณะ มันมีทั้งดีทั้งร้ายแหละกีฬาสี ส่วนเรื่องเงินอ่ะคุณควรมองที่สิ่งที่ใช้ ทั้งค่าทำแสตน ค่าหลีด มันจ่ายหลายอย่างเว้ย ถ้าทั้งคณะสีอยากชนะก็ต้องทำออกมาให้ปัง ที่สุด เงินก็ต้องใช่เยอะก็ไม่แปลกหรอกส่วนเรื่องเงินที่ต้องจ่ายอ่ะ คนที่ไม่ค่อยมีตังก็จ่ายเท่าที่จ่ายได้ก็พอ ถ้าไอคณะสีจะเก็บจริงก็ชั่งแม่งไป มันควรเห็นใจกันเว้ย
ส่วนเรื่องหลีดแพงน่ะไม่แปลกทั้งค่าคนสอน ค่าชุดหลีด ค่าพร็อบ มันเลยจ่ายเยอะ แต่ถ้าโชคดีหน่อย ทางรร.ก็จะมีกฎที่ห้ามใส่ชุดหลีด ห้ามใช้พร็อบ ก็จะประหยัดและดูจะเท่าเทียมกันด้วย โรงเรียนผมก็ใช้
ความคิดเห็นนี้เป็นส่วนหนึ่งในความคิดเห็นของผมเท่านั้น และที่พิมพ์บอกนี้เพราะกูว่าง 55555
***นักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี
เรื่องนี้เรามองว่าเป็นการเตรียมตัวไปสู่สังคมที่ใหญ่กว่าค่ะ กีฬาสีมีข้อดีเยอะแยะ เรื่องทะเลาะกันอันนี้ยอมรับค่ะ เพิ่งจะจบกีฬาสีไปเหมือนกัน ทะเลาะกับเพื่อนจบเกือบเลิกเป็นเพื่อนกันไปเลย แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมันมาได้ ส่วนตัวคิดว่ามันเป็นความท้าทายและวัดอะไรหลายๆอย่างรอบตัวเรา บอกเลยว่าถ้าเราไม่เชือใจเพื่อนหรือเพื่อนไม่ไว้ใจเราความสัมพันธ์ที่สร้างมาคงจบวันนั้น
เรื่องเงินก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนไม่ได้เป็นพี่สีไม่มีวันเข้าใจจริงๆ ตอนยังไม่ได้เป็นพี่สีก็บ่นนู่นบ่นนี่ไปเรื่อยตามประสาเหมือนกัน แต่พออยู่ ณ จุดจุดนั้น ทั้งความกดดันจากเพื่อน อาจารย์และสีอื่นๆที่รายล้อม ไม่มีใครที่เข้าแข่งขันแล้วไม่อยากชนะ กีฬาสีเองก็เช่นกัน ดังนั้นแล้วเราจะปฏิเสธเรื่องเงินที่ต้องเก็บจากน้องๆในสีไปไม่ได้เลย แต่โรงเรียนเราเก็บน้องแค่ 50 บาท นอกนั้นพี่สีออกเอง หาสปอนเซอร์เอง เรียกได้ว่าพี่สีโรงเรียนของเราทำทุกอย่าง เป็นสต๊าฟคอยดูแลงาน สถานที่และน้องๆ เป็นกองเชียร์ไปเชียร์กีฬา ไปเล่นเองก็มี ดังนั้นแล้วจึงอยากจะให้เห็นใจพี่ๆเขากันบ้าง
กีฬาสีโรงเรียนเราจัด 5 วันค่ะ หรีด แสตน เชียร์กันเสียงหายเอวเคล็ดกันหมด นักกีฬาก็เล่นกันหน้าดำตัวดำไปหมดเหมือนกัน ส่วนพี่สีบอกเลยว่าตายค่ะ กีฬาสีคืองานที่วัดมิตรภาพของเพื่อน สปิริตของคนแต่ละคน และนิสัยลึกๆที่ทั้งดีและไม่ดีของคนเราก็จะเผยออกมาให้เห็นด้วย หลังจบงานเราจะได้ทั้งมิตรภาพดีๆกลับมาและเสียมิตรที่ไม่ดีไป
เออจริงอะ แบบของ รร.เราตอนนี้กำลังจะจัดเลย
แต่ว่าของ รร.เราการแข่งขันไม่สูงเราว่ากีฬาสีของกลองให้แต่ละสีมาตีเชียร์สีตัวเองก็สนุกแล้วแต่ว่าเพื่อนต่างสีเราค่อนข้างเยอะเวลากีฬาเวลาสแตนด์ย่างงี้ก็มาเต้นด้วยกันส่วนมากไม่ค่อยได้ฟิคหรอกว่าเชียร์สีไหน
ผู้ชายสีไหนหล่อเชียร์สีนั้น555555555555555
เราาคิดว่าแค่สนุกพอจะแพ้ก็แล้วแต่
ร.ร.เราบางปีบางสีมากกว่า200,000บาทกับงานแค่วันสองวัน มีงบร.ร.ให้ปีล่ะ50,000 ก็ถือว่ามากน่ะ ถ้าจัดการดี เก็บเงินคนล่ะเป็นพันหลายพัน แต่กลับได้กินข้าวผัดจืดๆแค่มื้อเดียว เปลืองมากกก กับความไม่คุ้มค่านี้
เด็กอายุ17 18 เอาเงินเป็นแสนมาใช้ในวันสองวัน
ของหนู พาเหรดใช้ของเดิมๆค่ะ อยู่มาตั้งแต่อ.1 พี่ไม่ได้เก็บน้อง(?)แฮะ
เหมือนโดนด่า555 นี่กำลังเตรียมงานอยู่พอดี เอาตรงๆนะตอนแรกคิดว่าจะสนุกแต่พอเหนื่อยๆมาก นอนไม่พอ ปัญหาเยอะมาก ความเห็นไม่ตรงกัน ไม่มีเวลาว่าง ไม่มียันเวลาเรียนพิเศษ บางทีก็เริ่มอยากให้ผ่านไปเร็วๆแล้วอ่ะ เหนื่อย555 แล้วคนแต่ละคนมีความสามารถที่เอามาใช้กับงานไม่เท่ากัน คนที่ทำได้เยอะก็โคตรเหนื่อยเลย คนที่ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำอะไรเลย ตบกันอีก
เอาจริงๆกีฬาสีได้อะไรเนี่ย ตอบว่าความสามัคคีกับความคิดสร้างสรรค์คือไม่จริงหรอก แต่ที่ได้แน่ๆคือ เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา การเสนอความคิดเห็น การลงมือทำงานแบบคนทำงานเป็น ความอดทน ฝึกให้อยู่กับความเครียด ข้อจำกัดของเวลาและต่างๆ การจัดวางทรัพยากรให้คุ้มค่า การร่วมงานกับคนที่เกลียด
เยอะแยะแหละที่ได้ ถ้าคุณลงมือทำงานอ่ะ แต่ถ้าเกาะแบบเอาสบายเข้าว่าก็จะไม่ค่อยได้อะไร
เพราะสายงานเราต้องไปนั่งคุยกับหลีด ไปนั่งคุยกับกลุ่มแรงๆที่เราไม่ค่อยคุ้น ไม่ค่อยชอบ แต่พอลองจริงจังกับงานแล้ว ก็สังเกตุว่าเออพวกนางก็น่ารักดี มีข้อดีข้อเสียปนๆไป คุยได้ ไม่เปิดโลก ได้เรียนรู้คนใหม่ๆ
ส่วนเรื่องเงิน เราไม่รู้อ่ะ ห้องเราเก็บเยอะแต่ถ้าใครมีปัญหาก็หลังไมค์กับประธานได้ เขาก็จะไม่บอกคนอื่นว่าเราไม่ได้จ่าย เราว่าก็ดี เอาจริงๆไม่รู่ที่อื่นเป็นไงแต่ของเราบริหารเงินดีนะ แบบเพราะมันเป็นเงินของพวกเราเองเลยไม่ได้ใช้ปัญญาอ่อนเท่าไหร่ ส่วนหลีดคือถ้าหลีดอยากเป็นต้องรับผิดชอบเอง
จริงมากกกก
คือเราก็ชอบนะงานกีฬาสี แต่เราไม่ชอบเบื้องหลังของงานนี้ คือแบม.เราเป็นม.ที่ต้องทำพาเหรด แต่คือเราไม่มีหัวด้านนี้เลย พวกธีมพวกคอนเซ็ปเราคิดไม่ออกเลย เราก็เออเดี๋ยวช่วยทำพวกอุปกรณ์ก็ได้ แล้วแบบเพื่ิอนเราใช้ทรัพยากรเปลืองมากอะคือซื้อทิชชู่มาประมาณ 5 แพค แล้วมันแพคละประมาณ30ม้วน เอามาทำอุปกรณ์ เราบอกเปลืองมากเลย เพื่อนบอกไม่หรอก มันถูก คือเราว่ามันไม่ได้อยู่ที่เงินอะ มันเปลืองที่ทรัพยากรมากกว่า แล้วคือมันใช้จริงๆไม่เยอะอะ แต่คือมันฉีกแช่น้ำไปหมดแล้ว จะเอามาใช้ไรก็ไม่ได้
แล้วคือพอเอาจริงๆอะ พอเราจะไปช่วยทำก็ไม่มีไรให้เราทำ แต่คือเพื่อนที่เป็นheadอะชอบบอกให้ไปช่วยกันทำเยอะๆจะได้เสร็จเร็วๆ แต่พอทุกคนไปก็ไม่มีไรให้ทำ เหมือนเราไปนั่งเฉยๆให้ยุงกัดเล่นๆอะ พอเราจะทำเพื่อนก็บอกอย่าพึ่งรอถามเพื่อนที่เป็นheadก่อน มีครั้งนึงที่ทุกคนจะไปช่วย แต่เราได้ยินเพื่อนที่เป็นหนึ่งในheadพูดว่าจะไปกันหมดนี่เลยหรอ ถึงไปก็ไม่ได้ช่วยไร
คือคนทำจริงๆก็มีแต่พวกนั้นอะ ก็คือเราก็เข้าใจว่ามันเยอะ แต่เหมือนไม่ไว้ใจให้เราทำอะ คือเราไม่เข้าใจอะพอคนไปน้อยก็บอกอยากให้ทุกคนมาช่วยกัน แต่พอทุกคนไปก็ไม่มีไรให้ทำ คือเราต้องนั่งรถไปตั้งหลายวันแต่ไม่มีไรให้เราทำเลย แล้วแบบค่ารถอาทิตย์นึงก็หลายร้อย คือพอเราจะไม่ไปก็บอกว่าใครไม่ไปจะเก็บตังค์เพิ่ม คือไม่่เข้าใจ จะให้เราไปทำไม แล้วพอเราบอกไม่ไปเพราะมีซ้อมกีฬา แต่เพื่อนบอกไม่ต้องซ้อมหรอก ให้มาช่วยกันทำขบวนคือไม่เข้าใจว่า คือมันชื่อว่ากีฬาสีนะ แต่กีฬากลับเป็นแค่ส่วนประกอบ คือขบวนมันจำเป็นต้องอลังขนาดนี้หรอ
ก็มันเป็นคะแนนไงคะ แต่...อาจจะโดนตัดคะแนนการใช้ทรัยพากร...
มันน่าจะเป็นประเภณีไปแล้วคือปีที่แล้วทำอลังการมากเราก็ต้องทำให้ไม่แย่กว่านั้นมันเหมือนศักษ์ศรี ( ไม่รู้เขียนถูกป่าว ) แล้วเราก็ห้ามไม่ได้ด้วยอะไม่รู้ทำไม มันเหมือนชินแล้วยิ่งทุกๆปียิ่งอลังการเกินอะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?