อยากได้คำแนะนำจากเพื่อนๆนักเขียนค่ะ
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
16 ความคิดเห็น
หาตัวอย่างสำนวนสวยๆ แล้วดูรูปแบบของเขาค่ะ
เขียนๆ อ่านๆ ไปสำนวนก็ดีขึ้นนะคะ แต่ใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะค่ะ
เป็นเดือนๆ ปีๆ นั่นแหละ
ขอบคุณค่ะ เดียวจะลองค้นหานิยายตัวอย่างอ่านดูนะคะ ^…^
การบรรยายมันเหมือนเป็นลักษณะเฉพาะตัวของนักเขียนแต่ละคนไปเลยค่ะ
เป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน รวมถึงหมั่นสังเกตจากการอ่านงานคนอืนๆ
เราฝึกด้วยการเขียนบันทึกค่ะ เรามาเล่นเกมออนไลน์ช่วงทำงานแล้ว เอาชื่อตลค.ในนิยายมาตั้งให้ตลค.ในเกม แล้วเขียนบันทึกการเล่นเกมไว้ทุกวันค่ะ ด้วยความว่าให้นึกฉากเองนึกไม่ออก แล้วเกมทำฉาก ทำมอนและเอฟเฟคสวยมาก เวลาจัดสกิลคอมโบแล้วเหมาะแก่การดึงมาบรรยายดีค่ะ
มันก็จริงนะคะ เคยอ่านงานของคนอื่น บางคนนี่เก่งบรรยายมากค่ะ แค่เหตุการณ์พระนางจูบกันยังเขียนยาวได้ถึง 3หน้า a4 สุดยอด
ของเราใช้วิธีอ่านเยอะๆค่ะ เพราะไม่เก่งเรื่องพวกนี้เหมือนกัน บางทีเป็นพวกอ่านข้ามช่วงพรรณาหรือบรรยายด้วยเราก็เลยยิ่งไม่เก่งเข้าไปใหญ่ สำนวนก็แทบไม่มีเลย ดังนั้นต้องหาเวลากลับมาอ่านใหม่ค่ะ
ใช้สลับกันค่ะ
อ่านของคนอื่นเขาเขียนแล้วจินตนาการตามที่เค้าเขียน พอมาถึงตาเราก็ใช้จินตนาการเรื่องของเราแล้วเขียนบรรยายออกมาจากจินตนาการของเรา
ไม่รู้เข้าใจหรือเปล่านะคะ แต่เวลาเขียนเราจะนึกภาพในหัวก่อนแล้วเขียนออกมาน่ะค่ะ
เราเข้าใจที่คุณบอกค่ะ แต่มันยากตรงที่ต้องเอาภาพจากจินตนาการมาเขียนให้สำนวนดี อ่านรื่นนี่สิคะ \\ นั่งกุมขมับ
ต้องใช้เวลาค่ะ เราเองก็ยังไม่ดีเหมือนกัน
มีสองวิธี
คือ
หนึ่ง... ลุยเขียนไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องสนคำวิจารณ์ เขียนไปสักพัก สัก 1 พันหน้า รับรองว่าสำนวนดีขึ้นแน่ ๆ
สอง... (เร็วกว่า) คือหานิยายที่สำนวนดี ๆ งดงาม อ่านแล้วได้อารมณ์ มาสักเรื่อง แล้วพยายามอ่านมันให้มากที่สุด อ่านวนไปวนมา อ่านแบบวิเคราะห์ อ่านแล้วก็อ่าน เพื่อให้การบรรยายของเขาซึมเข้าไปในหัวเรา ซึ่งผมเชื่อว่ามันซึมได้ เวลาเราเขียน สำนวนอาจจะไม่เหมือนของเขาเสียทีเดียว แต่รับรองว่าดีขึ้นอย่างแน่นอน
โชคร้ายที่มันไม่มีวิธีลัด ถ้าเริ่มต้นไม่ดี มันต้องฝึกฝนอย่างเดียว ..... อันนี้ต้องโทษตัวเองนิดหน่อยที่อ่านหนังสือมาไม่มากพอ หรืออ่านหนังสือที่การบรรยายไม่ดีพอ ก็เลยทำให้เราเริ่มต้นได้ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่
แต่มันแก้ไขได้ พยายามเข้า
ขอบคุณค่ะ เราจะลองทำตามทุกคำแนะนำนะคะ ^…^
1.ศึกษาหลักโครงสร้างประโยคของภาษาไทย
2.กำหนดเป้าหมายในการบรรยาย เช่น ต้องการสื่ออารมณ์ ต้องการสื่อภาพ ประมาณนั้น กำหนดเป้าหมายและทำทีละเป้าหมายตามความสามารถทีละอย่าง เมื่อทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดแล้ว ทีนี้ค่อยๆเพิ่มเป้าหมายไปอีกทีละอย่าง
3.ฝึกบรรยาย หาภาพสวยๆที่ถูกใจมาสักภาพจากการ์ตูน หนัง ละคร ซีรี่ส์แล้วแต่ความชอบ ใช้เกณฑ์ในการเลือกภาพตามที่เราไม่ถนัด เช่นการบรรยายสถานที่ อารมณ์ พอได้ภาพแล้วเอามาฝึกบรรยายว่าในภาพให้รายละเอียดอะไรบ้าง อะไรบ้างที่สำคัญ อะไรบ้างต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษ อะไรบ้างไม่จำเป็นต้องบรรยายละเอียดหรือแค่บรรยายผ่านๆก็พอ
***ไม่มีวิธีลัดกว่านี้แล้ว
อ่า ที่เห็นได้ชัดเจนในนิยายของเราคือการบรรยายความรู้สึก ท่าทางการแสดงออกของตัวละครค่ะ มันทื่อมากยังกะหุ่นยนต์เลยอ่ะ ตรงนี้มีคำแนะนำเพิ่มเติมไหมคะ
คุณสร้างตัวละครยังไงครับ
ก็แค่จับจุดเด่นของตัวละครนั้นๆอ่ะค่ะ ไม่ได้วางหลักเกณฑ์อะไรมากมายค่ะ
ทักไปแล้วไม่ตอบ
ทักตรงไหนคะ เราไม่เห็นเลย ขอโทษด้วยค่ะ
ของเรา จะพยายามหาคำมาเปรียบเปรยให้ดูสละสลวยขึ้น พยายามรื้อฟื้นคำที่มันเพราะๆขึ้นมาเขียน
โดยประมาณนั้นค่ะ
เราก็เคยทำแบบคุณเหมือนกันค่ะ แต่ว่ากลับมาอ่านแล้วมันทะแม่งๆ
กรณีของจขกท.ควรฝึกเรื่องพรรณาโวหารค่ะ และคงต้องฝึกเยอะทีเดียว .. เริ่มจากประโยคง่ายๆก่อนก็ได้ค่ะเช่น หัวข้อ : "ก้องตื่นมาตอนเช้า และกำลังจะไปทำงาน"
ตัวอย่างการบรรยาย : เปลือกตาอ่อนล้าค่อยๆเปิดกว้างขึ้นช้าๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจากแสงแดดสว่างจ้าที่สาดส่องผ่านเข้ามาจากบานหน้าต่างใหญ่ ร่างใหญ่ค่อยๆชันกายลุกขึ้นจากเตียงนอนอันแสนนุ่มอุ่น .. พลางนึกเสียดายที่ต้องตื่นจากนิทราแสนสบายทั้งๆที่เวลาที่นาฬิกาฝาผนังเพิ่งบอกเวลาหกโมงเช้า แต่ในสภาวะจำยอมที่ครอบครัวของเขาต้องการเงินเช่นนี้ ไม่มีทางเลือก .. ชายหนุ่มจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำอย่างรวดเร็วและก้าวออกจากบ้านเพื่อไปยังสถานที่ทำงานซึ่งอยู่ไกลออกไปหลายกิโลเมตร แม้จะเหนื่อยล้าและเบื่อหน่าย แต่ชีวิตคนเราก็เช่นนี้ต้องมีอุปสรรคขวากหนามเป็นเรื่องธรรมดา ความอดทนแม้ต้องฝืน แต่ผลลัพธ์ของมันหวานชื่นเสมอ ..
สังเกตไหมคะ ว่าแค่หัวข้อสั้นๆเท่านั้นเองแต่เราสามารถบรรยายออกมาได้ตั้งหลายต่อหลายบรรทัด เริ่มจากหัวข้อง่ายๆแล้วไปยากๆค่ะ และต้องรู้จักสร้างฉาก สร้างสถานการณ์ เช่น
-สถานการณ์ในตอนนั้นๆเป็นอย่างไร?
-ตัวละครเด่นในตอนนี้
-ตัวละครประกอบในตอนนี้
-ความน่าสนใจ น่าดึงดูด ในฉากนี้คืออะไร?
-รายละเอียดฉากรอบด้าน เช่น อากาศร้อน หิมะตก ฯลฯ
อีกตัวช่วยที่ช่วยได้คือการดูหนัง ละคร ซีรี่ส์ ส่วนตัวเราคิดว่าช่วยได้เยอะ อย่างเช่นเวลาเศร้า ตัวละครจะแสดงออกมายังไง สีหน้าตอนนั้นควรจะเป็นยังไง
อ่านเยอะๆ ดูมากๆ สู้ๆค่ะ ^^
โอ้ว อ่านตย.แล้วอ้าปากค้างเลยค่ะ คงต้องฝึกมากๆอย่างที่คุณบอก ส่วนของเราเหมือนเขียนแค่หัวข้อโดยไม่มีการบรรยายภาพตาม \\ กระซิกๆ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำด้วยนะคะ
ลองใช้คำเปรียบเทียบดูครับ มันช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย จะทำให้ผู้อ่านเหินภาพได้โดยเราไม่ต้องบรรยายมาก
มีฉากหนึ่งของผม พูดถึงมอนสเตอร์ออกมาจากถ้ำ ถ้าเราพรรณาไป คงเป็น
เหล่ามอนสเตอร์กรูกันออกมา จำนวนของมันมากมายมหาศาล เบียดเสียดยัดเยีอดกัน จนแม้แต่เส้นผมสักเส้นยังไม่สามารถลอดผ่านไปได้ เมื่อพ้นจากปากถ้ำก็คลี่กลางออกกระจายตัวไปในทุกทิศทุกทาง
คำเปรียบเทียบ
เหล่ามอนสเตอร์กรูกันออกมาจากปากถ้ำเหมือนกับมดแตกรัง ง่ายๆแต่เห็นภาพเหมือนกัน
โห งั้นก็ต้องใช้คำเปรียบเทียบกับทุกเหตุการณ์เลยเหรอคะ
ไม่ต้องทั้งหมดก็ได้ครับ
การบรรยายก็เหมือนกัน เน้นให้ละเอียดในส่วนที่สำคัญ ที่ทำให้เกิดจุดพรีคก็พอ ถ้าไปบรรยายทั้งหมดให้ละเอียดหยิบทั้งเรื่องเลย มันจะกลายเป็นเยิ่นเย้อเกินไป เรื่องต้องทำให้กระชับด้วย แต่อารมณ์ต้องคงไว้
สู้ๆนะครับ สู้ต่อไปทาเคชิ
ขอบคุณค่ะ ^…^
ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการใช้คำ ขอแนะนำให้ลองศึกษาจากหลายๆเรื่องดูนะ
แต่ถ้าใช้ตัวละครในการบรรยาย แนะนำให้ลองคิดว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้นดูนะ มันจะช่วยได้มากเลย
ถ้ายังไม่ได้แนะนำให้อ่านหนังสือภาษาไทยที่เขาใช้คำสละสลวยหรือนิยายที่เป็นที่นิยมดูนะ เพราะส่วนใหญ่ที่เป็นที่นิยมก็เพราะบรรยายสนุกนี่ล่ะ
แต่การบรรยายมันก็ขึ้นอยู่กับคนแต่งด้วยเหมือนกันนะ เพราะแนวหรือลักษณะในการบรรยายมันก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนักเขียนคนนั้นนี่ล่ะ การบรรยายในแต่ล่ะเรื่องมันเลยไม่ค่อยเหมือนกัน มีอีกวิธีคือศึกษาจากนิยายหรือหนังสือที่เค๊าใช้คำสวยหรูหรือฟังแล้วมันได้อารมอินตามไปกับเนื้อเรื่องมาลองอ่าน ศึกษาและวิเคราะห์ดูเพื่อจะได้นำมาเป็นแนวทางของตัวเองหรือเป็นต้นแบบงานเขียนของเรา
หรือลองเปิดจินตนาการให้กว้างใกลขึ้นเยอะๆเลย ลองฝึกการบรรยาย การใช้คำ การพรรณนาดูนะ เราจะลองบรรยายสองแบบให้ดูนะอย่างเช่น
แบบที่1 บรรยายเอง
1.ฉากต่อสู้ : เขามองปีศาจก่อนจะพุ่งเข้าหามันเพื่อจะฟาดดาบใส่ปีศาจ
ดวงตาสีเขียวมรกต จ้องมองปีศาจตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง ลมที่พัดผ่านไปทำให้เรือนผมสีแดงสดนั้นพริ้วไหวไปตามแรงลม ในความเงียบสงบจนวังเวงนั้นอยู่ดีๆมันก็กู่ร้องก้องคำรามออกมา ก่อนที่ปีศาจมันจะค่อยๆปล่อยพลังออกมา ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะเรียกดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่ปีศาจร่างยักษ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว พอประชิดตัวมันได้ดาบเรียวยาวก็ถูกเหวี่ยงเข้าใส่ปีศาจตนนั้นทันที....
2.ฉากต้อนรับรุ่งอรุณ
ในยามเช้าที่พระอาทิตย์ส่องแสงไปทั่วท้องนภา พื้นพสุธา เป็นวันที่อากาศสดใส ท้องฟ้าปรอดโปร่ง น้ำค้างที่เกาะอยู่ตามสิ่งต่างๆเปร่งประกายออกมาราวกับเพชรเม็ดงาม นกน้อยที่ส่งเสียงร้องออกมาราวกับกำลังขับร้องเสียงเพลงอันไพเราะต้อนรับอรุณของเช้าวันใหม่
2.ตัวละครบรรยาย
1.ฉากมาโรงเรียน
เฮ้อ น่าเบื่อจังเลยน้า จากที่มาโรงเรียนตอนแรกๆฉันออกจะสนุกแท้ๆ แต่ตอนนี้บอกได้คำเดียวค่ะว่า...เบื่อ!~
เพราะเราเห็นภาพพวกนี้จนชินแล้ว มันเลยไม่ค่อยมีอะไรที่น่าตื่นเต้นซักเท่าไหร่เลยนะ แต่ก่อนอื่นเราก็ต้องไปหาทุกคนก่อนสิเนอะ~
2.ฉากไปงานเลี้ยง
ตอนนี้รถม้าของตระกูลผมได้มาถึงที่ปราสาทแล้ว สิ่งที่เห็นตรงหน้าผมตอนนี้คือปราสาทสีขาวทองหลังงามที่มีขนาดใหญ่มากมันก็เหมาะสมที่จะเป็นพระราชวังของราชวงศ์ดีนะ แต่มันก็ไม่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนซักเท่าไหร่เลยนี่นะ
ก็ประมาณนี้แหละน้า ทุกอย่างมันไม่ได้มาฟรีๆหรือแค่ฟังแล้วทำได้เลย มันเกิดจากความพยายามของเราและการฝึกฝนทั้งนั้น ถ้ามีความมุ่งมั่นพอเราก็จะทำได้เอง
เราอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ถ้ามีปัญหาอีกก็มาปรึกษาได้นะ พร้อมให้คำปรึกษาเสมอ~
ตอนนี้อาจจะแย่แต่ลองพยายามไปเรื่อยๆก็จะดีเอง เราเชื่ออย่างงั้นนะ เพราะฉะนั้นสู้ๆ
ขอบคุณมากๆค่ะ เราจะพยายามฝึกฝนและพัฒนางานเขียนของตัวเองต่อไป ถึงท้อก็จะอดทนจนกว่าจะได้นิยายในแบบที่พอใจค่ะ
จากประสบการณ์ตรงของตัวเอง ตอนเรารีไรท์นิยายเรื่องแรก รีไรท์แค่ตรวจคำผิดและจัดหน้านะคะ
ตอน 1-50 ห่วยมาก เขียนแบบเรากุมหัวเลย บางช่วงอ่านไม่รู้เรื่อง
ตอน 51-100 เริ่มเป็นนิยายละ อ่านรู้เรื่องละ(มั้ง)
ตอน 101-200 เริ่มจับทางจับสำนวนตัวเองได้ เหมือนเริ่มมีเอกลักษณ์บางอย่างในนิยายที่อ่านแล้วรู้ได้เลย นี่คือ "สำนวนของเรา"
ตอน 200+ ขึ้นไป คล้ายขั้นก่อนหน้า แต่สำนวนเริ่มคงที่ ไม่ดีกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัด ไม่แย่ลง
พอถึงจุดที่มีสำนวนของตัวเองแบบเห็นชัด จากนั้นเหมือนเรื่อยๆ พัฒนาขึ้นทีละนิดแบบน้อยมากๆ คาดว่าคงหมดช่วงกระโดดผ่านช่วงแรกๆมาแล้ว
คุณเขียนมานานแล้ว น่าจะอยู่ระดับ "คงที่" น่ะค่ะ จะบอกให้อ่านหนังสือและปรับตาม ดูลักษณะเจ้าของทู้เป็นหนอนหนังสืออยู่แล้ว บอกไปคงไม่มีประโยชน์ นิสัยเปิดรับความเห็นและสิ่งใหม่ๆมาเพื่อปรับปรุงตัวเองอยู่แล้วด้วย น่าจะลองพัฒนาตัวเองมาก่อนแล้วจึงตั้งกระทู้
เพราะฉะนั้น มีวิธีเดียว เขียนไปเรื่อยๆ ค่อยๆปรับค่อยๆพัฒนาไป สู้ สู้ สู้ นะคะ ^ ^
ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะคะ เราหนอนหนังสือก็จริงค่ะ แต่บางอย่างที่ต้องเจาะข้อมูลเชิงลึก หรือการทำความเข้าใจกับองค์ประกอบสำคัญในนิยาย เรื่องพวกนี้เรายังเข้าใจแบบผิดๆและแค่ผิวเผินอยู่ค่ะ เลยทำให้เวลาเราเขียนส่วนใหญ่มักจะสะดุดอยู่บ่อยๆ
อ้อลืมบอก เราเริ่มเขียนจนถึงตอนนี้ก็ครบปีนึงพอดี เราคิดว่ายังมีอะไรให้พัฒนาตัวเองอีกเยอะเลยค่ะ // ยิ้มๆ
ถ้านับประสบการณ์ตอนนี้ เรายังเขียนนิยายได้ไม่ถึง 100 ตอนเลย >< หนทางอีกยาวไกล
พยายามไปด้วยค่ะ คริคริ
บทบรรยายเราไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่(หรา) ส่วนมากจะมีปัญหากับบทสนทนามากกว่า แต่ก็อยากจะแนะนำนะว่าจั่งซี่มันต้องฝึกค่ะ ลองฝึกทุกวันๆ ตั้งแต่วันที่1 - วันที่ 30 แล้วรีสจะพบความแตกต่างเองค่ะ อีกอย่างนึงคือต้องช่างสังเกตด้วย สังเกตมั้ยว่านักเขียนบางคนเนี่ย แค่แก้วใบเดียวเนี่ย เค้ายังสามารถบรรยายออกมาได้ตั้ง 2 - 3 บรรทัด นั่นเป็นเพราะเค้าช่างสังเกตนั่นเองค่ะ
แล้วก็เวลาเราคิดฉากเนี่ย เราจะทำตามบทความนี้เลยค่ะ https://www.dek-d.com/writer/8959/
ปล.จำเค้าได้มั้ยเอ่ย หื้ม?
ก็เขียนทุกวันจนครบ1ปีแล้วค่ะ แต่ก็บรรยายแย่อยู่ดีค่ะ อย่าว่าแต่ให้บรรยายแก้วใบเดียวให้ได้2-3บรรทัดเลย แค่สายลมแสงแดดที่คิดว่ามันน่าจะบรรยายได้ง่ายๆยังทำไม่ได้เลยค่ะ สำหรับเรามันยากโครตๆ เฮย
ถ้าจำไม่ผิด ธัญ หรือเปล่าคะ …… ทำไมมีแต่คนถามว่าจำได้ไหมก่อนอ่ะ แงๆๆ ถ้าเราตอบผิดนี่จะงอลไหม แบบเปลี่ยนไอดีเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนรูปใหม่ เราก็มีงงๆบ้างนะคะ ^…^
ใช่จ้า ธัญเอง
เอะ ทายถูกด้วยอ่ะ ว่าแต่เราถามธัญหน่อยได้ไหมทำไมถึงเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนรูปอ่ะ
คือเราเปลี่ยนจากชอบเด็จพี่พร้อมพงษ์มาชอบพี่เอ๊ะแทนแล้วอะ แล้วก็คิดถึงครอบครัว
หน้ากากมากๆเลยด้วย ก็เลยเปลี่ยนเป็นรูปนี้
ส่วนชื่อกรัสวันก็นามปากกาใหม่เราเองง่ะ
เราแนะนำบทความนี้เลยค่า
https://www.dek-d.com/writer/9656/
ขอบคุณะคะธัญ ^…^
ยินดีค่า
ในส่วนของสำนวนนั้น สิ่งสำคัญคือประสบการณ์ ยิ่งเขียนเยอะความชัดเจนในสำนวนจะมากขึ้น จังหวะและทำนองของภาษาจะคล่องขึ้น สำนวนที่สวยงามที่สุดไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อหรือพรรณามากมาย แต่เป็นสำนวนที่คนอ่าน อ่านแล้วจำได้ว่าเป็นสำนวนของตัวเราเอง ว่าง่ายก็คือ สำนวนที่ดีที่สุดคือสำนวนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แต่ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามค่ะ
ขอบคุณค่ะ ^...^
อ่านเยอะ ๆ ครับ
อ่านงานเขียนดี ๆ เพื่อศึกษารูปแบบวิธีการเขียน นำส่วนดีมาปรับปรุงพัฒนาตนเอง (ไม่ได้หมายถึงให้ copy สำนวนนักเขียนท่านอื่นนะ) อย่างน้อยก็จะได้คลังคำที่เราอาจไม่รู้จักมาก่อน เป็นการเพิ่มความหลากหลายในบทบรรยาย ผมใช้วิธีนี้แหละ
ขอบคุณค่ะ จะทำตามวิธีที่แนะนำมานะคะ ^...^
อ่านหนังสือเยอะๆ หาวิธีบรรยายที่ใช่เรา และนักอ่านเข้าใจ นั่นแหล่ะจะได้ผมดีที่สุด เพราะเราเคยทำมาก่อน ถึงตอนนี้จะยังไม่ดีมากนักก็ตาม
เราก็คิดว่าแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่จะพยายามเขียนให้ดีกว่านี้ ^...^
1อ่านอย่างบ้าคลั่ง เพราะจากปสก.ส่วนตัว อ่านมาเกือบสิบปีละ ทั้งนิยาย นิตยสาร สารคดี บะนเทิงคดี อ่านแม้กระทั่งป้ายรับกู้เงินข้างทาง-..- เพิ่งจะเขียนจริงจังมาไม่ถึงสองปีเลยค่ะ ดังนั้นอ่านให้มากกว่าหรือพอๆกับเขียนค่ะ
2มีอารมณ์ร่วมไปักับตัวละคร เหมือนเราเป็นตัวละครนั้นๆเอง หรือไม่ก็หลุดเข้าไปอยู่ในมุมห้องมุมมืดๆที่ตัวละครเราอยู่ จากนั้น...
3 สังเกตและอดทน ใจนิ่ง ตัวนิ่ง มืออย่างเดียวที่ขยับตามการเคลื่อนไหว สีหน้า ความรู้สึก และบรรยากาศ สถานที่ของตัวละคร
นี่ก็บอกแต่คนอื่นเขา ตัวเองยังทำไม่ค่อยได้;)
ขอบคุณค่ะ จะพยายามทำตามคำแนะนำให้ได้มากที่สุดนะคะ ^...^
ผมฝึกด้วยการ พูดคุย ครับ ยิ่งเรารู้จักพูดมากเท่าไหร่ เราจะรู้จักการเปรียบเปรย บรรยายมากขึ้น อันนี้ภาษาเขียนดีขึ้น+สังคมเพิ่มขึ้นด้วยครับ
สู้ๆครับพี่เชอรีส
ขอบคุณน้าา น้องคนหล่อมืออาชีพก็สู้ๆเหมือนกันน้าา️️
อีกอย่าง เราต้องสัมผัสประสบการณ์เหล่านั้นเองครับ ถ้าไม่เคยก็ลองจินตนาการดู แล้วถามตัวเองว่าถ้าเป็นเรา เรารู้สึกยังไง รีดเค้นสิ่งที่อยู่ในหัวใจออกมาแล้วถ่ายทอดมันในรูปแบบของตัวอักษร เช่นจูบเอย รักเอย อะไรแบบนี้ สู้ๆนะครับ พี่เป็นคนที่แนะนำผมจนทำนิยายตัวเองจบ ผมเองก็อยากช่วยพี่เหมือนกัน มีอะไรก็ส่งข้อความมานะครับ #ทีมเชอรีส
ว้าว มีhashtagด้วย สู้ไปพร้อมกันน้า น้องคนหล่อ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?