รู้สึกอย่างไรเมื่อนิยายที่ท่านเขียนเอง (จบเเล้ว) หรือ (ยังไม่จบ)
ตั้งกระทู้ใหม่
ตามหัวข้อเลยครับ พอดีผมกำลังสงสัยอยู่ว่านักเขียนที่เขียนเรื่องของตัวเองจบเเล้ว ตอนเขียนจบพวกเขารู้สึกอย่างไรกัน? ด้วยความที่ว่าผมมีเรื่องให้เขียนเยอะมาก เเต่กลับไม่มีเรื่องไหนเลยที่เขียนจบไม่ว่ามันจะผ่านมานานเเค่ไหน คิดเเล้วคิดอีก เขียนเเล้วเขียนอีก ก็ไม่จบสักทีจนไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกของความสำเร็จ ที่เรียกว่า เขียนจบเรื่อง ได้เลย
เลยอย่างทราบว่าท่านนักเขียนที่เขียนเรื่องของตัวเองจบเเล้ว มีความรู้สึกอย่างไร
ในตอนนั้นหรือเเม้เเต่ตอนนี้
รู้สึกดีมากที่เรื่องจบเเล้ว
ตัวละครสมหวัง
มีความสุขที่ในที่สุดก็มาถึงจุดสุดยอดของเรื่อง
หรือจะรู้สึกเศร้ากันที่เรื่องของตัวเองจบเเล้ว
ตัวละครเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดของการเดินทางเเล้ว
เรื่องราวดีๆ เเบบนี้จะไม่มีอีกเเล้ว
ว่ามาตามสบายเลยครับ
(สำหรับเรื่องที่ยังไม่จบ)
เเละไม่จำเป็นที่จะต้องเขียนจบก็สามารถออกความคิดเห็นได้นะครับ ผมสนใจสำหรับท่านที่ยังเขียนไม่จบเหมือนกัน
เพราะดอง เพราะขี้เกียจ เพราะไม่มีเวลา เพราะต้องทำงาน ต้องเรียนต่อ
ไม่มีคนอ่าน ไม่มีเม้น ไม่มีใครสนใจเรื่องของเรา
เล่าได้ตามสบายครับ
ช่วยบอกเล่าความรู้สึกหน่อยครับอยากรู้
เเละวางลิงค์ไว้ก็ได้ครับ ไม่ว่า
เเละถ้าหากใครสงสัยว่าทำไมถึงมีสองหัวข้อ คือผมขี้เกียจเเยกเลยเขียนเอาไว้หน้าเดียวกันเลยก็ตามนั้นเเหละ เเละถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้พวกท่านลองเข้าไปอ่านเรื่องของผมหน่อยครับ ถ้าจะไม่ขอมากเกินไป รับได้หมดไม่ว่าจะวิจารณ์หรือเเค่เม้น
21 ความคิดเห็น
เขียนจบ
ก็รู้สึกดีอย่างที่คุณว่าไว้นั่นแหละ
ส่งตัวละครซึ่งเป็นเหมือนเพื่อนไปถึงจุดหมายแล้ว
และช่วงเวลาแสนวิเศษที่เราได้ถ่ายทอดเรื่องราวมันจบลงแล้ว
เขียนไม่จบ
ก็เหมือนขรี้ยังไม่สุด แต่มันต้องลุกออกจากส้วมแล้ว
ไม่สิ! รู้สึกคาใจ
แต่ในเมื่อสัมผัส "โลก" ที่เราสร้างขึ้นเองไม่ได้อีกแล้ว
ก็จะไม่ฝืน แต่หวังลึกๆว่าสักวันเราจะสมองโล่งพอกลับไปเขียนได้อีกครั้ง
ปล.ช่วงนี้ยุ่งคงไปอ่านนิยายจขกท.ไม่ได้
พอเราเขียนจบมันก็คงดีจริงๆ เเหละ เเต่พอหยุดเขียนคงต้องมีคันไม้คันมืออยากเกาเป็นธรรมดา ผมนี่บางที่ไม่ได้เขียนนานก็เหมือนคนอยากยาเลยนะ555
จบสักที(โว้ยยย) รู้สึกตัวเบาเหมือนจะโล่งๆ /อะไรนะ ต้องRewriteอีกเหรอ!
555 ว่าตามตรงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องทำเเบบนั้น มันก็ไม่ต่างกับกลับไปเริ่มใหม่เลยสำหรับการเขียน เเต่ก็ดีเหมือนกัันผลงานจะได้ออกมาดีขึ้น สำหรับนักอ่าน อย่างที่คำกล่าวว่า หมดหน้าที่หนึ่งจึงมีหน้าที่ต่อไป
ความรู้สึกตอนเขียนจบแล้วไม่พีคเท่าตอนเริ่มเรื่องใหม่
//ชิบหายแล้วไง!! เรื่องที่แล้วจัดเต็มจนไม่เหลือให้เขียนเรื่องอื่น
ความจริงก็ดีใจแหละ รู้สึกโล่ง อาจจะมีติดคิดถึงอยู่บ้าง
ช่วงแรกๆจะคิดถึงมากหน่อย เพราะยังไม่หลุดจากตัวละครนั่นนี่
ถึงกับต้องถามตัวเองบ่อยๆ "นางเอกเรื่องใหม่มันชื่ออะไรนะ"
หลังๆก็รอฟีดแบ็คจากนักอ่าน (สายดอง) ว่าเป็นยังไง โอเคมั้ย
และกลับไปอ่านในฐานะนักเขียนอีกครั้ง
สามสี่เดือนให้หลัง รอความรู้สึกตกตะกอน ค่อยกลับไปรีไรท์
เเบบคุณผมก็ว่าผมก็คงจะเป็นถ้าเขียนจบ เเต่งโชคยังดีที่เรื่องของผมมีหลายภาคเเละตัวละครมันก็ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ได้หายไปไหน เลยไม่ต้องรู้สึกเหมือนว่ามันไปจากเราไปเเล้ว อะไรประมาณนั้น ของผมมันเหมือนเรื่อง index น่ะ ก็เลยมีต่อเรื่อยโดยใช่ตัวละครเดิมได้ กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่า-เรื่องที่ใช้ตัวละคร ครั้งเดียวเเล้วทิ้งเลย เเเบบคนเขียนเขาทำกันได้ยังไงนะ เพราะเเบบกว่าจะคิดตัวหนึ่ง ชื่อหนึ่ง ลักษณะหนึ่งขึ้นมาได้ให้ตัวเเละคนอ่านชอบนี่ก็งานช้างเหมือนกันนะ
เเต่ช่วงที่เขียนก็คิดขึ้นได้ว่าอาจจะเป็นประมาณนี้
ตอนเริ่ม เงียบๆ กลางเรื่อง อลังการงานสร้าง ตอนจบ ซาบซึ่ง ผมอยากจะให้นิยายของผมเป็นเเบบนี้เเหละ เเละโดยส่วนใหญ่ที่ได้อ่านงานของคนอื่นถ้าเรื่องออกมาประมาณนี้จะเป็นเรื่องที่ดีเสมอเลยครับ
เเหมเรื่องรีไรท์ของคู่กันสินะ ส่วนนักอ่านสายดองนี่มันอะไรนะ!! เฮ้ยพวกเองจะอ่านก็รีบๆ มาอ่านสิ55
เเต่ว่าตามตรงถ้าเกิมีคนมาเม้นตัวละคร ของเราเพราะชอบ เพราะถูกใจ บางทีคงรู้สึกดีกว่ามาเม้นเรื่องอีกนะ อันนี้ผมคิดเอง
ตอนนี้เขียนจบแค่ภาคงับ คงไม่รู้สึกเหมือนคนเขียนจบทั้งเรื่องอะ แต่ก็รู้สึกอึ้ง ๆ ว่าตัวเองเขียนไปได้ด้วยนะ นั่งเขียนความคิดตัวเองไป สี่ร้อย ห้าร้อย หน้าเอสี่ เราทำได้ด้วยเหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อ 555
แล้วก็คิดว่า อยากจะเขียนภาคต่อแล้วล่ะ แต่พล็อตยังไม่เข้าที่และภาคเก่า ๆ ก็มีจุดบกพร่องเยอะเลยควรกลับไปรีไรต์ก่อน ก็ยังตื่นเต้นอยากเขียนภาคสามอยู่นะ ถึงแม้ว่าจะเซ็งๆ ที่ต้องกลับไปเขียนใหม่ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา การรีไรต์กะนัก(อยาก)เขียนเป็นของคู่กาน
พยายามเข้านะครับพอจบเเบบจบจริงๆ ความรู้สึกคงสุดยอดน่าดู เรื่องพล็อตนี่ทุกคนคงอยากจะเริ่มอะไรใหม่ๆ ตลอดตามจินตนาการเเหละ ว่าเเล้วความรู้สึกตอนเขียนได้ สี่ ห้า ร้อย เอสี่จะเป็นยังไงนะ เเบบผมลบเรื่องตัวเองมา หกครั้งเเล้วเลยไม่เคยเขียนถึงน่ะ55
เขียนนิยายเรื่องยาวจบมาแล้วหลายเรื่องครับ
ความรู้สึกตอนเขียนจบแต่ละเรื่องจะไม่เหมือนกันครับ ตอนเขียนนิยายจบเรื่องแรก (ยาว 12 เล่ม)
- รู้สึกใจหายมาก ว่าต่อไปเราจะไม่ได้เขียนนิยายถึงเหล่าตัวละครนี้อีกแล้วเหรอ แต่ถ้าเขียนยาวกว่านี้มันจะไม่สนุกแล้ว ก็คงอารมณ์ พ่อแม่ที่ต้องปล่อยลูกไปตามทางของตัวเองมั้งครับ ตอนเขียนนิยายจบเรื่องที่สอง (ยาว 4 เล่ม) - รู้สึกเสียดายเหมือนกัน แต่ไม่เท่าเล่มแรก เนื่องจากนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งตามใจ 100% แต่คนอ่านกลับชอบมาก จึงรู้สึกภูมิใจมากกว่าเสียดายครับ ตอนเขียนนิยายจบเรื่องที่สาม (ยาว 6 เล่ม) - เป็นนิยายทำมือที่ทำร่วมกับเพื่อน เป็นเรื่องที่ต้องเริ่มอะไรใหม่หลายๆ อย่างตั้งแต่แต่งใช้สำนวนใหม่เพราะเปลี่ยนจากพ็อกเก็ตบุ๊คส์เป็นไลท์โนเวล ต้องหัดทำหนังสือตั้งแต่จัดหน้ายาวไปถึงติดต่อโรงพิมพ์ ตั้งสำนักพิมพ์ของตัวเอง ตอนเรื่องนี้จบรู้สึกภูมิใจเหมือนกัน เพราะทำสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ได้สำเร็จ ซึ่งเรื่องที่ 3 เปิดจองอยู่นะครับเอิ้ก ส่งใจกดที่ลิ้งด้านล่างเลย https://goo.gl/pRD2mu
โหนี่มันนิยายฝีมือคนไทยเหรอ? ทำดีจนคิดว่าเป็นนิยายเเปลเลยครับ งานดีๆ ยินดีด้วยนะครับ ขอให้ขายได้เยอะๆ เเนวฮาเร็มด้วย55 (ประเมินจากปก)
เเต่ผมเห็นตัวละครของตัวเองเป็นเหมือนเพื่อนมากกว่าครับ ประมาณว่าถ้าเตะพระเอกไปไกลๆ เราเองนี่เเหละจะได้ไปยืนคู่กับนางเอกเเทนอิอิ
ขอบคุณครับ แนวฮาเร็มครับ...โดนแซวบ่อยๆ ว่าดูปกแล้วเหมือนนิยายแปลเหมือนกันครับ
เขียนจบ
ในใจแทบจะยิงสลุต จบแล้วนะ ในที่สุดก็ทำสำเร็จ ส่งเจ้าพวกนี้ไปถึงฝั่งจนได้ ปลาบปลื้ม ปืติแล้วก็หันไปหาพล็อตที่คาไว้ จะได้เขียนเรื่องใหม่แล้ว เย้! ดีใจกว่าเดิม
55 ผมก็คงเหมือนกันครับ เเต่ตอนใกล้จะจบคงรู้สึกดีมากไม่ต่างกัน ว่าเเล้วหากเป็นพล็อตเรื่องที่มีความเกี่ยวโยงกันมันจะเป็นยังไงนะ คงดีกว่าเดิม ไม่ก็คงรู้สึกเหมือนยังเขียนไม่จบเทียว
ถ้าเป็นนิยายภาคต่อ มันขึ้นอยู่กับว่า ภาคต่อนั้นมีความเกี่ยวโยงกับภาคแรกอย่างไร มากแค่ไหนค่ะ
ถ้าภาค 2 คือเนื้อเรื่องต่อกัน ตัวเอกเดียวกันก็จะรู้สึกว่ายังไม่จบ แค่โล่งอกไปเปลาะหนึ่งค่ะ
ซึ่งกรณีแบบนี้ จบภาคหนึ่งจะตรวจทานรีไรต์ทีค่ะ ถ้ารอจบทั้งหมดมารีไรต์ทีเดียวเราว่าสาหัสเอาการแต่ต้องทำเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหา
เรื่องก่อนหน้านี้ที่เขียนจบไป (แต่ยังไม่ได้ลงรอเขียนภาค 2 จบลงทีเดียว) ภาคแรกจบเราก็ดีใจนะ แต่ภาคสองยังเขียนค้างไว้ไม่จบแต่ก็แยกกัน เพราะตัวเอกคนละชุดกันกับภาคแรก ถ้าเขียนภาคนี้จบ คงดีใจ 2 เท่าค่ะ แบบปลดแอกตัวเองจากการ inception ของตลค.ไปได้ (ฮา)
กําลังเขียนจบ
เฮ้อ นี่เราจะไม่ได้เขียนนิยายเสี่ยงรีพอร์ทอีกแล้วสินะ ทั้งกัญและฉากล่อแหลม ถ้าเขียนจบแล้วเราจะคิดถึงเธอนะ...เพราะเรื่องต่อไปคงไม่มีฉากพวกนี้ให้เขียนแล้วล่ะ
ความรู้สึกประมาณว่าเด็ก ม.ปลายที่กำลังจะได้บอกลา ความชิวในห้องเรียนที่ได้เตะบอลระหว่างที่ครูสอนอยู่555 เเนวคิดที่ว่าได้เขียนเรื่องที่ตัวเองสนใจเป็นพิเศษเเล้วต้องบอกลามันตอนที่จะไม่ได้เขียนเเล้ว ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกันนะครับ
จบก็เหมือนไม่จบเพราะต้องรีไรต์อีกค่ะ แล้วการรีไรต์นี่แหละทำให้มันไม่จบสักที กลายเป็นดองไปแล้วค่ะ ฮ่าๆ (หัวเราะทั้งน้ำตา)
ความรู้สึกก็..ท้อมากๆ เลิกเขียนแล้วค่ะ ผันตัวมาเป็นนักอ่านแทน
ก็เข้าใจนะครับเพราะเขียนนิยายเรื่องหนึ่งมันก็ไม่ต่างจากการทำงาน project หนึ่งเลย
เขียนจบ
มันคือความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ ค่ะ ในที่สุดเราก็ได้แต่งฮากตอนจบอันสวยงามที่เราคิดไว้ตั้งนานแล้วเสียที ตัวละครก็เติบโตขึ้นและตัวละครสมหวัง ตราตรึงใจสุดๆ เลยค่ะ
ถ้ายังเขียนไม่จบก็... ดองต่อไป เอ๊ย! เขียนต่อไป
ตอนนี้เรากำลังแต่งนิยายเรื่องใหม่ไปได้แค่ไม่กี่ตอนค้่ะ ซึ่งดองหลายรอบแล้ว... ติดเรียนด้วย เหนื่อยด้วยล่ะ ไม่มีอารมณ์แต่งบ้างล่ะ รู้สึกผิดกับคนอ่านเหลือเกินค่ะตอนนี้
อ่านเรื่องดีเเค่ไหนก็ไม่เท่าเรื่องที่ตัวเองได้เขียนเองสินะครับ ยังไงก็อย่าดองนิยายนะครับเดียวคนอ่านเสียใจ55
ตอนเรื่องเเรกที่เอาลงเด็กดีเขียนจบนีฟินมากค่ะ คือเเบบรู้สึกประมาณว่า...เฮ้ย นี่เราประสบความสำเร็จอีกขั้นเเล้วเฮ้ย! (เรื่องก่อนหน้าไม่จบสักเรื่อง555)
เเต่ปัญหาคือเรื่องนี้ดันมีภาคต่อด้วยสิ555
ต่อเนื่องไปจนจบเเบบบริบูรณ์ พยายามเข้านะครับ ผมเองก็เหมือนไม่ต่างกัน555
เปรียบนิยายเหมือนด้ายสีดำ
จบแล้ว เหมือนมีกรรไกรทองคำมาตัดด้ายดำ
ยังไม่จบ ต้องตามหากรรไกรทองคำต่อไปจนกว่าจะเจอ
เฮ้อ //นั่งตกปลาต่อไป
ขอเมนท์นี้ไปวางพล็อตกรรไกรทองคำที่หายไปกับด้ายดำที่ทอดสู่จักรวาลอันไกลโพ้น
ได้เลยค่ะ^^ สู้ๆค่ะ
ลำไยมากครับ เฮ้ย! ล้ำลึกมากครับ
ตอนเขียนจบก็รู้สึกว่าในที่สุดก็จบซักที บรรลุเป้าหมายแล้ววว อะไรทำนองนั้น
นั่นสินะครับ จบเเล้วก็ดีไป อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้ดอง
ยังไม่จบค่ะ
เพราะดอง+มีเวลาน้อย ติดเรียน
อยากสัมผัสความรู้สึกหลังเขียนจบเหมือนกัน จึงกลับมาเขียนอีกครั้ง หลังจากที่ดองนานมาก
น้ำตาจะไหล แต่ก็ยังเปิดเรื่องใหม่ต่อไปเรื่อยๆ 5555
เปิดทิ้งไว้จองชื่อเรื่องเฉยๆค่ะ
ไม่กล้าแตะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มันจะทำให้เรื่องที่กำลังเขียนอยู่ไม่จบสักที พอดีว่าเราได้รับบทเรียนมาแล้ว T.T
ตอนนี้เรื่อยๆ ค่ะ กำลังพยายามเขียนเรื่องหนึ่งสุดความสามารถ วางพล็อตไม่หลายตอน เพราะกลัวเขียนไม่จบ เราเขียนทุกวันเลย วันละสองบรรทัดก็เขียน กลัวเหมือนเมื่อก่อนที่ทิ้งร้างไปนานแล้วจุดไฟต่อไม่ติด ตอนแรกฝืนๆ ต่อมาเหมือนมันเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน ไม่ฝืนอีกแล้วค่ะ ^^
ปล.ถ้ามีเวลาจะเข้าไปอ่านนิยายของจขกท.ดูนะคะ
ยินดีที่จะมีคนอ่านครับ ว่าเเล้วผมก็เป็นเหมือนกันนะวางพล็อตตั้งชื่อเรื่องทิ้งๆ ไว้ เเต่เเค่ไม่ได้เอามาลงเว็บ
ถ้าเป็นเรื่องที่เขียนจบแล้ว ก็รู้สึกสบายใจค่ะ บางทีกลับไปอ่านแล้วแทบเขินจนมุดดินหนีเลยก็มี(มันเป็นแฟนฟิคสไตล์รักใสๆหน่อยๆ)แบบ "เฮ้ย!นี่เราแต่งขนาดนี้เลยเหรอ?"เลยค่ะ
ส่วนเรื่องที่แต่งไม่จบ บางทีเราก็ปล่อยมันไปก่อนเพื่อค้นหาไอเดียกับความรู้เยอะๆ แต่บางทีก็ลืมเรื่องที่ค้างไว้ก็มีนะคะ
รอจนกว่าจะถึงเวลาที่ดีที่สุดเเล้วเขียนก็โอเคนะครับ เเต่ก็อย่านานเกินไปละ มันกลับมาเขียนยาก เรื่องของนิยายที่เราเขียนๆ กันเอง พอถ้าเขียนอะไรที่มันดูน่าอายเเล้วเอามาอ่านเองมันก็ตลกดีครับเข้าใจๆ ประมาณว่าออกเเนวหวานๆ เเล้วพอมาอ่านเองมันก็อายๆ
ยังแต่งไม่จบสักเรื่องค่ะ แต่เรื่องที่ลงในเว็บใกล้จบภาคแรกแล้ว ซึ่งภูมิใจไหม ก็ภูมิใจแม้จะต้องรีไรท์ต่อก็ตาม แต่ยังไม่ภูมิใเท่าไหร่เพราะมันยังไปไม่ถึงฝั่งฝันอันสวยงามามที่หวังไว้อ้ะ
ส่วนเรื่องอื่นไม่กล้าลงเว็บค่ะ เพราะตั้งใจเขียนเกิน ลบบ่อย แก้พลอตเรื่องบ่อยมากกกก (แต่ความสมบูรณ์ก็เพิ่มแหละ) เลยไม่กล้าลง เดี๋ยวคนอ่านงง แต่เรื่องที่ไม่ลงนี่ถ้าแต่งจบคงใจหายอ่ะค่ะ ตั้งใจมาก รักมาก แต่คงอีกนานเลยล่ะ
จนกว่าจะดีที่สุดค่อยลงก็ไม่มีใครเขาว่าหรอกครับ เรื่องของเขาคือเรื่องของเขา ทำตามใจเถอะครับ นักเขียนนิยายต้องเป็นอิสระจะได้เขียนง่าย
ขอเป็นเรื่องที่จบก่อนนะคะ ความรู้สึกคือยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ5555 เขียนมานานจนผูกพันกับตัวละคร แต่อีกใจก็รู้สึกฟูๆ อิ่มๆ ค่ะ แบบว่าดีใจนะที่เขียนจบ
ส่วนเรื่องที่ยังไม่จบ ก็เมื่อไหร่จะจบสักทีน้า ในหัวไอเดียพลุ่งพล่าน จับคอมปุ๊บ อ้าว...ขี้เกลือขึ้นเต็มเลย ปัจจุบันก็พยายามทุบไหค่ะ555
เข้าใจความรู้สึกครับ เหมือนเราอยู่กับตัวละครมานานเเล้วไม่อยากบอกลาพวกเขา เเต่ก็รู็สึกที่ได้เป็นเรื่องเป็นราวเป็นเล่ม สามารถตีพิมพ์ได้ ไม่ว่าจะตีหรือไม่ก็ตาม -ความรู้สึกที่ว่าสำเร็จเเล้วนี่เเหละครับที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทั้งนักอ่านเเละนักเขียนหลงใหล เพราะนักอ่านก็สามารถอ่านเรื่องของเราเเล้วรู้สึกดีได้ไม่ต่างกับนักเขียนครับ (ผมกล่าวนอกประเด็นไปนิด) ว่าเเล้วส่วนที่ยังไม่จบก็เหมือนงานค้างหรือไม่ก็การบ้านที่ยังไม่เสร็จเลยนะ555
แต่งจบ
โคตรของโคตรความรู้สึกดี
เป็นความฟินที่มีความสุขสุด ๆ
อารมณ์ประหนึ่งกำลังเสวยวิมุตสุข 7 วัน
พายเรือกลางทะเลมาจนถึงฝั่งได้แล้ว รอดตายแล้ว รีดเดอร์มะต้องทวงเราแล้ว เย้ ๆ
ที่ไหนได้ รีดเดอร์มาขอภาคต่อ ขอภาคพิเศษ ขอเรื่องต่อไป เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..เขียนแล้วเอาลงแล้วรับผิดชอบแฟนคลับด้วย
ยังมะจบ
อารมณ์ประมาณว่าเมื่อไหร่จะจบสะทีฟร่ะ จะต่อพิมพ์อะไรออกให้มันเร็ว ๆ เข้าถึงความคิดของฉันที่กำลังโล้อแล่นอยู่เนี่ย บางทีนะอาจจะมีสายแปลสัญญาณคลื่นสมองเลยเอามาแปะที่หัวเราแล้วส่งต่อเข้าคอมพิวเตอร์ แล้วประมวลออกมาเป็นนิยายตามที่เราคิด มันคงจะเริ่ดมาก
ฮาาาา...โดยมากที่ไม่จบเพราะเวลาล้วน ๆ เลย
ถือว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนต้องการอ่านต่อในส่วนเนื้อเรื่องที่เราไม่ต้องมาคิดใหม่หมด ผมว่าก็ดีเหมือนกันนะครับ
ตัวละครจะได้เหมือนเดิม ทุกอย่างจะยังคงรู้สึกเเบบเดิม ความรู้สึกดีๆ ที่ได้เขียนเรื่องนี้จะได้คงเดิม (เว้นเเต่ตัวละครตาย)
เวลาเป็นอุปสรรค์ สำคัญสำหรับนักเขียนมาเเต่เนิ่นนานเเล้ว มันคือศัตรูคู่อาฆาตของนักเขียนตั้งเเต่ยุคหิน (ว่าไปนั่นสมัยนั้นไม่มีเเม้กระทั้งตัวอักษรด้วยซ้ำ)
เพิ่งเขียนจบเรื่องแรกค่ะ เหมือนได้ส่งลูกเรียนจบอะไรอย่างนั้น 555
ที่เขียนจนจบได้เพราะวางเรื่องไว้คร่าว ๆ ตั้งแต่ต้น ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง
พอครบทุกเหตุการณ์คือจบ
ความรู้สึกคือโล่งใจ เพราะปกติเวลาแต่งเสร็จแล้ว post แต่ละตอน มันจะกดดัน รู้ว่ามีคนรออ่านตอนต่อไปอยู่
ปล.แต่ตอนนี้ก็โดนกดดันให้ทำภาค 2 อยู่ดี >.<
ดีครับ ถูกกดดันเเต่ก็แปลว่ามีคนพร้อมอ่านผลงานของคุณอยู่ตลอดพยายามเข้านะครับกับภาคต่อไป
มี50เรื่องขึ้นไป เอาอันไหนดีล่ะคะ?
เอาที่ตัวเองชอบที่สุดไม่ก็ เรื่องเเรกที่จบเเล้วก็ได้ครับ
เขียนไม่จบ... เพราะ...
ไอเดียมันชอบมาช่วงที่ยุ่งที่สุดในชีวิต เช่นช่วงปั่นงานใหญ่ๆ หรือช่วงสอบ เช่นช่วงนี้
ก็ไม่รู้เป็นอะไร เวลาว่างๆ หัวไม่แล่น เวลาจะสอบมันดั๊นวิ่งเร็วเสียยิ่งกว่าเน็ตเมืองไทยอีก 555
แล้วก็เหมือนจขกท.ด้วยล่ะครับ ดองงงมาก
ไม่พอยังเทด้วย ตอนนี้เพิ่งเปิดเรื่องใหม่ไป ตั้งใจละ จะไม่เท //ไม่รู้จะไปได้กี่น้ำ 555
ที่ว่าช่วงเวลาที่มีเวลาเเต่กลับไม่มีไฟจะเขียนนี่เหมือนผมเลยครับ ถ้าหากได้ปิดเทอมผมก็มักเอาไปเล่นเกมนอนเล่นเน็ตไปวันๆ เเต่พอเปิดเรียนก็ดันอยากเขียนนิยายซะงั้น555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?