ทำไมเพื่อนๆถึงเริ่มเขียนนิยาย
ตั้งกระทู้ใหม่
เราอยากรู้ว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นที่เพื่อนๆเริ่มเขียนนิยายกัน?
53 ความคิดเห็น
แต่ก่อนเขียนเป็นการ์ตูนครับ
สักพักตระหนักว่าคงไม่รุ่ง เลยเปลี่ยนมาเป็นนิยาย
เริ่มเขียนครั้งแรกตอน 9 ขวบเพราะพี่ที่สนิทกันเขียน เลยเขียนตาม จนตอนนี้พี่คนนั้นเลิกเขียนไปแล้ว แต่เรายังเขียนอยู่ 555555
โอ้โห ตั้งแต่เก้าขวบแหนะ
เน้นปริมาณไม่เน้นคุณภาพสุดๆ ตอนนั้น 5555
'ความฝันถ้าได้ลองทำจะยิ่งใกล้เข้ามา'
ถ้าได้เริ่มแล้วมันหยุดไม่ได้จริงๆ พรั่งพรูมาก
จุดเริ่มต้นมาจากเขียนแฟนฟิคลงบล็อกก่อน
แล้วก็มาเขียนในบอร์ดปิดให้แค่เพื่อนๆอ่าน
คือแบบวายสายดารค์มาก ไม่กล้าเผยแพร่
พอมาลงเด็กดีก็เลยเลือกพล๊อตแบบพิมพ์นิยมนิดนึงค่ะ
จริงค่ะ เห็นด้วยย
ติดเพื่อนมาก เลยเอาเพื่อนมาเขียนลงนิยาย ผจญภัยไปด้วยกัน
บวกกับช่วงนั้นเริ่มเขียนไดอารี่ ขี้บ่นไปวัน ๆ เลยทำให้ทักษะการเขียนพัฒนา
สุดท้าย ได้นิยายที่แต่งไปได้ไม่กี่หน้าก็ดอง
มาเริ่มจริงจังกับการเขียน จนสามารถเขียนนิยายจบได้ ก็เพราะนักเขียนที่มีนามนำหน้าว่า ด็อกเตอร์ นั้นแหละ ปลุกไฟในตัวสุด ๆ อยากเป็นแบบเขา อยากดังแบบเขา
สู้ๆนะคะ
คือ เริ่มวาดภาพการ์ตูนตอน ป.2
แล้วตอนป.3ไปรู้จักคำว่า "สาววาย"
หลังจากนั้น ตอน ป.5ก็เริ่มหานิยายอ่าน แล้วใจมันร่ำร้องจะเขียน
ก็จัดไปชุดใหญ่ไฟดับทุกอาทิตย์ ผลตอบรับดีนะ
แต่เรารู้สึกผิดตรงเรื่องแรกไม่ยอมวางพล็อต แถมยังเปลี่ยนเนื้อหา
จากรักหวานแหวว เป็น รักแฟนตาซี อื้อหือ...
โอโห้ไวมากจริงๆค่ะ
ทุกอย่างเริ่มจากคำว่า อยากเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครก็ได้ฟัง อยากให้คนอื่นรับรู้ว่าเรามีแนวคิดยังไง เพราะจนกระทั่งตอนนี้ผมยังรู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ค่อยเหมือนคนอื่นอยู่เลย
อ่านนิยาย แล้วรู้สึกว่าเรื่องที่เราอ่านมันไม่ได้ดั่งใจค่ะ ตัวละครงี่เง่าไปบ้าง เหตุผลไม่โอเคบ้าง
หรือนักเขียนดองมา3ปีแล้ว แต่เขียนไว้ว่า 'เดี๋ยวจะมาต่อ ...% ที่เหลือให้นะ' อะไรประมาณนี้ :P
เข้าใจเลยค่ะ
เพราะน้องสาวคะ
จริงๆเริ่มจากดูอนิเมะหลายๆเรื่องแล้วน้องสาวชอบให้เราแต่งภาคต่อและเล่าให้ฟัง (ยังไม่เริ่มเขียนแต่ใช้วิธีบอกเล่าเรื่องราว)จนห่างจากน้องสาวเพราะเรียนกันคนละที่ เลยบอกน้องว่าจะพิมพ์แล้วส่งให้อ่านนะ
หลังจากนั้นก็แต่งมาเรื่อยๆ
ว่างครับ........ เเละอยากให้สิ่งที่ผมคิดเกิดขึ้นจริง เเต่ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ เลยมาเขียนนิยายเเทนครับผม
เพราะชอบด้วยแหละ อยากแชร์ให้คนอื่นได้อ่าน ได้รับรู้ถึงจินตนาการของเรา
เริ่มแรกก็มีห่อเหี่ยวบ้าง พอเขียนๆไปก็กลายเป็นงานอดิเรกไปแล้วครับ
สิ่งที่ทําให้เราแต่งนิยายได้ มาจากการวิเคราะห์จากเศษเสี้ยวประสบการณ์ หรือเรียกกันว่าสัญชาตญาณ
เพราะ...
1.อยากให้ตัวละครจากเกมส์ การ์ตูนที่ชอบมาโลดแล่นในจินตนาการ
2.อยากระบายสิ่งไม่พึงประสงค์ในชีวิตประจำวันเรื่องต่างๆ
3.เสนอแนวคิดของตัวเองในแง่มุมต่างๆ
เพราะเรื่องที่อยากอ่าน รอมาเป็นสิบปีไม่มีใครเขียนสักทีค่ะ
พอตกงาน ว้างว่าง เลยเขียนเองแม่ม...
เหมือนกันเลยครับ หาไม่เจอเลยแนวที่ชอบ ถึงเจอก็ไม่ได้ดั่งใจ สุดท้ายแต่งเอง
เพราะอ่านนิยาย...
จุดเริ่มต้นมาจากความฟินที่เกิดจากการดูละครเรื่องหนึ่ง ทำให้พี่ชื่นชอบนักแสดงคู่นั้น
ซึ่งถือว่าเป็นแรงบันดาลใจ พี่ก็เลยสร้างจินตนาการเพื่อตัวละครที่เราอยากจะได้เห็น ไป ๆ มา ๆ ก็เลยได้เขียนนิยายเรื่องแรกค่ะ
สำหรับพี่แล้วคิดว่างานเขียนนิยายเรื่องแรกนั้นเป็นประสบการณ์ที่เกินความคาดหมายนะคะ เพราะใช้เวลาเขียนเกือบสองปี โดยมีเหตุจำเป็นต้องเว้นว่างไปปีหนึ่ง กลับมาเขียนต่อก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับตัวละครในเรื่อง เรารักตัวละครที่เราสร้างขึ้นมา เหมือนพวกเขามีชีวิตจริง ๆ เลยค่ะ
พี่วางไว้ทั้งหมด ๕๓ ตอน เหลืออีกประมาณ ๔ ตอนกว่าก็จะจบเรื่องแล้วค่ะ เหมือนพาตัวละครให้ถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขา คิดแล้วมีความสุขเลย
ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาบอกเล่าให้หนูฟัง
เป็นอีกหนึ่งความฝันที่อยากจะทำ ถ้าไม่เริ่มวันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปเริ่มวันไหน เราต้องกล้าที่จะแชร์นิยายของเราให้คนอื่นอ่าน เพื่อที่จะได้รู้ข้อดีและข้อเสียของตัวเอง
สมัยยุคQQกำลังดัง ..นานมาแล้วอยู่ดีเห็นชาวบ้านแต่งนิยายก็อยากแต่งบ้าง
..มันนานมาแล้ว //ถอนหายใจให้กับอายุตัวเอง
เริ่มอ่านนิยายค่ะ พอตอนประมาณเจ็ดแปดขวบก็เริ่มเขียนค่ะ จำได้แม่นเลย นางเอกชื่อซาลาเซีย ไอเนดิโอ
ดีจังค่ะ รู้ว่าชอบตั้งแต่เด็กๆ
ก็ตอนม.ต้น ครูมัวแต่บอกว่าลูซิเฟอร์ไม่ดีอย่างนู้นไม่ดีอย่างนี้ ประกอบกับเพิ่งได้อ่านนิยายที่เอาลูซิเฟอร์นิสัยบ้า ๆ มาก็เลยได้ไอเดีย แบบประมาณว่า เออ แฮะ ลืมไปเลยว่าตัวละครใช่ว่าจะต้องนิสัยร้ายตามตำนานนี่
ก็เลยเริ่มคิดพล็อตเล่นๆ แก้เบื่อเวลาครูสอน
ไปๆ มาๆ ก็ได้พล็อตเยอะเกินคาด (ปกติมีนิสัยชอบสร้างเรื่องต่อในหัวน่ะ) เราก็เลยลงมือเขียน
เริ่มต้นคืออยากเป็นนักเขียนการ์ตูน แต่สิบกว่าปีก่อนเส้นทางนักเขียนการ์ตูนค่อนข้างจะลำบาก ไม่ค่อยมีประกวด หรือช่องทางทำงานฟรีแลนซ์อะไรนัก การสื่อสารต่างๆ มันจำกัด (ยุคก่อนอินเตอร์เนตอะนะ) จำได้ว่าที่มีรับสมัครนักวาดการ์ตูนก็จะเป็น ส่งไปC-kids กับ บรรลือสาน์สละมั้ง ยุคนั้นทำอะไรยังต้องติดต่อทางจดหมายอยู่เลย แล้วฝีมือเราส่งไปก็ไม่เคยผ่านกะเขาสักที
ตอนจบม.ปลายเลยคิดจะหันหน้าไปเรียนศิลปะแบบเต็มตัว แต่พ่อแม่ให้เลือกว่าถ้าเรียนศิลปะก็ไม่ต้องเรียน เพราะเขานึกภาพไม่ออกว่า ส่งลูกไปนั่งเรียนวาดรูปเนี่ยมันจะได้อะไร สุดท้ายก็เลยต้องเบนไปเรียนอีกสาย พอเรียนหนังสือ ไม่มีเวลาวาดรูป แต่ไอเดียในตัวเรามันยังเจิดจรัสอยู่ ก็เลยเลือกที่จะจดไอเดียต่างๆ ที่จะเอาไว้เขียนการ์ตูนลงในสมุด
จดไปจดมามันก็ค่อยๆ ขยายไปเป็นนิยาย พออินเตอร์เน็ตเริ่มมา เราก็เอาที่เขียนๆ ไว้ไปลงในเว็บปรากฏว่าคนก็ชอบกัน เขียนไปเขียนมาสนพ.เขาก็มาขอซื้อเรื่องไปตีพิมพ์ พอได้ตังเป็นก้อน ก็เลยเหมือนมีแรงใจให้เขียนเรื่องต่อๆ ไปอีก แล้วก็เขียนมาจนถึงปัจจุบันนี่
โอโห้ เก่งจังค่ะ นับถือมากกกก
เมื่อก่อนชอบเล่นกับเพื่อนแบบ สร้างตัวละครขึ้นมาแล้วก็เอามาสู้กันและก็มีเรื่อราว บอกเลยเมื่อก่อนนี่จิตนาการบันเจิดมาก ไม่รู้ว่าตอนนั้นทำไปได้ยังไง แต่พอเข้ามัธยมมันรู้สึกว่า -จินตนาการตอนนั้นบวกกับเล่นเกมเนื้อเรื่องเด็ดๆมามาก แล้วมันย้อนกลับเข้าหัวแบบเราปาบูมเมอแรงแล้วมันกลับมาโดนหัวเราอะ คือไม่รู้ว่าจะเอามาลงไหน จะวาดการ์ตูนลงสมุด ก็ดันวาดได้แค่ภาพนิ่งภาพเดียววาดหลายฉากไม่ได้งง ก็เลยเขียนลงสมุดแม่งเลย ตอนนั้น-ผู้หญิงที่นั่งอยู่หน้ามันดันมาเห็นผมเข้าก็เลยถาม "เขียนนิยายด้วยเหรอ" ที่จริงตอนนั้นบอกตรง เขียนไม่รู้เรื่องอะ ไม่มีบทพูด ไม่มีห่าเหวอะไรเลย มันเหมือนหนังสือสรุปอะไม่ใช่นิยาย แต่เพื่อนมันก็ชอบนะ เออตอนนั้นก็เลยเแบบ "เอาวะลองดู" เลยลองเขียนลงเว็บดูปรากฎว่ามันก็ โอเคอะรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยบางอย่างออกจากสมองอะ คือเราไม่เขียนเป็นอาชีพอะ เราเขียนให้เหมือนแบบเล่าเรื่องอะไรประมาณนั้น ถ้่าถามว่าอยากจะเป็นนักเขียนเลยมั้ย ก็ไม่อะเรายังอ่านไม่มากพอ แถมเราก็ไม่ใช่คนตามกระแส และก็เขียนงงๆด้วยถ้าลองเข้าไปอ่านนิยายผมอะนะ เหตุผลมาจาก อ่านไม่มากพอ เรื่องแบบนี้ต้องศึกษามาเขียนสุ่มสี่สุ่มห้ามันยาก ก็ยังไงเราก็จะเขียนต่อไป ถึงแม้ในคลังตัวเองยังมีซัก 12 เรื่อง แต่ปล่อยออกไปแค่สองเรื่องอะ งานเขียนนิยายมันไม่ยากและก็ไม่ง่ายอะ แต่ขออย่างเดียวไม่ยอมแพ้กับขี้เกียจก็พอ "โทษทีนะมันยาวไปปะ"
ไม่ยาวไปค่ะ เราชอบที่พิมให้อ่านนะคะ เอาใจช่วยให้แต่งเรื่องต่อๆไปนะคะ
เพราะอยากเสนอแนวคิดแปลกๆของตัวเองครับ เพราะพูดไป เล่าให้เพื่อนฟังไป ส่วนใหญ่ไม่สนไม่ฟังกัน ก็เลยเขียนเป็นเป็นเรื่องราว แล้วโพส .. เพื่อว่าจะมีสักคนที่ลองอ่าน ฯลฯ
เอาใจช่วยค่ะ
ชอบเขียนการ์ตูนครับ แต่ตอนนั้นอยู่ช่วงม.ปลาย เลยไม่มีเวลาพอจะเขียนการ์ตูนเรื่องยาวได้(งานเยอะมาก) และบังเอิญมีเพื่อนชอบอ่านนิยายในเว็บเด็กดี เขาก็แนะนำฟิคการ์ตูนฮิคารุเซียนโก๊ะให้อ่าน เลยได้รู้จักเด็กดี นั่งอ่านนิยายชาวบ้านไปสักพักก็นึกไอเดียว่าเอาการ์ตูนที่คิดไว้มาเขียนนิยายก็ได้นิ
แต่ตอนแรกไม่กล้าเอามาเขียนนิยายนะ เพราะว่าเราคิดเป็นแนวญี่ปุ่นจ๋าๆ ตามประสาคนอ่านแต่มังงะเลย คือในหัวเราคิดแต่ว่านิยายไทยมันก็ต้องมีแต่แนวละครหลังข่าว เนื้อหาแบบไทยๆ รักๆ ดราม่าๆ พิศสวาท ทาสรัก ผัวๆ เมียๆ ไม่ก็ต้องแนวแบบชั้นครูไปเลย แนวซีไรท์อะไรพวกนี้ ภาพในหัวเกี่ยวกับนิยายไทยเรามีแต่แนวนี้เลย เพราะอ่านนิยายในห้องสมุดมาก็เจอแต่แนวพวกนี้(สมัยนั้นน่ะเนอะ) และความจริงคือไม่ได้อยากหรือคิดจะเป็นนักเขียนมาก่อนแม้สักนิด เพราะจากนิยายต่างๆ ที่เราได้อ่านผ่านมาในชีวิต ผมยอมรับเลยว่า มันก็มีดีและมีสนุก แต่มันไม่ใช่สไตล์ที่ผมจะอยากสร้างหรืออยากเขียนเลย โดยเฉพาะสไตล์นิยายไทย ยิ่งผมเป็นพวกสายหนัง สายการ์ตูน สายซีรี่ย์ วงการนิยายในประเทศไทยคงไม่อยากได้คนแบบผมแน่ๆ ผมเลยไม่คิดว่าจะสามารถเขียนนิยายได้ อ่านน่ะอ่าน อ่านมาตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งไทยทั้งเทศ แต่ไม่เคยมีนิยายเรื่องไหนกระตุ้นให้อยากเขียนเลยสักกระพี้เดียว เหมือนวงการนิยายมันจำกัดรูปแบบ ตีกรอบไว้เรียบร้อยจนเราแทรกไม่ได้แล้ว
แต่พอไปเจอนักเขียนท่านหนึ่งเอานิยายแบบแนวการ์ตูนญี่ปุ่น และเป็นแบบญีปุ่นทั้งหมดมาลงที่เว็บ ก็เลยคิดว่า เออ เฮ้ย มีคนเขียนแนวการ์ตูนด้วยนี่หว่า งั้นเราก็เขียนแนวการ์ตูนญี่ปุ่นได้เหมือนกันอ่ะดิ ไม่เคยคิดมาก่อนว่านิยายมันก็เขียนแนวนี้ได้ ยิ่งได้อ่านบารามอสยิ่งรู้สึก แนวแบบนี้มันก็ตีพิมพ์ได้นี่หว่า เป็นไปได้ด้วยเฮ้ย หลังจากนั้นก็สนุกเลยครับ อยากเขียนอะไรเขียน ช่างหัวกรอบนิยายไทยเทศที่เคยรู้จัก
แต่ปัจจุบันทั้งนิยายและการ์ตูนก็ทำทั้งคู่ครับ แต่เทมาทางนิยายมากหน่อยเพราะ สนพ.ทวงอยู่ ฮ่า
เก่งจังค่ะ มันต้องยากมากแน่ๆที่เราต้องออกนอกกรอบ
เพราะตัวเองเป็นคนเพ้อฝัน วันๆชอบคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้ไร้สาระไปวันๆ ก็เลยคิดว่าเอาลองความคิดไร้สาระพวกนั้นเขียนออกมาเป็นนิยายดู อย่างน้อยก็ยังเป็นความเพ้อฝันที่ดูมีสาระขึ้นมาอีกนิด (เข้าข้างตัวเองสุดๆค่ะ)
สู้ๆค่ะ
มันสนุกดีนะครับ เวลาที่เราได้สร้างสิ่งต่างๆด้วยมือของตัวเอง และอยากทำให้คนอื่นมีความสุขด้วยครัช
จริงๆก็เริ่มเขียนตั้งแต่7ขวบ เขียนแข่งกับเพื่อน ตอนนี้เพื่อนหันไปเขียนการ์ตูนแล้ว เราเขียนอยู่
เด็กมากเลยค่ะ ดีจังที่รู้สิ่งที่ตัวเองชอบตั้งแต่เด็กๆ
ทุกอย่างเริ่มจากเราชอบดูหนัง หรือดูการ์ตูนมาาากตัั้งแต่เด็กๆ ยิ่งเรื่องไหนที่ติดมากๆ เราก็จะเพิ่มตัวละครไปในเรื่องนั้นๆด้วย หรือก็คือ เราจะเอามาแต่งเป็นฟิคในหัวอยู่เป็นประจำ เริ่มตั้งแต่ ป.1 จนปัจจุบันก็ยังทำอยู่ มันเหมือนเราได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนั้น เราไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยว่าเราแต่งเรื่องในหัว กลัวคนอื่นหาว่าบ้า ชอบคิดเพ้อฝัน แต่ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่แต่ง...เรามีความสุขจริงๆนะ
ภายหลังเราเริ่มรู้สึกอยากถ่ายทอดนิยายที่แต่งในหัวออกมา ก็เลยวาดเป็นการ์ตูนลงสมุด แล้วไปๆมาๆมันก็เหนื่อยที่ต้องวาดเยอะแล้วก็ต้องใช้เวลามากพอสมควร เลยลองเขียนบรรยายเป็นตัวหนังสือ ซึ่งมันก็เวิร์คดี
แต่อยู่มาวันนึง เพื่อนๆเกิดสงสัยที่เราชอบเขียนอะไรยึกๆยักๆอยู่ตลอด ซึ่งเราก็ไม่เคยให้ดูเลย เพื่อนๆเลยขโมยสมุดที่เราแต่งนิยายไปอ่านโดยที่เราไม่รู้ วันต่อมาเพื่อนๆก็แห่มาหาเราแล้วพูดประมาณว่า เห้ย! นิยายแกเจ๋งว่ะ เราก็งงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกจนเพืื่อนเล่าให้ฟังว่าได้อ่านนิยายเราแล้ว ความรู้สึกแรกคือ อาย เขิน แต่ลึกๆก็ดีใจที่มีคนอ่านนิยายเรา เพื่อนๆเลยแนะนำใให้เราลองเขียนนิยายลงเด็กดี เราก็ลองดู แรกๆกระแสมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีวิวและไม่เคยมีเม้นท์ แต่เราก็ไม่ย่อท้อเพราะความสุขของนักเขียนคือการได้แต่งนิยาย ไม่ใช่การได้รับคำชม
ต่อมาพอแต่งไปเรื่อยๆ ก็ีมีคนอ่านมากขึ้น มีคนเม้นมากขึ้น มีคนติดตามมากขึ้น เลยบรรลุแล้วว่า การที่คนอ่านชอบและมีความสุขทีี่ได้อ่านนิยายเรา มันคือความสุขที่แท้จริงของการเป็นนักเขียน เราเลยยังคงแต่งนิยายมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับความเห็นนี้ค่ะ เอาใจช่วยนะคะ
ขอบคุณมากเช่นกันค่ะ
เพราะว่าฟิคคู่ที่ต้องการหายากมากกกกเลยแต่งเองเลย555 เป็นเหตุผลที่โคตรไร้สาระ55555
ไม่ไร้สาระหรอกนะคะ สู้ๆค่ะ
บอกตามตรงเลยค่ะว่าตอนเรียนเรื่องที่จะให้แต่งเรียงความสักหน้าหรือทำรายงานสักบทนี้เหมือนนรกมาเยือนเลยเพราะเป็นคนที่แต่งเรื่องอะไรไม่เป็นเลย แต่พอเริ่มมาอ่านหนังสือการ์ตูนก็เริ่มฝึกวาดรูปเพราะอยากวาดได้อย่างเขา ฮ่าๆ พอเริ่มโตขึ้นมาอีกหน่อยก็เริ่มที่จะอ่านหนังสือนิยายแปลแนวพวกฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน ต่อมาเพื่อนๆก็แนะนำนิยายจีนให้อ่านตอนแรกก็ลังเลอยู่นานถือหนังสือไปถือหนังสือมาอยู่เกือบเดือนก็ยังไม่ได้เริ่มอ่านเสียที่แต่พอหลังจากได้ลองอ่านไปหนึ่งเรื่อง จากนั้นห้องทั้งห้องก็เริ่มเต็มไปด้วยหนังสือ พออ่านไปมากๆก็เริ่มที่จะอยากเขียนนิยายออกมาเองสักเรื่อง คิดว่านี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับเรา
เพราะผมโดนหลอก (ฮา)
ทีแรกไอ่เพื่อนมันมาบอกว่า "เฮ้ยถ้าเอ็งจะเอาดีด้านนิยาย ลองเขียนลงเว็บเด็กดีสิวะ เดี๋ยวตรูจะเขียนด้วย เอาเลย ๆ" ไอ่เราก็อืมมม ดี ๆ มีเพื่อนเขียนนิยายด้วย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ทุกวันนี้ก็เหลือตรูแค่คนเดียว แถมมันยังเหลือมายไอดีเวอร์ชั่นแรกไว้เป็นอนุสรณ์สถานในความกวนตีนของมันจนปัจจุบันนี้...
Just Monika...
ตอนประถมอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์แล้วอยากมีโรงเรียนเวทมนต์ของตัวเอง เลยลองเอาเพื่อนมาเป็นตัวละครค่ะ ต้องเขียนเพราะไม่รู้จะระบายจินตนาการออกมายังไง ให้วาดการ์ตูนเป็นเรื่องก็ไม่ไหว
ช่วงม.ต้น เคยเอานิยายที่คิดไว้แค่ตัวละคร เนื้อเรื่องด้นสด มาลงเด็กดีนี่แหละ กลับมาอ่านอีกทีรับความกากไม่ได้เลยลบทิ้ง ถอยมาตั้งหลักใหม่
เราติดความคิดที่ว่า อะไรที่ยังปรับปรุงได้อีกก็ควรลองปรับปรุง เลยอยากจะเขียนให้ดีขึ้น
รู้ตัวอีกทีการเขียนก็กลายเป็นงานอดิเรกที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว
เป็นนักอ่านมาก่อนแล้วจู่ๆวันนึงก็อยากจะเขียนเรื่องของตัวเอง ก็เลยเริ่มเขียนขึ้นมา
เริ่มเขียนนิยายเพราะชอบอ่านนิยายค่ะ เลยรู้สึกว่าอยากจะเปลี่ยนจากนักอ่านมาเป็นนักเขียนดูบ้าง
เริ่มเขียนตั้งแต่ม.1 จนตอนนี้ก็ยังเขียนมาเรื่อยๆ
มันมาจากการที่เราไปอ่านนิยายมาเรื่องนึง แล้วไม่ชอบใจตอนจบ ก็เลยหานิยายที่ตอนจบดราม่าๆ เศร้าๆอ่ะ(ดูแปลกๆม่ะ 55) ซึ่งหายากมาก แล้วก็ไปอ่านฟิค ก็เลยเห็นว่า เออเราแต่งเองก็ได้นี่ ก็เลยแต่งตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เราเริ่มแต่งตอนม.2 แต่เอาแต่งจริงจังจริงๆ ได้ทุกวันก็ม.4
ไม่แปลกหรอกค่ะ สู้ๆนะคะ
เพราะว่าอ่านนิยายเยอะๆเข้าเลยเกิดความรู้สึกอยากลองเขียนอะไรที่มันเป็นงานของตัวเองขึ้นมาบ้าง
แค่คิดว่าเอ๊ะ ถ้าตัวละครเป็นอย่างนี้ๆตามที่เราออกแบบ ได้สร้างสถานการณ์อะไรต่างๆให้ตัวละครแก้ ให้เรื่องดำเนินไปตามที่เราอยากให้เป็นก็รู้สึกสนุกแล้วอะค่ะ
แต่ทุกวันนี้ จะเขียนอะไรสักอย่างก็พยายามอ่านให้เยอะๆยิ่งขึ้นไปอีกก่อน งานเขียนนี้ไม่ง่ายจริงๆ นิยายแต่ละฉากแต่ละซีนคือเค้นออกมาจากมันสมองทั้งนั้น ถึงตอนนี้ก็ยังเขียนไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ พล็อตตันตลอด แงง
เข้าใจเลยค่ะ เอาใจช่วยน้าา
ขอบคุณนะค่ะ จริงๆกระทู้ที่คุณตั้งนี่ดีมากเลยนะ เราไล่อ่านเหตุผลที่เพื่อนๆมาแชร์แล้วก็ได้รู้แรงบรรดาลใจของคนที่อยากเป็นนักเขียนหลายๆคน ได้เห็นมุมมองต่างๆ ของบางคนก็แปลกๆ ขำดี บางคนก็เหตุผลคล้ายๆกับเราเลย
เราเข้าไปอ่านงานเขียนของคุณแล้วอ่านเพลินดีจัง พล็อตก็น่าสนใจ แถมพระเอก 'คราม' ใช้เป็นอิมเมจของ จินยอง GOT7 ด้วยอะ กรี๊ดหนักไปอีก
ไม่ต้องตกใจค่ะอันนี้เราล็อคอินมาตอบคุณ แต่ตอนมาแสดงความคิดเห็นเราไม่ได้ล็อคอิน แฮะๆ
ตอนนั้นเราอ่านนิยายเรื่องหนึ่งแล้วมันรู้สึกขัดๆ แล้วก็อยากจะเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้ดีกว่านี้ค่ะ (รู้สึกเหมือนเอาแต่ใจ 555555) บวกกับชอบจินตนาการเป็นเรื่องๆ เป็นฉากๆ สุดท้ายค้นพบตัวเองว่าชอบในทางนี้ ก็เลยมาเขียนนิยายเป็นของตัวเองค่ะ ^^
เริ่มเขียนตั้งแต่สมัยป.6 หลังจากที่เราอ่านนิยายรักเล่มแรก(ที่ผ่านมาอ่านแต่การ์ตูนฮะ พวกตัวหนังสือเยอะๆไม่เอาล่ะขี้เกียจอ่าน555) ก็แบบเฮ้ยสนุกดีอ่ะ แล้วก็อ่านต่อเรื่อยๆจนมีความคิดที่อยากแต่งแต่ลบไปนานแล้วว เนื่องจากเนื้อเรื่องมั่วซั่วมากมายยิ่งกว่าออกทะเล... ประกอบกับเพื่อน
นี่ตัวช่วยสำคัญจริงๆ
นางบอกให้เราแต่งนิยายให้หน่อย แนวๆกลุ่มห้าคนที่สมมุติเรื่องกันไปคนละอย่าง... และเราคนเดียวโดนทวงทุกวันเวลาขี้เกียจ555
ปัจจุบันนี้ ก็เขียนต่อไปไม่เคยจบสักเรื่อง
เอาใจช่วยค่ะ
ที่เริ่มเขียนเพราะว่า เราเป็นคนที่ไม่สนิทกับใครเลย ไม่แม้แต่จะพูดอะไรเลยเวลาอยู่กับคนอื่น เวลาที่เรารู้สึกอะไรเราก็จะชอบเขียนลงสมุด พิมพ์ลงในบอร์ดต่างๆระบายอารมณ์ ส่วนมากจะเป็นอารมณ์เศร้าแล้วก็สับสน เรามักจะเป็นแบบนั้นเสมอ เราคิดว่า ไม่มีใครเข้าใจเราไปมากกว่าตัวเราเองอีกแล้ว เราเริ่มอยู่กับตัวเองมากขึ้นสังเกตสิ่งรอบข้างมากขึ้น สังเกตแม้แต่ลมที่พัดไปมา จนกลายเป็นว่า เรารักในการเขียนและบรรยายทุกสิ่งรอบตัวแม้แต่สีหน้า อารมณ์ลึกๆ
กลายเป็นว่าเราสังเกตคนรอบตัวมากขึ้นจนกล้าพูดกับคนอื่นเริ่มมีเพื่อน เดาใจคนง่ายขึ้น (ไม่รู้ว่าปกติเราเดาได้อยู่แล้วหรือเปล่า)
(นิยายเป็นจุดเริ่มต้นทุกๆสิ่งในชีวิตของเรา)
เรารักการเขียนนิยายเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่อยู่กับเรา แม้เวลาที่รู้สึกเศร้า สับสน เครียด เกลียดตัวเองมากแค่ไหน มันทำให้เรารู้ว่าเรายังมีสิ่งที่เราทำได้อยู่บ้างและเห็นคุณค่าของตัวเอง
เอาใจช่วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ ^^
เกิดจากที่เราอยากอ่านแนว A แต่ไม่มีคนแต่งแนว A เลย เราก็เลยจัดการเขียนมันสะเอง อ่านเองฟินเองนี่แหละที่ต้องการ /กำหมัดชูกำปั้น
ปล.แนว A คือแนวสมมตินะคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?