[มาระบายเท่านั้น] อย่าทำงานที่ไม่ใช่ราชการ บ้านนี้ไม่ต้องการคนทำงานเอกชน
ตั้งกระทู้ใหม่
ถ้าทำงานเอกชนแปลว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะอยู่บ้านนี้
แต่จำไว้ว่า ลูกต้องช่วยตัวเองทุกอย่างทั้งหมด
ถ้าคิดจะกลับมาตายรังที่บ้านก็อย่าหวังนะ
ที่นี้ไม่ต้องการคนที่ไม่มีงาน ไม่มีเงินที่แน่นอน
ผมกำลังจะเรียนจบ และผมคิดว่า....
ผมจะเดินไปตามทางของผมครับ
14 ความคิดเห็น
อาจารย์ก็สอนในมหาลัยแห่งหนึ่งยังลาออกมาเปิดร้านอาหารอิสระของตัวเองเลยจร้าเงินเดือน5หมื่นกว่าไม่เอาไม่อิสระมนุษย์ทุกคนมีความสุขเมื่อเป็นอิสระตั้งเป้ารายได้แค่เดือนละ2หม่นก็จะเอาและอยู่สบายใจทำไปทำมาเดี๋ยวนี้เดือนละเกิน2แสนทุกเดือนไม่เคยขาดภูมิใจหลายเรามีสมองพัฒนาธุรกิจเราได้ตลอดอยู่แล้ว
คือเคยบอกพ่อแม่ไปว่า เออเนี้ยไปสัมภาษณ์งานมา
พ่อแม่ก็ตอบแค่เอกชน พวกเราไม่นับเป็นงานครับ
เดินทางของคุณเลยค่ะ
เรียนจบแล้ว หางานหาการทำ
ถ้ามันไม่มีสักวันที่เขาจะเข้าใจ แล้วคิดว่าเราทำดีในแบบของเรา
ก็ปล่อยให้เขาอยู่ของเขาไปแบบนั้น
ช่วยตามโอกาส ส่งเงินบ้านบ้างถ้าพอไหว
ที่เหลือก็เลือกทางเดินตัวเองเลยค่ะ
พิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นเลยค่ะ ว่างานเอกชนมันก็มีข้อดี มีสวัสดิการ สามารถมั่นคงได้
ข้อดีของเอกชนคือ เงินเดือนเยอะกว่า เติบโตได้ดีกว่าถ้าองค์กรไม่มีระบบอาวุโส แถมทุกคนต้องแข่งขันกันเลยทำให้พัฒนาตัวเองได้แบบก้าวกระโดด ถ้าคุณเป็นคนเก่ง+ขยัน คุณจะโตเร็วมาก เมื่อเทียบกับราชการที่ทำงานเอื่อยๆเรื่อยๆ(ไม่ใช่ทุกหน่วยงานนะ แต่ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้) เลยทำให้ข้าราชการมักมีสกิลเท่าเดิมเหมือนเดิม เพราะไม่ว่าจะทำงานยังไงก็ได้เลื่อนขั้น เลื่อนเงินเดือนอยู่ดี
คนยุคเบบี้บูมเมอร์เขาจะคิดอยู่แค่อย่างเดียวค่ะว่า งานราชการ = มั่นคง = ไม่อดตาย อะไรที่นอกเหนือจากนั้นคือ ไม่มั่นคง = ไม่ใช่งาน = ฝากชีวิตด้วยไม่ได้ เปลี่ยนความคิดคนรุ่นนี้ยากค่ะ เชื่ออะไรฝังหัวไปแล้วก็จะคิดแบบนั้นไปตลอด ยิ่งเป็นลูกยิ่งไม่ฟัง สรุป....ทำอย่างที่ใจอยากเถอะ วางแผนดีๆ บริหารเงินดีๆ ชีวิตก็มั่นคงได้ค่ะ
สู้ๆนะคะ ทางเราดีมากที่พ่อแม่เข้าใจ และให้อิสระในการตัดสินใจ จงเลือกในสิ่งที่เราจะไม่เสียใจและนึกอยากย้อนเวลากลับมาแก้ไข
ต้องถามก่อนว่า คุณชอบงานราชการหรือ ไม่ ตัดเรื่องความกดดันคาดหวังของครัวเอาออกก่อนนะคะ
1.หากคุณตอบว่า"ชอบ" ตั้งใจเตรียมตัวอ่านหนังสือทำความเข้าใจกับเนื้อหาการสอบบรรจุเข้าราชการเลยจะดีกว่าค่ะ
2.ถ้าคุณตอบว่า "ไม่ชอบ" คุณต้องตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิมศึกษาเรื่องที่คุณให้มากๆขึ้น และทำงานด้านนั้นให้ประสบความสำเร็จค่ะ เพราะหากเราไม่ฝืนทำอะไรที่ไม่ชอบ เรามัหจะทำสิ่งนั้นนานเสมอค่ะ มาถึงจุดนี้อาจต้องใช้เวลาหน่อย แต่เชื่อว่า พ่อแม่ท่านเห็นคุณประสบความสำเร็จท่านก็จะภูมิใจในตัวท่านไม่น้อยไปกว่าเป็นข้าราชการแน่นนอนค่ะ
3.ถ้าคุณตอบว่า "ไม่รู้ชอบอะไร" ก็ทำไปทั้ง2อย่างพร้อมๆกันค่ะ แน่อยู่แล้วว่างานเอกชนเป็นไปได้มากกว่าในการเข้าทำงาน ในช่วงระหว่างนั้นคุณก็อ่านหนังสือตั้งใจทำความเข้าใจกับหารสอบราชการมากขึ้น ควบคู่กับการทำงานเอกชน ก็ไม่เสียหายแต่อย่างไร
สุดท้ายแล้วที่อยากจะฝากไว้คือ หากเราได้ทำงานในด้านที่เรารัก เราจะมีความสุขที่ได้ทำมันค่ะ และ หากเราทุกเทในสิ่งที่เราชอบแล้วนั้น ไม่ว่าเลือกข้อไหนก็ประสบความสำเร็จได้เช่นกันค่ะ สู้ๆๆนะคะ ️️
ยังมีคนคิดแบบนี้อยู่อีกเหรอ ว่างานเอกชนไม่ใช่งาน
พ่อแม่คุณคงมองว่า งานเอกชนไม่มั่นคงค่ะ ไม่เหมือนข้าราชการ ที่ไม่ได้โดนไล่ออกง่ายๆ ถ้าไม่ผิดวินัยร้ายแรงจริงๆ และเงินเดือนขึ้นทุกปี
ตามที่เราถนัดดีกว่า คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า มีทุกงานทุกประเภท
เอกชน ถ้าเก่งจริงๆ เวินเดือนก็จะเยอะมาก แต่ถ้าอายุเยอะ เงินเดือนสูงก็จะถูกกดดันให้ออกอีก ยิ่งภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ งานราชการถือว่าโอเค
แต่....พ่อแม่คุณคงลืมนึกไป คนเป็นแสนสมัครเข้า แต่รับแค่นิดเดียว ยิ่งถ้าสาขาที่คุณจบมายังไม่มีตำแหน่งในงานราชการก็ไม่ได้ทำอยู่ดี
เราสนับสนุนให้จขกท.ไปตามทางที่ตัวเองชอบนะ
งานราชการไม่ใช่งานที่ดีที่มั่นคงที่สุด เราไม่เคยทำราชการ เคยทำงานให้บริษัทต่างชาติชื่อดังแห่งหนึ่ง (แต่เป็นเอาต์ซอร์ส) ถ้าไม่นับสังคมห่วยๆ ระบบองค์กรถือว่าดีมากๆ
เรื่องบรรยากาศที่ทำงานเผลอๆ ราชการแย่กว่าเอกชนด้วยซ้ำ แต่ของแบบนี้ก็อยู่ที่ดวงเนอะ
มีเรื่องจะบอกจขกท. อีกนิด อันนี้เราไม่ได้เจอเองนะ แต่เพื่อนสนิทเรา 3 คนทำงานราชการและรัฐวิสาหกิจ มันบอกว่า...ถ้าไปทำงานราชการแล้วลาออกมาทำเอกชน ประสบการณ์การทำงานที่ได้จากราชการไม่ว่ากี่ปีก็ตาม มันไม่ค่อยมีค่าน่ะค่ะ คือบริษัทเอกชนจะไม่มองว่าคุณมีประสบการณ์เพราะหลายคนที่ออกจากราชการมาทำเอกชน ไม่ได้มีความรู้ความสามารถที่สมกับทำราชการมาหลายปี บอกงี้ก็คงพอคิดออกนะคะว่าระบบราชการมันเป็นยังไง
สังคมที่ไหน ส่วนใหญ่มันก็เหมือน ๆ กันแหละค่ะ เพราะงั้นเลือกงานที่เราไม่อึดอัด และพอใจจะทำเป็นอย่างน้อย ดีกว่าต้องอยู่กับงานที่อึดอัดไปด้วย และคนที่ทำงานก็น่ารำคาญ
แต่เราภาวนาให้เจอเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าที่ดีๆ นะคะ สู้ๆ จ้า
เบื่อความคิดคนยุคเบบี้บูมจัง ถ้าไปเถียงด้วยคงประสาทแดวก ยายเราก้เปนงี้ นางพยายามให้แม่เรารับข้าราชการแต่แม่เราหัวสมัยใหม่ ปัจจุบันในบรรดาพี่น้องแม่เรา แม่เรามีตังเยอะสุด นอกนั้นหนี้บาน
พี่เข้าใจ ชีวิตพี่เป็นแบบน้องเลย ทะเลาะกันบ้านแตก แต่พี่ก็เลือกสอบราชการ ตัดปัญหา เงินเดือนน้อยน่ะจริง สวัสดิการดีมาก แต่คนเฉื่อยๆ ไม่ค่อยพัฒนา ก้าวหน้าด้วยการเลีย แต่ชีวิตเราเลือกเองได้ พี่ก็เรียนเพิ่มให้ตัวเองพัฒนา ทำอาชีพเสริมคู่กันไป อนาคตถ้าอาชีพเสริมดีก็ลาออก พี่ยังคงได้สวัสดิการเหมือนเดิม ได้บำนาญ มีรายได้หลายทาง ชีวิตมีอิสระ
ถ้าน้องทำเอกชนนะ น้องก็สอบราชการเผื่อไว้ ที่ไหนดีก็ไป เอกชนทำงานเก็บเงินเอาประสบการณ์ก็ได้ แล้วทำฟรีแลนคู่กันไป
คนมีตังทำไรก็ไม่ผิด น้องมีตังเมื่อไหร่พ่อแม่ก็เลิกบ่นเอง
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ไทยแลนดดดด ดินแดนลูกชั้นทำงานราชการนะ555
ไปตามทางของคุณเถอะค่ะ ชีวิตเป็นของเรา ไม่ใช่ของพ่อแม่ ข้าราชการข้อดีมีไม่กี่อย่างหรอกค่ะ ที่ดีสุดๆเลยก็สิทธิรักษาพยาบาลเนี่ยแหละ คุ้มสุดละ ที่เหลือห่วย555 จนก็จน กว่าจะแย่งตำแหน่งบรรจุได้ก็ยาก ขนาดเป็นหมอก็ยังต้องมาจับฉลากสุ่มบรรจุอยุ่เลย
เราอ่ะ อยากได้งานราชการก็พยายามสอบๆอยู่ก็เมื่อปีที่แล้วติดเข้ารอบก็ได้ลุ้นๆอยู่ที่นึง แต่เขารับน้อยก็เลยยังไม่ได้ เราบอกเลยไม่ชอบงานเอกชน และไม่คิดจะทำ แต่ก่อนเราไม่ชอบราชการนะแต่ตอนนี้เราว่าดีกว่าตั้งเยอะ ไม่ต้องเลื่อยขาเก้าอี้เหมือนเอกชน ก็อาจมีบ้างปัญหากับเพื่อนร่วมงาน แต่โดยรวมราชการคงร้ายกาจน้อยกว่าเพื่อนร่วมงานเอกชน อีกอย่างไม่ต้องแข่งกันใส่ชุดสวยมาก เราชอบเรียบร้อยๆอยู่ในเครื่องแบบมากกว่า แต่มันติดอยู่ที่สอบเข้ายากมากนี่แหละ รับก็น้อย คนสมัครเยอะนี่สิ
ประเด็นทั้งหมดมาจากค่านิยมผิดๆครับ งานทั้งเอกชนและราชการดีหมดแต่ดีต่างกัน ถ้าประเทศไทยมีรัฐสวัสดิการปัญหาต่างๆจะหายไปหมดในทันทีครับไม่มากก็น้อยแต่ทุกวันนี้ภาษีที่เสียคนธรรมดาไม่ได้คืนมาเป็นบำนาญตอนเกษียณเหมือนกาหรือแถบกลุ่มประเทศนอร์ดิกที่ทุกคนได้รัฐสวัสดิการถ้าไทยทำได้ความคิดแบบนี้จะน้อยลงทันที คนไทยทำยาก แต่ทำยากกะเริ่มทำ ไม่เหมือนกัน สู้ๆน่ะครับเด่วมันก็ผ่านไป
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?