Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำไมนิยายแฟนตาซีสมัยนี้ต้องมีระดับพลังกำกับเอาไว้ด้วย ?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
พูดตามตรงเลยนะครับ สำหรับตัวผมแล้วมองว่าการเขียนถึงระดับพลังมันค่อนข้างน่าเบื่อเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นระดับลมปราณ ระดับพลังเวทย์ หรือระดับเลเวล

   
น่าเบื่อตรงไหน ? 

1. พระเอก แหกกฎเกณฑ์ จนมีพลังที่ไม่เหมือนกับชาวบ้าน 
มันเป็นอะไรที่เจอบ่อยมากเลยครับที่พระเอกเวลน้อยกว่าแต่ตบเอาชนะคนเวลเยอะกว่าได้เพราะมีพลังที่แตกต่าง ทั้งๆที่ตัวละครอื่นๆกับอยู่ในกฎเกณฑ์ของพลังมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย

ระดับพลังนั้นซึ่งมันควรจะเป็นกฎเกณฑ์ที่ตายตัวแท้ๆแต่กลับสร้างมันขึ้นมาให้พระเอกทำลายกฎเกณฑ์เล่นซะอย่างนั้น

2. พระเอกมักจะใช้ยาปั้มเลเวลหรือไอเทมในตำนานเสมอ
พวกอัพ luk มาเต็มแถมยังอัพสเตตัสได้เลื่อยๆ

3. พระเอกมันจะรู้ตัวว่าไม่สามารถเอาชนะคนที่มีพลังระดับไหนได้
พระเอกที่มีพลังแตกต่างกว่าชาวบ้านก็จริงแต่ก็ไม่สามารถตบได้ทุกคนอยู่แล้ว 

4.เมื่อพระเอกเลเวลสูงจนเกินไปจนทำให้คนอื่นกลัว 
พระเอกแค่เอาชนะคนเก่งที่สุดในด่านแรกได้เมื่อไหร่ก็จบเลยครับ ไม่มีใครกล้าไปท้าพี่แกสู้อีกเลย แล้วก็หนีไปด่านที่ 2 - 3 - 4 จนเจอบอส 

5.ระดับพลังนั้นมันจะทำให้พระเอกเด่นอยู่คนเดียว
เพราะพระเอกมันแตกต่างจากคนอื่นจึงทำให้เขานั้นโดดเด่นอยู่ตลอดเวลา จริงไหมล่ะครับ ต่อให้มีเพื่อนรุ่นพี่ที่เคยเก่งกว่าอย่างไง แต่พอพระเอกเก่งกว่าเมื่อไหร่ มันก็เหมือนตายทั้งเป็นทันที ไม่มีบทไหนที่จะโดดเด่นขึ้นมาได้เลย

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็แค่อยากแสดงมุมมองของการเขียนระดับพลังเท่านั้นแหละครับไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอก

ซึ่งถามว่าอ่านแนวนี้ครั้งแรกรู้สึกอย่างไร ต้องบอกว่าสนุกตื่นเต้นสุดๆไปเลย ลุ้นตลอดว่าพระเอกจะทำอยากไรให้เก่งขึ้น สุดท้ายก็ยาบั้มพลังนี้แหละคือคำตอบที่ถูกต้อง


 

แสดงความคิดเห็น

>

13 ความคิดเห็น

อัจฉราโสภิต 3 เม.ย. 61 เวลา 10:13 น. 1

ก็ “มันเป็นนิยาย” “อยากอ่านอะไรที่มันสะใจ” “ชอบเล่นเกมเลยอยากอ่านอะไรที่มันเหมือนเกม” “ชอบคนเก่ง เจ้าเล่ห์ เกรียน โกง อ่านแล้วมันสนุกมีรสชาติกว่าคนดีคนปกติ” “ไม่เก่งแล้วจะเป็นพระเอกทำไม” “โลกความจริงมันเครียด ทำไมต้องไปสมจริง”


มั้งครับ

1
เฟืองเก่า 3 เม.ย. 61 เวลา 10:36 น. 2

พูดง่ายๆ ก็คือมันเป็นค่านิยมไปแล้วนั่นแหละครับ กระแสโอนไปทางไหน เรื่องส่วนใหญ่ก็จะเอนไปทางนั้นหมด คงต้องรออัศวินขี่ม้าขาว (ที่มีพลังบาลานซ์) ปรากฏตัวสักวันล่ะนะ :v

//เอ๊ะ! หรือในเมื่อมันไม่โผล่หัวออกมาสักที เราก็เป็นมันซะเองเลยก็ได้นี่นา!!

2
เบลุม 18 เม.ย. 61 เวลา 08:45 น. 2-2

ดูหนังจีนยังรู้เรื่องกว่านิยายจีนตอนนี้ซะอีก

0
แฟรงค์ ไฟลอย 3 เม.ย. 61 เวลา 10:37 น. 3

พระเอกแนว วิ่งสู้ฟัด

กว่าจะเก่ง กินขนมตุ้บตั้บมาเยอะ



หาอ่านยากมากครับ


เจอแต่โผล่มา แมร่งก็OPเลย


ไม่ก็โผล่มา2ตอนได้เมีย


เบื่อออออออ

2
เอ็มอบอวน 3 เม.ย. 61 เวลา 10:44 น. 3-1

สมัยผมอ่านนิยายคนไทยเขียนครั้งแรก (จำชื่อเรื่องไม่ได้)


สมัยนั้นยังไม่มีเกิดใหม่หรือไปต่างโลก พระเอกขาเป่แต่ฉลาดก็ทำเอาทั้งเรื่องสนุกตั้งแต่ต้นยันจบเล่มเลยครับ


แถมใช้พลังในกฎเกณฑ์เดียวกันกับชาวบ้านเขาด้วย

0
Some_Player 3 เม.ย. 61 เวลา 11:01 น. 4

ผมไม่เคยจับผิดว่าระดับขั้นต่างกันอะไรหรอกฮะ


ผมแค่จำระดับขั้นอะไรในเรื่องที่คนเขียนให้มาในหน้าแรกไม่ได้สักอย่างเลย ผมเลยเบื่อ


แต่เห็นด้วยกับจขกท ทุกข้อครับ


เอาจริง ๆ นะ ผมว่าระดับขั้นไม่ควรใส่มาในหน้าแรกเพราะไม่มีจำหรอก (มั้ง)

0
CorgiCanFly 3 เม.ย. 61 เวลา 11:29 น. 5

มันเป็นเหมือนค่านิยมแนวแฟนตาซีไปแล้วครับ "ต้องมีระดับขั้น" "เจอตัวโหด ตูโหดกว่า" "ทำไมต้องเมคเซนส์ ในเมื่อเป็นพระเอก" "สู้กันสองสามตอนได้เมีย อันนี้มันก็คือผลพลอยได้จากความ op"


จริงจังเลยครับ แนวพระเอกสายกลางที่พลังความสามารถไม่เวอร์วังอลังการ สู้แบบล้มลุกคลุกคลาน จากตัวเอกเลเวล 1 ต้องเดินทางแบบคลุกขี้ฝุ่นจนถึงเลเวลสูงสุด นี่มันหายากจริงๆ

2
เอ็มอบอวน 3 เม.ย. 61 เวลา 13:54 น. 5-1

แนวได้เมียพร้อมความ op อันนี้ผมก็ขอผ่านเหมือนกันครับ ถ้ามันจะขนาดนั้นผมไปอ่านแนวรักแฟนตาซีที่ผู้หญิงชอบแต่งดีกว่า

0
CorgiCanFly 3 เม.ย. 61 เวลา 16:31 น. 5-2

ถ้าสเกลพลังเวอร์แล้วมันเขียนเอาฮา ก่อนจะค่อยๆเนิฟลงไปให้เหลือสเกลพลังเท่ากันอย่างงั้นน่าจะดูเมคเซนส์กว่า

0
K.W.E. 3 เม.ย. 61 เวลา 12:58 น. 6

ผมเข้าใจว่ากำหนดมาเพื่อเป็นเกณฑ์สำหรับมโนได้น่ะครับว่าเก่งระดับไหน สุดยอดแค่ไหน

ถ้าสร้างตัวละครเทพๆ ก็จะได้เข้าใจตรงกันว่ามันอยู่หัวแถวแล้วนะ (พูดอีกอย่างก็คือเล่นง่ายนี่แหล่ะ... ไม่ต้องมาไล่บรรยายสรรพคุณหรือสร้างอีเว้นท์พรีเซ้นต์ตัวเองเลย ปักป้ายแขวนระดับพลังแสดงไว้แล้ว)


แต่ถ้าสร้างตัวละครกลางๆ ก็ทำให้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ถ้าคิดจะไต่ไปถึงยอดยังมีอีกหลายระดับ

หรือพวกที่เป็นรองลงมาห่างชั้นสักแค่ไหน



แต่ถ้าถามว่าเห็นด้วยไหม ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนะ

คือจะใส่มาทำไมเยอะแยะแต่ตอนแรก ทำเหมือนกับมันเป็นจุดขายหลักของเรื่องงั้นแหล่ะ เพราะถ้าขึ้นหัวเรื่องเปิดแบบโปรโมทมาอยา่งงั้น มันต้องสำคัญมากแล้วล่ะครับ ไม่ใช่แค่เพื่อให้รู้ว่าพระเอกมันเก่งนะ แต่ส่วนนี้ไม่ค่อยได้มีแก่นสานในเรื่องเลย


ไอเดียระดับพลัง ระดับ Rank เนี่ย ถ้าใช้ดีมันก็เวิร์คนะครับ มันทำให้รู้ว่าตัวละครเก่งระดับไหน เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่อยู่ในวงการเดียวกันทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่มันจะไม่มาเด่นเหนือการเดินเรื่องหรอกครับ


ล่าสุดก็เช่น โอเวอร์ลอร์ด ที่พระเอกที่แฝงตัวไปรับงานก็พยายามไต่ระดับขึ้นมาอยู่

หรือ กอบลินสเลเยอร์ นั่นก็สะท้อนไปถึงตัวตนพระเอกเป็นอย่างดีเลยว่า ไม่ได้เก่งเทพขนาดผู้กล้าตำนานอะไรเลย แต่เขาก็แค่ชำนาญเรื่องการฆ่ากอบลินมากๆ เท่านั้นเอง


อย่างเรื่องเกิดมาเป็นลไสม์ ก็มีการเล่นสเกลพลังเพื่อดูว่าเก่ง อย่างมังกรที่ริมุรุกินเข้าไป นั่นก็ระดับโลกาวินาศ ซึ่งยังไม่เคยเห็นแอ็กชันแกร่งๆ ของแก แต่มันก็แสดงออกทางอ้อมผ่านแก่นพลังที่ริมุรุเอาไปแจกชื่อชาวบ้าน


หรือ ReMonster (และ โอเวอร์ลอร์ด) ก็มีการเล่นระดับความหายากของไอเท็ม ซึ่งนี่ก็ดูจะเป็นแรงบันดาลใจนักเขียนหลายคนเลย เปิดหน้านิยายมานี่ มีการจัด Rank ทั้งระดับความเก่งของตัวละครไปจนถึงระดับความโหดของอาวุธ



บางเรื่องเก็บรายละเอียดเยอะมากเป็นเกือบสิบลำดับชั้นเลย

ดูอลังการทีเดียว


แต่ในใจผมก็นึกสงสัยอยู่นะว่า.... ที่เยอะๆ ขนาดนี้เนี่ย ในเรื่องจริงมีรายละเอียดสิ่งของครบทุกลำดับไหมล่ะนั่น หรือแค่เอามาให้เยอะให้อลังไว้ก่อน แต่ในรายการนั้นจริงๆ มีแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น


เอาจริงนะ ผมว่าการสร้างสมดุลเรื่อง สมดุลอาวุธนี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ

แค่ตัวแปรไม่กี่ชิ้นก็ชวนหนักหัวแล้ว แต่นี่มาเป็นสิบลำดับชั้นเชียว สมมติเล่นๆ ว่าลำดับหนึงมีสัก 5 ชิ้น นั่นก็เท่ากับว่าต้องมีไอเดียอาวุธอย่างน้อย 50 ชิ้นแล้วนะเออ........



2
เอ็มอบอวน 3 เม.ย. 61 เวลา 14:00 น. 6-1

ผมเห็นด้วยที่บอกว่ามันเล่นง่ายนี้แหละ ผมก็เข้าใจนะว่ามันเล่นง่ายจริงๆ

นิยายสมัยนี้เน้นเดินเรื่องเร็วแถมยังบรรยายน้อยลงอีกด้วย เอะอะตู้มต้าม ตัดฉากแล้ว ผมนี้คิดถึงนิยายเก่าๆที่เล่าเรื่องช้าๆอย่างระเอียดมากกว่า อย่าง ดราก้อนอาริน นางเล่นบรรยายอย่างประนีประนอม จนผมอ่านซ้ำไปมาหลายรอบ (มีแค่สามเล่ม)

0
SilverPlus 3 เม.ย. 61 เวลา 13:59 น. 7

ก็ ก็... นิยายแปลเขาเขียนกันมาแบบนี้...


ใช่ไหมหว่า? ไม่ค่อยได้อ่าน


แม้เจ้าของกระทู้จะบอกว่าน่าหงุดหงิด แต่การมีระดับพลัง ก็เป็นอะไรที่เหมาะกับมือใหม่มากครับ เพราะมันขีดกรอบไว้ มีลำดับขึ้นตอน ... นักเขียนหน้าใหม่ส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถควบคุมระดับพลังได้ ... ยิ่งไม่มีกำกับไว้ ยิ่งไหลนอกเรื่องไปใหญ่


ส่วนตัว ผมว่าสนุกดีนะ เหมาะสำหรับมือใหม่ดี เขียนง่าย เก่งง่าย คนอ่านก็เข้ามาอ่านเยอะอยู่


ก็มีแต่นักเขียนนอกกระแสอย่างในบอร์ดนี้เแหละที่ออกจะหงุดหงิดนิดหน่อย

1
เอ็มอบอวน 3 เม.ย. 61 เวลา 14:16 น. 7-1


ผมก็เข้าใจที่คุณบอกนะครับว่ามันเล่นง่ายจริงเพราะตัวผมเองก็เคยแต่งเรื่องที่มีระดับพลังเลย


แต่ว่าข้อเสียสำหรับผมมันก็ตามหัวข้อด้านบนนั้นแหละครับ

มันเลยทำให้รู้สึกว่าน่าเบื่อเปิดหน้าแรกมาเจอระดับพลัง ยิ่งชื่อซ้ำกับเรื่องที่เคยอ่านมาก็ ลากอย

0
White Frangipani 3 เม.ย. 61 เวลา 17:42 น. 8



ทำไมนิยายแฟนตาซีสมัยนี้ต้องมีระดับพลังกำกับเอาไว้ด้วย ?




พูดตามตรงเลยนะครับ สำหรับตัวผมแล้วมองว่าการเขียนถึงระดับพลังมันค่อนข้างน่าเบื่อเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นระดับลมปราณ ระดับพลังเวทย์ หรือระดับเลเวล

 


 

น่าเบื่อตรงไหน ?




1...


2...


3...


4...


5...



ซึ่งถามว่าอ่านแนวนี้ครั้งแรกรู้สึกอย่างไร ต้องบอกว่าสนุกตื่นเต้นสุดๆไปเลย ลุ้นตลอดว่าพระเอกจะทำอยากไรให้เก่งขึ้น สุดท้ายก็ยาบั้มพลังนี้แหละคือคำตอบที่ถูกต้อง







สุดท้ายก็ยาบั้มพลังนี้แหละคือคำตอบที่ถูกต้อง



5555555555555



สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้



อ่านๆ...คำบอกเล่า...ของคุณแล้วก็รับรู้ได้ว่า...คุณรู้สึกเบื่อจริงด้วยนะคะนี่


เบื่อๆกับนิยาย...ทั้งหลายซึ่งมีพล็อตซึ่งมีพลังต่างๆดังที่คุณยกมาทั้ง5ข้อดังที่เห็น


5ข้อ...นะคะ อ่านคำบอกเล่าของคุณแล้วรู้สึกว่า...ต้นเหตุแห่งความรู้สึกที่คุณรู้สึกเบื่อหน่าย...นี้นะคะ เจ้าของเม้นต์นี้เข้าใจว่า...มันมีแบ็คกราวน์อยู่ คือความเป็นจริงค่ะ


แบ็คกราวน์นี้...แท้จริงคืออารมณ์ที่เบื่อหน่าย...ซึ่งเกิดขึ้นที่คุณเองนะคะ


คือว่าในความเป็นจริง...อาการความรู้สึกเบื่อหน่าย หรือแม้อาจจะมีความรู้สึกเครียดผสมผสานอยู่ด้วยในบางครั้ง ของคนเรานะคะ จริงแล้วคือ...อารมณ์ของเราเองค่ะ


สัพสิ่งทั้งหลายทั้งมวล...รอบๆตัว หรือแม้นิยาย...ซึ่งถูกเขียนขึ้นด้วยพลังต่างๆ เช่นที่คุณยกมานี้นะคะ มันก็อยู่ของมันดีๆ




คือความเป็นจริงอย่างยิ่งยวดคือ...หลายๆคนเขาอาจจะไม่รู้สึกเช่นที่คุณรู้สึก...ก็เป็นได้นะคะ เพราะฉะนั้น...แท้จริงอารมณ์เบื่อหน่าย เครียด เซ็ง หมดอาลัยตายอยาก รู้สึกไม่สนุกสนานได้ ไม่สุนทรีย์ ทานไม่อร่อย นอนไม่หลับ หลับๆตื่นๆ หลับไม่สนิท มีอากการอ่อนเพลีย...อาการความรู้สึกเหล่านี้...แท้จริงแล้วเกิดขึ้นได้ในคนเราเป็นธรรมดาค่ะ


คือมิใช่เพราะ...มีสาเหตุ...มาจากสิ่งที่มันอยู่ของมันดีๆทั้งหลายดังที่กล่าวนะคะ


ตามความเป็นจริงแล้ว...หากคนเรามีอารมณ์ซึ่งเกิดเป็นอารมณ์ไม่ดีต่างๆต่อสิ่งแวดล้อม...เราต้องแก้ไขที่สาเหตุ...นะคะ นั้นคือต้องแก้ไขที่อารมณ์ของคุณเองค่ะ


เพื่อที่คุณจะไม่เกิดอาการเบื่อหน่าย...ค่ะ


ที่คุณรู้สึกว่านิยาย...ซึ่งมีพล็อตที่มีพลังในรูปแบบต่างๆเป็นเหตุ...ทำให้คุณเบื่อหน่ายนั้น...จริงแล้วคุณเข้าใจผิดค่ะ


หรือแม้ในพล็อตดังที่ว่า เป็นระดับลมปราณ ระดับพลังเวทย์ หรือระดับเลเวล เหล่านี้แท้จริงเป็นอะไรที่ตื่นเต้น สนุกสนาน ท้าทาย ทำให้อยากลุ้น ของผู้อื่นก็เป็นได้นะคะ หากแต่เพราะอะไร? คุณจึงเกิดความเบื่อหน่าย...ต่อนิยายเหล่านี้ คือแท้จริง...สาเหตุแห่งการเบื่อนี้น่าจะเกิดขึ้นที่คุณนะคะ


คือจริงแล้วคุณค่ะที่มีอาการ...หากแต่...คุณนำนิยายในแบบดังกล่าวมาเป็นเหตุแห่งปัจจัย...คือคุณลงความเห็นให้ตัวคุณเอง...ด้วยความรู้สึกนึกคิดของคุณเองในขณะที่คุณมีอาการอยู่นี้เท่านั้นค่ะ


คือแท้จริงแล้ว...คุณเข้าใจผิดนะคะ


เมื่อมีอารมณ์เบื่อหน่ายนะคะ อะไรๆก็ไม่สวยงาม ไม่สนุกสนาน ไม่สุนทรีย์ นั้นเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา...ในคนค่ะ


เจ้าของเม้นต์นี้เมื่อได้อ่านคำบอกเล่าของคุณแล้วก็เป็นห่วงใยเพื่อนร่วมบอร์ด จึงอยากที่จะเข้ามาเพื่อแนะนำคุณว่า...คุณต้องแก้ไข...อารมณ์ของคุณเอง ซึ่งเป็นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คุณไม่สุนทรีย์ได้นี้...ให้ถูกจุดค่ะ


เพื่อที่คุณจะมีอาการดีขึ้น...คุณอาจจะเห็น รู้สึก ที่แตกต่าง...ต่อนิยายดังกล่าวนี้...ก็เป็นได้นะคะ


คุณลองๆนะคะ


นี่ค่ะ วิธีแก้ไข...อารมณ์ที่ไม่สุนทรีย์







และนี่ค่ะ วิธีแก้ไข อาการเบื่อ เบื่อตัวเอง


http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/secret-trick/49225.html




หรือว่ารับฟังเพลงเหล่านี้บ่อยๆจะช่วยได้ค่ะ
















หรือว่าออกไปพักผ่อนในที่ที่มีธรรมชาติสวยงาม เช่น ป่า ภูเขา ทะเลเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้างจะช่วยได้มากๆค่ะ



อยากให้คุณรู้สึกได้ถึง...ความรู้สึกสุนทรีย์ ความรู้สึกเป็นสุข ความรู้สึกสนุกสนานได้ค่ะ เพราะความรู้สึกเหล่านี้นะคะ วิเศษมากค่ะ



เป็นกำลังใจให้คุณนะคะ



จาก เพื่อนร่วมบอ์ดค่ะ



https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-06.png



สู้สู้นะคะ




https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-13.png




4
เอ็มอบอวน 3 เม.ย. 61 เวลา 23:17 น. 8-1

มันก็คงเป็นที่อารมณ์อย่างที่คุณบอกนั้นแหละ อารมณ์ประมาณว่ากับข้าวก็อร่อยของมันอยู่แล้วแต่ผมดันกินมันเข้าไป 3 เวลาอาหาร ของทุกๆวัน จึงทำให้ผมเบื่อก็ได้หรือไม่มันอาจเป็นกับข้าวที่อร่อยแต่ผมไม่ชอบก็ได้นะ 555


แต่ขอขอบคุณมากกับวิธีปรับอารมณ์น่ะถ้าให้ผมปรับอารมณ์กับของพวกนี้สู้ดูการ์ตูนเล่นเกมดีกว่าฮ่ะ 555


แต่เบื่อก็มันคือเบื่ออยู่ดีนั้นแหละฮ่ะ ไม่ได้บอกว่าของที่เขาทำมานั้นมันไม่สนุกแต่ เจอจนซ้ำซากเกิดไป พออ่านดูแล้วมันก็เหมือนกับเรื่องอื่นที่เคยอ่านมานั้นแหละครับ

0
White Frangipani 4 เม.ย. 61 เวลา 07:04 น. 8-2

สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้



หากจะเปรียบกับอาหารนะคะ..."อารมณ์ประมาณว่ากับข้าวก็อร่อยของมันอยู่แล้วแต่ผมดันกินมันเข้าไป 3 เวลาอาหาร ของทุกๆวัน จึงทำให้ผมเบื่อก็ได้"...แต่คำตอบที่ได้ก็ยังคงอยู่ในเคสเดิมอยู่ดีค่ะ


คือคุณเองที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไงคะ แม้อาหารจะอร่อยเพียงไร หากแต่คุณมีอารมณ์ที่จะทานซํ้าซาก แน่นอนอาการเบื่อ สามารถเกิดขึ้นมาได้เป็นธรรมดาค่ะ


คืออาการที่คุณเป็นอยู่นี้ เป็นเพราะอารมณ์มึนๆอึนๆของคุณเองค่ะ(ต้องแก้ไขที่ตัวคุณนะคะ)


พยายามปรับเปลี่ยนอารมณ์บ้างก็ดีนะคะ ลองๆเปลี่ยนไปทานอาหารชนิดอื่นๆ ที่แตกต่างๆในทุกมื้อดูบ้าง อาจจะช่วยได้ค่ะ (เปลี่ยนๆบ้างมื้อต่อไปนะคะ คุณได้ความบันเทิงที่แตกต่างพร้อมด้วยความอิ่มอร่อยค่ะ)



หรือไม่มันอาจเป็นกับข้าวที่อร่อยแต่ผมไม่ชอบก็ได้นะ 555"....5555ก็แน่หล่ะ การที่ไม่ชอบก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่นั้นเป็นอีกเรื่องนะคะ ไม่ชอบก็ไม่ต้องทาน (ไม่ต้องอ่าน)ค่ะ ง่ายๆนิดเดียวนะคะ


แต่อาการเบื่อ...นี้เป็นอาการความรู้สึกที่ไม่ดีนะคะ เป็นอันตราย หากคุณมีอาการนานๆนะจะนำพาคุณไปสู่โรคร้าย เช่นโรคซึมเศร้า โรคเครียดไม่ดีนะคะ



แต่เบื่อก็มันคือเบื่ออยู่ดีนั้นแหละฮ่ะ ไม่ได้บอกว่าของที่เขาทำมานั้นมันไม่สนุกแต่ เจอจนซ้ำซากเกิดไป พออ่านดูแล้วมันก็เหมือนกับเรื่องอื่นที่เคยอ่านมานั้นแหละครับ...นิยายในเด็กดีนี้มีอยู่ตั้งหลายๆแสนเรื่องนะคะ คุณลองๆหาที่ไม่ซํ้าน่าจะเจอได้อย่างแน่นอน


เชื่อว่าจะต้องมีที่แตกต่างอยู่อย่างแน่นอนค่ะ



พยายามทำใจให้ร่าเริง และติดๆบวกเข้าไว้ค่ะ จะช่วยคุณได้มาก และง่ายที่คุณจะสามารถเป็นสุข สนุกสนานกับทุกสิ่งอย่างรอบๆตัวคุณได้ค่ะ



เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ



https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png



0
เอ็มอบอวน 4 เม.ย. 61 เวลา 08:31 น. 8-3

ครับถ้าจะให้ผมมานั่งเปลี่ยนอารมณ์ก็คงต้องเปลี่ยนแนวนิยายอ่านง่ายกว่าครับ เออ..ขอโทษนะฮ่ะ ชีวิตผม ผมรู้ดีว่าควรทำอยากไร ไม่ชอบก็แค่เปลี่ยนฮ่ะ ไม่มานั่งปรับอารมณ์ไรสาระหรอก


(ผมรู้ว่ามันเป็นเพราะอารมณ์ผม คุณจะรู้ดีกว่าผมได้ไงถ้าบอกว่ามันไม่สนุกเป็นเพราะนิยายหรืออารมณ์ล่ะ )


แต่ก็อยากจะบอกนักเขียนหลายๆท่านด้วยว่ามันควรปรับปรุง มันจำเจเกินไป หาลูกเล่นอื่น ๆ มาแทนได้ไหม

(ไม่อยากจะพูดอย่างนี้ตรงๆหรอกนะครับเพราะผมเองก็ไม่มีปัญญาไปแต่งให้มันดีกว่าเขา)


ในฐานะคนอ่านก็แค่อยากออกมาสือให้พวกเขารับรู้ก็เท่านั้นเอง จะให้ผมดิเตียนในนิยายเรื่องนั่นๆก็คงน่าเกรียดเลยมาบอกผ่านบอร์ดแทนครับ


0
White Frangipani 4 เม.ย. 61 เวลา 15:32 น. 8-4

สวัสดี วันใหม่ค่ะ


เออ..ขอโทษนะฮ่ะ ชีวิตผม ผมรู้ดีว่าควรทำอยากไร ไม่ชอบก็แค่เปลี่ยนฮ่ะ ไม่มานั่งปรับอารมณ์ไรสาระหรอก"...จริงแล้วก็รู้นะคะว่าเป็นอารมณ์ของคุณ


รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องของคุณนะ อ่านๆมองๆผ่านคำบอกเล่าแล้วก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องของคุณค่ะ และเข้าใจว่า...อาการเบื่อที่คุณจ่าหัว...มานั้นแท้จริงเป็นปัญหาของคุณ...ดิฉันก็เพียงอยากชี้แนะให้คุณแก้ปัญหาค่ะ


ด้วยความเข้าใจว่า...อาการเบื่อเป็นอะไรที่ไม่ดียิ่ง และการปรับเปลี่ยนให้ตนมีความรู้สึกดี...ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะคะ (หากคุณรู้สึกว่าเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับคุณดิฉันรับรู้ไว้ค่ะ)


(ผมรู้ว่ามันเป็นเพราะอารมณ์ผม คุณจะรู้ดีกว่าผมได้ไงถ้าบอกว่ามันไม่สนุกเป็นเพราะนิยายหรืออารมณ์ล่ะ )...555555 เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นรอบๆตัวเรานะคะ เป็นเหตุที่คนเราเห็น รู้ อาการ การแสดงออก...เช่นที่คุณกระทำไงคะ หลายๆคนก็รู้ได้ ไม่เพียงดิฉันค่ะ (หลายๆคนอาจจะสามารถ รู้เห็น และรู้สึกได้เช่นกันค่ะ การเห็นเหตุต่างๆได้นี้เป็นธรรมชาตินะคะ)


จากคำบอกเล่าของคุณนี้ก็รู้ว่าคุณเบื่อหน่าย...คุณก็บ่นไปเรื่อยเปื่อย คุณก็บอกมาด้วยตัวคุณเองนี่คะว่าคุณเบื่อ...และที่ดิฉันหวังดีนะคะ...มีอะไรผิดหรือเสียหายมากไหมคะ สำหรับความรู้สึกของคุณนะ???



แต่ก็อยากจะบอกนักเขียนหลายๆท่านด้วยว่ามันควรปรับปรุง มันจำเจเกินไป หาลูกเล่นอื่น ๆ มาแทนได้ไหม

(ไม่อยากจะพูดอย่างนี้ตรงๆหรอกนะครับเพราะผมเองก็ไม่มีปัญญาไปแต่งให้มันดีกว่าเขา) "


...555555 จริงแล้วคุณสามารถเข้าไปบอกเขาดีๆเป็นรายๆไป...กับเจ้าของนิยายในทุกเรื่องที่คุณอ่านนิยายของเขา...บอกเขาว่าคุณต้องการให้เขาลองๆเขียนแนวอื่นๆดูบ้าง...นั้นน่าจะเป็นการง่ายกว่า และจะเกิดเป็นความรู้สึกที่ดีต่อคุณด้วยนะคะ หากจะเปรียบกับการที่คุณเข้ามาตั้งกระทู้บ่นลอยๆ เบื่อๆ และตั้งมาเป็นข้อๆด้วย


คือดิฉันเห็นว่าเป็นการกระทำที่พลาง หรือแฝง..มั่วๆ ไม่ชัดเจน...ด้วยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกสงสารคุณนะเกรงว่าคุณจะเกิดอาการหนักขึ้นค่ะ


เพราะตราบใดที่คุณยังคงมีอาการเบื่อหน่ายและกระทำแบบนี้บ่อยๆตลอดเวลาไม่ดีต่อคุณเองค่ะ เพราะในเด็กดีนี้นะคะมีนิยายในแนวที่คุณยกมานี้มากมายค่ะ มีเป็นแสนเรื่องคุณก็รู้


และการที่เขานักเขียน...รักจะเขียนรักจะทำในแนวที่เขาอยากทำนั้นแน่นอนมีอยู่มากมายหลายๆคน การที่คุณตั้งกระทู้ตำหนิติเตียนแบบแอบแฝง...นี้ไม่ดีทั้งคุณเองและต่อนักเขียนนะคะ


คุณต้องรู้จักระลึกถึงจิตใจผู้อื่นบ้างสิคะคุณ...คุณเคยคิดไหมว่าการตั้งกระทู้แบบลอยๆแอบแฝงด้วยการสาดสิ่งติดลบสู่สังคมนั้นไม่ดียิ่งนะคะ อยากให้คุณเลิกค่ะ (จริงแล้วนี้ก็เป็นอีกปัญหาที่ต้องแก้ไขค่ะ หากสังคมจะพัฒนา หรือเดินหน้าต่อไปได้นะคะ)


จริงแล้วจุดนี้ที่ดิฉันแอนตี้ด้วยค่ะ แต่พยายามจะไม่บอกคุณตรงๆเช่นกัน พยายามมากๆที่จะรักษานํ้าใจคุณค่ะ


คุณไม่รู้สึกว่า...เขาเจ้าของนิยายมากมายในแนวที่คุณยกมา...บ่นๆแบบลอยๆแบบแอบแฝง ยกมากล่าว...ว่าเป็นอะไรที่น่าเบื่อทั้งหลายนี้ เขาจะไม่รู้สึกเสียใจ รู้นึกน้อยใจ รู้สึกหมดกำลังใจบ้างหรือคะ????ถามจริงนะคะ



ในฐานะคนอ่านก็แค่อยากออกมาสือให้พวกเขารับรู้ก็เท่านั้นเอง จะให้ผมดิเตียนในนิยายเรื่องนั่นๆก็คงน่าเกรียดเลยมาบอกผ่านบอร์ดแทนครับ"....5555555555555555555555 นี่ไงเทคนิคเก่าๆ วิธีคิด วิธีทำ ลอจิกเก่าแก่ ซึ่งคุณกระทำลงไปแบบตั้งใจ?? หรือว่าไม่ตั้งใจ?? หรือว่าไม่รู้ว่าคุณทำอะไร???กันแน่นะ


คุณคงไม่รู้นะคะว่าการที่คุณกระทำนี้น่าเกลียด และน่าสมเพชคุณมากมาย ค่ะ


หากแต่คุณจะเข้าไปบอกเขานักเขียนตรงๆด้วยความจริงใจ แบบตัวต่อตัว น่าจะดีกว่านะคะ หรือไม่ก็จงอย่าทำอะไรในแบบที่คุณทำนี้นะคะ ไม่ดีค่ะ


เพราะที่นี่เป็นที่ลงนิยาย เป็นที่เขียนนิยาย...มีผู้ที่มีส่วนร่วมมากมายค่ะ


หรือหากคุณต้องการที่จะตั้งกระทู้เพื่อการพัฒนา...ในเรื่องของนิยาย...เพื่อการส่งเสริม หรือเพื่อการพัฒนานะคะ ต้องไม่ใช่ในวิธีที่คุณกระทำนี้ค่ะ


คุณกลับไปดู ไปอ่านอีกครั้งนะคะ ว่าคุณตั้งกระทู้...ยกแนวนิยายดังกล่าวมาแบบโต้งๆ ชัดเจนมีคำตำหนิแบบแอบแฝง ลอยๆขึ้นมา คือจริงแล้วคุณบอกตรงๆด้วยว่านิยายในแบบทั้งหลายนั้นเป็นอะไรที่น่าเบื่อ...เป็นการโฆษณาให้เขาทั้งหลายในทางที่ติดลบแบบโต้งๆเลยด้วยค่ะ (คุณกลับไปอ่านคำบอกเล่าของคุณเองนะคะ)


คุณกระทำได้อย่างไรกันคะ??????????????????? ถามจริงๆนะ คุณรู้สึกผิดไหม รู้สึกรู้สาต่อสิ่งที่คุณทำไหม?????คะ มีความรับผิดชอบไหม????


การเขียนนิยายนะคะเป็นการที่เขานักเขียนต้องใส่พลังจิต พลังใจ พลังกาย ซึ่งนักเขียนทั้งหลายต้องการสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นผลงานของเขาขึ้นมา...ต้องใช้เวลา ต้องใช้ไฟ ต้องใช้เน็ต หากแต่คุณไม่ให้เกียรติ์ ไม่ยํ่าเกรง อยากจะทำอะไรคุณก็ทำ...ทั้งหมดนี้คือผล คือสิ่งที่ดิฉันเห็นผลของการกระทำของคุณค่ะ


และดิฉันเข้าใจว่า...คนปรกติมีจิตที่สมดุลย์นะคะเขาจะไม่สามารถกระทำเช่นที่คุณทำได้ค่ะ คือดิฉันเข้าใจว่า...จิตใจของคุณนะคะมีปัญหา ซึ่งคุณเองก็บอกว่าคุณมีอาการเบื่อ...ดิฉันจึงเป็นห่วงใยคุณ...หลังจากเห็นผ่านการกระทำของคุณ...ดิฉันก็เพียงเข้ามาเพื่อชี้แนะ...และบอกเล่าอาการของคุณ กับตัวคุณเท่านั้นค่ะ



จริงแล้ว...ประเทศไทย สังคมไทยเป็นสังคมเปิดนะคะ การที่นักเขียนเขาจะสร้างสรรค์จินตนาการ เป็นผลงาน เป็นนิยายในแนวไหน อย่างไร ตราบใดที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม ไม่ขัดต่อคุณธรรม ไม่เป็นอะไรที่เป็นเรื่องราวที่จะนำมาในการเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม...เราๆน่าจะปล่อยให้สังคมได้เดินหน้าต่อไป...ด้วยความสันตินะคะ


การสร้างภาพ ด้วยการพูดนำในทางลบ แบบแอบแฝงการตำหนิ (ให้ร้าย) แบบเลื่อนลอย...ในทางที่ติดลบ หรือการแอบแฝงชวนเชื่อให้ผู้อื่นเสียหาย(ในที่นี้คือทำให้นิยายในแนวดังกล่าวเสียหายนะคะ) ด้วยวิธีที่ผู้กระทำหรือพูดจะปลอดภัย ไม่ถูกลงโทษ...หากแต่ผลของการกระทำ มันยํ่าแย่...จริงนะคะ


การกระทำแบบนี้จะทำให้สังคมไม่สามารถเปิดกว้างออกได้ตามที่มันควรจะเป็น และเป็นการที่จะเป็นอิสระที่จะรุดหน้าต่อไป...ในทางสะดวกได้ หรือก็ยาก และที่แย่ๆหรือที่แน่ๆเหตุที่จะเกิดคือเกิดเป็นสังคมล้าหลัง และยังให้ความรู้สึกว่า...สังคมอับด้วยค่ะ


ทุกอย่างมีผล...จริงนะคะ


จริงแล้วทั้งหมดหลังจากการอ่านคำบอกเล่าในกระทู้ของคุณนะคะ ดิฉันก็มีสิ่งที่ดิฉันพยายามแอบแฝงไว้ในใจ... หากแต่ดิฉันก็พยายามที่จะไม่ซีเรียสนะคะ


คือดิฉันเพียงอยากแก้ปัญหาที่เหตุ คือแก้ที่คุณโดยตรงเท่านั้น จึงก้าวเข้ามาคุยกับคุณ ด้วยความจริงใจ และห่วงใยทั้งเพื่อคุณและสังคมที่เราอยู่ร่วมกันนี้ค่ะ...


แต่ก็นะ รู้สึกว่าต้องยาวๆจนได้สิ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-03.png






0
G.Tenju 3 เม.ย. 61 เวลา 18:24 น. 9

ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบระดับพลัง แรงค์ไอเทม กับเลเวล เพราะมันเป็นผลพวกมาจากที่ว่าชอบเล่นเกมครับ แต่ส่วนใหญ่ที่อ่านเจอ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมระบบมันเหมือนกันหมดยังกะก๊อบกันมา


ระดับปราณ(จำชื่อไม่ได้) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13


ระดับอาวุธ(จำชื่อไม่ได้) 1(+สี) 2(+สี) 3(+สี) 4(+สี) 5(+สี) 6(+สี) 7(+สี) 8(+สี) 9(+สี)


ระดับมอนสเตอร์(จำชื่อไม่ได้) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12


ระดับฉายา(!?) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12


ค่าเงิน

1หยก = 10ทอง

1ทอง = 10เงิน

1เงิน = 10ทองแดง


ขออภัยด้วยที่กระทบงานเขียนหลายๆท่าน แต่ผมบอกตามตรงเลยว่าพอท่านอัดมาให้จำตั้งแต่ต้นเรื่อง ผมจำไม่ไหวครับ(ทั้งที่ผมชอบเกมแท้ๆ) อยากให้ท่านช่วยเนียนแทรกไปบอกผ่านเนื้อเรื่องแทน


ที่ผมชอบระดับขั้นเพราะว่ามัน 'ง่ายต่อการเปรียบเทียบ' แล้วสำหรับคนเล่นเกมเขาจะรู้กันครับว่าหน่วยพลังแค่ 1-2 หน่วยมันก็ทำให้เกมพลิกได้ ถ้าเอามาใช้ในแง่ของนิยายจะกลายเป็นเรื่องของกลยุทธ์เต็มๆ


อาจจะเป็นเพราะใจคนเขียนลึกๆเองอยากจะเขียนเกมเองด้วย เลยเอามาสร้างในนิยาย ผมก็อยากทำเหมือนกันครับ ผมอยากเห็นเกมที่ของทุกอย่างได้ใช้งานจริงๆ ไม่ใช่อาวุธชุดเกราะที่ต้องเปลี่ยนทุกๆ 5-10 เลเวล หรือขวดโพชั่นที่ต้องอัดเป็นสิบๆขวดกว่าจะเลือดเต็ม หรือเห็นค่าระดับพลังที่ผมอ่านแล้วจำไม่ได้ว่าใครสเตตัสเท่าไหร่(ไม่สำคัญจนไม่ต้องจำ) ผมชอบแนวเกมเพราะอยากดูการออกแบบระบบของแต่ละท่านครับ


บางทีผมก็งงนะ เคยเจอนิยายจีนเรื่องนึงเกี่ยวกับการทำอาหาร คนเขียนดันใส่เลเวลกับรายชื่อความสามารถกำกับไว้ด้วย ผมนี่มึนเลยว่ามันมาเกี่ยวด้วยได้ยังไง


มีอีกเรื่องที่น่าตกใจ นักเขียนบางคนเข้าใจว่าการใส่ตัวเลขกับกฎเกณฑ์ลงไปในนิยายคือการเพิ่มตรรกะและความสมเหตุสมผลของเรื่องครับ (เจอมากับตัว)

4
เอ็มอบอวน 3 เม.ย. 61 เวลา 23:25 น. 9-1

ผมมองว่า-การใส่ระดับพลังลงไปมันทำให้ ลูกเล่นหรืออรรถรส มันน้อยลงตาม มันจึงถูกตีกรอบให้อยู่แค่นั้น ก็อย่างเล่นเกมเก็บเลเวลทั่วไปนั้นแหละครับ คุณจะเลเวลเพิ่ม ก็ต่อเมื่อทำเควสตีมอนเตอร์ เป็นส่วนใหญ่ ถ้าเอามาใช้กับนิยายมันก็ประมาณนั้นแหละ ครับ


แต่ถ้าลองนิยายไม่มีระดับพลัง...คราวนี้จะทำยังไงให้คนอ่านเข้าใจว่าพลังเหนือกว่าอย่างไรเก่งกว่ายังไง ชนะแบบไหน ผมว่ามันทำให้คนแต่งสามารถเล่นลูกเล่นได้หลากหลาย หาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ ใช้วิธีสกปรกก็ยังได้ ผมชอบแบบนี้มากกว่าฮ่ะ

0
G.Tenju 4 เม.ย. 61 เวลา 16:39 น. 9-2

สำหรับผม มันแล้วแต่คนใช้อะครับ ถ้านิยายสมัยก่อนที่ชอบแปะตารางธาตุกำหนดบังคับไว้เลยว่า ไฟ > ดิน > น้ำ > ลม > ไฟ แล้วก็รายชื่อแผงสกิลยาวเป็นพรืด มีแต่จะทำให้ขีดจำกัดความสร้างสรรค์มันน้อยลง สบายคนเขียน คนอ่านสมองแตกตาย


ผมบอกว่าชอบก็จริง แต่ไม่ได้ชอบขนาดที่ว่ามานั่งนับตัวเลขครับ คนจะตีกันมาคำนวนค่าพลังสำหรับผมมันไม่สนุก ผมอยากเห็นการใช้ค่าพลังเชิงสร้างสรรค์กว่านี้แต่มันไม่มีใครทำ(เท่าที่อ่านมา) เลยต้องมาเขียนเองอยู่นี่แหละครับ

0
CorgiCanFly 6 เม.ย. 61 เวลา 13:53 น. 9-3

สำหรับผมคือ พวกสกิลธาตุการแพ้ทางผมก็ใส่ แต่ใส่แค่เฉพาะพวกตัวละครที่ใช้พลังเหนือธรรมชาติได้ ก็คือพวกปีศาจในเรื่อง แต่เอกใช้ไม่ได้เพราะไม่มีความความสามารถควบคุมพลังเหนือธรรมชาติพวกนี้ได้ มีแต่เทคโนโลยี เทคนิคการต่อสู้ที่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ และสกิลนักกีฬาเก่าที่เพิ่งกลับมาปัดฝุ่นใหม่ (เมคานิคการต่อสู้และระบบธาตุแพ้ทางอ้างอิงจากเกม Shin Megami Tensei ภาคเก่าๆ ที่ตัวเอกไม่มีพลังวิเศษอะไรเลย นอกจากเรียกปีศาจมาช่วยสู้ได้)


แต่ส่วนมากเรื่องเลเวลของเวทย์ พอตอนหลังๆ การต่อสู้ยิ่งยากขึ้น เวทย์ขั้นแรกๆก็ไม่ได้ใช้งานก็จะเปลี่ยนไปใช้อันที่สูงกว่าแทนไปเลย ส่วนสกิลก็จะมีใช้บ้างสำหรับตัวที่โจมตีแบบกายภาพ บางตัวของเล่นเยอะหน่อยก็เอาของเล่นมาใช้กับพวกสกิลด้วย บางตัวมีสกิลประจำตัวก็ใช้สกิลประจำตัวแทนไป

0
3 เม.ย. 61 เวลา 20:14 น. 10

สำหรับเราคือรกสมองค่ะ จำไม่ค่อยจะได้ต้องมาจำพวกนี้ เราคนหนึ่งปวดหัวเลยล่ะ

ถ้าเปิดหน้าเดิม กับตอนอ่านพร้อมกันเพื่อทำความเข้าใจ


โดยรวมคือเห็นด้วยค่ะ ถ้าถามถึงความรู้สึกแรก อ่านก็ตื่นเต้น แต่งเองก็ตื่นเต้น หลังๆไม่ไหว เราลบเรื่องทิ้ง ไม่อ่านจนตอนนี้ไม่อยากอ่านอะไรแล้ว ยอมรับว่าขี้เกียจหาอ่าน แต่หาไปก็ไม่เจอแนวที่ตัวเองอยากอ่านเลย


ฮื่อ...

0
Whiteflower Ri 3 เม.ย. 61 เวลา 23:54 น. 11

ของเราก็เขียนแนวแฟนตาซีนะ แต่ไม่มีระดับพลังอะไรเลย ไม่รู้มันคืออะไร 55555


แบบว่าไม่มีความรู้เรื่องเกมออนไลน์อะไร



2
เบลุม 18 เม.ย. 61 เวลา 08:43 น. 11-2

ถึงเล่นเกมบ่อยก็ไม่ควรยุ่งกับมันอยู่ดี เอาเวลาติวหนังสือยังจะปวดหัวน้อยกว่า

0
ArisaChuchu 4 เม.ย. 61 เวลา 01:02 น. 12

นิยายของเราเนื้อเรื่องอยู่ในเกมค่ะ ก็เลยต้องมีค่าแทนความสามารถในเกมเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งสำหรับเรามันจำเป็น แต่คงไม่อธิบายตรงนี้เพราะไม่ต้องการจะสปอยล์


ถ้าสนใจเรื่องที่ตัวเอกเลเวล 1 ก็กดเข้ามาอ่านได้งับ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png

1
เบลุม 18 เม.ย. 61 เวลา 08:42 น. 12-1

แบบ ready player one ค่อยน่าอ่านหน่อย แต่แบบนิยายจีนค่าเยอะแยะอ่านไม่ถึงสิบตอน ลาขาด

0
แฟรงค์ ไฟลอย 4 เม.ย. 61 เวลา 09:00 น. 13

นิยายแฟนตาซี มันคืออะไร

มันคือ สิ่งที่หลุดจากความเป็นจริง

ไร้กรอบ มีระเบียบแต่ก็ไร้แบบแผน

อย่างซุปเปอร์แมน

ฟงอวิ๋น

เทพมารสะท้านภพ

ตินตินผจญภัย


แต่แปลก นักเขียนฝึกหัด กลับไปตีกรอบนิยายแฟนตาซีซะเอง

3
เอ็มอบอวน 4 เม.ย. 61 เวลา 09:40 น. 13-1

นิยายแฟนตาซีมันหลุดความเป็นจริงนะครับ ก็จริงอยุู่นะครับ

แต่ก็คงต้องตีกรอบให้นิยายตัวเองด้วย เพราะถ้าไม่ทำอยากนั้นคงไม่ใช่แค่หลุดออกมาจากความเป็นจริงแน่นอนได้หลุดออกจากโลกไปเลยทีเดียว 5555

ผมคิดว่ามันควรใส่เหตุผลซึ่งทำให้คนอ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้นมาบ้างก็ยังดี

(เหตุผลที่ว่า ก็ไม่ต้องอิงจากความจริงก็ได้ 55)

0
เบลุม 18 เม.ย. 61 เวลา 08:39 น. 13-2

เรื่องที่ไม่ตีกรอบดันตีกรอบซะเอง เรื่องที่ควรตีกรอบก็ไม่ยอมทำ นิยายจึงไม่นานอ่านเท่าไร ขนาดคนติดเกมยังอ่านไม่รู้เรื่องเลย

0
CorgiCanFly 18 เม.ย. 61 เวลา 09:36 น. 13-3

ที่ผมเจอก็จะเป็นนิยายแนวจีนกำลังภายใน นิยายแนวเกมออนไลน์เจอบ่อยมากกับโลจิคกาวๆแบบนี้

0