ทำไมนิยายแฟนตาซีสมัยนี้ต้องมีระดับพลังกำกับเอาไว้ด้วย ?
ตั้งกระทู้ใหม่
น่าเบื่อตรงไหน ?
1. พระเอก แหกกฎเกณฑ์ จนมีพลังที่ไม่เหมือนกับชาวบ้าน
มันเป็นอะไรที่เจอบ่อยมากเลยครับที่พระเอกเวลน้อยกว่าแต่ตบเอาชนะคนเวลเยอะกว่าได้เพราะมีพลังที่แตกต่าง ทั้งๆที่ตัวละครอื่นๆกับอยู่ในกฎเกณฑ์ของพลังมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย
ระดับพลังนั้นซึ่งมันควรจะเป็นกฎเกณฑ์ที่ตายตัวแท้ๆแต่กลับสร้างมันขึ้นมาให้พระเอกทำลายกฎเกณฑ์เล่นซะอย่างนั้น
2. พระเอกมักจะใช้ยาปั้มเลเวลหรือไอเทมในตำนานเสมอ
พวกอัพ luk มาเต็มแถมยังอัพสเตตัสได้เลื่อยๆ
3. พระเอกมันจะรู้ตัวว่าไม่สามารถเอาชนะคนที่มีพลังระดับไหนได้
พระเอกที่มีพลังแตกต่างกว่าชาวบ้านก็จริงแต่ก็ไม่สามารถตบได้ทุกคนอยู่แล้ว
4.เมื่อพระเอกเลเวลสูงจนเกินไปจนทำให้คนอื่นกลัว
พระเอกแค่เอาชนะคนเก่งที่สุดในด่านแรกได้เมื่อไหร่ก็จบเลยครับ ไม่มีใครกล้าไปท้าพี่แกสู้อีกเลย แล้วก็หนีไปด่านที่ 2 - 3 - 4 จนเจอบอส
5.ระดับพลังนั้นมันจะทำให้พระเอกเด่นอยู่คนเดียว
เพราะพระเอกมันแตกต่างจากคนอื่นจึงทำให้เขานั้นโดดเด่นอยู่ตลอดเวลา จริงไหมล่ะครับ ต่อให้มีเพื่อนรุ่นพี่ที่เคยเก่งกว่าอย่างไง แต่พอพระเอกเก่งกว่าเมื่อไหร่ มันก็เหมือนตายทั้งเป็นทันที ไม่มีบทไหนที่จะโดดเด่นขึ้นมาได้เลย
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็แค่อยากแสดงมุมมองของการเขียนระดับพลังเท่านั้นแหละครับไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอก
ซึ่งถามว่าอ่านแนวนี้ครั้งแรกรู้สึกอย่างไร ต้องบอกว่าสนุกตื่นเต้นสุดๆไปเลย ลุ้นตลอดว่าพระเอกจะทำอยากไรให้เก่งขึ้น สุดท้ายก็ยาบั้มพลังนี้แหละคือคำตอบที่ถูกต้อง
13 ความคิดเห็น
ก็ “มันเป็นนิยาย” “อยากอ่านอะไรที่มันสะใจ” “ชอบเล่นเกมเลยอยากอ่านอะไรที่มันเหมือนเกม” “ชอบคนเก่ง เจ้าเล่ห์ เกรียน โกง อ่านแล้วมันสนุกมีรสชาติกว่าคนดีคนปกติ” “ไม่เก่งแล้วจะเป็นพระเอกทำไม” “โลกความจริงมันเครียด ทำไมต้องไปสมจริง”
มั้งครับ
อันนี้ก็เข้าใจนะครับ แต่เจอแนวนี้บ่อยๆมันก็เลยเบื่อ
พูดง่ายๆ ก็คือมันเป็นค่านิยมไปแล้วนั่นแหละครับ กระแสโอนไปทางไหน เรื่องส่วนใหญ่ก็จะเอนไปทางนั้นหมด คงต้องรออัศวินขี่ม้าขาว (ที่มีพลังบาลานซ์) ปรากฏตัวสักวันล่ะนะ :v
//เอ๊ะ! หรือในเมื่อมันไม่โผล่หัวออกมาสักที เราก็เป็นมันซะเองเลยก็ได้นี่นา!!
ช่วงนี้ผมหนีมาอ่านแนวยัยตัวร้ายฟรุ้งฟริ้งแทนแล้วฮ่ะ
ดูหนังจีนยังรู้เรื่องกว่านิยายจีนตอนนี้ซะอีก
พระเอกแนว วิ่งสู้ฟัด
กว่าจะเก่ง กินขนมตุ้บตั้บมาเยอะ
หาอ่านยากมากครับ
เจอแต่โผล่มา แมร่งก็OPเลย
ไม่ก็โผล่มา2ตอนได้เมีย
เบื่อออออออ
สมัยผมอ่านนิยายคนไทยเขียนครั้งแรก (จำชื่อเรื่องไม่ได้)
สมัยนั้นยังไม่มีเกิดใหม่หรือไปต่างโลก พระเอกขาเป่แต่ฉลาดก็ทำเอาทั้งเรื่องสนุกตั้งแต่ต้นยันจบเล่มเลยครับ
แถมใช้พลังในกฎเกณฑ์เดียวกันกับชาวบ้านเขาด้วย
ขอชื่อนิยายหน่อยครับ จะได้ไปอ่าน
ผมไม่เคยจับผิดว่าระดับขั้นต่างกันอะไรหรอกฮะ
ผมแค่จำระดับขั้นอะไรในเรื่องที่คนเขียนให้มาในหน้าแรกไม่ได้สักอย่างเลย ผมเลยเบื่อ
แต่เห็นด้วยกับจขกท ทุกข้อครับ
เอาจริง ๆ นะ ผมว่าระดับขั้นไม่ควรใส่มาในหน้าแรกเพราะไม่มีจำหรอก (มั้ง)
มันเป็นเหมือนค่านิยมแนวแฟนตาซีไปแล้วครับ "ต้องมีระดับขั้น" "เจอตัวโหด ตูโหดกว่า" "ทำไมต้องเมคเซนส์ ในเมื่อเป็นพระเอก" "สู้กันสองสามตอนได้เมีย อันนี้มันก็คือผลพลอยได้จากความ op"
จริงจังเลยครับ แนวพระเอกสายกลางที่พลังความสามารถไม่เวอร์วังอลังการ สู้แบบล้มลุกคลุกคลาน จากตัวเอกเลเวล 1 ต้องเดินทางแบบคลุกขี้ฝุ่นจนถึงเลเวลสูงสุด นี่มันหายากจริงๆ
แนวได้เมียพร้อมความ op อันนี้ผมก็ขอผ่านเหมือนกันครับ ถ้ามันจะขนาดนั้นผมไปอ่านแนวรักแฟนตาซีที่ผู้หญิงชอบแต่งดีกว่า
ถ้าสเกลพลังเวอร์แล้วมันเขียนเอาฮา ก่อนจะค่อยๆเนิฟลงไปให้เหลือสเกลพลังเท่ากันอย่างงั้นน่าจะดูเมคเซนส์กว่า
ผมเข้าใจว่ากำหนดมาเพื่อเป็นเกณฑ์สำหรับมโนได้น่ะครับว่าเก่งระดับไหน สุดยอดแค่ไหน
ถ้าสร้างตัวละครเทพๆ ก็จะได้เข้าใจตรงกันว่ามันอยู่หัวแถวแล้วนะ (พูดอีกอย่างก็คือเล่นง่ายนี่แหล่ะ... ไม่ต้องมาไล่บรรยายสรรพคุณหรือสร้างอีเว้นท์พรีเซ้นต์ตัวเองเลย ปักป้ายแขวนระดับพลังแสดงไว้แล้ว)
แต่ถ้าสร้างตัวละครกลางๆ ก็ทำให้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ถ้าคิดจะไต่ไปถึงยอดยังมีอีกหลายระดับ
หรือพวกที่เป็นรองลงมาห่างชั้นสักแค่ไหน
แต่ถ้าถามว่าเห็นด้วยไหม ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนะ
คือจะใส่มาทำไมเยอะแยะแต่ตอนแรก ทำเหมือนกับมันเป็นจุดขายหลักของเรื่องงั้นแหล่ะ เพราะถ้าขึ้นหัวเรื่องเปิดแบบโปรโมทมาอยา่งงั้น มันต้องสำคัญมากแล้วล่ะครับ ไม่ใช่แค่เพื่อให้รู้ว่าพระเอกมันเก่งนะ แต่ส่วนนี้ไม่ค่อยได้มีแก่นสานในเรื่องเลย
ไอเดียระดับพลัง ระดับ Rank เนี่ย ถ้าใช้ดีมันก็เวิร์คนะครับ มันทำให้รู้ว่าตัวละครเก่งระดับไหน เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่อยู่ในวงการเดียวกันทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่มันจะไม่มาเด่นเหนือการเดินเรื่องหรอกครับ
ล่าสุดก็เช่น โอเวอร์ลอร์ด ที่พระเอกที่แฝงตัวไปรับงานก็พยายามไต่ระดับขึ้นมาอยู่
หรือ กอบลินสเลเยอร์ นั่นก็สะท้อนไปถึงตัวตนพระเอกเป็นอย่างดีเลยว่า ไม่ได้เก่งเทพขนาดผู้กล้าตำนานอะไรเลย แต่เขาก็แค่ชำนาญเรื่องการฆ่ากอบลินมากๆ เท่านั้นเอง
อย่างเรื่องเกิดมาเป็นลไสม์ ก็มีการเล่นสเกลพลังเพื่อดูว่าเก่ง อย่างมังกรที่ริมุรุกินเข้าไป นั่นก็ระดับโลกาวินาศ ซึ่งยังไม่เคยเห็นแอ็กชันแกร่งๆ ของแก แต่มันก็แสดงออกทางอ้อมผ่านแก่นพลังที่ริมุรุเอาไปแจกชื่อชาวบ้าน
หรือ ReMonster (และ โอเวอร์ลอร์ด) ก็มีการเล่นระดับความหายากของไอเท็ม ซึ่งนี่ก็ดูจะเป็นแรงบันดาลใจนักเขียนหลายคนเลย เปิดหน้านิยายมานี่ มีการจัด Rank ทั้งระดับความเก่งของตัวละครไปจนถึงระดับความโหดของอาวุธ
บางเรื่องเก็บรายละเอียดเยอะมากเป็นเกือบสิบลำดับชั้นเลย
ดูอลังการทีเดียว
แต่ในใจผมก็นึกสงสัยอยู่นะว่า.... ที่เยอะๆ ขนาดนี้เนี่ย ในเรื่องจริงมีรายละเอียดสิ่งของครบทุกลำดับไหมล่ะนั่น หรือแค่เอามาให้เยอะให้อลังไว้ก่อน แต่ในรายการนั้นจริงๆ มีแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
เอาจริงนะ ผมว่าการสร้างสมดุลเรื่อง สมดุลอาวุธนี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ
แค่ตัวแปรไม่กี่ชิ้นก็ชวนหนักหัวแล้ว แต่นี่มาเป็นสิบลำดับชั้นเชียว สมมติเล่นๆ ว่าลำดับหนึงมีสัก 5 ชิ้น นั่นก็เท่ากับว่าต้องมีไอเดียอาวุธอย่างน้อย 50 ชิ้นแล้วนะเออ........
ผมเห็นด้วยที่บอกว่ามันเล่นง่ายนี้แหละ ผมก็เข้าใจนะว่ามันเล่นง่ายจริงๆ
นิยายสมัยนี้เน้นเดินเรื่องเร็วแถมยังบรรยายน้อยลงอีกด้วย เอะอะตู้มต้าม ตัดฉากแล้ว ผมนี้คิดถึงนิยายเก่าๆที่เล่าเรื่องช้าๆอย่างระเอียดมากกว่า อย่าง ดราก้อนอาริน นางเล่นบรรยายอย่างประนีประนอม จนผมอ่านซ้ำไปมาหลายรอบ (มีแค่สามเล่ม)
ใช่ครับ ทำง่าย
ก็ ก็... นิยายแปลเขาเขียนกันมาแบบนี้...
ใช่ไหมหว่า? ไม่ค่อยได้อ่าน
แม้เจ้าของกระทู้จะบอกว่าน่าหงุดหงิด แต่การมีระดับพลัง ก็เป็นอะไรที่เหมาะกับมือใหม่มากครับ เพราะมันขีดกรอบไว้ มีลำดับขึ้นตอน ... นักเขียนหน้าใหม่ส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถควบคุมระดับพลังได้ ... ยิ่งไม่มีกำกับไว้ ยิ่งไหลนอกเรื่องไปใหญ่
ส่วนตัว ผมว่าสนุกดีนะ เหมาะสำหรับมือใหม่ดี เขียนง่าย เก่งง่าย คนอ่านก็เข้ามาอ่านเยอะอยู่
ก็มีแต่นักเขียนนอกกระแสอย่างในบอร์ดนี้เแหละที่ออกจะหงุดหงิดนิดหน่อย
ผมก็เข้าใจที่คุณบอกนะครับว่ามันเล่นง่ายจริงเพราะตัวผมเองก็เคยแต่งเรื่องที่มีระดับพลังเลย
แต่ว่าข้อเสียสำหรับผมมันก็ตามหัวข้อด้านบนนั้นแหละครับ
มันเลยทำให้รู้สึกว่าน่าเบื่อเปิดหน้าแรกมาเจอระดับพลัง ยิ่งชื่อซ้ำกับเรื่องที่เคยอ่านมาก็ ลากอย
ทำไมนิยายแฟนตาซีสมัยนี้ต้องมีระดับพลังกำกับเอาไว้ด้วย ?
พูดตามตรงเลยนะครับ สำหรับตัวผมแล้วมองว่าการเขียนถึงระดับพลังมันค่อนข้างน่าเบื่อเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นระดับลมปราณ ระดับพลังเวทย์ หรือระดับเลเวล
น่าเบื่อตรงไหน ?
1...
2...
3...
4...
5...
ซึ่งถามว่าอ่านแนวนี้ครั้งแรกรู้สึกอย่างไร ต้องบอกว่าสนุกตื่นเต้นสุดๆไปเลย ลุ้นตลอดว่าพระเอกจะทำอยากไรให้เก่งขึ้น สุดท้ายก็ยาบั้มพลังนี้แหละคือคำตอบที่ถูกต้อง
สุดท้ายก็ยาบั้มพลังนี้แหละคือคำตอบที่ถูกต้อง
5555555555555
สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้
อ่านๆ...คำบอกเล่า...ของคุณแล้วก็รับรู้ได้ว่า...คุณรู้สึกเบื่อจริงด้วยนะคะนี่
เบื่อๆกับนิยาย...ทั้งหลายซึ่งมีพล็อตซึ่งมีพลังต่างๆดังที่คุณยกมาทั้ง5ข้อดังที่เห็น
5ข้อ...นะคะ อ่านคำบอกเล่าของคุณแล้วรู้สึกว่า...ต้นเหตุแห่งความรู้สึกที่คุณรู้สึกเบื่อหน่าย...นี้นะคะ เจ้าของเม้นต์นี้เข้าใจว่า...มันมีแบ็คกราวน์อยู่ คือความเป็นจริงค่ะ
แบ็คกราวน์นี้...แท้จริงคืออารมณ์ที่เบื่อหน่าย...ซึ่งเกิดขึ้นที่คุณเองนะคะ
คือว่าในความเป็นจริง...อาการความรู้สึกเบื่อหน่าย หรือแม้อาจจะมีความรู้สึกเครียดผสมผสานอยู่ด้วยในบางครั้ง ของคนเรานะคะ จริงแล้วคือ...อารมณ์ของเราเองค่ะ
สัพสิ่งทั้งหลายทั้งมวล...รอบๆตัว หรือแม้นิยาย...ซึ่งถูกเขียนขึ้นด้วยพลังต่างๆ เช่นที่คุณยกมานี้นะคะ มันก็อยู่ของมันดีๆ
คือความเป็นจริงอย่างยิ่งยวดคือ...หลายๆคนเขาอาจจะไม่รู้สึกเช่นที่คุณรู้สึก...ก็เป็นได้นะคะ เพราะฉะนั้น...แท้จริงอารมณ์เบื่อหน่าย เครียด เซ็ง หมดอาลัยตายอยาก รู้สึกไม่สนุกสนานได้ ไม่สุนทรีย์ ทานไม่อร่อย นอนไม่หลับ หลับๆตื่นๆ หลับไม่สนิท มีอากการอ่อนเพลีย...อาการความรู้สึกเหล่านี้...แท้จริงแล้วเกิดขึ้นได้ในคนเราเป็นธรรมดาค่ะ
คือมิใช่เพราะ...มีสาเหตุ...มาจากสิ่งที่มันอยู่ของมันดีๆทั้งหลายดังที่กล่าวนะคะ
ตามความเป็นจริงแล้ว...หากคนเรามีอารมณ์ซึ่งเกิดเป็นอารมณ์ไม่ดีต่างๆต่อสิ่งแวดล้อม...เราต้องแก้ไขที่สาเหตุ...นะคะ นั้นคือต้องแก้ไขที่อารมณ์ของคุณเองค่ะ
เพื่อที่คุณจะไม่เกิดอาการเบื่อหน่าย...ค่ะ
ที่คุณรู้สึกว่านิยาย...ซึ่งมีพล็อตที่มีพลังในรูปแบบต่างๆเป็นเหตุ...ทำให้คุณเบื่อหน่ายนั้น...จริงแล้วคุณเข้าใจผิดค่ะ
หรือแม้ในพล็อตดังที่ว่า เป็นระดับลมปราณ ระดับพลังเวทย์ หรือระดับเลเวล เหล่านี้แท้จริงเป็นอะไรที่ตื่นเต้น สนุกสนาน ท้าทาย ทำให้อยากลุ้น ของผู้อื่นก็เป็นได้นะคะ หากแต่เพราะอะไร? คุณจึงเกิดความเบื่อหน่าย...ต่อนิยายเหล่านี้ คือแท้จริง...สาเหตุแห่งการเบื่อนี้น่าจะเกิดขึ้นที่คุณนะคะ
คือจริงแล้วคุณค่ะที่มีอาการ...หากแต่...คุณนำนิยายในแบบดังกล่าวมาเป็นเหตุแห่งปัจจัย...คือคุณลงความเห็นให้ตัวคุณเอง...ด้วยความรู้สึกนึกคิดของคุณเองในขณะที่คุณมีอาการอยู่นี้เท่านั้นค่ะ
คือแท้จริงแล้ว...คุณเข้าใจผิดนะคะ
เมื่อมีอารมณ์เบื่อหน่ายนะคะ อะไรๆก็ไม่สวยงาม ไม่สนุกสนาน ไม่สุนทรีย์ นั้นเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา...ในคนค่ะ
เจ้าของเม้นต์นี้เมื่อได้อ่านคำบอกเล่าของคุณแล้วก็เป็นห่วงใยเพื่อนร่วมบอร์ด จึงอยากที่จะเข้ามาเพื่อแนะนำคุณว่า...คุณต้องแก้ไข...อารมณ์ของคุณเอง ซึ่งเป็นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คุณไม่สุนทรีย์ได้นี้...ให้ถูกจุดค่ะ
เพื่อที่คุณจะมีอาการดีขึ้น...คุณอาจจะเห็น รู้สึก ที่แตกต่าง...ต่อนิยายดังกล่าวนี้...ก็เป็นได้นะคะ
คุณลองๆนะคะ
นี่ค่ะ วิธีแก้ไข...อารมณ์ที่ไม่สุนทรีย์
และนี่ค่ะ วิธีแก้ไข อาการเบื่อ เบื่อตัวเอง
http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/secret-trick/49225.html
หรือว่ารับฟังเพลงเหล่านี้บ่อยๆจะช่วยได้ค่ะ
หรือว่าออกไปพักผ่อนในที่ที่มีธรรมชาติสวยงาม เช่น ป่า ภูเขา ทะเลเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้างจะช่วยได้มากๆค่ะ
อยากให้คุณรู้สึกได้ถึง...ความรู้สึกสุนทรีย์ ความรู้สึกเป็นสุข ความรู้สึกสนุกสนานได้ค่ะ เพราะความรู้สึกเหล่านี้นะคะ วิเศษมากค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณนะคะ
จาก เพื่อนร่วมบอ์ดค่ะ
สู้สู้นะคะ
มันก็คงเป็นที่อารมณ์อย่างที่คุณบอกนั้นแหละ อารมณ์ประมาณว่ากับข้าวก็อร่อยของมันอยู่แล้วแต่ผมดันกินมันเข้าไป 3 เวลาอาหาร ของทุกๆวัน จึงทำให้ผมเบื่อก็ได้หรือไม่มันอาจเป็นกับข้าวที่อร่อยแต่ผมไม่ชอบก็ได้นะ 555
แต่ขอขอบคุณมากกับวิธีปรับอารมณ์น่ะถ้าให้ผมปรับอารมณ์กับของพวกนี้สู้ดูการ์ตูนเล่นเกมดีกว่าฮ่ะ 555
แต่เบื่อก็มันคือเบื่ออยู่ดีนั้นแหละฮ่ะ ไม่ได้บอกว่าของที่เขาทำมานั้นมันไม่สนุกแต่ เจอจนซ้ำซากเกิดไป พออ่านดูแล้วมันก็เหมือนกับเรื่องอื่นที่เคยอ่านมานั้นแหละครับ
สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้
หากจะเปรียบกับอาหารนะคะ..."อารมณ์ประมาณว่ากับข้าวก็อร่อยของมันอยู่แล้วแต่ผมดันกินมันเข้าไป 3 เวลาอาหาร ของทุกๆวัน จึงทำให้ผมเบื่อก็ได้"...แต่คำตอบที่ได้ก็ยังคงอยู่ในเคสเดิมอยู่ดีค่ะ
คือคุณเองที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไงคะ แม้อาหารจะอร่อยเพียงไร หากแต่คุณมีอารมณ์ที่จะทานซํ้าซาก แน่นอนอาการเบื่อ สามารถเกิดขึ้นมาได้เป็นธรรมดาค่ะ
คืออาการที่คุณเป็นอยู่นี้ เป็นเพราะอารมณ์มึนๆอึนๆของคุณเองค่ะ(ต้องแก้ไขที่ตัวคุณนะคะ)
พยายามปรับเปลี่ยนอารมณ์บ้างก็ดีนะคะ ลองๆเปลี่ยนไปทานอาหารชนิดอื่นๆ ที่แตกต่างๆในทุกมื้อดูบ้าง อาจจะช่วยได้ค่ะ (เปลี่ยนๆบ้างมื้อต่อไปนะคะ คุณได้ความบันเทิงที่แตกต่างพร้อมด้วยความอิ่มอร่อยค่ะ)
หรือไม่มันอาจเป็นกับข้าวที่อร่อยแต่ผมไม่ชอบก็ได้นะ 555"....5555ก็แน่หล่ะ การที่ไม่ชอบก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่นั้นเป็นอีกเรื่องนะคะ ไม่ชอบก็ไม่ต้องทาน (ไม่ต้องอ่าน)ค่ะ ง่ายๆนิดเดียวนะคะ
แต่อาการเบื่อ...นี้เป็นอาการความรู้สึกที่ไม่ดีนะคะ เป็นอันตราย หากคุณมีอาการนานๆนะจะนำพาคุณไปสู่โรคร้าย เช่นโรคซึมเศร้า โรคเครียดไม่ดีนะคะ
แต่เบื่อก็มันคือเบื่ออยู่ดีนั้นแหละฮ่ะ ไม่ได้บอกว่าของที่เขาทำมานั้นมันไม่สนุกแต่ เจอจนซ้ำซากเกิดไป พออ่านดูแล้วมันก็เหมือนกับเรื่องอื่นที่เคยอ่านมานั้นแหละครับ...นิยายในเด็กดีนี้มีอยู่ตั้งหลายๆแสนเรื่องนะคะ คุณลองๆหาที่ไม่ซํ้าน่าจะเจอได้อย่างแน่นอนเชื่อว่าจะต้องมีที่แตกต่างอยู่อย่างแน่นอนค่ะ
พยายามทำใจให้ร่าเริง และติดๆบวกเข้าไว้ค่ะ จะช่วยคุณได้มาก และง่ายที่คุณจะสามารถเป็นสุข สนุกสนานกับทุกสิ่งอย่างรอบๆตัวคุณได้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ
ครับถ้าจะให้ผมมานั่งเปลี่ยนอารมณ์ก็คงต้องเปลี่ยนแนวนิยายอ่านง่ายกว่าครับ เออ..ขอโทษนะฮ่ะ ชีวิตผม ผมรู้ดีว่าควรทำอยากไร ไม่ชอบก็แค่เปลี่ยนฮ่ะ ไม่มานั่งปรับอารมณ์ไรสาระหรอก
(ผมรู้ว่ามันเป็นเพราะอารมณ์ผม คุณจะรู้ดีกว่าผมได้ไงถ้าบอกว่ามันไม่สนุกเป็นเพราะนิยายหรืออารมณ์ล่ะ )
แต่ก็อยากจะบอกนักเขียนหลายๆท่านด้วยว่ามันควรปรับปรุง มันจำเจเกินไป หาลูกเล่นอื่น ๆ มาแทนได้ไหม
(ไม่อยากจะพูดอย่างนี้ตรงๆหรอกนะครับเพราะผมเองก็ไม่มีปัญญาไปแต่งให้มันดีกว่าเขา)
ในฐานะคนอ่านก็แค่อยากออกมาสือให้พวกเขารับรู้ก็เท่านั้นเอง จะให้ผมดิเตียนในนิยายเรื่องนั่นๆก็คงน่าเกรียดเลยมาบอกผ่านบอร์ดแทนครับ
สวัสดี วันใหม่ค่ะ
เออ..ขอโทษนะฮ่ะ ชีวิตผม ผมรู้ดีว่าควรทำอยากไร ไม่ชอบก็แค่เปลี่ยนฮ่ะ ไม่มานั่งปรับอารมณ์ไรสาระหรอก"...จริงแล้วก็รู้นะคะว่าเป็นอารมณ์ของคุณ
รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องของคุณนะ อ่านๆมองๆผ่านคำบอกเล่าแล้วก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องของคุณค่ะ และเข้าใจว่า...อาการเบื่อที่คุณจ่าหัว...มานั้นแท้จริงเป็นปัญหาของคุณ...ดิฉันก็เพียงอยากชี้แนะให้คุณแก้ปัญหาค่ะ
ด้วยความเข้าใจว่า...อาการเบื่อเป็นอะไรที่ไม่ดียิ่ง และการปรับเปลี่ยนให้ตนมีความรู้สึกดี...ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะคะ (หากคุณรู้สึกว่าเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับคุณดิฉันรับรู้ไว้ค่ะ)
(ผมรู้ว่ามันเป็นเพราะอารมณ์ผม คุณจะรู้ดีกว่าผมได้ไงถ้าบอกว่ามันไม่สนุกเป็นเพราะนิยายหรืออารมณ์ล่ะ )...555555 เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นรอบๆตัวเรานะคะ เป็นเหตุที่คนเราเห็น รู้ อาการ การแสดงออก...เช่นที่คุณกระทำไงคะ หลายๆคนก็รู้ได้ ไม่เพียงดิฉันค่ะ (หลายๆคนอาจจะสามารถ รู้เห็น และรู้สึกได้เช่นกันค่ะ การเห็นเหตุต่างๆได้นี้เป็นธรรมชาตินะคะ)
จากคำบอกเล่าของคุณนี้ก็รู้ว่าคุณเบื่อหน่าย...คุณก็บ่นไปเรื่อยเปื่อย คุณก็บอกมาด้วยตัวคุณเองนี่คะว่าคุณเบื่อ...และที่ดิฉันหวังดีนะคะ...มีอะไรผิดหรือเสียหายมากไหมคะ สำหรับความรู้สึกของคุณนะ???
แต่ก็อยากจะบอกนักเขียนหลายๆท่านด้วยว่ามันควรปรับปรุง มันจำเจเกินไป หาลูกเล่นอื่น ๆ มาแทนได้ไหม
(ไม่อยากจะพูดอย่างนี้ตรงๆหรอกนะครับเพราะผมเองก็ไม่มีปัญญาไปแต่งให้มันดีกว่าเขา) "
...555555 จริงแล้วคุณสามารถเข้าไปบอกเขาดีๆเป็นรายๆไป...กับเจ้าของนิยายในทุกเรื่องที่คุณอ่านนิยายของเขา...บอกเขาว่าคุณต้องการให้เขาลองๆเขียนแนวอื่นๆดูบ้าง...นั้นน่าจะเป็นการง่ายกว่า และจะเกิดเป็นความรู้สึกที่ดีต่อคุณด้วยนะคะ หากจะเปรียบกับการที่คุณเข้ามาตั้งกระทู้บ่นลอยๆ เบื่อๆ และตั้งมาเป็นข้อๆด้วย
คือดิฉันเห็นว่าเป็นการกระทำที่พลาง หรือแฝง..มั่วๆ ไม่ชัดเจน...ด้วยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกสงสารคุณนะเกรงว่าคุณจะเกิดอาการหนักขึ้นค่ะ
เพราะตราบใดที่คุณยังคงมีอาการเบื่อหน่ายและกระทำแบบนี้บ่อยๆตลอดเวลาไม่ดีต่อคุณเองค่ะ เพราะในเด็กดีนี้นะคะมีนิยายในแนวที่คุณยกมานี้มากมายค่ะ มีเป็นแสนเรื่องคุณก็รู้
และการที่เขานักเขียน...รักจะเขียนรักจะทำในแนวที่เขาอยากทำนั้นแน่นอนมีอยู่มากมายหลายๆคน การที่คุณตั้งกระทู้ตำหนิติเตียนแบบแอบแฝง...นี้ไม่ดีทั้งคุณเองและต่อนักเขียนนะคะ
คุณต้องรู้จักระลึกถึงจิตใจผู้อื่นบ้างสิคะคุณ...คุณเคยคิดไหมว่าการตั้งกระทู้แบบลอยๆแอบแฝงด้วยการสาดสิ่งติดลบสู่สังคมนั้นไม่ดียิ่งนะคะ อยากให้คุณเลิกค่ะ (จริงแล้วนี้ก็เป็นอีกปัญหาที่ต้องแก้ไขค่ะ หากสังคมจะพัฒนา หรือเดินหน้าต่อไปได้นะคะ)
จริงแล้วจุดนี้ที่ดิฉันแอนตี้ด้วยค่ะ แต่พยายามจะไม่บอกคุณตรงๆเช่นกัน พยายามมากๆที่จะรักษานํ้าใจคุณค่ะ
คุณไม่รู้สึกว่า...เขาเจ้าของนิยายมากมายในแนวที่คุณยกมา...บ่นๆแบบลอยๆแบบแอบแฝง ยกมากล่าว...ว่าเป็นอะไรที่น่าเบื่อทั้งหลายนี้ เขาจะไม่รู้สึกเสียใจ รู้นึกน้อยใจ รู้สึกหมดกำลังใจบ้างหรือคะ????ถามจริงนะคะ
ในฐานะคนอ่านก็แค่อยากออกมาสือให้พวกเขารับรู้ก็เท่านั้นเอง จะให้ผมดิเตียนในนิยายเรื่องนั่นๆก็คงน่าเกรียดเลยมาบอกผ่านบอร์ดแทนครับ"....5555555555555555555555 นี่ไงเทคนิคเก่าๆ วิธีคิด วิธีทำ ลอจิกเก่าแก่ ซึ่งคุณกระทำลงไปแบบตั้งใจ?? หรือว่าไม่ตั้งใจ?? หรือว่าไม่รู้ว่าคุณทำอะไร???กันแน่นะ
คุณคงไม่รู้นะคะว่าการที่คุณกระทำนี้น่าเกลียด และน่าสมเพชคุณมากมาย ค่ะ
หากแต่คุณจะเข้าไปบอกเขานักเขียนตรงๆด้วยความจริงใจ แบบตัวต่อตัว น่าจะดีกว่านะคะ หรือไม่ก็จงอย่าทำอะไรในแบบที่คุณทำนี้นะคะ ไม่ดีค่ะ
เพราะที่นี่เป็นที่ลงนิยาย เป็นที่เขียนนิยาย...มีผู้ที่มีส่วนร่วมมากมายค่ะ
หรือหากคุณต้องการที่จะตั้งกระทู้เพื่อการพัฒนา...ในเรื่องของนิยาย...เพื่อการส่งเสริม หรือเพื่อการพัฒนานะคะ ต้องไม่ใช่ในวิธีที่คุณกระทำนี้ค่ะ
คุณกลับไปดู ไปอ่านอีกครั้งนะคะ ว่าคุณตั้งกระทู้...ยกแนวนิยายดังกล่าวมาแบบโต้งๆ ชัดเจนมีคำตำหนิแบบแอบแฝง ลอยๆขึ้นมา คือจริงแล้วคุณบอกตรงๆด้วยว่านิยายในแบบทั้งหลายนั้นเป็นอะไรที่น่าเบื่อ...เป็นการโฆษณาให้เขาทั้งหลายในทางที่ติดลบแบบโต้งๆเลยด้วยค่ะ (คุณกลับไปอ่านคำบอกเล่าของคุณเองนะคะ)
คุณกระทำได้อย่างไรกันคะ??????????????????? ถามจริงๆนะ คุณรู้สึกผิดไหม รู้สึกรู้สาต่อสิ่งที่คุณทำไหม?????คะ มีความรับผิดชอบไหม????
การเขียนนิยายนะคะเป็นการที่เขานักเขียนต้องใส่พลังจิต พลังใจ พลังกาย ซึ่งนักเขียนทั้งหลายต้องการสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นผลงานของเขาขึ้นมา...ต้องใช้เวลา ต้องใช้ไฟ ต้องใช้เน็ต หากแต่คุณไม่ให้เกียรติ์ ไม่ยํ่าเกรง อยากจะทำอะไรคุณก็ทำ...ทั้งหมดนี้คือผล คือสิ่งที่ดิฉันเห็นผลของการกระทำของคุณค่ะ
และดิฉันเข้าใจว่า...คนปรกติมีจิตที่สมดุลย์นะคะเขาจะไม่สามารถกระทำเช่นที่คุณทำได้ค่ะ คือดิฉันเข้าใจว่า...จิตใจของคุณนะคะมีปัญหา ซึ่งคุณเองก็บอกว่าคุณมีอาการเบื่อ...ดิฉันจึงเป็นห่วงใยคุณ...หลังจากเห็นผ่านการกระทำของคุณ...ดิฉันก็เพียงเข้ามาเพื่อชี้แนะ...และบอกเล่าอาการของคุณ กับตัวคุณเท่านั้นค่ะจริงแล้ว...ประเทศไทย สังคมไทยเป็นสังคมเปิดนะคะ การที่นักเขียนเขาจะสร้างสรรค์จินตนาการ เป็นผลงาน เป็นนิยายในแนวไหน อย่างไร ตราบใดที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม ไม่ขัดต่อคุณธรรม ไม่เป็นอะไรที่เป็นเรื่องราวที่จะนำมาในการเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม...เราๆน่าจะปล่อยให้สังคมได้เดินหน้าต่อไป...ด้วยความสันตินะคะ
การสร้างภาพ ด้วยการพูดนำในทางลบ แบบแอบแฝงการตำหนิ (ให้ร้าย) แบบเลื่อนลอย...ในทางที่ติดลบ หรือการแอบแฝงชวนเชื่อให้ผู้อื่นเสียหาย(ในที่นี้คือทำให้นิยายในแนวดังกล่าวเสียหายนะคะ) ด้วยวิธีที่ผู้กระทำหรือพูดจะปลอดภัย ไม่ถูกลงโทษ...หากแต่ผลของการกระทำ มันยํ่าแย่...จริงนะคะ
การกระทำแบบนี้จะทำให้สังคมไม่สามารถเปิดกว้างออกได้ตามที่มันควรจะเป็น และเป็นการที่จะเป็นอิสระที่จะรุดหน้าต่อไป...ในทางสะดวกได้ หรือก็ยาก และที่แย่ๆหรือที่แน่ๆเหตุที่จะเกิดคือเกิดเป็นสังคมล้าหลัง และยังให้ความรู้สึกว่า...สังคมอับด้วยค่ะ
ทุกอย่างมีผล...จริงนะคะ
จริงแล้วทั้งหมดหลังจากการอ่านคำบอกเล่าในกระทู้ของคุณนะคะ ดิฉันก็มีสิ่งที่ดิฉันพยายามแอบแฝงไว้ในใจ... หากแต่ดิฉันก็พยายามที่จะไม่ซีเรียสนะคะ
คือดิฉันเพียงอยากแก้ปัญหาที่เหตุ คือแก้ที่คุณโดยตรงเท่านั้น จึงก้าวเข้ามาคุยกับคุณ ด้วยความจริงใจ และห่วงใยทั้งเพื่อคุณและสังคมที่เราอยู่ร่วมกันนี้ค่ะ...
แต่ก็นะ รู้สึกว่าต้องยาวๆจนได้สิ
ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบระดับพลัง แรงค์ไอเทม กับเลเวล เพราะมันเป็นผลพวกมาจากที่ว่าชอบเล่นเกมครับ แต่ส่วนใหญ่ที่อ่านเจอ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมระบบมันเหมือนกันหมดยังกะก๊อบกันมา
ระดับปราณ(จำชื่อไม่ได้) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13
ระดับอาวุธ(จำชื่อไม่ได้) 1(+สี) 2(+สี) 3(+สี) 4(+สี) 5(+สี) 6(+สี) 7(+สี) 8(+สี) 9(+สี)
ระดับมอนสเตอร์(จำชื่อไม่ได้) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
ระดับฉายา(!?) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
ค่าเงิน
1หยก = 10ทอง
1ทอง = 10เงิน
1เงิน = 10ทองแดง
ขออภัยด้วยที่กระทบงานเขียนหลายๆท่าน แต่ผมบอกตามตรงเลยว่าพอท่านอัดมาให้จำตั้งแต่ต้นเรื่อง ผมจำไม่ไหวครับ(ทั้งที่ผมชอบเกมแท้ๆ) อยากให้ท่านช่วยเนียนแทรกไปบอกผ่านเนื้อเรื่องแทน
ที่ผมชอบระดับขั้นเพราะว่ามัน 'ง่ายต่อการเปรียบเทียบ' แล้วสำหรับคนเล่นเกมเขาจะรู้กันครับว่าหน่วยพลังแค่ 1-2 หน่วยมันก็ทำให้เกมพลิกได้ ถ้าเอามาใช้ในแง่ของนิยายจะกลายเป็นเรื่องของกลยุทธ์เต็มๆ
อาจจะเป็นเพราะใจคนเขียนลึกๆเองอยากจะเขียนเกมเองด้วย เลยเอามาสร้างในนิยาย ผมก็อยากทำเหมือนกันครับ ผมอยากเห็นเกมที่ของทุกอย่างได้ใช้งานจริงๆ ไม่ใช่อาวุธชุดเกราะที่ต้องเปลี่ยนทุกๆ 5-10 เลเวล หรือขวดโพชั่นที่ต้องอัดเป็นสิบๆขวดกว่าจะเลือดเต็ม หรือเห็นค่าระดับพลังที่ผมอ่านแล้วจำไม่ได้ว่าใครสเตตัสเท่าไหร่(ไม่สำคัญจนไม่ต้องจำ) ผมชอบแนวเกมเพราะอยากดูการออกแบบระบบของแต่ละท่านครับ
บางทีผมก็งงนะ เคยเจอนิยายจีนเรื่องนึงเกี่ยวกับการทำอาหาร คนเขียนดันใส่เลเวลกับรายชื่อความสามารถกำกับไว้ด้วย ผมนี่มึนเลยว่ามันมาเกี่ยวด้วยได้ยังไง
มีอีกเรื่องที่น่าตกใจ นักเขียนบางคนเข้าใจว่าการใส่ตัวเลขกับกฎเกณฑ์ลงไปในนิยายคือการเพิ่มตรรกะและความสมเหตุสมผลของเรื่องครับ (เจอมากับตัว)
ผมมองว่า-การใส่ระดับพลังลงไปมันทำให้ ลูกเล่นหรืออรรถรส มันน้อยลงตาม มันจึงถูกตีกรอบให้อยู่แค่นั้น ก็อย่างเล่นเกมเก็บเลเวลทั่วไปนั้นแหละครับ คุณจะเลเวลเพิ่ม ก็ต่อเมื่อทำเควสตีมอนเตอร์ เป็นส่วนใหญ่ ถ้าเอามาใช้กับนิยายมันก็ประมาณนั้นแหละ ครับ
แต่ถ้าลองนิยายไม่มีระดับพลัง...คราวนี้จะทำยังไงให้คนอ่านเข้าใจว่าพลังเหนือกว่าอย่างไรเก่งกว่ายังไง ชนะแบบไหน ผมว่ามันทำให้คนแต่งสามารถเล่นลูกเล่นได้หลากหลาย หาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ ใช้วิธีสกปรกก็ยังได้ ผมชอบแบบนี้มากกว่าฮ่ะ
สำหรับผม มันแล้วแต่คนใช้อะครับ ถ้านิยายสมัยก่อนที่ชอบแปะตารางธาตุกำหนดบังคับไว้เลยว่า ไฟ > ดิน > น้ำ > ลม > ไฟ แล้วก็รายชื่อแผงสกิลยาวเป็นพรืด มีแต่จะทำให้ขีดจำกัดความสร้างสรรค์มันน้อยลง สบายคนเขียน คนอ่านสมองแตกตาย
ผมบอกว่าชอบก็จริง แต่ไม่ได้ชอบขนาดที่ว่ามานั่งนับตัวเลขครับ คนจะตีกันมาคำนวนค่าพลังสำหรับผมมันไม่สนุก ผมอยากเห็นการใช้ค่าพลังเชิงสร้างสรรค์กว่านี้แต่มันไม่มีใครทำ(เท่าที่อ่านมา) เลยต้องมาเขียนเองอยู่นี่แหละครับ
สำหรับผมคือ พวกสกิลธาตุการแพ้ทางผมก็ใส่ แต่ใส่แค่เฉพาะพวกตัวละครที่ใช้พลังเหนือธรรมชาติได้ ก็คือพวกปีศาจในเรื่อง แต่เอกใช้ไม่ได้เพราะไม่มีความความสามารถควบคุมพลังเหนือธรรมชาติพวกนี้ได้ มีแต่เทคโนโลยี เทคนิคการต่อสู้ที่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ และสกิลนักกีฬาเก่าที่เพิ่งกลับมาปัดฝุ่นใหม่ (เมคานิคการต่อสู้และระบบธาตุแพ้ทางอ้างอิงจากเกม Shin Megami Tensei ภาคเก่าๆ ที่ตัวเอกไม่มีพลังวิเศษอะไรเลย นอกจากเรียกปีศาจมาช่วยสู้ได้)
แต่ส่วนมากเรื่องเลเวลของเวทย์ พอตอนหลังๆ การต่อสู้ยิ่งยากขึ้น เวทย์ขั้นแรกๆก็ไม่ได้ใช้งานก็จะเปลี่ยนไปใช้อันที่สูงกว่าแทนไปเลย ส่วนสกิลก็จะมีใช้บ้างสำหรับตัวที่โจมตีแบบกายภาพ บางตัวของเล่นเยอะหน่อยก็เอาของเล่นมาใช้กับพวกสกิลด้วย บางตัวมีสกิลประจำตัวก็ใช้สกิลประจำตัวแทนไป
เเหมือนเปายิ้งฉุบ ไม่ก็งูกินหางเลย (ออกแนวอาวุธต่างๆในร็อคแมน
สำหรับเราคือรกสมองค่ะ จำไม่ค่อยจะได้ต้องมาจำพวกนี้ เราคนหนึ่งปวดหัวเลยล่ะ
ถ้าเปิดหน้าเดิม กับตอนอ่านพร้อมกันเพื่อทำความเข้าใจ
โดยรวมคือเห็นด้วยค่ะ ถ้าถามถึงความรู้สึกแรก อ่านก็ตื่นเต้น แต่งเองก็ตื่นเต้น หลังๆไม่ไหว เราลบเรื่องทิ้ง ไม่อ่านจนตอนนี้ไม่อยากอ่านอะไรแล้ว ยอมรับว่าขี้เกียจหาอ่าน แต่หาไปก็ไม่เจอแนวที่ตัวเองอยากอ่านเลย
ฮื่อ...
ของเราก็เขียนแนวแฟนตาซีนะ แต่ไม่มีระดับพลังอะไรเลย ไม่รู้มันคืออะไร 55555
แบบว่าไม่มีความรู้เรื่องเกมออนไลน์อะไร
ไหนเราขอชมหน่อย
ถึงเล่นเกมบ่อยก็ไม่ควรยุ่งกับมันอยู่ดี เอาเวลาติวหนังสือยังจะปวดหัวน้อยกว่า
นิยายของเราเนื้อเรื่องอยู่ในเกมค่ะ ก็เลยต้องมีค่าแทนความสามารถในเกมเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งสำหรับเรามันจำเป็น แต่คงไม่อธิบายตรงนี้เพราะไม่ต้องการจะสปอยล์
ถ้าสนใจเรื่องที่ตัวเอกเลเวล 1 ก็กดเข้ามาอ่านได้งับ
แบบ ready player one ค่อยน่าอ่านหน่อย แต่แบบนิยายจีนค่าเยอะแยะอ่านไม่ถึงสิบตอน ลาขาด
นิยายแฟนตาซี มันคืออะไร
มันคือ สิ่งที่หลุดจากความเป็นจริง
ไร้กรอบ มีระเบียบแต่ก็ไร้แบบแผน
อย่างซุปเปอร์แมน
ฟงอวิ๋น
เทพมารสะท้านภพ
ตินตินผจญภัย
แต่แปลก นักเขียนฝึกหัด กลับไปตีกรอบนิยายแฟนตาซีซะเอง
นิยายแฟนตาซีมันหลุดความเป็นจริงนะครับ ก็จริงอยุู่นะครับ
แต่ก็คงต้องตีกรอบให้นิยายตัวเองด้วย เพราะถ้าไม่ทำอยากนั้นคงไม่ใช่แค่หลุดออกมาจากความเป็นจริงแน่นอนได้หลุดออกจากโลกไปเลยทีเดียว 5555
ผมคิดว่ามันควรใส่เหตุผลซึ่งทำให้คนอ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้นมาบ้างก็ยังดี
(เหตุผลที่ว่า ก็ไม่ต้องอิงจากความจริงก็ได้ 55)
เรื่องที่ไม่ตีกรอบดันตีกรอบซะเอง เรื่องที่ควรตีกรอบก็ไม่ยอมทำ นิยายจึงไม่นานอ่านเท่าไร ขนาดคนติดเกมยังอ่านไม่รู้เรื่องเลย
ที่ผมเจอก็จะเป็นนิยายแนวจีนกำลังภายใน นิยายแนวเกมออนไลน์เจอบ่อยมากกับโลจิคกาวๆแบบนี้
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?