อยากทราบว่านักเขียนที่ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ต้องทำยังไงบ้างคะ?
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
3 ความคิดเห็น
ไม่เคยตีพิมพ์นะคะ เลยขอตอบข้อที่พอตอบได้ค่ะ
โอกาสในการได้ตีพิมพ์มีทั้งสองแบบค่ะ บางสนพ.มีทีมงานหานิยายที่น่าสนใจ หากทางสนพ.สนใจเห็นว่าทำการตลาดได้ เขาจะติดต่อนักเขียนมาเองค่ะ และอีกแบบคือนักเขียนส่งผลงานไปให้สนพ.พิจารณาค่ะ
การส่งต้นฉบับหลังการได้รับการติดต่อจากสนพ. ไม่ทราบค่ะ
แต่การส่งต้นฉบับให้ทางสนพ.พิจารณาแต่ละสนพ.จะมีมาตรฐานต่างกันไปบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่คล้ายกัน ซึ่งสอบถามหรือค้นได้ที่เวบ/เพจ/เมล์สอบถามตรงกับทางสนพ.ได้ค่ะ ปัจจุบันนิยมรับต้นฉบับเป็นไฟล์ทางอีเมล์มากกว่าค่ะ
แต่ถ้าเป็นงานประกวดบางที่รับเป็นต้นฉบับกระดาษค่ะ ข่าวการประกวดติดตามได้จากเพจนี้ค่ะ
https://www.facebook.com/contestwar-254677131219220/ ไวดี แต่จะรวมการประกวดหลายแขนงค่ะ บางท่านอาจมุ่งตรงสนพ. บางท่านเดินสายประกวดก็มีค่ะ
ของเรา สนพ. ติดต่อมาค่ะ โดยปกติแล้ว สนพ. จะมีบก.มาดูงานเขียนตามบอร์ดอยู่แล้ว ถ้าเข้าตาเขาก็จะหลังไมค์มาว่าสนใจนั่นนี่ แต่ถ้าไม่มีเราก็ต้องไขว้คว้าเองโดยการส่งไปตามอีเมล์ที่สนพ.แจ้งไว้ใช้เวลาพิจารณาประมาณสามเดือน
ตัวเราเองก็เคยโดนปฏิเสธจากสนพ.เหมือนกัน แต่ไม่ท้อนะพยายามทำให้ดีขึ้นจนเข้าตาสนพ.
สิ่งที่ต้องส่งคือ
1. แนะนำตัว
2. เรื่องย่อ ตั้งแต่ต้นจนจบ
3. เนื้อเรื่องทั้งหมด
ข้อปฏิบัติคือไม่ควรส่งต้นฉบับพร้อมกันหลายสำนักนะคะให้ส่งเป็นที่ๆรอเขาพิจารณาเพราะถ้าคุณได้ทั้งสองสำนักแล้วจำเป็นต้องปฏิเสธอีกสำนักมันอาจจะกลายเป็นความประทับใจแรกพบไม่ดีและทำให้บก.ไม่อยากพิจารณาเรื่องถัดไป
ดังนั้นสู้ๆนะคะ
เราขอสอบถามเรื่องค่าตอบแทนที่ได้หน่อยได้มั้ยคะ สำนักพิมพ์เขาจ่ายเงินให้ยังไงบ้างหรอคะ แล้วก็ในสัญญาระบุประมาณไหนคะ แบบว่าเราห้ามแต่งหนังสือให้เจ้าอื่นเลยรึเปล่าหรือว่าแค่เป็นสัญญาของหนังสือเล่มนั้นเล่มเดียวคะ
ก็ 10%จากหน้าปก x จำนวนเล่มค่ะ ถ้าสนพ.ใหญ่หน่อยอย่างที่ทำอยู่จะตีพิมพ์ขั้นต่ำ 2000-3000 ขึ้นไป หน้าใหม่ก็ 2000 แต่ถ้าออกผลงานแล้วขายดีเรื่องถัดมาก็จะอัพขึ้นไปอีกนิดคือ 2500-3000 ค่ะ
สัญญาสำหรับนิยายเรื่องที่แต่งมีอายุ 5 ปี(แล้วแต่สนพ.บางที่น้อยกว่านี้ เคยเจอ 1 ปีเหมือนกันแต่เป็นสนพ.ขนาดเล็กมาก พิมพ์มือเองกำไรกว่า) โดยในสัญญาไม่ได้ระบุว่าห้ามส่งนิยายเรื่องใหม่ให้สนพ.อื่นค่ะ
เรามีสิทธิ์ส่งให้ที่ไหนก็ได้ อย่างของเราตอนแรกเรื่องที่สองจะตีพิมพ์กับอีกที แต่บก.ที่เดิมเขาติดต่อมาก่อนเราเลยเลือกส่งกับที่เดิมเพราะการดีลงานง่ายกว่าเคยทำงานด้วยกันมาแล้ว และเราก็ไม่ต้องเหนื่อยหาที่ส่งต้นฉบับใหม่ๆด้วย
และถ้าเรื่องต่อๆไปกระแสตอบรับดีเขาก็จะดีลกับเราตลอด ว่าเรื่องนี้ออกกับเขาไหม นั่นนี่ แต่ถ้ากระแสไม่ดีก็ต้องดูแนวทางสนพ.อื่นไว้ด้วย
อ้อ ขอบคุณมากๆเลยค่าาาาา
เอาแบบที่เราทำการส่งต้นฉบับไปให้สนพ.พิจารณานะคะ
ถ้าไม่ผ่าน ทางสนพ.จะมีจดหมายหรืออีเมลตอบกลับมาว่าไม่ผ่านนะ
.
แต่ในกรณีเรื่องที่ส่งไปไม่ผ่าน แต่เขามองเห็นศักยภาพของนักเขียน
บก.จะเป็นคนติดต่อกลับมาหา และมีการพูดคุยแนวทางงานเขียนกับนักเขียนค่ะ
บางที่จะกำหนดธีมหลักให้ แล้วนักเขียนไปวางพล็อต และแต่งให้ทันกำหนดพิมพ์
แต่บางที่ก็ให้อิสระค่ะ คิดมา แล้วมาคุยกัน ตรงนี้บก.จะค่อยๆตบความคิดเราให้เข้าที่
.
พล็อตผ่าน ธีมผ่าน ตัวละครผ่าน ทีนี้ก็คือการปั่นให้ทันค่ะ
ปั่นทัน ผ่าน ผลงานโอเค เซ็นสัญญาค่ะทีนี้ เขาจะชี้แจงรายได้ให้เรา
ต่อมาต้องเอาไปให้บก.เช็ค1รอบ มีแก้ก็ต้องแก้ จากนั้นยังต้องส่งให้พิสูจน์อักษรเช็คอีก1รอบ
นักเขียนก็ต้องเขียนลักษณะตัวละครเพื่อส่งให้นักวาดวาดปกค่ะ(ในกรณีที่วาดปกน่ะนะคะ)
เช็คเสร็จก็ต้องส่งให้โรงพิมพ์จัดหน้าซึ่งตรงนี้บก.จะเป็นคนดูแลเอง
.
บอกเลยค่ะว่าช่วงที่นักเขียนมีโอกาสมากที่สุดคือ "ก่อนเข้าฤดูกาลงานสัปดาห์หนังสือ"
ใครมีเรื่องในสต็อกนี่รีบส่งไปให้สนพ.ที่เราเล็งไว้ก่อนมีงานซัก2-3เดือนนะคะ
ช่วงนี้บก.จะอ่านแทบทุกเรื่องที่ส่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เพราะต้องผลิตของใหม่ออกมาวางแผงให้ทัน ถถถ
ใครที่ฝีมือเข้าตากรรมการ อาจได้รับโอกาสให้เขียนเรื่องตีพิมพ์กับสนพ.ให้ทันวันงาน
เห็นใครหน้าเหนื่อยๆเหมือนจะเป็นลมอยู่กลางบูธนี่มีสิทธิ์เป็นบก.ของท่านในอนาคต 555555
.
ดังนั้นส่งเรื่องเลยค่ะ อย่าไปกลัว
งานหนังสือปลายปีนี้สนพ.ต่างๆยังเปิดประตูใจรอนักเขียนหน้าใหม่อยู่เสมอค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?