Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เพื่อน ๆ เคยท้อกับการเขียนนิยายไหมคะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เราเป็นคนหนึ่งที่ซุ่มในบอร์ดนักเขียน และก็เขียนนิยายมานานพอสมควร นานจนแม่ของเราถามว่า "-นิยายที่แกเขียนเนี่ยมันได้เงินบ้างไหม?" คำถามของท่านทำให้กลับมาฉุกคิด มันไม่ใช่ว่าเราจะเขียนนิยายเพราะมองว่าเป็นธุรกิจหรอกนะคะ แต่ในมุมมองของแม่ ความสุขของเรามันเลี้ยงตัวเราไม่ได้ มันเพ้อฝันและก็ขายไม่ได้ เราเคยส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์หลายแห่งค่ะ แต่ผลตอบรับก็มีแค่ "ไม่ผ่าน" เท่านั้น ไม่มีคำวิจารณ์อะไรด้วย เราเคยลงนิยายในเว็บหลายเว็บ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับเท่าไร มียอดวิวแต่ไม่มียอดเม้น ไม่มีติชมหรืออะไรเลย เราเฝ้าถามตัวเองว่า งานของเรามันไม่ดีหรือ? มันน่าเบื่อหรือ? มันเครียดเกินไปเพราะภาษาที่พยายามสะกดไม่ผิดหรือเปล่า? เหตุผลที่เราสงสัยแบบนั้น เพราะพอเอาไปให้เพื่อนอ่าน เพื่อนหลายคนบอกว่า ภาษามันดีเกินกว่าจะเป็นนิยายวัยรุ่น เด็ก ๆ เขาอ่านไม่อินกันหรอก อะไรทำนองนี้ เราพยายามปรับภาษาใหม่ เปลี่ยนแนวเขียน เปลี่ยนเรื่องเขียน กระทั่งลองหันมาเขียนเรื่องสั้น สุดท้ายก็ได้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน เราส่งประกวดไม่เคยได้รางวัล ส่งสำนักพิมพ์ไม่เคยผ่านการพิจารณา ขนาดลงให้อ่านฟรียังไม่ค่อยมีใครมองเท่าไรเลย ใครจะว่าบ่นก็ขอบ่นระบายสักหน่อยเถอะค่ะ เพราะเราเองก็เขียนนิยายมาสิบกว่าปีแล้ว

เราได้พูดคุยกับนักเขียนคนหนึ่ง ขออนุญาตไม่บอกชื่อนะคะ เขาเป็นรุ่นน้องเราหลายปีค่ะ เขาเล่าให้เราฟังว่า งานของเขาโดนสำนักพิมพ์ชำแหละจนปางตาย สุดท้ายต้องตัดใจขยำต้นฉบับทิ้งไปแล้วเขียนใหม่ แต่ก็ไม่ผ่าน ไม่ผ่าน และไม่ผ่าน เขาหันมาส่งงานประกวดกระทั่งเริ่มได้รางวัล และกลับมาเขียนหนังสืออีกครั้งแม้จะไม่ได้เงินก็ตาม ครอบครัวของเขากีดกันเขามากกว่าเราอีกค่ะ พ่อไม่สนับสนุน แถมยังเคยโดนฉีก เผา ต้นฉบับที่กำลังจะเอาไปส่งสำนักพิมพ์ด้วย แต่เขาบอกเราอย่างนี้

"พวกเขาก็แค่พรากผลงานไปจากเรา แต่ความฝันและความสุขในฐานะนักเขียนไม่มีทางจากเราไปไหน ไม่มีใครจะทิ้งมันได้นอกจากตัวเรา ผมเลยไม่ทิ้งและตัดสินใจกลับมาเขียนต่อ ผมไม่ใช่คนดัง นามปากกาก็ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ผมได้ทำงานที่ผมรัก เท่านั้นก็พอแล้ว"

เรารู้สึกว่า การเป็นนักเขียนไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ แต่ละคนเจอกันมาสาหัสทั้งนั้น สิ่งที่นักเขียนคนนั้นพูดทำให้ไฟของเราลุกขึ้นอีกครั้งท่ามกลางกองขี้เถ้า บางครั้งการได้ฟัง ได้รับรู้ ได้เห็นชีวิตของคนอื่นซึ่งแย่กว่าเราก็ทำให้เรามีกำลังใจ เราไม่ได้อยากพูดเพื่อเหยียดหยามหรือซ้ำเติมชีวิตนักเขียนท่านนั้นนะคะ แต่เราอยากแบ่งปันเรื่องราวพวกนี้ให้คนที่กำลังท้อในการเขียนนิยายได้อ่าน เราอาจจะถ่ายทอดไม่ดีเพราะการเขียนของเราคล้ายเรียงความ

(นักเขียนท่านนั้นบอกมาแบบนี้ค่ะ ว่างานเขียนของเรามันเหมือนเรียงความ มันไม่เป็นนิยาย ต้องปรับปรุง ต้องอ่านเยอะ ๆ แถมยังให้กำลังใจเราด้วยว่า นักเขียนชื่อดังหลายคนบนโลกก็เริ่มจากเขียนงานห่วย ๆ เหมือนกัน แต่พวกเขาพร้อมจะปรับปรุงเพื่อเดินหน้าต่อ ไม่ย่ำอยู่กับที่)

วันนี้ขออนุญาตไม่ล็อคอินนะคะ เราเชื่อว่าสิ่งที่เรารับรู้มา สิ่งที่ทำให้เรากลับมามีความหวังอีกครั้ง จะทำให้เพื่อน ๆ ที่กำลังเครียด กำลังถึงทางตัน กำลังถูกกดดัน จะมีแรงสู้ต่อไป เรารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวซึ่งผู้ปกครองไม่กีดกันเราในเรื่องการแต่งนิยาย แต่เราบอกกับแม่ว่า สักวันเราจะขายมันให้ได้ เราจะแจกลายเซ็นบนหนังสือที่เราเป็นคนเขียนให้แม่เป็นคนแรกก่อนท่านตายให้ได้

สุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณบอร์ดนักเขียนจากเว็บเด็กดี ที่ให้กำลังใจและให้ความรู้มาโดยตลอด และเราขอเป็นกำลังใจให้นักเขียนตัวน้อย ๆ และนักเขียนมือใหม่ที่กำลังหัดเขียนทุกคน และหวังว่าพวกคุณจะได้พบกับสีน้ำหมึกที่ตนเป็นคนเลือกเอง ขอบคุณที่อ่านเรื่องราวไร้สาระนี้จนจบค่ะ

ด้วยรัก
จขกท.

แสดงความคิดเห็น

>

15 ความคิดเห็น

Skyyyman 18 เม.ย. 61 เวลา 10:50 น. 1

เคยครับตอนนี้ก็เป็นอยู่แต่พยายามแข็งใจสู้ครับล้มได้ก็ลุกได้ สักวันก็วันของเรา /มองบวก/

1
กุยแกตามหาโจโฉ V2 18 เม.ย. 61 เวลา 10:58 น. 2

ภาษามันดีเกินกว่าจะเป็นนิยายวัยรุ่น - นิยายแบบนี้มักยอดวิวต่ำเตี้ย แต่พอเป็นหนังสือมักมีคนซื้อนะคะ


ส่วนเรื่องทำเงินได้ไหม เราแนะนำว่าถ้ามีปัญหาเรื่องเงิน หางานอื่นทำและเขียนเป็นงานอดิเรกดีกว่าค่ะ


อีกประการหนึ่งที่เราสังเกต ตั้งแต่เริ่มรู้จักนักเขียนในเนตหลายคน คนที่เคยทำงานอื่นมาก่อนเป็นนักเขียน คนที่ทำงานอื่นควบนักเขียน มักผลงานดีกว่าคนที่เป็นนักเขียนอย่างเดียวค่ะ มุมมอง ความคิด พล็อตเรื่อง กว้างกว่าเยอะ หลายคน(เราด้วย)เอาเรื่องที่เจอในชีิวิตจริงมาสอดแทรกในนิยาย ทำให้สมจริงมากขึ้น นิยายดูสมเหตุสมผล กลุ่มนี้จะจับนักอ่านวัยผู้ใหญ่หรือหนอนหนังสือที่อ่านหนังสือมามากแล้ว


ถ้าสำนวนเจ้าของกระทู้ไปทางนี้ บางทีอาจต้องใช้เวลาบ่มเพาะประสบการณ์เพื่อผสมผสานภาษากับเนื้อหาจนลงตัวค่ะ


เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะคะ

1
สู้นะ 18 เม.ย. 61 เวลา 11:13 น. 3
แค่เรารักที่จะทำมันก็พอแล้วครับ

ไม่ใช่แค่เรื่องนิยายนะ ทุกเรื่องเลย บางทีอาจมีท้อ บางทีอาจมีอุปสรรค

แต่ไม่อยากให้ท้อนะครับ

ตอนไหนที่ท้อก็นึกถึงคำนี้เอาไว้นะครับ "ยังมีใครบางคนบนโลกคอยอยู่ข้างๆเธอ" อยู่นะครับ

1
จขกท. 18 เม.ย. 61 เวลา 12:01 น. 3-1

ขอบคุณมากค่ะ เราหวังว่าเราจะรู้ตัวสักทีว่าคนที่คอยข้าง ๆ เราคือใคร ^-^

0
คนอวย2018 18 เม.ย. 61 เวลา 11:14 น. 4

เคยท้อไหมก็ต้องตอบว่า เคย แต่เราว่ามนุษย์ทุกคนไม่มีใครไม่เคยเจออุปสรรค ไม่มีใครไม่เจอปัญหา น้อยมากแตกต่างกัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสติ และความพร้อมรับทุกปัญหา


คุณจขกท มองแต่ยอดภูเขาน้ำแข็งเกินไปหรือเปล่า คนที่รักในการเขียนและสามารถเลี้ยงชีพได้ด้วยการเขียนอย่างเดียว นี่เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์นี่มันน้อยมากนะ


รุ่นพี่เราเล่าให้ฟังว่ารู้จักกับนักเขียนที่มีผลงานได้ทำเป็นละครช่องสีเขียวหลายเรื่อง ก็ยังต้องทำงานประจำแล้วเขียนเป็นงานอดิเรกเลย


ตอนที่เราเริ่มเขียนนิยายในเด็กดีใหม่ๆ เราก็คิดเหมือนกันว่า ถ้ามีคนอ่านเยอะๆ จะทำมือขาย แต่เอาเข้าจริง ขนาดคนที่มีคนอ่านเป็นแสน กดเฟบเป็นหมื่น เวลาเขาพรีออเดอร์นิยาย ยังได้ไม่กี่สิบเล่ม เอาเป็นว่าฝันสลาย

ตั้งใจเขียนเป็นงานอดิเรกก็ได้เชอะ


ที่สำคัญถ้ารักการเขียนก็สู้ต่อไป ถ้าอะไรที่คิดว่าทำแล้วไม่เวิร์ค ลองเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆ เกมโอเวอร์ก็รีสตาร์ทเครื่องใหม่ หากลยุทธ์ใหม่ จะตายแต่ด่านเดิม ไม่ได้นะ

1
จขกท. 18 เม.ย. 61 เวลา 11:59 น. 4-1

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะสำหรับคำแนะนำ และมุมมองที่บางครั้งเราก็มองไม่ถึง

0
anolindee 18 เม.ย. 61 เวลา 12:04 น. 5

เป็นเหมือนกันค่ะ เชื่อว่าทุกคนในบอร์ดนี้น่าจะต้องเคยท้อกันทั้งนั้น


เราว่าเราเขียนสุดฝีมือแล้ว ตรวจคำในกูเกิ้ลตลอดเพราะกลัวใช้คำหรือสะกดผิด เขียนไปคิดไปว่าเออ... บทสนทนาตรงนี้มันจะแสดงลักษณะนิสัยของตัวละครตรงนี้ได้ หรือ เออ... ตรงนี้เราปล่อยปมแล้วค่อย ๆ เฉลยทีละนิดแล้วมาแก้ปมตรงนี้นะ หรือ โอ้... เขียนฉากนี้แล้วโคตรฟินเลย อ่านไปเขินไปอยู่คนเดียว... สรุปง่าย ๆ คือเขียนด้วยความตั้งใจมันแทบจะทุกตัวอักษรเพราะพยายามฝึกตัวเองให้คิดเสมอว่า คำทุกคำมีความหมายของมันและควรฉลาดในการเลือกเอามาใช้ในงานเขียนหรือนิยายของตัวเอง


และก็พยายามเขียนจนจบจนได้! รู้สึกภูมิใจอย่างมากแล้วก็เอามาทยอยลงเว็บเด็กดีอย่างสม่ำเสมอทีละตอน ๆ

ผลก็คือมียอดวิวของแต่ละตอนมีไม่ถึง 50 แฟนคลับมีแค่ 20 กว่าคน ส่งต้นฉบับไปที่สำนักพิมพ์สองแห่งแล้วก็แห้วทั้งสองแห่ง ไม่มีคำวิจารณ์กลับมาด้วย (ตอนนี้ส่งไปเป็นแห่งที่สาม แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ)


เคยเอาบทหนึ่ง (จริง ๆ ครึ่งบท) มาขอคำวิจารณ์จากคนในบอร์ดนี้ ได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากมาย ทุกคนน่ารักมากกกกก :) ช่วยวิจารณ์ให้อย่างจริงจัง สรุปคือคล้าย ๆ จขกทแหละค่ะ คือภาษาและบทบรรยายอ่านเหมือนนิยายรักเมื่อสมัย 30 หรือ 40 ปีก่อน (OMG!) วัยรุ่นในเว็บนี้เขาไม่อ่านกัน ภาษายังไม่ลื่นไหลเท่าไหร่ มีติดสำนวนภาษาอังกฤษ (เพราะเป็นเด็กสองภาษาแล้วก็เรียนนานาชาติ ไม่ได้เรียนภาษาไทย) บทสนทนาไม่สมจริง โอ๊ย... เยอะแยะค่ะ 55555


ก็ทำได้เพียงเอาคำแนะนำเหล่านั้นมาใช้ในเรื่องใหม่ที่กำลังเขียนอยู่ แต่เราเขียนแนวผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นพยายามให้ตายก็คงทำให้เป็นแนววัยรุ่นไม่ได้ (คนเขียนเองก็แก่เกินวัยที่จะพูดจาวัยรุ่นแล้วด้วย เหอะ ๆ) ก็คือต้องทำใจแหละค่ะ


ที่ยังพยายามต่อไปได้อยู่ก็เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อเงิน แต่ทำเพราะชอบแล้วก็สนุกไปกับมัน เราอ่านเองเราก็สนุกเองนิ... แน่นอนว่าในฐานะคนอยากเป็นนักเขียน เราก็ย่อมอยากให้ผลงานที่เป็นเหมือนลูกรักของเราเป็นที่ยอมรับ เป็นที่ชื่นชอบ อยากเห็นผลงานของเราได้ตีพิมพ์เป็นรูปเป็นเล่ม แต่มีอีกกี่พันกี่หมื่นคนที่คิดแบบเดียวกัน นักอ่านมีทางเลือกมากมาย เราก็ได้แต่หวังว่าถ้าทำติดต่อไปได้เรื่อย ๆ สักวันงานของเราก็อาจจะเป็นที่ยอมรับแล้วก็ได้ตีพิมพ์


ขอบ่นอะไรหน่อยได้มั้ยคะ... เอาเป็นว่าจริง ๆ ที่เราท้อ... เราไม่ได้ท้อเพราะไม่มีคนอ่านหรือชอบงานเขียนของเรา แต่เราท้อเวลาที่ผ่านไปเห็นงานเขียนของบางคนที่เราแอบคิดว่าโคตรห่วย (เช่นคำผิดเพียบ หรือไม่ก็มีแต่บทสนทนาอย่างกับบทละคร หรือไม่ก็หาความสมเหตุสมผลไม่เจอ เป็นต้น...) แต่ดัน... มียอดวิวยอดเฟบมากกว่าเราเป็นสิบ ๆ เท่า! ทำไมอ่ะ?! ไม่เข้าใจ... 55555


ท้ายสุด Ray Bradbury พูดไว้ประมาณว่า จงเขียนเรื่องสั้นอาทิตย์ละเรื่อง ภายในหนึ่งปีคุณจะมีเรื่องสั้น 52 เรื่อง แล้วในนั้นจะมีงานเขียนที่ดีมาก ๆ เพราะไม่มีใครหรอกที่จะเขียนเรื่องห่วย ๆ ออกมาได้ 52 เรื่องติดต่อกัน

คือพยายามคิดว่าต้องเขียนไปเรื่อย ๆ และเขียนเยอะ ๆ น่ะค่ะ สักวันหนึ่ง เราก็คงจะสำเร็จอย่างน้อยก็ในระดับหนึ่งแหละ


เป็นกำลังใจให้นะคะ :)

1
จขกท. 18 เม.ย. 61 เวลา 12:26 น. 5-1

เราเคยท้อเวลาเห็นงานเขียนคนอื่นเหมือนกันค่ะ แบบทำนองว่า โห...เขาเขียนได้ขนาดนี้เลยหรือ? เก่งมาก แล้วเราจะเอาอะไรไปแข่งกับเขา เคยนอยด์จนร้องไห้เพียงเพราะเห็นงานของเพื่อนล้ำหน้าทั้งที่เราเริ่มเขียนก่อน ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะที่ร่วมแสดงความคิดเห็น และให้กำลังใจ สู้ ๆ นะคะ

0
ใต้หล้าธารา 18 เม.ย. 61 เวลา 12:08 น. 6

แชร์ประสบการณ์--


เคยมีประสบการณ์ทั้งส่งเรื่องไปสำนักพิมพ์แล้ว-ไม่ผ่าน (เรื่องสั้น นานมากแล้ว) กว่าจะรู้ว่าไม่ผ่านก็คือลืมไปแล้วว่าเคยส่ง ฮา ๆ ไม่ได้อะไรกลับมานอกจากคำว่า-ไม่ผ่าน นั่นล่ะ ตอนนั้นก็รู้สึกแย่นะ แต่พอนานไปก็ไม่อะไร ต้องเขียนให้ดีกว่าเดิมสิ!


แล้วก็เคยทำอีกบุ๊คขายเองด้วย ได้เงิน แต่บอกตรง ๆ ว่ามันยังไม่พอเป็นอาชีพหลัก (ไม่กี่เล่ม และถูกคอมเม้นตำหนิก็เยอะ ตอนนั้นยังเด็ก ไฟแรง หลัก ๆ คือคำผิดเยอะ เช็ค ๆ แก้ ๆ ไปหลายรอบมาก ๆ แต่ก็ยังผิดให้คนมาติติงได้อีก สุดท้ายก็ท้อ-เซ็งจนต้องถอดงานออกจากการขายทั้งหมด(นอยด์รวม ๆ ไปเลย-ซะงั้น) แล้วก็พักการเขียนไปเลยเพราะเหนื่อย+อื่น ๆ จังหวะชีวิตมันไม่เอื้ออ่ะนะ+มีงานอื่นด้วย)


ตอนนี้กลับมาเขียนอีกครั้ง หลังจากพักไปนานหลายปี...

(การกลับมาเริ่มใหม่หลังจากพักไปนาน ทำให้ภาษาที่เขียนในตอนต้น ค่อนข้างไปในทางแย่ หลวม หลุด

แนะนำว่า ใครอยากเขียน แม้จะท้อ...ก็เขียนไปเหอะ เพราะพอพักก็ใช่ว่า...กลับมาใหม่แล้วจะดีกว่าได้จริง พัฒนาวันละนิด เขียนต่อเรื่อย ๆ ดีกว่าหยุดยาว ๆ)


ส่วนตัวที่กลับมาเขียน เพราะอยากอ่านนิยายภาษาสวย ๆ กลิ่นเก่า ๆ (แล้วเลือกเขียนแนวจีนโบราณด้วยอีก ตัวเอกไม่ได้ข้ามยุค เลยคิดเองว่าอยากใช้คำ...ให้ดูเก่า ๆ หน่อย)


แต่การเลือกใช้คำ เลือกใช้ภาษา ออกแบบบทบรรยาย+บทพูด ปมพล็อต บลา ๆๆ ให้ได้ตามแบบที่ต้องการ มันไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้ง...บางครั้งบางที ในมุมมองของคนที่มาอ่าน เขาก็อาจจะไม่ได้ปลื้มในสิ่งที่เราอยากนำเสนอ


(การเขียนดีไม่ได้แปรผันตามอายุ ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราแก่ขึ้นแล้วเราจะยิ่งแย่นะ ไม่ใช่ ๆ กรณีอายุมากขึ้น ประสบการณ์มากตาม ช่วยให้มุมมองกว้าง และอาจจะมองไปคนละมุมกับชาวบ้านชาวช่องเขาแทน ดูอินดี้ไปอีก ฮา ๆ)


ทุกวันนี้ ยังคงพยายาม หาจุดกึ่งกลางให้ได้ในแบบที่คนอ่านรับได้ และเราตั้งใจสื่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าต่อไปต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรอีกบ้าง สุดท้ายจุดประสงค์ในครั้งแรกที่ยึดไว้...จะต้องเปลี่ยนไหม? ก็ยังไม่รู้ ปล่อยมันไปให้เป็นเรื่องของอนาคต---


แม้เราอาจคิดว่าเราเขียนดีแล้ว บางทีทิ้งไว้สักพักมันก็ยังต้องแก้อีก เพราะมันน้อยไป-มากไป


คิดว่าเขียนไปเรื่อย ๆ แก้เรื่อย ๆ ปรับไปเรื่อย ๆ จะพบกับจุดที่พอดี + เหมาะกับตัวเราได้เอง ตามธรรมชาติของผู้ไปต่อ...





1
จขกท. 18 เม.ย. 61 เวลา 12:35 น. 6-1

จริงค่ะ พอเราเว้นห่าง สำนวนการเขียนเราก็จะเปลี่ยนไปด้วย มันไม่ลื่นไหล บางครั้งก็ไม่สนุกเหมือนแต่ก่อน ต้องเขียนเรื่อย ๆ ปรับเปรื่อย ๆ หาจุดบาลานซ์ให้เจอ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะสำหรับคำแนะนำและประสบการณ์เลอค่า

0
slimebox 18 เม.ย. 61 เวลา 12:13 น. 7

จขกท และทุกคน สู้ ๆ นะคะ T T

การมีอุดมการณ์และความฝันรวมทั้งความกล้าที่จะไขว่คว้ามันก็เป็นสิ่งที่น่านับถืออีกอย่างหนึ่ง ถึงแม้บางที่ใครคนอื่นจะไม่เห็นค่าของมัน


เพื่อนเราเคยพูดกับเราว่า ตอนแรกเราโคตรไม่เข้าใจคนอย่างแก ไม่รู้ว่าวัน ๆ ทำอะไร แต่พอรู้ว่าแกทำโน่นทำนี่เยอะมากแล้ว ก็รู้สึกผิดที่เคยคิดยังงั้น จริง ๆ แล้วเรามีความฝัน แต่เงินมันเป็นสิ่งที่ทำให้เราตามความฝันของเราไม่ได้ เพราะงั้นเราจะเอาใจช่วยแกก็แล้วกัน (ความจริงเงินก็เป็นปัญหาของจขคห.เหมือนกัน อาศัยนอนน้อยกับทำแบบไม่พักเอาเพื่อจะได้ทำอะไรเยอะ ๆ...)


เราเพิ่งเริ่มเขียนจริง ๆ ได้ปีกว่า

ตอนนี้ความท้อเริ่มไม่มีแล้ว แต่กลับมองตามความจริงไปแทนเสียอย่างนั้น จะเขียนเก่งหรือไม่เก่งอาจไม่เกี่ยวเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เกี่ยวมากและทำให้เราดังได้น่าจะเป็นเขียนแล้วตอบรับกับกระแสความต้องการของตลาดได้มากกว่า (เราไม่ได้ต้องดารบั่นทอนกำลังใจของใครนะ) ไม่ว่าจะเป็นอีโรติกที่ขายง่ายออกง่าย BL ที่เป็นที่คลั่งไคล้ของสาว ๆ จนถึงนิยายแนวตลาดมากมายที่ไหลตามกระแสต่างประเทศ


การมองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งที่ดี ไม่มีงานใครที่ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่เขียน (หรืออาจมีฟ้าประทานมานั่นอีกเรื่อง) แต่ความพยายามพัฒนาของตัวเราเองนั้นมีค่าแค่ไหน หากความคิดที่เราใส่ลงไปในนิยายมันไม่ติดตราตรึงใจประชาชนส่วนใหญ่? ทีนี้ใครจะอยากอ่านหรืออยากซื้อ? เราไม่ได้แนะนำให้คนที่รักการเขียนท้อถอยและเลิกเขียนนะ แต่อยากบอกเล่าเท่านั้นว่า บางทีการเตรียมใจ รู้สถ่นการณ์ของตัวเอง และยอมรับกับสิ่งที่เกิด มันก็กำจัดความท้อได้เหมือนกัน ถ้าเรารู้แล้วว่ามันมีโอกาสดังน้อย แต่เป็นสิ่งที่เรารัก ผลที่ตามมาอาจจะไม่ใช่ในทางบวก ทั้งความเห็นของคนอื่น ความเห็นของเพื่อนรอบตัว สังคม ครอบครัว เรายินดีรับผลแบบนั้นแล้วหรือยัง?....


เมื่อยินดีกับมันแล้ว ไม่ว่าจะเจออะไรที่ตามมา มันก็จะไม่เสียใจในภายหลัง แล้วยังอาจจะหาวิธีรับมือได้ไปก่อนแล้วอีกด้วยน่ะ....


ยาวมาก ขออภัย =__=

1
จขกท. 18 เม.ย. 61 เวลา 12:40 น. 7-1

เรากำลังลองมาเขียนแนวตลาดอยู่เหมือนกันค่ะ เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเรา แต่ก็น่าลองค่ะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับความคิดเห็นและคำแนะนำ

0
SilverPlus 18 เม.ย. 61 เวลา 12:28 น. 8

เคยท้อนะ แต่มันผ่านมานานแล้ว ปัจจุบันมีเหตุผลอื่นในการเขียนนิยายแล้ว ไม่ใช่เหตุผลเรื่องความรัก หรือความฝัน


ปัจจุบันไม่ได้รักที่จะเขียนนิยายหรอกนะ และก็ไม่ได้มีจิตใจที่ใสซื่อเท่าไหร่ด้วย ที่เขียนอยู่ทุกวันนี้เพราะมันสนุก ตื่นเต้น มีความเครียดปนเข้ามาด้วยเพราะต้องไล่ล่ายอดวิวกับยอดขาย


นิยายที่ได้ตีพิมพ์ ผมว่ามันไม่ได้ยากลากเลือดขนาดนั้นหรอกนะ นักเขียนหน้าใหม่ที่เพิ่งจับการเขียนครั้งแรกยังทำได้เลย ได้ตีพิมพ์เป็นเล่มแบบงง ๆ ด้วยซ้ำ - - แม้จะเจ็บใจสำหรับนักเขียนหน้าเก่าที่ไม่เคยได้ตีพิมพ์ แต่ต้องยอมรับว่าพวกเขา (หน้าใหม่) สามารถทำได้ และพอมองลงไปจริง ๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไรเลย แค่นิยายอยู่ในแนวที่คนสนใจ การวางโครงเรื่องไม่ยุ่งยากมาก แต่ต้องเต็มไปด้วยความสนุก สำนวนภาษาไม่ต้องฝึกปรือเป็นสิบปี แค่อ่านนิยายแนวใดแนวหนึ่งเยอะ ๆ สำนวนมันจะมาเอง


ความฝันทำลายคนได้ ผมเคยเจอมากับตัว ปัจจุบันไม่ได้ไล่ตามความฝันอะไรอีกแล้ว ก็แค่เขียนไปตามกระแสเท่านั้น เป้าหมายก็คือยอดวิวกับยอดขาย


แต่ด้วยความคิดแบบนี้ ทำให้ผมยังคงเขียนนิยายอยู่ได้ และดูจะทรงพลังขึ้นด้วยซ้ำ


ดูเหมือนผมจะเจอแนวคิดที่ทำให้เขียนนิยายได้ต่อเนื่องไม่ท้อไม่เหนื่อย


หวังว่าเจ้าของกระทู้จะเจอแนวคิดที่เหมาะกับตัวเองนะ

1
รสดา 18 เม.ย. 61 เวลา 16:30 น. 9

ขอให้กำลังใจเพื่อนๆ นักเขียนทุกท่านนะคะ ท้อบ้าง เหนื่อยบ้าง ใครๆ ก็เป็นกันเนอะ


แต่เราไม่ท้อเลยนะคะ

เพราะเป้าหมายเราคืออยากเขียนนิยายรักใสใส สะอาดๆ ให้จบสักเรื่องนึง

(อยากอ่านแบบนี้ แต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้แบบที่อยาก เลยลองมาเขียนเอง หาประสบการณ์ชีวิต)


จึงไม่คำนึงถึง รูปแบบการเขียน การเล่าเรื่อง มุมมอง สำนวน ฉาก ปม อะไรกับใครเขาหรอกค่ะ

ไม่รู้และทำไม่เป็นด้วยสิ ก็ทำในสิ่งที่เราคิดว่าทำได้ก็พอ

เดี๋ยวเพื่อนนักอ่านเขาก็มาเขียนแนะนำ เราก็ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ ทำไป

ไม่เคยคิดว่าคนมาคอมเม้นต์คือคนมาติ คิดว่าเขาเป็นครูมาช่วยแนะช่วยบอก

(มีเงินก็ซื้อหาไม่ได้นะคอมเม้นต์เนี่ย อิอิ)

ดังนั้น ยอดวิวหรือแฟนคลับ ก็เป็นเหมือนยาชูกำลัง ให้เราใส่แรงใจ แรงกายเขียนมันให้ดีขึ้น ให้เร็วขึ้น


นี่ก็หายไปจากการเขียน 3 ปี พอจะว่างมาเขียนเรื่องต่อ ก็มีแอบกังวลนิดๆว่านักอ่านเขายังอยากอ่านอยู่ไหม

แค่เห็นมีเพื่อนนักอ่านมาคอมเม้นต์ให้ 2- 3 คนก็ดีใจมากแล้ว มีกำลังใจที่จะเขียนต่อไป


ก็แค่อยากจะมาให้กำลังใจเพื่อนๆ นักเขียนว่า ขอให้สู้ต่อไป ทาเคชิ มะลิ ลำใย ...


จาก น้องโบ้ น้องมิลค์ FARM of LOVE

https://my.dek-d.com/rasada-333/writer/view.php?id=986126



0
kart101965 18 เม.ย. 61 เวลา 16:35 น. 10

ถ้าถามว่าเคยไหมก็เคยนะแต่เราก็ไม่เคยท้อจนเลิกเขียนนะ เราเคยเลิกเขียนไปเป็

0
chinchang22 18 เม.ย. 61 เวลา 19:20 น. 11

มาให้กำลังใจ จขกท ค่ะ พยายามพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ นะคะ

เดี๋ยวนี้มีช่องทางมากกว่า ส่ง สนพ ค่ะ และเราว่าถ้ามีงานออกมาเรื่อยๆ

วันนึงงานเหล่านั้นจะมีโอกาสเจอกลุ่มกงานที่ชอบงานในแบบที่เราเขียน

หลายๆ คนที่บ้านไม่สนับสนุนจริงๆ ค่ะ

แม่เราก็ไม่อยากให้เขียน เพราะอยากให้โฟกัสกับเรื่องเรียน

แต่เราว่าเราสามารถทำควบคู่กันไปได้ ทางนึงเลี้ยงกาย

แต่นิยายเป็นอะไรที่หล่อเลี้ยงจิตใจ

เราว่าถ้าไม่ผ่าน สนพ ลองทำ ebook ดูนะคะ แม้จะได้เงินไม่มาก

แต่พอจะได้ค่าเน็ท เราเองเริ่มจากทำแพ็กเกตในเด็กดี ทำอีบุ๊ก

แล้วถึงผ่านกับ สนพ ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
Whiteflower Ri 18 เม.ย. 61 เวลา 20:37 น. 12

โชคดีที่เรามีแฟนคลับแสนดี 1-2 คนทำให้เราไม่เคยท้อใจเลย แค่คนเดียวก็ทำให้เราต้องเขียนความฝันในหัวออกมาให้เขาอ่าน ^_^ 1 ใน 2 คนนี้น่ารักมาก ๆ อ่านทุกเรื่อง คอมเม้นท์ให้ทุกตอนที่เราเขียนเลย ทำให้เราเขียนต่อมาได้อย่างไม่เคยเดียวดาย


เรามีสโลแกนว่า รอ...คนที่ชอบเหมือนกัน...มาอ่าน


เร็ว ๆ นี้เราได้เจออีก 1 คน คนที่เรารอ...ในที่สุดเขาก็มา...

เขาบอกเราว่า ชอบภาษาของเรา อ่านแล้วรู้สึกสบายตาสบายใจ มันรู้สึกได้


ว้าว! นาน ๆ จะได้ปลื้ม...ซักที ^^

0
donut702 18 เม.ย. 61 เวลา 20:49 น. 13

เห็นแบบนี้อยากจะแต่งต่อเลยล่ะค่ะ สำหรับเรางานเขียนคืองานอดิเรกงานสำคัญสุดคือเรียนค่ะ เคยมีบ้างเหมือน จขกท.ตรงที่ว่าลงเว็บเม้นไม่ค่อยมีววิก็น้อย บางทีเราก็ท้อนะค่ะ แบบเฮ้ยไม่แต่งล่ะเหนื่อย แต่แบบพอเราเห็นเม้น เช่นว่า สู้ๆนะค่ะ รออยู่นะค่ะ รอจ้าา มันทำให้เรารู้สึกว่าอยากแต่งให้คนอ่านจังถึงจะเป็นคนส่วนน้อยแต่เราก็มีความสุขค่ะ ที่มีคนอ่านและเม้นเป็นกำลังใจ ให้บางครั้งก็ให้เพื่อนอ่านเพื่อนก็แนะให้แล้วแบบว่าสู้ๆนะแก แค่นี้ก็มีกำลังใจเต็มแล้วค่ะ จขกท.ก็สู้ๆนะค่ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png

0
Mirage01 19 เม.ย. 61 เวลา 15:41 น. 14

ไม่เคยท้อนะ แต่จะมีพักเหนื่อยบางช่วง แต่เชื่อเราเถอะ สักวันความพยายามและความตั้งใจของเราในวันก่อนๆ มันจะส่งผลดีให้เราแน่นอน เราไม่ได้เรียนด้านภาษา แต่เรียนสายอื่น แต่งานพิเศษที่ทำเงินให้เราตอนนี้กลับเป็นงานเขียน มาถึงตรงนี้ เราขอบคุณตัวเองมากๆที่ไม่ท้อและยอมแพ้ไปซะก่อน ในมุมมองของเรา งานเขียนคืองานที่ยิ่งแต่งยิ่งเก่ง ถ้าทำต่อเนื่องได้ยิ่งดี ยิ่งเราเขียนมาก เราก็พัฒนามาก และมองกลับไปเห็นจุดบกพร่องของตัวเอง รับฟังความเห็นของคนอ่านและนำมาแก้ไข รีไรท์หลายต่อหลายรอบจนนึกเอียนผลงานตัวเอง แต่ผลตอบรับกลับมามันชื่นใจมากเลย แม้เพียง 1 คอมเม้นของนักอ่าน ก็สร้างกำลังใจให้เราได้มากพอจะเขียนต่อจนจบเรื่องได้

ท้อได้ แต่อย่ายอมแพ้นะ สู้ๆ

0
KR_Aiden 20 เม.ย. 61 เวลา 07:20 น. 15

ทุกครั้งในชีวิตของนักเขียน (หรือจะชีวิตไหน ๆ) มันก็จะต้องมีสักหนึ่งครั้งครับ แต่สิ่งสำคัญคือไม่ยอมแพ้และมือนิ่ง ถ้าเรื่องราวที่คุณเขียนมีความหมายสำหรับคุณแค่นั้นมันก็มากเกินพอแล้วครับ

0