ใครที่สงสัยเกี่ยวกับการเรียนแพทย์โครงการร่วมมศว-นอตติงแฮม จงเข้ามาาาา
ตั้งกระทู้ใหม่
เกี่ยวกับโครงการ
รุ่นปีนี้ก็เป็นรุ่นที่16ของโครงการนี้แล้วเพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องที่ว่าอาจจะยังไม่มีรุ่นพี่จบไปทำงาน เรามีกันมาหลายรุ่นแล้วเหมือนกันนะสำหรับโครงการเน้นภาษาอังกฤษอย่างนี้ แพทย์มศวภาคไทยก็มีมาประมาณ34ปี เมื่อก่อนรุ่นนึงจะมีแค่ไม่กี่คนเองจนตอนนี้ก็เพิ่มมามีประมาณ20คนต่อรุ่นแล้ว รุ่นเรา(รุ่นที่16)มี21คน ผู้ชาย7คนกับผู้หญิง14คน เหมือนผู้ชายจะน้อยแต่รุ่นที่แล้วมีผชแค่2-3คนเองนะ555 บอกให้รู้ไว้ก่อน เห็นพวกเรามีไปเรียนอังกฤษแต่ก็มีพี่รหัสซึ่งก็คือรุ่นพี่ในโครงการนี่แหละ ที่นี่จะไม่มีการรับน้องแต่ว่าก็ต้องเข้าค่ายเปิดรั้วหมอเทา-แดง เรียนร้องเพลงอะไรอย่างนี้ ได้เข้าค่ายอัตลักษณ์ด้วยนะ เด็กซิ่วก็สมัครได้เพราะรุ่นเราก็มีอยู่
การเรียน
Preparatory Course / 6 เดือน / มศว ประสานมิตร
Pre-clinic / ปี 1 - 3 / มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม
Clinic / ปี 4 - 6 / มศว องครักษ์
Preparatory Course
ก็คือตอนนี้เรากำลังเรียนอยู่ในช่วงของPrep Courseนั้นเอง ซึ่งทุกปีจะเริ่มเรียนช่วงปลายเมษายนจนถึงต้นกันยายนและก็บินไปเรียนที่นอตติงแฮมประมาณกลางเดือนกันยา การเรียนของตอนนี้ก็จะมีทั้งวิชาปรับพื้นฐานอย่างพวกชีวะทั้งหลาย แต่ก็มีเก็บเครดิตวิชาบังคับของมศวอย่างเช่นวิชาศึกษาทั่วไป ลีลาศ(อย่าถามว่าเป็นยังไงเพราะยังไม่ได้เรียน เฮือก) ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เก็บเกรดนะจ๊ะ ไม่ใช่ว่ามาเรียนเฉยๆแบบช่างมันเลยได้นะ มีการสอบปลายภาคของวิชาทั้งหลาย ส่วนใหญ่เรียนตั้งแต่8:30-17:30แต่บางวันอาจารย์ก็ใจดีปล่อยเร็ว (แอบบอก ได้ไปดูอาจารย์ใหญ่ตั้งแต่วันที่สองของการเรียนเลยทุกท่าน แต่เป็นจากที่พี่ปี2เขาผ่าและก็เรียนกันนะ) ปอลิง นี่เรียนแค่5-6เดือนทำไมค่าเรียนโหดจัง แงง ถ้ามีใครเดินเล่นอยู่ในประสานมิตรและเห็นนิสิตประมาณ20คนเดินกันเป็นหมู่คณะแบบเงอะงะหน่อยก็คือพวกเราเนี่ยแหละ ฮา จะยังไม่ค่อยรู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหนยกเว้นห้องเรียนตัวเอง โรงอาหาร ตลาดนัดมศว และก็7-11
Pre-clinic
ส่วนที่ทุกคนตั้งตารอคอย555 คือการได้ไปเรียนที่อังกฤษ! จะเป็นการเรียนชีวะแบบเข้มข้นไปเลยและก็รู้สึกจะได้ผ่าอาจารย์ใหญ่ตั้งแต่ปีแรกด้วยนะ ที่อังกฤษเราจะได้ไปเดินตามอาจารย์ที่โรงพยาบาลตั้งแต่ปี1เลย แถมในการเรียนถึงจะไม่เข้าห้องก็จะมีการอัดวิดีโอบันทึกให้เรามานั่งย้อนดูได้เองด้วย การเรียนก็ตามทั่วไป นั่งฟังเลคเชอร์ ปี3ก็จะมีความพิเศษอีกคือปีนี้จะเป็นปีที่ให้เราทำวิจัยในเรื่องใดเรื่องหนึ่งและก็ต้องเขียนเปเปอร์ด้วย และก็ปีนี้จะไม่ได้อยู่เรียนครบทั้งปีแต่ว่าจะกลับมาก่อนประมาณกุมภาถึงมีนาเพื่อเตรียมสอบใบประกอบวิชาชีพ ข้อเสียอย่างนึงก็คือที่อังกฤษเราจะไม่ได้เรียนบางอย่างที่มีเรียนที่ไทยกัน และก็ออกในNL 1! ก็ต้องมานั่งอ่านเพิ่มเอาเอง แต่ในทางกลับกันเราก็จะได้เรียนและเจอโรคบางอย่างที่ไม่ได้เจอบ่อยที่นี้ ก็จะมีความรู้ของโรคภัยไข้เจ็บทั้งที่เจอในประเทศเขตร้อนกับเมืองหนาวเลย โดยส่วนใหญ่ก็ชีวิตดีตามประสาอยู่ต่างประเทศ แต่ก็เรียนหนักเหมือนการเรียนหมอทั่วไปแหละ เห็นว่าส่วนใหญ่ผ่านใบประกอบวิชาชีพขั้น1ตั้งแต่ครั้งแรกที่สอบ ค่าเทอมก็ค่าเทอมอังกฤษ ไม่ได้หวังอะไรมากอยู่ละแต่คือก็แพง55555
Clinic
ส่วนนี้ก็เหมือนชั้นคลีนิคทั่วไป เพราะเราจะได้มาเรียนกับภาคไทยที่องครักษ์นั้นเอง อาจจะมีปัญหาการปรับตัวบ้างตอนแรกแต่ก็เห็นรุ่นพี่ทุกคนดูโอเคดีไม่มีปัญหาอะไร เราแอบกระอักเลือดกับค่าเทอมตรงนี้ อะเหื้อออ ไปส่องเอาเองนะแล้วจะรู้ว่าทำไมเจ็บปวดเกินจะเขียนนน
เหนื่อยละขาดเรื่องอะไรอีกไหมน้าา อืมถ้ามีอะไรที่ลืมเดี๋ยวเขียนเพิ่มเติมตรงข้างล่างนะคะ
เพื่อนๆคนไหนที่สมัครหมอมศวภาคไทยปกติก็ขอให้โชคดีน้าาา มาเป็นเพื่อนเราตอนชั้นคลีนิคที่องครักษ์คิคิ หวังว่าจะได้เจอกันที่ค่ายเปิดรั้วหมอเทา-แดงปีนี้นะ
ถึงค่าเทอมจะโหดไปหน่อยแต่สำหรับรุ่นน้องที่จะสมัครเข้าโครงการนี้ ตั้งใจสอบBMATกับIELTSกันให้ได้นะ สำคัญมากๆ แล้วก็ขอให้ได้มาเป็นน้องรหัสเราเน้ออ
แอบแปะทวิตให้มาคุยเล่น+ถามคำถามด้ายย เราก็จะมีอัพเดตชีวิตอยู่เรื่อยๆนะ ไว้รอกันยาที่เราได้ไปอังกฤษแล้วก็คงจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นขึ้นนะ ช่วงนี้ทวิตก็จะยังน่าเบื่อหน่อย5555
https://twitter.com/inchanteddd
2 ความคิดเห็น
โอ้ยยยยยย เขียนผิด ภาคปกติเค้ารุ่นที่34แล้วไม่ใช่ว่าจัดตั้งมา34ปี ขอโทษค้าบบ5555555
อยากรู้ว่า จขกท เรียนโรงเรียนไทยมั้ยคะ หรือโรงเรียนนานาชาติ ภาษาอังกฤษดีมากไหมคะก่อนจะไปสอบ
เริ่มเตรียมสอบ ielts กับ BMAT ตอนไหน เตรียมตัวยังไงบ้าง
เราเรียนนานาชาติค่าา รุ่นเราไม่มีมาจากโรงเรียนไทยนะคะแต่ว่ารุ่นก่อนๆก็มีหลายคนอยู่เหมือนกัน ทางที่ดีควรเริ่มเตรียมตัวเร็วๆทั้งสองตัวเลย IELTSเอาให้สอบรอบเดียวผ่านเพราะแพง ส่วนBMATเรามีสิทธิสอบแค่รอบเดียวอยู่แล้ว IELTSเราไม่ได้เตรียมมากแต่ว่าควรหาแนวข้อสอบอ่านดูนะเพราะมันไม่ได้ต่างกันมากในแต่ละรอบ เอาแค่ให้ผ่านเกณฑ์ก็พอ BMATนี่ก็โหดมากเรื่องเวลาต้องเตรียมตัวPart 1ที่เป็นIQดีๆ Part 2ถ้าเรียนรร.ไทยเราว่าคงไม่ยากเกินไปนะเพราะมันไม่ได้ลงลึกมาก ตามตะลุยโจทย์เก่าทั้งที่ตัวBMATปล่อยและก็ที่มีออนไลน์ก็ดีนะคะ โดยส่วนตัวเราเรียนพิเศษด้วยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันช่วยขนาดนั้นแหะๆ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?