Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ในเมื่อไม่มีนักเขียนนิยาย Top คนไหนยอมให้เลาสับ ใครก็ได้มาสับเค้าแทน มามะ 55555

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
พอดีว่าแบบว่า อันตัวเลานั้นอยากกลับมาเขียนนิยายอีกที แต่ด้วยความขี้เกียจทั้งปวงและข้ออ้างอีกต่าง ๆ  นานา จึงยังไม่ได้มีโอกาสเขียนซ้ากที การหาเรื่องสับชาวบ้านนี่คือพยายามหาแรงบาดาลใจอยู่ 55555 เอ้า ด้านล่างนี่เป็นส่วนแรกของนิยายที่เรา ( ดอง ) เพิ่งรีไรท์แต่ยังไม่ได้ลงค่ะ ใครสนใจ มาเจิมสับเราทีมามะ เอากันให้เต็มที่ เราไม่กัดตอบดอก หึหึ

บทนำ
 
          เสียงระฆังดังขึ้นสามคราในพระราชวังหลวงแห่ง ฉีเซียง เป็นดั่งสัญญาณว่าหนึ่งในสมาชิกแห่งราชวงศ์สิ้นพระชนม์แล้ว
 
          ภาพในกระจกทรงกลมกรอบไม้สลักลายสีเข้มบานใหญ่ สะท้อนดวงหน้าผะผ่องไร้เครื่องสำอางใดแต่งแต้มทว่าชวนมองอย่างน่าประหลาด
 
          ไร้ซึ่งรอยยิ้มใด ๆ ประดับบนใบหน้านาง สองดวงแก้วสีนิลกาฬว่างเปล่าจ้องประสานกับนัยน์ตาคู่เดียวกันในกระจก
 
          นาง ได้ยินเสียงระฆังนั้นชัดเจน
 
          มิต้องให้มีผู้ใดมาแจ้ง ก็รู้อยู่แก่ใจตนดีว่าเสียงดังกล่าวนั้น มีขึ้นเพื่อการใด
 
          หญิงสาวหยิบกริชเล่มเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งไม้สักตรงหน้าด้วยอากัปกิริยาเชื่องช้า นางค่อย ๆ ใช้นิ้วถลกชายเสื้อสีดำสนิทที่ปิดคลุมแขนอีกข้างของตน ดึงร่นขึ้นมาจนถึงข้อศอก
 
          บนแขนเนียนดั่งหยกขาวปรากฏซึ่งรอยแผลเป็นสีเข้มกว่าผิวเนื้อส่วนอื่นขึ้นมาเล็กน้อย เป็นรอยเฉียงที่เกิดจากการกรีดของของมีคม ขีดขนานกันทั้งหมดเจ็ดเส้นอย่างเป็นระเบียบ ราวถูกสร้างขึ้นมาจากการคำนวณอันรอบคอบแลตั้งใจเป็นอย่างดี
 
          นางใช้มือขวากำด้ามกริชอย่างถนัดมือ หลุบตาลงต่ำ ก่อนจะจรดมันลงบนแขนข้างซ้ายของตนอย่างช้า ๆ ทว่ามั่นคง
 
          ปลายโลหะสีเงินคมกริบจมลงไปในเนื้อนุ่มอย่างไม่รีบร้อน สร้างรอยแยกที่เริ่มซึมขึ้นเป็นสีแดงเข้ม ขีดกาทับเส้นแผลเป็นที่อยู่ข้างในสุดให้กลายเป็นหนึ่งรอยกากบาท
 
          ระหว่างนั้น ใบหน้างดงามหาได้เปลี่ยนเป็นอื่นใดนอกจากนิ่งเฉยไม่
          ยามปลายมีดฉีกแยกผิวเนื้อในขนาดที่พอดีแล้ว นางจึงดึงปลายออกจากแขนตน ให้ของเหลวสีแดงข้นหยดจากปลายแหลม ก่อนจะซึมหายลงไปในอาภรณ์สีดำสนิท
 
          หญิงสาวเลื่อนสายตาขึ้นสบกับเงาตนอีกครั้ง แล้วจึงแลบลิ้นลิ้มรสโลหิตบนปลายกริชเล่มนั้นช้า ๆ ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงชาดจะกระตุกเป็นรอยยิ้มกว้าง รอยยิ้มเย็นยะเยือก
 
          สิ้นไปแล้วหนึ่ง...หากยังมิอาจเทียบเทียมหนึ่งการสูญเสียแห่งข้าได้หรอก...นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น...จุดเริ่มต้นเท่านั้น

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

chinchang22 21 พ.ค. 61 เวลา 06:39 น. 4

สำนวนก็สวยเหมือนเคยค่ะ

เปิดมาได้น่าสนใจว่ามีเรื่องเคืองแค้นอะไร

และวางแผนจะจัดการใครเป็นรายต่อไป

1
Miran/Licht 21 พ.ค. 61 เวลา 06:54 น. 5

อืม...จีนโบราณไม่มีกระจกค่ะ นิยมใช้แผ่นโลหะขัดเงาส่อง คนมีเงินใช้แผ่นทองเหลืองเป็นสาเหตุหนึ่งที่ หากฮูหยินท่านใดอยากมีคิ้วสวยทุกวันให้อ้อนสามีเขียนให้ค่ะ (ยกเว้นคนมีสาวใช้ก็สาวใช้เขียน) ในเรื่องดาบมังกรหยก เตี๋ยเมี่ยงจึงขอคำขอข้อที่สามกับเตียบ่อกี้ว่า ให้เขียนคิ้วให้ข้าพเจ้าทุกวันค่ะ (แปลแบบกลายๆ ว่า เป็นสามีภรรยากันนั่นเอง)


นิยามที่ตั้งให้ตัวเองเวลาแนะนำใครและแก้ไม่หายคือ ...จะเรียลไปไหน (ฮา)

21
no one know 21 พ.ค. 61 เวลา 08:32 น. 5-2

พอลองนึกดูให้ดี ๆ แล้วดาบมังกรหยกนี่เหมือนจะเป็นแนวฮาเร็มเลยนะ มีสาวมาติดพันพระเอกเยอะมาก (อ่านไปก็อิจฉาไป) เสียแค่ว่าตอนท้ายพระเอกดันเลือกนางมารเข้าวินซะงั้น (ฮา)

0
A.p.Alis 21 พ.ค. 61 เวลา 08:35 น. 5-3

เรื่องนี้เราเกลียดพระเอกมากตอนแรกว่าก๋วยเจ๋งซื่อบื้อแล้ว แต่เตียบ่อกี้นี่อาการหนักกว่า (ฮ่า)

0
Miran/Licht 21 พ.ค. 61 เวลา 08:39 น. 5-4

เตียบ่อกี้นี่งี่เง่าซ้ำซากมากค่ะ แต่ทำไมผู้หญิงแย่งกันจังหรือผู้หญิงสมัยนั้นคิดว่าคนซื่อๆ ดีแล้วจะได้ไม่เจ้าชู้


จริงๆ รุ่นพ่อเตียชุ่ยซัวก็เลือกนางมาร ลูกสาวประมุขพรรคมารเสียด้วย

ท่านอาหก ปากบอกไม่ๆ สุดท้ายก็กินเด็กแล้วเป็นอมตะ รุ่นแม่ไม่ได้ขอลูกก็ยังดี กับเอี้ยงปุ๊ฮุ่ย (ลูกสาวเอี๊ยงเซียว)

เตียบ่อกี้ได้เตี๋ยเมี่ยง เจ้าหญิงมองโกล และเป็นนางร้ายด้วย

0
A.p.Alis 21 พ.ค. 61 เวลา 08:41 น. 5-5

มีสามีโง่เช่นนี้ปวดหัวตายชักค่ะไม่รู้พวกนางจะแย่งกันไปทำซากอะไรhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-13.png

0
lavender_blue 21 พ.ค. 61 เวลา 09:00 น. 5-6

เห็นด้วยกับความเห็นข้างบน

แต่สมัยโบราณไม่มีความรู้ด้านพันธุศาสตร์ทำให้พวกแม่นางทั้งหลายอาจจะไม่รู้ว่าความฉลาดถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์


หากรู้พวกนางควรจะคิดเผื่อลูกบ้าง ว่าถ้าพ่อซื่อบื้อแบบนั้น ลูกอาจจะได้พ่อมา....

0
ลยาลี 21 พ.ค. 61 เวลา 09:14 น. 5-7

เม้นท์นี้ลากเข้าทะเลกันอีกละ >0< 55555

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม แก้แทบไม่ทัน!

0
A.p.Alis 21 พ.ค. 61 เวลา 09:17 น. 5-8

5555555555 แสดงให้เห็นถึงความว่างของคนเราค่ะ


0
Miran/Licht 21 พ.ค. 61 เวลา 10:02 น. 5-9

เราเปล่าลากออกทะเลนะ เราแค่ยกตัวอย่างจากปรมาจารย์นิยายจีน กิมย้งที่มีฉายาว่าเสื้อสวรรค์ไร้ตะเข็บเท่านั้นเอ๊ง

0
lesserpanda 21 พ.ค. 61 เวลา 12:43 น. 5-10

เส้นขอบฟ้าไปทางไหนค่ะ?



จริงๆไม่ได้รู้เรื่องอะไรกะเขาหรอกแต่อยากเป็นลูกเรือที่ดีค่ะ555

0
Miran/Licht 21 พ.ค. 61 เวลา 14:31 น. 5-12

เราจะออกไปแตะแกรนด์ไลน์เพื่อชิงวันพีชด้วยกันใช่ไหมคะ


(จากนิยายจีน สู่...การ์ตูนญี่ปุ่น)


อย่างน้อยเราขอดึงกลับประเทศจีนก่อนละกัน ใครรู้จักแปลว่า...รุ่นเดียวกันแน่นวล


https://image.dek-d.com/27/0060/1867/126858270


0
no one know 21 พ.ค. 61 เวลา 14:40 น. 5-14

ซีรีย์มังกรหยกนี่ผมชอบเอี้ยก้วยที่สุดล่ะ ฉลาด เจ้าเล่ห์ และกินสาวสูงวัย (ฮา) ส่วนเนื้อเรื่องภาคดาบมังกรหยกนี่ก็พีคช่วงแรก (ตอนโชว์วิชาเคลื่อนจักรวาล+เก้าเอี๊ยง) ก่อนจะค่อย ๆ แผ่วกับความซื่อบื้อของเตียบ่อกี้ =______=


ภาคนี้สาว ๆ เยอะแต่ผมชอบเสี่ยวเจียวที่สุดล่ะ น่าเสียดายที่ต้องออกจากฮาเร็มไปบูชาโซโลอัสเตอร์เสียก่อน (ฮา)



5-6 เอาน่า คิดดูขนาดก๊วยเจ๋งซื่อบื้อ ยังได้ลูกฉลาดอย่างก๊วยเซียงเลย (อัตราส่วน 1:3)

0
A.p.Alis 21 พ.ค. 61 เวลา 14:48 น. 5-15

กรณีของก๋วยเจ๋งได้ลูกที่สมองทึบมาสองแต่ได้ลูกสาวที่ฉลาดเหมือนอึ้งย้งมาหนึ่งนับว่ายังพอรับได้ค่ะ


ส่วนภาคของเอี้ยก้วยนี่พระเอกดีงามพระรามแปดมากค่ะ เพียงแต่ก็เป็นภาคที่ทั้งพระเอกและนางเอกน่าสงสารมากที่สุดด้วยเช่นกันค่ะ


ภาคของเตียบ่อก็นี่อ่านแล้วปวดตับไตไส้พุงมากที่สุด เพราะเราไม่ชอบทั้งพระเอกและนางเอกเลย แต่เรากับไปชอบ เอี้ยเจเจ้และเสี่ยวเจียวแทน 5555

0
Miran/Licht 21 พ.ค. 61 เวลา 14:54 น. 5-16

ใน 8 เทพอสูรมังกรฟ้า ตอนอาจูตายที่เราก็ร้องXXXหนักมากแล้วนะ ตอนจบของเฉียวฟงนี่คูณสอง

คุณกิมย้งคะ คุณจะพลิกเรื่องราวอะไรขนาดนั้นตอนเฉลยเรื่องราวสกุลต้วน (ต้วนเจิ้นสุนนี่ก็ฮาเร็ม แถมจริงๆ มีแต่ลูกสาว) สรุปมีแต่คู่ซีจู๋ที่โอเค https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-07.png


กิมย้งชอบเขียนให้นางมารเป็นนางเอกดีจริงๆ ในกระบี่เย้ยยุทธจักร นางเอกก็นางมารอีกนี่นา (นับรวมตงฟางเป็นนางเอกด้วยไหม?)


0
A.p.Alis 21 พ.ค. 61 เวลา 15:00 น. 5-17

8 เทพอสูรมังกรฟ้านี่ก็เป็นอีกเรื่องที่โครตหักมุมยิ่งอ่านก็ยิ่งเครียด


ใช่ ๆ กระบี่เย้ยยุทธจักนางเอกก็อยู่พรรคมารอีก (ตงฟางอย่าไปน๊าบบบบบบบบ) https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-13.png

0
Earendel Gilmirath 23 พ.ค. 61 เวลา 17:24 น. 5-18

ทำไมเรากลับคิดว่าถ้าเจ้าของกระทู้ใช้คำว่า "กระจกเงา (Mirror)" อาจจะพอกินความหมายเดียวกับคันฉ่องได้ เพราะเทคโนโลยีการนำโลหะมาขัดให้มันเงาเพื่อสะท้อนภาพ กับการนำกระจกใสฉาบปรอทด้านหนึ่งใช้เพื่อสะท้อนภาพเหมือนกันได้ ในภาษาอังกฤษยังใช้ Mirror เหมือนกัน แค่อาจต้องระบุวัสดุว่าเป็นแก้ว หรือโลหะ


https://image.dek-d.com/27/0081/6300/126868215 (กระจกสำริด ร.ถัง ที่มาของภาพ ) อีกทั้งน่าสนใจว่าเทคโนโลยีการทำกระจกเงาของจีนโบราณมีมานานพอสมควร (ในรูปแบบของแผ่นสำริดขัดมัน) นานขนาดที่มีกระจกแบบพิเศษที่สะท้อนลายด้านหลังกระจกออกมากับแสงสะท้อนคล้ายการฉายสไลด์ด้วย แต่การทำกรอบไม้แบบในเรื่องที่บรรยายมา ส่วนตัวยังไม่เคยเห็น เคยเห็นแต่ทรงกลมหรือหกเหลี่ยมแล้ววางบนขาตั้งไม้เพื่อให้ใช้สอยได้สะดวก https://image.dek-d.com/27/0081/6300/126868223 (ตัวอย่างความชัดเพียงระดับ 480p ในการส่องจากแหล่งขุดค้นร.ฮั่น ที่มา http://english.ccitimes.com/culture/2010-04-19/9431271668521_3.shtml) จริงๆ โลหะถ้าขัดจนขึ้นเงาแว้บเลยเนี่ย เราว่าเขียนคิ้วเองไม่น่ายากนะคะ อาจจะมีความยากในเรื่องการแสดงสีสันบ้าง รองพื้นอาจจะผิดเบอร์ได้ อะไรทำนองนี้ค่ะ ส่วนเรื่องลูกเล่นที่เราพูดถึงเรื่องเงาสะท้อนเป็นภาพด้านหลังกระจก อันนี้ลองดูจากคลิปนี้ได้ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=44PyXWWy6ZI


0
Miran/Licht 23 พ.ค. 61 เวลา 17:47 น. 5-19

เรื่องความสามารถในการสะท้อนมันทำหน้าที่ได้ค่ะ แต่ว่าโลหะน่ะจะมีข้อเสียอยู่อย่างค่ะ หากได้รับการกระทบหรือบิดงอเล็กน้อยภาพที่สะท้อนจะบูดเบี้ยวค่ะ เรานึกถึงที่บ้านเรามีกระจกเก่าอยู่บานหนึ่งค่ะ เป็นกระจกหล่อออกมาเป็นทรงมียกมุมอะไรสวยงาม ด้วยเทคโนโลยีสมัยที่ผลิตนั้น ทำให้เกิดข้อเสียอย่างหนึ่งคือ พื้นผิวกระจกไม่อาจเรียบเสมอกันค่ะ เวลาที่ส่องในระยะต่างกันหรือเปลี่ยนมุม ภาพเสมือนหัวตั้งที่กระจกแสดงออกมามันหลอกตามากค่ะ บางทีเห็นหน้าบูดเบี้ยวเลยทีเดียวเชียวค่ะ เราเล่นมาตั้งแต่เล็กเลย พอดูหนังจีนรุ่นเก่าก็เลยเข้าใจค่ะ ขนาดถาดสเตนเลสที่ใช้ๆ ในแล็บ ใช้ได้ไม่นานก็จะมีอาการนี้ค่ะ เวลาถ่ายรูปของบนถาดภาพสะท้อนมักออกมาบูดเบี้ยว


ซึ่งหมายความว่า คิ้วรูปใบหลิวของฮูหยินอาจจะไม่เท่ากันค่ะ ทุกวันนี้เบลนด์คิ้วตัวเองยังไม่เท่ากันเลย กระจกขยาย x 3แล้วนะ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png

0
Earendel Gilmirath 23 พ.ค. 61 เวลา 18:07 น. 5-20

เรามองว่าความคิ้วเป๊ะให้สามีเขียน ก็แค่การอ้อนหรือกิริยาเชิงกามารมย์แบบนักประพันธ์เฉยๆ ไม่เช่นนั้นก็คงจะเบี้ยวกันมาตั้งแต่ก่อนแต่ง เบี้ยวกันจนเป็นกิจลักษณะเฉพาะไป ใครไม่อยากเบี้ยวแล้วไม่มีสามีก็คงจะต้องมีบ่าวสักหน่อย 555 ส่วนว่าภาพคมชัดหรือไม่นั้น ก็ตามภาพประกอบนะคะ แต่คิดว่าไม่น่าเอาถาดสเตนเลสมาเทียบกับความหนาของคันฉ่องโบราณเลย ถาดสเตนเลสนอกจากจะมีคุณสมบัติต่างกันแล้ว ความหนามันน้อยกว่าเทคนิคการหล่อสมัยโบราณอีกค่ะ ที่เคยเห็นน่าจะบางพอกันได้ ก็มีมโหระทึกโบราณที่พบในอุษาคเนย์ที่เคยเห็นว่าพื้นผิวบางมากๆ จากการฉลุดุนลายสำริดขึ้นมา

0
A.p.Alis 23 พ.ค. 61 เวลา 18:16 น. 5-21

ตามที่เราเคยอ่านในหนังสือมานะคะ สมัยก่อนครอบครัวที่มีฐานะเค้าจะมีบ่าวคอยแต่งหน้าทำผมให้ ผู้หญิงสมัยนั้นเขาทำอะไรเองแทบไม่เป็นค่ะ ส่วนพวกชาวบ้านทั่วไปเขาไม่ค่อยแต่งหน้ากันอยู่แล้วเพราะเครื่องสำอางในสมัยนั้นราคาจะแพงมากครอบครัวคนธรรมดาซื้อไม่ไหว

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

กระทู้หรือความคิดเห็นอยู่ผิดบอร์ด โดยมีเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกันกับบอร์ด กรุณาโพสเนื้อหาใหม่อีกครั้ง