Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำไม K-Pop ต้องเต้น / ทำไมกรุ๊ปนึงต้องมีหลายคน / คนไทยหลายคนทำไมถึงฝากตัวเป็นติ่งเกาหลีกัน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ก่อนอื่นขอประชาสัมพันธ์เพจกันนิดนึงครับ บทความด้านล่างนี้มาจากเพจ Listeners Hub ของผม โดยมีอัพเดต รีวิว และอื่นๆอีกมากมายจากเพลงไทย ตะวันตก และเกาหลี ลองไปดูๆก่อนได้ครับ เผื่อท่านจะสนใจ หากชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์เพจ กดแชร์เพจและบทความกันนะครับ

กดตรงนี้!!!! -> https://www.facebook.com/ListenersHubTH/ 



### บทความนี้มีเนื้อหาที่ยาวมาก ใครอ่อนแอก็แพ้ไปนะ ###

#วิเคราะห์ : ทำไม K-Pop ต้องเต้น / ทำไมกรุ๊ปนึงต้องมีหลายคน / คนไทยหลายคนทำไมถึงฝากตัวเป็นติ่งเกาหลีกัน

ผมก็เป็นคนนึงนะ ที่ทั้งชีวิตฟังแต่เพลงไทย ไม่ก็เพลงตะวันตก (จริงๆก็เน้นไปทางตะวันตกนั่นแหละ) เราก็ไม่เคยรู้จักกับเพลงเกาหลีมาก่อน ที่เห็นก็เห็นผ่านๆแบบเพื่อนผู้หญิงฟัง ส่วนตัวก็ไม่ได้สนใจอะไร ตอนนั้นก็คิดว่า ภาษาเราก็ไม่เข้าใจ พูดอะไรไม่รู้เรื่อง จะไปอินได้ไงวะ ด้วยเพราะเหตุนี้ผมจึงคุ้นเคยกับการแสดงสดดนตรีที่มีนักร้องออกมายืนร้องและเอ็นเตอร์เทนผู้ชมเป็นปกติ ถ้าเป็นวงดนตรีก็มีสมาชิกอื่นเล่นดนตรีตามหน้าที่กันไป อาจมี Backing Track กันบ้างเพิ่มความแน่นให้ดนตรี สมาชิกทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง

จนวันหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสได้ลองมาฟังมาดูการแสดงสดของ K-Pop แล้วก็เกิดข้อสงสัยมากมายในหัว เห้ย ทำไม-ต้องเต้นวะ ทำไมต้องลิปซิง -ร้องเพลงคนเดียวไม่เป็นเหรอ ทำไมต้องมีนักร้องหลายคนด้วย แล้วไม่คิดจะโชว์เครื่องดนตรีอื่นเหรอ ร้องแค่คนละ 3-4 คำใครๆก็ร้องได้ป่าววะ พอเกิดคำถามที่ไม่เข้าใจแบบนั้นขึ้น มันทำให้ผมเริ่มออกห่างจากความชอบเกาหลีไปโดยปริยาย อะไรเป็นเกาหลี กูไม่ีฟัง เพลงไม่เห็นจะมีอะไรเลย ดนตรีสดก็ไม่มี ดนตรีช่วยก็เยอะ

หลังจากที่ผมไม่ได้แตะต้องเพลงเกาหลีและวัฒนธรรมทุกรูปแบบ กระทั่งวันนึง วันที่ BNK48 เหยียบท้าวเข้ามาในประเทศไทย เกิดกระแสไวรัลไปทั่วประเทศ ผู้ชายเกือบครึ่งประเทศพากันหลงในความน่ารักหรืออะไรสักอย่างที่ผมก็เข้าไม่ถึงอีกแล้ว ซึ่งเวลาของใหม่เข้ามา แล้วดังมากๆ เป็นที่พูดถึงมากๆ มีหรือที่จะไม่เกิดข้อโต้เถียง ประเด็นแรกที่เกิดขึ้นมาเลยคือ K-Pop vs BNK48 ซึ่งผมก็ไม่ค่อยแปลกใจอยู่แหละ คร่าวๆก็คือ พอเหล่าโอตะ BNK เริ่มเปย์หนักๆ คนทั่วไปเริ่มกังขาว่า เยอะไปหรือเปล่า คราวนี้หวยเลยไปตกที่ติ่งเกาหลี เพราะวัฒนธรรมการเปย์ หรือความคลั่งไคล้แบบสุดโต่งมันมีมาตั้งนานแล้ว แต่อยู่ในกลุ่มติ่งเกาหลีนี่เอง ฟังติ่งเกาหลีก็เริ่มเบลมว่า ไอพวกโอตะทั้งหลายนะ ก่อนหน้านั้นก็เห็นเกลียดเกาหลี เกลียดติ่งกันตายห่า อยู่ดีๆก็ผันตัวไปหาจิ๋มกันใหญ่ ไม่เห็นต่างอะไรจากติ่งเกาหลีอย่างพวกกูเลย

ที่ผมเล่ามาถึงตรงนี้ ไม่ได้ต้องการให้เกิดข้อวิพากษ์เพิ่มเติมนะครับ แล้วก็ไม่ต้องมาดราม่าอะไรกันนะครับ เพราะผมมองในมุมมองของคนภายนอก ในฐานะที่ก็ไม่ได้อินอะไรกับทั้ง 2 ฝั่งมากนักอยู่แล้ว แต่แน่นอนครับ วันนี้ผมตั้งประเด็นถึงวงการ K-Pop เพราะงั้นผมจะไปต่อนะครับ

คราวนี้ด้วยเหตุที่ว่า BNK48 มันอยู่ในไทย จับต้องได้ง่าย ข่าวสารรวดเร็วและแพร่หลาย ต่างจาก K-Pop ที่ดูจะเฉพาะกลุ่ม (ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่) และข่าวสารตกมาถึงหูคนทั่วไปอย่างผมได้น้อยกว่า ผมจะเริ่ม- (หาข้อมูล) เกี่ยวกับ K-Pop ผมเริ่มเสพวัฒนธรรมนี้เข้าไปทีละหน่อย จากปฏิเสธเป็นยอมรับ จากยอมรับเป็นเข้าถึง จนมาถึงวันหนึ่งที่ผมเข้าใจความบันเทิงในรูปแบบของ K-Pop ครับ หลังจากนี้ผมจะเริ่มวิเคราะห์ประเด็นที่เป็น Topic ในครั้งนี้นะครับ (ที่เล่าผ่านๆมายาวๆนั่นคืออยากเล่าเฉยๆ555555)

**สำหรับคนที่ไม่รู้มาก่อน อย่างเช่นผมนะครับ เพลงเกาหลีและ K-Pop ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน K-Pop คือ Korean Pop เป็นวัฒนธรรมเพลงที่มีอิทธิพลต่อประเทศเกาหลีมากที่สุดที่เราๆเห็นกันนั่นแหละครับ มีกรุ๊ป มีเต้น ส่วนเพลงเกาหลีมันก็คือเพลงที่มาจากเกาหลีครับ อาจจะเป็นเพลงร็อค หรือเพลงประเภทอื่น โดยไม่ได้มีการเต้น ดังนั้น เพลงเกาหลี ไม่ใช่ว่าจะเต้นและเป็น K-Pop ทุกเพลงนะครับ

พอมาถึงจุดที่ผมเริ่มเข้าใจวัฒนธรรม K-Pop แล้วนั้น คำถามที่เคยคาใจสมัยที่ยังไม่บรรลุก็กลับมาครับ ดังนั้นผมจะขอแบ่งคำตอบเป็นข้อๆนะครับ แล้วผมจะเขียนความเห็นลงไปในแต่ละข้อ

1. ทำไม K-Pop ต้องเต้น
- K-Pop มีการเต้น และการเต้นเป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่ง ผมคิดว่า ความบันเทิงของการฟังนักร้องแสดงสด นั่นคือการที่เราได้ฟังเสียงสดๆที่ไม่ผ่านการสังเคราะห์อะไรทั้งนั้น มันมีความเรียลและสามารถเข้าถึงคนดูได้ เพราะคุณจะส่งไมค์ให้คนดูมีส่วนร่วมเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่ไม่ใช่กับ K-Pop ครับ ความบันเทิงที่คุณหาได้ในการเสพการแสดงสดของ K-Pop คือการเต้น คุณได้เห็นศิลปินที่คุณชอบได้ออกท่าทางเท่ๆ หรือท่าทางน่ารักๆ ซึ่งท่าเต้นก็ถือเป็นภาษาหนึ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ครับ

2. K-Pop ไม่มีเครื่องดนตรีอื่นเหรอ ทำไมต้องร้องอย่างเดียว
- สืบเนื่องจากข้อแรกครับ สำหรับคำตอบ อย่างที่ผมบอกไปว่าผู้คนมองการเต้นเป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่ง ฉะนั้นมันไม่จำเป็นว่าจะต้องมาโชว์เครื่องดนตรี ซึ่งต่างจากการแสดงสดประเภทอื่นๆที่เป็นวงดนตรี ถึงจะมีสมาชิกวงคนอื่นๆมาเล่นครับ

3. ทำไมกรุ๊ปนึงต้องมีหลายคน ทำไมต้องลิปซิงค์
- คำตอบของคำถามทั้ง 2 ข้อนี้ก็มาจากข้อแรกเช่นกันครับ คุณลองคิดสภาพว่าในคอนเสิร์ตที่คุณขึ้นมีเพลงที่ต้องโชว์เอาแบบต่ำๆ 5 เพลงขึ้นไป ทุกเพลงมีท่าเต้นที่หนักแน่น (แน่นอนครับ เพราะ K-Pop ขายท่าเต้น ดังนั้นท่าเต้นทุกๆเพลงจะผ่านการฝึกมาอย่างหนักแหละมีความยากพอสมควร) ถ้าคุณต้องร้องเพลงแล้วเต้นไปด้วย มันไม่ไหวแน่นอน การมีสมาชิกหลายๆคนทำให้เกิดการแบ่งไลน์กัน โดยไม่ทำให้ตัวศิลปินเหนื่อยเกินไป เรื่องของการลิปซิงค์ก็เช่นกันครับ ความเหนื่อยล้าจากการเต้นมีผลในเรื่องของเสียงศิลปินและอาจทำให้เสียงดรอป ผู้ชมไม่ได้รับความบันเทิงเต็มที่ แล้วก็อย่างที่ผมย้ำตลอด กลุ่มผู้ชม K-Pop เสพการเต้นเป็นหลัก ดังนั้นคุณไม่ต้องไปใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เพราะสิ่งสำคัญคือคุณเต้นได้ดี มีพลัง และตรงตามต้นฉบับ

4. สมาชิกหลายคนนอกจากช่วยกันเรื่องร้องเพลงแล้ว มีประโยชน์อย่างอื่นมั้ย
- มีครับ สมาชิกในกรุ๊ป K-Pop แต่ละคนจะมีหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งมันเยอะมาก และผมจำไม่หมด จึงไม่ขออธิบายลึกครับ แต่หลักๆแล้วจะมีหัวหน้าวง เสียงร้องหลัก เสียงร้องเสริม แดนเซอร์หลัก แร๊ปเปอร์หลัก เช่น วงเกิร์ลกรุ๊ปนึงมี 5 คน นางสาว A อายุมากสุด เป็นคนเกาหลี จึงได้ตำแหน่งลีดเดอร์กรุ๊ป นางสาว B ร้องเพลงได้สูงมาก แต่เหนื่อยง่าย จึงได้ตำแหน่งร้องในท่อนสำคัญและเสียงสูง นางสาว C เสียงดีไม่เท่า B แต่เสียงไม่ตก ร้องสม่ำเสมอ จึงได้ร้องมากที่สุด นางสาว D เป็นชาวต่างชาติ แต่เต้นเก่ง จึงได้ตำแหน่งแดนเซอร์หลัก ที่ไม่ได้ต้องร้องเยอะ แต่คุมท่าเต้นของวง คนสุดท้ายคือนางสาว E ที่ร้องเพลงก็ไม่ค่อยเพราะมาก แต่แร๊ปเก่ง จึงได้ตำแหน่งแร๊ปเปอร์หลัก จะเห็นได้ว่าแต่ละคนในกรุ๊ปจะมีหน้าที่เน้นๆให้แล้วขับเคลื่อนเพลงไปเป็นยูนิตใหญ่ครับ

คราวนี้เราพอเข้าใจคำถามที่เป็นประเด็นหลักๆแล้วนะครับถึงตรงนี้ผมก็มีคำถามที่หลายๆคนน่าจะสงสัยเหมือนกัน นั่นคือ ทำไมเด็กไทย (และคนไทย และอีกหลายๆชาติพันธุ์) หลายคนถึงได้หลงรักเกาหลีหัวปักหัวปำขนาดนี้ สำหรับคำตอบของคำถามนี้เป็นการวิเคราะห์จากผม 100% เลยนะครับ อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้

1. เกาหลีแม่งหน้าตาดีครับ
- ข้อนี้ปฏิเสธไม่ได้จริงๆครับ แล้วผมยังถือว่าเป็นเหตุผลอันดับแรกๆเลยล่ะครับ ถึงจะเบลมว่าศัลย์หรือไม่ แต่หน้าตาดีก็คือดีครับ ข้อนี้ไม่มีอะไรให้เสริมละ ข้อต่อไปเลยละกัน55555

2. เพลงติดหู เข้าถึงง่าย
- จากชื่อ K-Pop หรือ Korean Pop ไม่ได้มาเล่นๆครับ มัน Pop จริงๆ แต่ละเพลงฟังแล้วติดหูง่ายครับ แล้วดนตรีก็ค่อนข้างจะสร้างสรรค์ ข้อพิสูจน์สำหรับคำตอบนี้ลองเดินไปแถวๆโรงเรียนประถม / มัธยมต้นนะครับ เด็กๆไม่รู้ภาษาเกาหลีแม่งยังร้องได้เลย55555555

3. โปรดักชั่น MV เพลงลงทุน / การส่งเสริมจากหลายๆฝ่าย
- หนึ่งในสิ่งที่จะได้สัมผัสจาก K-Pop เหมือนเป็นด่านแรกเลยคือ MV เพลง ซึ่งทำออกมาได้ดึงดูดและเล่นใหญ่รัชดาลัยมากๆ หลายคนโดนตกจาก MV นี่แหละครับ แล้วเนื่องด้วยเม็ดเงินสำหรับวงการ K-Pop มันหมุนเวียนเยอะมากจริงๆ เพราะมันเปรียบเสมือนของ Export ของเกาหลีเลย ทำให้เกิดการเข้ามาควบคุมจากหลายๆฝ่าย มีระบบที่เป็นระเบียบให้ K-Pop ทั้งหน้าเก่าและเกิดใหม่

4. ท่าเต้น
- สิ่งนี้เป็นส่วนสำคัญเลยล่ะครับ รู้มั้ยครับ ทำไมหลายคนชอบ K-Pop ทั้งๆที่ภาษาเกาหลีก็ไม่รู้เรื่อง เพราะท่าเต้นนี่แหละครับ เพราะ-ไม่จำเป็นต้องเรียนภาษาเพื่อเต้นได้ ดังนั้นมันถึงเข้าถึงง่ายและจับต้องได้ครับ นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไม K-Pop ถึงไม่ได้เน้นการร้องเพลงมากนัก

5. ตัวศิลปินเป็นกันเองและเข้าถึงได้ง่าย
- นี่คือคุณสมบัติพื้นฐานของไอดอลเลยครับ เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ BNK48 มีเหมือนกัน การที่ศิลปินไลฟ์สด คุยกับผู้ชม ไปออกรายการ ทำท่าตลกๆ ทำท่าน่ารักๆ ทำท่าเท่ๆหล่อๆ ทำตัวเองให้ดูเฟรนลี่ ทั้งหมดนี้ทำให้รู้สึกว่าผู้ชมสามารถเอื้อมถึงตัวศิลปินได้โดยที่ความเป็นจริงแล้วตัวศิลปินจะไม่สนใจเลยก็ตาม แล้วผลที่ตามมาก็คือเกิดรูป มุข ภาพ Gif ของศิลปินต่างๆ แล้วไอสิ่งพวกนี้แหละ ที่จะทำหน้าที่โปรโมตตัวศิลปินแบบฟรีๆและไม่รู้ตัว

ซึ่งจากหลายๆข้อที่ผ่านมาหรือจุดประสงค์หรืออะไรหลายๆอย่างทำให้ผมสังเกตได้ว่า K-Pop และกรุ๊ป 48 มีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายคลึงกัน จึงไม่แปลกที่จะได้รับความนิยมมากนะครับ จริงๆมีอีกหลายเรื่องที่อยากวิเคราะห์เลย แต่เขียนมาขนาดนี้ก็ยาวมากเกินไปละ55555 เอาเป็นว่าทุกท่านที่ฝ่าฟันอ่านมาถึงตรงนี้ได้ ผมจะขอกราบเบญจางคประดิษฐ์งามๆสัก 3 ครั้งนะครับ พยายามมากจริงๆ ส่วนใครที่เลื่อนผ่านๆมาถึงตรงนี้นะครับ ไม่ต้องมาคุยกะกู กูงอน5555 ล้อเล่นๆ

สรุปนะครับ สุดท้ายเราเลือกจะชอบอะไร เลือกจะเปย์อะไร มันอยู่ที่ความชอบของเรา แต่ต้องคิดเสมอว่า ไม่เบียดเบียนผู้อื่นนะครับ ส่วนวิเคราะห์ครั้งหน้าจะเป็นอะไร ก็รอติดตามกันนะครับ แต่ไม่ใช่เร็วๆนี้แน่ กูเหนื่อยสัส พิมพ์ทั้งหมดเนี่ย แม่งเอ้ย หาเรื่องทรมาณตัวเองจริงๆ5555555

#Kpop #BNK48 #ListenersHubTH #Francis_Team

 

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

เปรตในหมู่ปราชญ์ 23 มิ.ย. 61 เวลา 12:51 น. 1

มันก็คือการขายของ เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งเรื่องพวกนี้มันหาเหตุผลไม่ได้หรอก มันก็เหมือนกับการเล่นกีต้าร์ไฟฟ้านั่นแหละ คือเสียงปกติก็เป็นอยู่ของมันดีๆ แล้วไปทำให้มันแตกทำไม คือเล่นแบบสัญญาณเสียงปกติไม่ได้ต้องเอาสัญญาณไปทำให้มันแตกพร่าจนเกิดเป็น distortion ถามว่าคุณสามารถหาเหตุผลที่มาที่ไปของเรื่องนี้ได้มั้ย มันก็แค่ครั้งหนึ้งเคยมีมือกีต้าร์ผิวสีคนหนึ่งที่ชื่อว่า jimi hendrix ได้ใช้สุ้มเสียงแตกๆนี้ในการเล่นกีต้าร์ของเขา แล้วมันก็ทำให้ผู้คนชื่นชอบ และอยากจะได้สุ้มเสียงนี้มาอยู่ในการเล่นกีต้าร์ของตนเองบ้าง ก็เท่านั้นแหละ คือมันหาเหตุผลจริงๆได้มั้ย ก็ไม่ นี่แหละที่มาของวัฒนธรรม

1
Teammy_Franz 23 มิ.ย. 61 เวลา 19:15 น. 1-1

อย่างที่ผมบอกข้างต้นครับ นี่เป็นแค่การวิเคราะห์ในมุมมองของผม 100% ซึ่งมันอาจจะใช่หรือไม่ก็ได้ วงการดนตรีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เรื่องของรสนิยม เช่นเดียวกับงานศิลปะ มันไม่มีดีไม่ดี ถูกผิดแบบชัดเจน แต่ถ้าการทำออกมาแล้วถูกใจผู้ฟังหรือผู้เสพ นั่นคือผลงานประสบความสำเร็จแล้วครับ ความคิดคุณดีมาก อย่าลืมตามไปกดไลค์เพจผมนะครับ เลิฟๆ <3

https://www.facebook.com/pg/ListenersHubTH/

0