Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

JapanไงSis! ไปญี่ปุ่นกับ JENESYS 2017

ตั้งกระทู้ใหม่
皆さん、こんにちは。สวัสดีค่าาาาา ก่อนอื่นเลยขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ตอนนี้เรากำลังเรียนอยู่ม.6 แล้วในช่วงปิดเทอมม.5ขึ้นม.6ที่ผ่านมาเราก็ได้มีโอกาสที่เราเฝ้าคอยมานาน นั่นก็คือ!!!  การได้ไปประเทศญี่ปุ่นค่า  เราก็เลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเก็บบันทึกความทรงจำเอาไว้อ่านในอีกหลาย ๆ ปีข้างหน้า แล้วก็อยากจะแชร์ประสบการณ์การไปเยือนประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกของเราด้วย (จริง ๆ เป็นประสบการณ์การไปต่างประเทศครั้งแรกเลยด้วยแหละ ฮ่าๆๆ) ก็เลยจะมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราเพิ่งเคยประสบพบเจอด้วยตัวเองมาบอกเล่าให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันค่า 

อ๊ะ! ลืมบอกไปว่าการไปญี่ปุ่นครั้งนี้ของเรา
ฟรี!!!! ค่าตั๋ว ค่ากิน และค่าที่พักด้วยนาจา (เรียกได้ว่ากินหรูอยู่สบายในราคาประหยัดสุด ๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ ฮ่าๆๆ) การที่เราได้ไปฟรีในครั้งนี้ก็ด้วยการสนับสนุนจากทาง JICE ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ JENESYS และคอยดูแลเราเป็นอย่างดี พูดกันมาแบบนี้แล้วเชื่อว่าคงมีเพื่อน ๆ น้อง ๆ หลาย ๆ คนอยากรู้และสนใจว่า-เจ้าโครงการ JENESYS เนี่ยเป็นโครงการอะไร และทำไมพี่ถึงได้ไปญี่ปุ่นฟรีกันใช่มั้ยคะ 

  โครงการนี้มีชื่อเต็มจริง ๆ คือ Japan-East Asia Network of Exchange for Students and Youths 2017 ซึ่งกว่าที่พี่จะได้ไปเข้าร่วมโครงการนี้เนี่ยก็จะต้องผ่านขั้นตอนการคัดเลือกจากทาง สพม. แล้วพอเราได้เป็นตัวแทนของสพม. เขาก็จะส่งชื่อและพอร์ตของเราเขาไปให้ทางกระทรวงดูเพื่อคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมแล้วก็โทรมาสัมภาษณ์เราอีกที ซึ่งหลังจากที่เราผ่านการคัดเลือกแล้วนั้นเราก็จะได้ไปญี่ปุ่นกับเพื่อน ๆ อีก 27 ชีวิตที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนกับอาจารย์อีก 2 คนที่จะไปเป็นผู้ดูแลเรา ช่วงก่อนที่จะไปเนี่ยเขาก็จะมีการตั้งกรุ้ปไลน์เพื่อพูดคุย เตรียมตัวเกี่ยวกับการเดินทางไปญี่ปุ่น การใช้ชีวิต รวมถึงการแสดงเพื่อขอบคุณโฮสต์แฟมิลี่ที่เราจะไปอยู่ด้วยอีกด้วย

12 มีนาคม 2561 ก่อนที่จะออกเดินทางบินลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลไปสู่ดินอดนอาทิตย์อุทัยกันนั้น  เราก็จะต้องไปเจอกับเพื่อน ๆ เพื่อทำความรู้จัก และเตรียมพร้อมเรื่องเอกสารก่อนออกเดินทางกันที่ กระทรวงศึกษาธิการ
  จากนั้นก็ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่นกัน!!!

มาถึงก็เตรียมเช็คอิน เรากับเพื่อนก็แอบแวะลงไปซื้อซิมมาเปลี่ยนด้วย กลัวอยู่นู่นแล้วไม่มีเน็ตใช้ พอเช็คอินเสร็จก็ถ่ายรูปร่วมกัน และกล่าวขอบคุณคุณลุงที่มาช่วยเรื่องเอกสารต่าง ๆ การเดินทางไปญี่ปุุ่นค่ะ

  จากนั้นก็มีเวลาว่างนานมากเพื่อไปรอขึ้นเกตค่ะ เราบินรอบเที่ยงคืนกว่า ๆ รอจนหลับกันเลยทีเดียว 555555 พอถึงเวลาขึ้นเครื่องไปก็เดินไปนั่ง ที่นั่งเราอยู่ริมหน้าต่างด้วย สักพักเครื่องก็ Take off เราก็ดูหนังฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็มีของว่างมาเป็นขนมปังคล้าย ๆ พาย กับน้ำแล้วก็แครกเกอร์ นั่งไปเรื่อย ๆ เห็นดาวกับพระจันทร์สวยมากกกก  มันเป็นความดีงามของการนั่งริมหน้าต่าง แต่ด้วยความที่ดึกมากแล้วก็เริ่มง่วงก็เลยหลับยาว ๆ ไปสักสามสี่ชั่วโมงได้ก็ตื่นมาอีกรอบ สักพักก็มีอาหารเช้ามาเสิร์ฟ ให้เลือก2เมนู จำไม่ได้ว่าอีกอันเป็นอะไรแต่เราเลือกโจ้กกุ้งด้วยความที่เพิ่งตื่น ยังไม่ค่อยหิวด้วยแล้วก็ยังไม่แปรงฟันด้วยเลยไม่ค่อยอยากกินอะไรเท่าไหร่ มีโยเกิร์ตกับอุด้งแล้วก็ผลไม้ด้วย ผลไม้นี่มีความไม่เข้ากันสุดจ้า เป็นแคนตาลูป มะละกอสุด แล้วก็สับปะรดอย่างละชิ้น 555555  ถึงจะบอกว่าไม่ค่อยหิวแต่เราก็กินจนหมดเกลี้ยงเลยจ้า แถมยังรู้สึกว่าไม่โจ้กกุ้งนี่มันอร่อยมากเว่อร์  กินเสร็จก็นั่งฟังเพลงต่อไปเรื่อย ๆ จนฟ้าเริ่มสว่างเราก็นั่งว่าง ๆ ต่อไปจนเครื่องแลนดิ้ง เตรียมเก็บข้าวของลงจากเครื่อง 
มื้อเช้าจากสายการบิน ANA

     13 มีนาคม 2561 ใช้เวลาบนเครื่องราว ๆ 6ชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาถึงสนามบินนาริตะ ลงจากเครื่องมาก็ได้สัมผัสกับอากาศ10องศานิด ๆ รู้สึกเฟรชมากค่ะ 555555 แวะเข้าห้องน้ำสักพักเพื่อน ๆ บางคนก็แปรงฟันกัน แต่เราและเพื่อน ๆ อีกหลายคนดันลืมแปรงสีฟันไว้ในกระเป๋าที่โหลดซึ่งเขาให้แวะห้องน้ำก่อนไปเอากระเป๋า หึ ๆๆๆ จากนั้นเตรียมเอกสารต่าง ๆ ผ่านตม.แล้วก็ไปเอากระเป๋ากันค่าาาา  พอได้กระเป๋ามาลงมาว่างกระเป๋าข้างล่างแล้วก็แยกย้ายกันไปหาของกิน ซึ่งในตอนก่อนไปหาของกินก็มีคุณลุงคนนึงเดินมา ใช่ค่ะ เซนเซของเพื่อนเราเอง แกพาเราเดินหาของกินกันอยู่นานมากกว่าพวกเราจะตัดสินใจกิน จนเราเลือกไม่ได้และกำลังจะถึงเวลานัด แกเลยซื้อฮอทดอกชีสให้พวกเราคนละอัน ซึ่งอันละ 490 เยนมั้งถ้าจำไม่ผิด สรุปเสียดายไปพันกว่าเยนแต่แกออกให้หมดเลยจ้าาา  //กราบ จากนั้นลงมารวมกัน รอขึ้นบัสเพื่อไปเข้าร่วมประชุมเพื่อนเตรียมความพร้อมกับเพื่อน ๆ JENESYS ประเทศลาวค่ะ แต่กว่าจะถึงโตเกียวก็ใช้เวลานานพอประมาณเลยแวะท่านอาหารกันก่อนค่ะ  เราไม่รู้ชื่อสถานที่ที่ไปกินแต่ชอบบบรรยากาศมาก ๆ เลยค่ะ
บรรยากาศบริเวณร้านอาหาร

  ซึ่งอาหารมื้อแรกที่ทางโครงการจัดไว้ให้เรานั่นก็คือ!!! บุฟเฟ่ต์ที่มีเมนคอร์สเป็นสเต็กจ้าาา นี่อยากกินสลัดมากเลยตักมาค่อนข้างเยอะ แถมขนมปังก็น่ากิน เลยจัดมาแบบอิ่มคุ้มสุดพลัง 555555 และเราก็รับรู้ว่าน้ำสลัดที่ญี่ปุ่นเค็มมากกกก  เราใส่น้ำสลัดมาค่อนข้างเยอะ กินทีนี่รู้สึกแทบเป็นโรคไตกันเลยทีเดียว แต่อาจจะเป็นแค่ร้านนี้รึเปล่านะ 555555

มื้อเที่ยงแสนอร่อย


  เริ่มออกเดินทางต่อเพื่อไปพบกับเพื่อน ๆ จากประเทศลาวกันค่ะ Let's go!


บรรยากาศท้องถนนของญี่ปุ่นค่ะ


   เมื่อเดินทางมาถึงก็จะมีเอกสาร ปากกาและหูฟังล่ามค่ะ  ก็เคยเห็นเคยได้ยินมาบ้างแต่ก็เพิ่งได้เคยใช้จริงครั้งแรกที่แหละค่ะ //ตื่นเต้น 5555555


เอกสารประกอบการฟังบรรยาย


  ฟังบรรยากันเสร็จก็ถึงเวลาเดินทางกลับทีพักกันซะที เย่!!!  ออกจากโตเกียวสู่จิบะค่ะ โรงแรมที่เราพักกันนั้นอยู่ไม่ไกลจาก Tokyo Disneyland แต่!!! ไม่ได้แวะค่ะ 5555555

ลืมถ่ายรูปโรงแรมมาอวดค่ะ  คือสวยหรูอลังกาลมากเว่อร์ ซึ่ง
ส่วนของฝั่งตรงข้ามโรงแรมนั้นก็มีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งตั้งอยู่นั่นคือ!! Meikai University ค่ะ




Meikai University


     เก็บของต่าง ๆ เสร็จก็ถึงเวลาที่เรารอคอย ใช่แล้วค่ะ มันคือเวลาของมื้อค่ำนั่นเอง 555 และมื้อค่ำของวันนี้ก็คือ สเต็กข้าวผัดแกงกะหรี่ ชื่อฟังดูแปลก ๆ เพราะว่าเราตั้งให้มันเองแหละค่ะ 555555


หน้าตาอาหารประมาณนี่ค่ะ

  
จากนั้นมีนัดคุยงานเรื่องการจัดการแสดงและนำเสนอเรื่อราวต่าง ๆ ของไทยเพื่อให้คนญี่ปุ่นชมกันค่ะ แต่ก่อนจะขึ้นไปคุยงานกันเราก็แอบแวะร้านสะดวกซื้อหาของกินเล่นกันเล็กน้อย หน้าร้านมีน้องหมาถูกผูกเชือกไว้ด้วยค่ะ 



  หลังจากแบ่งงานกันเสร็จก็เตรียมหาข้อมูลต่าง ๆ และแยกย้ายกันไปฝึกซ้อมการแสดงค่ะ ซ้อมเสร็จก็แยกย้ายกันเข้านอน ลืมถ่ายห้องนอนมาค่ะ คือห้องนอนเรานอนกัน 6 คน เป็นเตียงเดี่ยว 3เตียง และห้องเสื้อทาทามิปูฟูกอีก3ที่ค่ะ ทุกคนแย่งกันนอนฟูกเพราะมันดูญี่ปุ่นดี และเราก็คือหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้นอนฟูกค่ะ
14 มีนาคม 2561 ทานอาหารเช้ากันเสร็จก็ออกเดินไปวัดเซนโซจิกันค่ะ

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของวัดนี้กันดี อาจจะรู้จักในชื่อของ วัดโคมแดง หรือ วัดอาซากุซะ ใช่มั้ยล่ะคะ




มื้อเช้าก่อนออกเดินทาง


เดินเข้ามาจากทางหลังวัดกันค่ะ 5555


  จามทำเนียมญี่ปุ่นค่ะ เข้าวัดมาก็ต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาดด้วยการล้างมือ ล้างปากกันก่อนค่ะ จากนั้นก็ไปซื้อธูปมาจุด แล้วก็ขึ้นไปไหว้พระด้านบนขอพร ด้านบนสุดจะมีจุดให้เราเสี่ยงท้าย おみくじ หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าเซียมซีนั่นแหละค่ะ และที่ห้ามพลาดเลยก็คือ เครื่องราง!!! ของขึ้นชื่อที่ถ้ามาวัดนี้ไม่ซื้อไม่ได้ค่ะ


จุดปักธูป



ด้านหน้าทางที่จะขึ้นไปขอพร ตรงใต้โคมแดงจะมีที่ให้โยนเหรียญค่ะ
เสี่ยงทายดวงด้วย おみくじ


เครื่องรางหลากหลายรูปแบบ


แวะเดินเล่นร้านขายของหน้าวัดกันเสร็จก็ออกเดินทางไป Fukagawa Edo Museamกันต่อค่ะ แต่แน่นอนค่ะ มาถึงจุด Check point ขนาดนี้แล้ว งานรูปหมู่ต้องมาค่ะ


รูปหมู่ @浅草寺
ด้านหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์


  พิพิธภัณฑ์นี้เป็นเมืองจำลองในสมัยเอโดะของญี่ปุ่น เราจะได้เห็นถึงภูมิปัญญา ความเป็นมา และสิ่งประดิษฐ์ในยุดนั้น ๆ ซึ่งหลาย ๆ อย่างมันทำให้เราเข้าใจเลยว่าการที่คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีระเบียบและมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนั่นมาจากรากฐานตั้งแต่สมัยเริ่มก่อตั้งประเทศกันเลยที่เดียวก็ว่าได้ค่ะ อย่ารอช้า ไปชมภาพบรรยากาศภายในกันเลยดีกว่าค่ะ


  แมวบนหลังคานั้น เป็นแมวที่มีอยู่จริงในยุคนั้น มันจะคอยส่งเสียงร้องเมื่อมีคนผ่านเข้ามาในเมือง ทำให้ชาวเมืองรู้ตัวว่ามีคนเข้ามา


ซุปเปร์มาร์เก็ตสมัยเอโดะ




ถังรองน้ำฝนในสมัยก่อน


เลี้ยงไก่ไว้บนที่สูง


เนื่องจากในสมัยก่อนนั้นไข่ไก่เป็นของมีราคา จึงทำเงินได้มาก ชาวญี่ปุ่นจึงเลี้ยงไก่ไว้บนที่สูงเพื่อยกย่องว่าเป็นสัตว์ที่สูงส่งค่ะ




มีการตัดชิ้นส่วนของกิโมโนเก่ามาขาย


 ในส่วนของกิโมโนที่เก่าแล้ว คนญี่ปุ่นก็จะเอามาตัดแบ่งเป็นชิ้น ๆ เพื่อขายไปทำประโยชน์อื่น ๆ 




ประตูทางเข้าเมือง

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น